เทศน์อบรมฆราวาส ณ วัดป่าบ้านตาด
เมื่อวันที่ ๓ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๕๔๘
ไม่เห็นกิเลสแต่สั่งสมทุกวัน
ก่อนจังหัน
วันนี้เป็นวันทำบุญประเพณีอะไรก็ตามเถอะ คือเป็นวันทำบุญ พวกเปรตพวกอะไรทราบได้ดี ทราบดีกว่าคนเราอีกนะพวกเปรต คือพวกนี้พวกหิวโหยมากคอยที่จะรับอาหารจากญาติมิตรที่ไปทำบุญให้ทาน และอุทิศส่วนกุศลไปให้ พวกนี้รู้ได้ดีทุกอย่าง คอยสอดคอยส่องมารอ เช่นอย่างเรามาทำบุญอย่างนี้ พวกเปรตทั้งหลายนี่เขาจะมาแอบคอยฟังคอยรับทานที่ญาติทั้งหลายมาทำบุญให้ทานและอุทิศส่วนกุศลไปให้ พวกนี้ก็ยิ้มแย้มแจ่มใสเบิกบานกลับไป บางรายถึงขึ้นสวรรค์เลยก็มี มีเยอะ ในหนังสือท่านแสดงไว้ ขึ้นสวรรค์จากญาติมิตรที่ทำบุญอุทิศถวายให้
บางพวกหน้าเหี่ยวหน้าแห้ง จะเป็นจะตายจะสลบไสลกลับไป เพราะไม่มีญาติมาทำบุญให้ทานเลย พวกนี้เป็นทุกข์มาก พวกที่เป็นสุขก็มารับส่วนบุญส่วนกุศลจากญาติที่มาทำบุญนี้แล้วไป ถึงสวรรค์มีเยอะ ในคัมภีร์ท่านบอกไว้ คัมภีร์พระพุทธเจ้าไม่ใช่คัมภีร์โกหกโลกเหมือนคัมภีร์กิเลสนะ คัมภีร์กิเลสนี้เต็มตั้งแต่เรื่องโกหกทั้งนั้น เราได้ทำบุญนี้นอกจากเป็นบุญเป็นกุศลสำหรับเราแล้ว พวกญาติพวกมิตรทั้งหลายยังได้รับส่วนบุญส่วนกุศลจากเราอีก ญาติเกี่ยวข้องกันมาตั้งดึกดำบรรพ์ ไม่ใช่ว่าเกิดมาญาติเมื่อวานปีกลายปีก่อนนะ ญาตินานแสนนาน มารอรับส่วนกุศลของเรา ใครไปทำบุญให้ทานอุทิศส่วนกุศลให้ ญาติเหล่านี้ก็ได้ผ่านพ้นจากทุกข์เป็นลำดับลำดาไป
เพราะฉะนั้นบรรดาเปรตทั้งหลายจึงเสาะจึงแสวง เรื่องงานการมีที่ไหนๆ จะเข้าไปแทรกๆ คอยรับส่วนบุญส่วนกุศลจากญาติของตนที่จะทำบุญอุทิศไปให้ว่างั้นเถอะ พากันจำเอานะ วันนี้เป็นวันบุญอะไร (ปักษ์ใต้เขาจะทำบุญเดือน ๑๐ อุทิศให้เปรต ทางภาคอีสานเราเลยมาแล้ว) ที่ไหนๆ ก็มีญาติมีวงศ์เหมือนกัน สำคัญอยู่ที่ตรงนั้น เมื่อญาติมิตรทำบุญอุทิศไปให้แล้วก็ได้รับด้วยกันนั่นแหละ วันนี้มีงานอันหนึ่งเป็นงานทำบุญให้ทาน ส่วนเจ้าของได้รับบุญกุศลแล้วพวกญาติมิตรทั้งหลายก็ได้รับส่วนกุศลจากเรา
ท่านแสดงไว้ใน ติโรกุฑฑกัณฑสูตร ชัดเจนมากทีเดียว พวกเปรตที่มาแล้วกลับไปด้วยความยิ้มแย้มแจ่มใส เปลี่ยนชั้นเปลี่ยนภูมิไปเรื่อยๆ พวกที่มาแล้วจิตใจเหี่ยวแห้ง เสียอกเสียใจกลับไปมีเยอะ ท่านแสดงไว้ เรามีญาติด้วยกันทุกคนอย่าเข้าใจว่าไม่มีนะ มีด้วยกันทุกคน ญาติใกล้ญาติไกล ญาติเป็นเวลานานกระชั้นเข้ามา มีญาติทั้งนั้นละ เวลาทำบุญแล้วให้อุทิศส่วนกุศลนี้ไปให้ญาติของตนๆ จะเป็นบุญเป็นกุศลทั้งญาติของตนและทั้งตนด้วย พากันจำเอา จะให้พร
หลังจังหัน
บุหรี่นี่ภาษาภาคอีสานเราเขาเรียกว่ากอกยา เขาไม่เรียกบุหรี่ ก็พอดีท่านสิงห์ทองอีกเหมือนกันมาจากอุบล ขึ้นรถมา ปีนั้นมันสงครามโลก ไฟหายาก รถยนต์ต้องใช้ถ่าน ไม่ได้มีน้ำมันนะ พอดีท่านสิงห์ทองขึ้นรถมาคันนั้นเองเพราะฉะนั้นถึงจำได้ดี บ้าตัวนี้เก่งนะถ้าเป็นเรื่องตลกเรื่องเล่นนี้ท่านสิงห์ทองจำได้แม่นยำมากเชียว ทีนี้นั่งรถมา ก็มีอีตาคนหนึ่งแกอยู่ข้างถนน แกขุดสวนขุดไร่อยู่นั่น แกไม่ได้สูบยาสูบบุหรี่ แกก็ฉลาดดีเหมือนกัน แกก็ออกมารอที่ถนน เวลารถเขามาแกก็โบกมือให้รถเขาหยุด ทีนี้พวกอยู่ในรถเขาก็บอกว่า รับไหมๆ เขาว่างั้น มีคนเดียว รับไหม เอ้อ รับเสีย ได้ค่าบุหรี่ซองหนึ่งก็เอา เขาพูดกันบนรถนะ เอ้า รับเสีย ได้ค่าบุหรี่ซองหนึ่งก็เอา
พอไปถึงแกยังโบกมืออยู่ เอ้า ขึ้นลุงๆ โอ๋ย พ่อไม่ขึ้นหรอก พ่อโบกมือมาขอต่อกอกยาต่างหาก แล้วจะทำไงก็เลยให้เฒ่าต่อกอกยา พอไปถึงนั่นแกก็โบกมือให้รถหยุด รถเขาก็หยุด ก่อนจะหยุดเขาถามกันก่อน จะรับไหมมีคนเดียวเท่านี้ เอ้อ รับก็รับเสีย ได้ค่าบุหรี่ซองหนึ่งก็เอา ว่างั้น พอไปถึงนั้นก็จอดรถปุ๊บ เอ้า ขึ้นลุง โอ๊ย พ่อไม่ขึ้นแหละ พ่อโบกมือมาขอต่อกอกยา หมดท่า ก็เลยให้เฒ่าต่อกอกยาต่อไฟต่อบุหรี่ พอแกต่อกอกยาแล้วออกจากนี้แกก็ไปขุดสวนแกควันถมดังสบายเลย
ทางนี้ติดรถเท่าไรก็ไม่ติด มันรถถ่านไม่ใช่รถน้ำมัน โอ๊ย เป็นเพราะเฒ่าห่านี่ละ ว่าเฒ่าห่าแต่หัวเราะทุกคนเด้ บ่ได้เคียดให้เฒ่า เป็นเพราะเฒ่าห่านี่ละ จุดยังไงรถก็ไม่ติด คือรถใช้ถ่านติดเครื่องไม่ง่าย พอติดแล้ว เขาเคลื่อนย้ายรถออกไปก็เห็นแกขุดสวนอยู่นั่น นี่ๆ เฒ่าห่านี่ แล้วหัวเราะกันลั่นนะ ด่าว่าเฒ่าห่าแต่มีแต่หัวเราะทั้งนั้น คือไม่เคยเห็น ไปโบกมือให้รถหยุด พอรถหยุดแล้วก็ไปขอต่อบุหรี่สูบบุหรี่ มันเคยมีไหมประเทศไทยเรา มันก็มีนะ ท่านสิงห์ทองเอามาเล่า หัวเราะลั่น
ภาษาภาคอีสานเขาเรียกกอกยา เขาไม่เรียกบุหรี่ รถไปเห็นแกโบกมืออยู่นั่น จะรับไหมมีคนเดียว เขาปรึกษากับพวกรถเขา เอ้อ รับก็รับเสีย ได้ค่าบุหรี่ซองหนึ่งก็เอาเขาว่า พอไปจอดรถปั๊บ เอ้า ขึ้นลุง อู๊ย พ่อไม่ขึ้น พ่อโบกมือเพื่อขอต่อกอกยาต่างหาก หมดท่า ก็เลยจำเป็นต้องได้ต่อ หามผีตกป่าช้าไม่เผาได้ยังไงใช่ไหม นี่จำเป็นแล้วก็เลยให้แกต่อยาสูบบุหรี่ ทีนี้พอต่อเสร็จแล้วติดเครื่องรถมันไม่ติดละซิ ทำยังไงก็ไม่ติด เป็นเฒ่าห่านี่ละ ใครก็ว่าเฒ่าห่านี่ละ แล้วหัวเราะกันลั่นนะ เป็นเพราะเฒ่าห่านี่ละ รถมันไม่ไป จนกระทั่งรถไปได้แล้ว พอรถย้ายออกไป นี่ๆ เฒ่าห่า ขุดสวนอยู่ข้างถนน เฒ่าก็ขุดเฉย ควันถมดัง นี่เป็นความจริงไม่ใช่เล่นๆ ท่านสิงห์ทองไปได้เรื่องมาเอง ท่านสิงห์ทองนั่งรถมาด้วยนั่นซี พูดเรื่องเขาต่อกอกยา
นี่มาจากอุบลที่ท่านสิงห์ทองเล่านี่นะ มาจากอุบลมานครพนม มาทางสายอำนาจเจริญ ยอมสารภาพเลยตั้งแต่ไปอยู่ภูทอก ท่านสิงห์ทองยอมสารภาพ เอ้า ใครเก่งให้มา เล่าให้อาจารย์หมออวยฟัง อาจารย์หมออวยก็อยากไปดูเหตุการณ์ เอา ให้ไปๆ ใครที่ไม่เชื่อว่าผีมีหรือเปรตมีอะไรให้ไป ไปตัดสินกันในเขาลูกนี้แหละ อันนี้เขาเรียกภูทอก เราผ่านไปผ่านมาอยู่งั้น จากนั้นมาอำเภอนาแกแล้วก็ไปอำเภอคำชะอี เราเคยผ่านไปผ่านมา เขาลูกนี้เขาเรียกภูทอก มันมีเขาลูกเดียวใหญ่ๆ อยู่นั้น
ทีนี้ก็มีผู้เฒ่าหลวงตาองค์หนึ่งท่านอยู่ในภูเขาลูกนั้น ลูกนั้นมันแตกแง่ออกไปทางโน้นอันหนึ่ง อันนี้อันหนึ่งอันใหญ่ ที่มันเป็นร่องลงมาจากภูเขา ผู้เฒ่าอยู่ถ้ำนั้น ถ้ำนี้เป็นถ้ำหนึ่งสำหรับรับแขกพระแขกพระอาคันตุกะมา ส่วนมากจะมาพักถ้ำนี้ ส่วนถ้ำนั้นผู้เฒ่าหลวงตานั้นอยู่เป็นประจำแล้วแหละ จนกระทั่งรู้เรื่องของพญานาคได้ดี ว่างั้น พอท่านสิงห์ทองไปถึงนั้นผู้เฒ่าก็บอกเลย คุณหลานๆ มาวันนี้ให้ตั้งใจให้ดีนะ ตามธรรมดาพระอาคันตุกะมาจากที่ต่างๆ มาพักที่นั่นพญานาคจะลงมา จะแสดงอาการต่างๆ หลายประเภทให้ได้เห็น ผู้เฒ่าก็เตือน อย่ากลัวนะ หลวงพ่อเคยอยู่นี้มานานแล้วแหละ รู้นิสัยของพญานาคตัวนี้ได้ดี เขามาทักทายธรรมดา เขาไม่ได้มาเป็นภัยต่อเราไม่ต้องกลัว เขาจะแสดงอาการอะไรก็ตาม ให้ทราบว่าเป็นกิริยาแห่งการต้อนรับของเขา
บอกไว้ก่อนก็เพราะกลัวจะกลัว ท่านสิงห์ทองเป็นคนกล้าหาญไม่ใช่เล่นนะ ท่านสิงห์ทองมาจากบ้านศรีฐาน แต่ก่อนไม่มีรถยนต์ต้องเดินทางมา มาหาพ่อแม่ครูจารย์มั่นที่หนองผือนี่ พอดีมาถึงภูเขาลูกนั้นค่ำพอดี มาด้วยกันกับพระแต่กี่องค์ไม่ทราบ หากมีพระมาด้วยกัน พอขึ้นถ้ำนั้นแล้วผู้เฒ่าก็ตะโกนเรียกมาได้ยินชัดเจน เตือนว่า ญาติพี่น้องจะมาเยี่ยมนะกลางคืนวันนี้ เพราะคุณหลานมาใหม่เขาจะมาทักทาย แล้วอย่ากลัวนะ มีลักษณะต่างๆ ที่เขาจะมาแสดงอาการ แสดงอาการอะไรก็ตามเป็นการทักทาย ไม่มีภัยมีกรรมอะไรแหละ ไม่ต้องกลัว
พอดีกลางคืน ท่านก็บอกตรงๆ ท่านสารภาพเพราะเดินทางมาทั้งวันท่านว่า พอสามทุ่มท่านก็นอน คิดว่าพอตื่นขึ้นมาท่านจะเดินจงกรม ท่านสิงห์ทองทำความเพียรเดินจงกรมเก่งมากนะ มันเป็นภูเขายาว เป็นถ้ำ ผู้เฒ่าอยู่ทางด้านนั้น ทางนี้เป็นร่อง ภูเขามีสระอยู่ข้างบน สระน้ำไม่กว้างนักนะอยู่ข้างบน เขาเขียนประกาศไว้ว่า ห้ามไม่ให้ผู้หญิงลงอาบน้ำที่สระนี้ ถ้าลงอาบแล้วน้ำนี่จะเหม็นคลุ้งไปหมดเลย ถ้าต้องการให้ตักขึ้นไปใช้ไปอาบเอา อย่าลงสระ เขาประกาศไว้เลย นี่พญานาคเป็นเจ้าของ
พอสามทุ่มเท่านั้นก็พญานาคนั่นละมาปลุกนะ ท่านนอนหลับสนิทอยู่ มาเป็นเหมือนงู เหมือนตัวเท่าต้นเสานี่ พอตื่นขึ้น ฟ่อๆ ๆ อยู่บนหัว ท่านนอนบนเตียงบนแคร่ งูใหญ่ตัวนั้นก็มาฟ่อๆๆ อยู่นี่ ท่านสิงห์ทองก็เลยร้อง หลวงพ่อๆ มันเสียงอะไร งูใหญ่มาจากไหนนี่จะมากลืนผม บอกแล้วว่าอย่ากลัว ไม่กลัวยังไงมันจะงับหัวผมอยู่เดี๋ยวนี้น่ะ บอกแล้วก็ไม่ฟังไม่มีอะไรแหละ ไม่ฟังอะไรมันจะตายเดี๋ยวนี้ ท่านสิงห์ทองเวลากลัว มันจะตายเดี๋ยวนี้ แล้วทำไงล่ะ พอคนพูดอย่างนั้นมันก็เงียบนะ เสียงเงียบ พอหยุดพูดเสียงมันก็ขึ้นอีก ท่านสิงห์ทองมีพระมาด้วยองค์หนึ่ง เลยตะโกนเรียกพระนั้นมาให้มาช่วยดู จุดไฟดู มันงูใหญ่อะไรนักหนา ผู้เฒ่าพูดไม่เชื่อเลย บทเวลาความกลัวมันได้เอา
เวลาพระมาก็ให้เอาไม้ยาวๆ เอาโคมไฟเกาะกับไม้ จุดไฟแล้วให้ส่องไปข้างหน้า อย่าถือโคมไฟไปเดี๋ยวจะไปเหยียบงู ท่านสิงห์ทองสั่ง ทางโน้นก็เอาไฟมาส่องก็ไม่เห็นอะไร แล้วเงียบไปเลย พอพระองค์นั้นไปก็ร้องฟ่อๆ ๆ ขึ้นอีก ท่านสิงห์ทองเลยไม่ได้นอนทั้งคืน โถ กลัวจริงๆ นะไม่ใช่ธรรมดา เหมือนมันอ้าปากอยู่ ฟ่อๆๆ มาหัวเรานี่ เหมือนว่าจะงับเอาเลย หลวงพ่อตะโกนบอกมาเท่าไรไม่ฟังเลยมีแต่ความกลัว ท่านเล่าให้ฟังนะ พอตื่นเช้าแล้วเผ่นเลย ท่านบอกตรงๆ อย่างนี้ แล้วทำไมเผ่น ไม่เผ่นได้ไงงูตัวเท่าลำตาล
เอ้า ถ้าใครไม่เชื่อว่าที่นี่มีเปรตมีผีให้มาทดลอง ให้เอาคนเก่งๆ ที่ไม่เชื่อมา ให้มันได้เผ่นตกภูเขาสักหน่อย พูดให้อาจารย์หมออวยฟัง ใครมาเป็นอย่างนี้ทั้งนั้น ผู้เฒ่าก็บอก ยืนยันได้เลย ถ้าใครอยากทดลองคาถาของตัวเองว่าเก่งขนาดไหนให้มา คือพญานาคนี้มาหลายแบบนะ บางทีก็เหมือนลากต้นตาลมา ลากต้นตาลทั้งต้นลงมาจากภูเขา ซ่าๆๆ ผู้เฒ่าอยู่ทางนั้น ถ้ำอยู่ตรงนี้ เขาลากมาตรงกลาง ลงไปทางโน้นหายเงียบ ทำทุกแบบที่จะทำ แต่ไม่มีอะไรแหละทำเท่านั้น
ท่านสิงห์ทองได้เห็นชัดเจน โถ กลัวจริงๆ จนตัวสั่น ท่านว่างั้นนะ เพราะฉะนั้นจึงว่า ถ้าใครว่าไม่มีเปรตไม่มีผีแล้วให้มาภูเขาลูกนี้ เดี๋ยวมันจะเผ่นตกภูเขากลางคืนแหละท่านว่า พูดอย่างอาจหาญมากนะ โถ กลัวที่สุดเลยท่านว่า ก็มันจะงับอยู่นี่น่ะ หลวงพ่อพูดไม่มีความหมายเลย บอกไม่ต้องกลัว ไม่มีความหมาย ตื่นเช้าเปิดเลย นอนคืนเดียว เราเคยผ่านไปผ่านมาภูเขาลูกนี้แต่ไม่ได้ขึ้น ถ้าเราขึ้นขาคงหัก ตกภูเขานะไปโดนเอาอย่างนั้นน่ะ แต่เราไม่เคยขึ้นถ้ำนี้ หากผ่านไปผ่านมาเสมอ เพราะเป็นทำเลเที่ยวกรรมฐาน
ท่านสิงห์ทองไปโดน แล้วเล่าให้อาจารย์หมออวยฟังต่อหน้าต่อตากันเลย อาจารย์หมออวยตั้งใจฟังจริงๆ แกอยากพาเพื่อนไปดูหากมีโอกาส ไปเลย ให้เอาตัวเก่งๆ นะไป คนที่ไม่เชื่อเปรตเชื่อผีว่ามีอะไร เอาตัวนั้นละไป แต่ไปให้ตั้งท่าให้ดีนะ เดี๋ยวตกภูเขาไม่รู้ตัวนะ คือกลัวแล้วเผ่นตกภูเขา ทุกวันนี้ก็คงจะมีแสดงอาการอย่างนั้น นี่พญานาคอยู่บนสระน้ำนั่น อย่างนี้มีสำหรับพระกรรมฐาน โอ๊ย ท่านเคยพอแล้วล่ะ ไม่ได้แสดงอาการอย่างนี้แสดงกับท่านให้เห็นกันต่อหน้าต่อตามี..กรรมฐาน แต่ท่านไม่ได้เป็นบ้าโฆษณา วงกรรมฐานด้วยกันท่านรู้ได้ดี ผู้ที่มีความเชี่ยวชาญทางนี้แล้วมองปั๊บนี้ท่านเห็นเลยๆ ก็ของอันนี้มีอยู่ เหมือนคนเหมือนสัตว์ทั่วๆ ไป จะไปลบล้างเขาได้ยังไงว่าไม่มี ถ้าลบล้างเขาว่าไม่มีก็ลบล้างเราเสียซิมันเหมือนกัน เรื่องบุญเรื่องกรรมเกิดขึ้นแล้วแล้วแต่จะเป็นยังไง เป็นเปรตเป็นผีมองหากันไม่เห็น แต่แสดงฤทธิ์เห็นทันที ถ้าไม่แสดงไม่เห็น
พวกเปรตพวกผีมีหลายประเภทนะไม่ใช่ประเภทเดียว พวกนี้มีหลายประเภท กรรมที่ทำมานั้นแหละให้ได้รับผล พูดเรื่องที่ว่าลึกลับในสายตาเรา แล้วเราก็ไม่เชื่อว่าสิ่งเหล่านี้มี แต่ท่านผู้ที่มีความเชี่ยวชาญทางด้านจิตตภาวนาสำคัญปิดไม่อยู่นะ ไม่ว่าพวกเทพ จะเทพชั้นใด ไม่ว่าพวกเปรตพวกผีประเภทใด ท่านจะรู้ไปหมด แต่ท่านไม่เหมือนเรา รู้แล้วก็เฉยเหมือนไม่รู้ เหมือนเราเกี่ยวข้องกับประชาชนญาติโยม นี่รับแขกประชาชน นี่รับแขกพวกเปรตพวกผี
ก็เหมือนอย่างพระพุทธเจ้า ตอนบ่ายสามสี่โมงรับแขกประชาชน มีพระมหากษัตริย์ เป็นต้น พอตอนค่ำมารับแขกพระ เห็นไหมล่ะ ท่านแสดงไว้นั้น พอเที่ยงคืนรับแขกเทวดา ตั้งแต่ท้าวมหาพรหมลงมา เป็นแขกเทพ ท่านก็บอกไว้เป็นระยะๆ นี้เป็นพุทธกิจ งานจำเป็นของพระพุทธเจ้าด้วย แล้วหลอกโลกได้ยังไง พอค่อนคืนไปปัจฉิมยามทรงเล็งญาณดูสัตวโลก เล็งดูหัวใจนะ ไม่ได้เล็งดูสมบัติเงินทองข้าวของ ยศถาบรรดาศักดิ์อะไรนะ มองดูหัวใจของคนนั้น จะเป็นเศรษฐีกุฎุมพีคนทุกข์ยากไร้เข็ญใจก็ตาม ถ้ามีอุปนิสัยเล็งเข้าไปรู้ ควรจะโปรดวิธีใดก็โปรด เรียกว่าเล็งญาณดูสัตว์
ไม่ได้เล็งดูสมบัติเงินทองข้าวของยศถาบรรดาศักดิ์อะไร เล็งดูหัวใจ มีอุปนิสัยอย่างไรหรือไม่ อย่างนั้นต่างหาก ท่านเรียกว่าเล็งญาณดูสัตวโลก ภพฺพา ภพฺเพ วิโลกานํ ตอนเช้ามาก็เสด็จออกบิณฑบาตโปรดสัตว์ ในโลกธาตุนี้เราอย่าว่ามนุษย์เราใหญ่กว่าโลกกว่าสงสาร มากกว่าโลกกว่าสงสารเลย พวกเปรตพวกผีแต่ละพวกๆ ยังมากกว่ามนุษย์เราในแดนมนุษย์นี้อีกนะ นั่นฟังซิ แต่ไม่เห็นเขาแล้วก็ไปลบล้างเขาว่าไม่มีๆ มีตั้งแต่มนุษย์ อย่างนั้นต่างหากนะ พระพุทธเจ้าท่านไม่ลบล้าง ท่านยอมรับตามความเป็นจริงๆ ประเภทไหนๆ ทรงทราบตลอดทั่วถึงหมด และยอมรับตามนั้นๆ เลย
สัตว์ทั้งหลายจึงว่านับวันมืดบอดเข้าทุกวันๆ ท่านผู้รู้ผู้เห็นตามหลักธรรมชาตินี้แล้วท่านก็จะพูดไปหาอะไร พูดแล้วเหมือนไปร่ายบ้าให้เขาฟัง เขาจะหาว่าบ้ากันทั้งบ้านทั้งเมือง ทั้งๆ ที่เขาเป็นบ้ากันทั้งโลก ท่านก็เฉยเสียท่านไม่ใช่บ้า เป็นอย่างนั้นจริงๆ นี่ แบบแปลกประหลาดอัศจรรย์ใครจะเกินพระกรรมฐาน ผู้ที่ท่านมีความเชี่ยวชาญทางด้านพวกเปรตพวกผี สัตว์ประเภทต่างๆ ที่ลึกลับๆ เปิดเผยในญาณความรู้ของท่านทั้งนั้น ทีนี้ท่านรู้แล้วเห็นแล้วท่านก็นิ่งๆ เฉยๆ เสีย หากว่ามีโอกาสที่จะคุยกันสนทนากันเกี่ยวกับพวกสัตว์เปรตประเภทนี้ ที่มีความรู้ทางเดียวกัน ท่านก็คุยกันได้อย่างสบายๆ ยอมรับกันเลย ไม่ปฏิเสธกัน ยอมรับ
ก็ดังที่เคยพูดให้ฟัง พระองค์หนึ่งที่ไปอยู่ถ้ำเปรตนั่นน่ะ ไปอยู่ได้สามคืนเผ่นมา แล้วองค์นี้อยู่ถ้ำหนึ่งอีก มาแล้วถามทำไมถึงมาเสียล่ะ ก็มันอยู่ไม่ได้เปรตกวน มันเป็นยังไง มันกวนอย่างนั้นๆ เอา ผมจะไปดู ก็อย่างนั้นละความรู้อย่างเดียวกัน เอาๆ ไปดูซิจะทนได้สักกี่วัน พอไปองค์ก่อนนั้นไปอยู่สามคืน องค์ทีหลังนี้ไปได้สองคืน แล้วโผล่มาแล้ว แล้วมาอะไร อู๊ย ทนไม่ไหว นั่นเห็นไหม ท่านปฏิเสธเมื่อไร ทนไม่ไหวกวนเอาเหลือเกิน นั่งลืมตาอยู่มันก็เห็นอยู่ในจิต หลับตาก็ยิ่งแล้วจ้ามันเห็นอยู่ตลอด ว่าจะภาวนาหาอรรถหาธรรม มันมีแต่เปรตแต่ผีที่ไม่พึงปรารถนา จะอยู่หาอะไรท่านว่างั้น ก็มาเท่านั้น นั่นเห็นไหมท่านยอมรับกันความรู้
เหมือนคนตาดีด้วยกันเห็นด้วยกัน ค้านกันได้ยังไง ญาณหยั่งทราบอย่างเดียวกันมันก็ยอมรับกันอย่างนั้น เอา ย่นเข้ามาหากิเลส กิเลสนี้ลึกลับมากนะ มีอยู่กับทุกคน ความโลภ ความโกรธ ราคะตัณหา มีอยู่กับหัวใจทุกคน นี่ใครไปรู้ได้เห็นได้ไม่มีนะ รู้ได้เห็นได้ละได้ไม่มี มีพระพุทธเจ้าพระอรหันต์ท่าน มีเท่านั้นที่ว่าเป็นสรณะของโลก รู้ได้เห็นได้ถอดถอนชำระออกหมดได้เลย พระพุทธเจ้าเป็นพระองค์แรก ลำดับมาก็พระสาวก ท่านสอนวิธีการพิจารณา ชำระสะสางให้รู้ให้เห็นมันยังไงๆ สอนวิธีภาวนา วิธีภาวนาเป็นวิธีการที่ชำระกิเลส ก็รู้ได้เห็นได้ชำระได้จนกระทั่งโล่งหมดไม่มีเหลือ
กิเลสภายในจิตใจโลกไม่เห็น ท่านรู้ได้เห็นได้ท่านละของท่านได้บรรดาพระอรหันต์ แล้วพวกเราที่ละไม่ได้จะหาว่าพระพุทธเจ้าพระอรหันต์เป็นบ้าอย่างนั้นเหรอ เอาว่าซิ ท่านละกิเลสได้หมดไม่มีเหลือ พวกเรานี้คลังกิเลสเป็นคนดีทั้งหมด เอาพิจารณาซิ พวกเรานี่พวกคนดีทั้งหมดพวกตาบอด พระพุทธเจ้าพระอรหันต์ที่ท่านละกิเลสได้โดยสิ้นเชิงนั้นเป็นบ้ากันทั้งหมด เอาพิจารณาซิ นี่ละความรู้ต่างกันอย่างนี้ ความรู้พระพุทธเจ้าพระอรหันต์ท่านสามารถชำระสิ่งที่เป็นภัย เป็นโรคเรื้อรังของภพของชาติคือกิเลส นี่ละโรคเรื้อรังเป็นอยู่ในใจ
เอาซิใครจะเก่งขนาดไหน หลักวิชาไหนเอามาพิสูจน์กิเลสอยู่ภายในจิตใจ ชำระกิเลสออกได้ให้เหนือวิชาพระพุทธเจ้าไปมีไหมในโลกอันนี้ พูดอย่างจังๆ เลยนะ ความรู้อันนี้เป็นความรู้ธรรมดาเมื่อไร ที่จะไปเห็นกิเลสตัวสำคัญๆ ถอนมันออกได้หมดทั้งรากทีเดียวไม่มีเหลือ เป็นผู้บริสุทธิ์พุทโธเต็มดวงขึ้นมาคือพระพุทธเจ้าพระอรหันต์มีได้ที่ไหน ไม่มี นี่ละเห็นได้รู้ได้อย่างนั้นละ พวกเราเต็มอยู่นี้ไม่มีใครเห็นใครรู้นะ เต็มอยู่ในหัวอกไม่มีใครเห็นใครรู้ว่านี้เป็นความโลภ นี้เป็นความโกรธ นี้เป็นราคะตัณหา นี้เป็นบุญ นี้เป็นบาป หัวใจเป็นผู้สร้างขึ้นมาไม่เห็น พระพุทธเจ้าเห็นหมด เป็นอย่างนั้นนะ เมื่อท่านเห็นหมดแล้วท่านก็แก้ไขตามนั้น
พระพุทธเจ้าเป็นพระองค์แรกตรัสรู้ขึ้นมาผึง แล้วก็สั่งสอนสาวกมีเบญจวัคคีย์ทั้ง ๕ ใส่เปรี้ยงๆ เข้าไป ธัมมจักกัปปวัตตนสูตร ขึ้นต้นปฐมเทศนา จากนั้นก็อนัตตลักขณสูตรเรื่อยไป นี่ถอดถอนกิเลสถอดถอนด้วยธรรมวิธีการที่พระพุทธเจ้าสอน นี่วิธีการถอดถอนกิเลส ทางนั้นฟังเข้าๆ ก็เปิดออกๆ แล้วบรรลุธรรมขึ้นเป็นลำดับ เช่นพระโสดา อย่างพระอัญญาโกณฑัญญะ จากนั้นวันหลังต่อมาทั้ง ๕ นั่นละ เทศน์อนัตตลักขณสูตรควรแก่ธรรมขั้นนี้แล้ว อนิจฺจํ ทุกฺขํ อนตฺตา เป็นสิ่งที่ปล่อยวางโดยสิ้นเชิง ปล่อยหมด ถึงนั้นแล้วก็ปล่อยหมด เป็นอรหันต์ขึ้นมา นั่นเห็นไหมล่ะ
นี้ใครเห็นได้รู้ได้มีพระพุทธเจ้าพระองค์แรก แล้วพระสาวกทั้งหลายมีเบญจวัคคีย์ทั้ง ๕ เป็นอันดับสองขึ้นมาเรื่อยๆ นี่ละใครรู้ได้เห็นได้ วิชาอันนี้ใครรู้ได้ วิชาอันนี้ใครหามาได้ไม่มี มีพระพุทธเจ้าเท่านั้น แล้วชำระกิเลสขาดสะบั้นลงไปเป็นพระอรหันต์ขึ้นมา ร่ำลือโลกธาตุแดนพรหมโลกลงมาทั่วถึงกันหมด ท่านแสดงไว้ในธัมมจักกัปปวัตตนสูตร ที่ว่าโลกธาตุๆ สามแดนโลกธาตุคือท่านพูดอันนั้นต่างหาก เมื่อออกไปแล้วว่า อยญฺจ ทสสหสฺสี โลกธาตุ หมื่นโลกธาตุฟังซิ หมื่นโลกธาตุสะเทือนสะท้านหวั่นไหวทั่วถึงกันหมด จากพระธรรมที่พระพุทธเจ้าตรัสรู้ขึ้นมา แสดงธรรมนี่กระเทือนไปหมดเลยนั่นเห็นไหมล่ะ มันต่างกันหรือไม่กับพวกเราน่ะ
โรคเรื้อรังคือโรควัฏวนได้แก่โรคกิเลส อวิชฺชาปจฺจยา สงฺขารา ไม่มีใครรู้ใครเห็น อันนี้ละพาให้สัตว์ทั้งหลายจมไปเรื่อย ขึ้นลงๆ ไปสวรรค์ชั้นพรหมลงมาลงนรกอเวจี เป็นที่ท่องเที่ยวของจิตดวงนี้ที่มีกิเลสครอบหัวมันอยู่นั่น พอท่านถอนนี้หมดแล้วดีดผึงถึงนิพพานเลย เป็นยังไงความรู้ของพระพุทธเจ้า กิลสเหล่านี้ไม่ใช่มีเฉพาะพระพุทธเจ้า ไม่มีในพวกเราเราจึงไม่เห็นความชั่ว พวกเราเป็นคลังกิเลสเหมือนกันแต่ไม่มีใครเห็น พระพุทธเจ้าก็เป็นคลังกิเลสแต่พระองค์ทรงเห็นและรื้อถอนออกได้หมดโดยสิ้นเชิง พระอรหันต์ทั้งหลายก็เป็นคนมีกิเลสเหมือนพวกเรา เป็นคลังกิเลสเหมือนกัน แต่รื้อถอนออกได้หมด เป็นยังไงความรู้สามารถต่างกันไหม ความรู้ของพระพุทธเจ้ากับความรู้ของโลกทั้งหลายต่างกันหรือไม่ เอาไปเทียบดูซิน่ะ
ยกขึ้นเลยว่าความรู้ของพุทธศาสนา พระพุทธเจ้าเป็นพระองค์เอก เป็นคลังแห่งธรรมทั้งหลายเต็มพระทัย สอนโลกให้สว่างแจ้งขึ้นมา จนกลายเป็นพระอรหันต์ขึ้นมาเรื่อยๆ กิเลสอยู่ในใจใครรู้ใครเห็นได้ พระพุทธเจ้าพระสาวกทั้งหลายท่านสามารถรู้ได้ถอนออกได้ หมดภัยโดยประการทั้งปวง นั่น ต่างกันไหมล่ะกับพวกเรา อยู่ด้วยกันคนหนึ่งเห็นคนหนึ่งไม่เห็น พระพุทธเจ้าเห็น พระสาวกทั้งหลายเห็น ละได้ด้วยขาดสะบั้นไปหมด พวกเราไม่เห็นแต่สั่งสมขึ้นทุกวัน มันต่างกันนะ สั่งสมกิเลสตัณหาเหล่านี้ขึ้นทุกวันๆ ทั้งที่ไม่เห็นมันนั่นแหละ หากสั่งสมมันขึ้นทุกวันเต็มหัวใจ พวกนี้มีแต่คลังกิเลสนะนี่ ออกไปที่นี่เดี๋ยว หมู หมา เป็ด ไก่ มันก็เป็นคลังกิเลส มันสู้พวกนี้ไม่ได้เดี๋ยวมันแตกฮือนะ
ระวังไอ้ปุ๊กกี้เรา ไอ้ปุ๊กกี้มึงอย่าด่วนออกมานะ พวกนี้คลังกิเลสไปไหนมึงจะแตกหลงทิศ มึงไม่ได้กินข้าวนะวันนี้ไอ้กี้ กูสงสารไอ้ปุ๊กกี้ คลังกิเลสเดินผ่านไปนั้น ปุ๊กกี้มันจะไม่ได้กินข้าวเผ่นเข้าป่าหมดละ ตั้งแต่ไอ้ปุ๊กกี้ ไอ้หมี ไอ้หยองน่ะ ไอ้จ้ำดาว มันยังไม่ได้กินข้าว สูอย่าด่วนออกมานะ ให้พวกนี้เลิกไปก่อนสูค่อยมากิน ไม่งั้นสูจะไม่ได้กินข้าวละ คลังกิเลสซัดสูนะ พวกนี้เขาไม่เห็นละ สูก็ระวังให้ดี เข้าใจไหม เทศน์มันหากมีอย่างนี้แหละ เข้าใจไหม เพราะฉะนั้นมหาสมบัติ บุญเรืองเหรอ อยู่วัดนรนาถออกทางทีวี ไปเรียนอะไรมามาออกทางทีวีนั้น แล้วมาเกี่ยวข้องกับเรื่องของเราว่าไง ผู้กำกับ เอาชี้แจงมา
(บอกว่า เทศน์ของหลวงตามหาบัว เป็นธรรมะแท้จริงของพระพุทธเจ้าเคยแสดง อันดับสองก็ว่ามีอุปมาอุปไมยด้วย อันดับสามก็บอกมีตลกขบขันด้วยครับ) นั่นละอันที่สามท่านตลกขบขัน ก็เป็นอย่างนั้นละเราเป็นอย่างนี้จะว่าไง เอาละพวกนี้มัดกิเลสมันไว้หมดแล้วอยู่ในนู้น สูออกได้แล้วไอ้ปุ๊กกี้ สูหิวสูออกมาได้แล้ว พวกนี้เขาจับพวกภัยสูไว้เรียบร้อยแล้ว สูไปกินข้าวได้ มันมีที่ไหนมันยังมาพูดได้สบาย ปั้นเป็นตัวเป็นตนขึ้นมาพูด พวกนี้เป็นคลังกิเลสหมาแตกฮือ ขนาดนั้นละเข้าใจไหม เอาละพอ
(หมื่นโลกธาตุมีกี่จักรวาลฮะ) ก็ท่านแสดงไว้ในธัมมจักเห็นไหมน้อยเมื่อไร สามแดนโลกธาตุนี้มันน้อยนิดเดียว เวลาท่านแสดงออกมาหมื่นโลกธาตุสะเทือนสะท้านหวั่นไหวไปหมด สงฺกมฺปิ สมฺปกมฺปิ สมฺปเวธิ อปฺปมาโณ จ โอฬาโร โอภาโส โลเก ปาตุรโหสิ เรียกว่าสะเทือนสะท้านไปหมด แม้เทวบุตรเทวดาอินทร์พรหมทั้งหลายจะมีอานุภาพขนาดไหนสู้ธรรมไม่ได้ ว่างั้น เราสรุปความแปลเข้าใจไหม เทวานํ เทวานุภาวํ อานุภาพแห่งเทวดาทั้งหลายสู้ไม่ได้เข้าใจเหรอ เหนือหมด อานุภาพแห่งธรรมพระพุทธเจ้าเหนือหมด
รับฟังรับชมพระธรรมเทศนาของหลวงตา ได้ที่
www.Luangta.com หรือ www.Luangta.or.th
และรับฟังจากสถานีวิทยุสวนแสงธรรม กรุงเทพฯ และสถานีวิทยุอุดร
FM 103.25 MHz |