เทศน์อบรมฆราวาส ณ วัดป่าบ้านตาด
เมื่อวันที่ ๑๔ สิงหาคม พุทธศักราช ๒๕๔๘
กระจายศูนย์โรคตา
นี่คุกเข่าขึ้น เอ้า มันต้องชี้ซิ มันผิดแปลกจากโลกเขาก็ต้องชี้บ้างซิจะว่าไง นี่มันก็ไปเกี่ยวข้องกับอยุธยา พวกอยุธยามา โถ เต็มศาลาเลยนะ แล้วมาอะไรล่ะเราว่างี้ มีธุระอะไรๆ บ้างเห็นมามากมาย ถาม ว่ามาจากอยุธยา กี่คันรถไม่ทราบแต่แน่นหมดเลย ว่าอยากมาเห็นหน้าเห็นตาหลวงตา ได้ยินแต่ชื่อแต่เสียง เห็นออกในทีวีทุกวันๆ แล้วยังไม่ถึงใจ เลยต้องยกขบวนกันมา ว่างั้นนะ มาดูแล้วเป็นยังไงล่ะ ขณะดูอยู่เวลานี้เป็นยังไง ขณะดูอยู่เวลานี้เรียบๆ แล้วในทีวีเป็นไง โอ๊ย ดุเดือดมาก เขาว่านะ ดูในทีวีนี้ดุเดือดมาก เวลามาดูตัวจริงเป็นยังไงล่ะ เห็นเรียบๆ ว่างั้น ก็ทางนี้ยังไม่ได้ยกครูยังไม่ได้ขึ้นต่อยก็ต้องเรียบๆ ละซี
จากนั้นไปแล้วก็เริ่มธรรมะละที่นี่ พอเริ่มธรรมะก็เต็มเหนี่ยวเลยละ พอเทศน์จบลงแล้ว เป็นยังไงที่นี่ ดูในทีวีกับดูเวลานี้เรียบๆ ดูในทีวีผาดโผนโน่น แล้วทีนี้เป็นยังไง เวลานี้กับดูทีวีเป็นยังไง โอ๊ย ทางนี้เก่งกว่านั้น ทางนั้นสู้ไม่ได้เลย นั่นเห็นไหมล่ะ จากนั้นคนนั้นขึ้นๆ ตกลงคุกเข่าขึ้นแบบนี้ละ เรื่องมันมาสัมผัสกัน คนนี้คุกเข่าคนนั้นไม่เห็นก็ลุกขึ้นยืนหมดเลยเต็มศาลา ทีแรกนั่งอยู่ จากนั้นคุกเข่าขึ้น คนหลังไม่เห็นก็ยืนขึ้น เลยเต็มศาลายืนไปหมดเลย พวกอยุธยามาตอนที่กำลังช่วยชาติอยู่นั้น เขาอยากเห็น เวลาออกทีวีรู้สึกว่าผาดโผนโจนทะยาน น่าดูน่าชมน่าอะไร เป็นไปในทางผลบวกนั่นละ ถึงจะผาดโผนก็เป็นผลบวก แล้วมาดูที่นี่เป็นยังไง เห็นเรียบๆ ทางนี้ก็กระหยิ่ม เออ เรียบๆ แล้วคอยดูนะ ก็ยังไม่ได้ขึ้นเวทีไปต่อยดะเดี๋ยวเขาก็จับใส่คุกซีใช่ไหม มันต้องขึ้นเวทีแล้วค่อยเอา พอขึ้นเวทีแล้วเป็นยังไง โอ๊ย ทีวีสู้ไม่ได้ แน่ะเห็นไหมล่ะ
(หลวงพ่อลาละค่ะ) อะไรอีก (หนูไปละ) จะไปอยู่อยุธยาหรือนั่นน่ะ มาจากไหนล่ะ (กรุงเทพค่ะ) กรุงเทพกับอยุธยามันห่างไกลกัน ไปเรอะ เออ ไปๆ ดูท่ามัดไว้ไม่อยู่แล้วเราก็เลยบอก เอา ไปๆ มัดไว้ไม่อยู่ มันหากมีตลกอยู่นั้นละ มัดไว้ไม่อยู่ ทำไงไม่อยู่ จับหางดึงไว้ไม่อยู่ก็ตบก้น เอา ไป ก็อย่างนั้นซี อยุธยาเป็นอย่างที่ว่าจริงๆ คนมาไม่ทราบว่ากี่คันรถ คนเต็มเลย เขาบอกว่าตั้งหน้าตั้งตาอยากจะมาดูตัวจริง เห็นแต่ในทีวีรู้สึกว่าผาดโผนโจนทะยาน แล้วก็น่าดูน่าชมน่าอัศจรรย์ เขาไม่ได้บอกว่าเป็นผลลบนะ เป็นผลบวก ดูแล้วไม่ถึงใจจึงอยากมาดูตัวจริงเป็นยังไง แล้วเป็นยังไงดูตัวจริงแล้ว เห็นเรียบๆ เรากระหยิ่มอยู่ คอยดูนะ พอขึ้นเวทีลงมาแล้ว โอ๊ย อันนั้นสู้ไม่ได้ นั่นเห็นไหม
ทีวีนั้นคงอยู่กระมัง ออกเมื่อไรก็ได้ที่ออกตอนช่วยชาติน่ะ จะออกเมื่อไรก็ได้หรือว่าไง เขามีฟิล์มอยู่ไม่ใช่เหรอ เขามีอะไรติดไว้ไม่ใช่เหรอออกเมื่อไรก็ได้ นี่หลวงตาตายไปแล้วยังจะออกทีวีอยู่นะ ตายไปแล้วทางนี้ยังจะออกทีวีให้โลกเขาดูอยู่
(ปัจจัยถวายสร้างเจดีย์วัดอโศฯ ครับ) แยกไปเลยวัดอโศฯ วัดอโศฯนี้ก็อยู่ในภาระของเราอุ้มทั้งหมดนะ เพราะฉะนั้นมาทางนี้ปั๊บ ว่าวัดอโศฯ จึงแยกทันทีๆ เพราะอยู่ในหัวอกของเราอยู่แล้ว บอกท่านทองอย่างเด็ดขาดเลย บอกว่าเจดีย์นี้ท่านอย่าให้งานหยุดชะงักนะ เอาๆ ทำไปเลย เป็นตายผมจะรับรองเอง นี่เพราะความเคารพในครูบาอาจารย์ทั้งหลายที่เป็นเพชรน้ำหนึ่งๆ ที่จะถูกอาราธนามาประดิษฐานอยู่ที่นั่น เพราะฉะนั้นเราจึงบอกว่างานนี้อย่าให้หยุดชะงัก เอา ขาดเหลือเท่าไรผมจะเป็นผู้อุ้มทีเดียวแหละ ว่างั้น เพราะฉะนั้นงานนี้จึงหยุดไม่ได้ ต่อเลย เงินจะขาดจะเหลืออะไรอย่ามาสนใจ เอางานให้สำเร็จ นี่ก็อยู่ในหัวอกของเรา
ลำพังท่านทององค์เดียวไม่ไหว ตาย นี่เราก็คิดไว้เรียบร้อยแล้ว เวลาทำอันนี้สำเร็จแล้ว จะอาราธนาพระธาตุของครูบาอาจารย์ที่เป็นเพชรน้ำหนึ่งๆ เข้ามารวมอยู่ในเจดีย์วัดอโศการาม เพราะฉะนั้นจึงบอกให้ท่านทองเอาให้เข้มข้นทุกอย่าง ทำให้ดีให้สมเกียรติของท่าน ครูบาอาจารย์ที่เป็นเพชรน้ำหนึ่งหาได้ที่ไหน คราวนี้จะให้ครูบาอาจารย์ที่เป็นเพชรน้ำหนึ่งๆ เช่นเดียวกับครั้งพุทธกาลมาประดิษฐานอยู่ในเจดีย์หลังนี้ ให้พี่น้องชาวไทยเราได้กราบไหว้บูชาเพชรน้ำหนึ่งในสมัยปัจจุบัน เพราะฉะนั้นจึงให้เร่งเรื่องงาน ไม่ให้หยุด
เรียกว่าอันนั้นเราก็อุ้ม ที่ไหนก็อุ้มตลอดนะเรา เราเทิดทูนที่สุดเรื่องธรรม เรื่องธรรมสดๆ ร้อนๆ สดๆ ร้อนๆ อยู่ในหัวใจนะ ถึงเรียกว่า อกาลิโกๆ หมายเข้าไปหาหัวใจที่ทรงธรรม ผู้ปฏิบัติธรรมทั้งหลายแล้วธรรมทั้งหลายจะเข้าสู่หัวใจ หัวใจนี้จะเป็น อกาลิโก ทรงผลอรรถธรรมทั้งหลาย มรรคผลนิพพานเต็มหัวใจ อยู่ที่ตรงนี้นะ
เรายิ่งจวนจะตายเท่าไร จิตใจไม่ได้เป็นอย่างนั้นนะ ไม่เป็นเหมือนสภาพร่างกาย มันยิ่งเข้มข้นด้วยความเมตตาโลกนะ ท่านทั้งหลายยังจะมาหาว่าหลวงตานี้พูดโอ้พูดอวดอยู่หรือ จนตรอกตายจมนะจะว่าไม่บอก คำพูดทั้งหมดนี้เรารื้อขึ้นมานะ เราไม่ได้ขยี้ขยำให้ล่มจมนะ เราทำด้วยความเมตตาล้วนๆ ดิ้นมาเท่าไร เฉพาะอย่างยิ่ง ๗ ปีนี้แล้วที่ออกช่วยชาติ เราเอาอะไรติดมือเรา เราไม่มีเราบอกอย่างนั้นเลย เพราะฉะนั้นคำพูดเหล่านี้จะเป็นคำพูดโกหกแม้เม็ดหินเม็ดทรายไปไม่ได้เลย ไม่มี มีแต่คำพูดที่เต็มไปด้วยความสัตย์ความจริง หรือเต็มไปด้วยเมตตาออกช่วยโลกทั้งนั้น เราก็ช่วยเต็มกำลังความสามารถของเราทุกแง่ทุกมุม
งานใดก็ตาม เช่นอย่างงานวัดป่าบ้านตาดนี้เป็นงานอุ้มชาตินะ ไม่ว่าอะไรๆ คราวที่แล้วนี้เมื่อวันที่ ๑๒ นี้ก็ได้ทองคำตั้ง ๘ กิโล ๑๑ บาทในวันนั้นวันเดียว นั่นเห็นไหม นี่ก็เข้าสู่คลังหลวง สมบัติเงินทองนี้ก็ออกช่วยชาติบ้านเมืองอยู่นี้น่ะ งานนี้เป็นงานอุ้มชาติ สำหรับวัดป่าบ้านตาดพูดได้ร้อยเปอร์เซ็นต์เลย ไม่เอาอะไรสำหรับวัดนี้นะ เพียงพอทุกอย่าง พี่น้องทั้งหลายศรัทธาญาติโยมเอามาถวายบิณฑบาตวันหนึ่งๆ ฉันให้ตายก็ตายได้พระวัดนี้น่ะ อดอยากที่ไหน
ผู้ขาดแคลนขาดมากขนาดไหน ดูให้กว้างขวางซิ ถ้าดูด้วยความเมตตานี้จะดูกว้างขวาง ถ้าดูด้วยอำนาจของกิเลสความเห็นแก่ตัว จะดูแต่พุงของตัวเท่านั้นแหละ ถ้าดูด้วยความเป็นธรรมจะกระจ่างออกไปข้างนอก เห็นทั่วถึงไปหมด เฉลี่ยถึงกันหมด เรียกว่าธรรม เป็นอย่างนั้น ถ้ากิเลสแล้วกว้านเข้ามาๆ พุงแตกยังกว้านเข้ามา ไหลออกข้างนอกยังกว้านเข้ามา ไหลออกข้างนอก ไม่ถอยนะอำนาจของความโลภนี่ เป็นอย่างนั้นละ นี่กิเลสคือความโลภ ธรรมคือความเมตตาและเสียสละ มีแต่เสียสละๆ
เราพูดให้เต็มเม็ดเต็มหน่วย เราช่วยโลกมาแทบเป็นแทบตาย เราไม่เคยมีอะไรในความหวังของเราว่าติดนิดหนึ่งเม็ดหินเม็ดทรายเราไม่มี เราพอใจทุกอย่างแล้วที่ช่วยโลกนี้ ว่างั้นนะ สำหรับเราเราพูดจริงๆ เราพอทุกอย่าง พอก็บอกว่าพอ เพราะฉะนั้นธรรมนี้จึงสดๆ ร้อนๆ เวลาพูดออกมาจึงเข้มข้นตลอดเวลา คำว่าเข้มข้นไม่ใช่กิริยาของกิเลส เป็นกิริยาของธรรมทั้งนั้นดันออกมาๆ เป็นธรรม เหมือนจะกัดจะฉีก เป็นเหมือนฟ้าร้องบนอากาศเปรี้ยงๆ เขาผู้ที่เขาเคยกับฟ้ากับฝนมาแล้ว โห นี่ฟ้าร้องแล้ว หาของมารองๆ รองน้ำเข้าใจไหม นี่เปรี้ยงออกมามีแต่เสียงอรรถเสียงธรรมทั้งนั้น
เราไม่มีเสียงกิเลสเราพูดตรงๆ กิริยาของเราทั้งหมดที่เคลื่อนไหวไปมานี้เป็นไปด้วยความเมตตาล้วนๆ ไม่มีสิ่งที่เป็นพิษเป็นภัยที่จะไปเปรอะเปื้อนโลกให้ได้รับความเดือดร้อนเพราะเรา เราพูดจริงๆ กิริยาท่าทางทุกอย่างที่แสดงออกไม่ว่านิ่มนวลอ่อนหวานไพเราะเพราะพริ้งหรือดุเดือดขนาดไหน เป็นเรื่องธรรมทั้งนั้นที่จะใช้ตามกาลเวลาสถานที่และเหตุการณ์นั้นๆ ที่ควรจะหนักจะเบาต่างกันเท่านั้นเอง เป็นธรรมทั้งหมดที่ออก เราช่วยโลกเราช่วยเต็มเม็ดเต็มหน่วย
ขอให้พี่น้องทั้งหลายตั้งอกตั้งใจนะ ธรรมพระพุทธเจ้านี้สดๆ ร้อนๆ ขอให้คุ้ยเขี่ยขึ้นมาจะเข้าสู่ใจทุกคนแหละ อย่านอนใจ ให้กิเลสตัณหามันควบคุมเอาไว้จนมิดตัวมองหาไม่เห็น กว้านเข้ามาๆ พุงแตก ไหลออกไปนี้ยังกว้านเข้ามา ไหลออก นั่นกิเลสเห็นไหม ธรรมว่าพอ เห็นไหมล่ะ ธรรมมีพอเป็นลำดับลำดา ตั้งแต่ขั้นสมถะสมาธิ พอๆ วิปัสสนาก็ซัดจนกระทั่งกิเลสขาดสะบั้นลงไปแล้วพอ ธรรมมีพอเป็นลำดับลำดา กิเลสไม่มีคำว่าพอ มีแต่ได้เท่าไรถึงไหนถึงกันเอาเลย ตายก็ตายขอให้ได้ก็พอ ป่าช้าไม่สนใจกับมันขอให้ได้พอ นี่คือกิเลส
โลกถ้าไม่มองดูความตายบ้างแล้ว โลกจะตายไปด้วยความล่มจมอย่างนี้นะ ใครจะเป็นขนาดไหนก็ตามเถอะ ถ้าไม่มีธรรมในใจแล้วสร้างความจมไว้ให้ตนตลอดเวลา ถ้ามีธรรมในใจแม้ทุคตะเข็ญใจก็สง่างามอยู่ภายในใจ ตัวนี้ตัวจะพาไปนะ สมบัติเงินทองข้าวของไม่ได้พาไป เราอาศัยเขาชั่วกาลชั่วเวลาเท่านั้น ถึงเวลาแล้วเขาไม่พรากเราก็พราก เขาไม่จากเราก็จาก แตกกระจัดกระจายจากกันไป เป็นอย่างนั้นนะ แต่เรื่องความดีงามของเรานี้ไม่แตก ติดปั๊บๆ เลย นี่ละที่เราจะตายใจได้ ขอให้พี่น้องทั้งหลายพากันสร้างความตายใจไว้กับตัวเองทุกคน อย่าพากันประมาทนอนใจ
เวลานี้คลื่นกิเลสมันหนาแน่นมากนะ จนธรรมมองไม่เห็นเลยละ คือคลื่นกิเลสนี้ไปที่ไหนมองแต่กิเลส มองด้วยหัวใจนี้มันมองเห็นจริงๆ จะว่าไงไม่ได้มาพูดเฉยๆ แต่ก่อนเราก็ไม่เคยพูดคำนี้เพราะไม่เคยรู้ เวลามันรู้ขึ้นมาแล้วมันปิดไม่อยู่ สิ่งใดที่ควรจะนำมาพูดให้โลกฟังก็พูด สิ่งใดไม่ควรพูดก็เก็บไว้ในลิ้นชักๆ ไม่อัดอั้นตันใจ ไม่อยากพูดอยากคุย เฉย รู้เหมือนไม่รู้ เห็นเหมือนไม่เห็น แต่เวลาที่ควรจะพูดหนักเบามากน้อยมันจะออกเองๆ ที่เป็นประโยชน์แก่โลกขนาดไหนจะออก อย่างนั้นละ
มันจะไม่มีอะไรเหลือนะเดี๋ยวนี้ ว่าโลกเจริญมันเจริญที่ไหน มีแต่ไฟเผาหัวอกสัตว์โลกนั่นแหละ ใครจะเจริญที่ไหนก็เจริญ อย่ามาอวดธรรม ธรรมดูหมดรู้หมดเลย อย่ามาอวดธรรมไม่ได้นะกิเลสน่ะ บ้านนั้นเจริญเมืองนี้เจริญ เจริญที่ไหน มองดูหัวใจมันมีแต่ไฟเผาหัวอก ใหญ่เท่าไรยิ่งเผามากๆ เป็นอย่างนั้นละ ธรรมดูดูอย่างนั้นนะ ท่านไม่ได้ดูด้วยเอาวัตถุเงินทองสิ่งของ ยศถาบรรดาศักดิ์มากลบแล้วให้ดูอันนั้น ธรรมไม่ดู ทะลุหมดเลย ไปดูแต่ของจริงๆ เหล่านี้ของปลอมหลอกโลก ท่านไม่ดูของปลอมหลอกโลก ท่านจะดูแต่ของจริง ของจริงคืออะไร สุขกับทุกข์ บาปกับบุญอยู่ในหัวใจของสัตว์ ท่านดูตรงนั้น พวกเราทั้งหลายก็ให้ดูตรงนั้นบ้าง อย่าไปดูตั้งแต่อันนั้นดีอันนี้ดี ตายทิ้งเปล่าๆ นะ จะไม่เกิดประโยชน์อะไรเลย
เราจวนจะตายก็ยิ่งเร่งละ เร่งเครื่อง เราตายแล้วอยากจะพูดว่า จะไม่มีใครพูดอย่างเรานะ เท่าที่ผ่านมานี้ก็มีใครพูดล่ะ ฟังซิ เวลานี้วิทยุออกทั่วประเทศไทยแล้วนั่น ตั้งแต่เราเริ่มช่วยชาติมา ก็เข้ากับเจตนาที่เรากำหนดไว้เรียบร้อยแล้วผิดที่ไหนล่ะ ช่วยโลก โลกเขาก็ต้องมองเห็นแต่ด้านวัตถุช่วยโลก ด้านวัตถุเงินทองข้าวของเข้ามาช่วยอุ้มชูชาติบ้านเมืองของเรา อันนี้เป็นเพียงเล็กน้อย อุ้มชูจิตใจ นั่น ใจนี่ละพาให้โลกจม ไม่ใช่อะไรพาให้โลกจม เมืองไทยของเราจะจมทั้งประเทศก็เพราะจิตใจต่ำทราม ลากเข็นคนทั้งประเทศให้จมไปด้วยกันหมด ทีนี้รื้อฟื้นจิตใจให้ขึ้นสู่อรรถสู่ธรรมแล้วก็กระเตื้องขึ้นมาๆ ทุกสิ่งทุกอย่างก็ดีขึ้นมา ธรรมต่างหากนะจะรื้อขึ้นมาได้ กิเลสมีแต่เหยียบย่ำทำลายลง
นี่เราก็พยายามทำเต็มความสามารถของเราเป็นเวลา ๗ ปี ๗ ปีเต็มแล้วที่ช่วยชาติบ้านเมือง เราไม่เอาอะไร ดิ้นอยู่อย่างนี้แหละเพื่อโลกเพื่อสงสาร ไปที่ไหนดิ้นดีด คิดว่าอะไรจะมีความหวังภายในจิตใจของเราไม่มีเลย มีแต่ความเมตตาล้วนๆ เมื่อสมหวังตรงไหนๆ เราพอใจๆ ตลอดมาและจะตลอดไปจนกระทั่งถึงวันตาย เราไม่เอาอะไรแล้ว มีแต่ความเมตตาสงสาร เพราะฉะนั้นใครมาบำเพ็ญธรรม ขอให้บำเพ็ญธรรม อย่ามาเที่ยวเตร็ดเตร่เร่ร่อนในวัดนี้ นั่นเขียนประกาศติดไว้แล้ว มันมาเตร็ดเตร่เร่ร่อน ตื่นข่าวกันมา วัดป่าบ้านตาดเป็นอย่างนั้นๆ คนนั้นอยากมาดู คนนี้อยากมาดู เลยกวนวัด
ทั้งวันนี้ยั้วเยี้ยๆ จนกระทั่งเราออกมาจากกุฏิไม่ได้ เพราะฉะนั้นเวลาฉันจังหันแล้วเราถึงหลบหนี เราอยู่ไม่ได้มันพิลึกกึกกือ ยั้วเยี้ยๆ อยู่นี้มีตั้งแต่ขาคน มองมาจากกุฏิมองเข้ามานี่ เห็นทั้งคนเห็นทั้งขา บางรายเห็นแต่ขา บางรายเห็นทั้งคนทั้งขา ถ้ามีไม้ตีนี่ไม้หมดเลยนะ ตีขานั้นหักไม่ก็แตก ตีไปตีมาไม้ก็หมดขาก็หัก มันพิลึกขนาดนั้นนะ เพราะฉะนั้นเราถึงหลบหนีเสีย พอฉันเสร็จแล้วหลบหนีไปเสีย นอนในรถระงับขันธ์ รู้ไหมล่ะ รถจะไปไหนมาไหนไม่สนใจ นอนระงับขันธ์อยู่ภายในจิตโดยเฉพาะ เท่านั้นสบายแล้ว เราไม่ยุ่งกับอะไร เราสบายแล้วโลกนี้เปิดหมดแล้ว พูดให้ชัดเจน ก็ยังเหลือแต่ธาตุแต่ขันธ์ที่เกี่ยวข้องกับโลกสมมุติด้วยกัน มีเท่าไรเกี่ยวข้องกับอะไรตามที่รู้ๆ กันเห็นๆ กันนี้เท่านั้นแหละ นอกจากนั้นไม่มีอะไรแล้ว
นี่ละธรรมถ้าได้สร้างให้เต็มเหนี่ยวแล้วหมดทุกอย่าง ไม่มีอดีตอนาคตว่าตั้งแต่นั้นมาเป็นอย่างงั้นๆ ต่อไปนี้จะเป็นยังไงไม่มี ปัจจุบันนี้ก็ลบไปหมดแล้ว มีแต่จ้าอยู่นั้นปัจจุบันไม่ปัจจุบันนิพพานเที่ยงคืออะไร คืออันนี้ นั่นเท่านั้นแหละ จะว่าเป็นปัจจุบันหรือไม่ปัจจุบันก็แล้วแต่เถอะ นิพพานเที่ยงเท่านั้นพอ หัวใจที่ได้ชำระสิ่งที่สกปรกโสมมออกหมดแล้วจ้าขึ้นมาเลย นั่นละนิพพานเที่ยงหาที่ไหน หาที่ธรรมธาตุกับนิพพานเที่ยงเป็นอันเดียวกัน รู้เข้าไปนั้นไม่ต้องถามใคร ไม่ต้องไปหาสักขีพยานที่ไหน พระพุทธเจ้าตรัสรู้ผางขึ้นมาเป็นศาสดาเต็มองค์ สาวกทั้งหลายบรรลุธรรมขึ้นมา เป็นสาวกอรหันต์เต็มองค์ๆ ไม่ต้องไปถามพระพุทธเจ้าแหละ พอ พอตัวเต็มเหนี่ยวๆ ทุกคน
นั่นละธรรมเป็นอย่างนั้น ถ้าได้เข้าหัวใจแล้วมันจ้าไปหมดนี่จะว่าไง กิเลสมันพาให้มืดบอด แต่ธรรมนี่พาให้สว่างกระจ่างแจ้ง กิเลสจะปิดบังขนาดไหนปิดธรรมไม่อยู่ทะลุเลยๆ นั่น จะไม่รู้ไม่เห็นยังไงพระพุทธเจ้าจึงเรียกว่า โลกวิทู รู้แจ้งโลก โลกนอกโลกในตลอดทั่วถึง อาโลโก อุทปาทิ สว่างจ้าอยู่ตลอดเวลา นี่ละหัวใจพระพุทธเจ้าที่นำธรรมมาสอนโลก ไม่ได้เอาหัวใจมืดๆ ดำๆ ตาบอดหูหนวกมาสอนโลกนะ สอนด้วยความสว่างกระจ่างแจ้ง เราซึ่งเป็นคนหูหนวกตาบอดให้ฟังเสียงอรรถเสียงธรรม ถ้าไม่ฟังเสียงอรรถเสียงธรรมตายจมกันนะ เราอย่ามาเย่อหยิ่งจองหองในเรื่องความเป็นมนุษย์เท่านี้ เป็นมนุษย์มีชื่อเสียงอย่างนั้นอย่างนี้ ยศถาบรรดาศักดิ์อย่างนี้ สมบัติเงินทองข้าวของมีอย่างนั้น อย่าเอามาอวดนะ ความตายยันอยู่นี้ แล้วกรรมนั้นยันอยู่ในหัวใจเรา กรรมดีกรรมชั่วอยู่ที่หัวใจให้ระวังอันนี้ให้ดี สิ่งเหล่านั้นไม่สำคัญ สำคัญที่ใจนี่มันคึกมันคะนอง ไปดีดไปดิ้นหาแต่ความชั่วแล้วเผาตัวเองๆ จมไปได้เลย พากันจำให้ดี
วันนี้ตอนบ่ายสองโมง ท่านศรีก็จะพาบริษัทบริวารมา จังหวัดร้อยเอ็ด จะมาที่นี่ ก็คงเป็นทั้งจังหวัดนั่นละ เพราะท่านศรีท่านก็มีบริษัทบริวารมาก ท่านมีนิสัยวาสนามากกว้างขวางอยู่ บริษัทบริวารของท่านจึงมาก มานี่ก็จะทั้งร้อยเอ็ดนั่นละ จังหวัดร้อยเอ็ดทั้งพระทั้งเณรทั้งประชาชนเต็มหมดละศาลาใหญ่วันนี้ ตอนบ่ายสองโมง ท่านก็จะมาที่นี่ในวันนี้ ท่านศรีนี้ก็เคยอยู่หนองผือกับหลวงปู่มั่นด้วยกัน มันเรื่องขบขันเราก็พูดเสียบ้างนะ กุฏิของท่านอยู่ริมป่า กุฏิของเราก็อยู่ทางโน้น เวลาทางออกที่จะเข้าไปเดินจงกรม ทางจงกรมของเราอยู่ในป่าลึกๆ นู่น
เราเดินผ่านเข้าผ่านออก เห็นมีโต๊ะเล็กๆ ขนาดนี้ตั้งไว้ ผ่านไปผ่านมาเห็นท่านเขียนหนังสืออยู่โต๊ะเล็กๆ ละ เราผ่านไปผ่านมาเห็นเรื่อย แต่ไม่เคยพูดอะไร เหมือนไม่เห็น นานเข้าๆ ดูมันจะเป็นนิสัยแล้วนี่ เอาละนะนั่น นิสัยนี้มันไปติดแล้วนี่ ไม่ใช่เรื่องธรรม เป็นเรื่องกิเลส พอเดินมาเห็นท่านเขียนหนังสือ พอมาใกล้ๆ ก็กุฏิท่านอยู่นี้ทางเราผ่านไปอยู่หน้ากุฏิท่าน ทำอะไรเสมียนเราว่าให้ท่านนะ ทำอะไรเสมียน ร้องอี๊ๆ จับโต๊ะนี้โยนไปนู้น ตั้งแต่บัดนั้นไม่เห็นอีกเลย เสมียนหายไปไหนไม่รู้นะ คือท่านเคารพเรามาก ท่านศรีนี้เคารพเรามากแต่ไหนแต่ไรมา พอเราว่างั้น อี๊ๆๆ จับนี้โยนไปนู้น จับนี้โยนไปเลยนะ ตั้งแต่มาไม่เห็น แล้วที่โยนเข้าไปก็หายเงียบไปเลยเอาไปไหนไม่รู้ นี่เราก็ไม่ลืม เราว่าทำอะไรเสมียน นั่นละใส่ปัญหานะนั่น ทำอะไรเสมียน ขบขันดีนะ
ท่านศรีนี้ก็เคยอยู่กับหลวงปู่มั่นมา แล้วเวลานี้ครูบาอาจารย์ที่เคยอยู่กับหลวงปู่มั่นมา มันน่าจะหมดไปๆ นะ อาจารย์เจี๊ยะก็หมดไปแล้ว ลูกศิษย์หลวงปู่มั่นนะ เวลานี้ก็อยากจะพูดว่ายังเหลือแต่เราคนเดียว ก็ระลึกได้เพียงท่านศรี แล้วมีใครอีก ดูไม่ค่อยเห็นมีใครนะ (เจ้าคุณ...) อย่ามาพูด เราไม่พูดถึง พูดหาอะไร ตีปากเอานะ ควรชมเราชมเองเราดูทุกคน ควรตำหนิเราตำหนิเอง ใครจะมารู้ดีกว่าเราไม่ได้ บรรดาลูกศิษย์ที่อยู่กับครูบาอาจารย์เดียวกันเป็นยังไงๆ เรารู้หมดเลย นอกจากเราไม่นำมาพูดเท่านั้น เข้าใจหรือยัง บ้ายอรู้ไหมนั่น พูดให้มันชัดๆ อย่างนี้ บ้ายอ
ไม่เอาอะไรเขาได้ยอเท่านั้นพอ ขี้แตกออกเขายอก็ยังดีอยู่ มันเป็นบ้ายอจริงๆ นะ เอ๊ะ คนเราทำไมพระลืมเนื้อลืมตัวถึงขนาดนี้ก็มี บ้ายอ แทนที่จะเสาะแสวงหาอรรถหาธรรมไม่หา หาแต่ยอ ไปที่ไหนยอแต่ตัวเอง ไปที่ไหนยอแต่ตัวเอง เป็นบ้ายอเราว่างั้น เพราะฉะนั้นอย่าพูดถึงนะตีปากเอานะ เราผ่านมาหมดแล้วบรรดาพระเณรที่เคยอยู่กับครูบาอาจารย์ องค์ไหนมีนิสัยยังไงๆ จับไว้หมดแล้ว ถ้ามันไม่สัมผัสก็ไม่พูด นี่สัมผัสออกมานี่ก็จะตีปากนี้ก่อนเลย
ที่เป็นสาระสำคัญก็มีท่านหล้า ก็เห็นอยู่แล้ว ท่านหล้าเคยอยู่ด้วยกัน ท่านเป็นคนรักข้อวัตรปฏิบัติเกี่ยวกับครูบาอาจารย์ คือหลวงปู่มั่น เราก็สอนให้ทุกอย่างเพราะท่านตั้งใจมาศึกษากับเรา ท่านอยากอุปถัมภ์อุปัฏฐากพ่อแม่ครูจารย์มั่น เราก็ไม่ได้วิเศษวิโสอะไรแต่ก็เป็นความไว้วางใจของพระเณรเอง ที่เราปฏิบัติท่านอยู่นั้นท่านก็มาศึกษา เราก็ให้อุบายต่างๆ ท่านก็ปฏิบัติจนกระทั่งพ่อแม่ครูจารย์มั่นมรณภาพจากไป นี่ก็ท่านหล้าองค์หนึ่งที่ตั้งใจปฏิบัติจริงๆ ที่อยู่ด้วยกัน ท่านจวนองค์หนึ่ง นั่นเห็นไหมล่ะท่านจวน พอตายลงไปแล้วอัฐิกลายเป็นพระธาตุ แล้วท่านหล้าก็กลายเป็นพระธาตุ ที่อยู่สุ่มสี่สุ่มห้าอยู่ไปๆ พอเอาเป็นชื่อเป็นนามนั้นเราไม่พูดถึง ที่อยู่เพื่ออรรถเพื่อธรรมจริงๆ นั้นละที่จับหัวใจเรา เราดูอย่างจริงๆ ดูหมู่เพื่อน เป็นแต่เพียงว่าพูดถึงหรือไม่พูดถึงเท่านั้น
ใครเวลาเข้ามาผ่านในนั้นแล้วจะดูให้หมดเลย กับพระกับเณรนิสัยใจคอมีหลักมีเกณฑ์ หรือเหลาะแหละโลเลโลกเลกยังไงจะดูให้หมดเลย เพราะฉะนั้นถึงได้ว่าท่านศรีซิ ท่านเขียนหนังสือ กลับไปกลับมาเห็นเขียนหนังสืออยู่เรื่อย มันหลายครั้งหลายหนก็จับได้ถนัดชัดเจนว่าเป็นนิสัยอันนี้ เอนไปทางกิเลสตัณหาแล้ว ลืมตัว แต่ก่อนเคยเป็นครู มันเป็นบ้า แล้วเอานิสัยมาติดตัว เราก็เลยทับเข้าไปอีกเพิ่มยศให้อีกว่า ทำอะไรเสมียน โอ๊ย ดิ้นตายไปเลย นั่นเป็นอย่างนั้นนะ วันนี้คนก็ยังมากอยู่นะ ยังเต็มอยู่หมดละวันนี้
ขอให้พี่น้องทั้งหลายตั้งอกตั้งใจทุกคนๆ การปฏิบัติธรรมอย่าทำเหลาะๆ แหละๆ กิเลสมันไม่เหลาะแหละ มันเอาให้ตายจมกับมันได้ ธรรมะต้องเอากันให้หนัก ไม่หนักไม่ทันกัน อย่าเป็นบ้ากับโลกกับสงสารเกินไป บ้าตายกองกันเข้าใจไหม บ้ากับโลกกับสงสารคือบ้าตายกองกัน บ้าไม่มีกำหนดกฏเกณฑ์ว่าจะหลุดจะพ้นไปได้ ถ้าเป็นเรื่องของอรรถของธรรมมีกฏมีเกณฑ์ ถ้าเป็นทางยืดยาวก็หดย่นเข้ามาๆ ผ่านได้เลยๆ การปฏิบัติธรรมมีทางหลุดพ้นได้ แต่การวิ่งตามกิเลสไม่มีทาง ใครจะเก่งขนาดไหนจมทั้งนั้นๆ ถ้าวิ่งตามธรรมพ้นๆ ไม่สงสัย เอาละวันนี้พูดเพียงเท่านี้แหละ
(ศูนย์โรคตา นครเวียงจันทน์ ได้รับเมตตาอนุเคราะห์จากหลวงตารวมเป็นเงิน ๘,๕๐๕,๕๓๙ บาท) เออ ตกลงแล้วสั่งแล้วทางเวียงจันทน์ เวลานี้ยังมีปัญหาอยู่กับเรื่องตา กำลังให้ท่านผู้ว่าชัยพรเรา ให้ไปประสานกับบรรดาหมอทั้งหลาย มีโรงพยาบาลศูนย์เป็นสำคัญ ประสานกันเรื่องหมอตา ที่ไหนหมอจะครบหรือสมบูรณ์แล้วเครื่องมือตาจะลงที่นั่น เรากะไว้อย่างนั้น คือมันห่าง นี่ก็มีที่อุดรกับที่ศรีนครินทร์เท่านั้น ที่ห่างๆ ไปจากนั้นก็ไม่มี จากนั้นก็จะไปภาค ภาคนั้นภาคนี้ไป เวลานี้กำลังพิจารณาปรึกษาหารือกัน ถ้าพอเป็นไปได้แล้วก็จะลงทางภาคอีสานอีกที่หนึ่ง จากนั้นก็จะไปภาคอื่นต่อไป ภาคโน้นภาคนี้
(เมตตาอนุเคราะห์ตั้งสถานีวิทยุเสียงธรรม จังหวัดนราธิวาส เป็นจำนวนเงิน ๔ แสนบาท)
รับฟังรับชมพระธรรมเทศนาของหลวงตา ได้ที่
www.Luangta.com หรือ www.Luangta.or.th
และรับฟังจากสถานีวิทยุสวนแสงธรรม กรุงเทพฯ และสถานีวิทยุอุดร
FM 103.25 MHz |