ขนกันมากิน
วันที่ 13 กันยายน 2548 เวลา 8:25 น. ความยาว 44.31 นาที
สถานที่ : วัดป่าบ้านตาด
| |
ดาวน์โหลดเพื่อเก็บไว้ในเครื่อง
ให้คลิกขวาแล้วเลือก Save target as .. จาก link ต่อไปนี้ :
ข้อมูลเสียงแบบ(Win)   วิดีโอแบบ(Win Narrow Band)

ค้นหา :

เทศน์อบรมฆราวาส ณ วัดป่าบ้านตาด

เมื่อวันที่ ๑๓ กันยายน พุทธศักราช ๒๕๔๘

ขนกันมากิน

ก่อนจังหัน

ชาวพุทธเราเหมาะสมอย่างยิ่ง พอว่างเมื่อไรเข้าวัดเข้าวา จิตใจที่เข้าวัดเป็นจิตที่อ่อนโยน นำความสุขเข้ามาสู่ตัวเอง ถ้าเข้าป่าเข้ารกเข้าที่โกโรโกโสนั้นเป็นฟืนเป็นไฟ ผิดกันนะ ให้เราดูใจของเราจะไปทางไหน เราไม่ต้องการความขาดทุน เราหวังกำไรเราต้องพิจารณาทดสอบ เพราะเราเป็นผู้รับผิดชอบในตัวของเราเอง กิเลสมันพาคนให้หยิ่ง ท่านทั้งหลายฟังคำนี้ ใครพูดคำนี้เคยมีไหม กิเลสมันทำคนให้หยิ่ง มันเหยียบธรรมลง เข้าไปเยี่ยมวัดเยี่ยมวาเหมือนว่าไปตรวจราชการ เป็นข้าราชการใหญ่ๆ ไปตรวจดูวัดดูวา นู่นน่ะฟังซิกิเลสมันหยิ่ง

ธรรมท่านดูอยู่นี่ ตัวหยิ่งๆ เข้าไปนั่นน่ะคือตัวกิเลส ไปตรวจธรรม ธรรมท่านดูตับมันไม่รู้นะ สำคัญตรงนี้ กิเลสตัวชอบหยิ่งที่สุด ให้ท่านทั้งหลายทราบเสีย ไม่มีใครพูด หลวงตาบัวนี้พูดได้ตามหลักความจริงทุกอย่าง เพื่อท่านทั้งหลายจะได้ไปคัดไปเลือกต่อตนเองให้มีความสุข ไม่ได้พูดเหยียบย่ำทำลายสิ่งใด สิ่งใดที่เป็นภัยให้ปัดออกๆ พากันพินิจพิจารณาให้ดี

กิเลสมันหยิ่งขึ้นทุกวันๆ หยิ่งขึ้นเท่าไรเหยียบเจ้าของลงโดยไม่รู้สึกตัว เป็นฟืนเป็นไฟในใจ กิเลสเป็นตัวอย่างนี้ ถ้าเข้าสู่ธรรมนี้จิตมันนิ่มไปหมด อย่างเราเข้าไปวัดไปวาหาครูบาอาจารย์ที่ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ จิตใจมันชุ่มเย็นตั้งแต่ยังไม่ก้าวเข้าวัด พอไปได้เห็นได้ยินได้ฟังจากท่านแล้วมาเป็นคติ ชุ่มเย็นอยู่ทั้งวันนะ นี่ละธรรมเป็นอย่างนั้น ให้พากันสนใจในอรรถในธรรม อย่าลืมเนื้อลืมตัว กิเลสพาให้คนลืมตัวๆ ตลอด เวลานี้ยิ่งใหญ่เท่าไรมันใหญ่กิเลสนะ ตลอดวงราชการงานเมือง มันใหญ่กิเลสทั้งนั้นไม่ได้ใหญ่ธรรม เพราะฉะนั้นมันถึงก่อความเดือดร้อนให้ประชาชนได้รับความทุกข์อยู่ตลอดมา

กิเลสเป็นอย่างนั้น มันหยิ่งละซิ หยิ่งในตัวเอง พองในตัวเองเหยียบหัวคนอื่นไป นี่คือกิเลส เรื่องธรรมแล้วพิจารณาใคร่ครวญเหตุผลต้นปลาย อะไรควรคัดออก ควรตัดออกๆ อะไรควรเสาะแสวงหามาเพิ่มเข้า ต้องพินิจพิจารณา ผู้เป็นหัวหน้าที่เป็นธรรมจะเป็นผู้ขวนขวายหาความสุขความเจริญให้แก่ผู้น้อย นี่มันหาความสุขความเจริญเข้าแต่พุงของตัวเองซิ ถ้าใครไปเป็นเจ้าเป็นนายเข้าวงราชการงานเมือง เข้าเป็นรัฐบาลแล้วเหมือนกับว่าหมาเข้าถาน

หมาเข้าถานเป็นยังไง ในวงนั้นมันมีสมบัติทุกสิ่งทุกอย่างอยู่ในวงราชการ พวกนี้เข้าไปก็เป็นหมาเข้าถาน ท้องป่องยังไม่ยอมออก จับหางดึงออก หางขาดยังไม่ยอมออก ท้องยังไม่ป่องไม่พาถอย ท้องนี้ป่องแล้วเอาท้องนั้นมา เอาถุงเอาย่ามมา เอาลูกมาเอาเมียมา เอาญาติมาเอาวงศ์มา นี่ยังไม่ป่องนะ ขนกันมากินกันๆ นี่ละเรื่องกิเลสท่านทั้งหลายฟังเสีย เรื่องธรรมดูให้ชัดเจน เฉลี่ยเผื่อแผ่ให้ถึงกันหมด พูดนี้ไม่ได้หยิ่งนะ นี่เอาธรรมมาปฏิบัติ ท่านทั้งหลายดูเอา จัดอะไรเช่นอย่างอาหารการกินนี่ ได้มานี้เฉลี่ยให้ถึงกันหมดเลย ในวัดนี้รับผิดชอบ ใครรับผิดชอบ หัวหน้ารับผิดชอบ ผู้ปฏิบัติรับผิดชอบแทนครูบาอาจารย์ ก็ต้องปฏิบัติเต็มหน้าที่ของตนๆ แล้วต่างคนต่างสม่ำเสมอกัน เย็น มีมากมีน้อยเย็น นี่ละธรรมเป็นอย่างนั้น

ไม่ใช่ว่าวัตถุสิ่งของมีมากแล้วเย็นนะ ผู้มากมาก ผู้น้อยน้อย ผู้ไม่มีไม่มี อย่างนี้ไม่เย็น มีมากมีน้อยให้สม่ำเสมอกัน นี้เย็นไปทั่วหน้ากัน ท่านทั้งหลายเข้ามาวัดดูให้ดีนะ อย่ามาแบบหยิ่งๆ วัดนี้ไม่มีหยิ่ง ให้ดู กิเลสมันชอบหยิ่ง มาตรวจนั้นตรวจนี้ พระเณรวัดนี้เป็นยังไง วัดนั้นเป็นยังไงๆ หัวใจตัวเองมันไม่ดู มันเลวที่ไปหาดูเขาละซิ ผู้ท่านรักษาท่านรักษา ดูไม่ดูท่านก็รักษาของท่านอยู่ ไอ้เราไม่ดูตัวเอง ไม่รักษาตัวเอง มีแต่ไปหาตรวจนั้นตรวจนี้ เหมือนไปตรวจราชการ มันน่าหัวเราะไหม ธรรมหัวเราะกิเลสท่านหัวเราะอย่างนั้นนะ มีแต่กิเลสมันหัวเราะธรรม แบบเย่อหยิ่งจองหอง ธรรมดูกิเลสนี้ท่านดูชัดเจนละเอียดลออมาก นี้เอาธรรมมาสอนพี่น้องทั้งหลาย เอาละวันนี้พูดเพียงเท่านี้

หลังจังหัน

(ถวายที่ดินที่อำเภอแม่สาย จ.เชียงราย เนื้อที่รวม ๑๖ ไร่ ๒ งานเศษค่ะ) คนถวายที่ดินให้เป็นวัดเป็นวามากต่อมากนะ เราไม่ค่อยรับ เพราะรับอะไรเป็นภาระๆ หนักมาก จึงไม่ค่อยรับ อันนี้จะถวายมาต้องถามหาเหตุหาผลเสียก่อน เนื้อที่แห่งเดียวหรือหลายที่ (อยู่ติดๆ กันค่ะ) แล้วมีความมุ่งหมายยังไงล่ะ (แล้วแต่หลวงตาจะเอาไปใช้ค่ะ) โห เรารับแล้วมันลำบากเหมือนกันนะ (ที่มันเล็ก ๑๐ กว่าไร่ แต่อยากให้หลวงตาเมตตารับ) ผู้ถวายที่มีเยอะนะ แต่เราไม่ค่อยรับ คือมันเป็นภาระสำหรับเรา ยิ่งถวายที่ให้เป็นวัดๆ ด้วยแล้ว อู๊ย ลำบากมาก เมื่อรับแล้วเราต้องเป็นภาระหาพระมาเป็นเจ้าที่เจ้าฐานเจ้าวัดเจ้าอาวาส หายากนะพระ ไม่ใช่ว่าพระสุ่มสี่สุ่มห้าก็เอามา เราไม่เอา เพราะฉะนั้นใครถวายอะไรจึงต้องพิจารณาเรียบร้อยก่อนก่อนที่จะรับ

ยกตัวอย่างเช่นวัดอาจารย์เจี๊ยะ นั่นเขาก็ถวายที่ วัดภูริทัตตะ หลวงปู่มั่นเรานั่นละ วัดอาจารย์เจี๊ยะที่พึ่งมรณภาพไป นี่ก็เขาถวายที่ให้เรา เราก็มาพิจารณาดูตามแถวนี้ วัดกรรมฐานไม่มี คิดทบทวนไปมาแล้วก็ตกลงใจรับ จะพยายามหาพระองค์มีสาระสำคัญมาเป็นเจ้าอาวาสที่นี่ นั่นพอว่ารับต้องคิดถึงผู้ที่จะมาครองวัด รับผิดชอบทุกอย่าง ให้สมกับเจตนาศรัทธาของเขา เลยรับวัดนั้น จึงนิมนต์อาจารย์เจี๊ยะมา ก็พอดีท่านรับให้ ท่านมาเป็นสมภารที่นั่น อย่างนั้นนะมันลำบาก

วัดป่าหลวงตาบัวอยู่ที่เมืองกาญจน์ อันนั้นเขาก็ถวาย เราก็คิดดูอีก สถานที่แถวนั้นมีกรรมฐานมากน้อยเพียงไร ถามดู ว่าไม่มี มีว่างอยู่จุดนั้นจุดเดียว นี่เราก็รับ รับเราก็ต้องหาพระที่จะมาอยู่เป็นสมภารรับผิดชอบในวัดนั้น ก็ได้ท่านจันทร์มา อย่างนี้ละที่เราไม่ค่อยรับ ไม่ใช่รับสุ่มสี่สุ่มห้ารับชุ่ยๆ เราไม่เอานะ ทำอะไรจริงจังทุกอย่าง มีเหตุมีผลยืนยันรับรองเราถึงรับ อย่างนั้นละ อันนี้ก็เหมือนกันที่รับมาแล้วสองแห่ง ก็มีผู้รับรองยืนยันมาด้วย มีเจ้าอาวาส

พออาจารย์เจี๊ยะล่วงไปแล้วก็ให้พระที่จะมาเป็นเจ้าอาวาส มาประชุมกันเสียก่อน องค์นี้เป็นยังไงการประพฤติปฏิบัติตัว สมควรที่จะรักษาวัด รักษาศรัทธาญาติโยม รักษาพุทธศาสนาไว้ได้ไหม ประชุมกันถามถึงปฏิปทาการประพฤติปฏิบัติตัวมาเป็นยังไง ก่อนที่จะให้มาเป็นสมภารแทนอาจารย์เจี๊ยะ เราเป็นหัวหน้าเอง ทางไหนเสมอมาส่วนมากเป็นเสียงเดียวกัน ที่ไม่ตอบก็มี ที่ตอบออกมาก็เป็นสิริมงคล เอารับให้องค์นี้มาเป็นเจ้าอาวาส อย่างนั้นละเรา เวลานี้ก็มีพระชื่อช่วยมาเป็นเจ้าอาวาสอยู่วัดอาจารย์เจี๊ยะนั่น นั่นละมันหนักอย่างนั้นนะ ไม่ใช่ธรรมดา เราเป็นเจ้าของเราต้องรับผิดชอบตลอด

ทีนี้วัดป่าหลวงตาบัว วัดเสือนั้นก็เอาท่านจันทร์ ท่านจันทร์เป็นคนคลองด่าน สมุทรปราการ มาบวชอยู่นี้ตั้งหลายปีนะท่านจันทร์ มาบวชทำข้อวัตรปฏิบัติ ดูอากัปกิริยาทุกอย่าง เรียบร้อยดีทุกอย่าง จากนี้ไปก็ไปอยู่ที่เมืองกาญจน์ ทีนี้พอดีเขาถวายที่เมืองกาญจน์ก็เลยเอาองค์นี้แหละมาอยู่ ท่านบอกที่เมืองกาญจน์(ที่อยู่เดิม) มีพระอยู่เรียบร้อยแล้ว ถ้างั้นก็จะแยกท่านมาเป็นสมภารวัดที่นี่ สะดวกไหม ได้ไหม ท่านบอกสะดวกอยู่ ท่านว่างอยู่แล้ว ท่านไปไหนมาไหนได้สะดวก มีผู้รับผิดชอบอยู่ในวัดแล้ว ถ้างั้นให้ท่านมาอยู่นั่น

พอดีท่านจันทร์มาก็เข้ากันได้กับสัตว์ เราก็นิสัยรักสัตว์ด้วยเลยเข้ากันได้ ไม่ว่าอะไรอยู่ในนั้นหมดนะ วัดป่าหลวงตาบัว เสือดูเหมือน ๑๐ กว่าตัวมัง เสือโคร่ง มีที่ไหนประเทศไทยไปหามาซิ มีวัดเดียวเท่านั้นแข่งได้เลย เสือโคร่ง ไม่เคยทำไมใครนะ เราถามมันเคยตบใครไหม ว่าไม่เคย เสือโคร่งใหญ่ ทีนี้พวกหมูป่า นกยูง เป็นร้อยๆ ท่านเลี้ยงดูได้นะ นี่นิสัยวาสนามันมีอยู่คนละทาง ท่านจันทร์ดีไปทางเลี้ยงสัตว์ สัตว์กี่ประเภทมาอยู่นั้นหมด เลยกลายเป็นวัดสัตว์ไม่ใช่วัดพระ

ตอนพระจังหันนี่ หมูป่าไม่ใช่หมูบ้านนะ ร้อยเปอร์เซ็นต์ทั้งนกยูงทั้งหมูป่า ตอนเช้าหลั่งไหลออกมาเต็มวัดเลย พวกสัตว์อยู่ในวัดนี้แล้วก็มี เขาไม่มีอะไรกัน หลั่งไหลออกมา จัดอาหารให้กิน เลี้ยงกันเสร็จเรียบร้อยแล้วเขาขึ้นเขาเลย ตอนเย็นๆ เขาลงมาอีก ทางนี้ก็เตรียมพร้อมรับรองเขาอีก อย่างนั้นนะ เลยท่านจันทร์เป็นผู้รับรองเลี้ยงสัตว์ เป็นร้อยๆ นะหมู ไม่ใช่น้อยๆ นกยูงเหมือนกัน ท่านเลี้ยงได้หมดเลย แล้วมีผู้ศรัทธาเอามาหนุนๆ เรื่อย ตกลงวัดนั้นก็เลยเป็นวัดสะดวกสำหรับเลี้ยงสัตว์ นี่ที่นี้เรารับแล้วเป็นอย่างนั้นละ รับแล้วต้องหาผู้มาประกันตัว เพราะฉะนั้นจึงรับสุ่มสี่สุ่มห้าไม่สะดวกละเรา เราจึงไม่ค่อยรับ

เอาทีนี้หันมาทางนี้อีก เนื้อที่เป็นที่ยังไงว่ามา ปลูกอะไรบ้าง (ไม่ได้ปลูกค่ะ ที่เปล่าๆ ) ให้พระเอาไปปรึกษากันดูเสียก่อน อยู่อำเภออะไรว่าซิ (อำเภอแม่สายกับแม่จันค่ะ) ที่เอามาถวายหลวงตาบัวมีความมุ่งหมายยังไงถึงได้มาถวาย หลวงตาบัวก็ไม่ได้สั่งสมวัดนะ สั่งสมแต่การปฏิบัติ พระอยู่ที่ไหนให้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ อันนี้เมื่อมีมาแล้วมันก็เป็นภาระ (อยากได้บุญค่ะ) นั่นซีอยากได้บุญ ทีนี้ผู้ที่จะเอาที่มันมีหลายด้านหลายทาง ผู้เอาบุญมันง่ายอยู่นะ ถวายปุ๊บได้บุญเลย แต่ผู้ที่จะรับนี้มันเป็นภาระไม่ใช่เล่นๆ เหมือนกัน จึงต้องได้ทดสอบเสียก่อน เอาไว้พิจารณาก่อนนะ

เราทำอะไรเราทำให้เป็นประโยชน์แก่โลกจริงๆ เราไม่ได้ทำสุ่มสี่สุ่มห้า อะไรเหมือนกันหมดนะ ถ้าลงเราได้จัดเข้าไปรับผิดชอบแล้วทุกอย่างต้องเรียบร้อย ถึงจะตกลงกันได้ ไม่ใช่สุ่มสี่สุ่มห้า อย่างนั้นเราไม่เอา มันยุ่งภายหลัง มีเยอะนะหลายจังหวัดที่เขาถวายที่ ที่เรารับไม่ได้ๆ มีมากต่อมาก คือเราเล็งเหตุผล ไม่ใช่อยู่ๆ ก็รับไปๆ อย่างนั้น

(คณะศรัทธาถวายทองคำและเงินสด) นี่ละที่เราคิดไว้อย่างนี้ เราคิดหมดนะก่อนที่จะมารบกวนบรรดาพี่น้องทั้งหลาย คือทองคำเรานี้เป็นหัวใจของชาติไทยเรา เหตุเบื้องต้นก็คือเราช่วยชาติ นำทองคำเข้าไปทีแรก เป็นครั้งแรกเลย นำเข้าไปเยอะนะ ดอลลาร์ก็มากอยู่ ไปครั้งแรกไปมอบ พอเรามอบทองคำแล้ว หัวหน้าคลังหลวงมานิมนต์เราเข้าไป นั่นเขามีความมุ่งหมาย อันนี้เป็นต้นเหตุที่เขาจะได้ทองคำในวาระต่อไป เขาคิดไว้เรียบร้อยแล้วเขาถึงมานิมนต์ อยู่ๆ มานิมนต์เราเข้าไป เราก็ทราบทันที เราจึงเข้าไปดูทองคำ ดูทองคำดูละเอียดลออด้วยนะ เพราะเราทราบความหมายของเขาที่นิมนต์เราเข้าไป

สถานที่นี่มีผู้มาเห็นสองท่าน แล้วใครล่ะ หนึ่ง สมเด็จพระเทพฯ ที่สองก็หลวงตานี่แหละ จึงเข้าไปดูละเอียดลออ ซักถามกันเรียบร้อยแล้วออกมา ทราบชัดเจนว่าทองคำเรามีน้อยมาก นั้นละมันถึงได้แผดออกมาเรื่องทองคำ ตั้งแต่บัดนั้นแผดเสียงมาเรื่อยๆ เพราะทองคำเป็นหัวใจของคนไทยทั้งชาติ แล้วเอาไปฝากไว้ที่เมืองใดๆ บ้าง เราถามละเอียดนะ คือการติดต่อซื้อขายกันต้องมีการติดหนี้ติดสินกันเป็นธรรมดา แล้วเอาอะไรรับรองกัน เราก็ถามไป เมืองนั้นฝากไว้เท่าไร เมืองนี้ฝากไว้เท่าไร เขาก็ตอบตามนั้น เราถามรู้สึกว่าไม่ผิดนะ ทีนี้เมืองไทยเรามีเท่าไร สำหรับเมืองไทยที่รับรองตัวเองโดยแท้นั้นมีเท่าไร มีเท่านั้น ใจหายวูบเลย

นี่ละออกมาถึงได้มารบกวนพี่น้องทั้งหลาย แผดเสียงมาตั้งแต่บัดนั้นจนกระทั่งบัดนี้ ขั้นนี้เป็นขั้นที่บิณฑบาตบ้าง ออดอ้อนบ้าง ไม่ใช่มองเห็นหน้าคว้าใส่กระเป๋า ฉีกกระเป๋าออกมา ได้ทองคำแล้วโยนกระเป๋ากลับเอาทองคำไป นี่ออกมาทีแรกเป็นอย่างนั้น คว้ากระเป๋าไหนตีเอาเลย ได้ทองคำไปเลย เดี๋ยวนี้มาอยู่นี้ บิณฑบาตและขอออดอ้อน เราได้ทองคำคราวนี้มาตั้ง ๑๑ ตัน ๓๗ กิโลครึ่ง นี่เข้าคลังหลวงเรียบร้อยแล้ว จากนั้นเราก็ยังไม่สบายใจเพราะเราไปเห็นทองคำเอง เรายังไม่สบายใจเลย จึงต้องมาขอออดอ้อนมาบิณฑบาตกับพี่น้องทั้งหลายอยู่เวลานี้ เพื่อให้เป็นประเภททองคำที่น้ำไหลซึม ค่อยซึมซาบให้มันหนุนกันขึ้นๆ จึงได้รบกวนอยู่เสมอ

เราคิดหมดแล้ว คิดถึงพี่น้องลูกหลานไทยเรา การที่จะมีผู้นำหรือผู้ขวนขวายหาทองคำมานี้มันก็ลำบาก ทั้งผู้ที่จะเดินตามทั้งผู้จะเป็นหัวหน้า ใครสามารถจะเป็นหัวหน้าได้ ใครไม่กล้าแหละ ไม่กล้าง่ายๆ ละเป็นหัวหน้านี่ แล้วผู้ที่จะเดินตามควรจะเดินตามหรือไม่ควร แน่ะ มันมีหัวใจทุกคน ก็เพราะอำนาจแห่งความรักชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ในหัวใจเรานั่นเอง ใครจะทำตามไม่ทำตาม เชื่อไม่เชื่อเราก็ไม่ค่อยคำนึงละ เอ้า จะเป็นผู้นำขึ้นทันทีเลย ใส่ผางตั้งแต่บัดนั้นเรื่อยมาเลย

แล้วก็เดชะนะ ทุกอย่างเป็นไปเรียบร้อยๆ บรรดาพี่น้องทั้งหลายพร้อมเพรียงสามัคคีกัน เงินบาทนี้เป็นหมื่นๆ ล้านนะไม่ใช่ธรรมดา ออกช่วยชาติหมดเลย แล้วดอลลาร์ก็ดูเหมือนได้เข้าเพียง ๑๐ ล้าน ๘ แสนเท่านั้น นอกนั้นก็แยกออกมา ดอลลาร์นี้มาแปรเป็นเงินไทย ช่วยการปลูกสร้างในที่ต่างๆ เฉพาะอย่างยิ่งโรงพยาบาล โรงพยาบาลนี้หนักมากอยู่ ช่วยโรงพยาบาล โรงร่ำโรงเรียน ที่ราชการทางไหนช่วยทั้งนั้น ยกตัวอย่างเช่น เรือนจำลาดยาว สร้างตึกให้สองหลังๆ ละสามชั้น รวมแล้วเป็นเงิน ๔๙ ล้าน นี่ก็เงินของพี่น้องทั้งหลายเข้าไปนั้น และตามที่ต่างๆ อย่างอุดรฯนี่เหมือนกัน อุดรฯมี จังหวัดไหนมี ช่วยไปทุกแห่งทุกหน นี่หมายถึงเงินสด

ส่วนทองคำเรียกว่าร้อยทั้งร้อยไม่แยกไปไหนเลย เข้าทั้งหมดๆ อย่างทุกวันนี้ ประเภทน้ำไหลซึมก็เป็นทองคำล้วนๆ ซึมเข้าไป ไม่ให้แยกไปทางไหนแม้สตางค์หนึ่งไม่ให้มี เข้าในจุดเดียว เราเป็นผู้สั่งงานสั่งการเองไม่ให้เคลื่อน ส่วนดอลลาร์ก็เปลี่ยนมาเป็นเงินไทย เดี๋ยวนี้ดอลลาร์ไม่ได้เข้าแล้ว เราก็บอกไว้แล้วว่าดอลลาร์ต่อนี้ไปไม่แน่นะ เพราะเงินไทยเราจะร่อยหรอลงไปโดยลำดับ ทีนี้การขอความจำเป็นมาจากพี่น้องทั้งหลายทั่วประเทศไทยไม่ได้ลดหย่อนนะ เพราะฉะนั้นจึงต้องเอาดอลลาร์ที่มีมากน้อยเพียงไร มาแปรเป็นช่วยทองคำ ก็เป็นอย่างนั้นมาเรื่อย แล้วก็ดอลลาร์ไม่ได้เข้าคลังหลวงนี่นะ เราพูดยังไงเราคิดแล้วค่อยพูด เช่นดอลลาร์ไม่แน่นะก็บอกไม่แน่อย่างนี้ ส่วนทองคำแน่ตลอด มีเท่าไรๆ แน่หมด

แล้วทองคำนี่ท่านทั้งหลายจะไปหาที่ไหนทองคำ บาทหนึ่งสตางค์หนึ่งไม่เคยมีที่จะรั่วไหลไปไหน หลวงตาควบคุมอย่างเข้มงวดกวดขัน ใครจะได้มาที่ไหนๆ คนที่มาเกี่ยวข้องกับเราต้องเป็นคนหัวใจเดียวกัน คอขาดไปด้วยกันเลยจะเป็นอย่างอื่นไปไม่ได้ ความซื่อสัตย์สุจริตเรียกว่าธรรม ให้เป็นด้วยกันหมด เพราะฉะนั้นทองคำเราได้มามากน้อย จากที่ไหนก็ตามไม่ไปไหนเลย เข้าปุ๊บๆเลย เพราะเราเรียกว่าเป็นความสัตย์ความจริงเต็มหัวใจ อะไรจะบกพร่องไปไม่ได้ถ้าเรายังควบคุมอยู่

เวลานี้ได้มากแล้วนะ ทองคำเราก็ได้ตั้ง ๑๑ ตัน ๓๗ กิโลครึ่ง อันนี้ก็ ๑๖๐ หรือเกือบ ๒๐๐ หือ (๒๐๐ กว่ากิโลแล้วครับ) เอ้อ ดูเหมือนจะ ๒๐๐ กว่า นี่ละทองคำที่ประเภทน้ำไหลซึม เราเพิ่มขึ้นมาๆ ได้ ๒๐๐ กว่ากิโลแล้ว เพราะเราเป็นห่วงพี่น้องลูกหลานไทยเรา เวลาเราตายไปนี้จะอาศัยอะไร ก็อาศัยดังที่เคยอาศัยมาแล้ว ใครหามาไว้ถึงได้อาศัย ทีนี้เมื่อไม่มีผู้หามาไว้อีกจะอาศัยได้ยังไง เราก็พอเป็นไปได้อยู่จึงได้รบกวนบรรดาพี่น้องทั้งหลายเรื่อยมาอย่างนี้ เพราะมันแหว่งๆ อยู่ในใจเรื่องทองคำ เราไปเห็นเอง จึงค่อยๆหนุนขึ้นๆ สำคัญมากนะทองคำเป็นเครื่องประกันชาติไทยของเราได้อย่างดีเยี่ยมเลย เราจึงต้องอุตส่าห์พยายาม

ส่วนดอลลาร์ก็เท่านั้นละคงไม่ได้อีกแหละ ถ้ามันไม่มากก็ไม่เข้า ถ้ามันมากจะแบ่งเข้านะ ถ้าไม่มากออกช่วยคนทั้งประเทศเลยเป็นเงินไทยๆ ออก เราพูดอะไรเป็นอย่างนั้นนะ คือก่อนที่จะพูดอะไรออกมาพิจารณาเรียบร้อยแล้วด้วยเหตุด้วยผล แล้วพูดมาตามนั้นก็เป็นไปตามนั้นๆ เช่นอย่างดอลลาร์นี่ไม่แน่นะ ก็ไม่แน่จริงๆ คือเงินไทยเรามันไม่พอ ได้มาเท่าไรก็ต้องหมุนมาช่วยกันๆ นี่ละที่ว่าไม่แน่ ส่วนทองคำเด็ดขาดไว้แล้ว เท่าไรก็ตามทองคำต้องเป็นทองคำวันยังค่ำเข้าสู่คลังหลวงตลอดเลย อันนี้แยกไปไหนไม่ได้ บอกว่าหนึ่งเลยอันนี้ ส่วนดอลล่าร์แยกโน้นแยกนี้ ส่วนเงินไทยกระจายหมดอย่างนั้นละ

ที่เราช่วยพี่น้องทั้งหลายเราช่วยเต็มเม็ดเต็มหน่วยจริงๆ เราไม่เอาอะไรในโลกอันนี้ เราพูดจริงๆ ด้วยอำนาจแห่งการปฏิบัติธรรมซึ่งเป็นธรรมชาติที่พอได้นะ ส่วนกิเลสตัณหาไม่มีคำว่าพอ มีเท่าไรไม่พอ เหมือนไฟได้เชื้อ ได้เท่าไรมานี้เหมือนเอาเชื้อไฟไสเข้าไปๆ ไฟจะแสดงเปลวขึ้นจดเมฆ ความอยากความทะเยอทะยานมันเหมือนไฟ มันลุกลามเรื่อย ไสอะไรเข้าไปเหมือนไสเชื้อไฟเข้าไปสู่ไฟ ลุกลามๆ แต่ธรรมไม่เป็นอย่างนั้น ธรรมได้ขั้นใดพอใจๆ เป็นระยะๆ จนกระทั่งถึงขั้นสูงสุดวิมุตติพระนิพพาน ธรรมกับใจเป็นอันเดียวกันโดยสมบูรณ์แล้ว หมด ความหิวความโหยไม่มี ต้องการอะไรไม่มี ปล่อยโดยสิ้นเชิง มีแต่ความพอ พอด้วยความเลิศเลอไม่ใช่พอธรรมดา เราปฏิบัติอย่างนั้นเวลานี้

เราช่วยชาติบ้านเมืองเราไม่เอาอะไรกับใคร เช่นอย่างดีดอย่างดิ้นอยู่อย่างนี้ ใครจะไปดีดดิ้นมากยิ่งกว่าเรา ดีดดิ้นตลอด ก็เพื่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ เราไม่เอาอะไรเลยนะ ไม่เอาเลย นี่ละเราตั้งใจขนาดนั้นเกี่ยวกับชาติบ้านเมือง เพราะฉะนั้นอะไรที่จะมาแตะต้องมาทำลายชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ เราจึงออกรับ ทนไม่ได้นะใส่ปั๋งๆ เลยทันที ผู้หนึ่งรักษาอยู่ ผู้หนึ่งมาทำลายทำไม นั่น ผู้รักษารักษาแทบล้มแทบตาย ผู้หนึ่งจะมาทำลายมีอย่างเหรอ นั่นที่มันฟัดมันเหวี่ยงกัน ทั้งชาติทั้งศาสนาเราเลยอยู่จุดศูนย์กลางนะ มาทางชาติก็เห็นไม่ชอบมาพากลอะไร เอาละนะเปรี้ยงเลย ทางศาสนาก็เหมือนกันเราเลยอยู่จุดศูนย์กลางเข้าใจไหมล่ะ อีตาบัวมันเข้าไปอยู่จุดศูนย์กลางเมื่อไร เพราะเรารับผิดชอบหมดนี่ ทั้งชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ใครมาแตะไม่ได้ ความหมายว่างั้น วันนี้ก็มีเท่านั้นละ

เจดีย์วัดอโศการามก็อยู่ในหัวอกเรา เรารับหมดนะเจดีย์วัดอโศการาม เราสั่งท่านทองแล้วพูดให้ชัดเจนเสียเลย เรื่องงานนี้อย่าให้ชะงักนะบอก ให้ทำจนตลอดไม่ให้มีหยุดชะงัก ว่าขาดนั้นขาดนี้ เอาขาดทางไหนขาดไป ลูกศิษย์ลูกหาลูกตถาคตมีเต็มบ้านเต็มเมือง เราจะไปฆ่ามันหมดละถ้าลงเจดีย์นี้ขึ้นไม่ได้ จะฆ่าคนก็ฆ่าตอนนี้ละ บอกให้เอาเลย ก็เรารับแล้วนี่เห็นไหมล่ะ ให้ทำไม่หยุด การเงินการทองจะพิจารณาเต็มกำลังความสามารถ เพราะเราเทิดทูนครูบาอาจารย์ทั้งหลาย นี่เราจะพยายามอาราธนาครูบาอาจารย์ทั้งหลายที่เป็นเพชรน้ำหนึ่งๆ ซึ่งมรณภาพไปแล้วอัฐิของท่านกลายเป็นพระธาตุ แล้วจะอาราธนาท่านมารวมที่นั่นหมดเลย

เราจะให้วัดอโศการามเป็นจุดศูนย์กลางแห่งประเทศไทยของเรา ที่ได้เพชรน้ำหนึ่งๆ มาเป็นเจดีย์กราบไหว้บูชาเหมือนครั้งพุทธกาล ครั้งพุทธกาลคือพระอรหันต์ท่าน เวลามรณภาพแล้วอัฐิของท่านเป็นในที่ต่างๆ จะเก็บไว้ที่ไหนก็แล้วแต่ แต่เรานี้จะเก็บไว้ที่วัดอโศการาม มีมากมีน้อยเราจะไปอาราธนาเอามาหมดนั่นละ ที่ท่านล่วงไปแล้วอัฐิของท่านกลายเป็นพระธาตุๆ จะมารวมไว้หมด เพราะฉะนั้นจึงเร่งเครื่องเต็มที่ เอาๆ เรื่องงานไม่ให้หยุด นี่เรารับรองยืนยันไปแล้วไม่ให้หยุดงาน ไม่ให้หยุดชะงัก เรื่องเงินไม่ยากละเราไปหาตีตามกระเป๋าไหน เห็นคนเราจะมองดูกระเป๋าก่อน เราจะไม่มองดูคนพอเห็นคนปั๊บเราจะสอดเข้าไปในกระเป๋าก่อนคว้ามับเลย เอาละพอใจ

 

รับฟังรับชมพระธรรมเทศนาของหลวงตา ได้ที่

www.Luangta.com หรือ www.Luangta.or.th

และรับฟังจากสถานีวิทยุสวนแสงธรรม กรุงเทพฯ และสถานีวิทยุอุดร

FM 103.25 MHz


** ท่านผู้เข้าชมทุกท่านโปรดทราบ
    เนื่องจากกัณฑ์เทศน์บางกัณฑ์มีความยาวค่อนข้างมาก ซึ่งจะส่งผลต่อความเร็วในการเปิดเว็บไซต์ ขอแนะนำให้ทุกท่านได้อ่านเนื้อหากัณฑ์เทศน์บางส่วนจากเว็บไซต์ และให้ทำการดาวน์โหลดไฟล์กัณฑ์เทศน์ที่มีนามสกุล .pdf ไปเก็บไว้ในเครื่องของท่านแทนการอ่านเนื้อหาทั้งหมดจากเว็บไซต์

<< BACK

หน้าแรก