หลวงตาเป็นหลวงตาตลอดเวลา
วันที่ 5 ตุลาคม 2548 เวลา 8:20 น. ความยาว 43.1 นาที
สถานที่ : วัดป่าบ้านตาด
| |
ดาวน์โหลดเพื่อเก็บไว้ในเครื่อง
ให้คลิกขวาแล้วเลือก Save target as .. จาก link ต่อไปนี้ :
ข้อมูลเสียงแบบ(Win)   วิดีโอแบบ(Win Narrow Band)

ค้นหา :

เทศน์อบรมฆราวาส ณ วัดป่าบ้านตาด

เมื่อวันที่ ๕ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๕๔๘

หลวงตาเป็นหลวงตาตลอดเวลา

         ครั้งพุทธกาลไม่มีไมค์นะ ครั้งนี้มีแต่มันก็เอาไปโฆษณาทางเสียเสียมาก เรื่องอรรถเรื่องธรรมไม่ค่อยมี ถ้ามีผู้ฟังเสียงอรรถเสียงธรรมและปฏิบัติธรรมอยู่ โลกเฉพาะอย่างยิ่งในเมืองไทยของเรา ก็จะเป็นโลกที่สงบร่มเย็น ไม่คอยเอารัดเอาเปรียบ ชิงดีชิงเด่นมันชิงชั่ว ถ้าเอาธรรมเข้าไปแล้วก็จะมองเห็นหัวใจเขาหัวใจเรา เรื่องเอารัดเอาเปรียบ เรื่องเอาแพ้เอาชนะมันเรื่องหมากัดกัน ไม่ใช่เรื่องมนุษย์ที่มีธรรมต่อกัน

พุทธศาสนาเป็นศาสนาที่ให้ความสงบร่มเย็นแก่โลกมานานแสนนาน ดังที่หลวงตาได้แสดงหรือสอนพี่น้องทั้งหลายมานี้ เฉพาะเปิดเผยก็ตั้งแต่เริ่มออกช่วยชาติมาเป็นเวลา ๗ ปีนี้ ถ้าเทศน์จะเป็นสักกี่กัณฑ์ ธรรมนี้เป็นธรรมน้ำดับไฟชะล้างสิ่งสกปรกโสโครกทั้งหมด ไม่มากก็ให้ออกได้พอมองเห็นตัวคนบ้าง อย่ามองเห็นแต่มูตรแต่คูถเต็มเนื้อเต็มตัว มูตรคูถคือขี้โลภ ขี้โกรธ ขี้หลง ราคะตัณหา นี่เรียกว่ามูตรว่าคูถ มีอยู่ที่หัวใจโลกด้วยกันทั้งท่านทั้งเราตำหนิกันไม่ได้ สิ่งเหล่านี้ไม่ค่อยมีบกพร่องแหละ มีแต่สมบูรณ์ๆ เป็นน้ำล้นฝั่งไปเลย เพราะฉะนั้นโลกจึงได้รับความเดือดร้อน ส่วนธรรมกระจายออกไปที่ไหนมีความสงบร่มเย็นๆ

เราอยากรู้ชัดเจนก็ให้นำธรรมพระพุทธเจ้าไปปฏิบัติ เราจะทราบว่าพระพุทธเจ้าประกันสัตว์ทั่วโลก ประกันไว้ไม่ให้ไปทางต่ำทางลงนรกอเวจี แต่โลกมันก็แย่งชิงลงไป ไหลลงไปทางต่ำมากต่อมาก ธรรมนี้เป็นธรรมที่ฉุดลากขึ้นจากหล่มลึก คือความทุกข์ความร้อนทั้งหลาย ธรรมเป็นอย่างนั้น ธรรมไปที่ไหนชุ่มเย็นถ้าผู้ปฏิบัติหรือเห็นด้วยธรรม ถ้าตรงกันข้ามแล้วก็เห็นว่าธรรมนี้เป็นข้าศึก ผู้แสดงธรรมผู้สอนธรรมกลายเป็นข้าศึกต่อโลกกิเลสไปหมด ถ้าปล่อยให้แต่กิเลสออกทำงานอย่างเดียวไม่ให้มีธรรมเลย จะยิ่งเหลวแหลกไปอีก หาความหมายไม่ได้เลย

ท่านทั้งหลายพิจารณาลองแยกไปใช้ดูซิน่ะ โลกกิเลสตัณหาเข้าจุดไหนๆ เหมือนหมากัดกัน ถ้าโลกอรรถโลกธรรมเข้าที่ไหนไว้ใจกันได้ ต่างคนต่างมีอรรถมีธรรมเข้ามาหากันนี้ จะเป็นที่สนิทติดใจต่อกันและกัน ความเห็นอกเห็นใจกัน ความเฉลี่ยเผื่อแผ่ ความเมตตาสงสาร ความดูใจท่านใจเรา นี่คือธรรม ไม่ได้ดูแต่ใจตัวเองแล้วใจคนอื่นเป็นถ่านไฟไปหมด หรือเป็นเถ้าเป็นถ่านไม่เกิดประโยชน์อะไร ไม่เหมือนใจเราซึ่งเลิศเลอยิ่งกว่าโลกทั้งหลายทั้งๆ ที่เลวกว่าโลกนั้นแหละ

ถ้ามีธรรมในใจแล้วจะเฉลี่ยถึงกันและกันได้หมด ไม่มีชาติชั้นวรรณะ เรื่องธรรมแล้วครอบไปหมดเลย ให้ความสงบร่มเย็นต่อกัน ต่างคนต่างมีธรรมในใจเข้ามาหากัน มีความสนิทสนมตายใจกันได้ เชื่อถือกันได้ ถ้าเป็นเรื่องกิเลสมีเท่าไรเป็นไฟไปตามๆ กันหมด ต่างกันอย่างนี้แหละ ยกตัวอย่างพระที่ท่านปฏิบัติดีปฏิบัติชอบเพื่ออรรถเพื่อธรรมจริงๆ เราพูดเลยเราไม่ได้ยกได้ยอ เราพูดตามความจริงของท่านที่มีอรรถมีธรรม ต่างท่านต่างมาศึกษาอบรม เฉพาะอย่างยิ่งวัดป่าบ้านตาดเป็นที่รวมของพระทั้งหลายเป็นหมื่นๆ แสนๆ ไม่ใช่ธรรมดา คือมาแล้วก็ให้ทะยอยออกไป ผ่านเข้าผ่านออก มาอบรมพอสมควรแล้วก็ออกไป ถ้าจะรับไว้หมดวัดนี้ไม่มีที่อยู่เลยแหละ

พระเหล่านี้ท่านมา บางรายท่านเป็นเศรษฐีก็มีมาในนี้ ดอกเตอร์ดอกแต้อะไรไม่ต้องพูดแหละเต็มอยู่ในนี้ พระฝรั่งมาจากประเทศไหนบ้างๆ เฉพาะเวลานี้มีอยู่ดูเหมือน ๗ องค์ ๘ องค์พระฝรั่งอยู่ในวัดนี้ ท่านมานี้แล้วเป็นแบบเดียวกันหมดเลย ตายใจกันได้ทั้งนั้น ไม่ได้มีโอ้อวดว่าเป็นความรู้ความฉลาด มีฐานะสูงอย่างนั้นอย่างนี้ ท่านเหล่านี้ไม่เคยมี มาแล้วมุ่งต่ออรรถต่อธรรม ฟังเสียงอรรถเสียงธรรมจากครูจากอาจารย์แล้วนำไปปฏิบัติ ตายใจกันได้ทั้งวัดนี้เลย  วัดนี้จึงเป็นเหมือนอวัยวะเดียวกัน มีจำนวนมากขนาดไหน

ตั้งแต่เราเกี่ยวข้องกับพระเจ้าพระสงฆ์มานี้เป็นเวลา ๕๖ ปี ก็ไม่เคยปรากฏว่าพระได้มาทะเลาะเบาะแว้งกันให้เราเห็นต่อหน้าต่อตา อย่างนี้ไม่เคยมี เฉพาะอย่างยิ่งในวัดป่าบ้านตาดตั้งแต่สร้างวัดมา เรายังไม่เคยได้เห็นพระทะเลาะกัน ถ้าความจริงแล้วอย่างน้อยก็น่าทะเลาะกัน มากกว่านั้นก็เอากันแหลกได้ เพราะต่างคนต่างมาจากประเทศที่เจริญรุ่งเรือง ตั้งแต่สหรัฐมาแหละ ประเทศไหนๆ มานี้หมด มานี้เอาธรรมเป็นที่สักการบูชา ปฏิบัติตามธรรม เหมือนผ้าพับไว้เหมือนกันหมดในนี้

ยังไม่เคยปรากฏว่าพระวัดนี้ได้เกิดมีความทะเลาะเบาะแว้งกัน ให้ได้ยินถึงหูเรา ถึงขนาดว่าเราได้มาชำระสะสาง ไม่เคยมี ก็เพราะนำธรรมเข้ามาปฏิบัติ องค์ไหนก็มีธรรมด้วยกัน มีวินัยด้วยกัน หลักธรรมหลักวินัยเป็นหลักตายใจของตัวเอง และตายใจต่อกันและกันได้ พระท่านเรียกว่าสมานสังวาส มีความเป็นอยู่ด้วยศีลด้วยธรรมเสมอกัน ท่านมีความสงบร่มเย็นด้วยกัน อย่างที่มาอยู่ในวัดป่าบ้านตาด

วันนี้จะว่ายกยอวัดป่าบ้านตาด หรือยกยอท่านที่มาจากต่างประเทศว่ามานี้มาด้วยอรรถด้วยธรรมจริงๆ ไม่นำทิฐิมานะฐานะสูงต่ำเข้ามาอวดอ้างกันเลย มีแต่มาเสาะแสวงหาอรรถหาธรรมด้วยกัน เมื่อต่างท่านต่างมาศึกษาอบรม นำธรรมไปปฏิบัติแล้วมีความสงบร่มเย็นเหมือนกันหมด ถ้าพูดถึงเรื่องความพร้อมเพรียงสามัคคีก็เหมือนกัน ว่าอะไรถึงเวลานี้พร้อมเพรียงกันพรึบๆ เลยในวัดนี้ เช่นปัดกวาดเช็ดถู ถึงเวลาท่านจะมาพรึบพร้อมกันเลยๆ ไม่ต้องบอก ไม่ต้องมีระฆงระฆังตีให้สัญญงสัญญาณ เพราะท่านมีนาฬิกาอยู่ด้วยกัน ถึงเวลาท่านดูนาฬิกาท่านแล้วท่านก็ลงตามเวลา เพราะเราบอกเวลาไว้เรียบร้อยแล้ว

นี่ละที่ว่าเราจะพูดชมเชยบรรดาพระต่างประเทศ ทั้งประเทศไทยทั่วประเทศมานี้ก็ไม่เคยทะเลาะกัน พระต่างประเทศมาอยู่ที่นี่ก็ไม่เคยทะเลาะกัน นี่เพราะอะไร ก็เพราะอรรถเพราะธรรมเป็นเครื่องสมัครสมานให้มีความตายใจเชื่อถือกัน พึ่งเป็นพึ่งตายกันได้ นี่ละธรรมนำไปปฏิบัติที่ไหน ที่เราพูดยกยอในวัดป่าบ้านตาดนี้ก็คือ นี้เป็นสถานที่รวมแห่งการอบรมธรรมทั้งหลายไม่ว่าประเทศใดๆ มาอยู่นี้ เราก็ไม่เคยได้เห็นว่าพระเหล่านี้มาทะเลาะเบาะแว้งกัน ถึงขนาดที่เราได้ชำระอธิกรณ์ต่างๆ ไม่เคยมี ตั้งแต่ตั้งวัดนี้

เหมือนอย่างเมื่อวานกับวันนี้ก็เหมือนกัน เพราะหลักธรรมหลักวินัยตายตัวอยู่ในหัวใจของท่าน กิริยาที่แสดงออกก็ตายใจๆ ได้เหมือนกันหมดทั้งเมื่อวานทั้งวันนี้ ทั้งต่อไป หลักธรรมหลักวินัยมีอยู่ในใจเป็น อกาลิโก มีความสงบเย็นใจตลอดเวลาไม่มีอะไรมาทำลายได้ เช่น กาลเวล่ำเวลาสถานที่มาทำลายไม่มี เพราะศีลธรรมอยู่กับใจ เคลื่อนไหวไปมาอะไรมีแต่อรรถแต่ธรรมต่อกัน ยิ้มแย้มแจ่มใส

เราจึงอยากขอบิณฑบาต ให้พี่น้องทั้งหลายได้มองดูธรรมบ้าง ธรรมที่นำมาสอนโลกก็นำมาสอนอย่างนี้ พระพุทธเจ้าเป็นองค์เลิศเลอก็คือกิเลสที่เป็นฟืนเป็นไฟภายในพระทัยไม่มีเหลือเลย เป็นผู้บริสุทธิ์พุทธะล้วนๆ สมนามเป็นพระศาสดาของโลก สอนโลกได้ถึงหมื่นโลกธาตุว่างั้นเถอะ อย่าว่าแต่สามโลกธาตุนี่เลย คือศาสดาองค์เดียวนี้เท่านั้น ไม่มีใครเป็นคู่แข่งเลย ธรรมสอนได้หมด โลกธาตุไหนก็ไม่เหนือธรรม ธรรมเหนือไปหมด ให้ความร่มเย็นแก่โลก

ทีนี้เมื่อเราน้อมธรรมเข้ามาปฏิบัติต่อธรรมตามที่ได้ศึกษาอบรมมา อย่างไรเราแน่ใจเลยว่าจะได้รับความสงบร่มเย็นไปตามๆ กัน ส่วนย่อยอย่างครอบครัวผัวเมียอยู่ด้วยกันเป็นผาสุก เพราะต่างคนต่างมีศีลมีธรรมด้วยกัน ลูกเล็กเด็กแดงเกิดมาอยู่ในความปกครองของพ่อของแม่ มองดูพ่อดูแม่อยู่ตลอดเวลา พ่อแม่เป็นบุพพาจารย์ เป็นอาจารย์ในเบื้องต้นก่อนใครทั้งหมด พวกลูกเล็กเด็กแดงดูพ่อดูแม่ เพราะเป็นครูเป็นอาจารย์ทุกอย่างอยู่ในแบบพิมพ์นั้นหมดคือพ่อแม่ แล้วเด็กก็ได้นำธรรมอันดีงามนี้ไปใช้ๆ ในครอบครัวนั้นก็เย็น ลูกเล็กเด็กแดงก็เย็น สกุลนั้นก็เย็น ต่างคนต่างนำไปปฏิบัติแล้วจะเย็นทั่วหน้ากัน

เรื่องธรรมเป็นอย่างนี้ ไม่เคยเป็นข้าศึกต่อโลกแต่กาลไหนๆ มา มีแต่เป็นคุณเป็นมหาคุณต่อโลกทั้งนั้น จึงอยากให้พี่น้องทั้งหลายได้ปฏิบัติตามอรรถตามธรรม ไม่มากก็ขอให้ได้เถอะ ศาสนาเข้าอยู่ที่ใจจะรู้สึกเป็นความร่มเย็นขึ้นที่ใจ มีเกาะมีที่ยึดภายในจิตใจ ไม่เพียงแต่ว่าไปหายึดสมบัติเงินทองข้าวของยศถาบรรดาศักดิ์ ซึ่งเป็นเรื่องลมๆ แล้งๆ โดยถ่ายเดียว แล้วก็นอนใจไม่ได้ พอใจขาดเท่านี้เราจมลงนรกได้เพราะทิฐิมานะความสำคัญตนว่ามั่งว่ามี ว่ายศถาบรรดาศักดิ์สูง อยากทำอะไรก็ไม่เกรงอกเกรงใจใคร

อยากทำอะไรก็เอาอำนาจบาตรหลวงด้วยทิฐิมานะนี้ทำๆ ลงไป ส่วนมากมีแต่ความชั่วช้าลามก กระทบกระเทือนจิตใจผู้อื่นให้ได้รับความเดือดร้อนไปตามๆ กัน แล้วการกระทำเช่นนั้นก็เป็นกรรมของผู้ทำเอง ตายลงไปแล้ว สมบัติเงินทองข้าวของยศถาบรรดาศักดิ์ช่วยไม่ได้เลย กรรมของเจ้าของที่ชั่วช้าลามกนั้นขยำลงสู่นรกอเวจีที่ตัวคนที่ตาบอดที่สุดนั้นลบบาปบุญ นรกว่าไม่มี แล้วพวกนี้ละพวกที่ไปจมอยู่ในนรก

เหมือนนักโทษอวดดีต่อเจ้าหน้าที่ อวดดีต่อเรือนจำ จะไม่ให้ติดคุกติดตะราง ถึงเรือนจำมีก็ตามจะไม่ให้ติด ว่าเป็นคนฉลาดเหนือคน แล้วเห็นไหมตายกองกันอยู่ในเรือนจำนั่น เคยได้ยินไหมเรือนจำนักโทษตายแต่ละคนๆ นี้ เคยได้ยินเขานิมนต์พระไปกุสลามาติกาให้มันไหมล่ะ ไม่เคยเห็นนะ เมืองไทยเราถือพุทธศาสนา ต้องถือธรรมถือพระเจ้าพระสงฆ์เป็นที่พึ่งทั้งเป็นทั้งตาย เวลาล้มหายตายจากกันไปที่ไหนต้องนิมนต์พระมากุสลามาติกา ส่งบุญส่งคุณต่อกันในครั้งสุดท้าย แต่พวกเรือนจำนี้นักโทษตายคนไหนไม่เคยได้ยินเขามานิมนต์พระไป กุสลา ธมฺมา สำหรับวัดหลวงตาไม่เคยได้รับนิมนต์จากเรือนจำ ตายแล้วมานิมนต์หลวงตาบัวไปกุสลา ไม่เคยมี

พูดเหล่านี้เราพูดถึงเรื่องว่า ความชั่วช้าลามกมันอยู่กับตัว ไม่ได้อยู่กับยศถาบรรดาศักดิ์ อันนั้นเป็นเครื่องให้ลืมตัว หลงตัว แล้วก็ทำความชั่วช้าลามก ตายแล้วจมได้ๆ ถ้าธรรมแล้วเชื่อบุญเชื่อกรรม ใครทำดีได้ดี ใครทำชั่วได้ชั่ว ให้เชื่อตรงนี้ อย่าไปเชื่อแต่อำนาจบาตรหลวงป่าๆ เถื่อนๆ อย่างที่เป็นกันอยู่เวลานี้ เมืองไทยเรามีหูมีตาทุกคน พระอยู่ในวัดท่านก็มีหูมีตามีใจเหมือนกัน โลกทำได้พระทราบได้ ทำดีทำชั่วประการใด ความเคลื่อนไหวของโลก การปกครองโลกปกครองกันไปอย่างไร พระท่านอยู่ในวัดท่านก็รู้ได้เห็นได้ เป็นแต่ว่าท่านไม่ไปเกี่ยวข้องเท่านั้น นอกจากมีเหตุจำเป็นที่มาเกี่ยวโยงกับพระ พระมีส่วนเกี่ยวข้องได้ ถ้าธรรมดาพระท่านไม่สนใจ ดูแต่ความผิดพลาดแก้ไขตนเอง ให้ความผิดพลาดนั้นหมดไปๆ นี่ก็เป็นที่พอใจแล้วสำหรับพระ

         เราจึงอยากให้พี่น้องทั้งหลายได้ปฏิบัติตน ไม่มากก็น้อยสมว่าเราเป็นชาวพุทธ อย่าไปตื่นเห่อกับเขา โลกอันนี้โลกฟืนโลกไฟ หลอกลวงกันไปอย่างนั้นละ หาสาระไม่ได้ ที่จะเอาสาระจริงๆ จะเป็นจะตายจริงๆ จิตจะประหวัดๆ ตัวนะ ให้ดูหัวใจตนเอง ผู้ใดมีบุญมีกุศลแล้วผู้นั้นจะอบอุ่น เวลาเป็นก็อบอุ่น เวลาตายคุณงามความดีมีอยู่กับตัวของเราอบอุ่น ไปก็ไปสถานที่รื่นเริงบันเทิง จะยกตัวอย่างให้พี่น้องทั้งหลายทราบ พระท่านปฏิบัติจนกระทั่งถึงมรรคผลนิพพานอยู่ปัจจุบันนี้มีมากนะ ผู้ทรงมรรคทรงผล โสดา สกิทา อนาคา อรหันต์ ในวัดวงปฏิบัติ ในพระที่วงปฏิบัตินี้มีอยู่มากนะทุกวันนี้

         อกาลิโกมีผลตลอดเวลาสำหรับผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ แล้วผู้ทำชั่วก็มีผลชั่วตลอดเวลาเช่นเดียวกัน ในพุทธศาสนาเป็นอย่างนี้ เราก็ตั้งใจปฏิบัติศาสนามาตั้งแต่วันบวช มาถึงนี้ก็เป็นเวลา ๗๑-๗๒ ปีนี้ละมัง ไม่เคยทำความชั่ว เจตนาที่จะทำความชั่วไม่มีตั้งแต่วันบวชมาจนกระทั่งบัดนี้ เราอุตส่าห์ประคับประคองตนให้ไปในทางที่ถูกที่ดี อะไรไม่ดีปัดออกๆ แม้แต่เรียนหนังแส่หนังสืออยู่ในโรงร่ำโรงเรียนทางด้านปริยัติ การรักษาศีลธรรมสมบูรณ์เต็มที่ๆ ตลอดมา ไม่ตำหนิตนเองได้เลย เพราะไม่มีสิ่งตำหนิ นอกจากว่ามีหิริโอตตัปปะความสะดุ้งกลัวต่อบาปต่อกรรมอยู่ตลอดเวลา

         จนออกประพฤติปฏิบัติธรรม ทีนี้ชำระกิเลสตัวมัวหมองมืดตื้ออยู่ภายในจิตใจ ใจที่ว้าวุ่นขุ่นมัวอยู่ ศีลมีอยู่ ใจที่มีกิเลสอยู่ภายในนั้นมันก็บังคับจิตใจให้เกิดความเดือดร้อนวุ่นวายได้อยู่นั้นแหละ ทีนี้เราชำระจิตใจเหล่านี้โดยลำดับลำดา จิตใจมีความสงบเย็นเข้ามาๆ เย็นเข้าโดยลำดับ จนมีความสว่างไสวอยู่ภายในใจตนเอง ถึงกับได้อุทานตัวเอง นี้พูดให้พี่น้องทั้งหลายฟัง ถึงได้อุทานตัวเองว่าอย่างไร คือจิตนี้เมื่อถูกชำระเข้าๆ แต่ก่อนมีแต่มูตรแต่คูถได้แก่กิเลสตัณหาครอบหัวใจอยู่ ความสว่างไสวมากน้อยเพียงไรก็เหมือนไฟฟ้าที่มีแก้วครอบดำๆ ปิดไว้แล้ว ความสว่างในไฟเหล่านั้นก็ไม่ปรากฏ เพราะถูกแก้วดำๆ ครอบไว้หมด ใจจะสว่างขนาดไหนก็ตาม สิ่งดำๆ คือกิเลสปิดไว้หมดมองไม่เห็น

         ทีนี้เวลาชำสะสางสิ่งเหล่านี้ออกไปโดยลำดับ จิตใจรู้สึกอย่างน้อยทีแรกมีความสงบเย็นใจ เราก็ไม่เคย ตั้งแต่เป็นฆราวาสญาติโยมมาไม่เคยได้รับความสงบเย็นใจ เหมือนอย่างที่ออกมาปฏิบัติจิตตภาวนา ความสงบเย็นใจ จากนั้นก็ขึ้นความสว่างไสว จากนั้นขึ้นถึงความอัศจรรย์ภายในใจตัวเอง จนกระทั่งได้อุทาน นี้เราเองเป็นผู้อุทานเอง ได้พูดในตำรับตำราก็มี เอาความจริงมาพูด เวลาเดินจงกรมอยู่นั้นจิตใจมันสว่างจ้าครอบไปหมดโลกธาตุนี้ ฟังซิน่ะ แต่ก่อนมันเป็นฟืนเป็นไฟเผาไหม้อยู่ตลอดเวลา

         เมื่อเอาธรรมมาชำระๆ เข้าไปโดยลำดับ จนถึงขั้นสว่างไสว ขั้นว่างไปแล้วทีนี้สว่างจ้า ก็เกิดอุทานขึ้นในตัวเอง โอ้โห จิตของเรานี้ทำไมมันถึงได้สว่างไสวเอาขนาดนี้ โดยไม่เคยคาดเคยคิด แล้วมาเป็นกับจิตของตัวเอง ทั้งสว่างไสวทั้งเป็นของอัศจรรย์ในจิตนี้ นี่เป็นแล้วนะ เป็น นี่ละเวลาเราบำเพ็ญตัวเองขึ้นไป ถึงขนาดว่าอัศจรรย์ตัวเองในความดี เห็นไหมล่ะ ทีนี้เวลาทำความชั่วมันจะเป็นอย่างไร ไม่อัศจรรย์นี้ก็อัศจรรย์ทางความชั่วอีกเหมือนกัน นี่เราปฏิบัติมาที่ได้นำมาสอนพี่น้องทั้งหลาย

         จากอัศจรรย์นี้แล้วก็เตลิดเปิดเปิงฟาดเสียขาดสะบั้นไปหมด บรรดากิเลสที่มีมากน้อยครอบหัวใจ กระจายไปหมดไม่มีเหลือเลย ทีนี้จิตสว่างจ้าตั้งแต่บัดนั้นมาจนกระทั่งบัดนี้ แล้วเราก็ได้นำธรรมนี้มาสอนโลกตลอดมาจนกระทั่งปัจจุบันนี้ จิตดวงนั้นก็เป็นหลักธรรมชาติของมันอยู่นั้นเอง ถ้าว่านิพพานเที่ยงเราไม่สงสัย นิพพานเที่ยงคืออะไร จิตดวงสว่างจ้าที่เป็นนิพพานเป็นๆ ในขันธ์ของเรานี้ละ นี่ละนิพพานทั้งเป็น แล้วนำเอาธรรมที่เป็นธรรมธาตุนี้สอนโลกด้วยความเมตตาสงสาร

         เราสอนโลกเราไม่ได้สอนด้วยความฝ่ายนั้นฝ่ายนี้นะ เราไม่ได้ตำหนินู้นตำหนินู้นโดยหาเหตุผลไม่ได้ ตำหนิสิ่งที่ชั่ว ชมเชยสิ่งที่ดี แล้วให้ชำระสิ่งที่ชั่ว และส่งเสริมสิ่งที่ดีให้ดีขึ้นนี้เท่านั้น การสอนโลกก็สอนอย่างนี้ อย่างทุกวันนี้ก็เหมือนกัน เพราะการสอนมีกว้างมีแคบต่างกัน แล้วแต่เหตุการณ์ที่ควรจะเกี่ยวข้องกับอรรถกับธรรมตรงไหนก็สอนไปๆ เช่นอย่างประชาชนสามัญธรรมดา ฟาดจนกระทั่งถึงวงราชการงานเมือง ฟาดถึงรัฐบาล ทำไมธรรมะจึงไปได้หมด ก็เพราะมันมีเชื้อไฟที่จะให้ธรรมะลุกลามไปได้ ถ้ามีเชื้อที่ตรงไหนไฟจะลุกลามไปหมด อยู่บนภูเขาไฟก็ไหม้บนภูเขาได้ เพราะมีเชื้ออยู่ที่นั่น

         ทีนี้คนชั่วคนดีมีอยู่ทั่วไป ไม่ว่าประชาชนคนธรรมดา ไม่ว่าวงราชการงานเมือง จนกระทั่งถึงวงรัฐบาลก็มีเชื้อไฟคือความผิดพลาดอยู่นั้นแหละ ธรรมะท่านจะกระจายเข้าไปสอนโลกๆ อย่างนี้ ธรรมะนี้เป็นเหมือนไฟได้เชื้อ สอนโลกทั่วถึงกันไปหมด นี่ละการสอนโลกเราจึงเอาแน่นอนไม่ได้การสอน พระพุทธเจ้าเหมือนกัน สอนไปตามเหตุผลกลไก แล้วผู้ที่หวังอรรถหวังธรรม เมื่อธรรมะท่านเตือนที่ใด เพราะธรรมะไม่เป็นภัยต่อใคร เป็นคุณทั้งนั้น แล้วนำธรรมะนี้ไปประพฤติปฏิบัติตัวก็จะค่อยดีวันดีคืน ทุกสิ่งทุกอย่างจะดีขึ้นไปๆ ธรรมไปอยู่ที่ไหนดีที่นั่น สงบร่มเย็นที่นั่น

         จึงขอให้พี่น้องทั้งหลายได้นำธรรมนี้ไปปฏิบัติตนเอง ถ้ามีแต่โลกล้วนๆ เขาตื่นเรา เราตื่นเขา เป็นบ้านี้แล้วหาทางไปไม่ได้ จนตรอกจนมุม ตายแล้วจมด้วยกันทั้งนั้น อย่าเข้าใจว่าความเพลิดเพลินของเราที่เป็นไปด้วยอำนาจของกิเลสนี้จะพาไปขึ้นสวรรค์ชั้นพรหม ได้รับความสุขบรมสุข ไม่มีทาง นอกจากพาให้ล่มจมโดยถ่ายเดียว เอาธรรมนี้เท่านั้น ให้เป็นความสงบร่มเย็นภายในจิตใจ ตายแล้วเย็นไปเลยๆ แม้แต่ยังไม่ตายก็รู้ รู้ตั้งแต่ยังไม่ตาย รู้อยู่ในหัวใจตนเอง เวลานี้จิตเป็นอย่างไร รู้ ยิ่งผู้ปฏิบัติให้ถึงขั้นสุดยอดแห่งธรรมแล้ว เรียกว่าเป็นอรหัตภูมิ อรหัตบุคคลแล้วอยู่ที่ไหนจ้าตลอดเวลา เป็นตายท่านทราบไว้เรียบร้อยแล้ว ท่านไม่มีอะไร มีแต่ความบรมสุขอยู่อย่างนั้นครอบโลกธาตุ ซึ่งเต็มไปด้วยกองทุกข์ ท่านอยู่ในท่ามกลางแห่งกองทุกข์ด้วยบรมสุขของท่านเอง นั่น

         นี่ละการประพฤติตัวให้เป็นคนดีเป็นอย่างนี้ ให้หันหน้าเข้าวัดเข้าวา หันหน้าเข้าศีลเข้าธรรมบ้างนะ เวลานี้หันหน้าจะลงนรกอเวจี ใครก็ชิงดีชิงเด่น มันไม่มีดีมีเด่นอะไรให้ชิงละ มันมีแต่ความชั่วช้าลามก ชิงไม่ชิงมันก็ชั่วช้าอยู่อย่างนั้น ยิ่งมาผสมกันแล้วก็ชิงชั่วช้าลามกเข้าไปเป็นไฟเผากัน พากันจำเอานะบรรดาพี่น้องลูกหลานทั้งหลาย วันนี้ก็พูดเพียงเท่านี้ ว่าจะไม่พูดมันก็ได้พูดอยู่นั้นแหละ มองดูที่ไหนๆ ก็มาหวังผลหวังประโยชน์ ควรจะสงเคราะห์กันได้มากน้อยเพียงไรก็ต้องสงเคราะห์กันอย่างนี้ละ พากันจำเอานะ เอาละเทศน์เพียงเท่านี้

         ผู้กำกับ จากลูกศิษย์ทางกรุงเทพเขาส่งเป็นข้อความมานะครับ

หลวงตา เขาส่งข้อความอะไรมา หูฟังให้ดีนะให้ระวัง อะไรไม่ดีให้ปัดออก อะไรดีให้กว้านเข้ามา ไม่ใช่อะไรไม่ดียิ่งกว้านเข้ามาเผาตัวเองนะ เราเตือนไว้ก่อน มีอะไรเอ้าว่ามา

ผู้กำกับ เขาบอกมาดังนี้นะครับ เมื่อวันที่ ๔ ตุลาคม ๔๘ ในช่วงเวลา ๑๑.๐๐ น.–๑๑.๓๐ น. ทางทีวี อสมท. ช่อง ๙ นายสมัครได้พูดออกรายการ โดยพาดพิงหรือว่ากล่าวว่าหลวงตา สืบเนื่องจากหนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์ เขาไปลงบอกชมเชยหลวงตาว่าเหมือนสมัยสมเด็จพระนเรศวรมหาราช มีพระสังฆราช วัดป่าแก้วนะฮะออกมาช่วยชาติบ้านเมือง แล้วปัจจุบันนี้ก็มีหลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน วัดป่าบ้านตาด อำเภอเมือง จังหวัดอุดรธานี นี้ออกมาช่วยชาติบ้านเมือง แต่นายสมัครก็บอกว่า ไปลงยังงั้นได้ยังไงหนังสือพิมพ์ นี่นายสมัครเขาพูดนะครับ หลวงตาเทศน์ใช้วาจาหยาบคายกล่าวเรื่องอวัยวะของเพศหญิง อันนี้ขาดจากการเป็นสมณเพศแล้ว เขาก็ยกว่ามีพุทธวจนะ บทที่ ๒ ระบุเอาไว้ เขาว่าอย่างนี้ครับ

แล้วหนังสือที่เขาลงเนี่ย ว่าหลวงตาเหมือนกับกระตุกท่านนายกรัฐมนตรี สมควรจะรับฟังเทศน์ของหลวงตา นำไปแก้ไขปฏิบัติในทางที่ถูกที่ควร แต่นายสมัครเขาไม่ได้เอาตามคำแนะนำของหนังสือพิมพ์ กลับมายกเอาคำเทศน์ของหลวงตา แล้วกลับมาว่ากล่าวหลวงตา ทั้งๆ เขาที่เขาไม่ได้ช่วยชาติบ้านเมืองอะไรเลย หลวงตาเอาสั้นๆ ทองคำ ๑๑ ตัน ๓๗ กิโลครึ่งอยู่ในคลังหลวง นายสมัครออกสักตันไหม ที่ว่าช่วยชาติบ้านเมืองน่ะ มีปัญญาหรือเปล่า นี่นะฮะ แล้วก็บาทเดียวหลวงตาก็ไม่เคยเอามาเป็นส่วนตัว แต่นายสมัครเนี่ยเมื่อก่อนก็ไม่ค่อยมีเงินมีทอง เดี๋ยวนี้ไปดูบ้านเอาก็แล้วกันนะครับ เมื่อก่อนบ้านเล็กๆ เดี๋ยวนี้บ้านใหญ่โตครับ ตั้งแต่ลงมาเล่นการเมืองนี่ล่ะครับ ทีนี้ลูกศิษย์ทางกรุงเทพฯเขาก็ทนไม่ได้ เขาก็เลยส่งข่าวมา ผมก็นำมากราบเรียนหลวงตาดังกล่าวนี่ล่ะครับ

หลวงตา  ลูกศิษย์มันเป็นบ้ามันทนไม่ได้ มันร้อนนะนั่นน่ะ ลูกศิษย์เรานั่นล่ะลูกศิษย์หลวงตาบัว พอเขาว่าอาจารย์ของตัวนิดหน่อยเท่านั้น โมโหโทโสขึ้นเคียดแค้นมันได้ผลแล้วนั่น ถ้าเราเป็นนายสมัครเราจะบอกนายสมัครเลยว่า ให้ยกทั้งโคตรมาว่าให้พวกนี้อีก พวกนี้ไม่มีโคตร มีแต่มันคนเดียวรับเคราะห์รับกรรมจากคำตำหนิของนายสมัครเข้าใจไหม พวกนี้เลวเข้าใจไหม หลวงตาบัวที่เป็นอาจารย์ของนายสมัคร ให้นายสมัครยกมาทั้งโคตรนี้สามโลกธาตุยกมา หลวงตาบัวเป็นหลวงตาบัวตลอดเวลาเข้าใจไหม ดีก็ไม่รับ ชั่วก็ไม่รับ พอหมดแล้ว อย่างนั้นจึงเป็นนักธรรมสอนโลกซิ เขามาตำหนิแล้วก็หน้าจ๋อยไป ถ้าเขาชมจมูกโด่งไปเลย จมูกโด่งก็เห็นแต่จมูกนายสมัครเท่านั้น จมูกเรามันไม่เป็นเข้าใจไหม ต้องให้สนุกอย่างนี้ซิ

มันสนุกฟังโลกดูโลกสกปรก พูดง่ายๆ อันนี้มันจ้าอยู่แล้วนี่ว่าไง ใครว่าอะไรสนุกฟังทั้งนั้นละ ไม่มีถือสีถือสาใครนะ เขาว่าอะไร นี้พูดอย่างสนุกด้วยนี่นะ เราพูดนี้เป็นความสนุกตลกตามนิสัยด้วยเข้าใจไหมล่ะ เอาละพอใจ ลูกศิษย์คนไหนเขาว่าให้ไปเคียดให้เขา ลูกศิษย์คนนั้นใช้ไม่ได้เข้าใจไหม ถ้าลูกศิษย์คนไหนเขาว่าก็ให้ฟังเขาว่า แล้วไอ้เรื่องที่ว่าพูดอวัยวะนี้นายสมัครเขาว่าไง ย้ำอีกหน่อยน่ะ เอ้อๆ ย้ำอีกหน่อยตรงนี้มันสำคัญอยู่นะ

ผู้กำกับ เขาว่าหลวงตาเทศน์ใช้วาจาหยาบคาย เอ่ยอวัยวะของเพศหญิง แล้วก็หลวงตาได้ขาดจากการเป็นสมณะแล้ว แล้วเขาก็อ้างในพระไตรปิฎก เรียกว่ามีพุทธวจนะ บทที่ ๒ (ว่าไงบทที่ ๒ ว่ามา หลวงตาเรียนน้อยๆ) ลูกศิษย์เขาก็บอกว่าแค่นี้ เพราะนายสมัครเขาไม่ได้บอกทั้งหมดว่าที่ว่าบทที่ ๒ เนี่ยว่ายังไง แต่ถ้าให้คาดเดาก็คิดว่าคำพูดหยาบคายนั่นแหละครับ

หลวงตา นั่นละพี่น้องทั้งหลายฟัง นี่เป็นภาษานายสมัครนะที่พูดอย่างนี้ ที่เราพูดนี่เป็นภาษาธรรม พูดได้ตามหลักความจริงตรงไปตรงมา หีมีก็บอกว่าหีมี โค็ยมีก็บอกว่าโค็ยมี แต่นายสมัครเขาว่าหีมี ไม่ให้มีหี ผู้หญิงไม่มีหี ผู้ชายไม่ให้มีโค็ย ไอ้นี้ลบล้างไปหมด แต่ภาษาธรรมว่าหีมีบอกว่ามี โค็ยมีบอกว่ามี หำมีบอกว่ามี หนองกะปาดมีบอกว่ามีเข้าใจไหม เอ้า พิจารณาก็แล้วกัน คนหนึ่งพูดอย่างตรงไปตรงมาเรียกว่าภาษาธรรม คนหนึ่งปิดไว้ๆ เหมือนหนองกะปาดปิดหำเข้าใจไหม ฟังนะเราจะพูดนิทานหนองกะปาดให้ฟังมาประกอบกันนี้นะ หนองกะปาดน่ะ

อีตานั้นแกขายวัว แกเลี้ยงวัวฝูง พ่อค้าเขาก็ไปซื้อวัวกับแก ทางพ่อค้าเขาจะให้ตัวละ ๓ บาท เขาจะซื้อตัวละ ๓ บาท ไอ้ลูกค้านะ พ่อค้าก็ว่าจะเอา ๔ บาทๆ แกนั่งนั่งแบบนี้ ฟังให้ดีนะ ดู ออกนี้ออกทางทีวีเลย หลวงตาบัวพูดตามความจริง นั่งปล่อยหำซิไม่รู้ตัว ทีนี้พอเมียขึ้นมา กำลังต่อรองกันอยู่ เจ้าของจะเอา ๔ บาท ผู้ที่มาซื้อเขาจะให้เพียง ๓ บาท ทีนี้นั่งปล่อยหำ เมียขึ้นมามาเห็นหำผัวเลยอายเขา เลยขยิบตาใส่ผัว พอขยิบตาแล้วก็เข้าห้อง พอเห็นเมียขยิบตาใส่นึกว่าเมียให้ขึ้นราคา ทีแรกว่าจะเอา ๔ บาทๆ พอเห็นเมียขยิบตาใส่ ๕ บาทๆ เลย ๔ บาทไม่อยู่ เอา ๕ บาท เพราะเมียขยิบตาว่าให้ขึ้นราคา ความจริงเมียเตือนว่าอย่าปล่อยหำให้เขาดู พอออกมาเมียก็ว่า นี่ที่เขาให้ ๓ บาทนั้นก็ควรขายแล้ว แล้วทำไมจึงไม่ขายเสีย ก็เธอขยิบตาใส่ฉันนึกว่าให้ขึ้นราคาฉันก็ขึ้นราคา ไม่ขยิบยังไงก็ปล่อยหำให้เขาเห็นมันอายเขาจะตายไปว่างั้นนะ อู๊ย เสียดายเขาไปหมดแล้ว นี่นิทานปล่อยหำ มันปล่อยก็บอกว่าปล่อยเข้าใจไหม มันมีจริงๆ หนองกะปาด นิทานสด

นี่ละภาษาธรรมพี่น้องทั้งหลายฟังเสียนะ จะไม่ถือว่าอะไรหยาบอะไรไม่หยาบ โลกเขาถือกันอย่างนั้นอย่างนี้ มีก็บอกว่าไม่ให้มี เป็นอย่างนั้นเรื่องของโลก ถ้าธรรมแล้วตรงไปตรงมา นี่ภาษาของนายสมัครเป็นภาษาของนายสมัครของโลก ภาษาของหลวงตาบัวนี้เรียกว่าเป็นภาษาของธรรม พูดตามอรรถตามธรรมไปอย่างนี้เข้าใจหรือเปล่าล่ะ เอาละพอใจ พอใจกับคำพูดนายสมัคร แต่เราจะไม่ปฏิบัติตามนายสมัครนะ เราจะบอกว่ามีตามจริง หมามีหำเราก็บอกว่าหมามีหำเข้าใจไหม คนมีหำก็จะบอกว่ามีหำว่าอย่างนี้ตลอดไป ธรรมเปิดเผยตลอด ให้แก้ไขตามนั้นก็แล้วกัน แล้วมีอะไรอีกล่ะ

นี่ละพูดอยู่นี้ ออกนี้ได้เห็นได้ยินกันทั่วโลกนะ ที่กิริยาของหลวงตาบัวปล่อยหนองกะปาดเข้าใจไหม เขาก็ได้เห็นได้ยินได้ฟัง นี่เพราะอะไร เพราะเราไม่มีอะไรกับโลก เราพูดตามกิริยาของโลกต่างหาก เรื่องเหล่านี้ไม่มีในหัวใจของเราเข้าใจแล้วเหรอเราไม่มี กิริยาของโลกมันมียังไงก็แสดงตามโลก ธรรมสอนโลกก็เป็นอย่างนั้น

พูดกับโลกก็อย่างว่า ก็เราไม่มีอะไรพูดได้เฉย มันไม่มีอะไร เขาว่าอะไรเราก็เฉย พอพูดแล้วหายเงียบเลย พูดตามกิริยาของโลกให้ฟังเอานะพี่น้องทั้งหลาย มาฟังหลวงตาบัวจะได้ฟังหลายแบบนะ พี่น้องทั้งหลายมาวันนี้ขาดทุนหรือได้กำไร ได้ผลประโยชน์สมที่มาวัดป่าบ้านตาดไหม วันนี้เราพูดตามกิริยาของโลกเป็นยังไง เราพูดไปตามกิริยาของโลกเราพูดจริงๆ ส่วนใจเราแล้วไม่มีอะไรในโลกว่างั้นเลยพูดให้มันชัดเจนอย่างนี้ละ เราไม่มี ใครจะตำหนิมา ยกโคตรมาก็เฉย ใครจะมาชมเท่าไรก็เฉยเหมือนกัน พอทุกอย่าง เราไม่เอาทั้งคำติคำชมเป็นส่วนเกินทั้งหมด ธรรมชาติที่พอแล้วนั้นเลิศเลอพอแล้ว ไม่จำเป็นจะเอาอะไรมารับอีก เอาละที่นี่จะให้พรนะ

 

รับฟังรับชมพระธรรมเทศนาของหลวงตา ได้ที่

www.Luangta.com หรือ www.Luangta.or.th

และรับฟังจากสถานีวิทยุสวนแสงธรรม กรุงเทพฯ และสถานีวิทยุอุดร

FM 103.25 MHz

 


** ท่านผู้เข้าชมทุกท่านโปรดทราบ
    เนื่องจากกัณฑ์เทศน์บางกัณฑ์มีความยาวค่อนข้างมาก ซึ่งจะส่งผลต่อความเร็วในการเปิดเว็บไซต์ ขอแนะนำให้ทุกท่านได้อ่านเนื้อหากัณฑ์เทศน์บางส่วนจากเว็บไซต์ และให้ทำการดาวน์โหลดไฟล์กัณฑ์เทศน์ที่มีนามสกุล .pdf ไปเก็บไว้ในเครื่องของท่านแทนการอ่านเนื้อหาทั้งหมดจากเว็บไซต์

<< BACK

หน้าแรก