เทศน์อบรมฆราวาส ณ วัดป่าบ้านตาด
เมื่อวันที่ ๔ สิงหาคม พุทธศักราช ๒๕๔๘
จ้างไปฟังเทศน์
วันที่ ๑ ไปประเทศลาวช่วยตา อุดรกับประเทศลาวสองแห่งรวมแล้วเป็น ๑๕,๕๘๐,๐๐๐ เพียงสองแห่งเท่านั้นก็พอแล้วแหละ นี่เขาก็บืนมา เขาหาที่เกาะที่ยึด ไม่ว่าเขาว่าเราใครเหมือนกันหาที่เกาะที่ยึด เหมือนคนตกน้ำ คนตกน้ำต้องหาที่เกาะที่ยึด ไอ้นี่ก็ความจนเหมือนคนตกน้ำหาที่เกาะที่ยึด ทีนี้ก็พอเป็นไปละตา เราก็ช่วยเต็มเหนี่ยวจนกระทั่ง ถาม ว่าหมดเท่านี้ รวมทั้งหมด ๘ ล้านกว่าเฉพาะตานะ เพราะเราไปช่วยเฉพาะตาเท่านั้น เขาก็บอกว่าพอ คือถ้ายังมีอีกจะให้อีกอยู่ พอว่าพอแล้วเราก็หยุด ๘ ล้านกว่า
เวลานี้วิทยุเราขยายกว้างขวางมากมายนะ กว้างขวางมากทีเดียว เรียกว่าทั่วประเทศแหละ ขยายออกๆ เรื่อยๆ รวดเร็วเสียด้วย ครั้งพุทธกาลไม่มีวิทยุ ไม่มีเครื่องกระจายเสียงเป็นเครื่องมือช่วยแสดงธรรม ทุกวันนี้มี ส่วนมากมันทำเพื่อทางโลกเสียมากต่อมาก นี่แยกมาทางธรรมก็เป็นประโยชน์ อย่างวิทยุออกทางธรรมก็เป็นประโยชน์อย่างนี้
วันนี้อย่าให้พูดอะไรมากเถอะ ให้มีวันพักเครื่องบ้าง เพราะเทศน์ทุกวัน เทศน์นี้ออกวิทยุทั่วประเทศไทยพูดอยู่เดี๋ยวนี้ ออกทั่วประเทศไทยเลย วันนี้ให้พักเสียบ้างเถอะ เพราะเทศน์ทุกวันๆ พวกที่จะเอาไปออกวิทยุก็ไม่ได้แหละวันนี้ เพราะเรามันเหนื่อยมันจะตาย เทศน์มานี้นานเท่าไรแล้วที่ออก ออกอย่างนี้มาดูเหมือนได้ ๗ ปีแล้วตั้งแต่เริ่มออกช่วยชาติ ออกอย่างนี้มาตลอดได้ ๗ ปีแล้วมั้ง แต่ก่อนก็เทศน์อยู่ธรรมดา ไม่ได้ออก ระยะช่วยชาติมานี้ออกตลอด
เสียงธรรมเรากระจายออกทั่วประเทศไทยเวลานี้ ก็มาจากการช่วยชาตินี่แหละ การช่วยชาติทางด้านวัตถุ ทางด้านนามธรรม คือศีลธรรมไปด้วยกันพร้อมๆ กันเลย สำหรับวัตถุนั้นก็ค่อยร่อยหรอไปแหละ ส่วนนามธรรมคือการแสดงธรรมนี้ก็ออกทั่วเดี๋ยวนี้ ยิ่งขยายกว้างขวางออกไปมากมาย เราอยากให้พี่น้องชาวพุทธเราจิตใจได้สัมผัสกับอรรถกับธรรมบ้างนะ มันเหลวไหลมานานจนดูไม่ได้ แบบหูหนวกตาบอด ไม่ใช่พูดแบบเย่อหยิ่งจองหองนะ เราก็เหมือนกันกับโลกทั่วๆ ไป แต่เวลามันเป็นขึ้นในใจแล้วมันไม่ได้เป็นอย่างนั้นซี จึงพูดอยู่เวลานี้แหละ มันไม่ได้เป็นอย่างที่เคยพูดมาแต่ก่อน พูดนี้ออกพุ่งๆ เลยเทียว นั่นเห็นไหมล่ะ ท่านทั้งหลายก็ได้ฟังแล้วทั่วโลก ออกจากปากเดียวนี่ออกทั่วโลก ไม่มีหย่อนละจนกระทั่งทุกวันนี้...เทศน์
เรื่องธรรมเข้าสู่ใจแล้ว อย่างนายกาละ ลูกชายของอนาถบิณฑิกเศรษฐี พ่อนี้เป็นโยมอุปัฏฐากพระพุทธเจ้า ลูกชายเป็นอีกแบบหนึ่ง เป็นเทวทัตหรือเป็นอะไรก็แล้วแต่ ทุกอย่างอยู่ในนั้นหมด พ่อก็พยายามที่สุด เวลาไปฟังเทศน์นี่พ่อต้องจ้างไป ไม่ฟังก็ตาม ไปนอนอยู่ตามบริเวณที่พระพุทธเจ้าเทศน์ ในตำรามี จ้างทุกวัน พอออกจากบ้านไปแล้วนอนหลับสักกี่ตื่นพ่อไม่ว่า ขอให้เข้าไปในเขตวัด ฟังหลายครั้งหลายหนมันจะสัมผัสเอง เพราะอุบายนั้นพอกลับไปบ้านก็ไปเอารางวัลกับพ่อทุกวันๆ พ่อให้รางวัลลูก หาอุบายวิธีการอย่างนั้นแหละ
ทีนี้นานไปนานมาธรรมท่านเทศน์ทุกวันเพราะไปทุกวันก็สัมผัสเข้าซิ พอสัมผัสเข้าๆ ทีนี้ดูดดื่มในธรรมเข้าเลยทีเดียว เอ๊ะ ตอนนี้ได้สำเร็จโสดาหรือไม่สำเร็จไม่ทราบนะ ทราบชัดตั้งแต่ว่าพอกลับออกไปนี้หนีเลย อายพ่อไม่อยากไปสู้หน้า อ้าว นายกาละมันไปไหนหายเงียบ วันนี้ไม่เห็นมา อายพ่อที่เอารางวัลทุกวันๆ วันนี้ฟังเทศน์มาแล้วมันเป็นคนละโลกแล้วที่นี่ นั่นละเป็นอย่างนั้น เห็นไหมล่ะ หลายครั้งหลายหนก็ค่อยเป็นไป พอซึมซาบอย่างนี้ไม่ต้องบอกเรื่องไปวัดก็ดี มีแต่จ้างให้หยุดไม่ได้จ้างให้ไปละที่นี่ พ่อก็พอใจ นี่ละจิตใจเมื่อไปสัมผัสกับธรรมแล้วเป็นอย่างนั้น
คือธรรมนี่ชนะทุกอย่างขอให้สัมผัสเข้าไปเถอะ กิเลสมันชนะอยู่เรื่อย คือไม่มีธรรมต่อสู้มัน พอมีธรรมเข้าไปเท่านั้นมันจะเทียบกันได้ทันที แล้วนายกาละ ตั้งแต่บัดนั้นมาติดพันกับธรรมตลอด นั่นเป็นอย่างนั้น แต่ก่อนพ่อนี่จ้างไปทุกวันๆ ตอนเย็นก็ไปละไปฟังเทศน์พระพุทธเจ้าทุกวัน กลับมาก็มาเอารางวัล คือไปเพื่อเอารางวัลเท่านั้น พอได้ฟังธรรมะในวันนั้นแล้วกลับมาอายพ่อเลย ขอโทษพ่อ ได้มืดหนาสาโหดมานานแล้ว พ่อเลี้ยงดูทั้งอาหารการกินสกลกายทั้งหมด ชีวิตจิตใจอยู่กับพ่อ พ่อเลี้ยงมา มิหนำซ้ำยังต้องเลี้ยงทางด้านธรรมะอีก ไม่ไปก็ได้จ้างไป อายพ่อ ทีนี้ย้อนไปเห็นคุณพ่อละที่นี่นะ
คุณของพ่อ ร่างกายทั้งหมดชีวิตจิตใจมาจากพ่อจากแม่เลี้ยงดูมา ครั้นโตมาแล้วก็เอาธรรมเข้าสู่ใจ ไม่ไปก็จ้างไป เห็นคุณของพ่อแม่ ธรรมะลงได้ดื่มในใจแล้วมันไม่อยู่นะ ธรรมะลงได้สัมผัสเข้าใจหนักเข้าๆ ไม่อยู่ มีแต่จะไปท่าเดียวๆ หรือผู้มีอุปนิสัยปัจจัยควรแก่การที่จะผ่านพ้นไปได้แล้ว อยู่บ้านอยู่เรือนแต่ก่อนก็ธรรมดาเหมือนโลกอยู่ทั่วไป แต่เวลาถึงกาลแล้วมีแต่ยุ่งเหยิงวุ่นวาย ร้อนเป็นฟืนเป็นไฟไปหมด ในบ้านในเรือนสมบัติเงินทองข้าวของพ่อแม่มามอบให้หมดไม่ยอมเอา ไม่เอาทั้งนั้น มีแต่จะไปท่าเดียว จนกระทั่งได้ไป เป็นพระอรหันต์ขึ้นมาเลย นั่นเห็นไหมล่ะ
ถึงกาลเวลามันเป็นเองก็มีเมื่อบารมีแก่กล้าสามารถแล้ว มันหากร้อนรนกระวนกระวาย อยู่ในบ้านในเรือนไม่ได้ มีแต่จะไปท่าเดียวๆ จนกระทั่งได้ไปฟังเทศน์แล้วบรรลุธรรมปึ๋งเลย นี่มีอุปนิสัยปัจจัย อย่างหนึ่งต้องได้อาศัยอุบายต่างๆ ช่วยเหลือ อย่างนายกาละนี่ ได้ใช้อุบายต่างๆ ช่วยเหลือ อย่างหนึ่งเมื่อมันเป็นในตัวเองเต็มที่แล้วไม่มีใครบอกมันก็เป็นของมันเอง เวลาไปบำเพ็ญธรรมเข้านี้ เมื่อกิเลสหนาแน่นเรื่องธรรมนี่เป็นข้าศึก จะประกอบความพากความเพียรเหมือนจะเอาไปฆ่า อย่างนั้นนะ ครั้นประกอบไปนานเข้าๆ ธรรมซึมซาบเข้าสู่ใจ ทีนี้ไม่ได้บำเพ็ญธรรมอยู่ไม่ได้ นั่นเป็นอย่างนั้น หมุนติ้วเลย
ในตำราท่านบอกไว้ทั้งนั้นละ เราให้พยายาม เราไม่ถึงขนาดได้จ้างไปวัดไปวา มาก็ให้ได้ยินได้ฟัง อย่ามาเหลวๆ ไหลๆ อย่างที่เคยมาเพ่นพ่านๆ ทั้งวัน เราติดประกาศไว้นั้นมันก็ไม่อ่าน ไม่ทราบพวกเก่าพวกใหม่แหละมา ติดประกาศไว้สามแห่ง หน้าวัดสองแห่ง ในวัดแห่งหนึ่ง มันก็เพ่นพ่านๆ อยู่อย่างนั้นละ คือมันมากต่อมาก ไม่ทราบใครที่ไปอ่านหรือไม่อ่านก็ไม่รู้แหละ มันมาเพ่นพ่าน รำคาญนะเรา ตั้งแต่มองดูก็รำคาญ ยิ่งมาอย่างนั้นแล้วยิ่งรำคาญใหญ่ มันเข้ากันไม่ได้กับธรรมว่างั้นเลย คือมันขัดกันขนาดนั้น มันขวางหูขวางตาดูไม่ได้เลย
เพราะธรรมท่านทะนุถนอม บำรุงรักษาตลอดเวลา เทิดทูนอยู่ตลอดเวลา กับสิ่งที่เป็นข้าศึกเข้ามาเพ่นพ่านๆ มันก็เข้ากันไม่ได้ซิ คนหนึ่งรักษาแทบเป็นแทบตาย คนหนึ่งเอาไฟมาเผามาจุดมีอย่างเหรอ มันขัดกันอย่างนั้นระหว่างความชั่วกับความดี เราได้ติดประกาศไว้ ถ้าเรามาเจอเองแล้ว โอ๋ย ไม่มีทางละ ขนาบเดี๋ยวนั้นเลย มาค่ำๆ มืดๆ จนกระทั่งหมดผู้หมดคนแล้วเราถึงด้อมๆ ออกไปดูนั้นดูนี้ เพื่อจะมาสั่งเสียพระหรือใครต่อใคร อะไรเป็นยังไงบกพร่องตรงไหน ไปดูแล้วมาก็สั่งๆ
ออกไม่ได้ ยิ่งกลางวันด้วยแล้วเต็ม ยั้วเยี้ยๆ ไม่ทราบมาจากไหนต่อจากไหน เวล่ำเวลาควรจะหมดไปแล้วไม่หมด จนกระทั่งมืดมองดูคนจนไม่ถนัด ค่ำเข้ามาแล้ว ยังมาอยู่ ก็พอดีเวลาเราออกมา เอาแล้วนั่น ถ้ามาเจอกับเราแล้ว จะเจอดีหรือเจอชั่วอะไรก็แล้วแต่ เอากันเลยละ เปรี้ยงเลย ขนาบเดี๋ยวนั้นไล่ออกเดี๋ยวนั้นเลย ไม่ให้มาเพ่นพ่าน พระเณรท่านไม่ทำ มีแต่เราองค์เดียวแหละทำ ถ้าลงเราได้เจอแล้วยังไงก็ไม่มีแหละ ภูเขาทั้งลูกขาดสะบั้นไปเลย
ธรรมเหนือกว่าทุกอย่าง เลิศเลอกว่าทุกสิ่งทุกอย่าง ที่มาป้วนเปี้ยนทำลายอยู่เวลานี้เลวขนาดไหน ธรรมเลิศเลอขนาดไหน มันเข้ากันไม่ได้ ขนาบออกไป อย่ามาแตะต้องทำลายธรรมซึ่งเป็นของเลิศเลอ โลกทั้งหลายได้กราบไหว้บูชาตลอดเวลา ไอ้สิ่งเลวร้ายทั้งหลายเหล่านี้ไม่มีใครกราบไหว้มันแหละ อย่ามาเพ่นพ่าน ไล่เลยๆ ไม่งั้นไม่ทันกัน ความเลวร้ายของจิตใจคนทุกวันนี้มันต่ำมาก ต่ำไปเรื่องกิเลสตัณหา ความดีดความดิ้น ความทะเยอทะยาน มีแต่จะได้จะเอา ได้ไม่ได้ก็ตาม ได้ดีดได้ดิ้นก็เอา ยุ่งอยู่อย่างนั้น นี่เป็นนิสัยของใจที่มีกิเลสมันกวน ไม่ได้คิดได้ปรุงได้อยากได้ทะเยอทะยานอยู่ไม่ได้ มันดันออกมาให้ได้ดีดได้ดิ้น ธรรมท่านไม่ดันนะ ท่านสงบเงียบ ไม่มีอะไรกวนใจท่านก็สบาย กับมาเห็นอย่างนั้นแล้วมันดูไม่ได้นะ
ถ้าไม่มีธรรมเลยมันจะหมดแหละมนุษย์เรา หมานี่ร้อนเป็นไฟไปละ มนุษย์เราหมดศีลหมดธรรมแล้วก็ไปคว้าเอาหางหมามาใส่ซิ หมาเดือดร้อน คว้าหางหมามาใส่ มนุษย์ไม่มีหาง แต่ทำตัวเป็นหมา หางหากไม่มี ไปหาแย่งเอาหางหมามา มันไล่กัดเอา ใครอยากหลงทิศไปแย่งเอาหางหมาไอ้หยองไอ้ปุ๊กกี้ไอ้หมีไอ้จ้ำหลอด ไอ้อ้วนเรานะ มันไล่กัดเอาหลงทิศจะว่าเราไม่บอก เราก็จะยุใส่เลย ให้มันขนาบเอาหลงทิศ คนขนาบสู้สูไม่ได้ ไปช่วยกู มันไล่กัดเอาหลงทิศแหละพวกนี้ ระวังให้ดีนะขาใคร
ไอ้นุ่งรุ่มร่ามๆ มาก็ระวังให้ดี ไอ้นุ่งล่อนจ้อนจะเห็นหีเห็นหำก็ระวังให้ดี หมาเรามันไม่ถอยแหละมันซัดเอา พอเห็นอย่างนี้แล้วเราก็ระลึกถึงการ์ตูน ผู้หญิงคนหนึ่งมันนุ่งซิ่น ทางนี้ผ่าแล้วเห็นอยู่ จะเห็นหีนู่นแหละ ทางนี้ยังไม่ตัด วับๆ แวมๆ มาอย่างนั้น พอดีหมาไอ้ตูบดำมาคาบตรงนี้ ก็ก้มลงตบหัวเขา มึงมากัดทำไม ว่าให้ไอ้ตูบ ไอ้ตูบมาคาบผ้าคาบซิ่นผู้หญิงคนนั้นแหละ มึงมาคาบทำไม ตบหัวหมา ตรงนี้ยังไม่ได้ผ่า มันว่าอย่างนั้น ถ้าผ่านี้แล้วจะเปิดเลย นั่นละการ์ตูนเขา อันไหนมันติดตาเราก็เลยไม่ลืม จนกระทั่งหมามาสอนมันโง่ขนาดไหนมนุษย์ เลวขนาดไหน
หมามาสอนได้เรื่องได้ราวหรือเปล่าก็ไม่รู้ ทุกวันนี้ก็ยังวับๆ แวมๆ มาในวัด ไอ้มาแบบนี้อย่ามา เราไม่ได้เห็นแก่เงินแก่ทองสินจ้างรางวัล สมบัติอะไรโลกามิสเราไม่เห็น เราเห็นแต่หัวใจคน เพราะฉะนั้นใครจะมาเย่อหยิ่งจองหองในวัดนี้ไม่ได้เราบอกตรงๆ ขนาบเดี๋ยวนั้นเลย อย่าเอาความเป็นเศรษฐีกุฎุมพี ยศถาบรรดาศักดิ์ใหญ่ๆ มาอวดธรรมนะ ธรรมเหนือหมดแล้วอย่ามาอวด ก็เหมือนเอามูตรเอาคูถอวดทองคำนั่นแหละ มาให้น่าดูซิ มาฟังเสียงอรรถเสียงธรรมทุกวันทำไมจึงให้กิเลสลากคอมา มาอวดต่อครูต่ออาจารย์ต่อหน้าต่อตา เขาเรียกตีเหล็กต่อหน้าช่าง มันหนาเกินไปมนุษย์เรา
การแต่งเนื้อแต่งตัวให้มีกฎมีระเบียบน่าดูน่าชมบ้าง มองเห็นกันเย็นตาเย็นใจ ไม่ได้เหมือนหมาเดือน ๙ เดือน ๑๒ มองกัน เห็นกันคึกคะนอง คึกคักๆ เป็นบ้าไปทั้งตัวผู้ตัวเมียทั้งหญิงทั้งชาย แต่งตัวอวดกามกิเลสตัณหาซึ่งเป็นของหยาบโลนไม่ใช่ของดี เอาศีลเอาธรรมมาอวดกันซิถึงน่าดู ก็เรียนมาทุกคน ไปเรียนเมืองนอกเมืองนาเรียนมาเพื่ออะไร มันน่าคิดเรื่องเหล่านี้ เรียนมาเพื่อความอุจาดบาดตาอย่างนี้เหรอ เอาความต่ำทรามมาอวดกันเหรอ ความต่ำทรามอยู่ที่ไหนก็มี ในสัตว์เดรัจฉานในหมูในหมาก็มี คนควรที่จะเรียนเอาความดีงามมาอวดสัตว์ทั้งหลายเหล่านี้บ้าง สุดท้ายเลยมาหมอบให้เขา ต่ำกว่าหมามันก็หมอบล่ะซิ มันดูไม่ได้นะ ศีลธรรมมีอยู่ เครื่องรับเครื่องวัดเครื่องตวงมีอยู่ ดีชั่วมีอยู่ จะเอาอะไรตั้งแต่ชั่วมาอวดกัน ใช้ไม่ได้นะ การเข้ามาวัดมาวา เป็นสถานที่สงบเสงี่ยมงามตาทุกอย่าง อันนี้เอาสิ่งเลวร้ายทั้งหลายเข้ามาอวดมันดูไม่ได้นะ
นี้เอาจริงๆ ไม่เหมือนใคร มันผ่านมาพอแล้วเรื่องโลกเรื่องสงสาร ธรรมก็ผ่านมาเต็มหัวใจ เราจึงบอกว่า เรียนโลกเราก็เรียนจบแล้ว เรียนธรรมก็จบแล้วในหัวใจดวงเดียวกัน เรียนโลกจบแล้วปล่อยวางโดยสิ้นเชิง เรียนธรรมจบแล้วพอตัวเต็มสัดเต็มส่วนด้วยความเลิศเลอ เราเรียนมาจบหมดทั้งสองแล้ว เพราะฉะนั้นจึงนำออกพูดได้ทั้งฝ่ายดีฝ่ายชั่วเต็มเม็ดเต็มหน่วย ไม่เคยกระดากอายกับใคร ธรรมเป็นธรรมสอนโลกไปหาอายอะไรอยู่ ถ้างั้นก็ไม่เหนือโลกละซิ มีอ้ำมีอายมีอะไร เอาความจริงออกพูดผางๆเลย เรียกว่าธรรม พากันจำเอานะ มันดีดมันดิ้นไปไม่ดูหน้าดูหลัง เอาละวันนี้เทศน์เท่านั้นละพอ
รับฟังรับชมพระธรรมเทศนาของหลวงตา ได้ที่
www.Luangta.com หรือ www.Luangta.or.th
และรับฟังจากสถานีวิทยุสวนแสงธรรม กรุงเทพฯ และสถานีวิทยุอุดร
FM 103.25 MHz
|