เทศน์อบรมฆราวาส ณ วัดป่าบ้านตาด
เมื่อวันที่ ๔ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๔๔
กรรม พื้นฐานสำคัญในพุทธศาสนา
ก่อนจังหัน
พวกในครัวเวลาเข้าวัดเข้าวาไม่กำหนดกฎเกณฑ์จะเข้าเวลาไหน ๆ เมื่อวานนี้เห็นหญิงรุ่น ๆ คนหนึ่งนั่งซ้อนมอเตอร์ไซค์ผู้ชายขับเข้ามานี้ เราเห็นต่อหน้าอยู่ที่ประตูวัด ใครผู้หญิงรุ่น ๆ นั่น ออกหนีจากวัดนะ อย่ามาเข้าในวัดนี้นะ มันจะเลอะเทอะวัดนะ มายังไง เมื่อวานเราไปเจอเองกำลังเริ่มมืด ผู้หญิงคนหนึ่งรุ่น ๆ นั่งซ้อนท้ายมอเตอร์ไซค์ผู้ชายขับมา เราดู มันยังไงกันนี่ ผู้หญิงรุ่น ๆ พอเห็นหน้าเราจำได้จะไล่หนีเลยทันที ยุ่งไม่ได้นะจะเกิดเรื่องแน่ ๆ ถ้ามามันเลอะ ๆ อย่างนี้ อกจะแตกแล้วนะเราดูแลทั้งสองฝ่ายนี่นะ นี่เห็นด้วยตาเจ้าของ
พระก็เคยเจอ เจอแล้วไล่ออก ๆ ไม่ต้องวินิจฉัย เราไปเห็นเอง หลายองค์แล้วนะพระมาในวัดนี้ ไปเจอจัง ๆ แล้วก็ไล่ออก ๆ ไม่ต้องวินิจฉัย เราไปดูเองเห็นเอง อันนี้ก็เราเห็นเองเมื่อวานนี้ตอนค่ำ มันเป็นยังไงมันเลอะ ๆ เทอะ ๆ แล้วนะเวลานี้ จนมองไม่ทัน เราผู้ดูแลครอบอยู่หมดมันจะตายแล้วนะ มาเลอะ ๆ เทอะ ๆ ไม่มีแบบมีฉบับ เอาแบบฆราวาสเลอะ ๆ เทอะ ๆ มาใช้ในวัดใช้ได้ยังไง มันยุ่งกันมากนะเวลานี้ มองไม่ทัน อยากมายังไงก็มา อยากทำยังไงก็ทำ ไม่คำนึงถึงสิ่งที่ควรไม่ควรบ้างเลย ทั้ง ๆ ที่เข้ามาในเขตวัดซึ่งเป็นสถานที่มีขอบเขตมีหลักมีเกณฑ์ มันเลอะ ๆ เทอะ ๆ นะ
ผู้หญิงคนหนึ่งเมื่อวานนี้มา เราดูไม่ได้นะ เราเจอหน้าจะไล่ออกทันทีเลย เราจำหน้าได้อยู่ ถ้าไม่อยากให้เราเจอไล่ออกให้รีบหนีเสียก่อนนะ เจอหน้าจำได้แน่ ๆ เราจะไล่ทันทีเลย ถ้าไม่อยากให้ถูกไล่ให้รีบออกหนีเสียนะผู้หญิงคนนั้นน่ะ เมื่อวานค่ำ ๆ มาน่ะ มันทำไมเป็นอย่างนี้ ผู้รักษา-รักษาแทบเป็นแทบตาย ผู้มาทำลาย-ทำลายอย่างไม่คิดหน้าอ่านหลังอะไรเลย เลอะ ๆ เทอะ ๆ จริง ๆ นะ เลวเข้าทุกวัน ๆ พระนี้ไม่ค่อยวินิจฉัยแหละเพราะเราเห็นเองแล้วไล่ออก ๆ เลย จะมาขออะไร ๆ ไม่ได้ทั้งนั้นถ้าลงได้เจอถนัดชัดเจนด้วยเหตุด้วยผลประจักษ์แล้ว นี่ทางฝ่ายผู้หญิงก็เหมือนกัน ถ้าเจออย่างประจักษ์อย่างเมื่อวานนี้ให้ออกเลย อย่ามาอยู่นี้นะ เมื่อวานนี้ผู้หญิงคนหนึ่งกำลังคึกคะนองเสียด้วย กำลังเลอะเข้าแล้วเวลานี้ ให้ออกนะผู้หญิงคนนั้น ถ้าเราเจอหน้าเราจะจำได้แล้วจะขับทันที ให้รีบออกเสียตั้งแต่เรายังไม่เจอหน้า ให้ไปเสียก่อน ผู้หญิงกลับมาค่ำ ๆ เมื่อวานนี้ มันยังไงกันนี่ ให้พร...
พวกทำครัวนี่ก็เหมือนกัน พวกทำครัวอยู่แถวนี้จ่อดูอยู่ตลอดนะ เดี๋ยวถูกไล่นะ อยู่จุดนี้มันเห็นแก่ปากแก่ท้องตัวเอง ไม่ได้เห็นแก่ใครนะ เราดูมานานหลายปีแล้ว นี่ระวังให้ดีอีก มาเห็นแก่ปากแก่ท้องเจ้าของไม่เห็นแก่ศีลแก่ธรรม เห็นแก่หัวใจใครเลย ดูอยู่ตลอดอย่าว่าไม่ดูนะ นี่ละเวลาเปิด-เปิดออกอย่างนี้ละ เปิดออกไล่พร้อมเลย มันเห็นแก่ปากแก่ท้องไม่เห็นแก่ศีลแก่ธรรมอะไรเลย พวกเปรต มันอะไรกัน
หลังจังหัน
เจดีย์เจ้าคุณพุธ เริ่มสร้างมาตั้งแต่ พอเทศน์อะไร ๆ ปัจจัยรวบรวมแล้วก็ดูเหมือนเริ่มเลยนะ เพราะเตรียมพร้อมอยู่แล้ว ที่เราไปเทศน์ให้ที่วัดสาลวันนั้นก็ได้เงินตั้ง ๒ ล้าน ๗ แสน นั่นละเป็นพื้นฐานสร้างขึ้นได้ ด้วยเงิน ๒ ล้าน ๗ แสนวางเป็นพื้นฐาน ต่อจากนั้นก็เรื่อยมาจนกระทั่งทุกวันนี้ เราตั้งใจไปเทศน์ให้จริง ๆ เจ้าคณะภาคนั่นแหละ เจ้าคณะภาคก็ลูกศิษย์ ทั้งภาคพระ ทั้งภาคทหาร ลูกศิษย์ทั้งสอง เขาก็มานิมนต์ให้ไปเทศน์ เจ้าคุณพุธกับเราก็คุ้นกันมาสักเท่าไร ๆ แล้ว นั่นละเรื่องราวมัน เราก็เลยไปเทศน์อนุเคราะห์ให้ ดูเหมือนได้เงิน ๒ ล้าน ๗ แสนเศษไปอีก ก็พอเป็นต้นทุนวางรากฐานได้ จากนั้นก็วางเรื่อยมา ก็ดูว่าไม่ขาดแคลนเงินนะ เราแน่ใจว่าไม่ขาดแคลน เราเชื่อเจ้าคุณพุธด้วย ต้องเชื่อเจ้าของเจดีย์ด้วย
เจ้าคุณพุธไม่ใช่คนคับแคบตีบตันอั้นตู้ตระหนี่ถี่เหนียว เป็นคนมีเมตตา จิตใจกว้างขวาง การทำงานสงเคราะห์โลกเต็มกำลังเหมือนกัน เพราะฉะนั้นเราจึงเชื่อเจ้าของเจดีย์ว่าไม่ขาด ว่างั้นเลย สมบูรณ์เป็นลำดับลำดาไปเรื่อย ๆ อันนี้ขึ้นกับเจ้าของเหมือนกัน ขึ้นอยู่ในเจ้าของ ๆ จนได้แหละ รากฐานอยู่นั้น เช่นอย่างเจดีย์เจ้าคุณพุธก็ขึ้นอยู่กับเจ้าคุณพุธ ถ้าหากว่าตัวแกนจืดชืดแล้ว อะไรก็จืดชืดไปตาม ๆ กัน ถ้าแกนมีรสมีชาติเป็นเครื่องดึงดูด อะไรมันก็ดึงดูดเข้ามา เรื่องบุญเรื่องกรรมเป็นอย่างนั้นนะ เรื่องบุญเรื่องกรรมเป็นพื้นฐานสำคัญมากในพุทธศาสนาเรา ต้องยกกรรมขึ้นเลยทีเดียว กรรมกระทำที่ไหน มโนปุพฺพงฺคมา ธมฺมา ที่ใจ นั่น สองจุดนี้เป็นจุดสำคัญครอบโลกธาตุ จึงขึ้นอยู่กับเจ้าของคือเป็นตัวแกน เช่น เจดีย์นี้ก็ขึ้นอยู่กับเจ้าคุณพุธ ใครจะวิ่งเต้นขวนขวายที่ไหน ๆ หามามากน้อยเพียงไรก็ตาม มันขึ้นอยู่กับเจ้าของ ๆ เครื่องดึงดูดนี่สำคัญ จืดชืดหรือมีรสชาติอยู่ตรงนี้ แล้วจะมาเองเป็นเอง อาศัยนั้นอาศัยนี้ อันนี้ก็ดึงดูด อันนั้นก็ดึงดูด ก็ไปได้เอง ถ้าตัวแกนไม่มีแล้วก็อย่างว่านะ ยังไงมันก็จืดชืด ๆ ไป
อย่างที่เคยเล่าให้ฟัง พระที่บวชมา ตั้งแต่วันบวชไปบิณฑบาตมาฉันจังหันไม่เคยอิ่มเลย ไม่พอฉัน พระทั้งหลายตลอดถึงเจ้าอาวาส หัวหน้าวัด ก็พยายามเต็มกำลัง แต่มันก็เป็นอย่างนั้น ให้แล้วพอฉันลงไปมันหากบันดลบันดาลให้หมดไป ๆ ยังไม่อิ่มหมดแล้ว อาหารในบาตรหมดแล้ว นี่ก็พื้นเพกรรมของท่านท่านสร้างเอง แน่ะอย่างนั้นนะ จะไปตำหนิใครได้ยังไง เวลาไปบิณฑบาตพระท่านทำทุกแบบว่างั้นเถอะ ก็ไม่เหนือกรรมไปได้ จะแบบไหนมาก็ไม่เหนือกรรม กรรมต้องเหนือตลอด ออกหน้าให้ไปบิณฑบาต มันก็ดลบันดาลให้เขาไม่เห็นเสีย อยู่ตรงไหนก็ดลบันดาลเรื่อยด้วยกรรม ๆ ยิ่งให้ไปอยู่สุดท้ายหมดหวังเลย ข้าวหมดแล้ว ทำยังไงก็ไม่ได้เรื่อง ๆ กระเทือนไปทั่วดินแดน ถึงกับพระสารีบุตร พระโมคคัลลาน์ อัครสาวกข้างซ้ายข้างขวามาเองเชียว เตรียมอาหารมาพร้อม พระสารีบุตรพระโมคคัลลาน์ท่านขนาดไหนฟังซิ จะอดจะอั้นอะไรอาหารการฉันท่านไปไหน
พอมาก็ถามเรื่องราว ท่านก็ยอมรับบอกว่าเป็นอย่างนั้นจริง ๆ คือท่านบวช เท่าที่ทราบมานี้มันลือลั่นไปหมดนะ ทราบว่าตั้งแต่วันบวชมาท่านฉันจังหันไม่เคยอิ่มเลย เพราะอาหารไม่มี อาหารหมดไป ใช่ไหม พระท่านก็ยอมรับว่าใช่ ไม่มีใครใส่บาตรให้ท่านเหรอ มี เขาก็ทำเต็มความสามารถทุกคน ๆ ที่จะอนุเคราะห์ มันก็เป็นอย่างนั้น ๆ ตลอดมาว่าไง นี่เหนือกรรมไปได้ไหมล่ะ
ทีนี้พระสารีบุตรพระโมคคัลลาน์เตรียมพร้อมมาแล้วนี่อาหาร จะมาประกาศกรรมให้โลกได้เห็นในวงนั้นว่างั้นเถอะ มาก็จัดอะไร ๆ ใส่บาตรเรียบร้อย พระสารีบุตร พระโมคคัลลาน์เป็นผู้จัดใส่บาตรเอง ถามเรื่องราวท่านยอมรับทุกอย่างแล้วไม่มีข้อขัดแย้งกันเลย ว่าเป็นความจริงตามนั้น ฉันไม่เคยอิ่มเลย พอฉันไป ๆ หมดไป ๆ หายเงียบไปเลย เป็นประจำ ทีนี้ท่านเอาวาสนาท่านไปช่วยนะ พอช่วยได้ท่านก็ช่วย ท่านจัดอาหารอะไร ๆ ใส่บาตรให้เต็มเลย เอ้า ท่านฉันซิ พระสารีบุตรจับขอบปากบาตรเอาไว้ ฟังซิน่ะ ถ้าปล่อยขอบปากบาตรอาหารก็หมด อาศัยวาสนาบารมีของพระสารีบุตรจับขอบปากบาตร เอา ฉัน จับขอบปากบาตรเหมือนนักโทษว่างั้นเถอะน่ะ
เห็นไหมกรรม ฟังซิ พี่น้องทั้งหลายฟัง เรานี้เชื่อกิเลสเชื่อธรรมฉันใด เรานี้เชื่อเรื่องกรรมฉันนั้นเหมือนกันไม่มีลดเลย ตายก็ตายไปเลยเรา เพราะฉะนั้นจึงพูดตลอดเวลาอย่างอาจหาญชาญชัยไม่สะทกสะท้าน เรื่องกรรมใครจะเก่งขนาดไหนก็เก่งไปเถอะ พระพุทธเจ้าก็เป็นผู้ทรงสอนกรรมเอง พระองค์ทรงเสวยกรรมมามากขนาดไหน พิจารณากรรมจนรู้แจ้งเห็นชัดทุกอย่างแล้วว่า นี้คือรากฐานสำคัญของสัตวโลก นั่นฟังซิ ได้แก่การทำกรรม กรรมนี้ใครเป็นคนทำ รากฐานอีกอันหนึ่งคือใจ ออกมาจากใจ ตั้งแต่ มโนกรรม วจีกรรม กายกรรม ไปเรื่อยกระจายไปหมด ออกจากใจ เพราะฉะนั้นเมื่อยังทำกรรมอยู่จะลบล้างเท่าไรก็ลบล้างเถิด ผลกรรมจะเจอวันยังค่ำ ถ้ากรรมดีก็กว้านเข้ามาวันยังค่ำจนพอ ถ้ากรรมชั่วก็กว้านเข้ามาเอาจนกระทั่งถึงจมเลย นั่น ไม่มีหยุดหย่อน ถ้าไม่หยุดการกระทำผลจะแสดงตลอดเลย จะปิดไม่ได้ พูดถึงเรื่องกรรมก็เป็นอย่างนั้นจะว่าไง
เพราะฉะนั้นพูดถึงเรื่องเจดีย์เราเชื่อท่านเจ้าคุณพุธ ท่านไม่ใช่เป็นคนคับแคบตีบตัน ก็รู้นิสัยกันมาดั้งเดิมแล้ว คุ้นกันมาตั้งแต่สมัยเป็นมหาเปรียญ ท่านเป็นลูกศิษย์หลวงปู่มั่นเรื่อยมา หลวงปู่เสาร์ท่านก็เคยเหมือนกัน ทราบแต่เราก็ไม่ชัดนัก หากทราบมาอย่างนั้น เข้ามาหาสายพ่อแม่ครูจารย์มั่นเรานี้ เข้ามาในวงนี้ด้วยกัน เพราะฉะนั้นถึงคุ้นกันล่ะซิ วันนั้นก็ได้ตั้ง ๒ ล้าน ๗ แสนกว่าของเล่นเมื่อไร เพราะอำนาจวาสนาของท่านนั่นแหละสำคัญ เรามีบ้างเล็กน้อยก็ผสมกันเข้าไปเป็น ๒ ล้าน ๗ แสนกว่า ทางโน้นผสมทางนี้ก็ผสมเชื่อมเข้าหากัน
พี่น้องทั้งหลายให้จำนะ เราเป็นลูกชาวพุทธให้เชื่อกรรมนะ ตัวเรานี้ทำกรรมตลอดเวลาเรายังไม่เชื่อการทำของเราอีกเหรอ ถ้าไม่เชื่อแล้วไปเอาไฟมา ใครเก่งเราจะให้จับไฟให้เห็นต่อหน้าต่อตาคนทั่ว ๆ ไปนี้แหละ เอา จับมันจะร้อนไหมไฟ กำลังแดงโร่อยู่นี้ ไม่ต้องมีอะไรเครื่องป้องกันตัว เอาตัวใจตัวมันเก่ง ๆ เข้าใส่กันเลยกับมือตัวมันเก่ง ๆ ซัดเข้าไปจะเป็นยังไง ได้ยินเสียงร้องวาก ๆ หมาเรา ๑๒ ตัวนี้จะได้วิ่งหนีจากวัดหมด นึกว่าเสือโคร่งใหญ่มาหาเขา ความจริงเสือโคร่งใหญ่มันร้องมันดิ้นตายไฟไหม้หัวมัน เข้าใจไหม นั่นเห็นไหมล่ะ
เอ้า อยู่ในที่แจ้ง ๆ มันร้อน เข้าไปในห้องปิดประตู ปิดให้หมดไม่ให้อากาศเข้าไปได้แล้วจับ ก็ได้ยินเสียงร้องวาก ๆ ๆ ไม่มีใครช่วย คราวนี้ตายเลย ไม่มีใครช่วย มันอยู่ในที่ลับ นี่ละกรรม ทำที่ไหนตัวทำคือเรา ไม่มีคำว่าที่แจ้งที่ลับ ไม่มีอิริยาบถ ทำที่ไหนเป็นที่นั่น ๆ ตลอดคือกรรม จำให้ดี ใครว่าอย่าที่ลับเป็นอย่างนั้น ที่แจ้งเป็นอย่างนี้ กิเลสมันตบตาคนมันตบตาธรรมไม่ได้ ความจริงเป็นอย่างนั้น
เราจึงวิตกวิจารณ์ถึงพวกที่ทำความชั่วช้าลามกแก่ส่วนใหญ่ส่วนรวมนี้ แหม กรรมหนักมากนะ ถ้าไม่รีบแก้ไขเสียแต่บัดนี้จมไม่ต้องสงสัย เขียนใบจมไว้เลย อย่าท้าทายพระพุทธเจ้า มีกี่พระองค์ ตรัสรู้มานี้มากขนาดไหนนานแสนนานไหม ตรัสสอนไว้แบบเดียวกันหมดไม่มีเคลื่อนคลาดเลย เคารพกรรมด้วยกันทั้งนั้น บรรดาพระพุทธเจ้ายอมรับกรรม เคารพกรรม สอนโลกให้ละกรรมชั่ว ทำกรรมดีตลอดมาทุก ๆ พระองค์ เป็นอย่างนี้นะ ไม่มีพระพุทธเจ้าองค์ใดจะสอนแหวกแนวกัน เอ้า ทำไปเถอะกรรม ตถาคตจะลบให้หมด เอ้า ทำลงไป ๆ ลบไม่ได้ล่ะซี กรรมเจ้าของลบเจ้าของไม่ได้นั่นซี คนอื่นไปลบได้ยังไง เจ้าของทำแล้วนั่นจะให้ใครมาลบให้ล่ะ
การช่วยกันบ้างเล็ก ๆ น้อย ๆ นั่นได้ แต่หลักใหญ่ไม่ได้นะ อยู่กับเจ้าของ อย่างพระสารีบุตรจับขอบปากบาตรไว้ให้ฉัน เอา ฉันให้อิ่มวันนี้ ฉันจนอิ่มวันนั้น แล้วอิ่มวันนั้นแล้วก็เลยตาย โห อิ่มวันเดียวเลยตาย ตายเพราะอิ่มมากหรือไงก็ไม่รู้ มันก็เป็นอย่างนั้นจะว่าไง เห็นอยู่อย่างนั้น เรื่องกรรมเป็นเรื่องใหญ่โตมาก พุทธศาสนาทุก ๆ พระองค์ของพระพุทธเจ้าสอนเรื่องกรรมนี้เน้นหนัก คือหลักศาสนาอยู่ที่กรรมเลย มโนปุพฺพงฺคมา ขึ้นต้นของกรรมอยู่ตรงนี้ กรรมแยกออกมาจากจิตที่เคลื่อนออกมาแล้วก็ทำกรรมดีกรรมชั่ว ไม่มีที่แจ้งที่ลับกรรม ใจก็ไม่มีที่แจ้งที่ลับ เป็นใจตลอดเวลา ผู้ทำดีชั่วเป็นดีเป็นชั่วตลอดเวลา เรื่องที่แจ้งที่ลับอย่าให้กิเลสมาหลอกมาต้มเอานะ มันยังจะต้มอีกนะ
นี่พูดถึงเรื่องกรรม เรื่องเจดีย์ของเจ้าคุณพุธทำไว้สำหรับกราบไหว้บูชา พระที่ควรกราบไหว้บูชาก็ให้ได้กราบไหว้บูชา ไม่ใช่เอะอะก็ก่อเจดีย์ ๆ อันนี้เราก็ได้โต้กันแล้ว เหตุที่จะโต้ก็คือ ไปในงานศพท่านอาจารย์เทสก์ ไปในงานเผาศพท่าน มีครูบาอาจารย์มีประชาชนผู้ใหญ่ ๆ มารวมกันเยอะ พูดถึงเรื่องก่อเจดีย์ เอะอะมีแต่จะก่อเจดีย์ ๆ เราก็คันฟันละซีก็ใส่ผางขึ้นทันทีเลย เอาจนกระทั่งสภาแตกเลย หลวงตาบัวถ้าลงตรงไหนแล้วเอาสภาแตก ยันกันเข้ามาล่ะซี คือมันขวางหูอยู่ตลอดเวลา เอะอะก็มีแต่จะก่อเจดีย์ ๆ มันยังไงกัน หลักเกณฑ์มีอยู่ทำไมไม่คำนึง เอามาทำไมเปะปะ ๆ สุ่มสี่สุ่มห้า กบเขียดตัวหนึ่งตายก็ก่อเจดีย์ อะไรตายก็ก่อเจดีย์ ไก่ตาย หมูตายหมาตายก่อเจดีย์ แล้วผู้กราบจะให้เขากราบอะไรถูก กราบอันนี้ก็ถูกกบถูกเขียด กราบอันนี้ถูกเป็ดถูกไก่ไปเสีย กราบอันนี้ถูกหมูถูกหมาไปเสีย ที่จะกราบครูบาอาจารย์ที่เป็นสาระสำคัญแก่จิตใจไม่มี มีแต่ก่อไว้เต็มบ้านเต็มเมือง ไม่ทราบจะกราบตรงไหนจะถูก หลักเกณฑ์มีอยู่ นั่นเอาแล้วนะ พระพุทธเจ้าที่ทรงแสดงไว้แล้วว่า บุคคลที่ควรแก่การก่อเจดีย์ มีอยู่ ๔ ประเภท นั่น ก็บอกไว้แล้ว
๑.พระพุทธเจ้า
๒.พระปัจเจกพระพุทธเจ้า
๓.พระอรหันต์
๔.พระเจ้าจักรพรรดิ์
ท่านทั้ง ๔ ประเภทนี้เป็นคนที่ควรกราบไหว้บูชา แล้วการก่อเจดีย์ก็ให้ก่อในที่ชุมนุมชน ที่เขาจะได้มองเห็นแล้วเป็นขวัญตาขวัญใจ และกราบไหว้บูชาเป็นสิริมงคลแก่โลกทั่ว ๆ ไป นี่ท่านบอกไว้ ๔ ประเภท ท่านไม่เห็นบอกว่า กบตายแล้วให้ก่อเจดีย์ประเภทนั้น เขียดตายก่อเจดีย์ หมูตายหมาตายให้ก่ออย่างนั้นก่ออย่างนี้นี่นะ ทำไมจึงทำสุ่มสี่สุ่มห้า เราก็ว่าเอาจริงๆ นี่ละหลักเกณฑ์มีอยู่ ไม่ได้ไปคำนึงถึงหลักเกณฑ์ เอาสุ่มสี่สุ่มห้ามาใส่ก็เสียหมดซิหลักความจริง ความจริงมีอยู่ เราถึงได้ประกาศให้ทราบกันทั่ว ใครจะเรียน ใครจะรู้หรือไม่รู้ก็ตาม ก็เราเรียนเรารู้มาอย่างนี้หลักเกณฑ์ เราก็เอาหลักเกณฑ์นี้ออก ผู้ที่ต้องการหลักเกณฑ์ก็เพื่อจะได้ยึดอันนี้เป็นคติดำเนินต่อไป ก็จะมีหลักมีเกณฑ์ อันนี้สุ่มสี่สุ่มห้า เราไม่เอานะ ทำสุ่มสี่สุ่มห้ามันไม่ถูก ต้องทำให้มีกฎมีเกณฑ์ซิ
ดังท่าน พระพาหิยะ ท่านก็เร่งของท่านเต็มเหนี่ยว ชีวิตก็เร่งเต็มเหนี่ยวเหมือนกัน มรรคผลนิพพานก็เร่งเต็มหัวใจท่าน นี่เราสรุปเอามาเลยนะ เอาย่อ ๆ มาพูด เอาเฉพาะใจความ มาก็เข้าเฝ้าพระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าเสด็จบิณฑบาต ตามเสด็จทูลถามปัญหา เดี๋ยวเรากำลังบิณฑบาต ทางนี้ก็ตามเรื่อยๆ ทูลถามเรื่อย พระองค์ก็ทรงเล็งญาณทราบอยู่ตลอดจะว่าไง พอสุดท้ายพระองค์ก็รับสั่ง เทศนาว่าการย่อ ๆ บรรลุพระอรหันต์ปึ๋งเลย นั่นเห็นไหมล่ะ พอสำเร็จพระอรหันต์แล้วจะบวชไม่มีบริขาร ให้ไปหาบริขารมาบวช พอออกไปถูกวัวแม่ลูกอ่อนขวิดตาย เลยไม่ได้บวช
ก็มีปัญหาเกิดขึ้น พาหิยะนี่ทราบจากพระพุทธเจ้ารับสั่งเรียบร้อยแล้วว่าเป็น พระอรหันต์แล้ว สำเร็จตั้งแต่เป็นฆราวาสอยู่ ทีนี้ก็ตายทั้งๆ ที่ยังไม่ได้บวชนี้จะทำยังไง จะควรก่อเจดีย์หรือไม่ควร พระพุทธเจ้ารับสั่งเลย ควรโดยถ่ายเดียว เรื่องเพศเรื่องอะไรนั้นเป็นอันหนึ่งต่างหาก เรื่องหลักธรรมชาติคือจิตที่บริสุทธิ์นี้เลิศโลกแล้ว ไม่ได้ขึ้นอยู่กับเพศกับวัยอะไรทั้งนั้น เป็นผู้ควรแก่การก่อสร้างเจดีย์ ให้เป็นที่เคารพบูชา ก็บอกสถานที่ให้ ให้ไปก่อในที่ชุมนุมชนเพื่อเป็นขวัญตาขวัญใจแก่ประชาชนทั่ว ๆ ไป นี่พาหิยะ ยังไม่ได้บวชเป็นพระอรหันต์แล้ว เป็นพระในหลักธรรมชาติแล้วสมบูรณ์แบบ พระองค์ก็ทรงรับสั่งทันทีเลย นี่เห็นไหมล่ะ มีฆราวาสมีพระที่ไหน จิตถ้าบริสุทธิ์แล้วไม่มีเพศบอกแล้ว นี่พระพาหิยะก็ได้ก่อเจดีย์ไว้สำหรับกราบไว้บูชามาตลอด พระพุทธเจ้ารับสั่งเองนี่ จิตนี้ไม่มีเพศมาดั้งเดิม พอบริสุทธิ์แล้วเต็มเหนี่ยวเลย เป็นพระอรหันต์เต็มองค์เลย
ในศาสนาพระพุทธเจ้าของเรานี้ ฆราวาสสำเร็จเป็นพระอรหันต์มีมากอยู่นะ ที่ไม่ได้บวชเป็นพระอรหันต์มีอยู่มากนะ เราจำไม่ได้มากนัก จำได้แต่พระเจ้าสุทโธทนะที่เป็นพระราชบิดา แล้วก็พาหิยะ สันตติมหาอมาตย์ และนางเขมา สันตติมหาอมาตย์ที่เมาเหล้าแปล้อยู่บนคอช้าง ก็ชี้บอก ตอนบ่ายนี้ เธอจะได้เป็นพระอรหันต์แล้วบวช กำลังเมาเหล้า พอตอนบ่ายเมียก็ตายเสียใจมากซิ แล้วสุดท้ายก็เลยบวชเป็นพระอรหันต์ขึ้นมา นั่นเห็นไหม พระพุทธเจ้าชี้ไว้อยู่บนคอช้าง นี่ตอนนี้กำลังเป็นบ้า นั่นฟังซิ กำลังเมาเหล้าแปล้อยู่บนคอช้าง ครั้นตอนบ่ายมาความโศกเศร้าเหงาหงอยก็จะตีเข้ามา ธรรมก็จะเกิด ได้เป็นพระอรหันต์ขึ้นมาในวันนี้ นั่นเห็นไหม ผิดไหมพระพุทธเจ้ารับสั่ง ก็หยั่งทราบไว้หมดแล้วจะว่าอะไร
คิดดูซิตั้งแต่หมาดำ หมาดำกับนันทเศรษฐี เป็นเศรษฐี แกก็ไม่ได้ทำบาปกรรมอะไรมากนัก เพียงแต่เป็นเศรษฐีตระหนี่ธรรมดา ไม่ได้ตระหนี่มากนัก ครั้นเวลาตายแล้วก็มาเกิดเป็นหมาดำ อยู่ในสกุลลูกหลานนั้นแหละ เขาก็ดูแลธรรมดาว่าเป็นหมา เขาไม่ได้ว่าเป็นนันทเศรษฐีที่เคยเป็นพ่อมา พระพุทธเจ้าเสด็จไปบิณฑบาต เอ้อ.นี่นันทเศรษฐีตายแล้วมาเป็นหมาดำอยู่นี่ เห็นไหมล่ะนอนอยู่นี่ นี่ละนันทเศรษฐี พระอานนท์ก็เป็นผู้ฉลาด หาอุบายวิธีการกราบทูลเรื่องราวต่าง ๆ วิธีการจะแก้ไขดัดแปลงพอจะเป็นประโยชน์เกี่ยวกับหมาดำนี้ อะไรบ้าง
พระองค์ก็รับสั่ง หมาดำตัวนี้รู้ภาษาคนเราได้ดีนะ ถ้าลูกเขารู้เรื่องรู้ราวแล้ว ประจบประแจงยกหมาดำตัวนี้ให้เป็นพ่อเขาตามเดิม เวลานี้เขาเป็นหมาดำ ลูกทั้งหลายก็ไม่รู้ว่าพ่อเขามาเป็นหมาดำ เมื่อเขารู้แล้วว่าหมาดำตัวนี้เคยเป็นพ่อเขาแล้ว คือเป็นนันทเศรษฐี แล้วประจบประแจงยกฐานะเขาขึ้นให้เป็นพ่อ คือนันทเศรษฐีตามเดิมแล้วเขาจะบอกที่ซ่อนสมบัติให้ ทีนี้ก็ประจบประแจงทุกสิ่งทุกอย่าง ทีนี้เงินมันมีมากขนาดไหนเอามาเที่ยวฝังไว้ที่นั่นที่นี่เต็มไปหมด ไม่มีใครรู้เลย มีหมาตัวนันทเศรษฐีนี้รู้ตัวเดียวคนเดียว ถ้าประจบประแจงเลียแข้งเลียขา คุณพ่ออย่างนั้นคุณพ่ออย่างนี้ ให้ปฏิบัติแบบเขาเป็นพ่อนะ ต้องมีความเคารพเหมือนเขาเป็นพ่อ แล้วหาอุบายขอสมบัติเงินทองจากเขา เขาจะพาไปขุดเอาหมดนั่นแหละ
ก็ประจบประแจงอย่างว่าจริง ๆ ดูแลรักษา ปฏิบัติเหมือนปฏิบัตินันทเศรษฐี ประจบประแจงทั้งเช้าทั้งเย็น ทุกสิ่งทุกอย่าง สุดท้ายก็เลยขอสมบัติเงินทอง ว่าลูกนี้จนมาก คุณพ่ออย่างงั้น คุณพ่อดำ ๆ อะไรอย่างนี้เรื่อยไป แล้วก็ให้เขาพาไปหาเงิน เขาตะกุยลงตรงไหนก็ขุดลง นั่นน่ะไหกระเทียม เงินเหรียญอยู่ในนั้น เอ้า.มีที่ไหนอีกคุณพ่อ ขุดเอาเสียจนหมด หมดแล้วเขาไล่หมาดำตัวนั้นหนีหรือไม่ไล่หนีเราก็ไม่รู้นะ เขาได้เงินหมดแล้ว นี่ตัวอย่าง เห็นไหมล่ะพระพุทธเจ้าแน่ไหม ฟังซิ ไปขุดก็ได้จริง ๆ เขารู้ภาษาทุกอย่าง นั่นละพระญาณ ท่านจึงเรียกว่า เอกนามกึ คือพระญาณหยั่งทราบของพระพุทธเจ้าทุก ๆ พระองค์ เป็นหนึ่งไม่มีสอง แน่นอนทุกอย่างเลย พระวาจาที่รับสั่งอะไรไปแล้วก็เป็นหนึ่งไม่มีสอง ตรัสคำสอนอะไรลงไปแล้วนี่เรียกว่าพระวาจา เป็นหนึ่งไม่มีสอง ว่าอะไรเป็นอย่างนั้น เป็นอื่นไปไม่ได้ นี่ละพระพุทธเจ้า
พวกเรานี้ทำไมถึงจะไปลบ นรก บาป บุญ ไม่ให้มีในโลก มันเป็นไปได้ไหม พิจารณาซิ ผู้ที่จอมปราชญ์ฉลาดแหลมคมครอบโลกธาตุ คือพระพุทธเจ้าทุก ๆ พระองค์ ประกาศไว้เป็นเสียงเดียวกันหมด ลบล้างไม่ได้จึงยอมรับกัน เสมอกันหมด นี่ละ บาป บุญ นรก สวรรค์ มีมากี่กัปกี่กัลป์ ไม่มีต้นมีปลายสิ่งเหล่านี้ แล้วทำไมเราจะไปลบสิ่งเหล่านี้ไม่ให้มีได้ ถ้าไม่จมเพราะการเชื่อกิเลส เชื่อกิเลสเท่าไรยิ่งจมนะ ให้ระวังให้ดี ไม่งั้นจมแน่ ๆ พวกเรา จะไม่มีอะไรเหลือติดเนื้อติดตัวนะ
เวลานี้ชีวิตจิตใจของเราเป็นชีวิตของมนุษย์ทั้งนั้น ไม่ใช่ชีวิตของสัตว์พอจะไร้ค่าไร้ราคาอะไร เป็นชีวิตของมนุษย์มีคุณค่ามาก ให้พากันนำธรรมเข้าไปส่งเสริมเข้าไป ชีวิตของมนุษย์จะเพิ่มคุณค่าขึ้นเป็นลำดับ นำเจ้าของให้หลุดพ้นจากทุกข์ได้ไม่สงสัย ถ้าชีวิตของกิเลสตัณหาที่มันเคยลากสัตว์ให้จมลงในนรก เข้ามาเป็นใหญ่เป็นโตแล้วจะจมอีก จมแบบไม่แล้วไม่เล่า ไม่เข็ดไม่หลาบจมตลอดไปนะ อย่าว่าแต่ตลอดมา นี้ยังจะตลอดไปอีกไม่มีสิ้นสุดถ้าเชื่อกิเลสเมื่อไร ก็ทราบแล้วว่ากิเลสกับธรรมเป็นข้าศึกกัน ธรรมว่าจริง กิเลสจะว่าปลอม ถ้าธรรมว่าดี กิเลสว่าชั่วทั้งนั้น เป็นอย่างนี้ตลอดมา เพราะฉะนั้นธรรมจึงต้องมี ไม่มีโลกไม่มีความหมายนะ เพราะกิเลสมันสร้างความหมายไว้เต็มตัวแล้ว ธรรมมีมาแต่ละครั้งละคราวจึงเป็นเหมือนน้ำดับไฟมาชะมาล้างกัน
นี่เราก็พอยังมีน้ำติดโอ่งติดอ่างกระถาง ในบ้านในเรือนในที่พักที่อยู่ของเราบ้าง พอที่จะมาชะล้างความขี้เกียจขี้คร้านท้อแท้อ่อนแอเหลวไหลโลเล ความไม่เชื่อความจริงให้จางลงไปบ้าง ความจริงจะได้โผล่ขึ้นมาจากภายในจิตใจของเรา แล้วจะสร้างสารคุณขึ้นเป็นประโยชน์แก่เราต่อไป ให้พากันจำเอา ไม่งั้นจะจมกันทั้งโลก เราพูดด้วยความสงสารทุกแง่ทุกมุมนะ เราไม่มีสงสัยอะไรแล้ว หากว่าเป็นสิ่งที่ลากความจริงนั้นออกมาได้แล้ว ฟาดหน้าผากพวกนี้แตกหมด ไม่ให้มีเหลือแหละ
นี่ละธรรมจึงต้องมีไม่มีไม่ได้นะ ไม่มี...หมด สัตวโลกไม่มีความหมายเลย ธรรมชะล้างๆ สกปรกขนาดไหนชะล้างขึ้นมาพอใช้ได้ๆ ชะล้างไปจนสะอาดดีดผึงเลย มีธรรมเท่านั้นกิเลสไม่มีทาง มีแต่ธรรมให้พากันจำให้ดี นี่เราสอนโลกเราสอนด้วยความเมตตาสงสารจริงๆ นะมันจวนจะตายๆ แล้ว ถ้ายังจะนอนใจจะจมนะ บอกตรงๆ อย่างนี้เลย เป็นอื่นไปไม่ได้ว่างั้นเลย ฟังซิพระพุทธเจ้าสอนว่ากิเลสมีอยู่ในหัวใจสัตว์ มันมีอยู่ในหัวใจเราไหม เอาถ้าว่าไม่เชื่อเอาตรงนี้แหละนะ ความโลภมีไหม ความโกรธมีไหม กิเลสตัณหาประเภทต่างๆ มีไหมในหัวใจเรา มันก็มีอยู่ในหัวใจของทุกคนจะปฏิเสธพระพุทธเจ้าได้ยังไง พระองค์ว่าอย่างงั้น แล้วพระองค์ละได้ เป็นผู้บริสุทธิ์พุทโธเต็มส่วนจากสิ่งเหล่านี้แล้ว เรายังละไม่ได้ก็ต้องยอมเชื่อพระพุทธเจ้า แล้วปฏิบัติละถอนมันเต็มกำลังความสามารถของเรา จึงเรียกว่าลูกศิษย์เดินตามครู พากันจำเอานะ ถ้าไม่งั้นจะจมจริง ๆ นะ
พูดถึงเรื่องการสร้างบาปสร้างกรรมนี้แหม โอ๊ย จนจะมองดูไม่ได้นะ มองไปที่ไหนไม่มองเห็นคนจะว่าไง เห็นแต่กิเลสล้อมรอบหุ้มตัวเลยเชียว เป็นเสื้อเกราะมันหุ้มห่อตัวเลย ไม่ให้ธรรมเข้าไปแตะได้ เสื้อเกราะเพื่อเป็นอันตรายแก่สัตวโลก มันหากหุ้มไว้อย่างแน่นหนามั่นคง ธรรมเข้าไปแตะไม่ได้ เสื้อเกราะกิเลสเพื่อป้องกันธรรมไม่ให้เข้าไปแตะ มีเต็มบ้านเต็มเมืองเต็มโลกเต็มสงสาร เต็มสัตว์เต็มบุคคล เต็มเราเต็มเขาทุกคน จึงต้องเอาธรรมเข้าไปชะไปล้าง พยายาม มันจะทุกข์ขนาดไหนก็รู้ว่าทุกข์เพื่อสู้กิเลส เอา ทุกข์ไปว่างั้นเลย ตายๆ ไปสู้กิเลสมีเกียรติ ตายแพ้กิเลส ตายไม่สู้กิเลส ตายหมอบราบให้กิเลสนี้เสียมากทีเดียวมนุษย์เรา เลวที่สุด เราอยากจะเทียบเข้ามาให้มันถนัดชัดเจนว่า สู้หมาไม่ได้ว่างั้นเลย หมามันยังมีท่าต่อสู้ เวลาจะไปตีมัน มันหนีไม่พ้นจริง ๆ มันจะกัดเอานะหมา อันนี้ยังจะแง้ๆ อยู่ใช้ได้ยังไง สู้หมาไม่ได้ หมายังมีท่าต่อสู้ มนุษย์เราแง้ๆใช้ไม่ได้นะ จำให้ดี เอาวิชาหมานี้ประกอบเข้าไปให้เป็นวิชาเลิศโลกจากวิชาหมาเข้าใจไหม เอาละพอ
เปิดดูข้อมูล วันต่อวัน ทันต่อเหตุการณ์ หลวงตาเทศน์ถึงเรื่องอะไร www.luangta.com |