สอนด้วยความเมตตาสงสาร (สมเด็จพระสังฆราช)
วันที่ 28 กันยายน 2548 เวลา 8:10 น. ความยาว 61.37 นาที
สถานที่ : วัดป่าบ้านตาด
| |
ดาวน์โหลดเพื่อเก็บไว้ในเครื่อง
ให้คลิกขวาแล้วเลือก Save target as .. จาก link ต่อไปนี้ :
ข้อมูลเสียงแบบ(Win)   วิดีโอแบบ(Win Narrow Band)

ค้นหา :

เทศน์อบรมฆราวาส ณ วัดป่าบ้านตาด

เมื่อวันที่ ๒๘ กันยายน พุทธศักราช ๒๕๔๘

สอนด้วยความเมตตาสงสาร

         ผู้กำกับ ข่าวการบำเพ็ญพระราชกุศลคล้ายวันประสูติ สมเด็จพระสังฆราช 3 ตุลาคม

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานพระบรมราชูปถัมภ์ ในการบำเพ็ญพระราชกุศลคล้ายวันประสูติ สมเด็จพระสังฆราช 3 ตุลาคม นี้

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานพระบรมราชูปถัมภ์ ในการบำเพ็ญพระราชกุศล  คล้ายวันประสูติ  สมเด็จพระญาณสังวร  สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ณ วัดบวรนิเวศวิหาร  มีกำหนดการบำเพ็ญกุศล ดังนี้

วันเสาร์ ที่ 1 ตุลาคม เวลา 09.00 น.สมเด็จพระสังฆราชทรงถ่ายภาพ ร่วมกับพระนวกภิกษุ วัดบวรนิเวศวิหาร พรรษากาล 2548

เวลา  16.30 น.สมเด็จพระสังฆราช ประทานพระวโรกาส ให้บุคคล และคณะบุคคลเข้าเฝ้าถวายสักการะ ถวายพระพร ณ ห้องประชุมใหญ่ มหามกุฎราชวิทยาลัย

วันอาทิตย์ ที่ 2 ตุลาคม เวลา 06.30 น.สมเด็จพระสังฆราช เสด็จทรงบาตร

เวลา 16.30 น.เสด็จลงพระอุโบสถ ทรงรับถวายการสักการะจากพระเถรานุเถระ  ที่มาเจริญพระพุทธมนต์ถวาย ณ พระอุโบสถ วัดบวรนิเวศวิหาร

วันจันทร์ ที่ 3 ตุลาคม วันคล้ายวันประสูติ

เวลา 10.30 น.พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานพระบรมราชูปถัมภ์ ในการบำเพ็ญพระราชกุศล คล้ายวันประสูติ สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปรินายก พระสงฆ์ 20 รูปเจริญพระพุทธมนต์ ถวายภัตตาหารเพล   แด่พระสงฆ์ที่เจริญพระพุทธมนต์ ณ พระอุโบสถ และถวายภัตตาหารเพล  และเครื่องจตุปัจจัยไทยธรรม แด่พระภิกษุสงฆ์ต่างวัด 493 รูป ณ อาคารวชิรญาณวงศ์

เวลา 16.30 น.คณะธรรมยุต เจริญ นวัคหายุสมธัมม์ ถวายเป็นพระกุศล

เวลา 19.00 น.พระภิกษุสามเณร วัดบวรนิเวศวิหาร เจริญพระพุทธมนต์ถวายเป็นพระกุศล

วัดบวรนิเวศวิหาร เปิดปูชนียสถานสำคัญของวัด คือ พระอุโบสถ พระเจดีย์ พระไพรีพินาศ  พระวิหารเก๋ง   พระวิหารพระศาสดา  รอยพระพุทธบาท  และตึกมนุษย์นาควิทยาทาน  ให้พุทธศาสนิกชนได้มีโอกาสเข้านมัสการเป็นพิเศษ ตั้งแต่ วันที่ 1-7 ตุลาคม 2548

หลวงตา สมเด็จพระสังฆราชนี้แต่ก่อนท่านเคยมาภาวนาอยู่ที่นี่ ท่านมาแต่ละทีๆ เป็นอาทิตย์ๆ ท่านมาเสมอมาที่นี่ เวลามีโอกาสอันดีท่านก็สนทนาธรรมะกันกับเรา เฉพาะสองต่อสอง ท่านมาบ่อยแหละแต่ก่อน หลังจากท่านเป็นพระสังฆราชแล้วท่านมาหนหนึ่ง เขามีงานที่กุมภวาปี ทูลอาราธนาท่านมา จากนั้นท่านก็บึ่งมานี่เลยไม่ฟังเสียงใคร ท่านบอกว่าจะไปวัดป่าบ้านตาด บึ่งเข้ามาเลย ตั้งแต่นั้นมาท่านก็ไม่ได้มาอีกนะท่านก็แก่ เราเป็นผู้ถือเนื้อถือตัวเสียเอง เราเป็นผู้น้อย ตั้งแต่ท่านเป็นสมเด็จพระสังฆราชแล้ว เรายังไม่มีโอกาสจะเข้ากราบนมัสการท่านเลยจนกระทั่งป่านนี้ ท่านยังเป็นฝ่ายมา เป็นผู้ใหญ่กว่าเรามาที่นี่

ประกอบกับสร้างวัดสวนแสงธรรมก็เป็นระยะเดียวกัน แต่ก่อนเราไปพักวัดบวรเป็นประจำ พอไปพักที่สวนแสงธรรมก็เลยไม่ได้เข้ามาวัดบวรอีก ทีนี้วัดบวรก็เลยไม่ได้ไปอีกที่นี่นะ ไปได้ที่นู่นแล้วก็ไม่ได้มากราบนมัสการท่านเลย โห เวลาคุยธรรมะนี้ท่านเอาจริงเอาจังมาก เฉพาะกับเราคุยกันสองต่อสอง ท่านหนักในทางจิตตภาวนาอานาปานสติ ท่านอยู่เงียบๆ นะท่านจะมาแต่ตอนเช้ามาบิณฑบาต ท่านบิณฑบาตหน้าศาลานี้แล้วก็มาฉันที่นี่แล้วไปเงียบเลย เช้าวันหลังจะมาพบกันใหม่ๆ ท่านก็ภาวนาเต็มที่ของท่าน

ตั้งแต่เราไปพักที่สวนแสงธรรมแล้วก็ไม่ได้ไปพักวัดบวรอีก จึงไม่ค่อยได้พบได้สนทนาปราศรัยกันกับท่าน แต่เวลามีปัญหาสำคัญๆ ท่านจะปรึกษากับเรา ท่านไม่ให้ใครมายุ่ง ปรึกษาธรรมะธัมโมอะไรต่ออะไร อีกองค์หนึ่งท่านยิ้มๆ สมเด็จพระสังฆราชกรมหลวงวชิรญาณวงศ์ เพราะท่านไม่เคยเห็นที่ไหน ท่านมองดูเราแล้วยิ้มๆ อยู่ตลอด แต่เราเฉย คือพระองค์ไหนก็ตามที่จะเข้าเฝ้าสมเด็จพระสังฆราชนี้ต้องมีผู้นำขึ้นไปๆ ทุกๆ องค์ แต่เราก็พักอยู่กุฏิสมเด็จพระสังฆราชนะ ท่านพักอยู่ชั้นบน เราพักอยู่ข้างล่าง ท่านนิมนต์เราขึ้นข้างบน เราว่าไม่ขึ้นแหละ เอาข้างล่างนี้เลย ห้องข้างล่าง

ทีนี้เวลากลางคืนเงียบๆ เราก็สอบถามพระ ท่านรับแขกเวลาเท่าไรสมเด็จพระสังฆราชวชิรญาณวงศ์ ถามพระผู้ใกล้ชิดเวลาที่ท่านว่างว่างั้น ท่านบอกเวลาเท่านั้น เราก็จับเวลาเอาไว้ แล้วไปองค์เดียวนะไปแบบขโมย ด้อมๆ ไปถามพระ ท่านนั่งอยู่เหมือนกับว่าอยู่บนธรรมาสน์สูงอยู่นะ มีพระสองสามองค์เฝ้าท่านอยู่ พอเห็นเราไป เราก็สังเกตพระด้วย สังเกตทุกอย่างเพราะเราไปแบบปลอมๆ แปลกๆ ไม่มีใครทำอย่างนั้นแต่เราทำ ไปพระก็รีบทูลท่าน นี่อาจารย์มหาบัว ท่านยิ้มเลย เข้าใกล้ๆ เลย ท่านนั่งอยู่โน้นเรานั่งอยู่นี้ ไม่นานดูเหมือนไม่เลย ๑๐ นาที

ท่านทรงยิ้มตลอดนะ อย่างหนึ่งก็คือว่าเห็นพระป่าพระเขาไป ไม่รู้จักขนบประเพณีธรรมเนียมอะไร ปุบปับขึ้น เหมือนพระป่าว่างั้นเถอะ ท่านยิ้มนะทรงยิ้มตลอดเราสังเกตดู เราเป็นพระบ้านนอกพระอยู่ในป่าในเขาขึ้นไปหาท่าน ท่านถาม มหาบัวเหรอ อยู่อุดรเหรอ เอ้อ อยู่อุดรรู้จักพระยาอุดรไหม พระยาอุดรแต่ก่อนอยู่วัดบวร มหาจิต จากนั้นมาแล้วก็มาเป็นผู้ว่าอยู่ที่นี่ ท่านทรงรับสั่งด้วยดี ยิ้มๆ ตลอด อยู่อุดรรู้จักกับพระยาอุดรไหม รู้จักบ้าง เราก็ว่างั้น แล้วพระยาอุดรมีลูกกี่คน ท่านรับสั่งถาม ข้าพระองค์ไม่รู้ว่าท่านมีลูกกี่คน แล้วก็ถามอะไรต่ออะไร เราก็ทูลท่านเฉพาะๆ จากนั้นไม่นานเราก็กลับ กราบท่านแล้วลง

ทีนี้ตอนเช้าพอฉันจังหันเสร็จแล้ว ตอนนั้นท่านเป็นพระธรรมวราภรณ์ สมเด็จสังฆราชองค์ปัจจุบัน อยู่กุฏิถัดเราไป เวลาเราทำอย่างนั้นท่านก็งงเหมือนกัน ว่าเมื่อคืนนี้ได้เข้าเฝ้าสมเด็จพระสังฆราช ท่านว่า เหอๆ แล้วไปเมื่อไร ตอนเท่านั้นทุ่มเท่านี้ทุ่ม โอ๊ย จ้อเราเลยนะ แล้วไปกี่องค์ ไปองค์เดียว ว่างั้นท่านยิ่งจ้อใหญ่เลย แล้วท่านรับสั่งอะไรบ้าง เราก็กราบเรียนท่านว่ารับสั่งอย่างนั้นๆ แล้วก็ลงมา ท่านดูเราด้วยนะ ดูด้วยความสนใจ ภาษาของเราก็ว่าพระผีบ้าไปขึ้นได้ยังไงคงว่า ในประเทศไทยไม่มีใครขึ้นอย่างนั้น มันขึ้นได้ยังไง คงจะว่าอย่างนั้น ท่านขบขัน ดูเราแล้วยิ้มตลอดนะ สมเด็จสังฆราชองค์ปัจจุบัน เพราะไม่มีใครทำอย่างนั้น เราไปตามประสาของเรา ถ้าไปแบบทั้งหลายเขาไปมันก็ไม่ใช่พระป่า เข้าใจไหม ต้องไปแบบพระป่า เซ่อๆ ซ่าๆ แบบนั้น ขบขันดีนะ

โอ๊ย ท่านรับสั่งยิ้มๆ สมเด็จสังฆราชวชิรญาณ ท่านรับสั่งดีทุกอย่าง ยิ้มตลอด เราขึ้นไปนึกว่าท่านจะมีพระพักตร์ยังไงๆ ไม่มีนะ มีแต่ยิ้มตลอดเลย เราก็ไม่ให้เสียเวลา ขึ้นไปเล็กน้อยแล้วเราก็ลงมา นั่นละตอนเช้ามาสมเด็จสังฆราชองค์ปัจจุบัน ตอนนั้นท่านเป็นธรรมวราภรณ์ เป็นขั้นธรรม โอ๋ย ท่านซักใหญ่เลยเทียวนะ ตามธรรมดาท่านไม่ค่อยชอบพูดแหละ แต่เวลาเราเกี่ยวกับสมเด็จพระสังฆราชขึ้นไปองค์เดียวปลอมๆ นี่ โอ๋ย ท่านซักใหญ่เลย จ้องตลอดนะ ทั้งยิ้มทั้งจ้องทั้งซัก เราก็ธรรมดา ท่านจ้องท่านซักเราทุกอย่าง ท่านรับสั่งอะไรบ้างยังไงบ้าง เราก็ธรรมดา

เรากับสมเด็จสังฆราชองค์ปัจจุบันสนิทสนมกันมาก เวลาท่านเป็นสังฆราชแล้วเราก็ไม่ค่อยอาจเอื้อมแหละ เราอยู่ของเรา ท่านก็อยู่ของท่าน แต่ท่านยังเป็นฝ่ายเมตตาเรามากนะ ท่านยังอุตส่าห์เสด็จมานี่ งานที่กุมภวาปี ออกจากนั้นท่านลุกปุ๊บปั๊บจะไปวัดป่าบ้านตาด มาเลยเทียวนะท่านก็ดี ปุ๊บมานี่เลยไม่บอกใครให้ทราบ มาเราก็ขึ้นมากราบท่าน ท่านเอาผ้ามาถวายไตรหนึ่งเราไม่ลืม ท่านไม่ค่อยชอบพูดแหละ สมเด็จสังฆราชเราท่านเป็นนิสัยอย่างนั้น เวลาท่านเทศน์นี่ อย่างพวกนี้หลับไปคนละตื่นสองตื่นถึงจะขึ้นประโยคหนึ่ง คนนี้ได้ตื่นหนึ่งขึ้นประโยคหนึ่ง คนนั้นได้สองตื่นขึ้นประโยคหนึ่งๆ ท่านเทศน์ช้าๆ ไม่ได้ยำเหมือนบ้าเรานี้ บ้าเรานี้ยำเลย พอปั๊บนี่ยำตลอดเลย อันนั้นท่านพูดช้าๆ

เวลาเราไปวัดบวรทีไร โอ๋ย ท่านปลดเปลื้องภาระมากทีเดียว เหมือนว่าท่านไว้ใจเลย การเทศนาว่าการอบรมพวกอุบาสกอุบาสิกาที่เขาไปฟังเทศน์วันพระ วันพระท่านทิ้งให้เราเลยไปเทศน์อบรมกรรมฐาน ท่านจะไปเทศน์แต่ตอนเช้าเท่านั้น ตอนเย็นเราละ เป็นอย่างนั้น ท่านมาอยู่นี้ท่านภาวนาไม่เกี่ยวกับใครเลย เราก็ไม่ไปกวน มาพบกันตอนเช้านี่เท่านั้น แต่ก่อนพระก็ไม่มีมาก เราไม่ได้รับพระมาก ๑๘ องค์เป็นอย่างมากวัดนี้ เราจำกัด ๑๕-๑๘ เท่านั้นไม่รับใครเลย เพราะครูบาอาจารย์มีจำนวนมาก พระเณรไปอาศัยได้ทุกแห่งทุกหนได้สะดวกสบาย

ทีนี้พอครูบาอาจารย์ท่านล่วงลับไปๆ เอาละที่นี่พวกหาที่พึ่งวิ่งโน้นวิ่งนี้ เราก็สงสารเลยแย้มออก รับ ๒๐ ปีนี้ ปีสองมาฟาด ๒๕ จากนั้นฟาดขึ้น ๓๐ แล้วทุกวันนี้ ๕๙ เห็นไหมล่ะ นี้ยังดันไว้นะ ๕๙ ถ้าหากไม่ยันล้นไปหมดแหละวัดป่าบ้านตาด พระเณรไม่เคยบกบาง แต่ก่อนไม่ได้เป็นอย่างนี้นะ เราเองก็เลอะๆ เทอะๆ พวกนี้ก็เลยเลอะๆ เทอะๆ มันเป็นอาจารย์เราอีก เราก็ว่าเราเลอะๆ เทอะๆ พวกนี้ยังเลอะๆ เทอะๆ กว่าเราอีกนะ ทุกวันนี้อยู่แบบหูหนวกตาบอดนะ ไปที่ไหนก็ไป หูหนวกตาบอดไป ในครัวนี้ก็ไปอยู่ตอนประมาณบ่าย ๔ โมงถ้ามีเวลาว่าง เราก็เข้าไปครัว แต่ใครมายุ่งกับเราไม่ได้นะ เราไปของเราเอง เขารู้นิสัยแล้วแหละ ใครอยู่ที่ไหนก็นั่งอยู่นั้น เราก็ไปของเราเรื่อย ดูนั้นดูนี้ หากจะแนะจะบอกอะไรก็บอกเสีย ถ้าไม่บอกก็ไปเรื่อยๆ

แต่ที่สนใจมากคือสัตว์ ถ้าเห็นสัตว์ตัวไหนจ้องอยู่นั้นเฝ้าดูอยู่นั้น ยิ่งกระแตด้วยแล้วยิ่งรักมาก ไปไหนถามหาแต่กระแต กระแตไปไหน มีแต่กระแตยั้วเยี้ยๆ นี่ชี้มาหาคน แล้วก็เดินผ่านไป อย่างนั้นแหละ เหมือนหูหนวกตาบอดทุกวันนี้นะ ถ้าเทียบกับแต่ก่อน โอ๊ย เข้ากันไม่ได้เลยภาคปฏิบัติ เพราะฉะนั้นเขาถึงได้ร่ำลือกันนักหนาว่า อาจารย์มหาบัว แต่ก่อนยังหนุ่มเขาก็เรียกว่าอาจารย์มหาบัว โอ๋ย ท่านดุมาก ใครไม่อยากมาละ

อันนี้ก็นึกถึงท่านอาจารย์ฝั้น พวกหมูพวกชายปั๋มไปโน้นละไม่ค่อยมานี้ เราก็ไม่เคยสนใจกับใคร เข้าใจไหมล่ะ เรื่องนี้ไม่เคยสนใจกับใคร เข้มงวดกวดขันแต่พระเณรที่อยู่นี้ เคลื่อนไม่ได้นะ คนข้างนอกไม่ค่อยเข้ามาแหละ มีแต่พระปฏิบัติต่อกันล้วนๆ ทุกสิ่งทุกอย่างทุกกระเบียดเลยไม่ได้คลาดเคลื่อน ข้อวัตรปฏิบัติหลักธรรมหลักวินัยแน่นปึ๋งตลอดเลยอยู่อย่างนั้น องค์ไหนเคลื่อนคลาดยังไงไล่เบี้ยกันเลย ทีนี้ก็ร่ำลือไปข้างนอกว่าหลวงตาบัวนี้ดุมาก ใครเขาก็ไม่ค่อยมา เราก็ไม่เคยสนใจว่าจะให้ใครมาหาเรา เพราะปฏิบัตินิสัยเราก็เป็นอย่างนั้นมาดั้งเดิม ตั้งแต่ออกปฏิบัติไม่มีใครมายุ่งกับเราได้เลย ออกปฏิบัติกรรมฐานไปองค์เดียวๆ ตลอดเลย จนกระทั่งได้มาเป็นครูเป็นอาจารย์กับหมู่เพื่อน มันยั้วเยี้ยละที่นี่ แต่ก่อนเราไปองค์เดียวๆ ไปไหน

ตามธรรมดาแต่ก่อนพวกการปกครองไม่ได้แยกกันธรรมยุตกับมหานิกาย เจ้าคณะนั้นเจ้าคณะนี้เห็นกรรมฐานไปนี่ โหย ถูกไล่ถูกขนาบ พวกนี้อวดก้ามอย่างนั้นละ แต่กับเราไม่เคยถูกไล่นะ เราไปองค์เดียวอย่างนั้นละ หลักธรรมวินัยก็เรียนมาเต็มที่ทุกอย่าง อะไรผิดถูกประการใดก็รู้ แต่เราไม่เคยถูกขับแหละ ส่วนมากพระกรรมฐานไปมักจะถูกขับถูกไล่ แต่เรานี้ไม่ว่าไปที่ไหนไม่เคยมี สถานที่ว่าเก่งๆ เราไปก็ไม่เห็นมี คงเป็นมหานี่ละเป็นกำแพงทำให้ไม่กล้า ไม่เคยมี ไปอย่างนั้นตลอดองค์เดียวๆ

คำว่าองค์เดียวคือเป็นนิสัยหนึ่ง ความมุ่งมั่นต่ออรรถต่อธรรมแดนพ้นทุกข์นี้เป็นสำคัญมาก อะไรมายุ่งไม่ได้เลย อยู่ทั้งวันทั้งคืนสติกับจิตติดกันแนบๆ ไม่เป็นน้ำไหลบ่า ถ้ามีสององค์ก็รับผิดชอบเป็นหลักธรรมชาติ ยิ่งสามองค์ไปแล้วไม่เป็นท่าแหละ สององค์เราก็ไม่เคยไป นอกจากออกจากพ่อแม่ครูจารย์ ออกไปทีแรกสององค์สามองค์ไปด้วยกันยังไม่ได้แยกเท่านั้น เป็นได้ ต่อไปก็แยกละที่นี่ ต่างองค์ต่างไป เราเป็นผู้เดียวตลอดนั่นแหละ ไปที่ไหนก็ผู้เดียวๆ

นี่ละการรักษาจิตที่ได้นำมาพูดให้พี่น้องทั้งหลายฟัง จึงเหมือนกับว่าเราตกนรกทั้งเป็น งานในโลกนี้เราไม่เห็นปรากฏว่างานใดที่หนักมากยิ่งกว่างานบังคับจิตกับสติให้อยู่ด้วยกัน ไม่งั้นกิเลสมันเข้ายุ่มย่ามๆ ทำลาย จึงต้องอาศัยสติเป็นสำคัญ เดินไปไหนมาไหนสติติดแนบเพราะไม่มีใครมายุ่งเรานี่ การฉันนี้เอาแน่ไม่ได้ ส่วนมากไม่ค่อยฉันแหละ มันจะตายจริงๆ ก็ฉันให้เสียวันหนึ่งแล้วหายเงียบๆ เป็นนิสัยของเราอย่างนั้น พอจับได้ตรงไหนแล้วติดปึ๊บๆ เลย เช่นอดอาหาร ผ่อนอาหาร จับได้อันนี้แหละ

การฝึกทรมาน อดนอนนี้ก็ลองดูแล้ว อดไปหลายวันเท่าไรๆ ยิ่งทื่อๆ ยิ่งหนักยิ่งหน่วง ไม่มีความแยบคาย สติสตังก็เลยไม่ได้เรื่องได้ราว ทีนี้พอมาอดอาหารมันรู้ขึ้นเลยนะ สติเริ่มดีขึ้นแล้ว พอสองวันสามวันสติดีติดกันๆ หลายวันกว่านั้นสติกับจิตนี้ไม่เผลอกันเลยทั้งวัน จึงเห็นคุณค่าในความอยู่คนเดียว การขบการฉันก็เอาเราเป็นตัวเหตุทีเดียวเลย ไม่ต้องเผื่อใคร อยากฉันก็ฉัน ไม่อยากฉันกี่วันก็แล้วแต่ ฉันก็ฉันอย่างนั้นแหละ ทั้งวันทั้งคืนเหมือนตกนรกทั้งเป็น

สติกับจิตสำคัญมาก เพราะฉะนั้นเราจึงได้นำมาเทศน์ สตินี้ตั้งได้คนเรา ถ้าใครมีสติดี ภาวนาตั้งตัวได้ไม่สงสัย ขอให้สติเป็นพื้นฐานเถอะตั้งได้ บอกงั้นเลย พูดเหมือนว่ายืนยันรับรองเลย เพราะเอาเราเป็นตัวเหตุ เราตั้งรากตั้งฐานได้เพราะสติ ไม่ให้เผลอ สติที่จะดีนี้ก็ขึ้นกับเครื่องหนุนเหมือนกัน เช่นอย่างฉันจังหันนี้สติจะไม่ค่อยดี เราอดอาหารไปนี้ อดไปกี่วันสติติดแนบๆ ไปเลย พอมาฉันจังหันแล้ว มันเหมือนจะผิดๆ พลาดๆ ไปนิดๆ ให้เห็น พอฉันไปหลายวันสติก็พลาดไปๆ ไม่ดี แน่ะ มันก็หมุนกลับเข้ามานี้อีก สติก็ตั้งอีกๆ อยู่อย่างนั้นเรื่อย

การอดอาหารนี่สำคัญ ส่วนมากจะถูกในอดอาหารพระวัดป่าบ้านตาด เราก็ไม่เคยได้สั่งได้สอน เราบอกกับพระกับเณรทั้งหลายไว้แล้วว่า ที่พูดนี้เราพูดเป็นคำบอกเล่า ว่าอย่างนั้นนะ ไม่ถือเป็นคำสั่งคำสอน แต่ถือเป็นคำบอกเล่า ตามนิสัยของผู้ปฏิบัติจะหาความดีใส่ตนต้องใช้สติปัญญาพินิจพิจารณา วิธีฝึกหัดจิตของเราก็ไปขึ้นอยู่กับที่อดอาหาร พออดอาหารแล้วสติจะเริ่มดีขึ้นๆ การง่วงนอนนี้พอเลยสองคืนไปแล้วไม่มี คือธรรมดาแต่ก่อนเป็นหนุ่มนี้การนอนมันจะออกหน้า นอนหลับปุ๊บเลย เร็วที่สุด พออดอาหารเข้าไปถึงสองสามคืนแล้วความง่วงนี้จะไม่กวนนะ นั่งเหมือนหัวตอ แล้วสติแนบๆ

มันเห็นผลอย่างนี้ ถึงร่างกายจะทุกข์มากเราก็ยอมรับ เพราะธรรมเป็นของเลิศเลอมาก ฟื้นได้ยากแต่เสื่อมนั้นเร็ว จึงได้ประคองกันเต็มเม็ดเต็มหน่วยเรื่อยมา  สตินี้ตั้งได้ถ้าสิ่งที่หนุนถูก เช่นอย่างเราถูกกับการอดอาหาร อย่างอื่นไม่ค่อยถูก จึงอดเรื่อยไปจนกระทั่งท้องเสีย อดไปตั้งพรรษาแรกเลย ถึง พรรษาไม่ได้ถอยนะการอดอาหาร จนกระทั่งฉันลงไปนี้ พอฉันลงไปตอนบ่ายท้องมันร้องโก้กเก้กๆ พอค่ำมาถ่ายหมดเลย นี่ท้องเสียแล้ว แต่จิตใจมันมุ่งต่อธรรม ไม่ได้สนใจว่าท้องเป็นอย่างไรต่ออย่างไร มีแต่มุ่งต่อธรรม

จนกระทั่งพรรษา ๑๖ นั่นละจึงได้มาพัก เรื่องอาหารก็ฉันธรรมดา ไม่เหมือนแต่ก่อน แต่ก่อนมีแต่บังคับกันตลอด จนกระทั่งท้องเสีย เสียก็ไม่สนใจ พอผ่านพรรษา ๑๖ ไปแล้ว เราก็ปฏิบัติปรกติ แต่เรื่องถ่ายมันก็ถ่ายของมันเรื่อยๆ เลยไม่หยุดนะถ่ายแต่นั้นมา จนกระทั่งจะตายตอนที่ออกช่วยชาติ ท้องมันเสียมาตั้งแต่นู้น เราก็ไม่ได้สนใจกับมันนัก ตั้งแต่เวลาประกอบความเพียรหนักแน่น โอ๋ย ไม่สนใจเลย จะเอาให้ได้อย่างใจด้านอรรถด้านธรรมอย่างเดียว ธาตุขันธ์จะเป็นอะไรช่างหัวมัน ช่างหัวมันเรื่อย

ฉันลงไปถ่ายหมดๆ เอา ถ่ายก็ช่างหัวมัน อดอีกไปอีก เวลาอดไปอีกมันก็ไม่มีอะไรถ่าย จะเอาอะไรถ่ายมันถ่ายหมดแล้ว เอาอีกอยู่งั้นนะ นี่ละท้องเสีย เรารู้ได้ชัดเรื่องของเรา ที่มันเสียก็คือเราไม่สนใจกับเรื่องธาตุเรื่องขันธ์ยิ่งกว่าธรรม อดอาหารเท่าไรธรรมยิ่งดีขึ้นๆ เราก็ทำ จนกระทั่งพรรษา ๑๖ หยุดละที่นี่ การอดอาหารนี้หยุดหมด ถือเป็นธรรมดาไปเลย ถึงอย่างนั้นมันก็ถ่ายของมันไปเรื่อย ถ่ายเรื่อย แต่มันไม่ถ่ายทุกวี่ทุกวัน หกเจ็ดวันถ่ายเสียทีหนึ่ง ทั้งๆ ที่เราฉันไปทุกวันๆ พอประมาณสักอาทิตย์หนึ่งถ่ายที ถ่ายหมดเลยนะ วันนั้นไม่ได้นอน ถ่ายทั้งวัน ตอนเช้ามาก็ท้องแห้ง แล้วก็ฉันไป ประมาณสักหกเจ็ดวันถ่ายอีก อยู่งั้นเป็นประจำ จนกระทั่งออกช่วยชาติ มันจะไปตอนช่วยชาติ แล้วมันก็ฟื้นได้นะ แปลกอยู่ เราไม่เคยคาดเคยคิดว่าจะฟื้นได้ มันจะไปอยู่แล้ว มันตั้งลำขึ้นได้ยังไงก็ไม่รู้ จากนั้นจึงได้ช่วยชาติเรื่อยมา

(เสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้น) มาจากไหนละนี่ เสียงมันลั่นมายังไงเทวทัตนี่ มันพิลึกพิลั่นนะ ไปที่ไหนเทวทัตนี้แทรกไปเรื่อยๆ แทรกไปเรื่อยซ้อนไปเรื่อยเหมือนวงราชการปัจจุบันนี้ อย่างเมื่อวานนี้เราก็เทศน์ วงราชการปัจจุบัน พวกนี้มันเป็นวงมหาภัยต่อชาติของตัวเอง จะทำลายชาติตัวเองโดยไม่รู้สึกตัว ว่าตัวเป็นผู้ใหญ่ๆ ปกครองบ้านเมืองให้มีความเจริญรุ่งเรือง เลยกลายเป็นผู้ที่จะทำลายชาติบ้านเมืองไปในตัว เพราะความมักใหญ่ใฝ่สูง บ้ายศบ้าลาภ บ้าอำนาจบาตรหลวง เลยเป็นบ้าในวงนี้ อำนาจแห่งความอยากความทะเยอทะยานมันพาให้ลืมเนื้อลืมตัว คนทั้งประเทศมองไม่เห็น เห็นตั้งแต่ความอยากความทะเยอทะยาน ความดีดดิ้นของตัวเองว่า จะเอาอย่างนั้นจะให้เป็นอย่างนั้นๆ บังคับผู้อื่นให้มาอยู่ในอำนาจของตัวเอง อำนาจบ้าๆ ป่าๆ เถื่อน

เวลานี้กำลังเป็นในวงรัฐบาลไทยเรา กำลังผู้ใหญ่เป็นบ้าอำนาจ แล้วมันจะเอาคนทั้งประเทศมาเป็นอาหารว่างกันทั้งหมด กินโต๊ะกันสองสามคน กินโต๊ะคนทั้งประเทศ นับแต่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวลงมา ชาติ ศาสนาจะไม่มีเหลือ พวกนี้เอากินโต๊ะ เบียดเบียนกันแบบนั้นเสียดสีกันแบบนี้ บังคับกันแบบนั้นแบบนี้ สังเกตดูก็รู้นะพี่น้องทั้งหลาย เรานี้ดูด้วยธรรม ตำหนิตำหนิด้วยธรรม เราไม่ได้ตำหนิด้วยความเคียดความแค้นไม่พอใจ แล้วเกิดความโกรธความอะไรในจิตเราไม่มี แต่พูดตามอรรถตามธรรม

เพราะฉะนั้นจึงว่าไม่มีสูงมีต่ำ ธรรมเหนือหมดแล้ว สมควรที่จะตำหนิเราก็ตำหนิ สมควรจะชมเราชม เพราะอยากชมอยู่แล้ว แต่ไม่เห็นที่ควรจะชมมันก็ชมไม่ได้ เวลานี้รัฐบาลเรากำลังเป็นบ้ายศ บ้ายศบ้าลาภบ้าอำนาจป่าๆ เถื่อนๆ ขวนขวายเข้ามาบีบบี้สีไฟเข้ามา จะให้อยู่ในอำนาจของรัฐบาลซึ่งมีสองสามคนเท่านั้นละที่ตัวแสบๆ อยู่ในนั้น ทำลายชาติบ้านเมือง ศาสนา นับแต่พระมหากษัตริย์ลงมา ถูกบีบถูกบี้สีไฟแบบต่างๆ

ดูซิพระมหากษัตริย์ของเรา ซึ่งคนไทยทั้งชาติเขาเทิดทูนกราบไหว้มาแต่ไหนแต่ไร เราเองเราก็เคยเทิดทูนท่านมาตลอด เป็นพระนี่ก็เทิดทูนท่านด้วยความเป็นพระของเรา เวลาเป็นฆราวาสก็เทิดทูนด้วยความเป็นฆราวาส ในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทุกพระองค์ มาถึงพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวก็เทิดทูนท่านไปแบบหนึ่ง แต่เราอายุแก่กว่าท่านแล้วก็เทิดทูนคุณธรรมของท่านไปแบบหนึ่งมาเรื่อย เราไม่เคยดูถูกเหยียดหยามนะ เราเทิดทูนมา

ทีนี้เวลานี้กำลัง ภาษาของเราว่ากำลังร้อน พระองค์นี้ร้อน เพราะพวกนี้เอาฟืนเอาไฟเพราะความมักใหญ่ใฝ่สูงของตน เหยียบย่ำทำลายสิ่งที่เป็นสาระมหาคุณนั้นลงไป เอามูตรเอาคูถขึ้นมาแทนที่ด้วยความปรารถนาลามก อยากเป็นใหญ่เป็นโต อยากให้เขาปรากฏชื่อลือนามว่าเมืองไทยนี้เป็นเมืองใหญ่เมืองโต แต่ก่อนก็เป็นเมืองเท่ากำปั้น เดี๋ยวนี้กำลังจะกลายเป็นเมืองยักษ์เมืองผี ด้วยความปรารถนาลามก หลักใหญ่ นี่เราพูดตามที่เขาเล่าให้ฟัง พวกคนใกล้ชิดนะ ปรารถนาเป็นประธานาธิบดีบอแดนั่นฟังซิ เกิดมาแต่โคตรพ่อโคตรแม่ชาติไทยของเราก็ไม่เคยเห็นประธานาธิบดี ไม่เคยเห็นใครปรารถนาประธานาธิบดี ก็อยู่กันเป็นสุขสงบร่มเย็น แต่นี้มีแฝงขึ้นมา พวกยักษ์พวกผีอยากจะเป็นประธานาธิบดี แล้วก็เหยียบย่ำทำลายประชาชน จนกระทั่งวงศ์กษัตริย์ก็จะอยู่ไม่ได้เวลานี้

มีแบบเสียดนั้นเสียดนี้ อุบายวิธีการแยบยล ไอ้แยบยลของกิเลสกับความแยบยลของธรรมมองดูทีเดียวปั๊บมันรู้เลยทันที เราไม่ได้คุยนะ เรื่องกฎหมายบ้านเมืองก็คนมีกิเลสตั้งขึ้นมา พระพุทธเจ้ากฎแห่งธรรมกฎธรรมชาติ พระพุทธเจ้าทุกพระองค์ตรัสรู้ขึ้นมารู้กฎธรรมชาตินี้ทั้งนั้น เพราะฉะนั้นจึงพูดตามหลักธรรมชาติผิดบอกว่าผิด ถูกบอกว่าถูก ได้ดีกว่าที่พวกคลังกิเลสมาเสกสรรปั้นยอส้วมถานตนเองให้เป็นทองคำทั้งแท่ง มันเป็นไปไม่ได้ เพราะฉะนั้นเราจึงเตือนประเทศไทยเรา ในฐานะที่ว่าเป็นลูกพระพุทธเจ้า ถือพุทธศาสนาด้วยกัน

เราก็เป็นนามของพระ ในองค์พระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์ เป็นลูกศิษย์ตถาคต นำธรรมที่เป็นแบบฉบับอันดีงามนั้นมาใช้ มาตักเตือนทุกคนตั้งแต่ผู้น้อยถึงผู้ใหญ่ เตือน อะไรจะผิดจะพลาดจากอรรถจากธรรม ซึ่งเป็นความสงบดีงามที่เราเคยเทิดทูนมาแต่ก่อนให้เคลื่อนคลาดไป นี้เตือนอย่าได้ทำนะ ไอ้เรื่องมักใหญ่ใฝ่สูงด้วยความสำคัญมั่นหมายตนนี้ ไม่พ้นจะกระทบกระเทือนผู้อื่นให้ได้รับความเดือดร้อน เวลานี้คนได้รับความเดือดร้อนจากรัฐบาลยักษ์ จากรัฐบาลเพชฌฆาตเวลานี้ทั่วประเทศไทยเรา นี่ละธรรมพูดอย่างนี้

ไม่เคยมีมา ตั้งแต่เราเกิดมาก็ยังไม่เคยมี รัฐบาลตั้งมากี่ชุดๆ ก็เป็นธรรมดาๆ ถึงจะมีความชั่วช้าลามกตามประสาของคนมีกิเลสก็ยอมรับๆ แต่ไม่รุนแรงเหมือนปัจจุบันนี้ รัฐบาลชุดนี้ตั้งขึ้นมานี้เดือดร้อนกันทุกหย่อมหญ้า ซอกแซกซิกแซ็กเหมือนโจรเหมือนมาร เหมือนผู้ร้าย ซอกแซกซิกแซ็ก สอดรู้สอดเห็น ตั้งแนวเข้าไปๆ แนวลับๆ เขาเรียกว่าราชการลับ เปรตลับ โจรลับ ที่จะทำลายชาติบ้านเมือง มันตั้งไปทุกแง่ทุกมุม แม้ที่สุดในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวก็มี

พูดให้มันชัดๆ เอ้าถ้าเราพูดนี้ผิดไปจากคำบอกเล่าของเขาพูดอย่างนี้แล้ว เอาคอเราไปตัดเลย นี่ละภาษาธรรม ท่านทั้งหลายฟัง พูดอย่างตรงไปตรงมา ไม่งั้นเชื่อถือไม่ได้..ธรรม เห็นอย่างหนึ่งไปพูดอย่างหนึ่ง พลิกแพลงเปลี่ยนแปลง นั้นเป็นเรื่องของกิเลสไม่ใช่เรื่องของธรรม นับถือไม่ได้ ตายใจไม่ได้ เรื่องของธรรมต้องเป็นอย่างนั้น นี่แทรกเข้าไปทุกแง่ทุกมุมเหมือนตาสับปะรด ไม่ว่าวงราชการตรงไหนๆ พวกเปรตพวกผีเขาถือว่าราชการลับ ลับของเปรตของผีที่จะกลืนบ้านกลืนเมืองด้วยอำนาจบาตรหลวงป่าๆ เถื่อนๆ นั้นแหละ มันกำลังออกลวดออกลายอยู่เวลานี้ เลยกลายเป็นรัฐบาลมหาภัยต่อประชาชนให้ได้รับความเดือดร้อนทั่วหน้ากัน

คนดีทำอยู่ที่ไหนก็ตามไปหาสอดหาแทรก พลิกแพลงเปลี่ยนแปลงให้เป็นชั่ว ถ้าไม่พอใจแล้วพลิกไปใหม่ เอากฎบ้ากฎหมายกฎหมอยกฎหมัดมาใช้ ว่าเป็นของดี กฎหมอยมันดีอย่างไร กฎหมัดมันดีอย่างไร มันดีตั้งแต่อยู่หลังหมากฎหมัด แล้วเอามาใช้กับหัวคนที่เป็นคนดีๆ ได้อย่างไร เวลานี้กำลังสอดกำลังแทรก อย่างพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงตั้ง ฟังซิน่ะ คนทั่วประเทศเทิดทูน ตั้งคุณหญิงจารุวรรณให้ทำหน้าที่ผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน เป็นที่ไว้พระทัย เพื่อเงินแผ่นดินจะได้คงเส้นคงวาหนาแน่นต่อบรรดาพี่น้องทั้งหลาย สมนามที่ว่าพระองค์เป็นพ่อใหญ่ของประเทศไทย

นี้ก็หาอุบายโค่นวิธีการต่างๆ เวลานี้กำลังโค่นอยู่นะ โค่นคุณหญิงจารุวรรณ ฟังซิ มันเอาความเลิศความเลอมาจากไหนมาโค่น อันนี้เป็นพระราชดำรัสของพระองค์ คนเคารพทั้งแผ่นดิน ตั้งคุณหญิงจารุวรรณไปนี้ก็ไม่เคยมีผู้ใดขัดข้อง ที่พระองค์ทรงดำเนินหรือทรงตั้งอย่างนั้น มีแต่พวกนี้ละขัดข้อง เหยียบเข้ามากลืนเข้ามาท่านั้นท่านี้ มีเล่ห์มีเหลี่ยม กำหนดอย่างนั้นกำหนดอย่างนี้ อุบายวิธีไหนออกมามันก็รู้ทันที ธรรมดูโลกจะดูไม่ได้อย่างไร พูดให้มันชัดๆ เสีย หัวใจเรามันจ้าอยู่นี้พูดชัดๆ ผิดถูกชั่วดีอะไรแย็บออกมามันรู้ทันทีๆ ทางกิเลสกับทางธรรมต่างกัน

เราพูดเวลานี้เราจะตาย เราเป็นห่วงพี่น้องทั้งหลาย ทั้งวงรัฐบาลจะพาพี่น้องทั้งหลายให้ล่มจมด้วยความปรารถนาลามกนี้เราเตือน รัฐบาลเราก็เตือน ธรรมนี้เป็นความถูกต้องแม่นยำ ถ้าปฏิบัติตามธรรมนี้ เอ้าจมให้จม หลวงตาบัวจะจมทันทีเลย เราปฏิบัติมาตั้งแต่ออกปฏิบัติฟื้นฟูเจ้าของมาเรื่อยๆ ที่ว่าอดนอนผ่อนอาหารจะเป็นจะตาย ตกนรกทั้งเป็นก็เราผ่านมาแล้ว เหล่านี้เป็นผลให้เป็นความดีงามๆ จนกระทั่งถึงขั้นจิตสว่างจ้าครอบไปหมด ได้มาสอนโลกนี้ไม่ได้สอนด้วยความทุกข์ความจนในอรรถในธรรมนะ ความสุขเราไม่จน

เอามาอวดซิความสุขในคนทั้งประเทศ เว้นพระอรหันต์เท่านั้น อย่าเอามาอวดกัน พระอรหันต์ท่านก็ไม่อวด ต่างคนต่างรู้ประจักษ์โดยตัวเองแล้วท่านไม่อวดกัน นี่มันจ้าอยู่นี้เอามาสอนโลกที่มันกำลังมืดบอด กัดนู้นฉีกนี้ ไม่มีลำเป็นลำตาย ลำสดลำแห้ง มันกัดฉีกเพราะอำนาจป่าเถื่อนคือความอยากความทะเยอทะยาน ความดีดความดิ้น อยากเป็นใหญ่เป็นโต ก็จะใหญ่ไปอะไรนักหนาประสาอึ่งอ่าง อึ่งอ่างกับวัวฟังซิน่ะ อึ่งอ่าง ในนิทานอีสปตั้งแต่เราเป็นเด็กเราไปอ่าน นิทานอีสปนี้ออกมาจากธรรมะ เวลาเราไปบวชจึงไปเห็น อ๋อ นิทานนี้ออกมาจากธรรมะแท้ๆ ออกไปสอนนักเรียนสอนครูนิทานอีสป

ที่ว่าอึ่งอ่างกับวัว เขาก็ยกเป็นข้อเปรียบเทียบขึ้นมา ก็เหมือนคนแม่กับลูกพูดกันนั่นแหละ แม่ไปเที่ยวหากิน ว่าอย่างนั้นนะ อึ่งอ่างนั่นละไปเที่ยวหากิน หากินอะไรมันอยู่ในรู  แต่เขาก็ตั้งขึ้นมาเป็นข้อเทียบเคียง แม่ไปเที่ยวหากิน ลูกนอนอยู่ในรู แล้วมีวัวมาเที่ยวหากิน มันก็ย่วมย่ามๆ ตามภาษาวัว มานี้จะมาเหยียบอึ่งอ่างตัวนั้นแหละ เขาก็หากินตามประสาเขาละวัวก็ดี เขาไม่ได้หวังตั้งหน้าตั้งตาจะไปเหยียบใคร แต่อึ่งอ่างมันตัวเล็กมันก็หลีกของมัน ลูกมันหลีกนะ แต่แม่มันไม่หลีก

พอแม่มา แล้วก็เล่าให้แม่ฟัง โอ๋ย แม่สัตว์อะไรก็ไม่รู้ตัวใหญ่โตทีเดียว เหยียบเฉียดไปเฉียดมา หนูหลบนั้นหลบนี้ หลบอยู่ในรูนั้นแหละ แทบเป็นแทบตาย มันพึ่งผ่านไปเดี๋ยวนี้ พอแม่ไปหากินมา ฟังซิน่ะน่าฟังนะ จึงได้เล่าให้แม่ฟัง มันตัวใหญ่นะแม่ มันตัวใหญ่ขนาดไหน แม่อึ่งอ่างมันก็ทำนี้ขึ้นพอง ตัวขนาดนี้ใช่ไหม อู๊ยใหญ่กว่านี้แม่ แล้วขึ้นอีก มันตัวใหญ่ขนาดนี้ไหม อู๊ยยังใหญ่กว่านี้อีกแม่ วัวทั้งตัวกับอึ่งอ่างมันต่างกันยังไงเข้าใจไหม นี่เอามาเทียบกัน มันใหญ่ขนาดนี้ใช่ไหม แล้วก็พองตัวขึ้น พองก็พองอึ่งนั่นแหละ มันใหญ่กว่านี้ไหม พองไปพองมา ขนาดนี้ไหม พองหลายครั้งหลายหน เบ่งหลายครั้งหลายหนเลยท้องแตก อึ่งอ่างตัวนั้นท้องแตก ลูกรอดตัวไป วัวไม่เหยียบ แต่ตัวแม่ตัวท้องป่อง พองตัวเองๆ อยากใหญ่อยากโตเลยท้องแตก

ก็เหมือนอย่างที่เป็นอยู่เวลานี้ ยกเข้าไปใกล้ๆ เลยว่า รัฐบาลของเราเวลานี้กำลังเป็นอึ่งอ่าง อึ่งอ่างกับวัว แข่งวัวคืออะไร คือแข่งธรรม แข่งกรรม กรรมดีกรรมชั่ว ธรรมครอบไว้ ธรรมกับกรรมอยู่ด้วยกันนั่นแหละ แล้วจะอวดขนาดไหนก็อวด อวดกรรมอวดธรรมพ้นไปไม่ได้ ท้องแตก ดิ้นดีดทะเยอทะยานเกินเนื้อเกินตัว ท้องแตก ใครอย่าเก่งกว่าพระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้ายังเคารพธรรมเคารพกรรม เราจะเก่งกว่าศาสดาองค์เอกไปไหน ทรงรู้ทรงเห็นทั้งโทษทั้งคุณแล้วนำมาสอนโลก เราวิเศษวิโสกว่าพระพุทธเจ้าไปไหน ถึงจะเบ่งเอานักหนา ครั้นเบ่งแล้วมันก็ท้องพวกเบ่งนั่นละแตก

วัวไม่แตก วัวคือหลักความจริง หลักกรรม ใครทำดีทำชั่วเป็นของผู้นั้นๆ จะบังคับให้เป็นของผู้ใดไม่ได้ นี้เราก็เตือน เตือนรัฐบาล การเตือนรัฐบาลนี้เราไม่ได้เตือนธรรมดา หัวใจเรานี้มันจ้าด้วยอรรถด้วยธรรมเต็มเม็ดเต็มหน่วยแล้ว (เสียงแตรรถดังขึ้น) เป็นอะไรของใครเปิดเป้ดๆๆ ไอ้พวกอึ่งอ่าง มันกำลังแข่งธรรม เอ้อ แป้ดๆ เท่านี้ไหมล่ะ พูดเลยลืม อย่างนี้ละถ้ามีอะไรมาสวน เพราะฉะนั้นเวลาเทศน์จึงห้ามอะไรไม่ให้มายุ่งนะ

เราพูดถึงเรื่องที่เรามาสอนโลกอยู่เดี๋ยวนี้ เปิดให้ชัดเจน เราเป็นมาได้ ๕๕–๕๖ ปีนี้แล้ว ไม่มีจนตรอกจนมุม ความรู้ทุกสิ่งทุกอย่างเปิดจ้าหมดเลย การสอนโลกนี้ตั้งแต่รัฐบาลลงมาเราสอนด้วยความเมตตาสงสาร เราไม่ได้สอนด้วยความดูถูกเหยียดหยาม จะไปทำลายโลกแบบใด เช่นรัฐบาลเป็นต้น เราไม่มีแม้เม็ดหินเม็ดทราย เราสอนด้วยความเมตตาสงสาร ถ้าผู้มุ่งหวังต่อความดีงามทั้งหลายให้ตรงเป้าหมายแห่งอรรถแห่งธรรมควรจะฟังธรรมที่เราสอนนี้ อย่ามาถือว่าเราเป็นข้าศึกศัตรู เราไม่เป็นข้าศึกศัตรูกับใคร ไม่มีในหัวใจเรา

หัวใจเราเปิดออกหมดแล้ว เรื่องกิเลสตัณหาเท่าเม็ดหินเม็ดทรายไม่มีมาได้ ๕๕–๕๖ ปีนี้แล้ว เราจึงเอาธรรมประเภทที่จ้านี่มาสอนโลกด้วยความเมตตา เพราะฉะนั้นเราเป็นลูกชาวพุทธด้วยกัน ศาสนาเป็นธรรมชาติที่นำหน้าเสมอ และครูบาอาจารย์ผู้มีศีลมีธรรมนำหน้าเสมอ ขอให้ฟังเสียงอรรถเสียงธรรมเสียงครูอาจารย์เถอะ อย่าฟังตั้งแต่เสียงอึ่งอ่างของเจ้าของ มันดีดมันดิ้น เดี๋ยวมันจะท้องแตกนะ อันนั้นก็ไม่พออันนี้ก็ไม่พอ เที่ยวดีดเที่ยวดิ้น เที่ยวคืบเที่ยวคลาน เที่ยวบีบบี้สีไฟกันไปอย่างนี้

เดี๋ยวนี้เมืองไทยเราร้อนมากนะ เราจึงเตือนเข้าไป เมืองไทยไม่ได้ร้อนเพราะเหตุใดละ ร้อนเพราะเหตุที่รัฐบาลกำลังเป็นบ้าดิ้นอยู่เวลานี้ แทรกซึมไปหมด  ลูกศิษย์ลูกหาเขามาเล่าให้ฟัง มันเป็นสายลับ เขาว่าสายลับรัฐบาล รัฐบาลลับ นี่ละอึ่งอ่างมันไปเที่ยวทำสายลับเอาไว้ แล้วท้องมันจะแตกละ ธรรมะจึงเตือนไป อย่าดิ้นอย่าดีดเกินไป เขาที่อยู่โลกไหนเขาเป็นคนเราก็เป็นคน อยู่สภาพไหนให้อยู่สภาพเชื่อบุญเชื่อกรรม การดีดการดิ้นหาผลหาประโยชน์เป็นธรรมดาของคน เพราะธาตุขันธ์บังคับ ไม่อยู่ไม่กินไม่หลับไม่นอนไม่ได้ ต้องมีที่อยู่ที่กินที่หลับที่นอน อันนี้เป็นธรรมดา แต่จะดีดดิ้นให้เกินเหตุเกินผลนี้แล้วมันเป็นอึ่งอ่างนะ ถ้าเป็นอึ่งอ่างแล้วท้องเจ้าของละจะแตก

อันนี้กำลังเป็นบ้าอยู่รัฐบาลเรา เราพูดให้ชัดๆ เอาคอเราไปตัดก็ได้ หัวใจเรานี้จ้าหมดแล้ว เราไม่มีโทษกับผู้ใด ที่จะไปเป็นโทษแก่ผู้ใดๆ ไม่มี แต่คุณนั้นเราสอนเพื่อคุณ มีตลอดไปเลย ควรบรรดาพี่น้องชาวพุทธเราตั้งแต่รัฐบาลลงมาจะเชื่อฟังเสียงอรรถเสียงธรรม ธรรมนี้เราได้สอนตนมาตั้งแต่วันออกปฏิบัติ วันบวชก็รักษามาเป็นขั้นเป็นภูมิ แต่วันออกปฏิบัตินี้เอากันจริงจังมากทีเดียว ถึงขนาดตกนรกทั้งเป็น จึงได้ธรรมประเภทนี้ขึ้นมา ธรรมประเภทนี้เราก็ไม่เคยคิดเคยคาดเคยฝัน ธรรมประเภทนี้เหนือความคิดความคาดความฝันทั้งหมด ออกจากเหตุที่เราได้ฝึกฝนอบรมเราเต็มเม็ดเต็มหน่วย เหตุหนักผลก็หนัก เหตุด้อยผลก็ด้อย เหตุแข็งผลก็แข็ง อันนี้เราก็หนุนมาเป็นลำดับ จนกระทั่งถึงขั้นสว่างจ้าขึ้นมา

เมื่อสว่างจ้าแล้วมองดูโลกนี้มันเหมือนส้วมเหมือนถาน พูดให้มันชัดเจนนะไม่ได้ตำหนิติเตียน เทียบมันเป็นอย่างนั้นความจริงของมัน เราเองก็เป็นมนุษย์เหมือนกันแต่ก่อน ความรู้อันนี้ไม่เคยมี ก็เป็นเหมือนเราๆ ท่านๆ เวลามันเป็นขึ้นมาแล้วคาดไม่ได้นะ นี้ละธรรมประเภทนี้ที่มาสอนโลกอยู่เวลานี้ เราได้มาจากการประพฤติปฏิบัติดีต่างหาก ไม่ได้ขึ้นมาจากการพองตัวนะ ได้ขึ้นมาจากการอุตส่าห์พยายามชำระกิเลสตัวมันพองตัวๆ นั้นออกโดยลำดับ มันดีดมันดิ้นอยากได้ไม่พอ อะไรไม่พอ ยศถาบรรดาศักดิ์ ได้มาก็มีแต่ลมปากๆ

อันนี้คนร้อนทั้งแผ่นดิน จะมาสำคัญตนว่าได้ดิบได้ดีมีความสุขคนเดียว ไม่มีใครยอมรับ คนเขาตำหนิทั้งประเทศแล้ว ใครจะมายอมรับหนุนให้ว่าเป็นดีขึ้นมาอีกไม่มี มีตั้งแต่จะจมๆ ทั้งนั้นแหละ ขอให้พากันพินิจพิจารณา เฉพาะอย่างยิ่งวงรัฐบาลเป็นจุดรวมของคนทั้งประเทศ ควรจะมีเยี่ยงอย่างมีคติอันดีงามมาแจกจ่ายประชาชน ให้เขาได้เคารพนบน้อมกราบไหว้บูชาบ้าง

ดังพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเราคนกราบทั้งแผ่นดินไทย ฟังซิน่ะ ทรงตั้งคุณหญิงจารุวรรณขึ้นมานี้ กำลังถูกบีบถูกบี้สีไฟทุกประเภทเห็นไหมเวลานี้ ผิดทั้งเพเราบอกอย่างนี้ เราขอบิณฑบาตอย่าทำนะ ทำกับพ่อกับแม่คือพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เป็นพ่อแม่ของคนทั้งแผ่นดิน เราเป็นลูกเป็นเต้าของท่าน เช่นเป็นรัฐบาลก็ลูกของพระเจ้าแผ่นดินนั่นเอง จะไปทำลายพ่อแม่ได้ลงคอให้เขาชมกันทั้งแผ่นดิน มีแต่เขาจะตำหนิเขี่ยลงทะเล ไม่มีใครจะชมว่าดีละ ขอให้รู้เนื้อรู้ตัวรัฐบาลเรา อย่าว่าแต่ตัวดิบตัวดีคนเดียว ทิฐิมานะพาคนให้จมได้นะ เราอย่าเชื่อความรู้ความเห็นของเราอย่างเดียว ว่าจะเหาะเหินเดินฟ้า เลยฟ้าก็ลงนรกเท่านั้นเอง ให้พากันจำเอา

วันนี้ก็อดไม่ได้ที่พูดไปมันก็มาสัมผัสอย่างนี้ เพราะมันกระเทือนใจอยู่มากเวลานี้ การสอนโลกมาก็สอนมา มันก็มาติดที่จุดรัฐบาลกำลังเป็นข้าศึกกับประชาชน ทีนี้ธรรมเท่านั้นที่จะชะล้างได้ เราก็นำธรรมเข้าไปแนะนำสั่งสอน ซึ่งเปรียบเหมือนการชะล้าง ถ้าชะล้างได้ก็ดีสมกับว่าธรรมสอนโลกมานาน ถ้าชะล้างไม่ได้คนนี้อาภัพหมดขีดแล้ว รับธรรมไม่ได้รับอะไรไม่ได้ รับได้ตั้งแต่นรกอเวจี เป็นความสำคัญไปลบล้างว่าบาปบุญนรกอเวจีไม่มี นั่นละตัวนี้จะเป็นกองรับเหมาละ ขอพี่น้องทั้งหลายคิดให้ดี ตั้งแต่วงรัฐบาลมาถึงประชาชนทุกคน นี้เอาธรรมสอนโลกมาสอน

การสอนนี้เราไม่ได้ด้วยการจนตรอกจนมุมในธรรม หัวใจมันโล่งไปหมดแล้ว ไม่มีอะไรติดค้างขึ้นชื่อว่าสมมุติ มีแต่ธรรมชาติที่จ้าอยู่นอกจากวงสมมุติมาสอนโลกด้วยความเมตตา โลกถ้ายังมีอุปนิสัยปัจจัยอยู่พอจะรับอรรถรับธรรมได้ ให้รีบแก้ตัว เฉพาะอย่างยิ่งวงรัฐบาล เวลานี้เขาตำหนิติเตียนจนโลกกระเทือนไปเลยเป็นไร จะแยกพรรคแยกเหล่าแยกพวก ดีไม่ดีแยกพวกทหารตำรวจพวกนั้นพวกนี้ เดี๋ยวจะเอาตำรวจทหารซึ่งเป็นลูกของพ่อแม่ทุกคนๆ ลูกเต้าทุกคนมีพ่อมีแม่ จะเอาให้พ่อแม่แหลกกันไปหมดอย่างนี้สมควรแล้วเหรอ ลูกฆ่าพ่อฆ่าแม่มาจากวงราชการที่จะตั้งบ้านเมืองให้เจริญรุ่งเรือง แต่กลับวงราชการเป็นหัวหน้าสังหารคนทั้งประเทศ ทั้งแม่ทั้งลูกทหารตำรวจไม่มีญาติไม่มีมิตร พ่อกับแม่ไม่มีญาติมีมิตร เป็นกองทหารไปหมดอย่าให้ได้ยินเลยนะ

พ่อแม่กับลูกนี้รักกันตลอด ลูกไปอยู่ที่ไหนพ่อแม่ก็รัก แม่อยู่ที่ไหนลูกก็รัก อย่าให้ได้เห็นความแตกร้าวกัน ซึ่งไม่มีพ่อมีแม่ด้วยไฟบรรลัยกัลป์ ได้แก่ความโลภมากอยากไม่หยุดไม่ถอยเข้าไปเผา ความดีดความดิ้นไปเผา เราไม่อยากได้ยินได้ฟัง ธรรมเหล่านี้ทำคุณแก่เรามาจนสุดหัวใจ ถึงขนาดที่ประกาศออกไปแล้วว่า ต่อไปนี้เราจะไม่มาเกิดอีกแล้ว เพราะมันจ้าอยู่ในหัวใจนี้แล้ว การสอนโลกก็สอนด้วยความแน่ใจ ที่สอนออกไปนี้ไม่ได้มีคำว่าผิดพลาด สำเร็จๆ พอดีๆ ไปทุกขั้นทุกภูมิแห่งธรรม จึงอยากให้บรรดาพี่น้องทั้งหลายนับแต่วงราชการลงมา เอาธรรมนี้ไปพินิจพิจารณาแก้ไขดัดแปลง อันใดที่โลกผู้มีธรรมทั้งหลายตำหนิติเตียน ขอให้เอานั้นไปพินิจพิจารณาแก้ไขตนเอง อย่าดันทุรังอย่ามืดตื้อเกินมนุษย์มนาเขาจนเกินไป ฟังไม่ได้ดูไม่ได้นะ วันนี้พูดเพียงเท่านี้ก่อน

(เช้าวันนี้ทองคำได้ ๓๕ สตางค์ครับผม) เอาละพอใจ วันหลังจะคว้าให้มันได้บาทหนึ่ง วันนี้พอใจแค่นี้ก่อน วันหลังฟาดให้มันได้บาทขึ้นไปเรื่อยเลย นี่ละประเภทซึมซาบ.ได้มาเท่าไรๆ เราไม่นับ มีแต่ไปที่ไหนจำเป็นอะไรคว้าออกๆ นับไม่ค่อยมี จนกระทั่งเขาบอกเงินแล้ว หือ หมดแล้วหรือ มันไม่สนใจกับว่าหมดว่ายังนะความเมตตา ไปที่ไหนเป็นของมันอย่างนั้น เป็นในใจดวงนี้ เราก็บอกว่าเราไม่เคยเป็นแต่ก่อน ก็เหมือนเราๆ ท่านๆ บทเวลามันได้เป็นขึ้นในใจ โอ๋ย คาดไม่ได้เลย คาดไม่ได้จริงๆ โถ เป็นอย่างนี้นะธรรม เราจึงเอาธรรมนี้ไปสอนโลก โลกที่เต็มไปด้วยกิเลส ถ้าไม่ฟังเสียงธรรมแล้วจมได้บอกงั้นเลย เสียงธรรมนี้ไม่จม

เราปฏิบัติมาเต็มเม็ดเต็มหน่วยจนกระทั่งบัดนี้ เจริญมาโดยลำดับ จนกระทั่งเจริญเต็มที่แล้วปล่อยวางหมดโดยประการทั้งปวง มีแต่ความเมตตาโลกแล้วก็สั่งสอนโลกให้ปฏิบัติตาม อย่าอวดดีเก่งกว่าพระพุทธเจ้า ไม่ได้นะจมแน่ๆ เราก็พูดอย่างนั้นละ ก็นี้สอนโลกทุกบททุกบาท ทุกขั้นทุกภูมิของธรรม ออกมาจากความเต็มเปี่ยมๆ ในหัวใจ ไม่มีเคลื่อนคลาดเลย ที่จะมาทบทวน เอ๊ะ เทศน์อย่างนั้นว่าจะหนักไปนี้จะเบาไปไม่มี สำเร็จพอดีๆ ไปหมดเลย เหมือนเขาถากไม้ ไม้ที่มันคดงอ ที่มันเรียบๆ เขาก็ถากเรียบๆ เขาจะถากมาทำต้นเสา ถ้าตรงไหนมีคดงอหนักเบามากน้อยเขาก็หนักมือการถาก เป็นอย่างนั้น

การสอนคนมีคดมีงอมีเรียบๆ คนที่มีนิสัยเรียบๆ หัวใจเรียบๆ ก็ต้องเทศน์ไปเรียบๆ คนที่มีคดงอมีเล่ห์มีเหลี่ยมหลายสันพันคม กิเลสเต็มหัวใจก็ถากแรงเข้าใจไหมล่ะ.สุดยอดก็ผู้ที่จะถึงความพ้นทุกข์แล้วไสเลย มีหลายขั้นนะ อันนี้เอามาซิหลวงตาบัวจะไม่มีธรรมสอนพี่น้องทั้งหลายเหรอ เวลานี้สอนด้วยธรรมนี่นะ ใครๆ คนไหนที่จะมา หลวงตาบัวนี้หมดภูมิสอนโลกไม่ได้แล้วเวลานี้ให้ได้เห็นสักทีน่ะ นี้มันเห็นแต่ความสลดใจที่โลกทำความสกปรก เฉพาะอย่างยิ่งรัฐบาลเราเก่งมากเวลานี้ว่างั้นเลย เราฟังมาทุกแง่ทุกมุมๆ เข้าหูเราหมด เข้าหัวใจเราหมด

เราก็เป็นหัวใจที่อุ้มโลกด้วย แล้วทำไมคนหนึ่งพยายามอุ้มโลกเต็มเม็ดเต็มหน่วย คนหนึ่งจะมาเหยียบย่ำเผาโลกมันเข้ากันได้เหรอ นี่ละมันจึงแผดออกมาเข้าใจไหมล่ะ นึกว่าเทศน์จบไปแล้วมันไม่จบนะ วันนี้เทศน์เต็มเหนี่ยวเหมือนกัน ถอดออกมาหมดในหัวใจวันนี้นะ ให้โลกได้ฟัง เราเอาขี้หมูขี้หมามาสอนเหรออยากว่างั้น ถ้าหากว่าไม่อาภัพเสียจนเกินไปหมดคุณค่าแล้วฟังได้คิดได้ ยังไปเป็นคติได้ อย่างน้อยสะกิดใจสะเทือนใจ ธรรมขนาดนี้ไม่สะเทือนใจมีเหรอ ตั้งแต่หมื่นโลกธาตุยังสะเทือนใจหมด พระพุทธเจ้าท่านทรงแสดง

ท่านตรัสรู้ธรรมปึ๋งขึ้นมานี้ พวกทวยเทพทั้งหลาย ตั้งแต่ภุมมเทวดา อากาสเทวดาขึ้นไปถึงจาตุมมหาราชิกาสวรรค์ ๖ ชั้น กระเทือนขึ้นไปถึงพรหมโลก ๑๖ ชั้น แล้วยกไปอีกว่าหมื่นโลกธาตุ สะเทือนสะท้านไปหมดเลย นั่นฟังซิ ธรรมของพระพุทธเจ้าวิเศษวิโสขนาดไหน เราพูดเรื่องอะไรมานี่หลงแล้วนะ ว่าจะเอามาเป็นข้อเปรียบเทียบ หมดแล้ว อย่างนั้นละทุกวันนี้ นี่ละธรรมเลิศเลอขนาดไหนกระเทือนหมื่นโลกธาตุ ทำไมไม่กระเทือนหัวใจเราบ้างมันเป็นยังไง หัวใจเรามันเก่งทางไหน มันเก่งที่จ่านรกกำลังลากลงยังไม่ถึงก้นนรกเหรอหรือยังไง ที่ว่าลงบัญชีเขาลงเรียบร้อยแล้ว เขาดึงลงยังไม่ถึงก้นนรกเท่านั้น มันจึงได้เห่าฟ้อๆ ข้าจะเป็นใหญ่ ข้าจะเป็นโต ข้าจะเป็นเจ้าอำนาจบาตรหลวง แต่ข้าจะเป็นผู้รับเหมาไฟนรกมันไม่พูดนะ เวลานี้มันกำลังรับเหมาไฟนรก

เอาซิใครจะลบล้าง บาป บุญ นรก สวรรค์ พรหมโลก นิพพาน เอา ลบล้างว่างั้นเลย ศาสดาองค์นี้เป็นโลกวิทู รู้แจ้งโลกไปหมดเลย พวกเรามันมืดรอบโลก ท่านรู้แจ้งโลกทั่วโลกเลย เอามาแข่งกันซิ ถ้าธรรมเอาไว้ไม่อยู่หมดนะเมืองไทยเรา เมืองไทยเป็นเมืองพุทธศาสนา เคยเทิดตัวเองมาด้วยอรรถด้วยธรรมนี้ตลอดมาได้รับความสงบร่มเย็น แล้วคราวนี้เมืองไทยจะจมไปเหรอ ถ้าไม่ฟังศาสนาจม จะเก่งขนาดไหนก็เก่งเถอะ ไม่เหนือธรรมพระพุทธเจ้า ไม่เหนือกรรมไปได้ จับอันนี้ให้ดีนะพี่น้องทั้งหลาย เราพูดนี้พูดด้วยความเชื่อกรรม มันจ้าอยู่ในหัวใจนี้แล้ว ใครจะมาลบล้างยังไงมันก็เห็นอยู่นี้ อย่างนี้น่ะ ลบล้างว่ากระโถนไม่มี ฟังซิ ก็เห็นมันมีกระโถนไม่มีได้ไง นอกจากคนตาบอดเข้าใจไหม มีร้อยมีพันคนมันจะปฏิเสธว่ากระโถนไม่มี แต่คนตาดีมีเพียงคนเดียวเห็นหมด พระพุทธเจ้าเพียงพระองค์เดียวจ้าหมดแล้ว เข้าใจเหรอ เอ้า มันขึ้นอีกหรือเทศน์มันยังไงกัน เอาละไปละ

 

รับฟังรับชมพระธรรมเทศนาของหลวงตา ได้ที่

www.Luangta.com หรือ www.Luangta.or.th

และรับฟังจากสถานีวิทยุสวนแสงธรรม กรุงเทพฯ และสถานีวิทยุอุดร

FM 103.25 MHz

 


** ท่านผู้เข้าชมทุกท่านโปรดทราบ
    เนื่องจากกัณฑ์เทศน์บางกัณฑ์มีความยาวค่อนข้างมาก ซึ่งจะส่งผลต่อความเร็วในการเปิดเว็บไซต์ ขอแนะนำให้ทุกท่านได้อ่านเนื้อหากัณฑ์เทศน์บางส่วนจากเว็บไซต์ และให้ทำการดาวน์โหลดไฟล์กัณฑ์เทศน์ที่มีนามสกุล .pdf ไปเก็บไว้ในเครื่องของท่านแทนการอ่านเนื้อหาทั้งหมดจากเว็บไซต์

<< BACK

หน้าแรก