เทศน์อบรมฆราวาส ณ วัดป่าบ้านตาด
เมื่อวันที่ ๗ สิงหาคม พุทธศักราช ๒๕๔๘
เรดาร์ธรรม
ก่อนจังหัน
ให้เสมอภาคไปเลย เรียกว่าความเป็นธรรม ดูแต่พุงของตัวนี้มันพวกยักษ์พวกผี ดูด้วยความเป็นธรรมต้องดูด้วยความสม่ำเสมอ นี่เรียกว่าธรรม ไปที่ไหนเย็น ตายใจกันได้ ถ้ายักษ์ถ้าผีไปที่ไหน คอยแต่จะกัดจะฉีก ดูไม่ได้นะ นี่ละกิเลสกับธรรมไปด้วยกัน กิเลสไปแบบนี้ ธรรมไปแบบนี้ เช่นอย่างนี้ละ กิเลสไปแบบเห็นแก่ตัวๆ แก่พรรคแก่พวกของตัว ถ้าธรรมแล้วคนไหนก็เหมือนกันหมด หัวใจเรากับหัวใจโลกเหมือนกันหมด เฉลี่ยให้เสมอ นี่เรียกว่าธรรม ท่านเดินอย่างนั้น
พระเราให้ตั้งใจปฏิบัตินะ ให้เร่งความพากความเพียร ที่พูดย้ำแล้วย้ำเล่าอยู่เสมอคือสติ ใครอยากตั้งรากตั้งฐานได้แล้วเอาสติให้ดี เราบอกแล้วว่ากิเลสให้มันตั้งคลื่นเท่าทะเลมาก็เถอะ ยังไงก็ไม่พ้นสติปราบราบเลย สติเป็นของสำคัญ ถ้าสติมีอยู่กับใจกิเลสจะเกิดไม่ได้ ถ้าสติแย็บเผลอเมื่อไรแล้วกิเลสออกๆ นักประกอบความเพียรให้ดูหัวใจ มหาเหตุอยู่ที่ใจ ไม่ว่าดีหรือชั่ว หรือธรรมหรือกิเลส เกิดที่ใจ ท่านจึงบอกให้ดูมหาเหตุ ดูตรงนี้ละ มหาเหตุอยู่ที่ใจ มันสร้างเหตุการณ์ต่างๆ ขึ้นตลอดเวลา ตามธรรมดาทั่วๆ ไปมีแต่กิเลสสร้างเหตุการณ์ขึ้นบนหัวใจของสัตว์ พร้อมกับเอาฟืนเอาไฟมาเผาไหม้ไปในตัวเสร็จ ผู้ปฏิบัติธรรม เอา กิเลสเกิดขึ้น ไฟเกิดขึ้น เอาน้ำดับไฟคือธรรมสาดเข้าไปๆ แล้วก็ระงับดับลงได้ๆ ตั้งตัวได้ ตั้งตัวได้แล้วขึ้นได้ละที่นี่
เราสอนหมดทุกแง่ทุกมุมนะ สอนบรรดาพี่น้องประชาชนลูกศิษย์ลูกหาทั้งหลาย สอนหมดภูมิเลย ภูมิที่เราได้ปฏิบัติมายังไงๆ ออกสอนโลกทั้งนั้นแหละ ที่จะไปคว้าเอาคัมภีร์นั้นคัมภีร์นี้ไม่ทัน เอาออกจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจากใจ ซึ่งเราได้ปฏิบัติดูมาเรียบร้อยแล้ว ทั้งธรรมทั้งกิเลสจะเกิดขึ้นที่ใจ เมื่อรู้กันที่นี่แล้วจะกระจายไปหมด โลกธาตุเรียนจบ ฟังซิ เรียนหัวใจมหาเหตุนี้จบเท่านั้น เรียนโลกธาตุนี้จบ ปล่อยวางได้โดยสิ้นเชิง เรียนจบแล้วปล่อย ถ้ายังไม่จบยังไม่ปล่อย เรียกว่าเรียนธรรม เรียนกิเลส เรียนโลกจบ ปล่อยวางโดยสิ้นเชิงไม่มีอะไรมากดถ่วงจิตใจเลย เรียนธรรมก็จบ เป็นธรรมธาตุล้วนๆ ไม่มีอะไรเข้ามาแตะต้องได้เลย นี่เรียกว่าเรียนธรรมจบ เรียนโลกจบ จบที่หัวใจ
ใจเป็นผู้ไปกว้านเอา ส่วนมากมีแต่โลกแหละ เข้ามาเผาหัวใจ ธรรมมีน้อยมาก จึงต้องได้อบรมจิตใจเข้าสู่ธรรม ท่านทั้งหลายเห็นว่าใจเป็นของเล็กน้อยเหรอ เอา ดูเข้าไปซิน่ะ มหาเหตุอยู่ที่ใจ คนดีดคนดิ้นอยู่ทั่วโลกทั่วสงสารเพราะอะไร เพราะกิเลสมันผันผวนอยู่ภายในจิตใจ ดีดดิ้นอยู่ตลอด ใครอยู่ที่ไหนอยู่ไม่ได้นะ ธรรมเป็นน้ำดับไฟกำจัดเข้าไปๆ จะค่อยสงบร่มเย็นๆ เพราะฉะนั้นธรรมจึงเป็นความจำเป็นมากที่จะประคับประคองรักษาตัว และปัดเป่าสิ่งเลวร้ายทั้งหลายออกไปจากใจ ไม่ให้มารุมเผาเอาโดยถ่ายเดียว ต้องปฏิบัติ
สำหรับผู้ตั้งใจปฏิบัติจิตตภาวนาล้วนๆ แล้วอย่าเผลอ เอาให้จริงให้จังทุกอย่าง ให้ได้เห็นที่ว่ากิเลสเป็นพิษยังไง ธรรมเป็นคุณยังไง จะเกิดขึ้นที่หัวใจดวงเดียวกันนี้ละ ไม่เกิดที่อื่น ท่านจึงบอกมหาเหตุอยู่ที่ใจ ศาสนาใดก็ตามเราไม่ได้ดูถูกเหยียดหยาม เอาธรรมคือความจริงมาพูด ผิดถูกชั่วดีจะพูดไปตามอรรถตามธรรม พุทธศาสนาของเราเลิศเลอสุดยอดแล้ว ไม่มีศาสนาใดที่จะสอนลงที่จิตใจคือตัวมหาเหตุ ทั้งกิเลสคือฟืนคือไฟ ทั้งธรรมคือน้ำดับไฟ อยู่ที่หัวใจหมด ท่านสอนลงที่จุดนี้ ดับที่นี่แล้วโลกธาตุหมด ครอบโลกธาตุ จิตใจดวงนี้สว่างจ้าไปเลย
พุทธศาสนาสอนโลกแม่นยำๆ สวากขาตธรรม ตรัสไว้ชอบทั้งนั้นทีเดียว เพราะทรงดำเนินมาโดยชอบธรรม ผลก็ได้โดยชอบธรรม เวลามาสอนโลกจึงเป็นธรรมที่ถูกต้องดีงามทุกอย่าง เรียกว่า สวากขาตธรรม ตรัสไว้ชอบแล้ว ขอให้เราไปปฏิบัติ อย่าให้เป็นขอนซุงๆ แต่ละคนๆ มีไฟเผาขอนซุงไปในตัว กลิ้งไปกลิ้งมา ไฟความโลภ ความโกรธ ราคะตัณหา เผาขอนซุงที่กลิ้งไปกลิ้งมา ร่างเรานี่ละถูกกิเลสมันไสไปมา เป็นเหมือนขอนซุง กิเลสไสไปไสมา เอาธรรมเข้าจับซิ ตั้งใจปฏิบัตินะ เราทุกคนมีคุณค่าทุกคน ไม่ใช่เป็นขอนซุงมาด้วยกัน มีคุณค่าถ้าสร้างตัวเองให้มีคุณค่า ถ้าจะให้เป็นขอนซุงก็เป็นขอนซุง ถ้าจะให้เป็นไฟเผาตัวก็เป็นได้ในตัวเราเองนั่นละ ให้ตั้งใจปฏิบัติ
ดูซิท่านผู้ปฏิบัติ ท่านตั้งหน้าตั้งตาต่ออรรถต่อธรรมจริงๆ ตั้งแต่วันบวชมาชีวิตจิตใจเป็นพระหมดเลย กิริยาของฆราวาสญาติโยมอะไรที่จะเป็นข้าศึกต่อศีลต่อธรรมและเพศของท่าน ท่านปัดออกๆ จนเป็นความเคยชินต่อการรักษาตน ทีนี้ไปที่ไหนมันเกะกะก็รู้ เรียบร้อยก็รู้ เพราะเจ้าของรักษาตลอดเวลาเป็นชีวิตจิตใจ นี่ละการรักษาตน ไปที่ไหนอบอุ่นๆ ถ้าสร้างแต่ความชั่วช้าลามก ตนเองก็ร้อน ออกไปที่ไหนกระทบกระเทือนคนอื่นให้เกิดความเดือดร้อนตามๆ กันไป
ตายลงไปนี้ไปตกนรก ก็จะไปก่อความเดือดร้อนกับพวกสัตว์นรกด้วยกันอีกละ ไอ้พวกเปรตพวกผีนี่ มันสร้างความชั่วไม่หยุดหย่อนนะ ลงไปนรกก็จะไปต่อยกันในนรก เป็นนักมวยต่อยกัน เป็นหมากัดกันอยู่ในนรกนู่นละ ไอ้คนชั่วมันไม่ถอย ไปที่ไหนชั่วตลอด ในนรกมันก็ไม่ถอย ชั่วทั้งนั้นแหละ ถ้าคนดีอยู่ที่ไหนดี สงบราบรื่นดีงาม ให้ท่านทั้งหลายจำเอานะ
พระให้ตั้งใจปฏิบัติ อย่าถอยหลัง ให้สังเกตตัวเอง ปัจจัย ๔ อาหารการบิณฑบาต ที่อยู่อาศัยพอเป็นไป การขบการฉันสำคัญมากนะ ให้สังเกตการขบการฉันกับความเพียร ฉันยังไงๆ ความเพียรผลเป็นยังไงบ้าง อันนี้สำคัญมาก ท่านว่า อาหารสัปปายะ อาหารเป็นที่สบาย หมายถึงว่าธาตุขันธ์ก็ไม่กำเริบเสิบสาน ธาตุขันธ์ไม่ส่งเสริมกิเลสตัณหาขึ้นมากับอาหารนั้นๆ แล้วธรรมก็เดินสะดวกสบาย นี่ท่านเรียกว่าอาหารสัปปายะ คำว่าสัปปายะความสบายๆ หมายถึงธรรมเป็นหลักใหญ่ อาหารเฉยๆ ใครกินที่ไหนกินได้หมด ท้องป่องก็กินได้แต่กิเลสเต็มหัวใจ ไฟเผาหัวอกตลอดเวลาใช้ไม่ได้
กินให้ดู วันนี้ฉันอันนี้ ฉันอันนั้นเป็นยังไง ฉันมากเป็นยังไง ฉันน้อยเป็นยังไง ให้ทดสอบตัวเองกับธรรม ไม่งั้นธรรมก้าวออกไม่ได้นะ ก้าวออกยาก กิเลสทับเอาๆ ความโลภนั่นแหละ เห็นอะไรก็ดีหมดๆ ครั้นขนเข้ามาก็ชั่วหมด เหยียบธรรมได้ทั้งนั้น นี่สำคัญนะ ให้ตั้งใจประพฤติปฏิบัติ
หน้าที่การงานอะไรๆ ผมไม่เคยได้ตำหนิพระเณรเราในวัดนี้ตั้งแต่ต้นมา มีความพร้อมเพรียงสามัคคีในกิจวัตรการงานที่เป็นส่วนรวม ไม่เคยได้ตำหนิติเตียนตั้งแต่สร้างวัดมา เรียบร้อยมาตลอด จึงขอให้รักษาความเรียบร้อยนี้ด้วยดี จะเป็นการรักษาตัวด้วยดีตลอดไปเช่นเดียวกัน เพราะการทำข้อวัตรปฏิบัติ ทำเพื่อเรานะไม่ได้ทำเพื่อใคร ทำเพื่อเรา เราเรียบร้อย ทุกสิ่งทุกอย่างที่แสดงออกจากความเรียบร้อยของเราก็เรียบร้อยไปตามๆ กัน ถ้าเห็นแก่คนนั้นคนนี้ เห็นแก่ที่แจ้งที่ลับ นั่นกิเลสเข้าแทรกแล้วนะ คนๆ นั้นไว้ใจตัวเองก็ไม่ได้ กับผู้ใดก็ไม่ได้ ใครก็มาไว้ใจไม่ได้นะ
ความเป็นธรรม ทำอะไรทำเพื่อตัวเอง ความพร้อมเพรียงสามัคคีเป็นสิ่งสำคัญมาก ให้ตั้งหน้าตั้งตาทำ ผมชมเชยตลอดมาตั้งแต่เริ่มสร้างวัดป่าบ้านตาด ข้อวัตรปฏิบัติของพระเณรด่างพร้อยและขาดความสามัคคีกันนี้ไม่มี มีแต่เรียบร้อยๆ ก็เพราะธรรมนั่นเองกลมกลืนในใจแล้วรู้หน้าที่การงานของตน เอาละให้พร
หลังจังหัน
ไปทุกวันแหละไปแจกของ ไม่ไปโรงพยาบาลก็ไปวัด ถ้าวันราชการก็ไปโรงพยาบาล ไปส่งโรงพยาบาลโรงนั้นโรงนี้ ถ้าเป็นวันหยุดราชการส่วนมากไปวัด ส่งของให้วัด เมื่อวานขบขัน ไปเจอเอาทุเรียนรถกระบะคันหนึ่งเต็มเลย จะขนขึ้นใส่รถเรา รถเรามันเต็มหมดขึ้นไม่ได้แล้ว เอ๊ ทำไง มองหน้ามองหลัง ระยะทางจากนี้ถึงนาคำน้อย โถ พอผ่านอำเภอผือไปเดี๋ยวก็ไปเจอ ทางไม่ใช่เล่นนะ ไม่งั้นจะให้เขาไปส่งเลย เอาหมดทั้งคันเลยนะ แต่นี้มันไกลแสนไกล กลืนน้ำลายผ่านไป ไม่ได้กินกลืนน้ำลายก็เอาเมื่อวาน ที่โน้นพระก็มาก ที่วัดนาคำน้อย เป็นสถานที่เหมาะสมมากสำหรับพระบำเพ็ญเพื่ออรรถเพื่อธรรมเพื่อมรรคผลนิพพาน เหมาะสมมาก
ที่ชั้นเอกๆ นี้มีเยอะนะทางภาคอีสาน สถานที่อยู่เป็นชั้นเอกๆ อย่างภูสังโฆ ชั้นที่หนึ่งละ ชั้นเอก ผาแดง นาคำน้อย ศรีชมภู ถ้ำพระภูวัว วัดดอยธรรมเจดีย์ นี้เป็นสถานที่ชั้นหนึ่งๆ เอาตำรามากางซิ ประเภทที่หนึ่ง ที่สอง ที่สาม เวลานี้พระกรรมฐานเรา ที่พูดเหล่านี้มีแต่ที่สำคัญสำหรับพระกรรมฐานเราอยู่เพื่อบำเพ็ญอรรถธรรมทั้งนั้น เราส่งเสริม
เรื่องอรรถเรื่องธรรมจิตตภาวนาสำหรับพระกรรมฐาน เราส่งเสริมตลอด แม้มีการงานที่ช่วยชาติก็ให้ท่านมาช่วยระยะเวลานิดหน่อยๆ จากนั้นก็ปัดเข้าที่เดิมให้ท่านภาวนาเรื่อยมา ทางภาคอีสานจึงมีพระกรรมฐานมาก เป็นมาดั้งเดิมตั้งแต่ต้นลำคือหลวงปู่เสาร์ หลวงปู่มั่น เวลาเข้าในป่าในเขาอย่างนั้น ธรรมจะค่อยยิ้มแย้มๆ จากหัวใจขึ้นนะ จิตใจจะตื่นเนื้อตื่นตัว ต่างกันนะกับอยู่ธรรมดา เช่นอยู่วัดป่าธรรมดาก็ดี แต่พอเข้าในที่สำคัญๆ ยิ่งดีดขึ้นเรื่อยนะจิต ตื่นเนื้อตื่นตัว สติตั้งตัวตลอดๆ ปัญญาก็ออกในนั้น นั่นละเรียกว่าสั่งสมธรรม
ใจเมื่อมีอารักขาคือการดูแลรักษาด้วยสติ ความพากเพียรทุกอย่างแล้ว จะค่อยเจริญขึ้นๆ ใจดวงนี้ละที่ถูกมูตรคูถคือกิเลสครอบอยู่ตลอดเวลาทุกหัวใจในโลกนี้ เว้นใจพระอรหันต์เสีย นอกนั้นถูกมันครอบไว้หมด แล้วทั่วโลกใครก็ไม่มีโผล่ขึ้นมาพอจะได้เห็นสภาพของโลก มันก็บืนเหมือนกัน เขากับเราก็พอๆ กัน บืนกันไป เพราะไม่เจอสิ่งที่อัศจรรย์กว่านี้ซิ ทีนี้เวลาเจอเข้าไปแล้ว ปัดละที่นี่นะ อะไรที่ยั้วเยี้ยๆ ไม่เป็นสาระ แต่เป็นฟืนเป็นไฟเผาไหม้จิตใจตัวเองแล้วปัดๆ เรื่อย เอาธรรมละปัด หรือน้ำดับไฟชะล้างออกๆ เรื่อยๆ จิตใจก็สง่างาม
ในปัจจุบันนี้ก็มีแต่หลวงตาบัวนี่ละที่ออกสนาม สนามประชาชนชาวพุทธเรา ได้ออกเต็มเหนี่ยว เทศนาว่าการที่ออกอย่างชัดเจนก็คือตอนช่วยชาติมา ตั้งแต่เริ่มช่วยชาติ การเทศนาว่าการไม่มีหยุดมีหย่อนเลยตลอดมาจนกระทั่งป่านนี้ เป็นเวลา ๗ ปีแล้ว นี่ละธรรมออก แต่ก่อนก็เทศน์ ที่ได้เทศน์สำคัญๆ ยอดธรรมๆ นี้อยู่บนศาลา เทศน์สอนพระล้วนๆ แต่ก่อน พระได้ยินอรรถธรรมที่แกงหม้อเล็กหม้อจิ๋วๆ อยู่บนศาลานี้ทั้งนั้น อัดเทปๆ เอาไว้ แล้วก็เทปเหล่านี้ออกไปทุกแห่งทุกหนในบรรดาวัดป่า อยู่ที่ไหนๆ เทปจะออกจากนี้ ขอมาๆ ทั่วประเทศไทยทุกภาค จะมีอยู่เฉพาะวัดกรรมฐานๆ ท่านมาขอติดต่อจากนี้ ได้แต่ธรรมะประเภทแกงหม้อเล็กหม้อจิ๋ว หรือว่าเพชรน้ำหนึ่งไปเลยว่างั้นเถอะ ธรรมะประเภทเพชรน้ำหนึ่งๆ ไป ครั้นต่อมาก็ค่อยกระจายออกๆ ที่เทศน์ในนี้ก็ค่อยจาง
เราไม่ค่อยมีเวลาเทศน์สอนพระนะ พออายุ ๘๐ ก็หยุดเทศน์ละ เทศน์เริ่มแรกก็ตั้งแต่ปี ๒๔๙๓ มา อันนี้เทศน์อยู่ในป่าในเขา คือพระละติดตาม เราไม่ได้ออกมานะ อยู่ในป่าในเขา แต่พระจมูกดีหมาสู้ไม่ได้ จมูกพระดีกว่าจมูกหมา ไปอยู่ไม่กี่วันนะ เราก็เหมือนผู้ต้องหาเหมือนกัน คือมันตามนิสัยอย่างนั้น ชอบอยู่สบายๆ คนเดียวเลิศ ไม่มีอันใดมายุ่ง อยู่ที่ไหนวันคืนปีเดือนอยู่กับนี้หมดไม่มีอะไรกวน ทีนี้เมื่อมีหนึ่งมีสองเข้ามากวน รำคาญซิ หลบหนีๆ บิณฑบาตได้อะไรมาฉันเท่านั้นพอ ไม่ได้สนใจกับสิ่งเหล่านั้นยิ่งกว่าสง่าจ้าอยู่ภายในใจ อยู่ไหนสบายหมด นี่ละธรรมในใจฟังซิท่านทั้งหลาย ที่กิเลสปกคลุมมันไว้ พอเอาออกหมดแล้วจ้านี้ไม่มีอะไรเหมือนในโลกอันนี้
นี่พูดถึงเรื่องการเทศนาว่าการตั้งแต่พ.ศ.๒๔๙๓ มาเริ่มเทศน์สอนพระ ติดตามตลอด ไปที่ไหนติดตาม ไปอยู่อย่างมากไม่เลยสองอาทิตย์ละ หลบเรื่อยๆ ไปคนเดียว มันสบายอย่างนั้นนี่ พระเราก็เห็นใจ แต่ที่เราสะดวกนี้มันมีน้ำหนักมากกว่าเห็นใจใครซิ มันสะดวก อยู่ที่ไหนสบายๆ หลบเรื่อย เดี๋ยวพระก็ติดตามไป เดี๋ยวโผล่มาๆ โผล่มาว่าอะไรว่าเถอะ เฉยไม่สนใจ ขอให้ได้มาถึงตัวแล้วพอ มันยังไงนี่หมาสู้ไม่ได้พวกนี้ จมูกเก่งนัก เฉยไม่สนใจ เราเลยจะตาย ผู้ขู่เป็นเรา ผู้ลำบากเป็นเรา ทางนั้นฟังเสียงขู่แล้วเฉย สบายเลย เป็นอย่างนั้นนะ เรื่อยมาเลย ค่อยขยายออกๆ ครั้นต่อมาก็จึงได้มาสร้างวัดป่าบ้านตาด เทศน์ที่นี่ พระเณรหลั่งไหลเข้ามา เป็นเทศน์ประเภทหม้อเล็กหม้อจิ๋ว ธรรมะเทศน์เด็ดๆ ทั้งนั้น
จากนั้นมาก็เทศน์แกงหม้อใหญ่สอนประชาชนในการช่วยชาติ ก็มีแกงหม้อเล็กแฝงนิดหน่อยๆ ที่มีพระกรรมฐานปฏิบัติมากๆ ไปฟังด้วยแล้วออกละ ธรรมะประเภทนี้ออก แกงหม้อเล็กหม้อจิ๋วจะออกๆ ถ้าธรรมดาแกงหม้อใหญ่ออกทั่วไป เพื่อให้เป็นประโยชน์สำหรับผู้ฟังตามกำลังของตน ขั้นใดที่ควรจะได้กำลังมากน้อยเพียงไร ธรรมะจะออกรับๆ เลย ควรได้ชั้นไหนธรรมะจะออกทันทีๆ ควรจะได้ชั้นไหนก็ต้องออกตามนั้น นี่ละที่ว่าแกงหม้อใหญ่ หม้อเล็ก หม้อจิ๋ว เป็นอย่างนั้นเอง
การเทศน์ไม่ใช่เทศน์เพื่อไร้ประโยชน์ ต้องดูสถานที่บุคคล สังคมเป็นยังไง จำนวนเป็นยังไง ควรจะได้รับอรรถธรรมแค่ไหน หนักเบามากน้อยเพียงไร มันจะบอกทันทีๆ พูดอย่าว่าคุยนะ จะเหมือนเรดาร์เลยเทียวพูดตรงๆ อย่างนี้ พอมองดูปั๊บมันรู้หมดแล้ว จะควรเทศน์ธรรมะขั้นใดๆ เมื่อควรเทศน์ธรรมะขั้นนี้ดึงก็ไม่ขึ้นนะ ยังไงก็ไม่ขึ้น อยู่ตามนี้ละ(ผู้ฟัง) ถ้าธรรมะควรจะสูง ขึ้นเอง พอที่จะสูงลิบดึงไว้ก็ไม่อยู่ พุ่งเลย เป็นเองอยู่ในหัวใจ นี่ก็เทศน์ตั้งแต่นั้นมา จนกระทั่งออกช่วยชาติบ้านเมือง ถึงทุกวันนี้เป็นยังไงเทศน์ เดี๋ยวนี้ก็ออกแล้วนี่ ออกทั่วประเทศไทย เราเทศน์มากหรือไม่มาก หลวงตาบัวเทศน์ทั่วประเทศไทย
ก็มีองค์เดียวเท่านี้พูดให้มันชัดเจน เอาตามความสัตย์ความจริง เทศน์ที่ไหนมีแต่องค์เดียวนี้ออก ออกจากวิทยุก็ออกจากองค์เดียวนี่ไปที่ไหนๆ ไม่ว่าจะออกทางด้านไหนมีแต่ออกจากองค์เดียวๆ ตั้งแต่ช่วยชาติมานี้นานสักเท่าไรแล้วล่ะ ๗ ปีเต็มๆ แล้วที่ออกสังคมใหญ่เรื่อยมา ทีนี้ก็เลยกลายเป็นเรื่องทั่วประเทศทั่วโลกเราเทศนาว่าการ การเทศน์นี้เราก็พอใจ เราไม่ได้มีการตำหนิในธรรมเทศนาของเรา ในบรรดาธรรมทุกขั้น ประชาชนที่จะได้รับประโยชน์ๆ นี้พอเหมาะๆ เทศน์อย่างไม่เคลื่อนคลาดจากความสัตย์ความจริง เพราะฉะนั้นภาษาธรรมที่ได้มาเทศน์ให้พี่น้องทั้งหลายฟัง ซึ่งเขาที่เคยชินกับสำนวนไพเราะเพราะพริ้งนิ่มนวลอ่อนหวานมานาน แล้วเขาได้มาฟังเสียงอรรถเสียงธรรม เช่นอย่างเสียงหลวงตาบัวเทศน์ เขาก็ว่าขวานผ่าซาก เทศน์กระแทกแดกดัน
แต่ก่อนกิริยาอย่างนี้เราก็ไม่เคยใช้ แน่ะฟังซิน่ะ เราก็ใช้เหมือนโลกทั่วๆ ไปการเทศนาว่าการทางด้านปริยัติ โลกเทศน์แบบไหนเราก็เทศน์แบบนั้น พระท่านเทศน์ยังไงเราก็เทศน์อย่างนั้น จะให้หนักกว่านั้นไม่ได้ มันเป็นไปตามความจดความจำไปเรื่อยๆ ไปอย่างนั้น ทีนี้พอหมุนเข้ามาทางด้านปฏิบัติ เมื่อปฏิบัติธรรมคุ้ยเขี่ยหาธรรมต้องเจอธรรม เจอธรรมเป็นขั้นๆ หนักเบาขึ้นมาเรื่อยๆ ธรรมที่นี่ตรงเป๋งอย่างนี้นะ ไม่ได้เป็นแบบปริยัติ ธรรมนี่ตรงเป๋ง สำนวนโวหารที่เราเทศน์ทางด้านปริยัติเหมือนโลกทั่วๆ ไปนี้พลิกกลับหมดเลย เข้ามาถึงความรู้ที่เป็นขึ้นภายในจิตนี้
พอความรู้ขึ้นภายในจิต ความรู้เป็นอย่างนี้เราจะเทศน์อย่างอื่นไปไม่ได้ ขัดความจริงอันนี้ นั่น ทีนี้เลยกลายเป็นเรื่องขวานผ่าซาก คือพูดอย่างตรงไปตรงมาเลย เราไม่ได้ตั้งใจเป็น มันเป็นด้วยความจริงที่มีอยู่ในใจ รู้ขึ้นมายังไง เห็นขึ้นมายังไง เราจะเทศน์เพี้ยนๆ ไปอย่างนั้น หลีกไปอย่างนี้ไม่ได้ ต้องตรงไปตรงมา ไม่ว่าธรรมขั้นใดๆ ตรงแน่วๆ ตามนี้ เรียกว่าภาษาขวานผ่าซากแล้วที่นี่ มันมาเองนะ คือมันไปตามความจริงไปเรื่อยๆ ทะลุถึงมรรคผลนิพพานก็พุ่งแบบเดียวกันเลย
นี่ละกิริยาอันนี้เป็นไปจากความจริงที่มีภายในใจ มันรู้เห็นขึ้นมามากน้อยเพียงไร เราจะพลิกแพลงเปลี่ยนแปลงเทศน์ไปอย่างอื่นไม่ได้ ต้องเทศน์ตามความสัตย์ความจริงนี้ เลยกลายเป็นขวานผ่าซากไป ประชาชนทั้งหลายเขาได้ยินหลวงตาบัวเทศน์เขาว่าขวานผ่าซาก แต่เรามันไม่มี คือเป็นความจริงล้วนๆ ออก ผิดบอกว่าผิด ถูกบอกว่าถูก สูง ต่ำ ดำ ขาว ประการใด จะเป็นไปตามความรู้ความเห็นที่เกิดขึ้นมาจากใจออกจากนั้น พลิกไปอย่างอื่นไม่ได้ ทางด้านปริยัติพอไปถึงนี้ นี้ภูเขากิเลสนะเลยหลบเสียๆ กลัวกิเลสหลบเสีย ทางด้านธรรมะไม่เป็นอย่างนั้นซิ ความจริงเป็นอย่างนี้ทะลุเลยๆ เป็นอย่างนั้น เป็นอย่างอื่นไปไม่ได้
เทศน์อย่างอื่นผิดจากหลักความจริง ไม่เรียกว่า สฺวากฺขาโต คือธรรมที่รู้ชอบ เห็นชอบ พูดชอบ มันขัดกับอันนี้ก็ต้องเป็นไปตามนี้ นี่ละท่านทั้งหลายให้ทราบเสีย สำนวนโวหารของเราที่เป็นอย่างนี้เป็นมาจากหลักความจริง ที่เกิดขึ้นภายในจิตใจ เป็นความจริงล้วนๆ พลิกแพลงเป็นอย่างอื่นไม่ได้ ต้องเป็นไปตามนั้นๆ ไม่ว่าหนักว่าเบาสูงต่ำขนาดไหน จะเป็นไปตามนั้นทั้งนั้นเลย ทีนี้สำนวนอันนี้มันก็ไม่เหมือนที่เราเคยปฏิบัติมาแต่ก่อน เทศนาว่าการมาแต่ก่อน นั่นเป็นเทศน์ทางด้านปริยัติ ท่านเหมือนเรา เราเหมือนท่าน จะแปลกประหลาดกว่านี้ไม่ได้ก็ได้แค่นั้น ทีนี้เวลามันมาเป็นขึ้นภายในใจแล้ว จะให้เป็นอย่างอื่นไม่ได้ ต้องเป็นอย่างนี้ๆ มันก็พุ่งๆ เลย ทีนี้แน่ใจด้วย เทศน์ออกมาคำใด บทใด บาทใด ธรรมะขั้นไหนไม่มีสงสัย เปิดโล่งๆ ถูกต้องๆ ไปหมดเลย เพราะฉะนั้นมันถึงออกผางๆ ละซิ กรุณาทราบตามนี้
การเทศนาว่าการไม่ใช่เป็นเรื่องอุตรินะ มันเป็นขึ้นมาในใจ ธรรมเกิดขึ้นมากน้อยเพียงไร เรื่องความจริงก็จะปรากฏขึ้นมากน้อยเพียงนั้น ยิ่งเต็มสัดเต็มส่วนในหัวใจแล้วออกเต็มเหนี่ยวเลย เป็นอย่างนั้น นี่ละธรรมพระพุทธเจ้า ถ้าลงเกิดขึ้นในหัวใจไม่มีอะไรเสมอในโลก ครอบโลกธาตุ หัวใจดวงนี้จ้าครอบไปหมดเลย แต่ก่อนกิเลสมันครอบดำปื๋อหมดเลย พอธรรมขึ้นครอบกิเลสฟาดกิเลสขาดสะบั้นลงไปแล้ว ธรรมขึ้นครอบนี้สว่างจ้า อาโลโก อุทปาทิ สว่างโร่อยู่ตลอดเวลา ท่านจึงว่านิพพานเที่ยง ธรรมชาตินี้เป็นอย่างนั้นแหละ เรียกนิพพานเที่ยง ธรรมชาติที่จ้าก็เป็นอย่างนั้นตลอดไป นี่ละธรรม
เราจึงเป็นห่วงบรรดาพี่น้องทั้งหลาย ของจริงมีอยู่ ความเลิศเลอมีอยู่ในหัวใจของทุกคนๆ ปล่อยให้กิเลสซึ่งเป็นตัวสกปรกมาเหยียบย่ำทำลาย โดยไม่รู้เนื้อรู้ตัวที่จะแก้ไขดัดแปลงชะล้างกันบ้างเลยนี้ ไม่สมควรอย่างยิ่งที่เราเป็นลูกชาวพุทธ อย่างไรก็ขอให้มีอะไรติดเนื้อติดตัวไปบ้าง สมนามว่าเป็นลูกชาวพุทธ เราเป็นฆราวาสญาติโยม เอ้า ความเป็นฆราวาสยกไว้ ศีลธรรมไม่ได้เลือกเพศเลือกวัย สร้างได้ด้วยกันทุกคน ทำได้ด้วยกันทั้งนั้นละ ความดีงามไม่มีหญิงมีชาย มีอยู่ในหัวใจ เพราะใจไม่มีเพศ หญิงชายอย่างนั้นไม่มี ให้พากันอุตส่าห์พยายามนะ เรื่องธรรมนี้เป็นสำคัญมาก
เราจวนจะตายแล้วจึงเปิดออกมาเรี่อยๆ คนทั้งหลายที่ชินต่อกิเลสนี้ เขาก็จะหาว่าเราพูดโอ้พูดอวด เม็ดหินเม็ดทรายเราก็ไม่มี มีแต่ความเมตตาครอบหมด ออกนี้ออกด้วยอำนาจแห่งความเมตตานะ มันพุ่งๆ ออกนี้ อะไรๆ ก็ไม่สมใจ ก็คิดดูซิ เดินไปตามทางเห็นทุเรียนเต็มรถมาก็ยังจะเหมาทุเรียนไปอีก นี่เมตตาประเภทนี้มี ประเภทนั้นๆ เมตตาหลายขั้นๆ หลายภูมิเป็นอย่างนั้นละ ครอบไปหมดเลย ไม่มีอะไรติดเนื้อติดตัวหลวงตาบัวนี่ พูดจริงๆ เลย ใครจะขนสมบัติเงินทองมากองเท่าภูเขาก็มาเถอะ เราจะสั่งเขาเอารถแทร็กเตอร์เขามาไถออกหมด เฉลี่ยลงไปที่ไหนที่ลุ่มที่ดอน เฉลี่ยลงไปให้สม่ำเสมอกันหมด สมบัติเงินทองข้าวของกองเท่าภูเขาน่าจะไม่ถึงสามวันเรียบ มาอีกเอาอีก เข้าใจไหมล่ะ นี่ละความเมตตา
พระพุทธเจ้าท่านว่า มหาการุณิโก นาโถ หิตาย สพฺพปาณินํ พระพุทธเจ้าทรงพระเมตตามหากรุณาธิคุณอันยิ่งใหญ่ ทำประโยชน์ให้แก่สัตว์โลกไม่มีประมาณเลย นั่นฟังซิน่ะ แล้วธรรมอันเดียวกัน ไม่แตกแขนงออกไปอย่างนั้นจะไปยังไง มันก็ต้องไปแบบเดียวกัน ความเมตตาสงสารเกิดเองเป็นเอง เมื่อจิตใจเต็มที่แล้วไม่มีพิษภัยแล้วนิ่มที่สุด เข้าได้ทุกตัวสัตว์โลกเลย ไม่ดูถูกเหยียดหยามซึ่งกันและกัน แม้เล็กขนาดไหนก็ตามไม่กล้าทำลาย ให้สิทธิ์ให้เสมอภาคไปหมด แม้แต่ในครรภ์ท่านยังไม่ให้ทำลาย ฟังซิ เป็นอย่างนั้นละ ให้พากันตั้งอกตั้งใจ
บุญกุศลเป็นสายทางที่จะหนุนเราขึ้นสู่สวรรค์นิพพาน ที่เราสร้างนี่นะ จำได้ไม่ได้อย่าไปสนใจ ขอให้ทำลงไปเถอะ บุญกับบาปนี้ไม่สนใจ ติดอยู่กับใจๆ เป็นหลักธรรมชาติ เมื่อเราสร้างลงไปแล้วอันนี้ละหนุนเข้าๆ ถึงปึ๋งเลย ถ้าทางชั่วก็ปึ๋งอีกเหมือนกัน ทำความชั่วไม่หยุดไม่ถอยจมได้ไม่สงสัย ถ้าหนุนทางดีนี้ขึ้น เอาพ้นได้ไม่สงสัย ให้พากันจดจำเอานะ วันนี้เอาเพียงแค่นี้ละ ให้พร
พอพูดอย่างนี้แล้วเราก็ ทำให้ระลึกถึงพระญาณของพระพุทธเจ้า สันตติมหาอำมาตย์เขาขึ้นขี่คอช้างอยู่ตอนเช้า พระองค์เสด็จบิณฑบาต ไปเห็นเขาขี่คอช้างสนุกสนานเมาเหล้าเพลิน พระองค์เสด็จบิณฑบาต นี่เวลานี้มันเพลินว่างั้นนะ นี่เห็นไหมพระญาณ เวลานี้มันกำลังเพลินอยู่บนคอช้าง มันเมามันเป็นบ้า แล้วตอนบ่ายนี้มันจะเป็นบ้าอีกแบบหนึ่ง แน่ะฟังซิน่ะ ตอนบ่ายนี้มันจะเป็นบ้าอีกแบบหนึ่ง แล้วต่อจากนั้นมันจะได้ของดี สามพัก นี่เล่นอยู่นี้ พอตอนบ่ายเมียตาย เมียตายโศกเศร้าเหงาหงอยจะสลบไสล เขาก็ลากเข้าไปหาพระพุทธเจ้า พระองค์เทศนาว่าการให้ฟัง เขาก็สำเร็จอรหันต์ นั่นเห็นไหมล่ะ
พระพุทธเจ้าทำนายไว้ถึงสาม เวลานี้กำลังเป็นบ้าเมาเหล้าอยู่บนหลังช้าง ตอนบ่ายนี้เมียมันตาย มันจะเป็นบ้ากับเมียมันตาย แล้วจากนั้นมันจะได้ของดี ของดีคือเป็นอรหันต์ นี่เห็นไหมทายตรงไหนผิดไหมล่ะ ตอนเช้าก็เป็นบ้าอยู่บนหลังช้าง ตอนบ่ายเมียตายแทบสลบไสลเป็นบ้าไปเลยละ แล้วเขาลากไปหาพระพุทธเจ้า ได้ฟังเทศน์พระพุทธเจ้า สลัดปัดปุ๊บขาดสะบั้นเป็นอรหันต์ขึ้นมานั้นเลย นั่นละตอนที่สามมันจะได้ของดี ฟังซิน่ะ ของดีเป็นอย่างนั้นละ ตอนเช้ามันเป็นบ้าเมาเหล้า ตอนบ่ายมันเป็นบ้าเมียตายจากมันเสียใจ ตอนที่สามมันจะได้ของดี ว่าในวันนั้นได้หมด
อย่างนั้นละพระพุทธเจ้าทำนายอะไรผิดไม่ได้ ไม่ผิด ท่านจึงเรียกว่า เอกนามกึ เอกนามกึ คือหนึ่งไม่มีสอง ถ้าลงได้รับสั่งอะไรออกด้วยญาณแล้วไม่มีสอง อย่างที่พระโพธิสัตว์ปรารถนาเป็นพุทธภูมิ ปรารถนามามากน้อยเพียงไรแล้วมาหาพระพุทธเจ้า ท่านทรงเล็งญาณดู จากนี้ไปเท่านั้นกัปเท่านั้นกัป พระพุทธเจ้าไม่ได้เกิดง่ายๆ นะ เธอจะได้เป็นพระพุทธเจ้าชื่อว่าอย่างนั้น สาวกข้างซ้ายชื่ออย่างนั้น ข้างขวาชื่ออย่างนั้น แล้วเป็นอื่นไปไม่ได้ ถ้าลงได้รับการทำนายแล้วอย่างนั้นจะเป็นอื่นไปไม่ได้ ต้องเป็นอย่างนั้นแน่นอน เข้าใจหรือ ถ้ายังไม่ทำนายพลิกได้
อย่างหลวงปู่มั่นของเราท่านก็เคยเล่าให้ฟัง ท่านเล่าเองนะ เพราะฉะนั้นนิสัยโพธิญาณท่านจึงมีแปลกประหลาดมากอยู่ ลวดลายยังมีอยู่ ท่านปรารถนาเป็นพุทธภูมิ ปรารถนาเป็นพระพุทธเจ้า ทีนี้พอจิตจะเข้าด้ายเข้าเข็ม พุทธภูมิผ่านเข้ามาแล้วว่างั้นนะ พอจิตจะเข้าด้ายเข้าเข็มทีไร สายพุทธภูมิผ่านมา ถอยเสีย พอจะเป็นทีไรพุทธภูมิจะเข้ามาทันที ถอยเสียท่านว่า ทีนี้ความอยากพ้นทุกข์ก็อยากพ้นเป็นประมาณ เลยมาคำนวณ เอ้า เป็นพระพุทธเจ้าท่านก็มีอำนาจวาสนาบุญญาภิสมภารขนสัตว์โลกขึ้น ให้พ้นจากกองทุกข์จำนวนมากมาย เราไม่ได้เป็นอย่างนั้นก็ตาม เราขนเราให้พ้นจากทุกข์ถึงความบริสุทธิ์แล้วก็เห็นจะพอแหละ เลยขอเลิกคำอธิษฐานเป็นโพธิสัตว์ มาเป็นสาวกวิสัย จากนั้นจิตก็พุ่งเลยท่านว่า
นั่นเห็นไหม นี่โพธิสัตว์ขวางอยู่ พอปั๊บจิตจะเข้าด้ายเข้าเข็มโพธิสัตว์มาแล้วสายโพธิสัตว์มาถอยเสียๆ ที่นี่ความอยากพ้นทุกข์ก็อยากพ้นเป็นกำลัง ก็เลยเบิกออกโพธิสัตว์เอาออกเสีย คือขอพ้นทุกข์ แล้วก็พุ่งเลย เพราะฉะนั้นลวดลายท่านถึงมีอยู่โพธิสัตว์ หลวงปู่มั่นเราความรู้แปลกประหลาดนี้ โถ ของเล่นเมื่อไร เอาละพอ
รับฟังรับชมพระธรรมเทศนาของหลวงตา ได้ที่
www.luangta.com หรือ www.luangta.or.th
และรับฟังจากสถานีวิทยุสวนแสงธรรม กรุงเทพฯ และสถานีวิทยุอุดร
FM 103.25 MHz |