เทศน์อบรมคณะครูและนักเรียนโรงเรียนอุดรพิทยานุกูล ณ วัดป่าบ้านตาด
เมื่อวันที่ ๓๐ สิงหาคม พุทธศักราช ๒๕๔๘
มีลูกหลายคน มีปอบหลายตัว
ก่อนจังหัน
พระวัดนี้มันเก่งนะเดี๋ยวนี้น่ะ พระวัดป่าบ้านตาดมันเก่งนะ มันแทรกมันแซงครูบาอาจารย์ เหยียบหัวครูบาอาจารย์ไปนะ เวลาไปทำอะไรๆ ไม่ให้เราทราบนะ เวลาผลของมันแสดงออกมาแล้วมีแต่ฟืนแต่ไฟมาเผาเราๆ นี่ละมันเก่งกว่าครูเป็นอย่างนี้ละ เราพาดำเนินผิดพลาดที่ไหน เราพิจารณาโดยอรรถโดยธรรมทุกอย่างแล้ว พาพี่น้องทั้งหลายดำเนิน อย่างช่วยชาตินี่ก็เหมือนกัน เราไม่เห็นอะไรเป็นข้อบกพร่องสำหรับเราที่พาดำเนิน ทางด้านวัตถุ และนามธรรม ได้แก่การอบรมสั่งสอน เราทำไปเป็นความราบรื่นดีงามตลอดมา แต่ลูกศิษย์หลวงตาบัว วัดป่าบ้านตาดนี้มันเก่ง มันแทรกออกทางนั้น แทรกออกทางนี้เวลานี้นะ ไปก่อนั้นก่อนี้ขึ้นมา อวดเก่งนะ มันเก่งกว่าครูแล้วมันจะจมนะ
เลอะเทอะไปหมดนะ ไล่ออกไปหนหนึ่งแล้ว เราก็สงสารเอามาไว้อีก นี้มันมาแสดงฤทธิ์แบบไหนอีก คราวนี้จะไม่มีทางอยู่ละนะ ถ้าได้เอาคราวนี้ไม่มีทางอยู่ หางขาดไปเลยเทียว อย่ามาเล่นกับเรานะ ทุกอย่างเราพิจารณาเรียบร้อยแล้วค่อยออกๆ ไม่ได้มาพรวดพราดๆ นะ เราก็ไม่เคยเห็นผิด พิจารณาเรื่องใดแล้วออก อันนี้มันพรวดพราดๆ มันเก่งกว่าครู แซงหน้าแซงหลัง มันเก่งนะวัดป่าบ้านตาด แสดงฤทธิ์ต่างๆ ออก แล้วถูกขับไล่ออกไปๆ มีแต่พระเก่งๆ ทั้งนั้นที่ถูกขับไล่ออกไป มันเป็นยังไงวัดป่าบ้านตาดเรา ยิ่งเลอะเทอะลงทุกวันๆ
เราแก่เราไม่ค่อยได้สังเกตสังกาพินิจพิจารณาเรื่องพระ การรับพระก็เหมือนกัน เราไม่ได้ตั้งใจรับเอง มันแทรกเข้ามาๆ แล้วส่วนมากมีแต่มาแล้วก็แสดงฤทธิ์เดชออกไปด้วยความเลอะเทอะๆ นะ มันจะเลวมากนะวัดป่าบ้านตาดนี่น่ะ ใครจะเอาเบอร์เลวมากมาอวดเพื่อนวัดด้วยกัน พระด้วยกัน มีองค์ไหนบ้างวัดป่าบ้านตาดนี่ มันมีอยู่เสมอนะมาแทรก อวดฤทธิ์อวดเดช ถูกขับๆ ออกไป แหม ทุเรศจริงๆ กิเลสตัวเดียวนี้อยากดีอยากเด่นนั่นซิ ดีเด่นมันมีแต่มูตรแต่คูถแต่ฟืนแต่ไฟซิ กลับมาเผาพวกเพื่อนผู้มีศีลมีธรรมด้วยกันให้เดือดร้อนวุ่นวายด้วยกันดังที่กล่าวอยู่เวลานี้แหละ
มันเป็นยังไงพระเณรวัดป่าบ้านตาดเวลานี้ มันจะเลอะเทอะไปหมดแล้วหรือ จะไม่ให้มีเกาะมีดอนใดเลยเทียวหรือเดี๋ยวนี้น่ะ มีแต่เก่งๆ แหละ ครั้นมานี้ออกฤทธิ์ออกเดช ถูกขับๆ ไปเรื่อยๆ นะ จำให้ดี เดี๋ยวจะได้ออกจากวัดในพรรษานะ ความผิดความพลาดผิดได้ในพรรษานอกพรรษา การขับออก คนที่ทำผิดขับได้ทั้งในพรรษานอกพรรษา อัปเปหิ ไล่เลย มีหลักธรรมหลักวินัยเป็นเครื่องยืนยันรับรองด้วยกันอยู่แล้ว มันเป็นอย่างนั้นมันเก่งนะ ออกแทรกโน้นแทรกนี้ กลายเป็นโลกเป็นสงสารไปแล้วนะเวลานี้ การดำเนินเราเพื่อโลกนี้ ทั้งทางโลกทางธรรม เราดึงเข้ามาให้เป็นธรรมเพื่อความสงบร่มเย็น เชื่อมสมานกันให้เป็นความถูกต้องดีงาม ไม่ได้มีการแตกการแยก ยุแหย่ทางนั้นทางนี้ ไม่มีในธรรมทั้งหลาย มีแต่เรื่องประสานๆ ทั้งนั้น
พระอยู่ในวัดนี้ตัวไหนเก่งๆ ให้เสนอตัวออกมา มันเก่งขึ้นทุกวันๆ นะพระวัดนี้น่ะ มันเป็นยังไง สิ่งที่สอนให้เน้นหนักๆ คือความพากเพียร ศีลธรรมเป็นเครื่องประจำหัวใจของพระ เพศของพระ มันไม่สนใจ มันไปสนใจหาแต่มูตรแต่คูถ อยากเด่นอยากดังกับกองมูตรกองคูถมีอย่างเหรอ บรรดาจอมปราชญ์ทั้งหลายท่านเพื่ออรรถเพื่อธรรม เด่นดังก็เด่นดังไปในธรรม โดยที่ท่านไม่สนใจอยากเด่นอยากดังในธรรม หากเป็นขึ้นมาเองเพราะความดีงามของท่าน
ไอ้เรามันอยากเด่นอยากดังไปทางมูตรทางคูถ แหลกเหลวไปหมดนะเวลานี้ มองไม่ทัน พระมันเก่งไปทางนั้นแหละ ถ้าทางเลวนี้มองไม่ทัน ทางดีมันไม่เอาไหน มันเลอะเทอะไปทุกวันๆ มันเป็นยังไงพระวัดป่าบ้านตาดนี่น่ะ เวลานี้ชื่อเสียงก็ว่าดังเสียด้วยวัดป่าบ้านตาด แล้วมันก็ดังทั้งกองมูตรกองคูถไปด้วยกัน ประกาศลั่นเลยเราไม่เอียงหน้าเอียงหลัง ใครผิดบอกผิด ใครถูกบอกถูก ถ้าในวัดนี้มันเลวเสียจริงๆ เอาไว้ไม่ได้เราขับออกทั้งวัดเลย เราอยู่องค์เดียว ถ้าเราไม่ดี เอ้า ขับเราออก เรายอมรับเรื่องธรรม ไม่มีอคติอะไรละ ความเห็นแก่ตัวไม่มีในธรรมทั้งหลาย
พากันตั้งอกตั้งใจปฏิบัติตัวเองซิ ไปยุ่งอะไรกับเรื่องโลกเรื่องสงสารซึ่งเป็นเหมือนกองมูตรกองคูถ ธรรมทองทั้งแท่งทำไมไม่สนใจ ปฏิบัติตัวให้ดีซิ นี่ได้ยินแย็บออกมาแง่นั้นแย็บออกมาแง่นี้ มีแต่มูตรแต่คูถ เดี๋ยวนี้มันเต็มวัดป่าบ้านตาดแล้วนะ ใครจะสมัครเป็นมูตรเป็นคูถอีก วัดนี้ให้มันเต็มให้ได้ร่ำลือเสียวัดป่าบ้านตาด มีแต่กองมูตรกองคูถให้ร่ำลือ เวลานี้มันก็แสดงฤทธิ์ของมันแล้วออกในแง่ต่างๆ มองไม่ทันนะมันเป็นยังไง ถ้าสิ่งเลวร้ายทั้งหลายนี่มองไม่ทัน เร็วที่สุด ลิงร้อยตัวสู้ไม่ได้ความรวดเร็ว ถ้าเป็นทางดีนี้อืดอาดๆ เต่าในวัดทั้งหมดนี้สู้ไม่ได้ เต่ามันก็งุ่มง่ามต้วมเตี้ยม อันนี้มันยิ่งงุ่มง่ามต้วมเตี้ยมถ้าประกอบความดีงาม มันงุ่มง่ามต้วมเตี้ยมยิ่งกว่าเต่าอีกนะ ฟังให้ดีนะ มันเป็นยังไง แล้วไหลเข้ามาๆ ปิดไว้เท่าไรไหลเข้ามาทุกช่องทุกมุม ครั้นไหลเข้ามาก็มาเป็นกองมูตรกองคูถเต็มวัดนี่ซิ โอ๊ มันน่าทุเรศนะ
ประชาชนญาติโยมก็ให้พากันพิจารณา การเทศน์นี้ธรรมสอนโลกนะ ความผิดความพลาดความอะไรนี้ มีได้ทั้งพระทั้งฆราวาส นี่ท่านสอนพระ เราเป็นฆราวาสเรามีหัวใจไหม ดีชั่วมีอยู่กับเราไหม ควรที่จะชำระจากธรรมที่สอนนี้มีไหม ถ้ามีก็เอาไปชำระตัวเองซิ พอเห็นท่านเทศน์เอียงไปทางพระ ก็นึกว่าตัวนี้เป็นความเลิศความเลอ เป็นเทวบุตรเทวดาอินทร์พรหมไปหมด มันลืมตัวทันทีนะ เอาละให้พร
โทรศัพท์มือถืออยู่ในวัดนี้มีอยู่กับใครบ้าง เราอนุโลมผ่อนผันทั้งๆ ที่อันนี้เป็นภัยเต็มที่นะ เป็นภัยสุดยอดคือโทรศัพท์มือถือ สำหรับพระนี้เป็นภัยขั้นสังฆาฯปาราชิกไม่สงสัย อยู่กับโทรศัพท์มือถือนี้ทั้งนั้น นี่เราห้ามหมดนะ เราจะอนุโลมให้เฉพาะเครื่องเดียวสำหรับส่วนรวม เพื่อชาติ ศาสนา รวมอยู่ในนี้ อันนี้เป็นสื่อเป็นทางให้มีรับไว้แห่งเดียว มีความจำเป็นก็มาติดต่อที่นี่ แต่สำหรับเป็นเครื่องของพระแต่ละองค์ๆ มีไม่ได้นะ องค์ไหนทราบว่ามีไล่ออกจากวัด ในพรรษานอกพรรษาก็ตาม เราจะเสียดายโทรศัพท์หรือจะเสียดายตัวเราที่จะได้ออกจากวัด เราจะเอาโทรศัพท์ออกจากวัด หรือจะเอาตัวของเราออกจากวัด
หลักธรรมวินัยละเอียดลออมากที่สุด สิ่งเหล่านี้มันหยาบที่สุดทำไมจึงจะไม่เข้าใจกัน มันดื้อด้านเอามาอะไร มีไหมในวัดป่าบ้านตาดโทรศัพท์มือถือ ถ้ามีให้เตรียมออกจากวัดนะ เราจะอนุโลมไม่ได้เป็นอันขาด อันนี้คอขาดบาดตายอยู่กับโทรศัพท์มือถือนี้แหละ ใครให้รีบจัดการ จัดการตัวเองออกจากวัด หรือจะเอาโทรศัพท์ออก มันเก่งมาจากไหนพวกนี้น่ะ โห มันน่าทุเรศนะ มีไหมในวัดป่าบ้านตาดนี้ บอกอย่างเด็ดนะ เห็นเอากันจริงๆ อย่างเด็ดขาดเลยทีเดียว ไม่มีคำว่าอนุโลม เพราะอันนี้คอขาดบาดตาย โทรศัพท์มือถือเป็นเรื่องคอขาดบาดตายสำหรับพระเรา มันเก่งกล้ายิ่งกว่าพระพุทธเจ้ามาจากไหน มันทุเรศนะ ออกทุกช่องทุกทางมองไม่ทัน
หลังจังหัน
เราเสียสละด้วยความเมตตากับบรรดาพี่น้องลูกหลานไทยเรา เราไม่มีอะไรเก็บ หัวอกเราเปิดหมด ไม่มีอะไรที่จะมาเก็บมากำ มีเท่าไรไหลออกๆ เพราะอำนาจแห่งความเมตตา เมตตานี้พอของตกมาปั๊บ เมตตาความสงสารกวาดออกปุ๊บ ไปนู้นๆ หมด ตกปั๊บกวาดปุ๊บๆ เลย อำนาจแห่งความเมตตาสำคัญมากนะ ที่เราไปไม่หยุดไม่อยู่ทุกวันนี้ก็เพราะอำนาจแห่งความเมตตา ซอกแซกซิกแซ็ก ทุกข์ยากลำบากลำบน จะว่าทนเอาก็ไม่เห็นทนวะ ไปอยู่อย่างนั้น ไปอยู่ตลอด
ส่วนที่ว่าช่วยโรงพยาบาลต่างๆ ในการสร้างนั้นสร้างนี้เครื่องมือแพทย์อะไรๆ เป็นประจำ ดูเหมือนสองร้อยกว่าโรงที่เราได้ช่วยนะ บางแห่งซื้อที่ดินเพิ่มให้ๆ ที่ไหนมันแคบติดต่อกับเจ้าของที่เขาที่ติดกันกับโรงพยาบาล เมื่อเขายินดีขายให้เราซื้อเอาเลย ซื้อเอาๆ อย่างนั้น นอกจากเจ้าของเขาไม่ขายมันก็จำเป็น สุดวิสัย ที่ไหนเขาขายเราซื้อให้ๆ เลย บางแห่งยกทั้งโรงพยาบาลเลย คือไปซื้อใหม่ให้เลย โรงพยาบาลเก่านี้ให้เป็นอนามัยไป อันนั้นให้เป็นโรงพยาบาลอย่างนี้ก็มีที่เราช่วยโลก
แต่มีที่สูงสุดนะตั้งแต่ช่วยโลกมานี้ สำหรับโกดังช่วยโรงพยาบาลนี้มีอย่างสูงสุดเพียง ๙ โรง โรงพยาบาลวันหนึ่งที่มานี้มาสูงสุดเพียง ๙ โรงเท่านั้นไม่ถึง ๑๐ โรง วันหนึ่งนะ อย่างมากที่สุดก็ ๙ โรง สามสี่ห้าโรงเป็นประจำทุกวันๆ ของไม่ให้อด สั่งไว้ให้เต็มเอี๊ยดๆ ตลอดเวลา โรงไหนมาก็ตามเอาของเรียบร้อยแล้วก็เติมน้ำมันให้ทุกคันรถนะ เติมให้เต็มถังๆ ให้หมด ปั๊มน้ำมันเราก็มี ใครอยู่เมืองอุดรว่ามีปั๊มน้ำมันมากอย่ามาอวด อันนี้ออกใส่เปรี้ยงเดียวหลงทิศไปนะ ปั๊มน้ำมันเรามีอยู่นั่น
เหตุที่เราจะพอทราบบ้าง เรานั่งอยู่นี้ เขาขนถังน้ำมันมาเป็นถังๆ เท่าไรลิตรผ่านมานี่ เต็มรถๆ มันถังอะไรน้า เขาบอกถังน้ำมัน แล้วจะเอาไปไหน เอาไปใส่ปั๊ม ปั๊มของเรา โห ขนาดนั้นเหรอ ขนาดนั้น มันมาสัมผัสก็เลยถามดู เดือนหนึ่งน้ำมันที่เติมรถๆ นี้เดือนหนึ่งหมดประมาณเท่าไร ว่าห้าแสนกว่าบาท นี่เฉพาะน้ำมันนะเดือนหนึ่งห้าแสนกว่า เป็นอย่างนั้นเป็นประจำๆ มีโรงพยาบาลที่จะเข้ามาเติมน้ำมันนี้ กับรถของเราที่จะไปไหนมาไหนก็มาเติมที่นี่ จากนั้นก็โรงพยาบาล นอกนั้นไม่มี เราให้เฉพาะๆ
ตื่นขึ้นมานี้พูดเปิดหัวอกให้พี่น้องทั้งหลายทราบนะ พอตื่นขึ้นมาพับจิตแทนที่จะมาอยู่กับตัวนี้ไม่อยู่ จิตมันจะกระจายออกทั่วโลกด้วยความเมตตา กระจายออกไปหมด ควรจะสงเคราะห์ยังไงต่อยังไงมันจะออกของมันเอง จากนั้นเราก็ค่อยก้าวเดินตามกำลังของเราไปเรื่อยๆ อย่างนี้ เราช่วยโลกช่วยขนาดนั้น จึงอยากให้พี่น้องทั้งหลายได้เห็นเรื่องธรรมภายในใจ ถ้าได้เกิดขึ้นมาแล้วใจดวงนั้นเป็นคนละโลกขึ้นมานะ ใจที่เต็มไปด้วยมูตรด้วยคูถ ขี้โลภ ขี้โกรธ ขี้หลง กับใจที่บริสุทธิ์พุทโธเป็นธรรมทั้งแท่งแล้วมาเทียบกันเทียบไม่ได้เลย
ใจพระพุทธเจ้า ใจพระอรหันต์ท่าน เป็นธรรมทั้งแท่ง กับใจของสัตว์โลกซึ่งเป็นเหมือนมูตรเหมือนคูถ ขี้โลภ ขี้โกรธ ขี้หลงครอบนั้น เอามาเข้ากันไม่ได้เลย แต่ใจที่เป็นธรรมทั้งแท่งนั้นละช่วยโลกสกปรกให้ค่อยสะอาดสะอ้าน บรรเทาทุกข์ขึ้นมาๆ ดังพระพุทธเจ้าท่านสอนโลก สามโลก ฟังซิน่ะ ตั้งแต่ท้าวมหาพรหมลงมาหามนุษย์มนา พระพุทธเจ้าสอนได้หมดเลย ธรรมอันนี้ละสอน กว้างขวางขนาดไหนธรรมของพระพุทธเจ้า และทำความร่มเย็นให้แก่โลกมากขนาดไหน
ยิ่งผู้มีความสามารถปฏิบัติตามพระองค์ท่านได้ ผ่านได้เลยๆ เช่นอย่างผู้ท่านสำเร็จมรรคผลนิพพาน ท่านเหล่านี้เรียกว่าผ่านพ้นเรื่องความทุกข์ทั้งมวลตลอด อนันตกาล เรียกว่านิพพานเที่ยง ไม่กลับมาเกิดแก่เจ็บตายคลุกเคล้ากับความทุกข์ทรมานทั้งหลาย ซึ่งเคยเป็นมาตั้งกัปตั้งกัลป์นี้อีกต่อไป หมดโดยสิ้นเชิง เรียกว่านิพพานเที่ยง ธรรมพระพุทธเจ้าเป็นอย่างนั้น
ธรรมเท่านั้นที่จะพาให้ทุกสิ่งทุกอย่างมนุษย์มนาพอมีค่ามีราคา ถ้าไม่มีธรรมแล้วเหลวไหลไปด้วยกันหมด ใครอย่ามาอวดนะว่าเศรษฐีกุฎุมพี เงินกี่ล้านๆ กี่กองภูเขาเงินภูเขาทอง อย่ามาอวดนะ ถ้าใจไม่เป็นธรรมเสียอย่างเดียว เหล่านั้นกลายเป็นไฟได้หมด ใจนี้มันจะไปกว้านเอานั้นมาเป็นไฟเผาตัวเองแล้วเผาโลกได้ ถ้าใจนี้เป็นธรรม มีมากมีน้อยอันนั้นจะกลายเป็นคุณไปหมด เป็นอยู่กับใจนะไม่ได้เป็นอยู่กับอะไร เพราะฉะนั้นใจจึงต้องได้รับการอบรมเป็นสำคัญมากทีเดียว ถ้าไม่มีการอบรมเลยไม่มีความหมายนะมนุษย์เรา
ใครอย่าอวดเก่งว่าเรียนรู้มาจากทางนั้นทางนี้ ความรู้เหล่านี้มันออกจากคลังของกิเลสไปสอน ไปเรียนเมืองไหนๆ ก็คลังกิเลส สอนมาก็เป็นเรื่องกิเลส ก็ปฏิบัติไปตามแถวแนวของกิเลส ไม่ได้เป็นไปตามแถวแนวของธรรม ตามแถวแนวของกิเลสขึ้นต้นก็เห็นแก่ตัว ชอบยกชอบยอปอปั้น นี่เรื่องกิเลส เรียนมาสูงเท่าไรๆ ถ้าไม่มีธรรม ตัวนี้ละเป็นตัวยักษ์ใหญ่ เป็นตัวทำลายชาติ ศาสนา ได้ไม่สงสัยถ้าไม่มีธรรมเสียอย่างเดียว ถ้ามีธรรมแล้วเป็นเครื่องประดับได้เป็นอย่างดี ธรรมจึงเป็นของสำคัญ ถ้าเข้าประดับตรงไหนมีค่าขึ้นมาๆ ธรรมเข้าไปตรงไหนมีค่าขึ้นมา ถ้ากิเลสมาอยู่ที่หัวใจแล้วไม่มีใครมีค่าแหละ จะยกยอตัวเองขนาดไหน สูงขนาดไหน ก็มีแต่ลมปาก ตัวเองเป็นฟืนเป็นไฟเผาไหม้อยู่ในหัวอกด้วยกิเลสเหล่านี้ ถ้ามีธรรมอยู่นี้แล้วเป็นน้ำดับไฟๆ ระงับกันไป นั่น พอถูพอไถกันไปได้คนมีธรรม ถ้าไม่มีธรรมเลยแล้วหมดสาระนะ
ขอให้ลูกหลานทั้งหลายได้นำไปปฏิบัตินะ เราเรียนหนังแส่หนังสือในโรงร่ำโรงเรียน เรียนมาก็เพื่อประกอบหน้าที่การงานเพื่อส่วนตนและส่วนรวมให้มีความแน่นหนามั่นคงราบรื่นดีงามต่อไปด้วยวิชาที่เราเรียนมา ไม่ใช่เรียนมาแล้วเป็นเพชฌฆาตสังหารตนและส่วนรวม ใช้ไม่ได้นะ เรียนมาวิชาทางโลกก็ไปทางโลก แต่ให้มีธรรมแทรกเข้าไป ถ้ามีแต่วิชาทางโลกล้วนๆ เป็นภัยได้ไม่สงสัย ถ้ามีธรรมแทรกเข้าไปๆ แล้วสง่างาม
ความรู้มีมากน้อยเท่าไรๆ มีธรรมในใจ ไปที่ไหนมีคนเคารพนับถือกราบไหว้บูชา นี่ละธรรมในใจประดับวิชาให้สวยงามขึ้นไป วิชาก็ทำหน้าที่ตามหลักวิชาของตน เป็นประโยชน์แก่โลก มีธรรมแทรกเข้าไปเป็นอย่างนั้นละ ถ้ามีแต่วิชาทางโลกล้วนๆ นั่นละวิชารีดวิชาไถ วิชาร้อยเล่ห์ร้อยเหลี่ยมร้อยสันพันคม กินตับกินปอดพวกเดียวกันมนุษย์ด้วยกัน คือวิชาของกิเลสที่เรียนมาสูงๆ นั่นแหละ มาทำลายชาติ ทำลายศาสนา พระมหากษัตริย์ได้วิชาเหล่านี้น่ะ ถ้าไม่มีธรรมเป็นข้าศึกได้อย่างใหญ่หลวงนะ อาศัยวิชาที่เรียนมา ถ้ามีธรรมแล้ววิชาที่เรียนมานี้เป็นคุณไปทั้งหมดเลย พากันจำเอา
ใครอยู่ที่ไหนอย่าลืมธรรมนะ อย่าอวดดีอวดเก่งด้วยความรู้วิชา ฐานะสูงต่ำของตัวเอง ยิ่งกว่าธรรม ธรรมนี้เลิศครอบไปหมดแล้ว มีมากมีน้อยจะเลิศอยู่ในใจของผู้มีอยู่ในนั้น อบอุ่นอยู่ในนั้น ธรรมมีมากมีน้อยไม่ได้ถือว่าเป็นขั้นเศรษถงเศรษฐีเหมือนโลกเขาแหละ ธรรมมีภายในใจเราจะเรียกว่าเศรษฐีธรรมก็ได้ อย่างที่เราเคยพูดให้ธรรมลี ผาแดง ท่านงุบๆ งิบๆ ไม่ค่อยพูดอะไรแหละ เหมือนเซ่อๆ ซ่าๆ แต่ภายในเป็นเศรษฐีธรรม เราบอกเลย นั่น นิสัยท่านเป็นอย่างนั้น งุบๆ งับๆ ไป แต่ภายในสง่าจ้าซิ เรียกว่าเศรษฐีธรรม ไปไหนเย็นธรรมมีในใจ
จึงต้องให้พยายามบำรุง รักษาตัวให้ดี ไปศึกษาเล่าเรียนให้ตั้งหน้าตั้งตาศึกษาเล่าเรียน ดำเนินไปตามโปรแกรมที่ศึกษาเล่าเรียน เวลาเล่นๆ เวลาจริงๆ เวลาเรียนๆ มาแล้วหน้าที่การงานอะไรทางบ้านทางเรือนที่จะปฏิบัติช่วยพ่อช่วยแม่ ก็ให้ทำหน้าที่นั้นๆ อย่าเตร็ดเตร่ ตั้งแต่เกิดมาพ่อแม่บำรุงบำเรอรักษา ลูกคนหนึ่งๆ นี้พ่อแม่เสียไปเท่าไร บอบช้ำเท่าไร ลูกคนหนึ่งๆ เหล่านี้ ลูกเหล่านี้มีพ่อมีแม่ทั้งนั้น พ่อแม่เลี้ยงดูรับรอง เป็นบ๋อยกลางบ้านกลางเรือนมาตั้งแต่วันตกคลอดออกมา เราจะมาเย่อหยิ่งจองหองไม่ได้นะ พ่อแม่เลี้ยงดูขวนขวายมามีเท่าไรๆ ขนมาหมด พอเริ่มจะเข้าอนุบาล เครื่องที่จะไปเรียนอนุบาลมีอะไรบ้าง นั่นพ่อแม่หาแล้วนะ จากนั้นก็ก้าวขึ้นสู่ประถม มัธยม ยิ่งสูงเท่าไรยิ่งเป็นปอบตัวใหญ่ กินตับปอดพ่อแม่ มีเท่าไรไม่พอๆ พ่อแม่เลยจะตาย มีลูกหลายคนเท่าไรเรียกว่ามีปอบหลายตัว กินตับกินปอดพ่อแม่ พ่อแม่เลยจะตาย เราละโอ่อ่าๆ ไปโรงร่ำโรงเรียนอวดเพื่อนอวดฝูง พ่อแม่ผู้เป็นบ๋อยกลางเรือนไม่ได้ดูซิ จะตายนะ ให้เห็นอกเห็นใจพ่อแม่ เรียนมาแล้วให้ปฏิบัติหน้าที่ตามความมุ่งหมายที่ไปเรียนมา หน้าที่การงานจะเป็นผลเป็นประโยชน์
ให้เชื่อฟังพ่อแม่นะ ลูกที่ฝ่าฝืนพ่อแม่ไม่เจริญ ไม่มีใครเจริญ ลูกที่ฝ่าฝืนพ่อแม่ ดูถูกเหยียดหยามพ่อแม่ หาว่าเป็นคนทุกข์คนจนอย่างนี้ เช่นเพื่อนเขาเป็นลูกเศรษฐีกุฎุมพีมีหน้ามีตา พ่อแม่ของเราเป็นคนทุกข์คนจน แล้วใครเลี้ยงเรามา นั่นเอาตรงนี้ซิ เศรษฐีเขามาเลี้ยงเราไหม พ่อแม่ที่ทุกข์ๆ จนๆ ตะเกียกตะกายเลี้ยงลูกมาจนใหญ่โตเหมือนบ้านเหมือนเมืองเขา ไปดูถูกพ่อแม่ไม่ได้นะ นี่ละยิ่งมีคุณค่ามาก ได้เห็นคุณของพ่อของแม่มาก
เวลาทุกข์เวลาจน จนจริงๆ นะพ่อแม่ ไม่ทราบจะดึงใส่ลูกคนไหนๆ บ้าง หาแทบเป็นแทบตาย ไอ้เรามีแต่โอ่อ่าฟู่ฟ่า สนุกเฮฮาจนลืมเนื้อลืมตัวเสียผู้เสียคนไปก็เยอะในวัยเรียนนะ แทนที่จะเป็นวัยเรียนมันกลายเป็นวัยเล่น วัยโกโรโกโสไปเสีย เลยเสียคนทั้งคนไม่เกิดประโยชน์อะไร ความมุ่งหวังของพ่อแม่และการเลี้ยงดูของพ่อแม่มาตั้งแต่อ้อนแต่ออก จนกระทั่งถึงความเสียคนทั้งคนในลูกแต่ละคนๆ นี้เป็นยังไง พ่อแม่อกจะแตกไปแล้วนะนั่น ให้ฟังเสียงพ่อแม่ อย่างไรอย่าลืม พ่อแม่เป็นสำคัญ ลูกมีพ่อมีแม่ให้ฟังเสียงพ่อเสียงแม่ ลูกศิษย์มีครูมีอาจารย์ให้ฟังเสียงครูเสียงอาจารย์ ถ้าไม่ฟังเสียงครูเสียงอาจารย์คนนั้นเตลิดเปิดเปิง ลงเหวตกบ่อไปเลย ไม่มีความดีละ จำให้ดีนะ วันนี้พูดเพียงเท่านี้ละ ไม่พูดมากนัก วันไหนก็พูดทุกวันๆ เอาละจำเอานะลูกหลาน
ผู้กำกับ สถานีวิทยุชุมชนเวียงพิงค์ FM 97 Mhz อุดรเรดิโอ อ.เมืองอุดรธานี ขอถวายเวลาถ่ายทอดสดพระธรรมเทศนาของหลวงตา ช่วงเช้า ๑ ชั่วโมง เริ่มแต่ ๕ ธ.ค. ๒๕๔๗ เป็นต้นไป และเริ่มถ่ายทอดทางอินเตอร์เน็ต www.97 udornradio.com ช่วงเช้า ๑ ชั่วโมง และช่วงกลางคืน จากเวลา ๒๓.๐๐-๕.๐๐ น. เป็นพระธรรมเทศนา อบรมพระและฆราวาส และพระธรรมเทศนาของครูบาอาจารย์สายกรรมฐานหลวงปู่มั่นครับ
หลวงตา วิทยุอุดรนี้เขาถ่ายทอดเราที่เทศน์มานี้เป็นประจำนานแล้วนะ เงียบๆ วิทยุที่อุดรเขาถ่ายจากนี้มาประจำนานแล้ว พึ่งมากระจายเมื่อเร็วๆ นี้ แต่ก่อนไม่กี่สถานีเขาถ่ายทอดเงียบๆ เรื่อยมา เวลานี้เลยกระจายไปทั่วโลกเลยเทศน์ของเรา กระจายออกไปทั่วโลก เทศน์ของเราเดี๋ยวนี้ออกทั่วโลกไม่ใช่แต่ประเทศไทย อย่างเทศน์เดี๋ยวนี้ออกทั่วประเทศไทยแล้วนี่ ทุกเช้าๆ ออกทางวิทยุ ออกบ้านตาด ออกสวนแสงธรรม ขั้วใหญ่มันอยู่สองอันนี่ ต้นใหญ่มันอยู่นี้ จากนั้นกระจายออกไปทั่วประเทศไทย วิทยุเสียงธรรมเรานี้ออกมากทีเดียว ออกทุกแห่งทุกหน ออกอย่างรวดเร็วเสียด้วย ขยายกันออกไปหมด เราก็พอใจ
เพราะการเทศนาว่าการให้บรรดาพี่น้องประชาชนทั้งหลายได้ทราบทั่วหน้ากันตลอดมานี้ เราถอดจากหัวใจเราจริงๆ จากภาคปฏิบัติที่เห็นผลประการใดในธรรมทั้งหลาย เราถอดออกมาจากนี้ สาธุ พูดเราไม่ได้ประมาท คัมภีร์ใบลานเราก็เรียนมาจนเป็นมหาว่างั้นเถอะน่ะ ครั้นเวลาจะเอาจริงๆ มันไหลเข้านี้หมดนะ ออกจากนี้เลยที่นี่ แล้วธรรมออกจากนี้แน่นอนแม่นยำ ออกจากตำรับตำรามีลูบมีคลำ เพราะจิตใจเราไม่แน่นอน อ่านธรรมเข้าไป ถึงธรรมจะแน่นอนเมื่อจิตใจยังไม่แน่นอนมันก็ไม่เป็นหลักเป็นเกณฑ์ดีนะ พอนำธรรมะที่เรียนในตำราออกมาปฏิบัติ เกิดผลขึ้นมาจากภาคปฏิบัติ ทีนี้แน่นอนๆ
นี่ละบรรดาพี่น้องทั้งหลายที่ฟังเสียงเทศน์เรานี่ เดี๋ยวนี้คงจะชินไปบ้างแล้วแหละ เพราะเราเคยประกาศให้ทราบเสมอ คือสำนวนเทศน์ของเรานี้ เวลานี้กับตั้งแต่ก่อนผิดกันมาก เป็นคนละคนเป็นคนละโลกไป คือเวลาเรานำปริยัติออกมาเทศนาว่าการ ก็เหมือนกันกับบรรดาพระเจ้าพระสงฆ์ท่านเทศน์ทั่วประเทศไทย ท่านเทศน์อย่างไรเราก็เทศน์อย่างนั้นเพราะไปตามตำรา ไม่มีซอกแซกซิกแซ็ก ไม่มีเน้นมีหนัก ตำราว่าอย่างไรก็ว่าไปอย่างนั้นๆ ถ้าเกิดมีผู้มาทัก ทำไมจึงเทศน์อย่างนั้นล่ะ ก็ตำราท่านว่าอย่างนั้น มันหลบไปหาตำราเสีย
ทีนี้พอเอาตำรามาปฏิบัติ นี่ละที่นี่มันเปลี่ยนนะ เปลี่ยนตามความรู้ของจิตที่เป็นขึ้นมา เวลามาปฏิบัติ ธรรมเกิดที่นี่ แต่ก่อนกิเลสเกิดตลอด เวลามาปฏิบัติธรรม ธรรมเกิดๆ เกิดขึ้นมาที่ไหนๆ ตรงไหนๆ แม่นยำๆ เราจะพลิกแพลงเปลี่ยนแปลงไปเทศน์แบบอื่นไม่ได้ เทศน์ทางปริยัติท่านเทศน์ สมมุติว่ามีกองทัพกิเลส ก็เลี่ยงๆ ไปนี้เสีย กลัวกิเลส เลี่ยงไปนี้เลี่ยงไปนั้นเสีย แต่ธรรมะภาคปฏิบัติไม่เป็น เป็นยังไงรู้ยังไงเห็นยังไงต้องเทศน์อย่างตรงไปตรงมาตามที่รู้ที่เห็น ด้วยเหตุนี้เองสำนวนของเราที่เทศน์ทุกวันนี้ กับที่เราเทศน์ทางปริยัติแต่ก่อนจึงผิดกันมาก เป็นคนละคนไปเลย
เทศน์ทางปริยัติก็เหมือนกับที่พระทั้งหลายท่านเทศน์นั่นแหละ แต่พอมาเทศน์ทางภาคปฏิบัตินี้ไปอย่างตรงแน่วๆ เป็นยังไงเป็นอย่างนั้น จะหลีกไปไม่ได้นะมันบังคับในตัว จึงเรียกว่าธรรม คงเส้นคงวาหนาแน่นด้วยเหตุด้วยผลด้วยหลักด้วยเกณฑ์ ต้องเป็นอย่างนั้นตลอดไป จะหลีกจะเลี่ยงไปอย่างนั้นไม่ใช่ธรรม ทีนี้เพื่อให้เป็นธรรม เป็นยังไงก็ต้องพูดออกมาตามความเป็นจริงนั้น นี่ละจึงกลายเป็นขวานผ่าซากไปหนึ่ง และเรียกว่ากระแทกแดกดัน ความจริงไม่นะ ไม่กับใคร ตามความจริงของเทศน์ ควรหนักหนัก ควรเบาเบา อย่างนั้นเรื่อยๆ ไป ให้พากันเข้าใจอย่างนี้
สำนวนของเราที่เทศน์ทุกวันนี้กับแต่ก่อน ก็ตั้งแต่เทศน์สมัยที่เรียนหนังสืออยู่ทางปริยัติเป็นอย่างหนึ่ง เหมือนทั่วๆ ไป แต่สำนวนที่มาออกจากทางด้านปฏิบัติ เกิดขึ้นทางนี้ เทศน์ทางนี้เรียกว่าธรรมเปิด เอ้า พูดให้ชัดเจนเลย ไม่ได้เหมือนกันนะที่นี่ ธรรมเกิดนี้จะพลิกแพลงเปลี่ยนแปลงไปไหนไม่ได้นะ เป็นยังไงต้องพูดตามนั้นๆ ไม่งั้นไม่เรียกว่าธรรม แน่ะเอาละนะ ต้องตรงไปตรงมาอย่างนั้น เพราะฉะนั้นภาษาของเราอย่างเทศน์อยู่ทุกวันนี้สำนวนทุกวันนี้จึงเป็นคนละคนไป กรุณาพี่น้องทั้งหลายทราบนะ เราพูดตามหลักความจริงไม่หลีกไม่เลี่ยงไปไหน ตรงเป๋งๆ ไปเลย เป็นอย่างนั้นละ
ไม่ว่าธรรมขั้นใดลงได้เกิดขึ้นกับใจแล้วแม่นยำๆ ไม่จำเป็นต้องหาใครมาเป็นพยาน ท่านว่า สนฺทิฏฺฐิโกๆ รู้เองเห็นเอง พูดได้เอง แสดงได้เอง ไม่ต้องไปหายืมจากใคร ยืมที่ไหนไม่ต้อง นี่ละธรรมภาคปฏิบัติที่เกิดขึ้นภายในใจจากผู้ปฏิบัติธรรม ถ้าไม่ปฏิบัติ นอนเฝ้าหมอนก็มีแต่หมอนเต็มตัวๆ ไปที่ไหนแทนที่จะเห็นคนกลับมีแต่หมอนเต็มตัว นั่นถ้าหาหมอนก็เห็นหมอน หาธรรมก็เห็นธรรม เข้าใจไหมล่ะ เอาละพอ
พูดถึงเรื่องว่าธรรมเกิด เลยพูดไม่ได้นะ นั่นเห็นไหมเวลาเกิด เวลาธรรมเกิด ธรรมเกิดจากใจๆ ธรรมเกิดๆ ธรรมอยู่ที่นี่ ใจกับธรรมเป็นอันเดียวกัน เรียกว่าธรรมอยู่ เลยไม่เรียกว่าเกิดไม่เกิด ธรรมอยู่กับใจ ใจกับธรรมเป็นอันเดียวกันแล้วจ้าเลย การเทศนาว่าการนี้แล้วแต่เหตุการณ์ที่จะมาเกี่ยวข้อง ที่จะพูดหนักเบามากน้อยมันจะออกของมันเองๆ ที่ควรจะได้รับประโยชน์ ถ้าไม่เกิดประโยชน์ ดึงออกก็ไม่ออก เป็นอย่างนั้น รู้ขนาดไหนก็เหมือนไม่รู้ นี่ละธรรมภายในใจเป็นอย่างนั้น จึงไม่มีคำว่าอัดอั้นตันใจหรือผลักดันอยากให้พูดให้คุย ไม่มี แต่เวลาเหตุการณ์ที่ควรจะพูดหนักเบามากน้อย หากเป็นเองๆ ควรจะทุ่มทุ่มเลยๆ เป็นอย่างนั้นนะธรรม
เราจึงอยากให้พี่น้องทั้งหลายเห็น ใจดวงนี้มันบรรจุมูตรคูถเต็มหัวใจมานานแสนนานแล้ว ให้เอาธรรมเข้าแทรกดูซิน่ะ จนกระทั่งธรรมเข้าเต็มหัวใจแล้ว ทีนี้เป็นยังไง จ้าไปหมดเลย ต่างกันอย่างนั้นนะ พุทธศาสนาของเราเป็นศาสนาที่เลิศเลอสุดยอดแล้ว อย่าจับให้ผิดพลาดไปนะ จับให้ติด พุทธศาสนาเป็นศาสนาที่เลิศเลอศาสนาเดียวเท่านั้น ที่จะนำสัตว์โลกให้พ้นภัยไปได้ จำให้ดี เราไม่ได้ประมาทศาสนาใด เท่านั้นพอ มีแต่พอๆ เรื่อย เหมือนไอ้ปื๊ดไอ้ปุ๊ด อย่างเคยพูดให้ฟังแล้ว เวลาไปมันปวดขี้ เดินไปเที่ยวแล้วปวดขี้ หาที่ไหนขี้ไม่ได้เลยเรียกสามล้อมา ขึ้นสามล้อแล้วเปิดถังแล้วขี้ใส่ถัง พอขี้สุดแล้วก็ว่า เอาละๆ เท่านี้พอ ก็พอละซีขี้ใส่รถสามล้อเขา
ชื่อมันก็แปลก อาจารย์มหาทองสุกท่านนิสัยเรียบนะ เวลาท่านเล่านี้ให้ฟังเราเป็นคนจับเอามาพูดอยู่ทุกวันนี้ ท่านพูดเรียบๆ เอาละๆ เท่านี้พอ ขี้ใส่รถเขาจนเต็มรถ(ถ้าเป็นอาจารย์สิงห์ทองไปเจอแล้วมาเล่า) โอ๋ ท่านสิงห์ทองนั่นเก่ง แตกแขนงออกไปเลยละ ฟัง มันมีอีกนะ ท่านสิงห์ทองตัวตลกละนี่ ชอบเล่นมากทีเดียว จนได้ดุนะเรา เรียกมาสอนจริงๆ ท่านสิงห์ทองท่านนับเป็นพระผู้ใหญ่ขึ้นโดยลำดับลำดา การปฏิบัติตนเองต่อสังคมเพื่อเป็นประโยชน์สมชื่อสมนามว่าเป็นครูเป็นอาจารย์ ควรวางตนให้เหมาะสม ควรเล่นค่อยเล่น ควรจริงก็จริง ให้มีจังหวะจะโคน อย่ามีแต่เล่นๆ ใช้ไม่ได้ เขามาเคารพนับถือเขาไม่ได้มาเพื่อความเล่นของเรานะ เขามาเพื่ออรรถเพื่อธรรม ให้นำออกปฏิสันถารต้อนรับกันโดยความเป็นธรรม เหมาะสมนะ สอนท่านสิงห์ทอง นั่งหมอบเวลาเราสอน เหมือนกับว่าเอาโซ่พันคอลิงเอาไว้ จับโซ่แล้วตีหัวป๊อกๆ สอน พอวางโซ่แล้วยิกแย็กๆ เป็นอย่างนั้นละท่านสิงห์ทอง
รับฟังรับชมพระธรรมเทศนาของหลวงตา ได้ที่
www.luangta.com หรือ www.luangta.or.th
และรับฟังจากสถานีวิทยุสวนแสงธรรม กรุงเทพฯ และสถานีวิทยุอุดร
FM 103.25 MHz |