อย่าทะเลาะกัน มันขายหลวงตาบัวด้วย
วันที่ 13 ตุลาคม 2548 เวลา 8:45 น. ความยาว 73.36 นาที
สถานที่ : วัดป่าบ้านตาด
| |
ดาวน์โหลดเพื่อเก็บไว้ในเครื่อง
ให้คลิกขวาแล้วเลือก Save target as .. จาก link ต่อไปนี้ :
ข้อมูลเสียงแบบ(Win)   วิดีโอแบบ(Win Narrow Band)

ค้นหา :

เทศน์อบรมฆราวาส ณ วัดป่าบ้านตาด

เมื่อวันที่ ๑๓ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๕๔๘

อย่าทะเลาะกัน มันขายหลวงตาบัวด้วย

ก่อนจังหัน

พระให้เร่งความเพียรนะ เคยพูดอยู่ตลอดมาซึ่งเป็นจุดสำคัญๆ ในวงพุทธศาสนาเลยทีเดียว คือ สติ เฉพาะอย่างยิ่งสติกับการภาวนาต้องกลมกลืนกันไป ใครสติดีคนนั้นจะตั้งฐานได้ ถ้าจิตยังไม่สงบก็จะสงบได้ สตินี่ควบคุม เวลาสติมีอยู่กิเลสเกิดไม่ได้ มันจะหนาแน่นยิ่งกว่าคลื่นมหาสมุทรทะเลหลวงก็ตามเรื่องกิเลสนั้นน่ะ สติต้านได้ต้านอยู่ เอา สติให้ดี คือเรื่องกิเลสจะเกิดขึ้นทางสังขาร สังขารความคิดความปรุง นี้ออกมาจากรากใหญ่ของมันคืออวิชชา มันดันออกมาให้อยากคิด อยากรู้อยากเห็น อยากทุกอย่างออกจากนั้น เรียกว่าอยากๆ กิเลสมันหิวตลอด มันอยากคิดอยากปรุง อยากรู้อยากเห็น เอาสติบังคับติดไว้เลยไม่ให้มันออกช่องสังขารของกิเลสที่จะเป็นฟืนเป็นไฟแก่ตัวของเรานี้ ปิดไม่ยอมให้มันออก สติบังคับไว้

เมื่อสติบังคับไว้ จิตไม่ถูกรบกวนแล้วจะค่อยเริ่มสงบ นั่นละคือการบำรุงรักษาจิต ได้แก่สติรักษาไว้ แล้วจิตจะสงบ รักษามากเท่าไรยิ่งสงบแน่นแฟ้นเข้าไป เห็นความสุขละที่นี่ เห็นความสะดวกสบาย ความรื่นเริงบันเทิง ในเบื้องต้นนี้เห็นแล้วนะ นี่อำนาจหรือคุณค่าของสติครอบไว้ ตั้งสติให้ดีนักภาวนา ยิ่งไม่ให้ขาดเลยยิ่งดี ดีตลอด ไม่ว่ายืนว่าเดินว่านั่งว่านอน สติติดกับตัวเอง ถ้าไม่ติดกับธรรมบทใดก็ให้เป็นสัมปชัญญะ คือรู้รอบตัวๆ แต่ผู้ที่ตั้งรากฐานใหม่ให้ตั้งอยู่ในคำบริกรรมนั่นละเป็นจุดยึด เป็นจุดจ่อของสติ เอาตรงนั้นนะ

เราอยากเห็นพระเราทรงมรรคผลนิพพาน จากคำสอนของพระพุทธเจ้าที่แน่นอนที่สุด เรียกว่าสวากขาตธรรม ตรัสไว้ชอบแล้วทุกอย่าง ขอให้ทำให้ชอบเถอะ คำสอนพระพุทธเจ้านี้จะชี้แนวลงถึงพระนิพพานเลยไม่ไปที่อื่น ถึงพระนิพพานเลย ขอให้ตั้งสติให้ดีนักปฏิบัติ เคลื่อนไหวไปมาที่ไหนสติติดแนบกับตัวเอง กิเลสเกิดไม่ได้นะ คือกิเลสเกิดได้ทุกระยะที่เผลอสติ ถ้าไม่เผลอไม่เกิด เมื่อไม่เกิดแล้วก็เป็นการบำรุงจิตใจในตัวเอง จิตได้รับการบำรุงรักษาก็สงบเย็น

พอสงบเข้าไปๆ มากกว่านั้นจะแสดงทุกอย่างให้เราเห็นภายในจิต เราไม่เคยเห็นความแปลกประหลาดจากสิ่งทั้งหลาย ยิ่งกว่าจิตตภาวนาที่ได้รับผลเกิดขึ้น ปรากฏที่เด่นๆ พระพุทธเจ้าเลิศเลอจากภาวนา พระสงฆ์สาวกเป็น สรณํ คจฺฉามิ ของพวกเราจากการภาวนา เพราะฉะนั้นการภาวนาจึงเป็นรากฐานสำคัญของนักบวชนักปฏิบัตินักภาวนาเรา พากันตั้งอกตั้งใจให้ดี

อันนี้ผมพูดตามจุดๆ ที่สำคัญๆ สติเป็นสำคัญ ใครจะบริกรรมธรรมบทใดก็ตาม สติต้องติดแนบๆ ยังไงต้องเห็นผล จากนั้นแล้วจิตก็สงบเย็น เมื่อจิตสงบเย็นจิตก็อิ่มอารมณ์ อารมณ์คือว่าหิวอารมณ์นั้นหิวอารมณ์นี้ อยากรู้อยากเห็น อยากคิดเรื่องนั้นอยากปรุงเรื่องนี้ เรียกว่าอยากๆ ทีนี้เวลาจิตอิ่มตัวมีความสงบแล้วไม่อยาก สิ่งเหล่านี้ไม่อยาก นั่นละที่นี่ท่านสอนให้ออกทางด้านปัญญา เมื่อจิตไม่หิวอารมณ์แล้วให้ก้าวออกทางด้านปัญญา พินิจพิจารณาแยกธาตุแยกขันธ์ กองป่าช้าผีดิบอยู่กับเรานี่ละเป็นอันดับแรก จากนั้นก็เป็นป่าช้าผีตาย ไปจากผีดิบผีสดนี้แหละ พิจารณาแยกธาตุแยกขันธ์ภายในนี้มีอะไร

นักภาวนาจริงๆ เอาให้ดู ดูผิวหนัง อย่าไปดูที่อื่น ผิวหนังนี่ตัวหลอกที่สุดเลย คนทั้งคนผิวหนังบางๆ หลอกปิดเอาไว้ โถ โก้เก๋สวยงาม งามขี้หมาอะไร มันเต็มไปด้วยของปฏิกูลโสโครก นี่ละธรรมพระพุทธเจ้าพูดให้ถึงใจ งามขี้หมาอะไร มันหลงบ้าอะไรพวกนี้ว่างั้น จึงต้องเอาขี้หมาเข้าไปใส่เลยให้มันถึงกัน การพูดอย่างนี้ไม่ได้เป็นความหยาบนะ เป็นน้ำหนักให้สะเทือนใจต่างหาก อย่างที่พูดทั้งหลายนี่ โลกทั้งหลายถือว่าเป็นความหยาบโลน นี้ไม่มี เจตนาที่จะให้เป็นความหยาบโลนอย่างโลกคิดกันไม่มี คิดแต่ให้เป็นน้ำหนักๆ

เช่นอย่างยกโคตรยกแซ่ใส่นี้ คือน้ำหนัก คนๆ เดียวไม่พอต้องเอาโคตรเข้ามา เรียกว่ามีน้ำหนักมาก ทุ่มลงตรงไหนพังเลยถ้าน้ำหนักมีมาก อันนี้นักภาวนาเอาให้ดี ผมเปิดโอกาสให้ทุกอย่างสำหรับพระวัดนี้ไม่ให้ทำงานทำการอะไร เรื่องการภาวนานี่เปิดตลอดมา แม้จะช่วยชาติบ้านเมืองมากน้อยเพียงไร ผมไม่แตะต้องทางด้านภาวนาของพระนะ หากมีความจำเป็นก็ให้มาช่วยกันเล็กๆ น้อยๆ แล้วก็ให้เข้าทำงานตามเดิมๆ เราสงวนมากเรื่องธรรมภายในใจ ธรรมๆ กลางๆ นี่ละให้เข้าสู่ใจซิจะเลิศเลอขนาดไหน อยู่ที่ใจนะ ให้พากันตั้งอกตั้งใจ

ชาวพุทธเรานี้เป็นยังไงเมืองไทยทั้งเมืองเวลานี้ ใหญ่ไหมเมืองไทยเราชาวพุทธๆ เต็มไปหมด เวลานี้ชาวพุทธเรากำลังถูกบีบบี้สีไฟ ทำลายในแง่ต่างๆ  เรียกว่าเทวทัตมหาภัยกำลังทำลายศาสนาทุกแง่ทุกมุมที่มันจะทำลาย เช่นอย่างออกทางวิทยุก็มีการกีดกันท่านั้นท่านี้ ออกทางไหนหนังสือผอกหนังสือพิมพ์จะฟ้องร้องกันเป็นบ้าไปเลย คือมันไม่ยอมให้ออกพวกเทวทัต เวลานี้กำลังตั้งหน้าตั้งตาทำลายศาสนาซึ่งเป็นหัวใจของคนทั้งชาติไทยเราอย่างออกหน้าออกตา

เราจะเห็นได้ชัดเจน อย่างธรรมะของหลวงตานี่ ออกไปเทศนาว่าการที่ไหน วิทยุตั้งที่ไหนจะมีข้อกีดกัน มีข้อทำลาย มีข้อบังคับนั้นนี้ นั้นละคือเทวทัตมันเข้าไปกีดกันไปทำลาย ไปบังคับท่านั้นท่านี้ศาสนา ถ้าเป็นเรื่องส่งเสริมศาสนา หรือเป็นผู้ส่งเสริมศาสนา เรื่องธรรมเป็นสิ่งที่โลกทั้งหลายยอมรับทั่วไตรโลกธาตุ ไม่มีใครปฏิเสธเรื่องธรรมเลย เพราะเป็นธรรมชาติที่ตายใจได้ แต่ธรรมอยู่ในเมืองไทยเราออกแสดงนี้ ถือเป็นข้าศึกศัตรูต่อพวกเปรตพวกผีนี้นะ เวลานี้กำลัง ดูให้ชัดพี่น้องทั้งหลาย การพูดนี้เราไม่ได้พูดหาเรื่องหาราว ทางศาสนานี้กำลังถูกกีดถูกกัน เฉพาะอย่างยิ่งการเทศนาว่าการ

ดังที่หลวงตาบัวออกเทศน์นี้ ประมวลมาแล้วเรียกว่าเทศน์ทั่วประเทศไทย จนกระทั่งมารวมเป็นวิทยุออกทางไหนๆ พวกนี้พวกกีดพวกกันพวกทำลาย เขาจะไม่ยอมให้ศาสนาซึ่งเป็นหัวใจของชาติไทยเรายังเหลืออยู่เลย จะให้มีตั้งแต่มูตรแต่คูถเหมือนพวกเขาที่มีแต่มูตรแต่คูถนั่นละ แล้วยกมูตรยกคูถว่าเป็นของดิบของดี แล้วเอาอำนาจป่าๆ เถื่อนๆ มาบีบบังคับประชาชนราษฎร ดูไม่ได้นะ ประชาชนเขาก็คน เด็กก็คน ผู้ใหญ่ก็คน เราเป็นเปรตมาจากไหนถึงผิดปรกติอะไรกับคนนักหนา จึงมาทำลายศาสนา พวกนี้พวกทำลายศาสนา เวลานี้ออกหน้าออกตานะ พี่น้องทั้งหลายให้ดูนะ เราเปิดออกด้วยความเป็นธรรม ไม่เอียงกับผู้ใดทางใดทั้งนั้น

ศาสนานี้กำลังถูกกีดถูกกัน คือถูกกีดถูกกันนั้นเพื่อจะทำลายไม่ใช่เพื่อส่งเสริมนะ จะกีดกันได้แง่ไหนเอาแง่นั้น อย่างวิทยุเรานี้เหมือนกัน ออกที่ไหนๆ เที่ยวกีดเที่ยวกันเที่ยวคัดเที่ยวค้าน ที่จะทำลายจริงๆ มันทำลายไม่ได้ มันมาอย่างโจ่งแจ้งเห็นชัดเจนมันก็ฟัดกัน เข้าใจไหมล่ะ มันมาแบบลักๆ ลอบๆ เสียก่อน พอกลืนมันกลืนเวลานี้ จำให้ดีนะ อู๊ย เราสลดสังเวช ส่วนใหญ่เสียด้วยที่นำของประชาชนทั้งหลายทั่วโลก มาเป็นข้าศึกต่อชาติ ต่อศาสนา ต่อพระมหากษัตริย์เสียเอง อันนี้เราก็สลดสังเวช

เพราะฉะนั้นเมื่อวานนี้จึงได้พูด มาตัดคอหลวงตาบัวไปเลย ถ้าว่าติดคุก เอา ไปเลย หลวงตาบัวจะก้าวเข้าไปติด ถ้าว่าตัดคอหลวงตาให้ตัดเลย การเทศนาว่าการเป็นข้าศึกต่อใครที่ไหนตั้งแต่ดึกดำบรรพ์กาลไหนๆ มา ธรรมนี้เป็นบุญเป็นคุณเป็นที่ร่มเย็นแก่โลกตั้งแต่ดึกดำบรรพ์กาลไหนๆ มา จากพระพุทธเจ้าทุกๆ พระองค์ไม่เคยเป็นภัย แต่ทำไมเวลานำธรรมะนี้ออกแสดงในเมืองไทยเราถึงถูกกีดถูกกัน ถูกทำลายท่านั้นท่านี้ เหล่านี้มันมาจากไหน มันก็ออกมาจากพวกป่าๆ เถื่อนๆ เวลานี้กำลังนำชาติ มันจะนำลงนรกอเวจีนะไม่ใช่นำไปไหน มองดูแง่ไหนๆ ที่จะส่งเสริมศาสนาเรามองไม่เห็นเราพูดจริงๆ ถ้าเป็นเรื่องกีดกันทำลายนั้นเห็นชัดเจนๆ โดยลำดับ ถ้าพอกลืนได้มันจะกลืน เอาไฟเผาได้มันจะเผาทันที มันรอจังหวะนี้เท่านั้นเอง มันทำอย่างโจ่งแจ้งไม่ได้

เรื่องศาสนาเด่นมากเวลานี้ ยิ่งหลวงตาบัวกำลังออกแสดงด้วย มันถือเป็นข้าศึกศัตรูอย่างมากทีเดียวธรรมะหลวงตาบัว และถือหลวงตาบัวเป็นข้าศึก นี่ละพวกเปรตพวกผีเป็นอย่างนี้ มันเป็นภัยต่อหัวใจคนทั้งชาติที่นับถือพระพุทธศาสนา พึ่งเป็นพึ่งตายมาตลอด มันทำลายได้อย่างนี้ละให้ฟังเอานะ ออกทุกแง่ทุกมุม มีแง่นั้นแง่นี้พวกนี้ ออกมาจากไหน ออกมาจากต้นตอใหญ่ๆ เสียด้วย ต้นตอที่ว่าจะนำชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ เป็นผู้รักษาแว่นแคว้นๆ รฏฺฐ คือ แว่นแคว้น ปาล แปลว่ารักษา นี้ออกมาจากภาษาบาลี เราพูดได้เต็มปาก รัฐบาล แปลว่า ผู้รักษาแว่นแคว้นเขตแดนของตน คือหมดทั้งเมืองไทยนี้เป็นแว่นแคว้น เป็นเขตแดน รัฐบาลเป็นผู้รักษาเขตแดนของเมืองไทย แต่นี้มันรักษาหรือมันทำลาย พี่น้องทั้งหลายให้ดูกันนะ

เราเป็นคนทุกคนๆ เวลานี้กำลังยกคนพวกนี้ให้เป็นผู้รักษาบ้านเมือง ให้เป็นผู้นำ มันนำไปทางไหน เวลานี้ส่อให้เห็นชัดเจนแล้ว มันนำไปทางล่มจม ศาสนาที่เป็นเครื่องพยุงโลกมานมนาน มันกีดมันกันมันทำลาย มันจะทำให้ล่มจมลงได้เห็นชัดๆ ด้วยกัน ธรรมที่เราออกแสดงนี้เห็นชัดเจนมากทีเดียว ศาสนาไม่เคยปรากฏว่าได้รับการส่งเสริมที่ไหน เราพูดให้ฟังชัดๆ ว่าจากรัฐบาลชุดนี้ว่างั้นเลย นอกจากการทำลายกีดกันต่างๆ นั้นเด่นชัดขึ้นเป็นลำดับลำดา

นี่ละเสียงธรรมท่านทั้งหลายฟังซิ เราพูดตามเรื่องของความจริงเป็นอย่างนี้ ที่จะส่งเสริมศาสนาให้มีความแน่นหนามั่นคง หรือชักจูงประชาชนให้มีความแน่นหนามั่นคงยิ่งขึ้น ในฐานะเราเป็นผู้นำอย่างนี้ไม่เห็นมี ถ้าเรื่องทำลายแล้วทุกแบบทุกฉบับมันได้ทั้งนั้นๆ หากว่าพอกลืนได้มันจะกลืน แต่นี้มันกลืนสดๆ ร้อนๆ ไม่ได้ มันมีขยะๆ อยู่เพราะประชาชนเขาเป็นคน เขาไม่ใช่หมาว่างั้นเถอะ มันก็ระวัง แต่ระวังเพื่อจะกลืนนะ ไม่ใช่ระวังเพื่อจะถอย อันนี้เราสลดสังเวชมาก

ดวงชะตาของชาติไทยเรามันเป็นยังไง จัดตั้งรัฐบาลมาไม่รู้กี่ชุดๆ  หากทราบมาเป็นลำดับ ก็ไม่มีใครถือสีถือสากัน ท้องป่องออกมาๆ ใครมาเป็นรัฐบาลๆ เหมือนจูงหมาเข้าถาน พอจูงเข้าไปท้องป่องยังไม่ยอมออก จับหางดึงออก หางขาดมันยังไม่ยอมออกท้องมันยังไม่ป่อง คือความอยาก ความหิวความโหย มันยังไม่ป่อง มันอยากตลอดเวลา นี่ละปล่อยใครเข้าไปในวงราชการ ในวงรัฐบาล เหมือนกับปล่อยหมาเข้าถาน ไปกินกันไปกลืนกัน รีดไถทุกแบบทุกฉบับ เอาตับเอาปอดของประชาชนนั่นละไปกินเลี้ยงกันๆ มาเป็นลำดับลำดา

มาสุดท้ายรัฐบาลปัจจุบันนี้เป็นยังไง ท่านทั้งหลายดูซิน่ะ นี้ดูด้วยสายธรรมนะ เราไม่ได้หาเรื่องมาดู ดูด้วยสายธรรม เป็นยังไงความที่จะเจริญ มันเจริญที่ตรงไหนพิจารณาซิ มีแต่บีบแต่บี้สีไฟ ดีไม่ดีกินราษฎรเจ้าของ ฆ่าราษฎรเจ้าของ ซึ่งเท่ากับลูกเจ้าของ ใครพูดออกมายิบๆ แย็บๆ ไม่ได้ ฟ้อง ฟังซิน่ะ เวลานี้ทราบว่ากำลังฟ้องราษฎร ราษฎรก็คือลูกของรัฐบาลนั่นเอง กำลังฟ้อง จะปรับกี่ร้อยล้านๆ ได้ทราบว่าคุณสนธินี้ก็ถูกฟ้อง หาว่าเอาหนังสือหลวงตาไปลง หลวงตาจึงบอกให้ดึงเข้ามาหาหลวงตา ให้มาฟ้องหลวงตา ไปฟ้องอะไรคุณสนธิ ถ้าเอาธรรมหลวงตาออกไปแสดงเป็นความผิดแล้ว ธรรมนี้ออกทั่วโลก แล้วมันขัดกันขนาดไหน มาฟ้องหาอะไร นี่เราก็ได้ยิน มันก็เป็นอย่างนี้ละ

มันกินลูกกินเต้าเจ้าของ กัดเข้ามาๆ ด้วนเข้ามา กุดเข้ามาเวลานี้ มันไม่มีปัญญาหากินเหรอ ส่งเสริมความดิบความดี หาเงินหาทองหาอุบายวิธีการต่างๆ เช่นเกษตรกะแสดอะไรก็แล้วแต่เถอะน่ะ มาช่วยประชาชนราษฎรที่เขากำลังทุกข์จนเป็นลำดับลำดาไปไม่ดีเหรอ ทำไมไม่หาอย่างนั้น ทำไมไปหาตับหาปอดประชาชนมากลืนมากินโต๊ะกินเลี้ยงกัน แล้วเบ่งเสียด้วยนะ อำนาจบาตรหลวงป่าๆ เถื่อนๆ เบ่งเสียด้วย ออกมาจากที่ไหนไอ้เบ่งๆ นี้น่ะ

ประชาชนเขาหย่อนบัตรให้ทั่วประเทศให้เป็นผู้ใหญ่ หาคนดี ครั้นเวลาเขาหย่อนให้แล้วนึกว่าจะเป็นคนดี ฟาดเป็นตัวเบ่งๆ ท้องเป้งๆ กินไม่หยุดไม่ถอย เข้าไปในถานแล้วจับหางดึงออกก็ไม่ออก เป็นอย่างนั้นนะ มันน่าทุเรศจริงๆ นะ เราพูดโดยอรรถโดยธรรม เราไม่มีอะไรกับโลกนี่นะ ใครจะว่าเราเป็นยังไงเราไม่มี เราบอกตรงๆ เราสอนด้วยความเมตตาล้วนๆ ไม่มีคำว่าเข้าข้างนั้นออกข้างนี้ เป็นธรรมล้วนๆ อะไรขัดต่อธรรมเราก็บอกทันที ผิดต่อธรรมบอกทันที เป็นอันตรายต่อธรรม เป็นภัยต่อธรรมเราบอกทันที อะไรเป็นคุณให้ส่งเสริม เราก็บอกเช่นเดียวกัน

เราไม่เข้านั้นออกนี้ ไม่มีคำว่ากล้าด้วย กลัวก็ไม่มี เราไม่มีคำว่ากล้า ไม่มีคำว่ากลัว เหนือไปหมดแล้วในสิ่งเหล่านี้ สอนโลกด้วยความบริสุทธิ์ใจ ไม่ใช่สอนธรรมดาๆ นะ สอนด้วยความบริสุทธิ์ใจ เต็มไปด้วยเมตตา เราจึงไม่มีอะไรติดเนื้อติดตัวดังที่พี่น้องทั้งหลายเห็น เงินมากี่หมื่นกี่แสนล้านที่เข้ามาวัดป่าบ้านตาด กระจายทั่วประเทศไทย ออกกระจายไปหมด ประเทศนอกประเทศนาก็มี เรามีความเมตตาขนาดไหน กระจายทั่วไปหมด

แล้วมาเห็นผู้รักษาชาติบ้านเมืองซึ่งเป็นที่ไว้ใจของประชาชน มากินตับกินปอดประชาชนต่อหน้าต่อตาของอรรถของธรรมซึ่งเป็นความบริสุทธิ์ ที่โลกทั้งหลายกราบมาตลอดเวลานี้มันดูไม่ได้ ว่างั้นเถอะ มันดูไม่ได้ เวลานี้มีแต่ข้าศึกใหญ่อยู่ในวงรัฐบาล มีแต่ข้าศึกใหญ่ๆ ไปเที่ยวหาเกลี้ยหากล่อมไปหมด อย่างที่ว่าฟ้องนั้นฟ้องนี้ จะมอบให้ศาลนั้นมอบให้ศาลนี้ มันพูดไพเราะเพราะพริ้งหวานปากหวานคอเฉยๆ ความจริงมันไปบีบบังคับศาลไว้แล้ว

ศาลไหนๆ ก็ตาม พวกเปรตพวกผีนี้เอาอำนาจป่าเถื่อนไปบีบบังคับไว้หมด แต่เวลามาพูดกับประชาชนก็ว่า มอบให้ศาล ศาลแพ่ง ศาลอาญา แล้วแต่เขาจะพิจารณายังไง ความจริงมันไปบีบศาลไว้แล้ว นี่ละมันน่าทุเรศจริงๆ พวกเปรตพวกนี้น่ะ เปรตไหนอยู่ในวงรัฐบาลเวลานี้ มันเปรตตัวไหน พี่น้องทั้งหลายให้ดูทุกคน เราพูดนี้พูดเพื่อให้ดู เราเป็นผู้รักษาชาติบ้านเมืองทุกคน กลัวใครกล้าใคร ธรรมะไม่มีกลัวมีกล้า เราเป็นธรรมสอนโลกเราก็นำมาสอนอย่างนี้ ให้พี่น้องทั้งหลายรู้เสียนะว่ามันผิดมันถูกประการใด ไว้ใจหรือไม่ไว้ใจ รัฐบาลชุดนี้ไว้ใจหรือไม่ไว้ใจดูนะ ดูให้ดี

ท่านทั้งหลายเป็นเจ้าของแห่งชาติ รัฐบาลนี้ก็เป็นประชาชนเป็นผู้ตั้งขึ้นมา หย่อนบัตรให้เป็นรัฐบาลขึ้นมา เมื่อรัฐบาลเป็นยังไง มีความผิดพลาดประการใดที่ไม่ไว้ใจ เตือนได้ๆ ถ้าหากว่าควรที่จะเอารัฐบาลทิ้งหนี เอารัฐบาลอื่นที่ดีขึ้นมา พี่น้องชาวไทยทำไมทำไม่ได้ ต้งรัฐบาลยังตั้งได้ คว่ำรัฐบาลที่เลวร้ายทำไมจะคว่ำไม่ได้ เหตุผลกลไกมันมีอยู่ พลิกจากหลักความจริงไปไหน นี่เราพูดตามหลักธรรมเป็นความจริง ตั้งขึ้นได้ล้มได้ ถ้าไม่ดีล้มได้ เปลี่ยนได้ ถ้าดีเสริมขึ้นได้ นี่คือความเป็นธรรมเป็นอย่างนี้

เรานี้วิตกวิจารณ์มาก สงสารบรรดาพี่น้องทั้งหลาย มันจะถูกกินถูกกลืนไปทุกแบบทุกฉบับ แล้วพี่น้องทั้งหลายก็เป็นเหมือนหัวเต่าเสียด้วย อยู่ในกระดองๆ เขาจะเหยียบกระดองไปก็ได้ จะขี้รดกระดองก็ได้ จะเอามาต้มยำก็ได้ ชาติไทยเราเป็นชาติหัวเต่าอยู่ในกระดอง ทำได้ทุกอย่าง นี้มันทุเรศไหมล่ะ กับให้พวกเปรตพวกผีขี้รดเยี่ยวรด กินตับกินปอดแล้วขี้รดอีกด้วย มันน่าดูไหม พากันพิจารณาเสีย นี่ละธรรมออก ให้ท่านทั้งหลายทราบว่า พี่น้องชาวไทยเป็นเจ้าของประเทศ ดูแลชาติของตัวเองซีจะไปดูแลที่ไหน มันผิดพลาดประการใด ใครรักษาใครทำลาย ให้รู้ทุกคนๆ

อย่างพระท่านปฏิบัตินี่ ท่านรักษาของท่านอยู่นี้ ใครมาทำลายก็รู้ เช่นอย่างพวกเดียวกันอยู่ด้วยกัน ศีลเป็นชีวิตจิตใจ ฝากเป็นฝากตายกันได้ทุกๆ องค์ ศีลเป็นสำคัญ เรียกว่าสมานสังวาส มีความเป็นอยู่เสมอกัน เพราะศีลรักษาเสมอกัน ถ้ามีองค์ใดองค์หนึ่งมาทำลายศีลให้รู้ต่อหน้าต่อตาแล้ว อย่างน้อยเตือน มากกว่านั้นขับ มันอยู่ด้วยกันไม่ได้คนชั่วกับคนดี พระชั่วกับพระดี อันนี้ก็เหมือนกัน รัฐบาลที่ดีที่งามเขาก็เชิดชู รัฐบาลที่ไม่ดีไม่งามเป็นยังไง เวลานี้เขาฟ้องร้องมาเรียกว่าทั่วประเทศ มาหาหลวงตาบัว

การที่หลวงตาบัวนำมาพูดเวลานี้ เอาคำร้องทุกข์ออกมาจากจิตใจของประชาชนมาร้องทุกข์ เขาไม่กล้าหรือไม่อาจที่จะพูดได้ เขาก็มาฝากศาสนา เราเป็นผู้ทำงานในศาสนา เราก็ประกาศตามหลักความจริงให้คนทั้งหลายได้ทราบ ตามคำร้องเรียนดีชั่วประการใดของพี่น้องทั้งหลาย เราไม่ได้ไปหาเรื่องนะ พี่น้องทั้งหลายเขาได้รับความทุกข์มาก เขามาฟ้องมาร้องทุกแบบทุกฉบับ เป็นจดหมายก็มี บัตรสนเท่ห์ก็มี บอกจุดสำคัญๆ ที่เป็นเคล็ดลับๆ ของรัฐบาลก็มี ถึงขนาดนั้นนะ รัฐบาลรัฐแบ้นอะไรก็ไม่รู้ละที่มันกินบ้านกินเมือง มันกินด้วยกลอุบายอะไรๆ บ้าง เหล่านี้เขาชี้แจงมาหมด แต่เราไม่นำออกมาแจง พูดแต่เพียงเท่านี้ก็พอ มันขนาดไหน ไว้ใจได้ยังไง โอ๋ย สลดสังเวชนะเรา นี่หลวงตาบัวกำลังเทศน์นี้กำลังถูกกีดถูกกัน ดีไม่ดีจะพยายามฆ่าหลวงตาบัวอีกก็ได้ อันนี้เราไม่ทราบ ได้ยินแต่จิ๊บๆ แจ๊บๆ บรรดาลูกศิษย์ลูกหาว่า เป็นห่วงหลวงตา กลัวเขาจะมาฆ่า นี่เป็นความจริงเขาพูด เป็นห่วงหลวงตา กลัวเขาจะมาฆ่า

ฆ่าหาอะไร เราก็ว่าอย่างนั้น ความเกิดความตายมันอยู่กับเรา ไม่ได้ไปหามาจากไหน ฆ่าไม่ฆ่ามันก็ตายเมื่อถึงกาลเวลา ใครจะฆ่าก็ฆ่าไปซิ ถ้าแกงได้ก็แกงไป แกงไม่ได้อย่ามาฆ่า หรือจะฆ่าไม่แกงก็แล้วแต่ เราไม่เสียดาย ขอเราทำประโยชน์ให้โลกแล้วเป็นที่พอใจ เราว่าอย่างนั้นแหละ เราบวชมาทำประโยชน์ให้ตนเต็มเม็ดเต็มหน่วย จนกระทั่งเต็มความสามารถหาที่สงสัยไม่ได้แล้ว เราทำประโยชน์ให้โลกอย่างที่ว่านี่ ให้พี่น้องทั้งหลายนำไปปฏิบัตินะ อย่าหดหัวอยู่ในกระดอง ให้เขาขี้รดเยี่ยวรด หดหัวอยู่ในกระดองเหมือนเต่าใช้ไม่ได้นะ เอาละเทศน์เพียงเท่านี้

หลังจังหัน

         ผู้กำกับ วิจารณธรรม วันพุธ หัวข้อเรื่องว่า เรื่องบังควรหรือไม่บังควร

เมื่อคราวพิจารณาเลื่อนสมณศักดิ์ ในมหาวโรกาสเฉลิมพระชนมพรรษา 5 ธันวาคม 2547 ข้อมูลรายชื่อพระสงฆ์ที่ได้รับการพิจารณาจากที่ประชุมมหาเถรสมาคมได้หลุดรั่วออกไปถึงมือสื่อฉบับหนึ่ง แล้วข่าวลับที่พระสงฆ์องค์เจ้าทั้งหลายต่างเฝ้ารอคอยติดตามอย่างใจจดใจจ่อก็ถูกตีพิมพ์ออกมาทางหน้าหนึ่งของหนังสือพิมพ์

ในเช้าวันเดียวกันนั้น เจ้าหน้าที่สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ต่างวิ่งกันให้วุ่นเพื่อหาที่มาที่ไปว่าข้อมูลลับนี้ ใครคือผู้นำออกไปเผยแพร่ต่อสื่อมวลชนก่อนวาระอันควร เรื่องนี้ร้อนไปถึงสำนักนายกรัฐมนตรีเลยทีเดียว ถึงกับมีคำสั่งให้สอบเจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องกับการประชุมมหาเถรสมาคมทั้งหมด เพื่อหาตัวคนผิดมาลงโทษตามโทษานุโทษ เพราะว่าเป็นสิ่งที่ไม่บังควรจะนำออกมาเปิดเผยก่อนที่จะมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯลงมา

เท่ากับบีบทางอ้อมให้พระองค์ท่านต้องคล้อยตามไปกับกระแส

แต่แล้วก็ต้องถึงทางตัน เพราะผู้ที่ “ฉกข้อมูล” คือสื่อในสายของมหาอำนาจในวงการสงฆ์ ซึ่งใครก็ไม่กล้าแตะต้อง เพราะมันดันไปเกี่ยวข้องกับเส้นสายทางการเมืองเสียด้วย

ความบังควรและไม่บังควรนี้นักข่าวสายศาสนาทั้งหลายต่างมีสำนึก แต่กับพระเจ้าพระสงฆ์ที่มีความละโมบกับเรื่องการได้เลื่อนสมณศักดิ์กลับไร้จิตสำนึก ขาดจิตสำนึกในสิ่งชั่วดีทั้งปวง หิริโอตตัปปะไม่มี พระอย่างนี้น่ะหรือที่ควรได้รับการเลื่อนสมณศักดิ์

ต้องอย่าลืมว่า นักข่าวเกือบทุกฉบับก็เฝ้าเกาะติดอยู่ ณ หน้าห้องประชุมมหาเถรสมาคมด้วย ในช่วงที่มีการพิจารณาเลื่อนสมณศักดิ์ที่ประชุมสั่งให้เชิญเจ้าหน้าที่สำนักงานพระพุทธฯออกไปข้างนอกทั้งหมด เป็นการประชุมลับเฉพาะสงฆ์เพื่อป้องกันไม่ให้ข้อมูลนี้ไหลรั่วออกไปถึงสื่อมวลชน

แล้วข้อมูลนี้มันรั่วออกมาได้อย่างไร ?

ถ้าไม่ใช่ออกมาจากมือของพระในนั้น !!

โดยเฉพาะพระที่มี “ส่วนได้” กับการเลื่อนสมณศักดิ์ ซึ่งถ้าหากว่าพระรูปนั้นมี “ส่วนเสีย” คงเป็นไปไม่ได้ที่ท่านจะนำข้อมูลนี้ออกมาเปิดเผยเฉพาะสื่อพวกเดียวกัน

ที่ต้องนำมาเปิดเผยเสียก่อนก็เพื่อต้องการ “ล็อกสเป็ก” ก่อนที่เลขาธิการมหาเถรสมาคมจะนำมติในที่ประชุมเสนอต่อสำนักนายกรัฐมนตรี และก่อนที่จะขึ้นทูลเกล้าฯเพื่อทรงพระราชวินิจฉัย จึงเป็นการ “ล็อกสเป็ก” ไม่ให้ทรงพระราชวินิจฉัยเป็นอย่างอื่น

แม้สงฆ์เองก็ยังกล้าก้าวล่วงต่อพระราชอำนาจ

เมื่อพิจารณารายชื่อแล้วก็จะเห็นได้ว่า มีพระบางรูปบางองค์พยายามที่จะปีนข้ามหัวพระผู้หลักผู้ใหญ่อีกหลายต่อหลายรูป เพื่อไต่ขึ้นไปเป็นพระราชาคณะระดับสูง คำว่า “อาวุโส-ภันเต” ดังพุทธบัญญัติใช้ไม่ได้แล้วกับพระสมัยนี้

ปีนข้ามหัวพระพุทธเจ้ากันแล้ว !!

ขอให้พิจารณาให้ดีเถิดท่านผู้ชม ว่ามีพระรูปไหนบ้างที่ได้ผ่านการพิจารณาจากมหาเถรสมาคมเมื่อวันที่ 10 ตุลาคม 2548 เพื่อให้ได้รับการเลื่อนสมณศักดิ์ขึ้นสู่ระดับสูง พิจารณาให้ดีเถิดว่ามีพระบางรูปที่บวชยังไม่ทันจะกี่พรรษา ดำรงสมณศักดิ์เดิมเพียงครบ 5 ปีเท่านั้น แต่มีความสนิทชิดเชื้ออย่างลึกซึ้งกับสายอำนาจใหญ่ จึงได้รับการพิจารณาให้เลื่อนสมณศักดิ์แบบข้ามหัวพระผู้ใหญ่อย่างไม่มียางอาย ต่อสายตาพระด้วยกันเอง ท่านลองพิจารณาไปถึงท่านเจ้าคุณ “พระธรรมโกศาจารย์” (หลวงพ่อปัญญา) ดูซิว่าพระคุณท่านพรรษาเท่าไหร่แล้ว ดำรงสมณศักดิ์ในชั้นธรรมกี่ปีดีดักมาแล้ว และพระคุณท่านมีคุณูปการต่อสังคมและต่อพระพุทธศาสนามากมายเพียงไร

ขอให้ท่านลองพิจารณาไปถึงท่านเจ้าคุณ “พระธรรมรัตนาภรณ์” เจ้าคณะภาค 18 วัดกระพังสุรินทร์ จังหวัดตรัง ดูบ้างเถิดว่าพระคุณท่านอายุกาลกี่พรรษาเข้าไปแล้ว ดำรงสมณศักดิ์ในชั้นธรรมมากี่ปีแล้ว และมีผลงานด้านศาสนูปการต่อพระพุทธศาสนามามากมายขนาดไหน

ให้สลดใจต่อพระสมัยนี้เหลือเกินละครับท่านผู้ชม

                                                                                    ณ. หนูแก้ว

        หลวงตา จะให้ว่าไง ลงข้ามหัวพระพุทธเจ้ามันก็หมด อาวุโสภันเตไม่มี พระพุทธเจ้าก็ไม่มี ลบหมดเลย ก็มีแต่ดินเหนียวติดหัวว่าตัวมีหงอนเท่านั้นเอง เออ ท่านปัญญานันทะก็เป็นชั้นธรรมเหมือนกันกับเรา การที่ได้ชั้นธรรมเราก็ได้พูดแล้วว่าอย่ามาตั้งอีกนะ ชี้ขาดเลยเชียว เอาผู้ใหญ่ในนั้นแหละ ตั้งไม่ใช่ตั้งธรรมดานะ ทีแรกตั้งพระครูให้เราเราก็ไม่เอา พระครูสัญญาบัตรให้เราเราก็ไม่เอา เอาคืนหมดเลย คราวหลังมานี้ตั้งไม่ใช่ธรรมดาสามัญ ขึ้นชั้นราชเลย จากชั้นราช เทพไม่อยู่ โดดขึ้นชั้นธรรม พอถึงชั้นธรรมสะดุดใจกึ๊กเลยทันทีเรา นี่ชั้นธรรมแล้วรองสมเด็จจะไม่อยู่นะ มันจะข้ามขึ้นไปหาสมเด็จนะ อย่าตั้งอีกนะ บอกตรงๆ อย่างนี้ละเรา

ที่เรารับนี้เราเห็นแก่พระองค์ทั้งสอง เราพูดจริงๆ เราเห็นแก่พระองค์ทั้งสอง เรารับสนองพระเดชพระคุณท่าน เราไม่ได้รับด้วยความโลภอยากได้นะ เราพูดจริงๆ แต่นี้อย่าตั้งอีกนะ เราก็บอกอย่างนั้น พูดชี้นิ้วด้วยกับผู้ใหญ่ในวงนั้นแหละ อย่าทำอีกนะ สำหรับเราเป็นอย่างนั้นแหละ นี่ก็บอกแล้วบอกบรรดาลูกศิษย์ลูกหา มาจากทางใกล้ทางไกลก็บอก ถ้าใครอยากกราบเจ้าคุณบัวก็ให้ขึ้นไปบนศาลา มีทั้งราชทั้งธรรมอยู่ข้างบน ถ้าใครอยากไปกราบเจ้าคุณบัวให้ไปบนศาลานะ ถ้าใครอยากกราบหลวงตาบัวก็ให้มาใต้ถุนศาลา มันเลยไหลมาหาหลวงตาบัวหมดเลย เจ้าคุณบัวเลยสู้หลวงตาบัวไม่ได้ นั่นเห็นไหมล่ะ สู้หลวงตาบัวไม่ได้ มานี้หมดเลย

ที่มาตั้งนี้ได้ร่องรอยมาจากพระพุทธเจ้าที่ทรงประทานเอตทัคคะให้พระ ไม่ได้เรียกว่าสมณศักดิ์ เอตทัคคะแปลว่าเลิศกันคนละทางๆ เพราะท่านเหล่านี้ท่านเป็นพระอรหันต์แล้วทั้งหมด ทรงตั้งเอตทัคคะคือเลิศคนละทาง คือพระอรหันต์องค์นี้เลิศทางนั้น อรหันต์องค์นี้เลิศทางนั้นๆ จนกระทั่งถึง ๘๐ องค์ มีแต่ผู้ที่เลิศคนละทิศละทาง เช่นอย่างพระสารีบุตรเลิศทางปัญญา พระโมคคัลลาน์เลิศทางฤทธาศักดานุภาพ องค์นั้นเลิศทางนั้นๆ เรื่อยไป มีแต่ท่านผู้สำเร็จเรียบร้อยแล้วสมบูรณ์แบบ ก็ให้ประกาศนามของท่านให้ทราบว่า ท่านเลิศทางไหนในปลีกย่อยเครื่องประดับบารมีของท่าน คือเครื่องประดับความบริสุทธิ์ของท่าน ท่านเลิศทางไหนบ้าง ก็บอกว่าเลิศทางนั้นๆ

เอาอันนั้นละมาตั้งสมณศักดิ์ทุกวันนี้นะ มันก็เข้ากันไม่ได้ซิ มันเลิศทางไหน ถามหาเลิศทางไหนไม่เห็นมี เลิศทางเป็นบ้ายศอย่างนั้นมี เลิศทางบ้ายศบ้าลาภ บ้าเหยียบหัวพระพุทธเจ้า ไม่มีอาวุโสภันเต เลิศไปทางนั้น มันฟังไม่ได้นะ เหล่านี้อย่าว่าเป็นการส่งเสริมศาสนานะ ส่งเสริมกิเลสความโลภ ตะกละตะกลามต่างหาก ส่งเสริมกิเลส พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวท่านก็ทรงท้อพระทัยเหมือนกัน เพราะมันตะกละตะกลามเอาเหลือประมาณ เรื่องธรรมวินัยนี่มันไม่สนใจเลย จะให้ว่าไง เรื่องธรรมวินัยอันเป็นศาสนา อันเป็นชีวิตของพระอย่างแท้จริงก็คือธรรมวินัย ประจำเพศของพระมันไม่สนใจ ยิ่งกว่าดินเหนียว หาแต่ดินเหนียวติดหัวเท่านั้น จึงน่าสลดสังเวช เวลานี้ศาสนากำลังยุบยอบถูกปิดถูกกั้นถูกเหยียบถูกย่ำเข้ามาทุกทิศทุกทาง แม้ที่สุดที่ว่าตั้งสมณศักดิ์นี้มันก็เหยียบในนั้นแล้ว อยู่ในนั้นแล้ว

        ธรรมดาพระเรา พวกสมณะก็คือความสงบ อยู่ด้วยความสงบไปตามศีลตามธรรม ประพฤติพรหมจรรย์ของตนให้มีความเจริญรุ่งเรืองทางด้านจิตใจ และความประพฤติไปโดยลำดับ ให้เหมาะสมกับหน้าที่ของพระเพศของพระ ไม่ไปหาตะกละตะกลามอะไรในสิ่งเหล่านั้น ซึ่งเป็นเรื่องของโลกๆ สกปรกของเขา ไปกว้านเอามาทำไม กว้านเข้ามามันก็สกปรกหมดละซิ นี่ก็เอาสมณศักดิ์ขึ้นเป็นใหญ่ละที่นี่ อาวุโสภันเตผู้บวชเก่าบวชแก่นี้เหยียบหัวไปเลย เท่ากับเหยียบหัวพระพุทธเจ้า

        อาวุโสภันเตคือองค์ศาสดาประทานไว้เอง อ่อนก็ว่าภันเต.อาวุโสแก่ ยกกันเป็นลำดับลำดา นี่พระพุทธเจ้าประทานไว้เอง ก็คือหลักธรรมหลักวินัยนั้นเองเป็นศาสดา นี้มันก็เหยียบอันนี้เข้าไปแล้ว จึงว่าไม่มีอาวุโสภันเต เหยียบหัวพระพุทธเจ้าไปก็ถูกต้องแล้ว มันเป็นอย่างนั้นจะให้ว่าไง คือเหยียบต่อหน้าต่อตา เหยียบทั้งทางตรงและทางอ้อม เหยียบไปหมด ขึ้นชื่อว่าเรื่องเหยียบ เหยียบตลอดนะ เรื่องส่งเสริมนั้นแทบมองหาไม่เห็นแล้วเดี๋ยวนี้ เราพูดจริงๆ

        จะมองเห็นตามป่าตามเขาที่พระท่านบำเพ็ญสมณธรรม ท่านไม่สนใจกับสิ่งเหล่านี้นะ ไม่เอา ท่านจะสนใจตั้งแต่ศีลแต่ธรรม ความประพฤติปฏิบัติทางด้านจิตใจท่านให้มีความสง่างามเป็นลำดับ ผู้ที่อยู่ในป่าในเขาท่านไม่ได้มาสนใจกับนี้ นี้เราพูดตามความจริง ไม่ยกใครยอใครให้ผิดจากหลักความจริงไป ท่านเหล่านี้ไม่สนใจละ คุยกันมีแต่เรื่องสมาธิเรื่องภาวนา การชำระจิตใจได้มากได้น้อย ในจุดศูนย์กลางนี้ก็คือเรา ศูนย์กลางแห่งพระกรรมฐานทั้งหลาย เวลานี้ก็มาตกอยู่ในเราแล้วแหละ เป็นจุดศูนย์กลางแห่งวงกรรมฐานสายพ่อแม่ครูจารย์มั่น มารวมอยู่ในตัวของเราเอง เป็นเองนะ

        คำว่าเป็นเองนี้ เป็นเองมาด้วยความเคารพนับถือของพระทั้งหลายตั้งแต่ดั้งเดิมมา ไม่ใช่มาเสกสรรว่าพ่อแม่ครูจารย์มั่นมรณภาพไปแล้ว เอาหลวงตาบัวขึ้นแทน ไม่ใช่เป็นเพียงเท่านั้น เป็นไปด้วยน้ำใจ จะเห็นได้เวลาเราปฏิบัติธรรม เอา พูดให้เต็มเม็ดเต็มหน่วย เวลานั้นท่านคับขันในทางธาตุขันธ์ ท่านจะนิพพาน ว่างั้นเถอะน่ะ เราก็คับขันระหว่างกิเลสกับธรรมฟัดกัน ไม่มีหลับมีนอน กลางวันกลางคืนหมุนติ้วๆ ส่วนพระเณรทั้งหลายนั้นเราไม่เคยสนใจกับองค์ใดนะ จึงไม่ทราบว่าท่านสนใจกับเรามากน้อยเพียงไร เราก็ไม่ทราบนะ

เวลาจะออกนี้พ่อแม่ครูจารย์มั่นก็เสริมเสียด้วย เวลาจะออกทีไรนี้จะไปทางไหนถามแล้ว จะไปกี่องค์ ก็บอกว่าเราไปองค์เดียว ท่านขึ้นทันทีเลยนะ ชี้นิ้วเลย ท่านมหาให้ไปองค์เดียว ใครอย่าไปยุ่งท่านนะ พระเณรนั่งอยู่นั้น นิ้วมือส่ายไป พูดอย่างเด็ดเดี่ยวเสียด้วย ทีนี้เราก็ไปสบายของเรา เราไม่เคยคิดว่าใครจะมาเกาะมาเกี่ยวมาจ้องมามองดูเราอะไรเลย มาทราบเอาตอนพ่อแม่ครูจารย์มั่นมรณภาพ แหม ตอนนั้นกำลังหมุนติ้วนะนั่น ธรรมจักรหมุนทั้งวันทั้งคืน คิดดูซิมาในงานศพพ่อแม่ครูจารย์มั่นเรามาอยู่ได้สี่วันในงานศพนะ ทนเอา เพราะเป็นที่เทิดทูนในส่วนสรีระ ส่วนธรรมเราเทิดทูนขนาดไหน ท่านกับเราไม่สงสัยกัน เข้าใจไหมล่ะ

ส่วนร่างกายที่เราเทิดทูนนี้ให้เป็นไปตามสมมุตินิยมที่สังคมยอมรับกัน เราก็มาทนอยู่ได้สี่วัน เท่านั้นละฟังซิน่ะ ศพพ่อแม่ครูจารย์มั่นเรามาอยู่ได้สี่วัน พอเสร็จจากนั้นผึงเลย คือมันอยู่ไม่ได้ เข้าใจไหมล่ะ อยู่กับใครไม่ได้เลย ต้องอยู่คนเดียวทั้งวันทั้งคืน นี่ละที่พระเณรรุมเรา เราหลบแหม เหมือนเขาขโมยหลบเจ้าหน้าที่นั่นแหละ หลบนี้หลบนั้น หลบเข้าป่าเข้าเขา ไปอยู่ที่ไหนไม่ได้เลยสองอาทิตย์ละ ต้องหลบเรื่อยๆ ตลอดมา นี่เราก็ไม่ทราบแต่ก่อนว่าพระเณรได้จ้องมองเราอยู่แต่เมื่อไร เพราะเราไม่สนใจกับใครยิ่งกว่าสนใจกับเราในการแก้กิเลส มันก็เป็นเองอย่างนี้แหละพูดง่ายๆ

หลังจากนั้นมาแล้วก็พรึบตลอดเลยที่นี่ พระเณรเป็นเอง ท่านเคารพเราด้วยหลักธรรมชาติแห่งความพออกพอใจด้วยกันทุกองค์ ไม่ใช่มาเสกมาสรรเราขึ้นแทนพ่อแม่ครูจารย์มั่น เคารพแทนแบบจืดๆ ชืดๆ ไม่มี เมื่อหมดท่านแล้วไม่มีที่เกาะก็มาเกาะเรา ตั้งแต่บัดนั้นมา เกาะมาเรื่อยจนกระทั่งบัดนี้ เราเลยกลายเป็นจุดศูนย์กลางของวงกรรมฐานไป ความหมายว่าอย่างนั้น ท่านเหล่านี้เคารพเรามาแต่ดั้งเดิมแล้ว ไม่ใช่มาเคารพเราในเวลาที่เราออกช่วยชาติบ้านเมืองนี้ท่านจะมาเคารพ อย่างนี้ไม่นะ ท่านเคารพปฏิปทาของเราตั้งแต่ดั้งเดิมมา

เพราะเราปฏิบัติเอาจริงเอาจังทุกอย่าง ไม่เคยลดละความดีงามทั้งหลาย ศีลธรรมสมบูรณ์แบบอยู่ตลอดเวลา แม้แต่ช่วยชาติบ้านเมืองพระเณรของเรานี้ให้เป็นสัดเป็นส่วนอยู่ตลอด ไม่ให้ใครไปยุ่งได้เลย อย่างนั้นตลอดมา สำหรับเราเองเราก็ออกไปๆ หากว่าจะให้พระท่านช่วยบ้างเป็นกาลเป็นเวลาที่จำเป็น เราก็ให้ช่วยเล็กๆ น้อยๆ แล้วปัดเข้าไปตามเดิม อย่างนี้เรื่อยมา พระเณรเคารพเราจึงเคารพมาตั้งแต่โน้นเลย ตั้งแต่พ่อแม่ครูจารย์มีชีวิตอยู่ พระเณรจะดูเราเต็มตาอยู่แล้ว แต่เราไม่เคยสนใจกับใคร

เราจะเห็นได้เวลาท่านมรณภาพ พรึบเลยทันที ไม่คาดไม่ฝันนะ นี่ละสำคัญ จากนั้นก็ติดสอยห้อยตามมาเรื่อย ติดมาด้วยความพออกพอใจ ไม่ได้ติดมาด้วยว่าเป็นสายของพ่อแม่ครูจารย์มั่น เมื่อไม่มีพ่อแม่ครูจารย์มั่นเคารพแล้วก็มาเคารพครูบาอาจารย์องค์นี้แบบจืดๆ ชืดๆ ไม่มี เกาะจริงๆ เกาะจริงๆ เลยตลอด แล้วก็เลยกลายมาเป็นศูนย์กลางของวงกรรมฐาน ที่ท่านเคารพเราเหล่านี้เป็นศูนย์กลางก็ไม่ใช่เป็นเสกสรรปั้นยอ เป็นน้ำใจของท่านเอง ที่เคยเคารพมาแล้วตั้งแต่ดั้งเดิม โดยเห็นปฏิปทาของเราเป็นมายังไง เรื่องเป็นอย่างนี้

ทีนี้การปฏิบัติธรรมเราพูดตรงๆ มีสายวัดป่าที่พอชื่นอกชื่นใจ เข้าไปหาท่านแล้วเป็นมงคลออกมา ได้ยินได้ฟังอรรถธรรม แม้ท่านไม่ได้พูดก็ตามมองเห็นก็ชื่นใจแล้ว เพราะธรรมอยู่ในนั้นแล้ว ในป่านั่นละจะมีธรรมอยู่ในป่า จากนั้นไปแล้วจะมีตั้งแต่มูตรแต่คูถเต็มบ้านเต็มเมือง พูดแล้วสลดสังเวชนะเรา สลดสังเวชจริงๆ เพราะหลักธรรมหลักวินัยอันเดียวกัน ผ่านมาด้วยกัน เรียนมาด้วยกัน ผิดถูกชั่วดีมันก็รู้ด้วยกัน แล้วค้านกันได้ยังไง เราพูดอย่างนี้ละ

ที่ว่าสมณศักดิ์เกิดขึ้นมาตามร่องรอยที่พระพุทธเจ้าประทาน เอตทัคคะให้พระที่เลิศเลอสุดยอดแล้วเป็นพระอรหันต์ แล้วก็ให้เลิศในทางนั้น องค์นี้เลิศทางนี้ องค์นั้นเลิศทางนั้น ส่วนพื้นฐานคือความบริสุทธิ์เสมอกันหมดแล้ว แต่ยังมีปลีกย่อยของนิสัยวาสนาของท่านที่สร้างมาผิดกัน เรียกว่าต้นไม้ต้นนี้กิ่งก้านสาขาดอกใบต่างกัน ต้นนี้กิ่งก้านสาขาดอกใบเป็นอย่างนั้น ต้นนั้นเป็นอย่างนั้น ต้นนั้นเป็นอย่างนั้น นั่นละกิ่งก้านสาขาเป็นเครื่องประดับนิสัยวาสนาของท่าน เช่นเก่งทางด้านปัญญา เก่งทางฤทธาศักดานุภาพ หรือเก่งทางอติเรกลาภมาก เช่น พระสิวลี เก่งตามนิสัยวาสนาของท่านที่บำเพ็ญมา แน่ะอย่างนั้นนะ ท่านยกให้เก่งคนละทางๆ 

อย่างเรานี้บวชมาพอออกมาจากอุปัชฌาย์แล้ว ก็ตั้งฟาดสมุห์ ใบฎีกา พระครู เจ้าฟ้าเจ้าคุณ สมเด็จขึ้นในเวลานั้นต่อหน้าอุปัชฌาย์ อย่างนั้นมันเกินไป มันสุกก่อนห่าม ขายก่อนซื้อ แล้วทีนี้ใครจะไปซื้อล่ะเมื่อมันขายก่อนซื้อ ก็มันขายไปแล้วนี่ ใครจะไปซื้ออะไร มันขายไปแล้ว คนขายตัว อย่างพวกเราก็เหมือนกันให้เป็นคนมีศักดิ์ศรีดีงาม ผู้ชายก็ให้เป็นผู้มีศักดิ์ศรีดีงาม ผู้หญิงก็ให้มีกุลสตรี มีศักดิ์ศรีดีงามประจำสกุลของตน รักนวลสงวนตัว นี่เรียกว่าเป็นกุลสตรี ไม่แบบสุกก่อนห่าม ขายก่อนซื้อ ใช้ไม่ได้ บทเวลาจะขายไม่มีใครซื้อ เวลาจะสุกมันเน่าแล้ว มันสุกก่อนห่าม มันเน่าแล้ว จะเอาอะไรมาสุกก็มันเน่าแล้ว เท่านั้นเอง

เดี๋ยวนี้มีแต่เรื่องเลอะเทอะๆ เราพูดจริงๆ ไม่ได้ดูถูกใคร ผ่านหลักธรรมวินัยมาได้ถึง ๗๒ ปีละมังเรา บวชมาตั้งแต่พ.. ๒๔๗๗ ถึงบัดนี้ได้กี่ปี ดูซิน่ะ เราลืมพรรษากี่พรรษาเดี๋ยวนี้ บวชวันที่ ๑๒ พฤษภาคม ๒๔๗๗ จนกระทั่งบัดนี้ เอาคิดดูได้กี่พรรษา เราไม่ได้สนใจกับอายุพรรษา สนใจแต่ความดีงามตลอดๆ จนกระทั่งพรรษาเจ้าของก็จำไม่ได้ ว่าจำพรรษาที่ไหนๆ บ้าง จำไม่ได้นะ มันมากต่อมาก แต่พรรษาเท่าไรก็เลยจำไม่ได้เดี๋ยวนี้ (๗๑ พรรษาเต็ม) นี่ละจนกระทั่งป่านนี้

เรารักษาความดีงามมาตลอด ไม่ได้ต้องติเจ้าของได้เลย เด็ดทุกอย่าง เด็ดตลอดเลย เราสร้างแต่อย่างนี้สำหรับเรา เมื่อได้ก็ได้เข้ามาสู่นี้ๆ แล้วที่จะมาตั้งให้เราเป็นอะไรๆ มันก็เหมือนดินเหนียวตกออกไปๆ มันไม่ใช่หงอนแท้เหมือนหงอนไก่ เอาดินเหนียวมาติดหัวให้เป็นเหมือนหงอนไก่มันไม่เป็น มันก็เป็นดินเหนียวอยู่งั้นละ ให้เป็นหลักธรรมชาติของตัวเอง เราสร้างมาอย่างนี้ จึงไม่สนใจกับอะไรตลอดทุกวันนี้ เรียกว่าเปิดหมดๆ เลย สามโลกธาตุนี้ปล่อยหมด ไม่สนใจกับอะไร พอทุกอย่าง พอแบบอัศจรรย์เสียด้วย พออย่างเลิศเลอ นี่ละธรรมพระพุทธเจ้าเป็นอย่างนี้ ศาสนาพระพุทธเจ้าเลิศเลออย่างนี้ ผู้ปฏิบัติต้องได้เป็นลำดับลำดามาอย่างนี้ แต่เวลานี้พวกโจรพวกมารทั้งหลายกำลังทำลายนะ ศาสนาเรากำลังถูกทำลาย ทางฝ่ายพระก็ทำลายแบบหนึ่ง ฝ่ายฆราวาสก็ทำลายแบบหนึ่ง ที่จะส่งเสริมศาสนาเราไม่เห็นมีทุกวันนี้นะ ถ้าพูดถึงเรื่องการทำลายทั้งทางตรงและทางอ้อม รอบด้านเลย ศาสนาจะไม่มีเหลือนะเวลานี้ เอาเท่านั้นละ

ผู้กำกับ มีหนังสือพิมพ์มติชน มีเกี่ยวกับหลวงตาอยู่ด้วยครับ หลวงตาไม่เหนื่อยนะครับ หนังสือพิมพ์มติชนประจำวันที่ ๑๒ ตุลาคม ๒๕๔๘ หัวข้อว่า มหาบัวสงสัยทำไมแม้วไม่ฟ้อง ยันพร้อมรับผิดชอบคดีเทวทัต แม้วก็เป็นชื่อเล่นของท่านนายกฯทักษิณ ชินวัตร ครับ มหาบัวสงสัยทำไมแม้วไม่ฟ้อง ยันรับผิดชอบคดีเทวทัต ทักษิณยื่นฟ้อง นสพ.ผู้จัดการแล้ว เรียกค่าเสียหาย ๕๐๐ ล้านบาท กรณีเผยแพร่คำเทศน์ของหลวงตามหาบัวที่เปรียบเทียบเป็นเทวทัต ซึ่งเป็นเรื่องเท็จทำให้เสื่อมเสีย ทนายความระบุฟ้องในนามส่วนตัว นายกฯทักษิณ ชินวัตร ไม่ใช่ในนามนายกรัฐมนตรี (นามอะไรนามแม้วเหรอ) ครับในนามแม้วนั่นละครับ นามส่วนตัวนั่นละครับ (นายกฯกับเราก็ลูกศิษย์กับอาจารย์ เอาว่าไป)

พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้มอบหมายให้ทนายความยื่นฟ้องบริษัทเมเนเจอร์ มีเดีย กรุ๊ป จำกัด(มหาชน) เจ้าของหนังสือพิมพ์ผู้จัดการรายวัน นางสาวเสาวลักษณ์ ธีรานุจันทร์ยง ผู้บริหารแผนฟื้นฟูกิจการ และ นายขุนทอง เลอเสรีวานิช บรรณาธิการผู้พิมพ์ผู้โฆษณา เป็นจำเลยที่ ๑ ถึงที่ ๓ ต่อศาลอาญาแล้ว ในความผิดฐานหมิ่นประมาท โดยการโฆษณาเมื่อวันที่ ๑๑ ตุลาคม ที่ผ่านมา ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก กรณีตีพิมพ์คำเทศน์ของหลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน เจ้าอาวาสวัดป่าบ้านตาด อำเภอเมือง จังหวัดอุดรธานี

ตามฟ้องโจทก์ระบุว่าเมื่อระหว่างวันที่ ๒๘ กันยายน ๒๕๔๘ จำเลยทั้งสามได้ร่วมกันหมิ่นประมาทใส่ความโจทก์ โดยตีพิมพ์พาดหัวข่าวลงในหนังสือพิมพ์ผู้จัดการความว่า หลวงตามหาบัวเทียบทักษิณเทวทัต ลั่นชีวิตแลกขวางประธานาธิบดี และพิมพ์ข้อความต่อไปว่า ผู้จัดการรายวัน หลวงตามหาบัวเทศนาตำหนิทักษิณ วิษณุ กำลังกัดกินบ้านเมือง กินตับกินปอด ก่อนหน้านี้คิดว่าเป็นคนดีมาขอให้ช่วย จึงช่วยสุดฤทธิ์ แต่มีอำนาจแล้วหลงลืม อกตัญญู มุ่งเป็นประธานาธิบดี ใช้อำนาจป่าๆ เถื่อนๆ ท้าให้เอาหัวไปตัด ถ้าตายเพื่อรักษาชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ เปรียบเลวกว่าเทวทัต เพราะเทวทัตยังรู้โทษเมื่อโดนธรณีสูบ

โจทก์เห็นว่าข้อความที่ว่า หลวงตามหาบัวเทียบทักษิณเทวทัต เป็นที่รู้กันทั่วไปว่า ทักษิณหมายถึงโจทก์ และเทวทัตหมายถึงพระญาติของพระพุทธเจ้า ซึ่งเป็นปฏิปักษ์และแข่งบุญญาบารมีกับพระพุทธเจ้าในสมัยพุทธกาล การพาดหัวข่าวเปรียบเทียบโจทก์เป็นพระเทวทัต และมีข้อความต่อไปว่า ลั่นชีวิตแลกขวางประธานาธีบดี ทำให้ประชาชนเข้าใจได้ว่า โจทก์เป็นคนชั่วมีความมักใหญ่ใฝ่สูง คิดจะเป็นประธานาธิบดี อันหมายถึงต้องการเปลี่ยนแปลงระบอบการปกครองประเทศ ที่มีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข ไปสู่ระบอบการปกครองแบบประธานาธิบดี

นอกจากนี้การเทศนาของหลวงตามหาบัวยังมีประเด็นน่าสนใจ เช่น หลอกลวงประชาชน เลือกตั้งเข้ามาแล้วไม่แก้ปัญหาความยากจนตามที่หาเสียงเอาไว้ ใช้อำนาจบาตรใหญ่แทรกแซงครอบงำวงราชการ ทหาร ตำรวจ สภา ขบวนการยุติธรรมและศาล อกตัญญูต่อครูบาอาจารย์ ซึ่งทั้งหมดเป็นความเท็จทั้งสิ้น เพราะโจทก์ไม่ใช่พระเทวทัตและบริหารประเทศตามอำนาจหน้าที่ โดยยึดมั่นในระบอบประชาธิปไตย มีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข ไม่เคยคิดเปลี่ยนแปลงการปกครอง และไม่เคยใช้อำนาจครอบงำส่วนราชการ ท้ายคำฟ้องโจทก์ระบุว่า เทศนาของหลวงตามหาบัว เป็นข้อความที่รุนแรง การที่จำเลยทั้งสามรู้อยู่แล้วว่าเป็นเรื่องไม่จริง แต่นำมาตีพิมพ์จึงเป็นการเสนอข่าว ไม่ใช่การติชมด้วยความเป็นธรรม และเกินขอบเขตสิทธิเสรีภาพของสื่อมวลชน ทำให้โจทก์ได้รับความเสียหาย และถูกดูหมิ่นเกลียดชัง

ทั้งนี้ศาลอาญารับคำฟ้อง และนัดไต่สวนฟ้องในวันที่ ๒๘ พฤศจิกายน นี้ เวลา ๐๙.๐๐ น. ในวันเดียวกันที่ศาลแพ่ง ถนนรัชดาภิเษก นายกรัฐมนตรี ยังได้มอบอำนาจให้ทนายความยื่นฟ้องจำเลยทั้งสาม เรื่องละเมิดกรณีดังกล่าวเรียกค่าเสียหายจำนวนทุนทรัพย์ ๕๐๐ ล้านบาท โดยศาลแพ่งนัดชี้สองสถานในวันที่ ๒๐ มีนาคม พ.ศ.๒๕๔๙ เวลา ๐๙.๐๐น. ด้านนายธนา เบญจาธิกุล ทนายความของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ข้อความที่หนังสือผู้จัดการตีพิมพ์ จะเป็นคำเทศนาของหลวงตามหาบัวจริงหรือไม่จริงนั้นตนไม่ทราบ แต่ถึงแม้จะมีการเทศนาจริงก็ไม่สมควรจะนำมาตีพิมพ์ เพราะรู้ว่าคำกล่าวนั้นเป็นคำกล่าวเท็จ แต่ในส่วนนี้ตนคงจะไม่มีการดำเนินคดีกับหลวงตามหาบัว เพราะเราจะไม่ฟ้องพระ

หลวงตา ว่างั้นเหรอ ถ้าเราไม่ฟ้องพระก็อย่าไปหาตีลูกศิษย์พระซิ คุณสนธิก็ทำงานเพื่อชาติบ้านเมืองก็ลูกศิษย์หลวงตาบัว เมื่อไม่ฟ้องหลวงตาบัว จะไปฟ้องคุณสนธิก็ไม่ผิด เพราะเนื้อธรรมเป็นอันเดียวกันที่เขานำออกประกาศ ประกาศได้ทุกด้าน เรื่องอรรถเรื่องธรรมนี้สอนทั่วโลก อย่าว่าแต่หนังสือพิมพ์ นอกจากนั้นเทวบุตรเทวดาทราบกันทั้งนั้นแหละ ไม่ทราบแต่พวกหูหนวกตาบอดของเรานี้เท่านั้นเอง เอา ว่าไป

ผู้กำกับ ต่อนะครับ และจะไม่นำมาเป็นพยานในชั้นศาล พร้อมยังยืนยันว่าการฟ้องร้องครั้งนี้ไม่ได้เป็นการฟ้องเพื่อปิดปากสื่อ แต่เป็นการใช้สิทธิฟ้องตามกฎหมายของนายกฯทักษิณ ชินวัตร ไม่ใช่ในฐานะนายกรัฐมนตรี ส่วนจะมีการฟ้องร้องคดีอื่นเพิ่มเติมอีกหรือไม่ ขณะนี้กำลังอยู่ในระหว่างการพิจารณา

นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีหลายฝ่ายวิจารณ์ว่า รัฐใช้กฎหมายหมิ่นประมาทเล่นงานสื่อมากขึ้น หลังจากนายกรัฐมนตรีฟ้องร้องหนังสือพิมพ์ผู้จัดการเพิ่มอีก ๕๐๐ ล้านบาท ว่าผู้ฟ้องคิดว่าถูกละเมิดก็ต้องฟ้องเป็นธรรมดา เรื่องนี้เป็นการฟ้องเอกชนเป็นคดีแพ่ง เป็นความเสียหายส่วนบุคคล จะเรียกค่าเสียหายเท่าไหร่ก็ได้ แต่ศาลจะให้เท่าไหร่เป็นอีกเรื่องหนึ่ง การเรียกมากก็ยิ่งต้องเสียค่าธรรมเนียมศาลมาก

นายทองก้อน วงศ์สมุทร ศิษยานุศิษย์ใกล้ชิดหลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน กล่าวว่า กรณีฟ้องร้องดังกล่าว ตนได้เรียนเรื่องนี้ให้ท่านหลวงตาได้ทราบแล้ว ท่านบอกว่าทำไม พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ถึงไม่มาฟ้องท่าน เพราะท่านเป็นผู้เทศน์ท่านยินดีรับผิดชอบในคำเทศน์ของท่าน ควรจะฟ้องท่านมากกว่า ไม่ควรฟ้องนายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ก่อตั้งหนังสือพิมพ์ผู้จัดการ ผิดถูกอย่างไรให้มาว่าที่หลวงตา เพราะหากคิดว่าคำเทศน์ของท่านเป็นคำเท็จก็ควรฟ้องท่าน นายทองก้อนกล่าว

นายทองก้อนกล่าวต่อไปว่า ส่วนกรณีที่หลวงตามหาบัวจะต้องมาขึ้นศาลและเป็นพยาน อันนั้นยังไม่ได้เรียนเรื่องนี้ให้ท่านทราบ แต่คิดว่าอยู่ที่กระบวนการพิจารณาของศาลว่าจะเป็นอย่างไร ทั้งนี้พฤติการณ์ที่เกิดขึ้นกลุ่มลูกศิษย์ของหลวงตามหาบัว เสียใจในการกระทำของนายกรัฐมนตรีครั้งนี้ เพราะนายกรัฐมนตรีเองก็เป็นลูกศิษย์ของหลวงตามหาบัวเช่นเดียวกันกับนายสนธิ จะทำอะไรก็ควรจะมาไต่ถามและคุยกันก่อน และเชื่อว่าเรื่องนี้จะกระทบต่อความนิยมในตัวท่านนายกรัฐมนตรีแน่นอน และอาจมีผลต่อการเลือกตั้งต่อๆ ไป อย่างไรก็ตามทางกลุ่มของตนคงจะยังไม่มีการเคลื่อนไหวอะไรในขณะนี้

หลวงตา ธรรมดาเราเป็นครูบาอาจารย์ทั้งสอง เป็นอาจารย์ของนายกฯด้วย เป็นอาจารย์ของคุณทักษิณด้วย ระหว่างลูกศิษย์กับลูกศิษย์มีอะไรๆ ก็ปรึกษาหารือกันได้ไปถือสีถือสากันอะไร ลูกศิษย์อันเดียวกันก็เหมือนแขนซ้ายแขนขวา จะให้แขนซ้ายชนะแขนขวาแพ้มันก็ดูไม่ได้ใช่ไหม ให้ข้างไหนชนะข้างไหนแพ้ดูไม่ได้ทั้งนั้น ให้คุณทักษิณชนะ ให้คุณสนธิแพ้ก็ใช้ไม่ได้ ให้คุณสนธิชนะคุณทักษิณก็ใช้ไม่ได้ ที่ใช้ได้ก็คือว่าเราเป็นลูกศิษย์หลวงตาบัวด้วยกัน มีอะไรพูดกันได้ในฐานะลูกศิษย์กับอาจารย์ เท่านั้นก็สงบเรียบร้อยแล้ว อะไรจะมาหาฟ้องหาร้องกัน มันยิ่งประกาศขายความเลวทรามของตัวเอง เป็นผู้ใหญ่ขนาดนั้นมาเล่นกับเด็กใช้ไม่ได้เลย เข้าใจเหรอ ต้องเอาอย่างนั้นซิ

เราลูกศิษย์มีครูนี่ มีอะไรก็พูดกันได้ธรรมดา การที่มาฟ้องร้องนี้มันขายนายกฯนั่นนะ ไม่ได้ขายใคร ปรับหนี้ปรับสินเท่าไรล้านๆ ไม่สำคัญยิ่งกว่านายกฯเราเสียคนเดียวเท่านั้นเสียหมดทั้งประเทศ เข้าใจเหรอ นี่ในฐานะหลวงตาเป็นอาจารย์ของทั้งสองคน นายกฯกับคุณทักษิณให้เลิกกัน ฟ้องกันหาอะไร แขนซ้ายแขนขวามาตีกันหาอะไร เกิดประโยชน์อะไร เลิก เอา แขนซ้ายทำงานอะไรให้ไปทำ แขนขวาถ้ามีงานอะไรให้ไปทำเท่านั้นเอง ขวนขวายหาประโยชน์มาสู่ตัวเอง ทั้งแขนซ้ายแขนขวาหาประโยชน์เข้าใจไหม ทั้งคุณทักษิณทั้งคุณสนธิ หาประโยชน์มาสู่ชาติของเราเท่านั้นเป็นที่พอใจ

ในฐานะเราเป็นอาจารย์ ฟัง หยุด อย่าทะเลาะกันระหว่างลูกศิษย์กับอาจารย์ มันขายหลวงตาบัวด้วย ขายโลกเขาเห็นด้วย ดูไม่ได้ รัฐบาลไม่เคยมีอย่าให้มีในนี้ นี่เป็นรัฐบาลลูกศิษย์หลวงตาบัวมีอยู่ในนั้นด้วยนะ เข้าใจแล้วเหรอ อุ๊ย ทุเรศเราก็พูดไปอย่างนั้นละ เราก็พูดไปอย่างนั้นจะให้ว่าไง มันออกไปนี้ก็ไปกัดกันตรงนั้น ตีตรงนี้หลบมานี้มากัดกันตรงนี้อยู่นั้น จะให้ว่าไง

ผู้กำกับ เพิ่มเติมนิดหนึ่ง เพื่อหลวงตาจะให้ท่านนายกฯใจเย็นๆ ลงหน่อย อันนี้ทนายความเขานะครับ นายธนา ยังกล่าวอีกว่าสำหรับการนำเสนอของหนังสือพิมพ์ผู้จัดการในครั้งนี้นั้น พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร รู้สึกโกรธและจะเดินทางมาฟ้องร้องด้วยตนเอง แต่เนื่องจากติดภารกิจต้องเดินทางไปต่างประเทศ จึงได้มอบหมายให้ตน(ทนายความ) เป็นตัวแทนมาฟ้องร้องในวันนี้ ครับ

หลวงตา อย่ามาด้วยตัวเองเถิด ตั้งแต่ฟ้องมานั้นมันก็พอแล้วนายกฯเรา ยิ่งจะมาด้วยตัวเองแล้วจมเลยเชียว อย่ามา ทักษิณนายกฯอย่ามา อาจารย์สั่งไม่ให้มา มันจะมาขายหมดทั้งประเทศชาตินี่นะ (เขาบอกว่ารู้สึกโกรธ) อย่าโกรธ หลวงตาไม่สอนให้โกรธ โกรธทำไม อย่าโกรธ เราลูกศิษย์มีครูโกรธทำไม อาจารย์ไม่ให้โกรธ ใครจะว่าอะไรก็เฉยสบาย เหมือนหมาปล่อยหำเข้าใจไหม สบายเหมือนหมาปล่อยหำ เฉย แต่คนไม่ได้พอปล่อยตบปุ๊บๆ คน แต่หมานี้เฉยเลย อยากไปดูตัวอย่างก็ไปดูไอ้หมีเราซิ ก็เท่านั้นแหละ พูดอะไรตลกไปอย่างนั้นละ ก็มีเท่านั้นละ อย่าฟ้องกันลูกศิษย์กับอาจารย์ไม่ใช่เรื่อง แล้วนายกฯเราเป็นพ่อของประเทศชาติ คุณสนธิก็เป็นลูกของชาติ แล้วพ่อจะมาฆ่าลูกมาทำลายลูกดูไม่ได้เลย ในฐานะเราเป็นอาจารย์ดูลูกกับพ่อฆ่ากัน ทั้งพ่อทั้งลูกก็เป็นลูกศิษย์ของเรา ฆ่ากันใหญ่ใช้ไม่ได้เข้าใจไหม ให้เลิกเสีย

(กราบเรียนตอนนี้เขาอยู่ต่างประเทศ พูดอย่างนี้คงไม่ได้ยินบอกให้ผู้ที่ใกล้ชิดเอาเทปอันนี้ไปให้ท่านนายกฯ) ไปหรือไม่ไปก็ตามเถอะเราพูดแล้วเท่านั้น ขี้เกียจติดตามเรื่องขี้หมา เราก็พูดไปอย่างนั้นแหละ เอาละนะสายแล้ว

(เกี่ยวกับเจดีย์วัดอโศฯครับ งบประมาณการก่อสร้างทั้งหมด ๖๗,๖๕๐,๒๐๐ ตอนนี้ได้ดำเนินการไปแล้ว แล้วก็ได้เบิกเงินไปแล้วจำนวน ๓๗,๐๑๗,๖๘๒ บาท ยังจะต้องจ่ายอีกจำนวน ๓๐,๖๓๒,๕๑๘ บาทครับ) เอ้อ เท่านั้นละเราก็ช่วยกันไปจะว่าอะไร ช่วยกันอย่างนี้แหละ อันนี้ก็เจดีย์ใหญ่กระเทือนทั่วประเทศไทย เจดีย์นี้ครูบาอาจารย์ทั้งหลายที่เป็นเพชรน้ำหนึ่งๆ จะเข้าที่นั้นหมดเลย พระอรหันต์สมัยปัจจุบันพูดง่ายๆ จะเอาพระธาตุของท่านบรรจุไว้ที่นั่น ให้ประชาชนชาวพุทธเราได้กราบไหว้บูชาเป็นขวัญตาขวัญใจเป็นเวลานาน มีเท่านั้นละ

 

รับฟังรับชมพระธรรมเทศนาของหลวงตา ได้ที่

www.Luangta.com หรือ www.Luangta.or.th

และรับฟังจากสถานีวิทยุสวนแสงธรรม กรุงเทพฯ และสถานีวิทยุอุดร

FM 103.25 MHz


** ท่านผู้เข้าชมทุกท่านโปรดทราบ
    เนื่องจากกัณฑ์เทศน์บางกัณฑ์มีความยาวค่อนข้างมาก ซึ่งจะส่งผลต่อความเร็วในการเปิดเว็บไซต์ ขอแนะนำให้ทุกท่านได้อ่านเนื้อหากัณฑ์เทศน์บางส่วนจากเว็บไซต์ และให้ทำการดาวน์โหลดไฟล์กัณฑ์เทศน์ที่มีนามสกุล .pdf ไปเก็บไว้ในเครื่องของท่านแทนการอ่านเนื้อหาทั้งหมดจากเว็บไซต์

<< BACK

หน้าแรก