เทศน์อบรมฆราวาส ณ วัดป่าบ้านตาด
เมื่อวันที่ ๒๗ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๕๔๘
เทวดาอินทร์พรหมมาอนุโมทนา
ก่อนจังหัน
วันนี้ก็จะมีการประชุมตอนบ่าย ประชุมชี้แจงแสดงเหตุผลหลักเกณฑ์ที่ถูกต้องดีงาม ให้ชาวพุทธทั้งหลายได้ทราบทั่วกัน ที่ออกประชุมเหล่านี้เป็นเรื่องที่ยืนยันรับรองแล้วจากศาสนธรรมของพระพุทธเจ้าทั้งธรรมทั้งวินัยออกนี้ถูกต้องหมด ที่ได้ออกประชุมชำระสะสางสิ่งเลวร้ายทั้งหลายไม่ทราบว่าอะไรแหละ ดูเอา นี่ก็จะประชุมกัน เราก็ไม่พ้นที่จะต้องเป็นประธานในการประชุม เพราะจุดใหญ่อยู่ที่นี่
เรื่องเลวร้ายทั้งหลายมันคืบคลานเข้ามาทุกด้านทุกทางนะ ทั้งชาติ ทั้งศาสนา ทั้งพระมหากษัตริย์ รู้สึกว่าล่อแหลมต่อสิ่งเลวร้ายทั้งหลายซึ่งมีจำนวนมาก และหนาแน่นขึ้นทุกวัน ทางฝ่ายพระก็มี ทางฝ่ายฆราวาสก็มีที่จะเข้ามาทำลาย เจตนาหรือไม่เจตนาไม่สำคัญ ผิดจากหลักความจริงแล้วเรียกว่าภัยทั้งนั้น
วันนี้ก็จะมีการประชุมพระท่านผู้ทรงศีลทรงธรรมท่านจะออกมาวันนี้ อยู่ในป่านะพระ อยู่ในป่าในเขา ทราบจากเราคนเดียวนี้ออกมาทั่วกันหมดเลย เพราะพระท่านทรงศีลทรงธรรมจริงๆ ท่านฟังเสียงอรรถเสียงธรรม ถ้าเสียงอรรถเสียงธรรมท่านยอมรับทันทีๆ เลย นี่เราก็นำอรรถนำธรรมออกมา เป็นเสียงอรรถเสียงธรรม ประกาศแก่บรรดาลูกศิษย์ลูกหาบริษัทบริวารทั้งหลายให้ทราบทั่วกัน
ผู้รักษาศาสนาต้องเป็นคนดี คนเลวรักษาไม่ได้ นอกจากทำลายๆ เพศแห่งการทำลายแน่ๆ เพศหัวโล้นๆ นี้ก็เยอะการทำลายศาสนา เจตนาหรือไม่เจตนาก็ตาม ส่วนมากมักจะเป็นเจตนา มันจึงทำได้แบบลึกลับ แบบนั้นแบบนี้ออกมา แบบที่ดูไม่ได้นั่นแหละ นี่ความเลวร้าย ทางโลกก็เหมือนกันมันก็ใช้แบบนั้นแบบนี้ออกมาแบบเดียวกัน เล่ห์เหลี่ยมหลายสันหลายคม เล่ห์ไหนก็เล่ห์คนทำไมจะไม่รู้กัน ผิดถูกดีชั่วรู้ด้วยกันทั้งนั้นแหละ นอกจากไม่พูด หากว่ามันรุนแรงจะเสียหายต่อส่วนรวมก็มีการต้านทานกัน ดังที่ทำที่ประกาศนี่ เพราะเป็นสิ่งที่จะทำความเสียหายแก่ส่วนรวมมากมาย ก็ต้องได้แก้ไขดัดแปลง ได้ชี้แจงให้ทราบเหตุผลด้วยกัน
สำหรับเราไม่ได้เล่นกับอะไรแหละ ตามหัวใจเรานะ ปล่อยหมดโดยประการทั้งปวง ถ้าธรรมดาแล้วแล้วแต่จะกัดจะฉีกกันเถอะ พอเรา แต่นี้มันก็เป็นอย่างนั้นไม่ได้ เพราะเกี่ยวโยงกับคนทั้งชาติ ศาสนาขององค์ศาสดา พระมหากษัตริย์ครอบทั่วประเทศไทยด้วยพระเมตตาของพระองค์ ต้องได้มีการอารักขา บำรุงรักษากัน กีดกันหวงห้ามสิ่งที่จะเป็นภัยต่อมหาคุณของเรา ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ นี้คือมหาคุณของชาติไทยเรา ให้ต่างคนต่างรักษากันนะ ไม่รักษาไม่ได้ พวกเปรตพวกผีมันเยอะเวลานี้ มีแต่เจตนาแบบสกปรกดูไม่ได้ทั้งนั้นแหละ เจ้าของเย่อหยิ่งนะ เจ้าของภูมิใจๆ พวกเปรตพวกผีมันภูมิใจ พวกหนอนมันภูมิใจในมูตรในคูถ อันนี้คนชั่วภูมิใจในความชั่วทั้งหลาย เป็นอย่างนั้นแหละ ความดีมันไม่อยากสนใจ ทีนี้คนดีผู้รักษาของดีเอาไว้นี้แทบเป็นแทบตาย
สำหรับเราเองเราไม่มีอะไรในโลก หมดโดยสิ้นเชิง ที่มานี้ก็เกี่ยวข้องกับส่วนรวมนั่นแหละถึงได้มา เอา ประชุมปรึกษาหารือกันไป สิ่งใดที่เป็นสาระใครไม่นิยมชมเชย เราเอาเทวบุตรเทวดาอินทร์พรหมมาอนุโมทนาสาธุการกับการดำเนินของเรา เราไม่เอาแต่มนุษย์ขี้เหม็นนี้มาอนุโมทนา มนุษย์ขี้เหม็นตัวมันเหม็นด้วย ใจมันเหม็นด้วย ความประพฤติเหม็นด้วย การทำลายทั้งหมดอยู่กับความเลวร้ายนี่แหละ พวกนี้เขายินดีทางนั้น เทวบุตรเทวดาไม่ได้ยินดีกับพวกนี้นะ เต็มท้องฟ้าจะว่าไงมาคอยอนุโมทนากับท่านผู้ดีทั้งหลาย ใครเห็นเมื่อไร ยังปฏิเสธว่าเทวบุตรเทวดาไม่มี
เทวบุตรเทวดาอินทร์พรหมท่านมาอนุโมทนาสาธุการ กับท่านผู้ที่รักชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ เต็มท้องฟ้าว่าไง พวกเรามันจะไปเห็นอะไรเทวดาเต็มท้องฟ้า ใครไม่อนุโมทนาก็ตาม เราเอาเทวบุตรเทวดาอินทร์พรหมมาอนุโมทนากับเรา ยินดีกับเรา เราเอาอย่างนั้นนะ ใครๆ ไม่เป็นที่ไว้ใจเราไม่ไปเกี่ยวข้อง เทวบุตรเทวดาใครไม่เห็นก็ตาม เราเกี่ยวข้องตลอดเวลา เอา ไม่มีใครอนุโมทนา เทวบุตรเทวดามี
พระพุทธเจ้าประกาศไว้ลั่นโลกแล้ว ผู้เห็นตามพระพุทธเจ้ามีอยู่ พระพุทธเจ้าสอนทุกอย่างไม่ได้สอนแบบงูๆ ปลาๆ สิ่งไม่มีนำมาสอนว่ามี สิ่งไม่จริงนำมาสอนว่าจริง อย่างนี้พระพุทธเจ้าไม่มี สั่งสอนโลกด้วยสวากขาตธรรม เหล่านี้มีหมด ใครไม่เห็นก็ตามท่านเห็น ก็เหมือนกับคนตาบอดมีกี่หมื่นกี่แสนคนไม่เห็นก็ตาม คนตาดีเห็นเป็นแบบเป็นฉบับได้แล้ว นั่นละเอาตรงนั้น
เราอย่าเอาคนตาบอดมาเป็นพยาน มาคัดค้านกับคนตาดีไม่ได้ เราต้องเอาคนตาดีเป็นเครื่องยืนยัน เป็นหลักฐานพยาน คนตาบอดเอาประมาณไม่ได้ คนชั่วจะเอามาเป็นประมาณได้ยังไง ศาสดาองค์เอกเรียกว่าเลิศเลอทุกอย่าง นั่นละเป็นสรณะของพวกเรา ให้ยึดนั้นเป็นหลัก ทีนี้ขยายออกมาก็คือความถูกต้องดีงามนั้นละเป็นหลัก ไอ้ความเลวร้ายทั้งหลายมันไม่เป็นท่าแหละ เราอย่าไปสนใจกับมัน แม้เกิดอยู่ในตัวของเราก็ให้ปัดออกๆ ไม่ปัดออกทำลายตัวเราเองนะ ให้พร เอาเท่านี้ก่อน
หลังจังหัน
ผู้กำกับ มีนสพ.คมชัดลึก เขาลงดังนี้ครับ หัวข้อเรื่องว่า หลวงตาบัวไม่เมาหมาก (หลวงตา ขันดีเขาว่าหลวงตาบัวไม่เมาหมาก)
ได้ยินคำเทศน์ของหลวงตาบัว ที่กล่าวตำหนิผู้นำรัฐบาล และคณะส่วนหนึ่งด้วยถ้อยคำรุนแรง ชนิดที่เรียกได้ว่า ผีไม่เผา เงาไม่เหยียบ กันเลยทีเดียว
หลังจากนั้นก็ได้อ่านคำให้สัมภาษณ์ของแกนนำคนหนึ่งในคณะรัฐบาล ที่โต้ตอบหลวงตาบัวอย่างไม่ลดราวาศอก
ในกาลต่อมาก็มีสื่อมวลชนใหญ่ท่านหนึ่งออกมาปกป้องหลวงตาบัว และกล่าวตำหนิผู้ที่ออกมาให้สัมภาษณ์กระทบกระทั่งถึงพระผู้เฒ่ารูปนี้อย่างหนักหน่วง( หลวงตา อย่าเป็นบ้าหมากัดกัน มันเป็นหมากัดกันทั้งสองนั่นแหละ เป็นผู้ไล่ตีหมาแต่หลวงตาบัวคนเดียว ว่าไป)
หลวงตาบัวเป็นพระที่มีบทบาทมากที่สุด ในการสร้างปฏิกิริยาทวนกระแสอำนาจทั้งฝ่ายอาณาจักรและศาสนจักร ท่านเป็นพระที่ใช้คำพูดคำจาแบบจริงจัง ดุดัน ไม่อ้อมค้อม ตามแบบฉบับของคนโบราณบ้านนอก(หลวงตา ก็ใครไปอยู่ในตุ่มในไหล่ะ มันก็บ้านนอก ไม่มีใครอยู่ในตุ่มในไหนี่ เข้าใจเหรอ มันคนบ้านนอกด้วยกันนั่นแหละ)
หลายคำพูดที่หลุดออกมาจากปากของท่าน ได้สร้างความตื่นตะลึงตาโตแก่ผู้ฟังทั่วไป เพราะเป็นคำที่ไม่มีใครใช้พูดในที่สาธารณะ
หลวงตาบัวใช้คำพูดนั้นเป็นปกติเหมือนไม่ใช่คำหยาบคาย แต่ถ้าได้ฟังทั้งหมดก็จะเข้าใจได้ว่า หลวงตาบัวพูดด้วยเจตนาที่ดีแก่สังคม ประเทศชาติ และพระพุทธศาสนา
หลายท่านกล่าวตำหนิหลวงตาบัวในทำนองที่ว่า เป็นพระไม่อยู่ส่วนพระ ดันมายุ่งกับเรื่องการบ้านการเมือง ถ้าเช่นนั้นหลวงตาบัวก็น่าจะถอดจีวรสึกออกมาเล่นการเมืองให้รู้แล้วรู้รอดไปเลย
กล่าวทำนองนี้มีหลายคนเห็นด้วย และได้มีการนำไปพูดและเขียนต่อในสื่อต่างๆ อย่างแพร่หลาย
ผู้เขียนไม่เห็นด้วยกับคำพูดท้าทายให้หลวงตาบัวสึกออกมาเล่นการเมือง เพราะเป็นคำพูดที่สุดโต่งมากไปหน่อย(หลวงตา เราไล่มันออกจากขี้ ชำระมันมันหาว่าเราเล่นการบ้านการเมือง การบ้านการเมืองมันวิเศษวิโสมาจากไหน มีแต่ส้วมแต่ถานทั้งนั้น น้ำอรรถน้ำธรรมชะล้างลงไปมันว่าเราเล่นการบ้านการเมือง คือมันไม่อยากให้มายุ่งมัน มันไม่สนุกเล่นส้วมเล่นถาน เข้าใจไหมล่ะ) โดยจริงแล้วพระไม่ควรยุ่งเรื่องการเมือง แต่พระควรทำให้การเมืองหายยุ่ง(หลวงตา อยากให้การเมืองหายยุ่ง พระไม่ไปยุ่งกับการเมืองมันจะหายยุ่งได้ยังไง มันเป็นบ้าเหรอจึงมาพูดอย่างนั้น เข้าใจ สนุกดี)
พระไม่ควรเป็นฝักฝ่ายกับพรรคการเมือง หรือนักการเมืองใด แต่ควรทำหน้าที่เป็นปุโรหิต คอยชี้แนะแนวทางศีลธรรมแก่ผู้มีอำนาจทางการเมือง โดยปราศจากความลำเอียงเพราะรัก ชัง กลัว โง่ (อคติสี่)
รัฐบาลควรนำคำตำหนิติเตียนของหลวงตาบัวมาสร้างสำนึก ไม่ควรฟังคำที่ท่านพูด แต่ควรฟังเรื่องที่ท่านเทศน์ พระที่กล้าออกมาชนกับผู้มีอำนาจอย่างหนักหน่วงเช่นนี้หาได้ไม่ง่ายนัก เพราะเป็นเรื่องที่ท่านต้องได้รับผลสะท้อนย้อนกลับแบบหนักหน่วงเช่นเดียวกัน
พระที่ดีนั้นจะไม่ดูดาย ปล่อยให้ผู้นำบริหารประเทศไปตามกระแสกิเลสตัณหา แต่ท่านจะช่วยระงับยับยั้งกำลังของกิเลส ให้ผู้นำประเทศชะลอความเลวลงบ้าง
มิฉะนั้นประเทศชาติจะไปสู่ความพินาศย่อยยับเร็วกว่าที่ควรจะเป็น
หลวงตา อันนี้ธรรมนะที่ออกมาสอนโลกเวลานี้ เพราะฉะนั้นจึงไม่เกี่ยวกับที่เขาสงวนนักการบ้านการเมือง มียศหรือมีความสูงต่ำมาจากไหนก็ไม่ทราบ ธรรมเหนือนั้นทั้งหมด เรานำธรรมมาสอนโลก เราไม่ได้ไปยุ่งกับการบ้านการเมือง มันหาว่าไปอย่างนั้นละ เราเอาธรรมสอนโลก พระพุทธเจ้าสอนตั้งแต่เทวบุตรเทวดาอินทร์พรหมลงมา ก็ไม่มีที่ไหนได้คัดค้านต้านทาน ถ้าคัดค้านต้านทานก็มีอยู่ปัจจุบันนี่ที่หลวงตาบัวนำธรรมมาสอนโลก มันเห่าว้อกๆ แว้กๆ อยู่ตามนั้น เห่านั้นคืออะไรถ้าไม่ว่าหมาเท่านั้นจะว่าอะไร
อย่าไปสนใจนะ พี่น้องทั้งหลายอย่าสนใจ ฟังเอามาเป็นคติเครื่องเตือนใจ คำใดที่เป็นข้าศึกต่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ อย่านำเข้ามาสนใจ ปัดออกให้หมด ธรรมนี้เป็นการส่งเสริมทั้งชาติ ทั้งศาสนา ทั้งพระมหากษัตริย์ โดยถ่ายเดียว เพื่อทำลายไม่มี อย่างเรานำธรรมมาสอนโลกอยู่เวลานี้ เม็ดหินเม็ดทรายเราไม่มีต่อโลกนะ ว่าเอียงโน้นเอียงนี้ อคติสี่อะไรเหล่านี้ เราก็เรียนมาจนปากแฉะแล้วแหละอคติสี่นี้ เอียงทางโน้นเอียงทางนี้ เราไม่มี เราไม่ว่าใครเป็นใคร แยกโน้นแยกนี้ว่าเป็นพรรคเป็นพวก เราไม่มี พระพุทธเจ้าท่านสอนโลกฉันใด เราก็นำธรรมนั้นมาสอนโลกเพื่อให้แก้ไขดัดแปลงสิ่งที่ไม่ดีทั้งหลายให้ดีขึ้น สิ่งที่ดีแล้วให้บำรุงรักษาให้ดีขึ้นโดยลำดับ ที่ไม่ดีให้เปลี่ยนแปลงแก้ไขออกสิ่งไม่ดี
ธรรมของเราที่สอนโลกนี้เราสอนเต็มเม็ดเต็มหน่วยด้วยความเมตตา ใครจะวิพากษ์วิจารณ์อะไรๆ มันก็เป็นหมาเห่าฟ้า หมาเห่าฟ้าเป็นยังไง ฟ้าอยู่ที่ไหน ธรรมท่านเหนือฟ้าไปอีก ธรรมมาสอนโลกท่านสอนอย่างนั้น เราตั้งแต่ก้าวเข้ามาออกช่วยโลกอย่างเปิดเผยก็ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๔๑ ที่เปิดตัวออกมาช่วยพี่น้องทั้งหลาย แต่ก่อนก็อยู่ด้วยความสงบเสงี่ยมเรียบร้อยกับพระเจ้าพระสงฆ์ที่เป็นพระป่าด้วยกัน กรรมฐานด้วยกัน อยู่ที่ไหนท่านจะรุมแหละ อยู่ในป่าในเขาหลบๆ ซ่อนๆ ไปอยู่ที่ไหนพระสงฆ์ที่มุ่งอรรถมุ่งธรรมตามไปๆ สุดท้ายก็ได้มาเกี่ยวข้องกับประชาชนพระสงฆ์ทั้งหลายจนกระทั่งออกช่วยชาติ
ทีนี้เราออกช่วยชาติ ขอให้ท่านทั้งหลายเอามาวินิจฉัย มาตำหนิติเตียนหลวงตาบัว ถ้าหลวงตาบัวพาดำเนินผิดไป และนำคำสอนมาสอนโลกเป็นคำสอนที่ทำโลกให้เสียหายตรงไหนให้ค้านเข้ามา ทองคำ ๑๑ ตัน ๓๗ กิโลครึ่งที่เข้าในคลังหลวงแล้ว ล้วนแล้วตั้งแต่ออกมาจากจิตใจของผู้รักชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ โดยถือเราเป็นจุดศูนย์กลาง มามอบไว้กับเรา เราก็นำเข้าสู่คลังหลวงเรียบร้อยบริสุทธิ์สุดส่วน ไม่มีทองคำชิ้นใดที่เราเอาไปทำปู้ยี่ปู้ยำดังที่โลกสกปรกทำอยู่เวลานี้ เราไม่มี เพราะฉะนั้นจึงควรจะเป็นตัวอย่างได้ ที่เราแนะนำสั่งสอน ไม่ควรที่จะมาเห่าฟ้อๆ อยู่อย่างนั้น มันเข้ากันไม่ได้
ทองคำ ๑๑ ตันกับ ๓๗ กิโลครึ่งนี้เข้าคลังหลวงเรียบร้อยแล้ว จากน้ำใจของพี่น้องชาวไทยเราที่รักชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ลงใจในเราก็มอบให้เรา เราก็รับความลงใจของพี่น้องทั้งหลาย ด้วยความบริสุทธิ์ใจและเมตตาธรรมของเรา เข้าสู่จุดที่ต้องการคือคลังหลวงซึ่งเป็นหัวใจของชาติ และดอลลาร์ที่ได้มอบเข้าแล้ว ๑๐ ล้านกี่แสนไม่ทราบแหละ นี่ได้เข้าแล้วเรียบร้อยเหมือนกันกับทองคำ
ดอลลาร์จากนั้นแล้วเราก็ได้พูดกับบรรดาพี่น้องทั้งหลายว่า ต่อไปนี้การช่วยชาติ เทศนาว่าการนั้นเราจะหยุดแล้วแหละ ทีนี้เงินทองข้าวของที่ได้มาจากการเทศนาว่าการที่นำไปช่วยชาติก็จะหมดไปๆ เพราะฉะนั้นดอลลาร์นี้จึงไม่แน่นัก เราจะได้นำดอลลาร์นี้ออกแปรเป็นเงินไทยเข้ามาช่วยชาติต่อไป ดอลลาร์จึงไม่แน่ใจที่จะเข้าคลังหลวงอีกเหมือนทองคำ ส่วนทองคำตลอดเลยไม่มีชิ้นใดที่จะตกไปไหนๆ พอจะว่าแยกแยะทองคำนี้ไปทางนั้นทางนี้ไม่มี เข้าตลอดเลย เราบอกว่าเข้าตลอดร้อยเปอร์เซ็นต์ ดอลลาร์ก็แยกออกอย่างที่ว่านี่
เวลานี้ก็ได้อาศัยทั้งเงินสดทั้งดอลลาร์มาช่วย แปรกันออกช่วยชาติบ้านเมืองเวลานี้ การช่วยชาติเราก็ช่วยเต็มเม็ดเต็มหน่วย บาทหนึ่งเราไม่เคยแตะ ฟังซิพี่น้องทั้งหลาย ที่เป็นผู้นำแล้วนำสมบัติของพี่น้องทั้งหลายทั้งประเทศเข้ามาสู่เรา ตามธรรมดามันจะรั่วไหลแตกซึมไปไหนมากเท่าไร แน่นอนต้องไหลแน่ แต่เรานี้แน่นอนไม่มีไหลเลย บาทหนึ่งเราไม่เคยแตะ เพราะอำนาจแห่งความเมตตาสงสารโลก เราพอทุกอย่างแล้วในหัวใจของเรา พอทุกสิ่งทุกอย่าง ไม่เอาอะไรเลย แต่มีความสงสารเมตตาเรียกว่าครอบโลกธาตุ นี่ละที่เราทำนี้ทำด้วยความเมตตา
สมบัติทั้งหลายมาจนกระทั่งปัจจุบันนี้ เราก็ไม่เคยแตะต้องเพื่อเรา ให้เป็นมลทินแก่เราเราไม่มี ธรรมอยู่ภายในใจซึ่งบริสุทธิ์เต็มส่วนแล้วนี้ จะเป็นธรรมที่บริสุทธิ์สุดส่วน สง่าอยู่อย่างนั้น อะไรที่มลทินเข้ามาแตะนี้มันจะตกพับๆ เลย เข้าใจไหม ไม่ใช่เป็นเจตนาที่เราจะคัดเลือกอย่างนั้น อันหนึ่งจะแย่งเอามากินตัวเอง อันหนึ่งจะออกไปช่วยชาติเราไม่มี มีแต่ความเมตตาปัดออกหมดๆ จากธรรมที่บริสุทธิ์ในหัวใจ ให้ท่านทั้งหลายทราบเอานะ
เราสอนโลกเราสอนด้วยความบริสุทธิ์ใจของเรา เราไม่ได้สอนด้วยความอิจฉาบังเบียดอย่างนั้นอย่างนี้อย่างที่เขาว่า เหมือนหมาเห่าฟ้า พากันจำเอา ความเป็นจริงของเราไม่มีอย่างนั้นเลย และเงินที่หยุดจากการช่วยชาติแล้วก็ต้องได้อาศัยเงินดอลลาร์มาช่วยกันไปทุกวันนี้นะ เพราะการช่วยชาติเราหยุดแล้ว เงินประเภทที่เราเทศนาว่าการ ได้นำมาช่วยชาติก็หมดไปตามๆ กัน แต่การมาขอความช่วยเหลือกับเรานี้มีจำนวนมากมายไม่เคยลดลงนะ ขอมาตลอดอย่างนี้ละ ทีนี้เงินก็ไม่มีๆ
เดี๋ยวนี้ก็มากมายก่ายกอง ที่เห็นประจักษ์อยู่นี้ก็ตึกโรงพยาบาลตั้ง ๓ หลัง นี้หมายถึงส่วนใหญ่ที่เรากำลังสร้างอยู่เวลานี้ ตึกใหญ่ ๓ หลัง ๆ หนึ่งนั้น ๒๒ ล้าน นี้ก็ยังไม่เสร็จ อีก ๒ หลังไม่ต่ำกว่า ๑๖ ล้าน นี้ก็ยังไม่เสร็จ เราก็ทำ ทางนั้นก็ทำ ทางนี้ก็แยกออกตลอดเวลาดังที่ท่านทั้งหลายเห็นนี่ละ ทางโน้นมาขอ ทางนี้มาขอ ให้ตลอดเวลา เงินที่จะมาเพื่อเราบาทหนึ่งไม่เคยมี มีตั้งแต่นำช่วยโลกทั้งนั้น สมเจตนาพี่น้องทั้งหลายบริจาคมาให้เป็นจุดศูนย์กลางคือเราเป็นที่ไว้วางใจ เราก็รับความไว้วางใจของท่านทั้งหลาย ด้วยความไว้วางใจของเรา โดยความบริสุทธิ์ใจล้วนๆ เราทำมาอย่างนี้
ทีนี้ให้ท่านทั้งหลายเอามาวิจารณ์เราซิว่า เราผิดพลาดไปตรงไหน พี่น้องทั้งหลายไม่พอใจเพราะเป็นความผิดจริงๆ ตำหนิเราตรงไหนๆ อย่างสมบัติเงินทองเหล่านี้ไม่มีเลย ฟังซิน่ะ แล้วการดำเนินการช่วยชาติทางด้านธรรมะ เราก็สอนธรรมะมาตั้งแต่เริ่มแรกออก นี่เราก็ทราบแล้วตั้งแต่ต้นในหัวใจของเรา เวลานี้จะช่วยชาติ ใครก็ต้องบอกว่าด้านวัตถุจะช่วย ยกขึ้นด้วยสมบัติเงินทองข้าวของอะไร ช่วยชาติไทยเรา แต่เราไม่คิดเพียงเท่านี้ อันนี้เพียงวัตถุ แม้จะออกหน้าออกตายิ่งกว่าธรรมก็ตาม แต่เป็นเรื่องเล็กน้อย เราคิด เรื่องใหญ่ที่สุดคือธรรมจะเข้าสู่หัวใจคน ด้วยการนำพี่น้องทั้งหลายช่วยชาติโดยเทศนาว่าการ ทีนี้ธรรมนี้ก็จะกระจายออกไปเป็นเรื่องใหญ่เรื่องโต ไม่ใช่เรื่องเล็กน้อย
เวลานี้วิทยุเป็นยังไง ออกทั่วประเทศไทย ออกจากธรรมทั้งนั้นที่เราคิดไว้ไม่ผิด ตลอดมาอย่างนี้ ธรรมกระจายไม่หยุดไม่ถอยนะ วิทยุก็ออกทั่วโลก ประกาศลั่นอยู่ทุกวันๆ นี้ก็คือธรรมของเราที่หามาด้วยความบริสุทธิ์ใจแทบเป็นแทบตาย ถึงขั้นจะสลบไสล เฉียดไปๆ แต่ไม่เคยสลบก็บอกไม่สลบ แต่เรื่องเฉียดความสลบนี้ไปตลอดๆ แต่ถึงกาลเวลาที่มันจะจริงจังจริงๆ ถึงขั้นจะเป็นจะตาย ความสลบอย่าเอามาพูด เอา เป็นก็เป็น ตายก็ตาย ใส่ตูมเลย ได้ชัยชนะมาจากใส่ตูมเลยนี่ละ
เราได้ธรรมจากนี้มาสอนโลกด้วยความพอใจของเรา หาที่ต้องติไม่ได้แล้วจากใจดวงนี้ หมดโดยประการทั้งปวง สมมุติทั้งหลายไม่มีติดข้องภายในจิตใจแม้เม็ดหินเม็ดทราย ไม่มีเลย เพราะฉะนั้นการดำเนินงานเราจึงดำเนินด้วยใจที่บริสุทธิ์นี้ เป็นธรรมล้วนๆ ออกช่วยพี่น้องทั้งหลาย ไม่ได้มีกิเลสตัณหาตัวใดจะมาแบ่งสันปันส่วนเอาไปกิน ไม่มีในหัวใจของเรา กรุณาพี่น้องทั้งหลายทราบ แล้วท่านทั้งหลายจะตำหนิเราตรงไหนให้ตำหนิมา เราเปิดอย่างนี้ละ
เราช่วยชาติเต็มเม็ดเต็มหน่วย เราไม่เอาอะไรเลย เราพอทุกอย่างแล้ว แต่ช่วยชาติตื่นขึ้นมาเอาแล้ว อย่างนี้ก็ช่วยชาติไม่ใช่เหรอ เทศนาว่าการอยู่เวลานี้ก็ช่วยชาติ ท่านทั้งหลายจะไปหาที่ไหนที่ทำด้วยความบริสุทธิ์ใจดังที่เราทำ ไม่เอาอะไรทั้งนั้น วัตถุก็ไม่เอา สำหรับธรรมนี้มีแต่สอนออกไปเรื่อยๆ เราไม่มีอะไรนะ สอนโลกเต็มกำลังความสามารถทุกด้านทุกทาง
เวลานี้ธรรมะนี้ออกมากไหม จากหลวงตาบัวที่นำธรรมพระพุทธเจ้ามาสอน ที่นำธรรมพระพุทธเจ้ามาสอนก็ออกจากหัวใจหลวงตาบัวที่บริสุทธิ์เต็มส่วนแล้ว ไม่มีอะไรที่ต้องติในหัวใจของเรา พอทุกอย่าง พอด้วยความเลิศเลอ ไม่ใช่พอธรรมดาเหมือนเขาอิ่มข้าว รับประทานข้าวอิ่มแล้วนี้ ตอนเที่ยงตอนบ่ายมาหิวแล้ว นี้ไม่มีตลอดอนันตกาล เรียกว่านิพพานเที่ยง คือใจที่บริสุทธิ์สุดส่วนนอกสมมุติโดยสิ้นเชิงแล้วนี้แล ที่ว่านิพพานเที่ยงเที่ยงตรงนี้ เราเอาธรรมชาตินี้แลมาสอนโลก เมื่อเป็นเช่นนั้นสิ่งใดจึงมาแตะไม่ได้ ที่เป็นมลทินเข้ามามันจะปัดของมันทันทีๆ ไม่ให้เข้ามาในความบริสุทธิ์
ทีนี้เรานำพี่น้องทั้งหลายเรานำด้วยความบริสุทธิ์ใจล้วนๆ เราจะไม่เอาใครมาปรึกษาหารือ ว่าทำนั้นควรหรือไม่ควร เราไม่ปรึกษา เมื่อสมควรอย่างไรแล้วเราจะออก การสอนโลกก็เหมือนกัน สอนหนักสอนเบาสอนมากสอนน้อยก็เหมือนเขาถากไม้ ไม้ตรงไหนที่มันตรงเขาก็ถากเรียบๆ ตรงไหนที่คดที่งอ นายช่างถากเขาก็หนักมือ ถากให้หนักเพื่อดัดให้มันตรง แล้วนำต้นเสาต้นนั้นมาเป็นประโยชน์ เช่น ปลูกบ้านปลูกเรือนเป็นต้น
อันนี้การสอนโลก โลกก็เหมือนไม้ท่อนหนึ่งที่ถากนั่นแหละ ธรรมพระพุทธเจ้าเหมือนช่างถาก ถากลงไปเรียกว่าธรรม นายช่างถากคือใคร คือพระพุทธเจ้า คือสาวกทั้งหลาย ครูบาอาจารย์ทั้งหลายเป็นนายช่างผู้ถือขวานถากไม้ นายช่างผู้ถือขวานคือถืออรรถถือธรรมมาสอนโลก ที่ตรงไหนมันคดมันงอก็ถากหนักมือ ที่ไหนเรียบๆ ก็ถากไปเรียบๆ เพื่อจะให้ไม้นั้นดี นี้ก็เพื่อจะให้คนมีความสงบร่มเย็น มีความถูกต้องดีงามในความประพฤติหน้าที่การงานของตนโดยทั่วกัน โลกนี้จะมีความสงบร่มเย็นจากธรรมที่นำมาสั่งสอนโลก เหมือนกับนายช่างถากเขาถากต้นเสามาทำประโยชน์แก่บ้านแก่เรือนของเขาเช่นนั้นเหมือนกัน
เราสอนโลกเราก็สอนแบบนั้น เราไม่ได้มีอะไรกับโลก ส่วนใครที่จะมาตำหนิติเตียนว่าเราตัวเท่าหนูนี้ พระพุทธเจ้าใหญ่โตขนาดไหนก็ยังถูกตำหนิติเตียน บางแห่งถูกเขาจ้างวานคน ให้รางวัลมายืนเป็นแถว พระพุทธเจ้าเสด็จบิณฑบาต เขาก็ดุด่าพระพุทธเจ้าว่า ไอ้อูฐ ไอ้ลา ไอ้หัวโล้นโกนคิ้ว ไอ้หาขอทานกิน เขาด่าพระพุทธเจ้าเป็นแถวเลย พระพุทธเจ้ารับบาตรเรื่อยมา ถ้าเป็นหลวงตาบัวตามเสด็จนั้นเราจะบอกว่า นี่กล้วยหอมไม่มีเหรอ บาตรนี้ยังไม่เต็ม เราจะว่างั้น แต่พระพุทธเจ้าไม่ได้ว่า เสด็จไปเรื่อย เขาก็ด่าไปเรื่อยอย่างนั้นแหละ
จนพระอานนท์เกิดความขวยเขินในใจ ขออาราธนาพระพุทธเจ้าให้เสด็จไปโปรดเมืองอื่น เมืองอื่นเมืองไหนล่ะ พระพุทธเจ้าว่า คือเมืองนี้เป็นอะไรจึงต้องให้เราหนีไปจากเมืองนี้ ก็ถูกเขาด่าทอต่างๆ ฟังไม่ได้ ว่างั้น แล้วไปเมืองอื่นเขาไม่มีปากเหรอ นั่นเห็นไหมล่ะ เมืองอื่นเขาก็มีปาก ถ้าไปเมืองนั้นเขาว่าอย่างนี้เราจะไปเมืองไหน ไปเมืองโน้นๆ ไม่มีที่สิ้นสุด นี่ละอานนท์ดู โลกหาความสิ้นสุดไม่ได้ ธรรมมีที่สิ้นสุด หลักความจริงมียังไงอยู่กับหลักความจริง ใครจะว่าอะไรๆ ไปก็เท่ากับหมาเห่าฟ้า นี่พระพุทธเจ้าพาดำเนินมา ประสาหลวงตาบัวตัวเท่าหนูจะไม่ให้เขาตำหนิติเตียนยังไง
ให้เขาตำหนิไปซิเขาอยากตำหนิ ปากของเขา ความคิดของเขา ผิดถูกดีชั่วอยู่กับผู้ทำ ไม่ได้อยู่กับเรา ไม่ได้อยู่กับพระพุทธเจ้า ความเสียหายอยู่กับผู้ทำเอง ทำผิดเสียหาย ทำดีก็เป็นมงคลแก่ตน ไม่ได้มาเป็นมงคลแก่พระพุทธเจ้านะ อันนี้ก็เหมือนกัน เราไม่ได้หวังความเป็นมงคลไม่เป็นมงคลจากผู้ใด เราพอทุกอย่างแล้ว ใครจะว่าอะไรก็เป็นเรื่องของเขา จะไปตำหนิติเตียนเขาก็ไม่ได้ ให้เขาว่าไปซิ อย่าไปเดือดร้อนเกินไป ถ้าไปเดือดร้อนไปต่อว่าต่อขานเขาก็เหมือนว่าเขาได้ผลแล้ว เขาดุเราเราก็มาว่อๆ กับเขา เขาเป็นหมาตัวหนึ่ง เราก็เป็นหมาหมู่รุมกัดเขา พวกหมาที่รุมกัดเขาร้ายกว่าหมาตัวเดียวที่เขามาเห่าว่อๆ ใช่ไหม พวกหมาลูกศิษย์หลวงตาบัวเป็นหมาหมู่ มันไล่รุมกัดเขา พวกนี้เลวกว่าเขา เข้าใจไหม
อย่าให้เป็นหมาหมู่อย่างนั้น เขาว่าอะไรก็ลูกศิษย์ตถาคตยอมรับ แต่การที่จะควรชี้แจงกันด้วยเหตุผลแสดงได้ แต่ที่จะไปโกรธไปเคียดแค้นให้เขาห้ามไม่ให้เขาพูด ห้ามไม่ได้ปากคน ตั้งแต่ปากหมาก็ห้ามมันไม่ได้ มันอยากเห่าเมื่อไรมันก็เห่า นี้ปากคนจะห้ามได้ยังไง ใครมาที่ไหนมันมีปากด้วยกันทุกคน อย่างเวลานี้หลวงตาบัวกำลังพูดด้วยปากเห็นไหมล่ะ นี่ห้ามไม่ได้นี่ก็ดี เราอย่าไปสนใจกับคน ให้เล็งอรรถเล็งธรรมเล็งความดีงามจะมีที่ยุติ ถ้าเอาเรื่องการถกเถียงกันหาความยุติไม่ได้ ต้องหาความถูกต้องดีงามมายืนเป็นจุดศูนย์กลาง ให้เขาก้าวเข้าที่นั่นๆ นี้ถูกต้องดีงาม ให้พากันเข้าใจนะ
ดังที่เราสรุปความลงมานี้ว่า เราช่วยโลกมาขนาดนี้มีที่ต้องติที่ตรงไหน ว่าหลวงตาบัวได้ทำให้เป็นความเสียหายแก่ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ที่ตรงไหนบ้าง ไม่เห็นมี มีแต่การส่งเสริมทุกสิ่งทุกอย่าง รักชาติ รักศาสนา รักพระมหากษัตริย์เต็มในหัวใจของเรา ด้วยความเมตตาล้วนๆ เราจึงกล้าแสดงออกทุกอย่าง ควรหนักหนัก ควรเบาเบา เพราะธรรมสอนโลก โลกมีหยาบมีละเอียดต่างกัน มันหยาบมากก็เหมือนกับไม้ที่คดงอ ก็ถากขวานลงให้หนักมือลงหน่อย
การเทศนาว่าการก็มีธรรมหลายขั้น ธรรมพระพุทธเจ้ามีธรรมเป็นลำดับท่านว่า อนุปุพพิกถา ธรรมแสดงไปโดยลำดับ ฟังซิแปลออกแล้ว ตามอุปนิสัยของสัตว์โลกที่จะควรรับได้ขนาดใด ควรที่เรียบๆ ก็แสดงไปเรียบๆ ควรที่หนักตรงไหนมันคดมันงอก็หนัก ควรที่เน้นหนักเต็มที่ก็เน้นหนักเต็มที่ นี่คือพระโอวาทของพระพุทธเจ้าซึ่งเปรียบกับนายช่างถากนั่นเอง ขวานเขาถืออยู่กับมือ ธรรมอยู่กับหัวใจพระพุทธเจ้า ท่านสอนโลกท่านสอนในแง่หนักเบาต่างๆ ก็เป็นเรื่องของพระพุทธเจ้าสอนโลก
อันนี้เราสอนโลกก็เหมือนกัน ควรหนักก็หนัก ควรเบาก็เบา ข้อที่เราตำหนินั้นผิดไปที่ตรงไหนว่าซิน่ะ เช่นอย่างเราตำหนิรัฐบาล รัฐบาลทำผิดอะไรเราถึงตำหนิ ตาสีตาสาตามท้องนาเขาไม่ได้ทำผิด เราไม่เห็นไปว่าเขา รัฐบาลเป็นผู้นำชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ทำผิดหูผิดตากระเทือนหัวใจโลก เราเป็นธรรมมองดูที่จะช่วยโลก เราก็ต้องแนะนำสั่งสอนดุด่าว่ากล่าวเป็นธรรมดาแห่งธรรมสอนโลก แล้วผิดที่ตรงไหน และว่าเราไปเล่นการบ้านการเมือง การบ้านการเมืองมันวิเศษวิโสมาจากไหนให้เหนือธรรมไป จนขนาดที่ว่าธรรมแตะไม่ได้มีเหรอ
ธรรมพระพุทธเจ้าท้องฟ้ามหาสมุทร เทวบุตรเทวดาอินทร์พรหมยอมกราบทั้งนั้น ทำไมพวกนี้จึงถือธรรมเป็นข้าศึกถ้ามันไม่เลวกว่าหมาเท่านั้น เข้าใจไหมล่ะ นี่หยาบแล้วเหรอที่พูดนี่ พิจารณาซิ ควรหนักต้องหนัก ควรเบาต้องเบาไปตามสายธรรม แต่ไม่มีเจตนาว่าจะให้เป็นคำหยาบเป็นคำละเอียดไม่มี เป็นความถูกต้องดีงามมีตลอดสายธรรม การเทศนาว่าการหนักก็เพื่อความดีงาม เบาก็เพื่อความดีงาม ไม่ใช่เพื่อความเสียหาย ธรรมสอนโลกสอนอย่างนั้น เราสอนโลกเราก็สอนอย่างนั้นเหมือนกัน
ตัวของเราเองก็เหมือนกันอีก ก่อนที่จะได้มาเป็นครูเป็นอาจารย์สอนพี่น้องทั้งหลาย เราบำเพ็ญธรรมที่ธรรมดาก็มี บำเพ็ญธรรมดาก็มี ที่หนักลงไปก็มี ที่หนักลงไปถึงขนาดว่า เอา เป็นก็เป็น ตายก็ตาย ก็มี นี่ละบทหนักบทเบาของการบำเพ็ญธรรม เพราะกิเลสมีหลายประเภท ประเภทธรรมดาๆ ก็มี ประเภทที่มีแง่มีงอนคดงอมากก็เอาตรงนั้นมาก มากตรงนั้นฟัดกิเลส เอาจนกระทั่งถึงสละชีวิต เอา เป็นก็เป็น ตายก็ตาย ไม่ต้องพูดเรื่องสลบ ใส่กันผึงเลย นี่เวลาหนักก็หนักการบำเพ็ญมา ผลแห่งการบำเพ็ญทั้งหมดก็ได้มาเป็นความบริสุทธิ์ใจเต็มสัดเต็มส่วน พอใจ หาที่ต้องติไม่ได้ เพราะปฏิปทาที่ดำเนินมาทั้งหนักทั้งเบานั้นแล มาเป็นเครื่องหนุนให้ใจบริสุทธิ์ได้ ปฏิปทาเหล่านั้นไม่เป็นความเสียหายแก่มรรคผลนิพพาน เป็นเครื่องสนับสนุนให้ถึงมรรคผลนิพพานได้ เพราะการบำเพ็ญหนักเบามากน้อยถึงขั้นเสียสละชีวิต นั่นละเป็นความหนุนให้ได้ก้าวขึ้นสู่ธรรม จนถึงขั้นธรรมเป็นที่พอใจ เราก็ดำเนินมาอย่างนี้
การสอนโลกจะให้สอนว่าดีนะโยม เจริญพรนะโยมมันทำไม่ได้ เพราะธรรมนี้ไม่ใช่ธรรมเจริญพร เห็นหน้าใครก็เจริญพรๆ ยิ่งเขาเอากล้วยหอมมาถวาย โฮ้ ดีนะโยม กล้วยหอมนี่หายากนะ โยมไปหามาจากไหนได้มา อู๊ย อาตมาชอบ จะให้ว่าอย่างนั้นหรือ ให้เจริญพรอย่างนั้น เราไม่เจริญพร สิ่งเหล่านี้ไม่เหนือธรรม ธรรมเลิศยิ่งกว่านี้เป็นไหนๆ สอนไปตามอรรถตามธรรม ใครจะให้อะไรไม่ให้อะไรไม่สนใจ สนใจแต่ธรรมสอนโลกเพื่อหัวใจโลกเท่านั้นเอง ให้พากันเข้าใจ
วันนี้เราได้ชี้แจงหรือว่าให้ท่านทั้งหลายตำหนิมา ที่เราได้นำพี่น้องทั้งหลายได้บกพร่องตรงไหน ทำความกระทบกระเทือนแก่ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ของเราที่ตรงไหนบ้างไม่มี มีแต่หมุนเข้าไปๆ จนจะเป็นจะตาย อย่างทุกวันนี้เราทุกข์เพราะอะไร ก็ทุกข์เพื่อการช่วยโลกด้วยความเมตตานั่นเอง เราไม่ได้มีอะไรกับโลก การแนะนำสั่งสอนโลกนี้เราก็สั่งสอนแบบเดียวกัน ไม่ได้มีลำเอียงว่าอคติอย่างนั้นอย่างนี้ อคติก็คือความลำเอียง ไม่สม่ำเสมอ เห็นทางนั้นหนัก เห็นทางนี้เบา รักทางนั้น ชังทางนี้ เราไม่มี
เราไม่มีพรรคมีพวก มีแต่ สพฺเพ สตฺตา อันว่าสัตว์ทั้งหลายที่เป็นเพื่อนทุกข์เกิดแก่เจ็บตายด้วยกันหมดทั้งสิ้น ซึ่งต้องอาศัยซึ่งกันและกัน หวังความพึ่งผู้อื่นอยู่ตลอดมาตั้งแต่เด็กจนกระทั่งถึงผู้ใหญ่ ผู้ใหญ่ก็ต้องอาศัยลูกอาศัยหลาน เด็กก็อาศัยพ่อแม่มาโดยลำดับ โลกอาศัยกันอย่างนี้ ผิดถูกชั่วดีมีครูมีอาจารย์มีธรรมก็ต้องแนะนำสั่งสอนกัน โลกที่ไม่มีใครสั่งสอนเลย ปล่อยไปตามบุญตามกรรมให้แต่กิเลสมันออกตลาดแล้ว โลกนี้ฉิบหายไปหมดไม่มีอะไรเหลือ ถ้าเป็นไฟก็เผาไหม้เป็นเถ้าเป็นถ่านไปหมด ต้องมีธรรมคือน้ำดับไฟเข้ามาชำระล้างกัน นี้การสอนโลกเราก็สอนเป็นน้ำดับไฟ ผิดพลาดตรงไหนเราก็แนะ
อย่าว่าแต่รัฐบาลเลย อินทร์พรหมก็เอากันได้ถ้าเป็นอย่างนั้น มาเกี่ยวข้องกับทางผิดพวกเทวดาอินทร์พรหมเขาไม่มี แต่พวกเราที่มนุษย์ตัวหยิ่งๆ นี้ละมันมี ธรรมเข้าไปแตะไม่ได้ หาเรื่องใส่ธรรมอย่างนั้นอย่างนี้ ตัวแบกกองทุกข์แบกนรกอเวจี แบกไฟเผาหัวใจมันไม่ได้คิดนะ ธรรมเข้ามาชะล้างไฟที่เผาหัวใจมันปัดออกๆ หาว่าเทศน์ดุด่าว่ากล่าว เทศน์หยาบเทศน์โลน มันหาไปทุกอย่างหมาเห่าฟ้า เข้าใจไหม อย่าไปสนใจ หลวงตาไม่เคยสนใจกับสิ่งเหล่านี้ ยิ่งกว่าธรรมที่จะสอนโลกให้มีความสงบร่มเย็น เราต้องการอย่างนี้นะ เข้าใจแล้วนะ เอาแค่นี้ละ
ผู้กำกับ ลูกศิษย์ส่งมาครับ เดลินิวส์ หน้า ๑ วันนี้ลงข่าวว่า ในหลวงเสด็จพระราชดำเนินทรงบำเพ็ญพระราชกุศล ถวายผ้าพระกฐิน และทรงมีพระราชปฏิสันถารกับสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช ณ วัดบวรฯ และสนทนากันอย่างใกล้ชิด
อีกอันหนึ่งชาวอำเภอเมืองพล จ.ขอนแก่น จะจัดตั้งสถานีวิทยุเสียงธรรมเพื่อประชาชน โดยรับสัญญาณช่วงต่อจากขอนแก่นเพื่อรับฟังธรรมของหลวงตาร้อยเปอร์เซ็นต์ และขอน้อมถวายสถานีวิทยุเสียงธรรมเพื่อประชาชน อ.พล แด่หลวงตาครับ
รับฟังรับชมพระธรรมเทศนาของหลวงตา ได้ที่
www.Luangta.com หรือ www.Luangta.or.th
และรับฟังจากสถานีวิทยุสวนแสงธรรม กรุงเทพฯ และสถานีวิทยุอุดร
FM 103.25 MHz |