นักสู้
วันที่ 22 กันยายน 2548 เวลา 8:20 น. ความยาว 43.05 นาที
สถานที่ : วัดป่าบ้านตาด
| |
ดาวน์โหลดเพื่อเก็บไว้ในเครื่อง
ให้คลิกขวาแล้วเลือก Save target as .. จาก link ต่อไปนี้ :
ข้อมูลเสียงแบบ(Win)

ค้นหา :

เทศน์อบรมฆราวาส ณ วัดป่าบ้านตาด

เมื่อวันที่ ๒๒ กันยายน พุทธศักราช ๒๕๔๘

นักสู้

         มีอะไรไหมวันนี้ (มีเกี่ยวกับประเทศลาวเมื่อวานนี้ครับ ที่เขาว่าจะเอารถหกล้อมา ปรากฏว่าเป็นรถสิบล้อครับ) เป็นนักสู้ด้วย เขามาขอของ เราก็ว่า เอา มาได้เลย รถกี่ล้อล่ะ หกล้อเขาว่า เออ เอามาเลยฟาดเต็มรถนั่นละกี่ล้อก็ตาม เขาก็ฟาดเอาสิบล้อมา ทีแรกเขาว่าจะเอาหกล้อมา พอทางนี้ว่ากี่ล้อก็เอามาเถอะจะฟาดให้เต็มรถแหละ เขาก็ฟาดมาสิบล้อ ทางนี้ก็ฟาดเต็มรถอีกเหมือนกัน นั่นเห็นไหมล่ะ มันถึงกัน สิบล้อเต็มรถขนออกจากโกดัง ของทุกอย่างขนจากนั้น ข้าวสาร ทั้งข้าวเจ้า ข้าวเหนียว พวกน้ำปลา น้ำมันพืช ขนมปัง แล้วอะไรหลายอย่าง เราบอกไว้อย่างเดียวว่า น้ำตาลเราไม่ให้ ไม่ให้จริงๆ

เพราะน้ำตาลเราเอาไว้เพื่อโรงพยาบาลทั้งหลาย ให้ได้ทุกโรงๆ มากี่โรงก็ได้ทุกโรง ถุงหนึ่งมัน ๕๐ กิโล ไม่ใช่กระสอบใหญ่ร้อยกิโล อันนี้เป็นประจำทุกโรงพยาบาล โรงไหนมาให้ได้นี้เป็นประจำ แต่ทางเวียงจันทน์เราบอกเราไม่ให้ว่างี้เลย ขาดน้ำตาลอย่างเดียวที่อยู่ในโกดัง เราบอกเราจะเอาไว้ให้โรงพยาบาลทั้งหลาย เรื่องเป็นอย่างนั้น เวียงจันทน์เขาว่าจะมาหกล้อ เอามากี่ล้อก็มาเถอะฟาดให้มันเต็ม เขาซัดมาสิบล้อ เราก็เอาเต็มเหนี่ยวเลย นั่นเห็นไหมมันถึงกัน ทีแรกเขาบอกเขาจะเอามาหกล้อ เอากี่ล้อก็มาเถอะ นี่ตอบกัน จะฟาดให้มันเต็มรถนั่นแหละ เขาก็ฟาดมาสิบล้อ รถสิบล้อมาก็ฟาดนี้เต็มรถเลย นั่นเห็นไหมล่ะ เต็มรถเลย จึงเรียกว่านักสู้ พูดคำไหนเป็นยังไงเป็นไปตามนั้น มากี่ล้อก็มาเถอะ เขาเอาสิบล้อมาก็ใส่เต็มไปเลย

โน่นเห็นไหมเขาเอามาแล้ว สั่งมานะนี่ สั่งมาจากตลาดเข้ามาแทนทันทีเลย ก็เมื่อวานนี้เอาจนกระทั่งเกือบหมดจริงๆ ส่วนข้าวเจ้ายังเหลือพอประมาณ โรงพยาบาลมาก็ได้ครบตลอด ส่วนข้าวเหนียวยังเหลืออีกสามสี่ถุง นี่วันนี้เขาเอามาเต็มแหละ นักสู้เข้าใจไหม สู้ด้วยความเมตตา มีเท่าไรหมด เราพูดจริงๆ พูดตามความสัตย์ความจริง เรียกว่าถึงไหนถึงกัน คิดดูอย่างพูดกับพวกเวียงจันทน์ เขาจะมาขอของ เราก็ว่า เอา มา เขาว่าจะเอารถหกล้อมา จะเอาเท่าไรล้อมาก็มาเถอะเราว่างั้น ฟาดให้มันเต็มหมดแหละ แล้วเขาเอาสิบล้อมา เราก็ฟาดเต็มเลย นั่นเห็นไหมล่ะ อย่างนั้นละถ้าสู้

อย่างที่โรงพยาบาลศูนย์ นี่แผนกตา อันนี้ก็เหมือนกัน เราบอกเรารับให้ทั้งหมด เครื่องมือตา เอา สั่งมาเลยเราจะรับให้ทั้งหมด ให้โรงพยาบาลศูนย์เป็นศูนย์ดวงตาในนั้น แถวนี้มานี้หมด ก็ยังมีแต่ศรีนครินทร์ นั่นเขาก็ยอมรับว่าของเขาสู้ของเราไม่ได้ คือแผนกตานะสู้ของเราไม่ได้ เพราะของเรานี้ใหม่เอี่ยมด้วย และไม่มีบกพร่องด้วย นี่เขาก็ขอมาอีกเห็นไหมล่ะ แผนกตาล้วนๆ ขอมาอีกเท่าไร (เจ็ดล้านสองแสนครับ) เออ เจ็ดล้านสองแสน ทางนู้นมาทางนี้ก็ตูมเลยรับเลย นั่นเห็นไหมล่ะ เราบอก เอา เรื่องตามาเราจะรับให้หมด ว่างี้นะ นี่มันเข้ากันได้ไหม ทีนี้พอเขาซัดเข้ามาตูมหลังนี้เจ็ดล้านสองแสน เราก็รับตูมเลย พอดีเวียงจันทน์มาอีกแปดล้านกี่แสน (๘ ล้าน ๕ แสน ๘ หมื่นครับ) เออ นั่นเป็น ๑๕ ล้าน เกือบ ๑๖ ล้าน เราก็ตูมเลยเอาเลย อย่างนี้ละ ทางโน้นก็ตา ทางนี้ก็ตา

ตาเป็นของสำคัญมากนะ เราพิจารณาทุกอย่างแล้วก่อนที่จะแสดงออกทุกอย่าง ช่วยโลกอะไรที่จำเป็นอันดับหนึ่ง อันดับสอง เช่นอย่างตานี้เป็นความสำคัญมาก ขนาดที่เรายกภาพขึ้นเปรียบ ถ้าเห็นใครจะมาแย้งเราเราจะซัดกันเดี๋ยวนี้ เอาให้ศาลาหลังนี้แตก คือว่าไง ตาเป็นของสำคัญ ถ้าตายังดีอยู่ จะหูหนวก อวัยวะแข้งขาจะขาดตกบกพร่องอะไรก็ตาม ตายังดียังมีความหมายเต็มตัวของมัน พอตาบอดเสียอย่างเดียวนี้หมดความหมายทั้งหมดเลย นี่เราสนใจจุดนี้

คนเราอยู่ได้เพราะตา พอตื่นขึ้นมามันเห็นนั้นเห็นนี้ อย่างเขามาเที่ยวทางโน้นทางนี้เขาเอาตาเข้ามา ไม่ได้เอาคนตาบอดมาเที่ยวดูนั้นดูนี้นะ เขาเอาคนตาดีมา ภาคไหนๆ เข้ามานี่ มาเที่ยวทางโน้นทางนี้ก็เพราะตานี่สำคัญ เราจึงช่วยทางตา นี่เขาขอมาเจ็ดล้าน เจ็ดล้านก็ให้กันเลย สมกับที่ว่า เอา จะรับทั้งหมดเรื่องตา นี่เป็นเครื่องมือใหม่เข้ามาเขาว่า มาทั้งหมดเราจะให้ทั้งหมดเลย ทางโน้นไปก็แปดล้านกว่า เกือบ ๑๖ ล้านคราวนี้ ก็อย่างนั้นแล้วเรา การเงินการทองเราไม่คำนึงถึงความได้ความเสียหมดยังอะไรแหละ เราคำนึงถึงความจำเป็น มีเท่าไรทุ่มใส่เลยๆ จนกระทั่งว่าหมดแล้ว เหอ หมดแล้วเหรอ เออ พักเสียก่อน แต่ทางนี้ยังจะขยับอีกนะจะให้ อย่างนั้นละเรา เอาอย่างนั้น

เรื่องตาเป็นของสำคัญเราจึงช่วย นอกจากนี้แล้วยังจะไปตั้งศูนย์ที่ใดที่หนึ่งอีก ทางภาคอีสานนี่อีกสักจุดหนึ่ง จากนั้นก็ไปภาคนั้นภาคนี้ให้ทั่วถึงกันตามลำดับลำดา ถ้าเรายังไม่ตายจะเป็นอย่างนั้นไม่เป็นอย่างอื่น ทางตาเราให้สมบูรณ์ที่เราช่วยตรงไหน โรงพยาบาลศูนย์เรียกว่าให้สมบูรณ์เลยเทียว ไม่ให้ขัดข้อง ทุกอย่างเราถามหมอเลย อะไรบกพร่องๆ เพราะเราเปิดแล้วนี่ อะไรบกพร่องดุหมอเลย เพราะฉะนั้นเขาขอมาเจ็ดล้านกว่า จึงให้เลยทันที มันรับกันอย่างนี้

เราไม่ได้เอามือเขียนตีนลบนะ มือเขียนมือลบ ด้วยเหตุด้วยผลทั้งนั้น ว่าอะไรถึงไหนถึงกันเลย คำพูดให้ตรงกับเหตุกับผล การกระทำให้ตรงกับเหตุกับผล ไม่ใช่เหลาะแหละ พูดอย่างนี้ทำอย่างนั้นเราไม่เอา ใครก็ตามไม่คบ คนประเภทนั้นพระประเภทนั้นไม่คบ พูดอย่างหนึ่งทำอย่างหนึ่งๆ เหลาะๆ แหละๆ เราไม่เคยมี ถ้าลงไหนแล้วก็ถึงไหนถึงกัน ยกตัวอย่างอย่างที่เวียงจันทน์เขาว่าจะเอารถหกล้อมา กี่ล้อก็มาเถอะ เห็นไหมล่ะ จะฟาดให้มันเต็มรถ เขาก็เอาสิบล้อมา ทางนี้ก็ใส่ตูมเลยสิบล้อเต็ม นั่น มันก็รับกันอย่างนั้น เขาว่าจะเอาหกล้อมา เอากี่ล้อก็มาเถอะจะฟาดให้มันเต็มหมด เขาก็ฟาดสิบล้อมาทดลองเรา เราก็ซัดตูมเลย หงายไปเวียงจันทน์แล้วเดี๋ยวนี้ หงายไปเวียงจันทน์ตั้งแต่วาน สู้เราไม่ได้ รถสิบล้อเต็ม นั่น

เราทำต่อโลกนี้เราทำด้วยความเมตตานะ เพราะฉะนั้นจึงไม่มีอัดมีอั้น อะไรๆ เอาเลยๆ หมดยังไม่คำนึง จนกระทั่งหมดจริงๆ แล้ว เอา พักไว้ก่อน อย่างนั้นตลอดมา ไปเมื่อวานก็ไปภูหลวง ก็รู้แล้วว่าโรงพยาบาลนี้ขาดแคลนมากตลอด โรงพยาบาลนี้เราก็ถามถึงที่ของเขามีเท่าไร เราว่ามันแคบไปนะ แล้วที่ต่อกันไปนี้เขาไม่ขายเหรอ ให้ติดต่อเขา ถ้าเขาขายเราจะซื้อให้เราบอก พอดีเขาไม่ขายมันก็หมดปัญญาเมื่อเขาไม่ขาย เพราะฉะนั้นโรงพยาบาลจึงคับแคบอยู่ตลอดมา แล้วขาดแคลนอยู่ตลอดเหมือนกัน

จนกระทั่งหมอเขาพูดเห็นเราไปส่ง ถ้าหลวงตามาส่งนี้ก็ทุ่นรายจ่ายไปเยอะ คือเดือนหนึ่งในโรงพยาบาลนี้อย่างน้อยต้องจ่ายเดือนละหมื่นๆ ถ้าหลวงตามานี้แต่ละครั้งลดลงไปตั้งสี่พัน จะได้จ่ายเพียงหกพัน เขาก็บอกชัดๆ เราก็ไปให้ประจำทุกเดือนแหละ เราสงสาร เมื่อวานเอาของไปให้เรียบร้อยแล้วเขาก็ติดต่อขอรถแอมบูแลนซ์รถพยาบาล นี่เราก็ให้ สั่งแล้วเดี๋ยวนี้ จะไปให้โรงพยาบาลนี้ ไม่มีละเงินในตัวของเรา เรียกว่าไม่มี ถ้าเรายังไม่ตายจะเป็นอย่างนี้ตลอดไป

เวลาเราตายเราก็ได้บอกกับลูกศิษย์ลูกหาเอาไว้ เพราะเขาเคยโจมตีท่านอาจารย์ฝั้นของเรา เราสลดสังเวชเรื่อยมา ลานโพธิ์ลานผีเขาโจมตีหลวงปู่ฝั้นมา บอกว่าท่านอาจารย์ฝั้นเวลามรณภาพแล้ว ตอนนั้นเงินยังมีค่ามากอยู่นะ นั่นละตอนท่านมรณภาพ ๒๕๒๐ เขาโฆษณาขึ้นมาเลยว่า ท่านอาจารย์ฝั้นมีเงินหนึ่งล้านห้าแสนบาท เขาโจมตีท่าน จนกระทั่งสมเด็จมหามุนีวงศ์ท่านสะดุ้งใหญ่เลย โอ๊ ทำไมเขามาโจมตีครูบาอาจารย์เราได้ถึงขนาดนี้ ท่านก็ไม่คิดถึงใครละว่าจะรู้เรื่องนี้ได้ดี คิดถึงเรา ท่านก็มาเลยมาหาเรา

ไปพบกันหน้าวัด เรากำลังออก รถทางโน้นมาเปิดไฟพาบ นี่รถคนนี้จะมุ่งใส่เรานะ เอ้า เราจอดทางข้างนี้ ทางโน้นจะจอดทางนี้ เราก็แอบรถจอดทางนั้น ท่านก็จอดทางนั้น จะไปไหนละนี่ท่านว่างั้น ก็ท่านสนิทกับเรามาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว ท่านเป็นสมเด็จ เราเป็นอีตาบัวอยู่ก็ยังสนิทได้ เข้าใจไหม เหมือนลูกกับพ่อกับแม่ พ่อแม่จะยศถาบรรดาศักดิ์สูงต่ำขนาดไหน ก็นี้คือลูก มันถือสิทธิ์ตลอด นี่เราก็ถือสิทธิ์ความสนิทสนมกัน เฮ๊ย จะไปไหนล่ะ ท่านว่างั้น ไปไหนก็ไปละไม่ใช่คนตาย

กำลังจะพูดเดี๋ยวนี้ พอดีกัน ท่านว่า ท่านก็เลยมาเล่าเรื่องท่านอาจารย์ฝั้นให้ฟัง ว่าเขาโจมตีท่านอาจารย์ฝั้น พวกลานโพธิ์ ว่าท่านอาจารย์ฝั้นมีเงิน เวลานี้ท่านตายไปแล้วยังมีเงินอยู่ตั้งล้านห้าแสน เขาโจมตีท่าน ก็ไม่มองเห็นใคร คิดเห็นแต่ท่านอาจารย์เท่านั้นละ เรียกอาจารย์นะเดี๋ยวนี้มันต่างคนต่างแก่ แต่ก่อนเรียกท่านมหา คิดเห็นแต่ท่านอาจารย์จะทราบเรื่องราวได้ดี ทราบ เราบอกงั้นเลย เอ้าว่ามา ท่านก็เลยเล่าเรื่องนี้มา เราก็เลยกราบเรียนท่านว่า เงินล้านห้าแสนนี้ท่านกำหนดไว้เรียบร้อยแล้ว สั่งเสียตั้งแต่ท่านยังไม่สิ้นชีวิต ห้าแสนนี้ให้เอาไปตรงนั้น วัดธาตุนาเวง แล้วห้าแสนนี้เอาไปวัดนั้น ห้าแสนนี้เอามาทางนี้สำหรับวัดอุดมสมพร

ตอนนั้นยังไม่ได้สร้างโรงพยาบาล ห้าแสนนี้เอาไว้วัดอุดมสมพร ให้ทำประโยชน์ทางนี้ ท่านสั่ง พอกราบเรียนท่านอย่างนั้น ท่านก็ว่า เออ คราวนี้ได้ความจะไปแก้ข่าว เราก็เลยเงียบไปเลย นี่เวลาหลวงตาบัวตายมันจะมีข่าวอย่างนี้นะ คือเงินหลวงตาบัวจะยังเหลือแน่นอนในบัญชี แต่ว่าเหลือเท่าไรนั้นเพื่อโลกทั้งหมด ไม่ได้เพื่อเราแม้บาทหนึ่ง เราพูดตรงๆ อย่างนี้ นี่เวลาหลวงตาบัวตายแล้วจะยังเหลือเงินอยู่เป็นล้านๆ  เราเอาไว้นี้เอาไว้เพื่ออะไร เรามีความหมายไว้แล้ว หากมีความจำเป็นอะไรจะเอาเงินจำนวนนี้ออกช่วยๆ ที่เราสงวนไว้นะ คือเราไม่ให้หมดทีเดียว เอาไว้สำหรับที่จำเป็น ควรจะตูมเลยก็ตูมเลย เงินจำนวนที่เราคัดเอาไว้ๆ เพราะฉะนั้นในบัญชีจึงมีเงินไว้เพื่ออันนี้เอง เราไม่จ่ายหมดทีเดียว คือเราไว้เพื่อความจำเป็น

เวลาหลวงตาบัวตายแล้วเขาโจมตีหลวงตาบัวมีเงินเท่านั้นล้านเท่านี้ล้าน ให้อ้าปากนะแก้เขาไม่ได้ เข้าใจไหม นี่เราเปิดปากให้แล้วให้แก้ เข้าใจเหรอ หลวงตาบัวจะไม่มีเงินสักบาทแหละติดตัวเอง จะมีอยู่กับโลกทั้งนั้น ไม่มีอะไรเหลือสำหรับเรา ถึงเงินจะมีอยู่ในบัญชีมากน้อยก็บัญชีเพื่อโลกบอกเลย ให้ท่านทั้งหลายจำเอาไว้ ไม่มีเพื่อเรา เราตายแล้วเงินจำนวนนี้ก็จะเพื่อโลกตลอดไป สืบทอดกันไป เราช่วยโลกช่วยขนาดนั้น จนกระทั่งถึงทำพินัยกรรม เราทำจริงๆ นะทำพินัยกรรม

เวลาเราตายแล้วคนมาบริจาคเผาศพเรามากน้อยเพียงไร จำนวนเท่าไร ให้ตั้งกรรมการขึ้นเก็บหอมรอมริบเงินจำนวนนี้ไม่ให้ใครมาแตะ เช่นอย่างเขาจะมาปลูกมาสร้างโรงนั้นโรงนี้ เพื่อมาประดับโลงผีหลวงตาบัว ไม่เอา อย่าเอามายุ่งนะ โลงผีคนตายอยู่ในนั้น แล้วโลงผีเอาอะไรมาประดับ ห้ามไม่ให้เอาเงินจำนวนเหล่านี้มาปลูกสร้างนั้นนี้หรูหราฟู่ฟ่าต้อนรับแขกรับคน ให้เป็นเกียรติเป็นแกดอะไรก็ไม่รู้ละ เราปัดหมดไม่ให้มาทำ

เงินจำนวนนี้เราจะเอาเข้าส่วนรวม ตั้งคณะกรรมการให้เก็บไว้ เรียบร้อยแล้วให้ไปซื้อทองคำเข้าสู่คลังหลวงทั้งหมดในวาระสุดท้าย สำหรับเราเผาด้วยไฟ เงินมีประโยชน์อยู่สำหรับผู้มีชีวิต เราจะเอาซื้อทองคำเข้าคลังหลวงเพื่อประโยชน์แก่ชาติไทยของเรา นี่เป็นวาระสุดท้ายของเราที่ช่วยโลก เรียกว่าช่วยไม่ให้มีเหลือเลย ท่านจะไปหาที่ไหนในประเทศไทย ที่เขาโจมตีอะไรก็โจมตี เรื่องบ้ามันก็ไปตามบ้า มันไปดีไม่ได้ เรื่องเปรตเรื่องผีเรื่องยักษ์เรื่องมารเรื่องมูตรเรื่องคูถ เขาก็ไปตามเรื่องของเขา เรื่องของเราก็ไปตามเรื่องของเรา ไปยุ่งกันอะไร อย่าไปตำหนิติเตียนเขา ก็เขามีอย่างนั้นเขาก็ออกมาอย่างนั้น เรามีอย่างนี้เราก็ทำของเราอย่างนี้ ต่างคนต่างมี

การเสวยกรรมดีชั่วก็เป็นของใครของเรา เช่นเขามาโจมตีเราถึงขนาดขาดเป็นพระ เพราะไปวิพากษ์วิจารณ์ เอา วิจารณ์ไป เราว่างั้น เราจะทำประโยชน์ให้โลก รัฐบาลไม่วิพากษ์วิจารณ์ยังไง พูดให้มันชัดๆ ยังไง อะไรที่เป็นส้วมใหญ่เต็มไปด้วยความสกปรก ไม่อยู่ในวงรัฐบาลจะอยู่ในวงไหน ไม่แหย่เข้าบ้างได้เหรอ ไม่เตือนบ้างได้เหรอ นี่ละเขาว่าไปวิพากษ์วิจารณ์ ที่ว่าเตือนเข้าไปๆ เพราะเอาธรรมเตือนเข้าไป เพื่อความสะอาดให้พอดูได้บ้าง มันก็ว่ามาอย่างนี้ นี่ละปากสกปรก ปากอมขี้

ปากของเราปากอมธรรม สอนโลกเพื่อความเป็นผลเป็นประโยชน์ทั้งหมด เราไม่ได้สอนโลกให้เป็นความฉิบหายวายปวงแต่ไหนแต่ไรมา สอนโลกเฉพาะอย่างยิ่งเป็นเวลา ๗ ปี ช่วยชาติบ้านเมืองสอนทั่วประเทศไทย ไม่มีความเสียหายจากคำสอนนี้เลย แล้วเวลานี้คำสอนยังออกกระจายไปทั่วประเทศ จากวิทยุที่ตั้งในที่ต่างๆ เต็มไปหมด เราทำประโยชน์ให้โลกเราทำเต็มเม็ดเต็มหน่วย ไม่มีอะไรติดเนื้อติดตัวเลย ตื่นขึ้นมาปั๊บออกแล้วนะจิต มันจะออกโดยหลักธรรมชาติ ตื่นขึ้นมาปั๊บมันจะส่ายไปแล้ว ที่ไหนควรจะจำเป็นมากน้อยที่จะช่วยเหลือ ส่วนช่วยเหลือเป็นพื้นก็มี ส่วนของเราที่จะช่วยเหลือโดยเฉพาะก็มี มันออกแล้วๆ

ส่วนที่จะมาคิดกับเรานี้เราไม่ได้คิดเลยนะพูดจริงๆ ไม่มีเลย ที่จะมาห่วงมาใย อย่างลูกศิษย์ลูกหาเป็นบ้าอยู่นี้ พอตดปู๊ดออกมา ท้องไม่ค่อยดี เอายานั้นเอายานี้มาใส่ท้อง ตดก็ไม่ได้ คนมันมีตดได้ทุกคนใช่ไหม ทำไมเราจะตดไม่ได้ พอตดเท่านั้น ตดพวกนั้นไม่เป็นไร ถ้าเราตดปั๊บ ท้องเสียเหรอ ไปหายาแก้ท้องมา มันเป็นบ้าลูกศิษย์เรา เราสบายเฉย ไปได้ก็ไป ไปไม่ได้เราก็ไม่ไป พวกนั้นส่งยามานี้ ยาแก้ท้อง ยาแก้เส้น ยาแก้นั้นแก้นี้ ยุ่งไปหมดเลย นี่พวกยุ่ง เราไม่ได้ยุ่งนะ พวกนี้ยุ่งต่างหาก พากันเข้าใจ พวกยุ่งพวกนี้ละ

เราไม่มีอะไรพูดจริงๆ  สำหรับเราเองไม่มี จะเป็นความกังวลในธาตุในขันธ์ของเรานี้ไม่มี เป็นอะไรก็รู้มันอยู่ เรียนมันจบแล้วนี่ เจ็บปวดแสบร้อนที่ตรงไหน ควรจะใส่ยาก็ใส่ไปเสียเล็กๆ น้อยๆ เป็นธรรมดาๆ เมื่อถึงกาลเวลาเอาไว้ไม่อยู่เหรอ ปัดปุ๊บเดียวไปเลย เพราะความไปของเราก็แน่อยู่ในหัวใจนี้แล้ว คำสอนพระพุทธเจ้าเป็นธรรมเต็มอยู่ในหัวใจเราแล้ว ผิดไปไหน ว่าอะไรถูกเป๋งๆ เลย หัวใจนี้ไม่ผิดเลย พูดอย่างนี้เราก็ยังระลึกได้ที่ไปอยู่กระโหม โพนทอง ที่ว่าเขาตายกันอย่างน้อยวันละสามศพ ถึงวันละแปดศพ โลกขัดหัวอกอะไร เราอยู่ในป่าเขาไปนิมนต์มากุสลา สุดท้ายมากุสลาทั้งวันไม่ได้กลับวัด คนนั้นเอามา คนนี้เอามา มากุสลา ธมฺมา

แถวนั้นไม่มีพระ กุสลาเราเลยคล่องยิ่งกว่าปาฏิโมกข์นะ สุดท้ายก็มาเป็นขึ้นที่เราซิ รู้สึกว่าเจ็บขัดนั้นขัดนี้ อ้าว แปลกแล้วนะ ก็เลยบอกโยมเขา นี่โรคที่เป็นที่โยมขนกันมาเผาอยู่เวลานี้ เริ่มเป็นขึ้นกับอาตมาแล้วเวลานี้ เป็นแบบเดียวกัน อาตมาไปแล้วนะ อย่าให้อาตมาอยู่เลย เดี๋ยวจะไม่มีใครกุสลาแหละเวลาอาตมาตายแล้ว เพราะมีพระองค์เดียวมากุสลาอยู่นั้น พอพระองค์นี้ตายแล้วใครจะมากุสลาใคร เราบอกเขาให้อาตมากลับที่พักเถอะ เขาเห็นใจทันทีให้ไปทันทีเลย ไม่มีคัดมีค้าน เพราะเขาเห็นแล้วที่ตาย มิหนำซ้ำเราก็จะตายแบบเดียวกันนี้ เขาก็ยิ่ง โอ๋ย งั้นไม่ได้ๆ ให้ท่านไปๆ เราก็กลับ

พอกลับไปแล้วเขาก็รุมมาหาเรา เพราะกลัวจะตายแบบเดียวกัน เพราะโรคอันนี้มันเป็นแบบเดียวกัน สองวันตาย สามวันตาย ถ้าเลยสามวันไปแล้วไม่ตายนะ ผ่านได้ เริ่มต้นสองวันตาย สามวันตาย อยู่ในย่านนี้ ทีนี้พอเราไปถึงนั้นแล้ว โรคมันหมุนเข้ามา โอ๋ อย่างนี้เองที่เขาเป็นเขาตาย อย่างที่เป็นกับเรา ถ้าแก้ไม่ได้ก็จะไปแบบเดียวกัน ตายเหมือนกัน พอไปแล้วก็ขึ้นเวที เขาก็รุมมาคนทั้งบ้าน พอทราบว่าเราไม่สบายนี้รุมมา ไล่หนีหมดไม่ให้ใครมา เอาอะไรมาไม่เอา ยาอันนั้นมาอันนี้มาไม่เอาทั้งนั้น ยาของอาตมามีแล้ว ไม่ได้บอกว่ามีแล้วคือยาอะไร ไปพากันกลับ ไล่แตกฮือเลยนะ

พอเขากลับแล้วขึ้นเวที นี่ที่ว่าขึ้นเวทีเป็นกังวลนะ จิตของเราเวลานี้กำลังหมุนเป็นธรรมจักรที่จะพุ่งขึ้นสู่นิพพานว่างี้เลย แต่มันยังไม่ถึงนิพพาน มันหมุนติ้วๆ โรคอันนี้มันเป็นอุปสรรค เลยมาเป็นกังวลกัน เอ๊ะ นี่เวลาตายนี้จะทำไง ตายแล้วเรายังจะค้างนะ ค้างที่ไหนวันสองวันเราก็ไม่อยากค้าง ถ้าจิตถึงนิพพานปึ๋งในหัวใจนี้แล้ว ไปเมื่อไรได้ แต่เดี๋ยวนี้มันยังไม่ถึง เลยเป็นห่วงเรื่องความตาย ยังไม่อยากตายตอนนี้ เพราะตายแล้วจะไปค้าง เรื่องไปน่ะไปไม่กลับ หากเป็นชั้นใดชั้นหนึ่งอยู่นั้นแหละ ไม่เอา จะให้พุ่งถึงนิพพานทีเดียว

สักเดี๋ยวพระธรรมท่านก็เตือนขึ้นมา เออ เรื่องความเป็นความตายนี้เป็นอริยสัจ ท่านเคยปฏิบัติมาแล้วตั้งแต่สมัยนั่งหามรุ่งหามค่ำ ท่านทำไมถึงไม่นำอุบายวิธีการนั้นมาใช้ มาห่วงมาใยอะไรเรื่องความเป็นความตาย เมื่ออยู่ได้ก็อยู่ ถึงกาลตายก็ตายไปซิ เวลายังไม่ตาย เอ้า เร่งเข้าซิ ธรรมขึ้นนะ พอว่าอย่างนั้นปัดเลยเรื่องความเป็นความตาย เอา เข้าสงครามฟัดกัน พิจารณากันเรื่องทุกขเวทนาเห็นชัดเจน ธรรมโอสถแก้โรคปัจจุบันเลยเทียวนะ

เราเอาตะเกียงโป๊ะเล็กๆ จุดแล้วเอาไปไว้นู้น เราอยู่ในมุ้ง หากว่ามีอะไรเกิดขึ้นมา เดี๋ยวกระทบกระเทือนกับไฟแล้วไหม้มุ้ง แล้วเผาเราทั้งเป็น เราจึงเอาไปวางไว้นู้น เข้าฟัดกันอยู่ในมุ้ง ไล่กันละที่นี่ เราก็เคยพิจารณามาแล้ว พอพระธรรมท่านเตือนอย่างนั้นแล้วมันก็หมุนกลับปุ๊บทันทีเลย ไม่ห่วงเรื่องเป็นเรื่องตาย ดูแต่อริยสัจ คือเป็นความจริง ฟัดกัน ไล่ทุกขเวทนา ไล่กันหมุนกันๆ เข้าไป โอ๋ย อันนี้เห็นได้ชัด คือที่เป็นห่วงยังไม่อยากตายเพราะไม่อยากค้าง ให้กลับไม่กลับ แต่ค้างไม่เอา ถ้าถึงนิพพานแล้ว เอา ไปเมื่อไรไปได้เลย เดี๋ยวนี้ก็ได้เราว่า แต่นี้ยังไม่ถึงนั้นยังไม่อยากไป นี่ละที่ว่าไม่อยากไปแล้วพระธรรมท่านเตือน ไม่อยากอะไรอย่างนั้นท่านว่า

พิจารณากัน ฟัดกันเลยที่นี่ ตั้งแต่หัวค่ำหกทุ่มกว่า หมุนกันอยู่นี้เลย ทุกขเวทนากับสติปัญญา ฟัดอริยสัจกัน มันค่อยถอยออกๆ รู้ในจิตนะ รู้อย่างชัดเจน และทุกขเวทนาที่เป็นหอกเป็นหลาวทิ่มแทงประสานกันมานี้ พิจารณารอบหมดแล้วจางไปๆ ฟาดจนจิตรอบหมดเลย ว่างหมดไม่มีอะไรเหลือ ทุกขเวทนาทั้งหลายเหล่านั้นล้มไปเลย เหลือแต่จิตเข้าถึงที่แล้วว่างเปล่าไปหมด ร่างกายสังขารไม่มี มีแต่จิตที่สว่างจ้า แล้วทุกขเวทนานั้นจะมีมาจากไหน เมื่อร่างกายสังขารร่างกายไม่มี ไม่มีในความรู้สึกนะมันปล่อยกันหมดแล้ว แล้วทุกขเวทนามันจะมาจากไหน นั่นล่ะจ้าลงแล้ว

ทีนี้พอจิตมันรอบหมดแล้วทีนี้แน่ใจไม่ตาย นั่นเห็นไหมล่ะ ไม่ตายอย่างเขาตายละทีนี้ไม่ตาย มันถอนกันออกด้วยอริยสัจ ถอนออกด้วยปัญญา สติปัญญาหมุนกันตลอดเลย นี้ถอยไม่ได้นะเหมือนนักมวยเข้าวงใน เมื่อเข้าถึงจุดนี้แล้วจะถอยกันไม่ได้ เป็นกับตายก็ซัดกันเลย แล้วจิตอันนี้เรื่องทุกขเวทนามันก็จางออกๆ ถอยออกๆ พิจารณาตามกันเรื่อยๆ จนกระทั่งหายไปจนหมดไม่มีอะไรเหลือเลยในร่างกาย จิตก็ลงถึงที่ พอพิจารณานี้รอบแล้วจิตก็ลงเต็มที่ ทีนี้พอถอนขึ้นมาโล่งหมดเลย ร่างกายนี้โล่งหมด หาย ไม่มีอะไรละ ออกจากนั้นก็ลงเดินจงกรม

พอตื่นเช้ามาไม่ได้นอนนะวันนั้น พอเริ่มสว่างบ้างเห็นผู้เฒ่าคนหนึ่งปุ๊บปั๊บเข้ามาใกล้ๆ นี้ อ้าว มาอะไรนี่น่ะยังไม่สว่างดี อู๊ย ผมไม่ได้กลับบ้าน ผมอยู่ฟากกอไผ่ผมก็ไม่ได้นอนว่างั้น สังเกตคอยดูแลท่าน ดูท่านอยู่ตลอดเวลา กลัวท่านจะตายความหมายเขา เพราะโรคอันนี้เป็นโรคแบบเดียวกัน เป็นโรคที่น่ากลัวมาก เราก็บอกว่าไม่ตายแหละ เห็นท่านลงเดินจงกรมแล้วก็ค่อยเบาใจบ้าง ไม่เป็นไรละที่นี่ท่านเดินจงกรมได้แล้ว สว่างผมถึงมาดู ไม่มีอะไรละไปกลับบ้านว่างั้น

นี่ละเรื่องราวมันที่ยังไม่อยากตาย คือมันจะค้าง ยังไม่อยากตาย คือห่วงว่ามันจะค้าง ชั้นใดชั้นหนึ่งก็ตาม พูดให้เต็มยศก็ชั้นสุทธาวาสนั้นแหละ เอาพูดให้มันชัดๆ เลย แต่มันยังไม่ถึงที่สุดคืออกนิษฐาแล้วพุ่งเข้าถึงนิพพาน มันห่วงอยู่ตรงนี้นะ ไปพักค้างอยู่ที่ไหนก็ไม่เอา ต้องให้ถึง เมื่อถึงแล้วตายเมื่อไรได้เลย ทีนี้มันยังไม่ถึงเรามาเป็นห่วงอันนี้ พระธรรมท่านจึงเตือนขึ้นมา พอเตือนขึ้นมานี้ก็ฟัดกันเลย พุ่งทะลุกลางคืนหายเงียบเลย ไม่ตาย นี่ละเรื่องความห่วงความตายเรามี เคยมีในใจเราแล้ว ห่วงว่าจะตกค้างอยู่ขั้นใดชั้นหนึ่ง พูดให้มันชัดๆ ในสุทธาวาส ๕ ชั้น ถึงชั้นใดก็ตามก็เป็นชั้นที่ต้องค้างเสียก่อน ถ้านิพพานไม่ค้าง นี่อยากให้ถึงนู้น พอพิจารณานี้ขาดสะบั้นอันนี้หายหมด แล้วจิตก็ว่างเปล่าไม่มีอะไร ไอ้เรื่องห่วงไม่ห่วงเลยไม่สนใจความเป็นความตาย

พูดถึงเรื่องจิตใจธรรมโอสถ ใจอยู่กับธรรม ธรรมอยู่กับใจ แล้วหมุนตัวเองแก้ไขตัวเองอยู่ตรงนั้น หากว่ามันจะไปในเวลานั้นก็ไปหายห่วง ที่จะให้ไปผิดไปพลาดไม่มี จิตดวงนี้ไม่มี ลงข้นนี้แล้วสติปัญญาเป็นอัตโนมัติ ไม่มีเผลอ พุ่งๆ ตลอดเป็นอัตโนมัติของตนเอง นี่การปฏิบัติจิต พอถึงนั้นแล้วก็เลยไม่ว่า ตายวันไหนก็ได้ไม่ตายก็ได้ พอพุ่งถึงที่แล้วหายห่วง ตายไม่ตายเราก็อยู่อย่างนี้แหละ ถึงวันเวลาก็ไปเลย มีอะไรอีกที่นี่ มีเท่านั้นละ

(หลวงตาครับ มาจากโรงพยาบาลเพ็ญครับ จะมาขอเครื่องล้างฟิล์มห้องเอกซเรย์ครับ) มันเป็นอะไรเอกซเรย์ ถึงมาขอ (พอดีคนไข้ที่มารักษาที่โรงพยาบาลเพ็ญ อุบัติเหตุฉุกเฉินนี้ต้องใช้เวลามากก่อนจะส่งเข้ามาที่อุดรฯน่ะครับ ก็เลยจะมาขอเครื่องล้างฟิล์มครับ) โอ๊ย เวลานี้ก็กำลังหนักเราก็ดี ไม่ทราบจะให้ทางไหนๆ บ้าง มันหนักมากนะเรา เมื่อวานนี้ก็สั่งรถให้โรงพยาบาลภูหลวงแล้วนี่กี่แสน รถพยาบาลทุกวันนี้คันหนึ่งกี่แสน มันเกือบล้านแล้ว อย่างนี้ละเรา

หมอวิชัยหรือแต่ก่อนมันเป็นผู้อำนวยการอยู่โรงพยาบาลเพ็ญ หมอวิชัยหรือที่มันโจมตีหลวงตาบัวหมอวิชัยนี่ มันขี้ใส่หัวเรา หมอวิชัยนี้ อุบายวิธีการให้เราช่วยเหลือมัน พอเราเข้าไปนั้นก็บอกอันนั้นขัดข้องอันนี้ขาดเขิน แล้วว่าเรื่อยๆ เราก็เข้าห้องๆ ฟาดเป็นล้านๆ ช่วย เครื่องมือผ่าตัดเครื่องมืออะไรในห้องผ่าตัด ที่เป็นสำคัญๆ เราช่วยในระยะนั้นหลายล้านนะ พอก้าวออกมานี้รถโปเกมันก็เอามาขวางหน้านี้ไว้ รถโปเก นี่คืออุบายขอรถเข้าใจไหม ขวางหน้าที่เราจะออก อ้าว รถมายังไงนี่ะ รถนี่มันใช้ไม่ได้ เห็นไหมล่ะ ตกลงเราก็ให้รถคันนี้อีก นี่หมอวิชัย

แล้วโจมตีเรามาตลอด มันเป็นยังไงหมอวิชัย มันเป็นหมาวิชัยไปนานเท่าไรแล้วล่ะ มันไม่รู้จักบุญจักคุณ เราจึงบอกได้ว่ามันไม่เจริญนะคนๆ นี้น่ะ เราว่างั้น ถ้าเราชี้แล้วไม่ผิดนะ มันสะเทือนใจแล้วออกปึ๋งไม่ผิด มันขี้ใส่บุญใส่คุณเราเราลืมเมื่อไร หมอทั้งหลายทั่วประเทศไทยเขาไม่เคย เขายกมือไหว้ๆ เห็นเราเหมือนเห็นพ่อเห็นแม่ ไปโรงพยาบาลไหนรุมมาๆ เหมือนพ่อแม่มาเยี่ยมลูก พอเสียสละๆ นี่โรงพยาบาลอำเภอเพ็ญน้อยเมื่อไรที่เราไปช่วยหลายล้านนะ ตอนนั้นหมอวิชัยแกเป็นผู้อำนวยการอยู่นั้น พอจากนั้นก็มาโจมตีเรา ใครก็ได้ยินทั่วประเทศไม่ใช่เหรอเขาโจมตีเรา เราสลดสังเวชนะ จนกระทั่งเราบอกหมอคนนี้มันจะไม่เจริญนะ มันเหยียบหัวบ่อบุญบ่อคุณ

โลกทั้งหลายเขารู้บุญรู้คุณกัน หมอคนนี้ทำไมจิตใจต่ำทรามนักนะ เราก็ว่าอย่างนี้ละ ไม่เจริญนะ แล้วมันจะไม่เจริญ มันจะเจริญไปไหนก็เจริญแต่ชื่อเข้าใจไหมล่ะ ตัวมันจะจม มันกระเทือนใจเราถึงพูดออกมาจากความกระเทือนใจ เราไม่ไปหาเรื่องหาเหตุก่อกรรมก่อเวรกับใคร เราพูดตามหลักความจริง ที่เราช่วยเหลือเต็มกำลังความสามารถ ครั้นเวลาผลออกมามาโจมตีเราอย่างแหลกเหลวไปหมด มันน่าทุเรศไหมล่ะ แล้วใครเป็นผู้อำนวยการอยู่นั้น หมอวิชัยคนเก่าเหรอ (ไม่ครับ ท่านไปเป็น ส.ส. แล้วครับ ตอนนี้คุณหมอเกรียงศักดิ์ ครับ) เหรอ ไม่ได้เซ็นชื่อดำเนินแบบเดียวกันกับหมอวิชัยเหรอ (ไม่ครับ) เซ็นชื่อแบบเดียวกัน พอเสร็จแล้วเหยียบหัวไปเลยเข้าใจไหม

โอ๊ย เราสลดสังเวชนะ ทำไมมันเป็นอย่างนี้ได้หมอคนนี้ ว่าเรียนมาสูงขนาดไหน ถึงขนาดขั้นเป็นหมอ แล้วทำไมมาทำอย่างนี้ได้ลงคอกับเรานี่ซิ เพราะต่างคนต่างเรียนมาเหมือนกัน ปฏิบัติมาเหมือนกัน ผิดถูกชั่วดีรู้ด้วยกัน มันทำไมทำไปอย่างนั้น คือความเห็นแก่ตัวอยากยกตัวขึ้นไป อยากเป็นนั้นเป็นนี้แล้วเหยียบหัวเรา เพราะเขาถือว่าเราเป็นฝ่ายข้าศึกกับเขา เขาก็เลยมาเหยียบหัวเรา เหมือนไอ้สมัครมาเหยียบหัวเรา นี่มันจะเปิดทางเข้าไปหาพวกเปรตพวกผี ให้เห็นว่ามันมีความดีความชอบ มันสมัครวุฒิสมาชิกหรืออะไร เขาจะเอามันเข้าไปส้วมไปถาน เหยียบหัวหลวงตาบัวเข้าไปส้วมไปถานเข้าใจ นึกว่าเหยียบจะไปขึ้นสวรรค์นิพพาน มันไม่ขึ้นนะ มันจะเข้าส้วมเข้าถาน

อย่างนี้ละคนใจดำน้ำขุ่นไม่มีบุญมีคุณ อย่างไรก็ไม่เจริญบอกเลย ถ้าลงมาเหยียบธรรมแล้วไม่เจริญ ใครจะเก่งขนาดไหนก็เก่งแต่ความสำคัญของตนเท่านั้น แล้วมีอะไรว่าไง พูดมันเกี่ยวกับโรงพยาบาลเพ็ญ เกี่ยวกับหมอวิชัย ที่เราช่วยเต็มที่เต็มฐานมาเหยียบหน้าผากเรา นี้ก็ฟังว่ามาจากโรงพยาบาลเพ็ญเลยกระเทือนใจเรา เราจึงได้พูดออกมา เพราะเราพูดตามความจริง เราไม่หาเรื่องใส่อะไร นี่มาเรื่องอะไร (จะมาขอเครื่องล้างฟิล์มครับ) เครื่องล้างฟิล์มมันเท่าไร (ประมาณ ๓๐๐,๐๐๐ ครับ) นั่นซิ แล้วเป็นอะไรจึงต้องมาขอ (ปัจจุบันไม่มีใช้ครับ)

แต่ก่อนล้างกันยังไง (ใช้คนล้างเอาครับ มันจะช้า เพราะคนไข้อุบัติเหตุนี้ต้องใช้เวลาประมาณเกือบ ๔๐ นาที กว่าจะได้ส่งมาที่อุดรฯครับ) แต่ก่อนก็ใช้คนล้างเอา เราก็อยากถามว่า เวลานี้อำเภอเพ็ญคนมันตายหมดแล้วหรือไม่มีใครมาล้างฟิล์ม เราอยากถามว่าอย่างนั้นนะเดี๋ยวนี้ ถ้าไม่มีจริงๆ เราจะให้ปุ๊บเลยเข้าใจไหม ถ้ายังพอมีอยู่ก็พอจะพิจารณากันอีกทีหนึ่ง เป็นขั้นเป็นตอนนะ เอาให้ อย่าไปเอาวิชาหมอวิชัยมาเล่นกับเรานะ เราให้นี่ไม่ใช่หมอวิชัย ถ้าหมอวิชัยมาขอเรา ให้มันยกโคตรมาก็มาเถอะไม่ให้ว่างั้นเลย มันเจ็บขนาดนั้นละเรา โห เหยียบหัวเราอย่างจังๆ ไม่มีบุญมีคุณแม้แต่น้อย เท่านั้นละ

 

รับฟังรับชมพระธรรมเทศนาของหลวงตา ได้ที่

www.Luangta.com หรือ www.Luangta.or.th

และรับฟังจากสถานีวิทยุสวนแสงธรรม กรุงเทพฯ และสถานีวิทยุอุดร

FM 103.25 MHz


** ท่านผู้เข้าชมทุกท่านโปรดทราบ
    เนื่องจากกัณฑ์เทศน์บางกัณฑ์มีความยาวค่อนข้างมาก ซึ่งจะส่งผลต่อความเร็วในการเปิดเว็บไซต์ ขอแนะนำให้ทุกท่านได้อ่านเนื้อหากัณฑ์เทศน์บางส่วนจากเว็บไซต์ และให้ทำการดาวน์โหลดไฟล์กัณฑ์เทศน์ที่มีนามสกุล .pdf ไปเก็บไว้ในเครื่องของท่านแทนการอ่านเนื้อหาทั้งหมดจากเว็บไซต์

<< BACK

หน้าแรก