เทศน์อบรมฆราวาส ณ วัดป่าบ้านตาด
เมื่อวันที่ ๑๐ กันยายน พุทธศักราช ๒๕๔๘
สิ่งที่เราดีดดิ้นอยู่เวลานี้พึ่งไม่ได้
ก่อนจังหัน
วันนี้วันเสาร์เป็นวันว่าง ทางศาสนาอื่นเขาเรียกว่าเป็นวันว่างเพื่อศาสนาเขา ศาสนาของเราก็เอาวันว่างนี้เข้ามาสร้างความดีแก่เรา โลกนี้ถ้าไม่มีศาสนาเป็นเครื่องพร่ำสอนแล้วจมไปด้วยกัน มีศาสนาค่อยยังชั่วหน่อย คือแนะนำในทางที่ถูกที่ดี ถ้าไม่มีเลยแล้วก็มีแต่ทางชั่วทั้งนั้นแหละ เพราะกิเลส กิเลสคือสิ่งที่เป็นพิษเป็นภัยอยู่ภายในใจ ให้ท่านทั้งหลายจำเอาไว้นะ ไม่มีใครรู้ได้เห็นได้นอกจากพระพุทธเจ้าพระองค์เดียว เป็นพระองค์แรกเท่านั้นที่เห็นมหาภัย ซึ่งเป็นโรคเรื้อรังประจำวัฏภพ คือกิเลสตัวนี้มันทำให้สร้างกรรม สร้างกรรมส่วนมากกิเลสจะสร้างแต่ความชั่วช้าลามก ส่วนธรรมแทรกอยู่ในนั้น กรรมสร้างความดีงาม
วันนี้เป็นวันที่ว่าง เรามองเห็นบรรดาพี่น้องทั้งหลายเข้าวัดเข้าวาเพื่อศีลเพื่อธรรมนี้เราปลื้มอกปลื้มใจ ยังจะมีผู้ที่จะพ้นจากแหล่งนรกเผาคนทั้งเป็นอยู่บ้างเหรอ อยากว่างั้นนะ มันรื่นมันเริงมันเพลิดมันเพลินมันอะไรก็ไม่รู้ ความรู้ที่เรียนมาทั้งหมดมันเป็นเรื่องความรู้ของกิเลสและเป็นฟืนเป็นไฟ แสดงออกด้วยความโลภ โลภไม่รู้จักเป็นจักตาย ไม่มีป่าช้า ทั้งๆ ที่จะตายด้วยกันทุกคนนั่นแหละไม่ว่าสัตว์ว่าบุคคล ในโลกอันนี้เกิดแล้วต้องตาย มันก็ไม่เห็นป่าช้าของตน นั่งเต็มศาลาอยู่นี้ป่าช้ามีทุกคน ท่านทั้งหลายเห็นไหม
ผู้เทศน์อยู่เดี๋ยวนี้ก็ป่าช้าอยู่ในนี้ เป็นแต่เวลานี้ยังไม่ตายยังไม่เป็นป่าช้า เป็นป่าช้าผีดิบ ยังไม่เป็นป่าช้าผีตายผีเน่า พอลมหายใจขาดเท่านั้นตายหมดด้วยกันไม่มีเหลือ เพราะฉะนั้นอย่าคะนองนะ อย่าเย่อหยิ่งจองหองเหยียบหัวพระพุทธเจ้าที่ทรงสอนให้รู้ป่าช้าของตนเอง แล้วสร้างความดีงามเข้าใส่ตน จะมีทางยึดทางเกาะ ถ้าเย่อหยิ่งจองหอง นั่นเป็นเรื่องของกิเลส จะสร้างตั้งแต่ความชั่วช้าลามกเต็มหัวใจๆ ตายแล้วจมนรก ใครพูดไว้ว่านรกมี เปรต ผี อสุรกาย มี ใครพูดไว้ คนตาบอดหูหนวกคนไหนสามารถพูดได้ ก็คือพระพุทธเจ้าแต่ละพระองค์ๆ ที่ทรงสร้างบารมีมา ทุกข์แสนสาหัสก็คือพระพุทธเจ้า ที่เรียกว่าพระโพธิสัตว์ สัตว์เพื่อจะตรัสรู้เป็นศาสดาเอก เรียกว่าโพธิสัตว์ๆ
พระโพธิสัตว์นี้เองที่สร้างบารมีเต็มแล้ว ตรัสรู้ขึ้นมานี้กระจ่างแจ้งไปหมด สิ่งเหล่านี้มีมาดั้งเดิมกี่กัปกี่กัลป์แต่ไม่มีใครเห็น ใครก็โดนเอาๆ ตกลงจมไปๆ ผู้ไปก็ไปแล้วไม่ได้มาบอกกัน ผู้ไปก็ไปเรื่อยตกนรกหมกไหม้ อันนี้คือศาสดาสอน คำว่า สฺวากฺขาโต ภควตา ธมฺโม แปลว่ายังไง ท่านทั้งหลายสวดอยู่ทุกวัน สฺวากฺขาโต ก็คือว่า พระธรรมอันพระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสไว้ชอบแล้ว ตรัสไว้ดีแล้ว ไม่มีข้อโต้แย้ง เรียกว่าพระธรรม เป็นความถูกต้องดีงาม ย่นลงมาสรุปลงมาว่า สวากขาตธรรม ตรัสไว้ชอบแล้ว
ในโลกนี้ใครตรัสชอบใครพูดชอบ พูดถูกต้องดีงามเหมือนพระพุทธเจ้า บอกชัดๆ เลยว่าไม่มี มีพระพุทธเจ้าเท่านั้น นอกนั้นมีแต่พวกจอมปลอมๆ กิเลสเต็มหัวใจเต็มใจ แสดงออกมามีแต่ความจอมปลอมและเต็มไปด้วยฟืนด้วยไฟทั้งนั้นแหละ ไม่มีใครจะพูดถูกต้องแม่นยำได้ยิ่งกว่าพระพุทธเจ้า ให้พากันยึดหลักธรรมของพระพุทธเจ้า ถ้าอยากมีที่ยึดที่เกาะมีที่หวัง ที่เราหวังไว้สิ่งที่จะให้เราสมหวังก็คือความดีงาม ซึ่งเราทำตามพระพุทธเจ้านั่นแหละ เราจะได้อันนี้แหละเป็นที่เกาะที่ยึดที่พึ่งเป็นพึ่งตาย
สิ่งที่เราดีดเราดิ้นอยู่เวลานี้ไม่ได้พึ่งมันนะ มีแต่กิเลสหลอกไปๆ อันนั้นก็ดีอันนี้ก็ดี เจ้าของชั่วเจ้าของเลวขนาดไหนไม่ดู ดูแต่อันนั้นดีอันนี้ดี บทเลวมาเลวอยู่กับผู้ที่ไปสำคัญนั่นละ ไม่ได้ดูเจ้าของซี ความเลวอยู่กับเจ้าของ ความดีอยู่กับสิ่งที่หวัง อันนั้นก็ดี อันนี้ก็ดี จำให้ดีพิจารณาให้ดี
วันนี้เห็นบรรดาพี่น้องลูกหลานทั้งหลายเข้ามาวัดมาวา ซึ่งเป็นวันเสาร์เป็นวันว่าง คำว่าว่างก็ว่างจากงานภายนอกที่เราดีดดิ้นมาเป็นประจำ ให้ว่างเข้ามาสู่ภายใน คือขวนขวายหาความดีใส่ตน ใจนี้ไม่ตาย ใครพูดแม่นยำ ใจไม่ตาย โลกทั้งหลายพูดว่าตายแล้วสูญๆ นี่พวกโลกตาบอด ตัวมันนั่นละตัวนักเกิดแก่เจ็บตาย ไม่มีใครเกินพวกนี้ พวกที่ว่าโลกตายสูญๆ มันไม่สูญ ไปเสวยกรรมชั่วช้าลามกตามความสำคัญของตนนั่นแหละ
พระพุทธเจ้าว่า ตายแล้วเกิดๆ ทุกฺขํ นตฺถิ อชาตสฺส ทุกข์ย่อมไม่มีแก่ผู้ไม่เกิด ฟังซิ เกิดก็คือเกิดกองทุกข์ขึ้นมาพร้อม นี่ใครเป็นผู้แสดงไว้ พระพุทธเจ้าเหมือนว่าห่างว่าไกล ย่นเข้ามาหานักปฏิบัติดูที่หัวใจเจ้าของซึ่งเป็นนักท่องเที่ยว มันแสดงกิริยาอาการอะไร ส่วนมากต่อมากแสดงตั้งแต่ความเพลิดเพลินรื่นเริง อันเป็นฟืนเป็นไฟจะเผาไหม้ตนทั้งนั้นแหละ จะแสดงมาเป็นน้ำเป็นท่าคืออรรถคือธรรมนี้มีน้อยมาก
ที่พระพุทธเจ้าทรงสอนไว้ทรงขยะแขยงมากที่สุด สั่งสอนสัตว์โลก สัตว์โลกไม่ยอมเชื่อ ปีนหัวพระพุทธเจ้าไป เหยียบหัวพระพุทธเจ้าไป ด้วยการทำความชั่วช้าลามก ฝืนธรรมฝืนวินัย พวกนี้พวกเหยียบหัวพระพุทธเจ้า แล้วก็จมลงในนรก เจ้าของสำคัญว่านรกไม่มีๆ ไอ้พวกที่ว่านรกไม่มีนี้ละจะเป็นนายห้างใหญ่ เหมานรกทั้งหมดเลย นรกมีกี่หลุมๆ นายห้างใหญ่นี้จะไปเหมาหมด นายห้างสร้างความทุกข์ทั้งหลายเหยียบหัวพระพุทธเจ้าไป ไม่ยอมเชื่อพระพุทธเจ้าจมนะ ท่านทั้งหลายให้จำ ขึ้นเวทีจิตตภาวนาถึงรู้ได้ชัด เพียงเรามาฟังเฉยๆ มาจำเฉยๆ เชื่อเฉยๆ ลอยๆ นะ ถ้าลงได้เชื่อด้วยความรู้จริงเห็นจริงจากการปฏิบัติที่เรานำคำสอนพระพุทธเจ้ามาปฏิบัติ ผลปรากฏขึ้นมาๆ อันนี้ค้านไม่ได้ ค้านไม่ได้เลย พระพุทธเจ้าทรงรู้ทรงเห็นยังไง ก็ไปตามรอยพระบาทของพระพุทธเจ้า ก็รู้เห็นไปตามกำลังของตนในธรรมทั้งหลาย บาป บุญ นรก สวรรค์ รู้ๆ เข้าไปโดยลำดับ แล้วใครจะไปกล้าโดดลงนรกได้ลงคอ
ตั้งแต่หม้อน้ำร้อนใครจะไปกล้าโดดลง มีไหมไม่มี นี้หม้อนรกกว้างแคบขนาดไหน แล้วสัตว์โลกจมอยู่นั้น มีแต่พวกกล้าหาญทั้งนั้นที่จมในนรก กัปใดกัลป์ใดกว่าจะได้ฟื้นขึ้นมา ครั้นฟื้นขึ้นมาแล้วลืมตัวอีกสร้างอีก ลงอีก ผู้ที่ไม่ลืมตัวค่อยดีดขึ้นมาๆ กลายมาเป็นมนุษย์ก็ไปสวรรค์ สวรรค์ ๖ ชั้น พรหมโลก ๑๖ ชั้นไว้เพื่อใคร ก็ไว้เพื่อคนดี มีภาชนะสำหรับรับรองคนชั่วคนดี สำหรับรับรองคนชั่วคือนรก ๒๕ หลุม ใครมาแสดงบอกได้ พระพุทธเจ้าว่ามี ๒๕ หลุม แล้วปลีกย่อยยังมีอีกเยอะ ส่วนใหญ่มี ๒๕ หลุม
เหล่านี้ศาสดาองค์เอกเท่านั้นเป็นผู้รู้ผู้เห็นแล้วสอนบอกโลก สวรรค์ ๖ ชั้น พรหมโลก ๑๖ ชั้น นิพพานสุดยอด นี้ศาสดาองค์เอกสอน สิ่งเหล่านี้เราจะพิสูจน์ด้วยการเรียนการจดจำไม่ได้ ต้องมีภาคปฏิบัติ ภาคปฏิบัติพระพุทธเจ้าสอนอย่างนั้นๆ ให้ปฏิบัติตามนั้น เช่นพระที่ท่านเข้าอยู่ในป่าในเขา ปฏิบัติตามทางของศาสดา สิ่งเหล่านี้ปิดไม่อยู่ จะรู้ รู้มากรู้น้อยจะรู้ตามกำลังความสามารถของตนนั้นแหละ จนกระทั่งทะลุถึงนิพพาน มีอยู่กับทุกคน สิ่งเหล่านี้ทั้งดีทั้งชั่วมีอยู่กับทุกคนผู้สนใจสร้าง สร้างดีได้ดี สร้างชั่วได้ชั่ว ถ้าใครสนใจสร้างความชั่วก็จมไปๆ จะหวังเท่าไรไม่มีความหมาย เพราะการกระทำนั้นมีอำนาจมากที่สุด
ในโลกนี้ไม่มีอะไรเหนือกรรม ท่านแสดงไว้เป็นบทบาลีว่า นตฺถิ กมฺมสมํ พลํ ไม่มีสิ่งใดจะมีอานุภาพมากยิ่งกว่ากรรม ฟังซิน่ะ ในโลกอันนี้ไม่มีสิ่งใดจะมีอานุภาพมากยิ่งกว่ากรรม กรรมคือกรรมดีกรรมชั่ว ทำลงไปแล้วกรรมนั้นแหละมาครอบหัวตัวเอง ใครจะเย่อหยิ่งจองหองต่อกรรมทั้งหลายให้เย่อหยิ่งไป พอลมหายใจขาดเท่านั้นลากลงนรกนี้ขาขาดไปเลย ลงนรกไม่ทันเขา เขาลากพวกจ่านรก เขาลากไป เราอยากขาขาดไหม ถ้าอยากขาขาดให้ทำชั่วมากๆ แล้วให้จ่านรกมาลากไป ยมบาลมาลากไป ลงไม่ทัน ขาขาดๆ แต่มีสองขานี้มันก็อยากได้สิบขา อยากวิ่งเพลิดเพลิน ได้สนุกสนานรื่นเริง มีสองขาจ่านรกลากไปขาดสะบั้น กว่าจะถึงนรกขาขาดแขนขาด หัวขาด คอขาด ยังเหลือแต่ใจที่เป็นไฟทั้งดวงแล้วไปจมลงในนรก
ท่านทั้งหลายไม่เชื่อพระพุทธเจ้าจะเชื่อใคร ถ้าลงไม่เชื่อพุทธศาสนานี้แล้วหมดราคา จำให้ดีคำนี้ ถ้าไม่เชื่อพุทธศาสนา พุทธศาสนาเป็นศาสนาชั้นเอก ผู้เป็นเจ้าของศาสนาเป็นผู้สิ้นกิเลสโดยสิ้นเชิง สว่างกระจ่างแจ้ง อาโลโก อุทปาทิ สว่างจ้าตลอดเวลา โลกวิทู รู้แจ้งหมดตลอดทั่วถึงในโลกทั้งหลาย นี้คือศาสดาองค์เอก ถ้าใครเชื่อนี้แล้วให้บึกบึนไป เฉพาะอย่างยิ่งให้หมุนเข้ามาจิตตภาวนาดูซิน่ะ ถ้าลงเข้ามาจิตตภาวนา ยังไงก็ได้ร่องรอยที่ศาสดาทรงรู้ทรงเห็นไม่มากก็น้อย ได้จนกระทั่งเต็มวาสนาเต็มหัวใจตามวาสนาของเรานั่นแหละ
ผู้ที่ได้รู้เห็นอันนี้แล้ว ยอมกราบพระพุทธเจ้าๆ ไม่เห็นองค์พระพุทธเจ้าก็ตาม ก็คือสิ่งผิดถูกดีชั่ว เป็นพระวาจาที่พระพุทธเจ้าทรงสอนแล้ว ออกมาจากพระองค์เอง นั่นละเป็นพยาน นักปฏิบัติจิตตภาวนายิ่งจิตมีความสูงส่งเข้าไปเท่าไรๆ กราบพระพุทธเจ้าราบๆ เห็นชัดๆ ตามองค์ศาสดา อ๋อ ท่านไม่ได้โกหกโลก มีแต่กิเลสโกหกโลก วิ่งจมไปกับมันนี้มากต่อมาก ผู้ที่จะวิ่งตามพระพุทธเจ้าให้รอดพ้นจากอันตรายทั้งหลายไม่ค่อยมี ท่านทั้งหลายให้จำนะ พิจารณานะ
เราจวนจะตายแล้วพูดนี้อย่างอาจหาญชาญชัย นรกมีหรือไม่มี เอาไฟมาจี้ตัวเองเดี๋ยวนี้ก็รู้ เอาๆ ไฟมาจี้ลองดู ไม่ต้องไปถึงนรก ไม่ต้องไปถึงครัวไฟต้มน้ำร้อน เอาไฟในนั้นมาจี้ลองดู จี้ตรงไหน อยู่สงบอย่างนี้แหละ จี้รายไหนมันจะโดดผึงๆ นั่นละไฟนรก เข้าใจไหม ร้อนหรือไม่ร้อนไฟนรก เพียงเท่านี้มันก็ดีดแล้วคนเรา เรายังจะไปหาญเก่งกว่าศาสดาอยู่เหรอ โลกอันนี้ก็ว่าศาสดาองค์เอก แล้วใครจะไปเก่งกว่าศาสดา มันเก่งเพื่อจมทั้งนั้นนะ ให้พากันจำ
พระก็ให้ตั้งใจประพฤติปฏิบัติ สติเป็นของสำคัญ เราสอนเน้นหนักตลอดเวลา ขอให้มีสติติดกับตัวกิเลสเกิดไม่ได้ มันจะอยู่ข้างในก็ถูกขังไว้ด้วยสติ จำให้ดี สติเป็นสำคัญมากทีเดียว กิเลสจะมีมากน้อยถ้าสติตั้งมั่นอยู่แล้วปิดปากมัน มันออกไม่ได้ ปากรูของมันช่องของมันที่มันออก สังขารความคิดความปรุง อยากรู้อยากเห็นอย่างนั้นอย่างนี้ ออกไปจากสังขารที่มีอวิชชาดันออกมา สติตีปากคอกเอาไว้ไม่ให้มันออก หรือปิดช่องปิดรูมันไว้ไม่ให้มันออก แล้วจิตใจก็ค่อยสงบร่มเย็นๆ ถ้ากิเลสไม่มากวนใจ พากันจำนะพระ อย่าเร่อๆ เร่ๆ นะ
พระเราเป็นพระที่จะทรงมรรคทรงผล เป็นแนวหน้าของผู้ปฏิบัติอรรถธรรม เป็นแนวหน้าที่จะไปมรรคผลนิพพานคือพระ ไม่มีการงานอะไร ประชาชนเขาอุ้มหมดเลย ไม่ว่าที่อยู่ที่กินที่หลับที่นอน ที่ขบที่ฉัน พระเลยกลายเป็นพระที่ฟุ้งเฟ้อเห่อเหิมลืมเนื้อลืมตัว เขาเลี้ยงดูมา เป็นอาหารการกินของเขามาเลี้ยงดู กินแล้วแทนที่จะภาวนา ตั้งใจประพฤติปฏิบัติ รักษาศีลรักษาธรรม เลยลืมเนื้อลืมตัว ฟุ้งเฟ้อเห่อเหิม กลายเป็นมีแต่หัวโล้นๆ ใช้ไม่ได้นะพระเรา
เวลานี้พระเราเป็นอย่างนี้ ไปที่ไหนเขาไม่อยากดูอยากเห็นพระ มองดูพระแล้วสลดสังเวช มองดูสัตว์ดูบุคคลดูต้นไม้ภูเขาไม่ค่อยสลดสังเวช แต่มองดูพระสลดสังเวช อย่างพระผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบมองกันดูกัน ดูเด็กน่ารักน่าเมตตาสงสารแบบหนึ่ง ดูสัตว์น่าเมตตาสงสารแบบหนึ่ง ดูผู้ใหญ่น่าเมตตาสงสารแบบหนึ่ง แต่เวลามาดูพระด้วยกัน หัวโล้นๆ ผ้าเหลืองๆ เลยกลายเป็นพระนรกอเวจี ดูกันไม่ได้สะเทือนหัวใจมาก ระหว่างพระปฏิบัติดีปฏิบัติชอบกับพระอลัชชีไม่มียางอาย ดูกันไม่ได้นะ
เพราะฉะนั้นพระที่ว่าแตกกันๆ เป็นเพราะอะไร เพราะดูกันไม่ได้ ทนดูกันไม่ได้ ผู้หนึ่งรักษาความสะอาด ชำระซักฟอกตลอดเวลา คนหนึ่งมีแต่มูตรแต่คูถเต็มเนื้อเต็มตัว เดินไปที่ไหนฉากไปที่ไหนมันก็สกปรก พระก็ขยะๆ แตกกระจัดกระจาย ถ้าพระอลัชชีไปที่ไหน พระดิบพระดีแตกกระจัดกระจาย เวลานี้มีในเมืองไทยเราไหม นี่ละที่โลกเขาไม่อยากดู เขาก็มอมแมมพอแล้ว วิ่งเข้าไปอาศัยพระ ให้พระชะพระล้างให้ พระก็เป็นหมูตัวหนึ่ง ขึ้นมาจากโคลนจากตม แล้วต่างคนต่างเป็นหมู ต่างคนต่างเป็นหมาด้วยกันแล้วใครจะเป็นคนล่ะ ไม่มีใครเป็นคนนะ จำให้ดี วันนี้เทศน์เพียงเท่านี้
หลังจังหัน
เมืองกาญจน์หลวงตาเคยไปเสมอ ส่วนมากไปวัดป่าหลวงตาบัว วัดเสือ ที่เป็นวัดป่าหลวงตาบัวขึ้นมาก็เพราะเขาถวายที่ที่นั่นให้เป็นวัด เขาถวายที่ให้เราสร้างวัด เราจึงให้พระท่านมาอยู่ สร้างวัดนั้นขึ้นมา ต่อไปสร้างวัดแล้วแทนที่พระจะเข้ามาๆ เลยกลายเป็นเสือเข้ามาประจำวัด วัดนั้นเลยกลายเป็นวัดเสือไป น่ารักไหมล่ะเสือ เขาไม่ทำไมกับใครนะเสือ เราถามเขาเคยทำไมใครไหม ว่าไม่เคย ดูเหมือนสิบกว่าตัวนะ เวลาเรามีโอกาสว่างเราก็ไปวัดเสือ ไปเยี่ยมวัดเสือ
เวลานี้เขากำลังจะสร้างที่ให้เสืออยู่ สร้างเป็นอุโมงค์ กะไว้ ๓๐ ไร่ให้เป็นทำเลของเสืออยู่ว่างั้น อยู่ในความดูแลของคนของพระ เดี๋ยวนี้ได้ทำห้องให้เขาอยู่เป็นห้องๆ แล้วต่อไปนี้จะสร้างที่ให้เขาอยู่ เป็นถ้ำเป็นอะไรก็แล้วแต่ ที่ประมาณ ๓๐ ไร่ ให้เป็นที่อยู่ของเสือ มันจำเจ้าของได้แม่นยำมากนะ เช่นจำท่านจันทร์ พอมองเห็นปั๊บตาจับปุ๊บเลย คือเขาจำได้ เจ้าของเขามา พอเดินผ่านมาเขามองเห็นปั๊บเขาจะจับจ่อ คือตาเขาจ่อ เขารู้แล้ว
วัดป่าบ้านตาด เนื้อที่เฉพาะกำแพงข้างใน ๑๖๓ ไร่ เป็นกำแพงสองชั้น ชั้นแรกกำแพงเดิม ชั้นที่สองเขาซื้อถวาย เลยต่อกำแพงไปครอบข้างนอกอีก เลยกลายเป็นกำแพงสองชั้นไป แต่ก่อนมีชั้นเดียว ในบริเวณนี้เราจะให้คนเข้ามาเกี่ยวข้องเฉพาะบริเวณที่เห็น จากนี้ออกข้างนอก เข้าไปข้างในเป็นทำเลของพระภาวนา จากนี้ไป ที่ ๑๖๓ ไร่ ออกจากนี้ไปกี่ไร่ ไม่กี่ไร่นะ จากนั้นเป็นเนื้อที่ของพระบำเพ็ญภาวนาทั้งนั้น เราจึงไม่ให้ใครเข้าไป นั่นเขียนบอกไว้ว่า ห้ามเข้าๆ คือทำเลของพระภาวนา ไม่มีใครไปยุ่งได้เลย ให้ท่านภาวนา จากนี้สถานที่นี้เป็นเรื่องของประชาชนออกสาธารณะ ออกไปข้างนอก เข้าไปข้างในเป็นที่ของพระท่าน ท่านมาภาวนาจริงๆ มีพระหลายประเทศด้วย
สำหรับเมืองไทยเรานี้มีทุกภาค พระอยู่ที่นี่มีทุกภาคเลย อยู่ที่วัดป่าบ้านตาด แล้วหลายประเทศอยู่ที่นี่ พระฝรั่งเราก็รับมากไม่ได้ รับได้พอประมาณๆ ทางพระไทยเราก็รับได้ทุกภาค แบ่งสันปันส่วนให้เสมอกันในวัดนี้ เพราะฉะนั้นวัดนี้จึงมีพระไทยเราอยู่ทุกภาค ทุกภาคมารวมกันอยู่นี้ แล้วเมืองนอกก็เมืองนั้นเมืองนี้ มารับไว้พวกฝรั่ง อันนี้เราก็ไม่รับมาก รับให้พอดีๆ
สถานที่นี่เรียกว่าเป็นสถานที่อบรมจิตใจ กายวาจา ความเคลื่อนไหวไปมาของผู้ปฏิบัติรักษาศีลธรรม นี่เรียกว่ารักษาศาสนา ที่นี่มีขอบมีเขตการประพฤติตัว เพราะฉะนั้นจึงได้เขียนป้ายไว้ข้างนอก ป้ายหนึ่งไม่พอ เห็นไหมล่ะเข้ามา หรือไม่ได้อ่าน เขาติดป้ายเขียนไว้ ผ้าขาวๆ สามผืน ข้างประตูทางนี้ก็เขียนๆ ในประตูเข้ามาก็เขียน เป็นผ้าขาว เขียนไว้ว่า ที่นี่เป็นวัด เป็นสถานที่ภาวนาเพื่อความสงบใจ ไม่มีกิจธุระจำเป็น ไม่ควรมาเที่ยวเพ่นพ่าน แต่เวลาเขาเข้ามาเขาจะอ่านหรือไม่อ่านก็ไม่รู้ เพ่นพ่านเต็มเหนี่ยวแล้วถึงออกไปอ่านแล้วก็ไปเลย กลัวจะเป็นอย่างนั้น เขาคงไม่อ่านพวกนี้ เข้ามาเสียก่อน แล้วถึงจะไปอ่าน เพ่นพ่าน โธ่ นี่ท่านไม่ให้เพ่นพ่าน ไปพวกเรา ไปเลย ความจริงแหลกหมดแล้ว เป็นอย่างนั้นนะ นี่ละขอบเขตรักษาใจเป็นสำคัญ
คือใจนี้เป็นตัวคึกตัวคะนอง ตัวฟืนตัวไฟ มหาเหตุอยู่ที่ใจ อะไรจะมาระงับสิ่งเหล่านี้ไม่ได้นอกจากธรรม จึงต้องอาศัยธรรมอาศัยศาสนามาแนะนำสั่งสอนอบรม แล้วฝึกหัดเข้าสู่ใจ ไม่ให้ใจคึกใจคะนอง กายวาจาความประพฤติหน้าที่การงานก็จะเรียบร้อย ถ้าใจคึกคะนองเหลวไหลไปหมด ยกตัวอย่างใกล้ๆ นี้ละ เป็นตัวอย่างไม่ใช่นิทาน ถ้าว่านิทานก็นิทานสด ไอ้ผัวขี้เหล้า เมียนี่ไม่ยอมให้จับเงิน เมียเป็นคนรักษาเงินเอง ถ้าอยากได้เงินไปไหนๆ ต้องมาขอกับเมีย เมียก็ไล่เบี้ย จะเอาไปไหนๆ ว่าเอาไปอันนั้นๆ เท่านั้นก็ให้จำเพาะ เข้าใจไหม ถ้าให้มากกว่านั้นมันเอาไปถลุงหมด เมียต้องเป็นผู้บังคับบัญชา
จะไปจ่ายไปซื้ออะไรๆ เมียต้องไปเอง ถ้าผัวไปแหลกไปหมด วันนั้นเมียติดธุระเลยให้ผัวไปจ่ายตลาด วันนี้จำเป็นจริงๆ ให้ผัวไปจ่ายตลาด เอาเงินมอบให้ผัวไปจ่ายตลาด พอได้เงินแล้วมันก็ไปจ่ายตลาด ไปเตลิดเปิดเปิงเงียบเลย จนกระทั่งบ่าย ๔ โมงมันถึงมา คือมันไปจ่ายตลาดตั้งแต่เช้า เมียให้ไปจ่ายตลาด ไปซื้อของในตลาดวันนั้น เอาเงินมอบให้ผัวไป ผัวก็ไปจ่ายตลาด ฟาดตั้งแต่เช้าจนกระทั่งบ่าย ๔ โมงไม่กล้าเข้าบ้าน กลัวเมียจะฟาดเอา กลัวใหญ่กลัวเมีย เป็นอย่างนั้นนะคนเรา
ถ้าไม่มีศีลมีธรรมแล้วไว้ใจกันไม่ได้ เอาเงินให้ไปจ่ายตลาด มันไปจ่ายค่าเหล้าหมดเลย กินแล้วเมาแปล้อยู่ข้างนอกไม่กล้าเข้าบ้าน นี่ละตัวเหล้าตัวสุรา สุราก็เป็นพิษเป็นภัย แต่มันเห็นว่าเป็นคุณ เพราะฉะนั้นจึงต้องมีศีลธรรมบังคับบัญชาไว้ สุรายาเมาอย่าเอามากิน เป็นพิษเป็นภัยต่อตัวเองและส่วนรวม ท่านจึงสอนเรื่องสุรา อย่างอื่นที่พระพุทธเจ้าสอนตรงไหน สิ่งเป็นภัยอยู่ในนั้นๆ สอนไม่ให้ทำๆ มันเป็นภัย
อย่างฆ่าสัตว์ พิจารณาซิ ปาณาฯ ห้ามฆ่าสัตว์ นี่เป็นประโยคใหญ่หลวงกระเทือนทั่วแดนโลกธาตุ ปาณาฯ คำเดียวนี้กระเทือนหมด ท่านห้ามไม่ให้ทำลายไม่ให้ฆ่าสัตว์ ถ้าฆ่าสัตว์แล้วเป็นยังไง เอาตัวอย่างเข้ามานะ สมมุติว่าเรานั่งอยู่ด้วยความสงบ เราอย่าเอาคนมาทดลองเสียก่อน คือเอาหมามาทดลองเสียก่อน เอาขั้นหมาทดลองเสียก่อน เรานั่งเงียบๆ นี่ไปเอาไอ้ปุ๊กกี้มา เวลานี้มันกำลังนอนอยู่ในกรง หมาเราชื่อไอ้ปุ๊กกี้ เข้าใจไหม แล้วไปเอามันมาที่นี่ หมาตัวนี้เป็นหมาที่น่ารักที่สุด ใครเจอเข้าลูบหลังปั๊บๆ เขาน่ารัก ทีนี้เอาไอ้ปุ๊กกี้มาวางที่นี่ แล้วให้มีผู้ใดผู้หนึ่งมาฆ่าไอ้ปุ๊กกี้อยู่ต่อหน้าเราจะเป็นยังไง กระเทือนทั่วโลกอย่าว่าแต่ทั่วประเทศไทยเลย นี่ละปาณาฯ เป็นเรื่องกระเทือนจิตใจมากมาย ฆ่าหมาตัวหนึ่งอยู่ในวัด วัดเป็นวัดป่าบ้านตาดเสียด้วย แล้วหมาเป็นหมาอีตาบัวด้วย ชื่อไอ้ปุ๊กกี้ มาฆ่ามันนี้ หมาตัวนี้คนรักกันทั้งแผ่นดิน แล้วมาฆ่าหมาได้ลงคอท่ามกลางศาลาวัดป่าบ้านตาด กระเทือนทั่วโลกอย่าว่าแต่ทั่วประเทศไทยเลย นี่ละปาณาฯ เป็นเรื่องใหญ่ไหม พิจารณาซิ เพียงฆ่าหมาเท่านั้นกระเทือนทั่วโลก ท่านจึงห้าม เป็นเรื่องกระเทือนจิตใจของโลกทั่วๆ ไป ท่านจึงห้าม อย่าฆ่าอย่าทำลายกัน
อทินนาทาน ก็เหมือนกัน ยื่นให้กันอย่างนี้ เอามาให้เป็นล้านๆ กองเท่าไรๆ เอามาให้ เป็นมงคลมหามงคลทั้งผู้ให้ทั้งผู้รับ แต่มาฉกมาลักมาขโมยเอานี้เป็นยังไงอีกล่ะ นั่นฟังซิ เข็มเล่มเดียวตามฆ่ากันได้ นี่เป็นเรื่องใหญ่โต พระพุทธเจ้าทรงเล็งเห็นหมด เรื่องใหญ่โตกระเทือนจิตใจของสัตว์โลก ท่านจึงลงไว้ศีล ๕ นี่เครื่องกระเทือนจิตใจสัตว์โลกอยู่ใน ๕ ข้อนี้ ท่านจึงวางศีล ๕ ขึ้นมาเป็นข้อบังคับ อย่าทำลายศีล ๕ ข้อนี้ให้ขาด แล้วทั่วโลกจะกระเทือนไปหมดเลย เห็นไหมล่ะ นี่ละศีลธรรมจึงเป็นของจำเป็น จึงต้องรักษา
เช่นฆ่าสัตว์ เพียงเอาไอ้ปุ๊กกี้เรามาฆ่าเท่านี้กระเทือนทั่วโลก อย่าว่าทั่วประเทศไทย อทินนาทานก็เหมือนกัน การฉกการลักไม่ใช่ของดีเลย คือน้ำใจเป็นของสำคัญ สมบัติเงินทองข้าวของไม่สำคัญยิ่งกว่าใจผู้เป็นเจ้าของ ใจผู้เป็นเจ้าของนี้ถ้าให้กันด้วยความพอใจ ดังพี่น้องทั้งหลายมาบริจาคทาน มาเท่าไรๆ เป็นมงคลมหามงคลแก่ผู้ให้และแก่ผู้รับทั่วหน้ากัน ถ้ามาขโมยเอาเป็นยังไง คิดดูซิถ้าขโมยเอา เข็มเล่มเดียวเท่านั้นละ เขาไม่ลงใจให้ แต่มาขโมยของเขา เขาตามฆ่าเลย เข็มเล่มเดียวฆ่ากันได้ เพราะมันใหญ่อยู่กับหัวใจที่เป็นเจ้าของ
ทีนี้ กาเมสุ มิจฉาจาร ผัวของใคร เมียของใคร ให้จำกันนะ นี่รู้จักไหมผัวเจ้าของ แล้วรู้จักไหมเมียเจ้าของคนไหน ให้รู้นี้เมียเรา นี้ผัวเราเท่านั้น นอกนั้นไม่ยุ่ง ท่านจึงว่า อปฺปิจฺฉตา ความมักน้อย ผัวเดียวเมียเดียวเท่านั้นพอแล้ว ถ้าเลยจากนี้ไปแล้วกระเทือนโลกเหมือนกัน ท่านจึงรักษาเอาไว้ คือรักษาใจไม่ให้กำเริบเสิบสานเอาไฟเผากัน ผัวก็มีความจงรักภักดีต่อเมีย ซื่อสัตย์สุจริตต่อเมียของตนเอง หญิงทั่วโลกก็ตามไม่สนใจ มีเมียของเราเท่านั้นที่ฝากเป็นฝากตายได้แล้ว ฝากเป็นฝากตายกับเมีย เมียก็มีผัวของเราเท่านั้นฝากเป็นฝากตาย นอกนั้นไม่ใช่ นี่เรียกว่ารู้จักสมบัติของตนๆ แล้วก็ไม่เป็นภัย นี่ กาเมสุ มิจฉาจาร รักษาจิตใจของสัตว์โลกไม่ให้กำเริบเสิบสาน ไม่เอาไฟมาเผากันด้วยกาเมสุ มิจฉาจาร มีขอบมีเขตมีหลักมีเกณฑ์ มีของเขาของเรา ผัวเขาเมียเรา เข้าใจหรือ นี่ให้จำ
แล้วมุสา มุสาก็เป็นเรื่องเล็กน้อยเมื่อไร มุสาฯตัวมันแรงๆ นะมุสาฯ ตัวธรรมดาก็ไม่เป็นไร โกหกกันได้หลอกกันได้หลีกปั๊บ เช่นอย่างพระอย่างนี้ สมมุติว่าพระห้ามมุสาฯ ท่านพลิกปั๊บไปนี้ ท่านไม่ได้มุสาฯเข้าใจไหม อันนี้เป็นโลกอันนี้เป็นธรรมธรรมหลีกปั๊บไปเลย จะว่าท่านมุสาฯไม่ได้เข้าใจไหม เช่นอย่างพระท่านภาวนาอยู่ริมฝั่งน้ำ เขาจูงควายมานี้ เขาขโมยควายมานี้แล้วทำไงนะ เวลามานี้เดี๋ยวเจ้าของเขาจะตามมา มาเขาจะต้องถามเรา ถ้าถามเราเห็นขโมยขโมยควายมานี้ไหม ก็เราเห็นอยู่บอกว่าไม่เห็นไม่ได้นะ แล้วทำไง ท่านย้ายที่ไปนี้ไปอยู่ที่นั่นเสีย พอเขามาแล้วเห็นเขาขโมยควายมานี่ไหม ไม่เห็น คืออาตมาอยู่ที่นี่ไม่เห็น แต่อยู่ที่นั่นเห็น นั่นเห็นไหมท่านหลีกเข้าใจไหม นี่ไม่ผิดเข้าใจเหรอ
แต่ ปาณาฯ ตัวนี้ถึงจะหลีกเท่าไรก็ตามเถอะช้ำใจตลอด ผัวไปเที่ยวเกี้ยวผู้หญิงสาวๆ มา ไอ้เมียนอนอยู่ในบ้านนั่งอยู่ในบ้านเฝ้าบ้านเฝ้าเรือน ผัวไปเกี้ยวสาวอยู่นู้นไม่ได้มองดูเมียเลย นอนติดกันอยู่กลางคืน พอตอนเช้ามันก็ไปละผัว ไปเห็นผู้หญิงที่ไหนตาแหลมตาแมวสู้ไม่ได้ ตานี้แหลมกว่าแมว คือตานี้มันจะไม่มองใครมันมองหาแต่อีหนู คืออีสาว ผัวของตัวนั้นละเข้าใจไหม ทีนี้ไปโกโรโกโสมาแล้ว เวลามาหาเมีย เมียได้เบาะแสละซิว่าผัวเป็นยังงั้นๆ ไปไหนมาวันนี้น่ะ
ทีนี้มันโกหกนะ ไปวัดมา ไปวัดไหน ไม่บอกเดี๋ยวมันจะแย่งไปก่อนเราจะเป็นบ้าเฝ้าบ้าน เมียจะแย่งไปฟังเทศน์ก่อน ความจริงมันโกหกเมีย ถ้าว่าไปฟังเทศน์มาคือมันแก้ตัว มันไม่ได้ไปวัดมันก็เอาวัดมาแก้ตัวว่าไปวัด พระท่านเทศน์ดีมาก พระวัดไหนๆ ไม่บอก เดี๋ยวเมียจะให้เฝ้าบ้าน แล้วเขาจะไปวัด ความจริงมันโกหกเมียมัน คำโกหกนี้ใช้ไม่ได้ อย่านำมาโกหกกันนะ พากันจำเอาเข้าใจเหรอ โกหกคำนี้ มุสาฯ นี้เป็นโทษร้ายแรงมากนะ บอบช้ำ
สุรานั้นไปที่ไหนเห็นแต่บ้าสุราอยู่ในวัดเรานี้ในศาลานี่นะ เอา ถ้าว่าพระพุทธเจ้าพูดโกหก เอาๆ ตัวยันกันเลย เอาพยานมาเดี๋ยวนี้ เรานั่งอยู่หมดศาลาหลวงตาบัวเป็นประธานใหญ่ ทีนี้เอาไหเหล้ามาวางกึ๊กนี่ ไหเหล้านี้ไหเหล้าใหญ่ๆ เขาก็เอาเหล้ามาให้หลวงตาบัว เพราะเป็นหัวหน้าต้องกินก่อนใครทั้งนั้น เขาไม่ได้ใช้โจกอย่างนี้แก้วอย่างนี้ตักเหล้ามาให้หลวงตาบัว เขาจะไปเอาตุ่มมาตักเลย ฟาดใส่หลวงตาบัว พอหลวงตาบัวสะแตกเสร็จแล้วขี้ก็แตกเยี่ยวก็ราด ขี้แตกเยี่ยวราดเต็มศาลา สุรามันดีไหมฟังซิ อยู่ดีๆ หลวงตาก็ไปขี้แตก ลูกศิษย์ลูกหาก็ไปขี้แตกเยี่ยวราด
พอเอาสุรามานี้เท่านั้น หลวงตาขี้เท่าไรหมดท้อง เยี่ยวกินมาเท่าไรหมดไม่มีเหลือ ลูกศิษย์ลูกหาก็นอนเกลื่อนนอนกล่น ทั้งขี้แตกทั้งเยี่ยวราดเพราะสุรานี้ ดีไหมสุรา เอามายันกันซิ ถ้าว่าพระพุทธเจ้าพูดผิด ดีไหมอย่างนี้ หรือยังว่าดีอยากทดลอง ไปหาเหล้ามาเดี๋ยวนี้มาตั้งนี้ เอาพยานเลย นี่ละห้าข้อเท่านี้พอ อันนี้เป็นโลกบ้าไม่รู้จักสูงจักต่ำไม่รู้จักเขาจักเรา ผิดได้ตลอด เลอะเทอะได้ตลอด ห้าข้อ ผู้รักษาศีลรักษาธรรมเขาจึงไม่สนใจกับสิ่งเหล่านี้ เพราะเป็นภัย
วันนี้บรรดาพี่น้องทั้งหลายมาเยี่ยม ก็เทศน์ต้อนรับกันด้วยอรรถด้วยธรรม ให้พากันไปคิดนะ ไปนี้ไปสะกิดพ่ออีหนู นี่ไปฟังเทศน์ท่านมาละนะ ท่านสอนว่าไง ตีปากปั๊วะ อย่าไปหาหลอกผู้สาว หญิงสาวๆ มันหลอกเขาเก่งนะปากผู้ชายนี่ ไปหลอกหญิงสาว ตีปากมันเสียก่อนค่อยสอน เอาเพียงข้อเดียวไม่เอามาก เท่านี้ละ แล้วมีอะไรอีกล่ะยุติแล้วมันจะลืมเอวัง เอวังหยุดเสียก่อน
รับฟังรับชมพระธรรมเทศนาของหลวงตา ได้ที่
www.Luangta.com หรือ www.Luangta.or.th
และรับฟังจากสถานีวิทยุสวนแสงธรรม กรุงเทพฯ และสถานีวิทยุอุดร
FM 103.25 MHz |