เดี๋ยวนี้กิเลสมาเป็นศาสนา
วันที่ 21 กันยายน 2548 เวลา 8:15 น. ความยาว 39.05 นาที
สถานที่ : วัดป่าบ้านตาด
| |
ดาวน์โหลดเพื่อเก็บไว้ในเครื่อง
ให้คลิกขวาแล้วเลือก Save target as .. จาก link ต่อไปนี้ :
ข้อมูลเสียงแบบ(Win)

ค้นหา :

เทศน์อบรมฆราวาส ณ วัดป่าบ้านตาด

เมื่อวันที่ ๒๑ กันยายน พุทธศักราช ๒๕๔๘

เดี๋ยวนี้กิเลสมาเป็นศาสนา

ก่อนจังหัน

พระให้เร่งความพากเพียรนะ สติกับจิตจับให้ติดอย่าปล่อย ถ้าผู้อยากทรงมรรคทรงผล จำคำนี้ให้ดี สติกับจิตตั้งแต่เริ่มต้น สติจำเป็นตลอดถึงนิพพานเลยว่างั้นเถอะ สตินี้สำคัญมากทีเดียว ไปที่ไหนอย่าเผลอสติ ทำข้อวัตรปฏิบัติสติติด เรียกว่าเป็นสัมปชัญญะรู้รอบตัว ความเคลื่อนไหวของตัวเป็นยังไง นี่ละผู้จะฆ่ากิเลสขนกองทุกข์ออกจากหัวใจซึ่งจะกลายเป็นภพเป็นชาติต่อไป ขนออกให้หมดด้วยสติจดจ่ออยู่กับจิตตัวมหาเหตุ กิเลสเต็มอยู่ในนั้นแหละ ธรรมก็อยู่ในนั้น กิเลสครอบอยู่ธรรมปรากฏไม่ได้

เอาให้ดีนะนักปฏิบัติเรา อย่ามีแต่เห่าว็อกๆ แว็กๆ เรื่องศาสนานี่เป็นลมๆ แล้งๆ ไม่มีตัวจริง คือไม่มีผู้ปฏิบัติเพื่อศาสนา ผู้ที่จะทรงมรรคทรงผลด้วยความภาคภูมิใจจากการปฏิบัติธรรมจะไม่มีนะ เวลานี้กิเลสตัณหามันยิ่งท่วมท้นเข้าไปโดยลำดับ โลกเมืองไทยเรานี่แหละแต่ก่อนถือพุทธศาสนา ก็ยังพอดีงามอยู่บ้าง เดี๋ยวนี้กิเลสมาเป็นศาสนาแทนครอบหัวธรรมไว้หมดไม่มีเหลือ มีแต่กิเลสออกหน้าออกตาจนกลายเป็นผู้ไม่มียางอาย ปฏิบัติหน้าที่การงานอะไรหายางอายไม่ได้นะเวลานี้ นี่ละคือกิเลสออกหน้า หน้าด้านที่สุดคือกิเลสออกหน้า

ทำราชการงานเมืองตั้งแต่พื้นๆ ถึงสูงที่สุดกิเลสเป็นจอมตลอด มีแต่ความสกปรกกระจายออกมา ประชาชนทั้งหลายได้รับความเดือดร้อนทั่วหน้ากัน นี่ละกิเลสมันอยู่ที่ผู้ใหญ่ที่ครองอำนาจป่าๆ เถื่อนๆ ยิ่งทำความเดือดร้อนให้ผู้น้อยมากทีเดียว เพราะไม่มีธรรม ถ้ามีธรรมในใจวงราชการงานเมืองนั้นแหละ จะเป็นผู้ให้ความร่มเย็นแก่ผู้น้อยได้มากที่สุดยิ่งกว่าหน่วยงานใดๆ แต่นี้กลับตรงกันข้าม วงราชการที่สูงที่สุดนั้นแหละ คือตัวเป็นฟืนเป็นไฟเผาไหม้คนทั้งประเทศ

เวลานี้จะทำอะไรมันมีเหตุมีผลเมื่อไร มีแต่เอาความหน้าดื้อหน้าด้าน เอาพรรคเอาพวกตีเข้าไป ของดิบของดีแตกกระจัดกระจายไม่มีเหลือ มีแต่ฟืนแต่ไฟเผาไหม้กัน ยื้อแย่งแข่งชั่วกันตลอด ไอ้เรื่องแข่งดีอย่ามาสนใจมันไม่มีใครดีแหละทุกวันนี้ มองดูแล้วมันน่าสลดสังเวช เราพูดให้ชัดเจน เราจึงไม่เคยสะทกสะท้านกับสิ่งใดที่พวกมูตรพวกคูถ หมาคาบมูตรคาบคูถ อมขี้ๆ มาพ่นธรรม มันสกปรกเหลือประมาณเวลานี้

ขอให้ทุกคนๆ มีใจเป็นธรรมเถอะ อยู่ที่ไหนจะสบายด้วยกันและตายใจกันได้ ถ้าธรรมมีอยู่ที่ไหน ความตายใจตัวเอง เชื่อตัวเองก็เชื่อได้ คบค้าสมาคมกับผู้ใดซึ่งเป็นผู้มีอรรถมีธรรมด้วยกัน ตายใจกันได้เลย จะเกิดมาจากที่ไหนชาติชั้นวรรณะใดไม่สำคัญ สำคัญที่มีธรรมในใจด้วยกันแล้วเข้ากันได้หมด ถ้าลงไม่มีธรรมในใจแม้แต่ผัวกับเมีย ลูกเต้า ก็แตกกันได้ๆ นั่นละกิเลสเข้าตรงไหนจะทำให้ร้าวให้แตก พากันจำให้ดี การปฏิบัติอย่าทำเหลาะๆ แหละๆ นะพระ พระพุทธเจ้าสลบสามหน ฟังซิน่ะ

นี่เอามาแนะนำสั่งสอนหมู่เพื่อนก็เอามาเต็มเม็ดเต็มหน่วย สอนเต็มเม็ดเต็มหน่วย จากการปฏิบัติของเราเต็มที่เต็มฐานตลอดเวลามาเลย แล้วผลก็ได้จากการเข้มงวดกวดขัน ความพากความเพียรที่เด็ดเดี่ยวเฉียบขาดต่อกิเลส กิเลสค่อยขาดสะบั้นลงไป ถ้าอ่อนๆ แอๆ แล้วตายนะ ตายจมกับกิเลสอยู่นี้ แล้วครองผ้าว่าตัวเป็นกรรมฐานๆ กรรมฐานขี้หมาอะไร มันมีแต่ขี้โลภ ขี้โกรธ ขี้หลง อยู่ในนั้น ขี้หมาก็แทรกอยู่ในนั้น อยู่ในขี้โลภ ขี้โกรธ ขี้หลง ชำระมันออกซิ

ไปที่ไหนให้สง่างามภายในใจตัวเอง เดินไปก็สง่างามภายในจิตที่มีสติครอบงำ นี่ละผู้สง่างาม สง่างามอยู่ที่จิตมีสติครอบงำ ธรรมแท้ประดับที่ใจ สง่างามอยู่ที่ใจ เป็นสุขอยู่ที่ใจ สิ่งภายนอกเป็นเพียงอาศัยประดับประดา ถ้าหลงมันก็เป็นบ้า เอาดินเหนียวเหล่านั้นคือสมบัติเหล่านั้นมาเป็นดินเหนียวติดหัวตัวเอง แล้วเย่อหยิ่งจองหองว่าตัวมั่งมีศรีสุข ตัวมียศถาบรรดาศักดิ์ ยศขี้หมาอะไรเราอยากว่าอย่างนี้ภาษาธรรม มันเลวที่สุด จึงเทียบกันได้กับว่าขี้หมาอะไร

ธรรมที่เลิศเลอมันไม่มอง ไม่ปฏิบัติ เพราะฉะนั้นโลกจึงเดือดร้อนวุ่นวายไปตามๆ กันหมด ใครจะเรียนสูงเรียนต่ำมาจากที่ไหนกิเลสเหยียบหัวอยู่นั้น จะเอาความดีมาเป็นสุขแก่ตนเองและแก่ส่วนรวมไม่มีนะ ถ้าลงกิเลสเข้าตรงไหนเป็นฟืนเป็นไฟไปตลอดนั่นละ ขอให้ธรรมเข้ามาสู่ใจเถอะ อยู่ที่ไหนเย็นหมดสบายหมด ที่ได้มาพูดสอนโลกเวลานี้มันเป็นปัจจุบัน ตั้งแต่พระพุทธเจ้าลงมาถึงสาวกทั้งหลาย ลงจิตกับธรรมเป็นอันเดียวกันแล้วเป็นปัจจุบันสดๆ ร้อนๆ ต่อกันเลย ทั้งพระพุทธเจ้าและสาวก ตลอดปัจจุบันนี้เป็นปัจจุบัน เหมือนว่ามองหน้ากันอยู่พระพุทธเจ้า พระสาวก นี่คือจิตที่สว่างไสวแล้วด้วยการประกอบความพากเพียรในความดีทั้งหลาย ให้พากันพิจารณา

อย่าลืมเนื้อลืมตัวนะ กิเลสทำให้คนลืมตัว ผยองพองตนคือกิเลสนั่นแหละ ถ้าธรรมท่านไม่ผยอง ท่านไม่ลืมตัว เรื่องกิเลสนี้ลืมแน่ๆ  มีแต่ดินเหนียวติดหัวก็ว่าตัวมีหงอนๆ ไปหมด มองไปที่ไหนมีแต่ดินเหนียวติดหัว ว่าตัวมีหงอนๆ หงอนอะไรประสาดินเหนียว หงอนใครก็รู้ อย่างไก่มันมีหงอนเราก็รู้ ดินเหนียวไปติดหัวไก่มันก็รู้ว่าไม่ใช่หงอนมัน มันดินเหนียว อย่าเอาอะไรมาหลอกมัน โลกนี้มีแต่เรื่องหลอกลวงกัน เห็นหน้ากันเอาแต่เรื่องกิเลสมาหลอกลวง ต้มตุ๋นกันวันยังค่ำ ความร้อนไม่มีลดละเลย พากันตั้งอกตั้งใจนะ

เรานี้สลดสังเวช จวนตายเท่าไรแทนที่ดูโลกให้พอชุ่มตาชุ่มใจ มันไม่ได้ชุ่มนะเวลานี้ มีแต่เป็นฟืนเป็นไฟให้กระทบกระเทือนใจ แล้วก็เตือนออกไปๆ ทั้งส่วนใหญ่ส่วนย่อย ไอ้พวกหมาอมขี้มันก็เห่าไปละ หาว่าวิพากษ์วิจารณ์อย่างนั้นอย่างนี้ ธรรมสอนโลกไม่ได้อะไรจะสอนโลกได้ ที่สอนไปเหล่านั้นเป็นธรรมสอนโลกทั้งนั้น วิพากษ์วิจารณ์ที่ไหน ธรรมสอนโลก เลิศกว่าทุกสิ่งทุกอย่าง พวกนั้นเป็นเหมือนมูตรเหมือนคูถ เอาน้ำไปชะไปล้างให้สะอาดบ้าง แล้วมันก็ว่ามาวิพากษ์วิจารณ์อย่างนั้นอย่างนี้ มันหาเรื่อง มันอยู่ไม่ได้ ความอยากเต็มหัวใจมัน แสดงออกมาก็กีดขวางต่อธรรมไปเรื่อยๆ นั่นแหละ ให้พากันพิจารณาทุกคน สิ่งเหล่านี้มีอยู่ในหัวใจของทุกคน เอาไปวิจารณ์ตัวเอง เอาละให้พร

หลังจังหัน

วัดนี้เป็นวัดที่ช่วยโลกจริงๆ เรียกว่าหนึ่งเลยในประเทศไทย การเสียสละวัดนี้เป็นที่หนึ่งเลย ทั่วประเทศไทยมีวัดนี้แหละ ไม่ใช่เราอวดนะ เราเอาความจริงออกพูด อะไรเราเสียสละหมดเลยไม่มีเหลือ เงินทองข้าวของไม่มีเหลือเลย ถ้าธรรมดาคนเคารพนับถือมาก อะไรๆ ก็มีมาก หลวงตาบัวนี้ต้องเป็นเศรษฐี แต่นี้กลับเป็นเศรษฐีความจน จนนี้เลิศเลยเชียว ไม่มีอะไรติดตัวเลย อย่างนั้นละ

ก็คืออำนาจแห่งทานนั่นละไม่ใช่อะไร เราพูดให้ฟัง เขียนในหนังสือก็เขียน เราหลงป่าเข้าในภูเขา มันก็แปลกอยู่คำฝันนี้แน่ทุกราย ตอนนั้นพึ่งออกไปยังไม่ได้แยกกัน ตามธรรมดาเราจะไปคนเดียว นี้ออกจากพ่อแม่ครูจารย์มั่นไป ตอนนั้นไปด้วยกันสามองค์ ต่างองค์ก็จะแยก ทีนี้ไปในภูเขาก็ไปมืดในภูเขา หาทางออกทางเข้าไม่ได้ ไปทางด่าน เขาไปเลี้ยงควายบนภูเขา คือที่นานั้นมีแต่ข้าว สัตว์กินไม่ได้ เขาก็เอาสัตว์ไปเลี้ยงบนเขาบนโคกบนภูเขา ไปหลงป่า มืดอยู่ในป่า เอา ลองดูวันนี้ ลองบารมีของพวกเราดู บ้านจะอยู่ที่ไหน ถ้าออกทางภาวนาก็ให้รู้ทางภาวนา ออกทางฝันก็เอา

พอนอนตื่นขึ้นยังไม่สว่างแหละ ออกมาถามกัน ไหนฝันว่าไง ก็แน่ดีนะ ทั้งสามองค์ฝันแน่ด้วยกันทุกองค์ เราก็แน่เหมือนกัน องค์นี้ฝันว่าไง บ้านอยู่ทางไหน บอกเลยอยู่ทางทิศใต้ บ้านอยู่ทางนี้ว่างั้น มีแต่ผู้หญิงหาบสิ่งหาบของเต็มไปนี้ แล้วองค์นี้ล่ะ บ้านอยู่ทางนี้ ชี้แบบเดียวกัน มีแต่ผู้ย่าผู้หญิง เราไปนี่จะพบผู้หญิงก่อน นั่นพระท่านทำนาย แล้วเราล่ะฝัน อยู่ทางนี้ก็จริงไม่ใช่บ้าน เป็นทับ ปรากฏโยมแม่กับเด็กมาถามนั้นถามนี้ แล้วแม่มาจากไหน แม่มาจากนี้ นั่นทับ มองไปเห็นไฟ พอสักเดี๋ยวเด็กก็มาเอาบริขารเราไป แล้วบอกว่าวันนี้นอกจากเราจะพบผู้หญิงก่อนแล้ว ยังจะมีคนช่วยขนของเราด้วย เอา ไปลองดู

ไปก็ซอกซอนเข้าไปภูเขา มันหลง มันบันดลบันดาลไปนั้นไปโดนเอาซอกเขาทำไร่อยู่ในนั้น ไร่ข้าวนะ สามหลังคาเรือน เขาก็ฝันเหมือนกัน เขาว่าพระมาเยี่ยมเขาสามองค์เมื่อคืนนี้ พูดสู่กันฟังแล้ว ผู้ชายก็ออกไปไร่แปลงอื่น แล้วมีแต่ผู้หญิงจริงๆ ไปเจอมีแต่ผู้หญิงเต็ม ต่อจากนั้นมีเด็กผู้ชาย เขาให้เด็กไปเรียกพ่อเขามา พ่อเขาก็วิ่งมา มาเขาก็บอกว่า โอ๊ย ท่านมาได้ยังไง ถ้าไม่เจอพวกผมนี้ท่านตายเลยทั้งสาม ไม่มีทางออก ภูเขาไม่ทราบว่ากี่ลูก ขึ้นลูกหนึ่งเท่านั้นพอแล้ววันหนึ่ง จากนั้นจะเอากำลังมาจากไหน ถ้าไม่ไปพบนายพรานที่เขาใจบุญเขาจะได้บอกทางให้ คือนายพรานหาล่าเนื้อในป่า

ก็เลยต้องฉันจังหันที่นั่น ๔ โมงเช้าหลงทิศไป นี่มันได้ฉันจนได้นะอำนาจบุญกุศลนี้ คำฝันก็แน่ด้วยกันด้วย อยู่ทางทิศนี้ๆ บุกเลย ถ้าว่าต้นไม้ก็จะไม่หลีกชนเลย ให้ไปทางทิศนี้เข้าใจไหม พอฉันแล้วของเขาเอามาส่งเอง ไม่ได้พวกผมต้องส่งไม่ส่งพวกท่านตายว่างั้น เขาย้อนกลับไปส่ง ออกไปนู้นถึงหมู่บ้านเขา จนค่ำไปถึงบ้านเขา เขาส่งเราเสร็จแล้ว เขากลับไปก็มืดนั่นละ เพราะเขาเคยแล้วพวกนี้ นี่ละอำนาจแห่งบุญแห่งกุศล ถึงที่จะตายไม่ตายนะ จนตรอกจนมุมก็ไม่ตาย ก็อย่างนี้แหละเราเป็นแล้วนี่ เอามีอะไรว่ากัน

(ครอบครัวมณฑลค่ะ ถวายหลวงตา ๒๕,๐๐๐ เจดีย์ ๑๕,๐๐๐ แล้วก็ทองอีก ๒ บาท) พอใจๆ ให้แยกทันทีนะ อันไหนเป็นอันไหนให้แยกทันที เราจริงจังมากทุกอย่างไม่ให้เคลื่อนคลาด นี่ละที่เรานำพี่น้องทั้งหลายช่วยโลกช่วยอย่างนี้ มีอะไรยังไงแยกทันทีๆ ไม่ให้คลาดเคลื่อน จึงไม่มีความมัวหมองในจิตเรา อันหนึ่งไปทางเจดีย์ เจดีย์นี้ก็อยู่ในหัวอกเรา เจดีย์วัดอโศการามอยู่ในหัวอกเรา เราเป็นผู้รับผิดชอบทั้งหมดเลย บอกว่างานนี้ไม่ให้หยุดไม่ให้พัก ให้ทำตลอดไปเลย เอา การเงินการทองเราจะรับรองหามาจนได้ เราจะเที่ยวตีกระเป๋าตามนี้ละไม่ตีที่อื่น ตีต้นไม้ไม่ได้เงิน ถ้าตีคนแล้วได้เข้าใจไหม ตีกระเป๋าละได้

เราจะให้เป็นประวัติศาสตร์อันหนึ่งนะ เจดีย์วัดอโศการาม เราจะอาราธนาครูบาอาจารย์ทั้งหลายที่ท่านล่วงลับไปแล้ว และอัฐิของท่านกลายเป็นพระธาตุๆ เราจะอาราธนามาไว้ที่นั่นรวมทั้งหมดในปัจจุบัน จะให้วัดอโศการามเป็นจุดศูนย์กลางแห่งพระที่เพชรน้ำหนึ่งๆ เราเห็นด้วยตาเราสดๆ ร้อนๆ มาไว้ที่วัดอโศการาม เพราะฉะนั้นเราจึงอุ้มละซิ ช่วยเต็มเหนี่ยว ขาดเท่าไร เอา ขาดไป พระธาตุมีคุณค่าแก่หัวใจของคนทั้งโลกว่าไง เงินขาดเพียงเท่านี้ไม่ได้มากมายนัก ไม่มีคุณค่ามากยิ่งกว่าพระธาตุนะเราว่า เราก็ช่วยอย่างนั้นละ ช่วยทุกแง่ทุกมุมไปเลย มีเท่านั้นละนะ ทีนี้จะให้พร

 

รับฟังรับชมพระธรรมเทศนาของหลวงตา ได้ที่

www.Luangta.com หรือ www.Luangta.or.th

และรับฟังจากสถานีวิทยุสวนแสงธรรม กรุงเทพฯ และสถานีวิทยุอุดร

FM 103.25 MHz

 

 


** ท่านผู้เข้าชมทุกท่านโปรดทราบ
    เนื่องจากกัณฑ์เทศน์บางกัณฑ์มีความยาวค่อนข้างมาก ซึ่งจะส่งผลต่อความเร็วในการเปิดเว็บไซต์ ขอแนะนำให้ทุกท่านได้อ่านเนื้อหากัณฑ์เทศน์บางส่วนจากเว็บไซต์ และให้ทำการดาวน์โหลดไฟล์กัณฑ์เทศน์ที่มีนามสกุล .pdf ไปเก็บไว้ในเครื่องของท่านแทนการอ่านเนื้อหาทั้งหมดจากเว็บไซต์

<< BACK

หน้าแรก