ถ้ายังฝืนไปอย่างนี้มันจะเป็นไปต่างๆ
วันที่ 15 กันยายน 2548 เวลา 8:20 น. ความยาว 44 นาที
สถานที่ : วัดป่าบ้านตาด
| |
ดาวน์โหลดเพื่อเก็บไว้ในเครื่อง
ให้คลิกขวาแล้วเลือก Save target as .. จาก link ต่อไปนี้ :
ข้อมูลเสียงแบบ(Win)   วิดีโอแบบ(Win Narrow Band)

ค้นหา :

เทศน์อบรมฆราวาส ณ วัดป่าบ้านตาด

เมื่อวันที่ ๑๕ กันยายน พุทธศักราช ๒๕๔๘

ถ้ายังฝืนไปอย่างนี้มันจะเป็นไปต่างๆ

ก่อนจังหัน

บรรดาพี่น้องลูกหลานทั้งหลายมาจากที่ต่างๆ มารวมในสถานที่นี่ ตาได้เห็นพระเจ้าพระสงฆ์ เห็นวัดเห็นวาเห็นวัตถุเกี่ยวข้องกับอรรถกับธรรม เรียกว่าตาเป็นมงคล หูได้ยินเสียงอรรถเสียงธรรมหูก็เป็นมงคล ไหลเข้าสู่ใจ ใจเป็นมงคลวันนี้ ท่านทั้งหลายเข้ามาสู่วัดสู่วาหาอรรถหาธรรมซึ่งเป็นธรรมชาติที่เลิศเลอสุดยอดแล้ว ในโลกธาตุนี้ไม่มีอะไรยิ่งกว่าธรรมที่เลิศเลอสุดยอด นี่ท่านทั้งหลายก็ได้เข้ามาได้เห็นกระแสของธรรม ได้เห็นพระเจ้าพระสงฆ์ เห็นวัดเห็นวา เห็นวัตถุต่างๆ ที่เกี่ยวกับธรรมก็เป็นมงคลๆ ได้ยินเสียงอรรถเสียงธรรมนำไปเป็นคติเครื่องเตือนใจตนเองก็เป็นมงคล

เราพูดจริงๆ จวนจะตายเท่าไร ใครจะว่าเราเป็นบ้าเป็นบอเราไม่เคยสนใจยิ่งกว่าที่มองดูด้วยความสลดสังเวชในส้วมในถานของสัตว์โลก ว่างั้นเลย มองที่ไหนมันเหมือนส้วมเหมือนถาน เหมือนอะไรอยู่ในส้วมในถานไปแปลเอา เราเรียนน้อยเรียนจบประถม ๓ แปลไม่ออก ให้ไปแปลเอาเอง นี่ละธรรมดูโลกดูอย่างนั้น เมื่อเห็นพี่น้องทั้งหลายก้าวเข้ามาสู่อรรถสู่ธรรม เพื่ออรรถเพื่อธรรม ซึ่งเป็นธรรมชาติที่เลิศเลอ เข้าสู่ใจๆ เราพอใจ เหอ นี่ยังจะไปได้อยู่เหรอ ยังจะเล็ดลอดจากส้วมจากถานไปได้อยู่เหรอ ว่าอย่างนั้นนะ มันจมไปหมด มันโอ่อ่าฟู่ฟ่าโดยไม่รู้เนื้อรู้ตัวนี้ซิมันสลดสังเวชนะ ที่พระพุทธเจ้าทรงท้อพระทัยท้ออย่างนี้เอง

มองดูมันเพลิดเพลินอยู่ในส้วมในถาน ไม่ได้มองดูอะไรเลยอรรถธรรม พระองค์จึงทรงท้อพระทัย เหตุใดจึงต้องท้อพระทัย เพราะธรรมเลิศเลอสุดยอดแล้ว อันนี้เลวสุดยอด มันต่างกัน จึงดูไม่ได้ ถึงอย่างนั้นพระองค์ก็ตะเกียกตะกายสอนอรรถสอนธรรมต่อโลก เวลาทรงพระชนม์อยู่ก็ประกาศสอนธรรม ๔๕ ปี จากนั้นก็ปรินิพพาน ยังเมตตาสงสาร มอบบันไดให้ คือศาสนธรรมที่สอนไว้

ให้พากันให้ทานนะ อย่าตระหนี่ถี่เหนียว เห็นแก่พุงของตัวยิ่งกว่าเห็นมรรคผลนิพพาน ใช้ไม่ได้นะ ความหมายว่างั้น ให้ได้กินให้ได้ทาน อย่ากินแต่ปากแต่ท้องแล้วเน่าเฟะอยู่นี้ ตายแล้วก็เน่าไปเลย ความดีงามที่เกิดขึ้นจากการบริจาคไม่มีหาสิริมงคลไม่ได้คนๆ หนึ่ง จำเอานะ นี่ละท่านประกาศสอนไว้ ให้พากันให้กินให้ทาน

การรักษาศีลคือความสงบร่มเย็นของหัวใจทุกสัตว์นั่นแหละ ต่างคนต่างรักษาศีลแล้วก็เป็นการรักษาน้ำใจกัน ศีล ๕ นี้เป็นเรื่องเล็กน้อยเมื่อไร เป็นเรื่องประสานน้ำใจกันให้มีความสงบร่มเย็น ถ้าใครไปทำลายศีลก็เรียกว่าเอาไฟเผาโลกนั่นเอง สะเทือนถึงผู้อื่นหมด

ภาวนา ขอให้ทำใจให้สงบบ้าง อย่าพากันดีดกันดิ้นจนเกินไป ตั้งแต่ตื่นนอนไม่ต้องติดเครื่อง เครื่องยนต์กลไกของกิเลสมันจะพาหมุนไปเอง ระงับดับกันลงได้เวลาหลับ นี่เรียกว่าดับเครื่อง ไม่เช่นนั้นดับไม่ได้ จึงขอให้เอาภาวนาไปดับนะ พุทโธๆ เลิศเลอสุดยอดแล้ว ธัมโม สังโฆ เลิศเลอสุดยอดแล้ว ให้ได้เข้ามาสัมผัสกับใจเรา อย่างน้อยเวลาจะหลับจะนอนก็ยังดี เราหลับไปกับธรรมนี้เลิศเลอนะ เลิศเลอยิ่งกว่าหลับไปกับมูตรกับคูถคืออารมณ์ เอามูตรเอาคูถความสกปรกโสมมเข้ามาพัวพันกับใจ ตายไปก็จมไปด้วยกัน เอาอรรถเอาธรรมเข้าสู่ใจนี่สะอาดสะอ้าน ดีดผึงเลยธรรม ให้พากันตั้งอกตั้งใจนะ

เวลาว่างท่านทั้งหลายให้เข้าหาศีลหาธรรมหาครูหาอาจารย์ ที่เป็นที่เคารพเลื่อมใส ธรรมว่าอย่างนี้ก็เพราะที่ไม่น่าเคารพเลื่อมใสมันมากต่อมากพระเรา เพราะฉะนั้นเราจึงจะเอาพระออกอวดทีเดียวไม่ได้ พระที่เลวก็มี พระที่ดีก็มี ดีเยี่ยมก็มี ตาเรามีหูเรามีใจเรามีให้ไปคัดเลือกเอง อย่างนี้เรียกว่าหาศีลหาธรรม อย่าให้ว่างวันหนึ่ง ว่างจากกิเลสตัณหาก็ให้ดึงเข้ามาหาอรรถหาธรรมซิ ตายแล้วมันจะไปนะจิต จิตดวงนี้ไป นี่ขึ้นบนเวทีมาแล้วเรื่องจิตตภาวนา

นี่จวนจะตายประกาศให้พี่น้องทั้งหลายทราบ ท่านทั้งหลายว่าหลวงตาบัวอวดหรือไม่อวดล่ะ นี่ขึ้นเวทีฟัดกับกิเลสตัวมันปิดร่องรอยของการเกิดการตาย ตกนรกอเวจีเท่าไรมานี้ มันปิดหมด พอมาเกิดปั๊บเหมือนว่ามาเกิดชาติเดียว ไม่เคยเกิดมาก่อน นี่กิเลสมันปิดๆ ตกนรกหมกไหม้ได้รับความทุกข์ความทรมานมันปิดไว้หมด แล้วเปิดแต่ทางที่จะให้ทำความชั่วช้าลามกไปโดยลำดับลำดา จิตดวงนี้ไม่ตายนะ ขึ้นบนเวทีตามรอยของจิตนี้ตั้งแต่ล้มลุกคลุกคลานในการภาวนา จนกระทั่งถึงโลกขาดสะบั้นไปเลย นี่คือเชื้อแห่งภพแห่งชาติ ได้แก่กองทุกข์ทั้งหลาย มันติดไปกับภพกับชาติ ขาดสะบั้นลงไปจากใจ แดนแห่งนิพพานไม่ต้องถาม ดีดผึงขึ้นมาเลย

นี่ละพระพุทธเจ้า พระสาวกทั้งหลาย แดนแห่งนิพพานดีดผึงขึ้นในใจของท่าน ท่านจึงท้อใจที่จะแนะนำสั่งสอนสัตว์ พวกเรานี้เป็นประเภทไหน ประเภทพระพุทธเจ้าท้อพระทัย หรือประเภทที่จะให้พระองค์เมตตาลากเข็นตะเกียกตะกายไปได้ด้วยความอุตส่าห์ของเราวิ่งตามท่านเดินตามท่าน ให้เอาไปคิดนะตัวเอง อย่าพากันฟุ้งเฟ้อเห่อเหิมนะ

โอ๋ย เวลานี้ดูโลกจนจะดูไม่ได้ หลวงตาบัวนี้ คนๆ เดียวนี้แหละ แต่ก่อนหัวใจของเราก็เหมือนท่านเหมือนเรา ไม่เคยคิดเคยอ่าน เป็นยังไงก็เป็นไปแบบเดียวกัน แต่เวลาปฏิบัติธรรมเข้าๆ ธรรมเป็นธรรมของศาสดาองค์เอกที่ได้ตรัสรู้ธรรมอันเลิศเลอแล้วมาสอนโลก เราปฏิบัติตามนั้นๆ ตามเข้าไป รู้เข้าไป เห็นเข้าไป พร้อมกับตามร่องรอยของจิต ภพชาติต่างๆ ที่จิตผ่านมาๆ มากน้อยเพียงไรตามเข้าไป จนกระทั่งถึงที่สุดของจิต ได้แก่วิมุตติหลุดพ้น ถึงพระนิพพานปึ๋ง ที่นี่ไม่ต้องเกิดตายอีกแล้ว หมด

นี่ละการสร้างความดี มีจุดหมายปลายทาง การสร้างความชั่วด้วยความเพลิดความเพลินไม่มีจุดหมายปลายทาง เกิดอยู่อย่างนี้ไม่ว่าภพใดต่อภพใด เกิดตลอด ตายตลอด ทุกข์ตลอด ให้จำเอา ถ้าจำเสียงธรรมพระพุทธเจ้าไม่ได้แล้วหมดนะพวกเรา จำได้แต่เสียงเพลงลูกทุ่งลูกกรุง นั่นละเพลงกล่อมคนและสัตว์ทั้งหลายให้ลงนรกอเวจี ให้เพลิดให้เพลินจนตาย ตายแล้วจม ส่วนธรรมของพระพุทธเจ้านี้เป็นเพลงกล่อมจิตใจให้มีความรื่นเริงบันเทิงแล้วจิตใจมีความสงบร่มเย็น

ใจที่มีธรรมหล่อเลี้ยงอยู่ ไปเกิดไหนก็ไปเถอะน่ะ ถ้ามีธรรมหล่อเลี้ยง มีความดีงามหล่อเลี้ยงแล้วไปได้สบายๆ  ไม่จำเป็นต้องนิมนต์พระ หากวนพระวัดนั้นวัดนี้มา กุสลา ธมฺมา กุสลา ธมฺมา ตัวเองไม่สนใจกับบุญกับกุศลไม่เกิดประโยชน์อะไร เอา สร้างกุศลเข้าสู่ใจของเรา เวลามีชีวิตอยู่นี้ ตายแล้วไม่ได้เรื่องนะ เอาเวลานี้ละ

อย่าให้ขาดผลขาดประโยชน์วันหนึ่งๆ ให้ได้ ดูซิพระท่านเป็นยังไง ท่านบวชมาท่านฝึกฝนอบรมดัดสันดานกิเลสซึ่งอยู่ในหัวใจท่าน ต้องทุกข์ต้องทรมานท่านก็ทนเอง ฝึกฝนอบรมมาอย่างนี้ แล้วความดีเกิดขึ้นโดยลำดับๆ  คิดเข้ามาสู่ใจ เย็นหรือว่าอบอุ่น นั่น ไม่มีความเดือดร้อนเผาในใจ เพราะการทำชั่วของตนด้วยความลืมตัวอะไรเลย ให้พากันจำนะลูกหลาน ทีนี้จะให้พร

หลังจังหัน

ผู้กำกับ จากหนังสือพิมพ์ ผู้จัดการออนไลน์ ฉบับวันที่ ๑๔ กันยายน

หัวข้อ จับโกหก"วิษณุ" และ "เถรสมาคม" กรณีแต่งตั้ง"ผู้ปฏิบัติหน้าที่พระสังฆราช"

        เศร้าใจกับปฏิบัติการโยนกันไปโยนกันมาระหว่าง วิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กับ จุฬารัตน์ บุญยากร ผู้อำนวยการสำนักงานเลขาธิการมหาเถรสมาคม ในกรณีที่เกิดคำถามขึ้นมาว่าถึงเวลาแล้วหรือยังที่จะดำเนินการยกเลิกคำสั่งแต่งตั้งคณะผู้ปฏิบัติหน้าที่แทนสมเด็จพระสังฆราช ในเมื่อปรากฏความจริงเป็นลำดับมาว่า  พระอาการประชวรของสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายกนั้นดีขึ้นตามลำดับ ถ้าไม่มีวาระซ่อนเร้นใดๆ แล้วก็ต้องถือว่าหมดเงื่อนไขเดิมที่นำมากล่าวอ้าง

ฝ่ายแรกพูดอย่างปัดสวะ, โยนเผือกร้อน และ มุสา ว่า “...มหาเถรสมาคมเท่านั้นที่จะเป็นผู้ตัดสินใจ เพราะรัฐบาลทำอะไรไม่ได้ และไม่ได้เคยเข้าไปทำอะไรด้วย อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ผมไม่เกี่ยวแล้ว ผมออกมาจากวงการนี้แล้ว.” นี่คำพูดของนายวิษณุ เครืองาม ในขณะที่ฝ่ายหลังก็หดมือหนีเป็นพัลวัน เหมือนไม่อยากมีส่วนร่วมในอนันตริยกรรม ที่ก่อให้เกิดแนวโน้มสูงที่จะนำไปสู่สภาวะสังฆเภท ด้วยการกล่าวชัดเจนว่า “...ไม่ใช่อำนาจของมหาเถรสมาคม แต่เป็นหน้าที่ของรัฐบาล เพราะรัฐบาลเป็นผู้แต่งตั้ง.”

ไม่ว่าใครจะพูดอย่างไรแต่สุดท้ายก็คือ ตำแหน่งสมเด็จพระสังฆราชถูกล็อกไว้ที่สมเด็จพระพุฒาจารย์ (เกี่ยว อุปเสโณ) ทั้งๆ ที่สมเด็จพระสังฆราชลำดับที่ 29 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์พระองค์ปัจจุบันที่ทั้งทรงเป็น สมเด็จพระสังฆราชที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงสถาปนาด้วยพระราชอำนาจสมบูรณ์เมื่อปี 2532  ก่อนการแก้ไขกฎหมายคณะสงฆ์ในปี 2535 และทรงเป็นพระพี่เลี้ยงพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเมื่อครั้งทรงผนวช

อ้างแต่ว่า “...ยังไม่มีหนังสือยืนยันมาจากแพทย์เกี่ยวกับพระอาการ” จึงไม่ต้องแก้ไข, ยกเลิกคำสั่ง แต่ไม่ว่าเมื่อวันที่ 13 มกราคม 2547 หรือ วันที่ 15 กรกฎาคม 2547 ก็ไม่เคยมีหนังสือยืนยันเกี่ยวกับพระอาการที่รับรองโดยคณะแพทย์ มีแต่ประกาศสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ, แถลงการณ์สำนักนายกรัฐมนตรี ที่ลงนามและรับผิดชอบโดย วิษณุ เครืองาม แต่ก็ยังนำมาเป็นเหตุอ้างอิงให้เกิดพฤติกรรมหลู่พระเกียรติกันได้ มุสากันอย่างไม่เกรงกลัวและละอายต่อบาป

ที่ว่ามุสาก็เพราะรัฐบาลชุดนี้ ภายใต้การออกหน้าอย่างกล้าหาญชาญชัยน่ายกย่องของ วิษณุ เครืองาม กระทำการ 2 ครั้งซ้อนในรอบ 6 เดือน ครั้งแรกเมื่อ วันที่ 13 มกราคม 2547 ชัดท่านลงนามเองใน ประกาศสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ เรื่องแต่งตั้งคณะผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช กลายเป็นการสร้างประวัติศาสตร์ครั้งแรกของชาติไทยที่ฆราวาสสามัญชนแต่งตั้งพระสังฆราช, ฆราวาสผู้มีคุณธรรมต่ำกว่าอวยชัยให้พรพระสังฆราช การกระทำครั้งแรกนี้มี อายุ 6 เดือน ซึ่งพอครบกำหนดก็เลยนำมาสู่การกระทำครั้งที่ 2 ที่สลับซับซ้อนกว่า

เมื่อ วันที่ 15, 20 กรกฎาคม 2547 เริ่มต้นจากออกแถลงการณ์สำนักนายกรัฐมนตรี เรื่องพระอาการประชวรของสมเด็จพระสังฆราช เพื่อปูทางไปสู่กระบวนท่าการใช้อำนาจของฝ่ายบริหาร ตราพระราชกำหนดแก้ไขพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ มาตรา 10 เปิดช่องให้มหาเถรสมาคม สามารถดำเนินการแต่งตั้งผู้ปฏิบัติหน้าที่แทนสมเด็จพระสังฆราชได้ เมื่อวันที่ 20 กรกฎาคม 2547 ประโยคท่อนที่ว่า “...รัฐบาลทำอะไรไม่ได้ และไม่ได้เคยเข้าไปทำอะไรด้วยจึงมุสา ด้วยประการฉะนี้

แนวทางที่ถูกต้องเหมาะสมที่ควรทำมาตั้งแต่แรก หากจำเป็นจะต้องมีคณะผู้ปฏิบัติหน้าที่แทนสมเด็จพระสังฆราช ในกรณีที่ยังข้อสงสัยในพระอาการประชวร นั้น “เซี่ยงเส้าหลง”(ผู้เขียน) ยืนยันมาโดยตลอดว่าต้องให้เป็นการลงพระนามในพระบัญชาโดยพระองค์เอง หรือถ้ามั่นใจว่า พระองค์ไม่อาจปฏิบัติศาสนกิจใดๆ ได้เลย ก็นำความขึ้นกราบบังคมทูลพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ขอพระราชทานพระบรมราชวินิจฉัย การจะเป็นอย่างไรให้เป็นไปตามพระบรมราชวินิจฉัย เรื่องก็จะจบลงอย่างงดงาม

ต้องเข้าใจความจริงพื้นฐานประการสำคัญว่า สมเด็จพระญาณสังวรสมเด็จพระสังฆราชสกลมหาสังฆปริณายก ทรงมีภูมิธรรมสูง เป็นเสมือนพลังหลักสำคัญทางฝ่ายศาสนจักร, พุทธจักร ให้กับรัชสมัยแห่งพระมหากษัตริย์ผู้มีภูมิธรรมอันประเสริฐ ทั้งยังทรงเป็นพระพี่เลี้ยงขณะทรงผนวช เมื่อปี 2499 การจะปฏิบัติใดๆ ต่อพระองค์ท่านมิใช่เพียงแต่จะอ้างซื่อๆ ว่าปฏิบัติตามกฎหมาย หากแต่จะต้องกระทำด้วยความเคารพ, ความยำเกรงในพระเกียรติแห่งตำแหน่งประมุขคณะสงฆ์ไทยที่พระมหากษัตริย์ทรงสถาปนา ด้วยพระราชอำนาจสมบูรณ์ตามกฎหมายเก่าก่อนปี 2535 เมื่อปี 2532 และที่สำคัญที่สุด ไม่ควรก้าวล่วงโดยถือความชราภาพหรืออาการประชวรอันจะเป็นผลให้เกิดกรณีพิพาท ที่จะทำให้เข้าใจไปได้แม้แต่น้อยว่าเป็นการยึดอำนาจการบริหารพุทธจักร เพื่อเหตุผลทางการเมือง เพราะนั่นจะเป็นจุดเริ่มต้นที่จะนำไปสู่สังฆเภทในที่สุด

หลวงตา สังฆเภทรู้จักกันไหมล่ะ ยุยงให้สงฆ์ที่มีความพร้อมเพรียงสามัคคีกันอยู่ด้วยศีลด้วยธรรม ให้แตกแยกจากกันด้วยวิธีการต่างๆ ท่านเรียกว่าสังฆเภท สังฆเภทอยู่ในอนันตริยกรรมห้า กรรมห้าประการนี้หนักที่สุด พวกนี้กำลังสนใจในสังฆเภทเวลานี้ พูดตรงๆ อย่างนี้ละ พระสงฆ์ท่านอยู่ด้วยศีลด้วยธรรม ท่านมีเรื่องอะไร อันนี้ไม่ได้สนใจในศีลในธรรม เดี๋ยวยุนั้นแหย่นี้อยู่ตลอดเวลา จะทำให้สงฆ์แตกจากกัน นี่ละเรียกว่าสังฆเภท ความแตกจากกันแห่งสงฆ์เพราะการยุแหย่ เป็นอนันตริยกรรม เป็นกรรมที่หนักมากที่สุด ในบรรดากรรมทั้งหลายในโลกนี้มีอนันตริยกรรมห้าประการ

พวกนี้สนใจมากในเรื่องอย่างนี้เวลานี้ ศาสนาเราสนใจที่จะทำลายพระพุทธเจ้า พระสาวก ผู้ที่ทรงปฏิบัติหน้าที่ด้วยพระเมตตาต่อสัตว์โลกมาเป็นเวลานาน ให้ความร่มเย็นแก่สัตว์โลก มีความกลมกลืนสามัคคี เต็มไปด้วยเมตตา แต่เวลานี้เมตตานั้นพวกนี้กำลังทำลายกัน จะเอาอำนาจบาตรหลวงป่าๆ เถื่อนๆ เข้าไปยุแหย่ก่อกวน ศีลธรรมมันไม่ได้สนใจนะพวกนี้ สนใจตั้งแต่เรื่องจะยุแหย่ก่อกวน เอาชื่อเอาเสียง ชื่ออะไรก็ไม่รู้แหละ

เราพูดจริงๆ เราปฏิบัติโดยธรรมมาตลอด ไม่มีคำว่าเอนว่าเอียง ผิดตรงไหนว่าตรงนั้นเลย เป็นอย่างนี้ละ ที่จะส่งเสริมพุทธศาสนาให้เจริญรุ่งเรืองมองไม่เห็น แต่ที่จะทำลายศาสนานับแต่พระสงฆ์ให้แตกแยกจากกันไปนี้เก่ง พวกพุทธจักรของประเทศไทยเราเวลานี้ ไปที่ไหนเต็มไปหมด ศีลธรรมไม่เคยสนใจนะ สนใจตั้งแต่ฟืนแต่ไฟที่จะมาเผาไหม้ผู้มีความดีทั้งหลายทรงศีลทรงธรรมให้แตกแยก ให้มีความเห็นแตกแยกกัน สุดท้ายก็แตกเป็นสังฆเภท ต่อไปประชาชนเภท ประชาชนก็แตก สังฆเภทพระสงฆ์ก็แตกไปละ

โห จนสลดสังเวชนะ เราพูดจริงๆ เราไม่เอนไม่เอียงไปกับอะไรทั้งนั้น เราจะเล็งธรรมเป็นแกนๆ ไปเลย อะไรๆ เข้ามาเกี่ยวข้องมีแต่เรื่องทำลายเสียมากต่อมาก ไม่ได้มีการส่งเสริม ที่ว่าจะส่งเสริมศาสนาในทางใดที่เป็นศีลเป็นธรรมให้ผู้คนทั้งหลายได้ประพฤติปฏิบัติตัวให้ดี โดยมีผู้นำเป็นผู้นำโดยทางศีลธรรมไม่เห็นมี มีแต่ทำลายกัน ฟาดตั้งแต่ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ลงมา พวกนี้กำลังก่อกวนทำลาย พระราชบัลลังก์นี่ก็ร้อนเวลานี้ พูดจริงๆ นะ เอาอันนั้นมาบีบ เอาอันนี้มาบีบอยู่อย่างนั้น

พระมหากษัตริย์ของเราทรงครองแผ่นดินไทยมาสักกี่ยุคกี่สมัยแล้ว ประชาชนพลเมืองทั้งหลายได้รับความร่มเย็น กราบไหว้บูชาท่านตลอดมาทุกๆ พระองค์ ไม่ปรากฏว่าทำความเดือดร้อนแก่ผู้ใด แต่นี้ผู้มาตั้งกันทางราชการ รัฐบงรัฐบาลมา และสงฆ์ประเภทต่างๆ เข้ามานี้ ยุ่งเข้ามานี้มาทำลายสิ่งที่ดีทั้งหลายเหล่านี้ ฟังแล้วเป็นอย่างนั้นเวลานี้ ไม่ได้มีที่จะส่งเสริมศาสนาให้ดี มีแต่เรื่องทำลาย เพื่อเอายศเอาลาภนั้นแหละ ไม่ใช่อะไร เพื่อชื่อเสียง ไม่ทราบเอาไปหาอะไรชื่อเสียง มันน่าทุเรศนะ

วงศ์พระมหากษัตริย์ของเราก็กำลังถูกบีบถูกบังคับไปทุกแง่ทุกมุม ส่วนมากมาจากทางรัฐบาลถืออำนาจป่าๆ เถื่อนๆ บีบบังคับท่านั้นท่านี้มา เดี๋ยวนี้ก็เข้ามาอยู่ในคุณหญิงจารุวรรณ นี้ก็พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงแต่งตั้งเอง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเป็นใหญ่ทั้งแผ่นดินไทยเราเลย ไอ้พวกนี้มันเป็นอะไรมันถึงไปหาบีบคั้น มันเทิดทูนพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ตามหัวใจประชาชนที่ต้องการมาตลอดนั้นไม่ดีเหรอ สิ่งที่จะทำลายหามาทำลายทำไม นี่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ท่านทรงให้ความร่มเย็นแก่ประเทศชาติบ้านเมืองมา ท่านไปก่อกวนที่ไหน ทำความเดือดร้อนแก่ประชาชนรายใดกลุ่มใดบ้างเราก็ยังไม่เห็น แต่พวกนี้ก่อเรื่องเรื่อย แล้วก็บีบเข้าไปหาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว บีบบังคับท่านั้นท่านี้

อย่างคุณหญิงจารุวรรณนี้เป็นต้น นี่ก็แผนซ้อน ซ้อนมาตั้งแต่สมเด็จสังฆราชปลอมนู่นละ จากนี้ก็มาหาคุณหญิงจารุวรรณ ซ้อนเข้ามา นี่ก็พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงแต่งตั้ง ทรงเป็นธรรมขนาดไหน คุณหญิงจารุวรรณเป็นผู้ทำหน้าที่เพื่อสมบัติเงินทองทั้งหลายของแผ่นดินไทย ให้อยู่ในความแน่นหนามั่นคง อันนี้มันก็ไม่เอา มันจะเอาแผนซ้อนเข้ามา เอาเทวทัตเอายักษ์เอาผีเข้ามากินเงินในคลังหลวงนั้น ขับไล่คุณหญิงจารุวรรณนี้ออก ความหมายว่าอย่างนั้น เราอ่านตามเหตุตามผล ฟังตามเหตุตามผลมาเป็นอย่างนั้น เราไม่เข้าไปฟังเอง เราก็ฟังตามเสียงทั้งหลายที่มา ส่วนมากไม่ผิด นี่ละแทรกซ้อนเข้ามาอย่างนี้ละ

นี่คุณหญิงจารุวรรณก็ถูกขับไล่ ก็เท่ากับขับไล่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเรานั่นเอง จะเป็นขับไล่ใคร ก็พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงแต่งตั้งเองด้วยความเป็นธรรมอย่างยิ่งสุดยอดแล้ว แล้วที่จะแทรกเข้ามานี้มันมีอะไรที่จะมาเป็นความดิบความดีพอประชาชนทั้งหลายจะเคารพนับถือบ้าง นอกจากเอาเปรตเอาผีมากินบ้านกินเมืองกินคลังไปหมดทั้งนั้น แทรกซ้อนเข้ามาอย่างนี้ละ ต่อไปนี้เราอดคิดไม่ได้และต่อไปมันก็อดพูดไม่ได้ ต่อไปเดี๋ยวมันจะเอาหมามาครองราชสมบัติแทนพระเจ้าอยู่หัวนะพวกนี้น่ะ เห็นว่าพระเจ้าอยู่หัวไม่มีความหมาย หมาดีกว่าพระเจ้าอยู่หัว พวกนี้ก็เลวกว่าหมา

เพราะฉะนั้นจึงเอาหมามาครองบ้านครองเมือง ถ้าไม่เลวกว่าหมาเอามาไม่ได้ ถ้าไม่เลวกว่าหมาถ้าเป็นคนแล้ว พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวให้ความร่มเย็นแก่โลกมานานสักเท่าไร ประชาชนน้อมรับกันทั่วประเทศไทย เป็นอย่างไรหมานี่ใครไปเคารพมัน แล้วมันจะเอาหมามาครองราชสมบัติแทนพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ดูได้ไหม พวกนี้เลวกว่าหมา มันจึงสามารถไปทำอย่างอุจาดบาดตาหน้าด้านที่สุดเลย บีบบี้สีไฟเรื่องนั้นเรื่องนี้ๆ

เราพูดตรงๆ ในความเป็นธรรมของเรา เราพิจารณา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวนี้ท่านให้ความร่มเย็นแก่แผ่นดินไทยมาตลอด ไอ้พวกนี้ตั้งขึ้นแง่ไหนๆ มีตั้งแต่ที่จะทำลายๆ เดี๋ยวนี้ก็กำลังเข้าไปเบียดเสียดเบียดเบียนทุกอย่าง บีบบังคับท่านั้นท่านี้ให้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงทำตามๆ ทำตามอย่างไร วิชาหมาใครจะไปทำตามได้ วิชาคนพระองค์ทรงนำมาปกครองคนได้รับความร่มเย็นขนาดไหน นี่เป็นวิชาที่เลิศเลอแล้วสำหรับเมืองไทยเรา แล้ววิชาเหล่านี้ที่มาเบียดเสียดเบียดเบียน บีบบี้สีไฟให้ทำอย่างนั้นให้ทำอย่างนั้นมันดูไม่ได้นะเวลานี้ รัฐบาลพวกนี้มันเป็นอย่างไรวะ เราพูดตรงๆ เป็นเสียงอรรถเสียงธรรมนำมาสอนโลก เราไม่ได้ออกข้างนั้นเข้าข้างนี้ เป็นธรรมสอนโลก

พุทธศาสนานี้อยู่ในเมืองไทยเรา แม้รัฐบาลก็เป็นพุทธมามกะ หรือลูกศิษย์พระพุทธเจ้าเหมือนกัน เป็นพุทธบริษัทด้วยกัน ทำไมธรรมจะสอนพวกนี้ไม่ได้ ใครผิดใครพลาดต้องสอนตามหลักความจริง เวลานี้กำลังก่อความเดือดร้อนจากวงราชการ ใครๆ ก็ชี้เข้าไปหานายวิษณุนะเวลานี้ นายวิษณุบางคนเขาบอกว่าให้เอานายวิษณุไปฆ่า ว่าอย่างนั้นนะ เราฟังเสียงได้ชัดเจน เราพูดตามหลักความจริง ไล่มันหนีไปไหนมันก็ไม่หนีๆ มันก่อกวนทำลายที่สุดคือนายวิษณุ เขาว่างั้น

นี่คนทั่วประเทศไทยเขาออกมา เราเป็นหูกลาง เขาเชื่อถือได้เขาก็มาพูดให้เราฟัง เราก็ฟังไปๆ เก็บเข้าในลิ้นชักๆ เมื่อไม่กาลเวลาเราก็ไม่ออก นี่ถึงกาลเวลาที่ควรจะออกแล้ว จากเสียงประชาชนที่เขาไม่เห็นดีเห็นชอบ รวมหัวกันไล่นายวิษณุออก เพราะนายวิษณุนี้เป็นผู้ที่ก่อกวนทำลายชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ที่สุดไม่มีใครเกิน เขาว่าอย่างนั้น แล้วเขาไล่ออกมันไม่ออก ทีนี้เขาบอกให้เอานายวิษณุไปฆ่า เขาว่าอย่างนั้น เวลานี้เขาบอกมาแล้ว ผ่านหูตาหลวงตานี้แล้ว เขาให้เอานายวิษณุไปฆ่า ไอ้ตัวนี้ตัวทำลายชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์เก่งที่สุดคือตัวนี้เอง เขาว่าอย่างนั้น

นี้เราก็พูดตามหลักธรรมเอามาสอนโลก ถ้าจะแก้ตัวอย่างไรให้แก้ ชาติไทยของเราเป็นชาติที่มีความแน่นหนามั่นคง เป็นชาติของมนุษย์ ไม่ใช่ชาติของหมา นอกจากเขาเลี้ยงไว้ในบ้านของเขาไอ้ตูบไอ้ตีบเป็นธรรมดา แม้ในวัดเราก็มี ไอ้ตูบก็มีในนี้ เขาก็เลี้ยงไว้ตามภาษา แต่เขาไม่ถือสำคัญยิ่งกว่าคนผู้ปกครองชาติบ้านเมืองมาทำตัวเป็นข้าศึกศัตรูต่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์นี้ เขาไม่ประสงค์อย่างยิ่ง เขาบอกให้เอานายวิษณุไปฆ่าเสีย เขาว่าอย่างนั้น เขาบอกมาผ่านๆ เราจะว่าไง เราก็พูดตามความสัตย์ความจริง

มันเป็นยังไงนายวิษณุ คนอื่นทั้งหลายทั่วแผ่นดินไทยเขาไม่เห็นบอกให้เอาไปฆ่า แต่นายวิษณุนี้ทำไมคนไทยเสียงข้างมากที่สุดเลยบอกให้เอานายวิษณุไปฆ่า ขับไล่หนีไปไหนมันก็ไม่ไป มันคอยทำลายชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์อยู่ตลอดเวลามา ว่าอย่างนั้นนะ ตัววิษณุมันอยู่ลึกๆ เขาบอกว่าอย่างนั้น มันเอานายกฯเป็นเครื่องมือของมัน นายวิษณุเป็นผู้บงการอยู่ภายใน ทุกสิ่งทุกอย่าง หน้าที่การงาน หน่วยราชการต่างๆ นายวิษณุเป็นคนบังคับไปหมด เขาว่าอย่างนั้น มันบังคับ แล้วบังคับตรงไหนก็บังคับด้วยอำนาจบาตรหลวงป่าๆ เถื่อนๆ ของมันนั่นแหละ เขาทนไม่ไหวประชาชน เขาบอกไล่ไปไหนมันก็ไม่ไป ให้เอานายวิษณุไปฆ่าเสีย เขาว่าอย่างนั้น เขาว่าอย่างนั้นเราก็ว่าอย่างนี้แหละ

นายวิษณุจะถูกฆ่าเวลานี้น่ะ ถ้ายังฝืนไปอย่างนี้มันจะเป็นไปต่างๆ นะ มันน่าทุเรศสงสาร อู๊ย มันทำไมถึงเป็นพิษเป็นภัยเอานักหนา คนผู้จะรักษาชาติบ้านเมืองก็คือรัฐบาล แล้วทำไมมาก่อกวนทำลายสิ่งที่ดีงามที่เลิศเลอทั้งหลายคือพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว นี้กระเทือนเข้ามาเรื่อยๆ นะ เราฟังด้วยความเป็นธรรม กระเทือนเข้ามา บีบแบบนั้นบีบแบบนี้เข้ามาเรื่อยๆ แผนซ้อนๆ ซ้อนเข้ามา ต่อไปมันจะเอาหมาเข้ามาครองราชสมบัติแทนพระเจ้าแผ่นดินนะพวกนี้ เพราะวิชาความรู้นี้มันเลยหมาไปแล้ว ต่ำกว่าหมาสุดส่วนสุดยอดไปแล้วมันจึงเอาหมามาครองแผ่นดินไทย เอาคนมาครองเอาท่านผู้ดิบผู้ดีผู้เลิศผู้เลอที่ประชาชนทั้งหลายเคารพบูชานี้มันไม่ยอมเอา มันจะเอาหมามาให้กราบไหว้บูชาแทน เพราะมันเลยหมาไปแล้วพวกนี้ ฟังให้ดีนะ

นี่เสียงธรรมเราจะพูดให้เต็มเม็ดเต็มหน่วยเลย เราได้ยินมาเก็บเข้าในลิ้นชักๆ มาพอแล้ว เวลานี้เดือดร้อนที่สุดคือวงรัฐบาลก่อความเดือดร้อนทุกแง่ทุกมุม เขาว่าอย่างนั้นนะเวลานี้ รัฐบาลชุดนี้ร้ายแรงมาก เขาว่า ประชาชนไม่พอใจเลย ใครๆ ก็หยั่งเข้าไปหานายวิษณุนะ นายกรัฐมนตรีนี้เขาไม่ค่อยไปติดใจนัก เขาบอกว่าเป็นเครื่องมือของนายวิษณุ เขาว่าอย่างนั้น นายวิษณุนี้เป็นตัวใหญ่ตัวสำคัญอยู่ภายใน ไม่แสดงตัวนะ มันเก็บตัวของมันเงียบๆ แต่ลวดลายมันแสดงออกมีแต่นิวเคลียร์นิวตรอนทั้งนั้น ฟาดชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ให้จมลงไปก็คือไอ้นี้แหละ

พี่น้องทั้งหลายฟังนะ วันนี้เราได้ยินมาเพียงเท่านี้ เก็บไว้ในลิ้นชักเสียก่อน ยังไม่ออกหมด ถึงกาลเวลาที่ควรจะออกมันจะออกเอง ใครจะตัดคอหลวงตาก็ตัดไปเถอะเราไม่สนใจ เราได้ดำเนินตามอรรถตามธรรมของพระพุทธเจ้าแล้วเราเป็นที่พอใจ ให้พากันพิจารณานะ โลกนี้ร้อนที่สุดเพราะหัวหน้าพาเกิดความเดือดร้อน ถ้าหัวหน้าพาชุ่มเย็น มีศีลมีธรรม มีหลักมีเกณฑ์ในการปฏิบัติหน้าที่การงาน อำนาจทุกสิ่งทุกอย่างให้มีศีลมีธรรมแทรกแล้วประชาชนจะร่มเย็น เขาจะไม่ตำหนิติเตียน

เวลานี้ไปแง่ไหนมุมใดมีแต่คำตำหนิติเตียนวงรัฐบาลทั้งนั้น แล้วใครก็ชี้มาๆ หานายวิษณุๆ นี่ละ เดี๋ยวนี้เขาบอกแล้วให้เอาเอานายวิษณุไปฆ่าเสีย เขาว่าอย่างนั้น ตัวนี้ตัวร้ายกาจที่สุด เขาบอกอย่างนั้น เราก็พูดตามเรื่องเขาบอก จะให้พูดว่ายังไงความจริงเป็นอย่างนั้น เอาละเพียงเท่านี้เหนื่อยแล้ว เอาละพอ

(วัดป่ามหาไชย จ.สมุทรสาคร ถวายสถานีวิทยุเสียงธรรมเพื่อประชาชนที่จัดตั้งขึ้นภายในวัดป่ามหาไชย โดยออกอากาศเสียงธรรมตลอด ๒๔ ชั่วโมงตั้งแต่วันที่ ๒๕ มกราคม ๔๘ เป็นต้นมา) เออ รับทราบแล้ว

วันที่ ๑๗ กันยา ท่านศรีมา บ่ายสองโมง วันที่ ๑๘ ธรรมลีมา บิณฑบาตศาลาใหญ่ เราเรียกธรรมลี นั่นเศรษฐีธรรมนะ ครองธรรมอัศจรรย์อยู่เงียบๆ คือองค์นี้องค์หนึ่ง ติดสอยห้อยตามเรามาตั้งแต่วันบวช บวชวันถวายเพลิงหลวงปู่มั่น วันนั้นบวชพระหลายองค์ ธรรมลีนี้องค์หนึ่ง พอบวชแล้วติดเราเหมือนปลิง ดึงออกไม่ยอมออก ไปไหนติดเรื่อยจนกระทั่งทุกวันนี้ ก็สมเหตุสมผลนะเป็นเศรษฐีธรรมเงียบๆ นะนั่น มีเท่านั้นละ

 

รับฟังรับชมพระธรรมเทศนาของหลวงตา ได้ที่

www.Luangta.com หรือ www.Luangta.or.th

และรับฟังจากสถานีวิทยุสวนแสงธรรม กรุงเทพฯ และสถานีวิทยุอุดร

FM 103.25 MHz


** ท่านผู้เข้าชมทุกท่านโปรดทราบ
    เนื่องจากกัณฑ์เทศน์บางกัณฑ์มีความยาวค่อนข้างมาก ซึ่งจะส่งผลต่อความเร็วในการเปิดเว็บไซต์ ขอแนะนำให้ทุกท่านได้อ่านเนื้อหากัณฑ์เทศน์บางส่วนจากเว็บไซต์ และให้ทำการดาวน์โหลดไฟล์กัณฑ์เทศน์ที่มีนามสกุล .pdf ไปเก็บไว้ในเครื่องของท่านแทนการอ่านเนื้อหาทั้งหมดจากเว็บไซต์

<< BACK

หน้าแรก