สติปัญญาเป็นอาวุธ
วันที่ 2 สิงหาคม 2548 เวลา 8:10 น. ความยาว 23.19 นาที
สถานที่ : วัดป่าบ้านตาด
| |
ดาวน์โหลดเพื่อเก็บไว้ในเครื่อง
ให้คลิกขวาแล้วเลือก Save target as .. จาก link ต่อไปนี้ :
ข้อมูลเสียงแบบ(Win)   วิดีโอแบบ(Win Narrow Band)

ค้นหา :

เทศน์อบรมฆราวาส ณ วัดป่าบ้านตาด

เมื่อวันที่ ๒ สิงหาคม พุทธศักราช ๒๕๔๘

สติปัญญาเป็นอาวุธ

 

ก่อนจังหัน

ผู้ปฏิบัติหน้าที่การงานทั้งด้านธรรมะและด้านการทำมาหาเลี้ยงชีพ สติตั้งให้ดี อันนี้เป็นพื้นฐานของงานทุกอย่างไม่ว่าทางโลกและทางธรรม สติเป็นสำคัญมาก ยิ่งเป็นงานเพื่อมรรคผลนิพพานแล้ว สติต้องติดแนบตั้งแต่พื้นๆ จนกระทั่งมหาสติมหาปัญญา กิเลสพังไม่สงสัย ขอให้นำไปปฏิบัติตามที่สอนนี้เถอะ กิเลสจะหนาแน่นขนาดไหน สติพังมันได้ทั้งนั้น ถ้าสติขาดเสียอย่างเดียวอะไรๆ ก็พัง จำข้อนี้ให้ดี

นักปฏิบัติเราผิดพลาดๆ ไม่ค่อยได้มรรคได้ผล เพราะไม่มีธรรมเป็นเครื่องยืนยัน และไม่ได้ตายใจจากผู้ใดเป็นผู้สอน ธรรมพระพุทธเจ้าท่านก็สอนไปกลางๆ ไม่ได้มาเน้นหนัก นี้ดึงออกมาเน้นหนักเพื่อให้นำไปทำประโยชน์ ขอให้สติดีเถอะนักปฏิบัติ มรรคผลนิพพานอยู่ชั่วเอื้อมๆ ไม่สงสัยละ ตั้งให้ดีๆ ใครอยากจะตั้งรากฐานได้ช้าเร็วขนาดไหนอยู่กับสตินะ ปัญญาจะแทรกกันไปๆ ขอให้สติดีเถอะปัญญาจะค่อยเป็นไปด้วยกัน ถ้าสติไม่ดีปัญญาก็ไม่มี กลายเป็นเรื่องสัญญาอารมณ์ไปหมด

ให้มีเครื่องอบอุ่นภายในใจซิผู้มาปฏิบัติทั้งหลาย เฉพาะนักบวชนักปฏิบัติเรานี้ ต้องให้ได้ศีลสมบัตินี้เป็นพื้นฐาน สมาธิสมบัติ ปัญญาสมบัติ เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนถึงวิมุตติสมบัติ ออกจากสตินี้เป็นสำคัญ เน้นหนักให้ดี เคลื่อนไหวไปมาอะไรอย่าเผลอสติ ท่านทั้งหลายจะได้เห็นคุณค่าแห่งงานของท่านว่าไม่ผิดพลาดๆ จิตใจมีความคืบหน้าเป็นลำดับ เพราะสติเป็นรากฐานสำคัญมาก เหลาะๆ แหละๆ ไม่ได้นะ อยากเดินจงกรมก็เดิน แบบไหนก็แบบหยิบโหย่ง แล้วภาวนาจะเอาธรรมบทใดหรือไม่บทใดก็หยิบโหย่งๆ ไม่ได้แน่นอน นี่เหลวไหลนะ จับอะไรจับให้จริงอย่าเหลาะแหละ เอาให้จริงให้ถึงพริกถึงขิงถึงเหตุถึงผล ก็ถึงมรรคผลนิพพาน ถ้าผู้ปฏิบัติธรรมเพื่อมรรคผลนิพพาน เอาให้จริงให้จัง เหลาะแหละๆ นี้ดูไม่ได้นะ

งานการทางโลกก็เหมือนกัน ท่านทั้งหลายให้ยึดศาสนธรรม ขึ้นสติเป็นพื้นฐาน กับปัญญานี้ไปด้วยกันๆ สติมีแล้วปัญญาจะค่อยมีไปตามกันไม่ลืมเนื้อลืมตัว ประกอบหน้าที่การงานอะไรผิดถูกชั่วดี สติจะเป็นเครื่องทดสอบๆ ปัญญาใคร่ครวญออกไป สติจับงานๆ ผิดหรือถูกๆ ปัญญาจะใคร่ครวญไปเรื่อยๆ อันนี้สำคัญมาก ศาสนธรรมของพระพุทธเจ้ามาลงที่สติปัญญา จากนั้นธรรมเครื่องหนุนก็มีวิริยะ ขันติอะไรเป็นเครื่องหนุน สติปัญญานี่เป็นอาวุธที่สำคัญมาก ฟาดฟันหั่นแหลกอะไรขาดหมด จำให้ดี

พระภาวนาไม่ได้หลักได้เกณฑ์เป็นเพราะเหตุไร เพราะจิตใจไม่มีหลักมีเกณฑ์ จะยึดธรรมข้อใดๆ เป็นที่เกาะก็ไม่ได้เรื่อง หยิบนั้นปล่อยนี้ หยิบนั้นวางนี้ เล้ยไม่ได้เรื่อง นี่ละสำคัญ จำให้ดี ท่านจะเห็นมรรคผลนิพพานที่พระพุทธเจ้าสอนไว้สดๆ ร้อนๆ ที่หัวใจของท่านเองไม่อยู่ที่ไหน เอาให้ดี กุญแจดอกสำคัญได้แก่สติ ปัญญา จะหมุนเข้าไปนี่ไม่ไปที่ไหน อย่าพากันเหลาะๆ แหละๆ นะ ศาสนาพระพุทธเจ้านี่ไม่มีอะไรเลิศเลอเท่าในสามแดนโลกธาตุนี่ แต่ทำไมมาอยู่กับเราจึงมีแต่ชื่อเฉยๆ ว่าศาสนาพุทธๆ มันไม่ได้มีตัวจริงอยู่ในนั้น คือเอาจริงทำจริงทุกอย่าง จำให้ดีข้อนี้ เอาละให้พร

 

หลังจังหัน

สงเคราะห์ศูนย์รักษาตา นครหลวงเวียงจันทน์ ๘ กรกฎาคม ๔๘ ให้เครื่องมือแพทย์เดิมสองรายการ ๓ ล้าน ๔ แสนบาท กล้องผ่าตัดตากับเครื่องวัดความดันตา สองอย่างให้ไปแล้ว เวลานี้สั่งแล้ว ทีนี้เมื่อวานนี้ ๑ สิงหาคม ให้เครื่องมือแพทย์ใหม่ ๗ รายการ ราคาประมาณ ๔ ล้าน ๖ หมื่นบาท มีเตียงผ่าตัดตา เครื่องอบเครื่องมือผ่าตัดตา เครื่องวางยาสลบ เครื่องตรวจวิเคราะห์เลือด เครื่องตรวจตา เครื่องตรวจคลื่นตา เครื่องยิงเลเซอร์สำหรับผู้เป็นเบาหวานขึ้นจอประสาทตา รวมทั้งเมื่อวานทั้งหมดเป็นเงิน  ๘,๓๘๐,๐๐๐ บาท เข้าใจตามนี้นะ

เราไปเราได้เตรียมพร้อมภายในจิตใจ คิดด้วยเหตุด้วยผลเรียบร้อยแล้วเราค่อยไป เมื่อวานเขามีเท่านั้นที่เขาขาดแคลนเขาขอ เราให้ทั้งหมดตามนั้น ถ้ามีเพิ่มเข้าอีกให้อีกๆ ก็ขึ้นต่อยแล้วถอยได้ยังไง บรรดาลูกศิษย์ลูกหาไป เป็นยังไงไปเห็นเวียงจันทน์เมื่อวาน เข้าไปดูตลอดทั่วถึง เขาก็ยิ้มแย้มแจ่มใสนะ ก็ผ่านมาแล้วเรื่องเวียงจันทน์ เป็นอันว่าผ่านมาเรียบร้อยแล้ว เราไปดูเอง ขัดสนอะไรๆ เราดูเองหายสงสัย เมื่อวานถามหมด เขาบอกว่าหมดเท่านี้ เราก็ให้เท่านั้น ถ้ายังมีอะไรอีกให้ๆ หมายถึงความจำเป็นๆ ตามลำดับลำดา เราให้

ที่บ้านพักเหมือนว่าดุแฝงๆ ไปด้วย เรามาเราไม่ได้มาเพื่อบ้านพักนี่นะ เรามาเพื่อเครื่องมือตา แล้วเอาบ้านพักมาให้เรา เราก็เลยชี้บอก นั่นพักตามนั้นร่มไม้ชายคาที่ไหนได้ทั้งนั้น อันนี้ไม่เห็นมีความจำเป็นอะไร เรามาเพื่อความจำเป็นนี้ต่างหาก คือเหตุผลมันลงกันไม่ได้ เอาอันนั้นมา ข้ามไปถึงประเทศลาว เอาบ้านพักญาติผู้ป่วยมาอวดเรามันเข้ากันไม่ได้ใช่ไหม เพราะฉะนั้นจึงปัดปุ๊บทันทีเลยเมื่อวาน เขาก็ยอมรับทันทีนะ มันเข้ากันไม่ได้กับที่เรามุ่งไป

(ดุผู้อยู่ในครัว) ไอ้พวกที่มามันจ่อจะคอยมาแซงข้างหน้า หาอวดหน้าอวดตามาเสนอหน้า ผู้ที่อยากดูๆ แทบเป็นแทบตาย ผู้ที่คอยจ้องนี้มี มันไม่ดูมารยาทหัวใจของคนอื่นของเราอะไรบ้างเลย แทรกแซงไม่เป็นท่าพวกนี้ แย่งแต่ที่นั่ง ดูหมดนะไม่ใช่ไม่ดู วันนี้ออกเสียบ้าง ไม่ได้หน้าได้หลังอะไรเลย เขาก็คนเราก็คนดูกันบ้างซี หัวใจเขาหัวใจเรา สละกันบ้างซี อะไรมีตั้งแต่จะออกหน้าออกตา เห็นแก่ตัวๆ ดูไม่ได้นะ ต่อไปเราจะเอาหมามุ่ยมาหว่านไว้นี้ให้เรียบร้อยหมดเลย พอหว่านเรียบร้อยแล้วเราก็จะโบกมือให้มาตรงนั้นละ ตรงหมามุ่ยชุมๆ ให้ได้ยินแต่เสียงแหง็กๆ ต้องอย่างนั้นซิ ไม่รู้อะไรไม่ได้หน้าได้หลัง ไม่มีมารยาท คิดอ่านไตร่ตรองบ้างซิ นี้ไม่มีอะไรคอยแต่จะแย่งที่นั่งกัน ไม่ได้เรื่องได้ราวอะไร มาคอยเสนอหน้า เดี๋ยวจะเอาขี้หมาฟาดเอา

ทางโรงพยาบาลก็ขาดไปหลายวันเราก็ดี หมุนทางนั้นทางนี้ แต่เขามาอยู่ตลอดโรงพยาบาล เมื่อวานมา ๓ โรง สามโรงสี่โรงมาก ห้าโรงหกโรงน้อย หนึ่งโรงก็น้อย สามโรงสี่โรงละแต่ละวันๆ ดูซิโกดังเราเพื่อความจำเป็นของโลก พวกที่คอยดูโกดังบกพร่องไม่ได้นะนั่น หน้าที่ของใครคอยดูๆ ให้ได้ตามที่เรากำหนดไว้ นอกจากของไม่มีจริงๆ ให้เสมอหมด

(ดุผู้อยู่ในครัวต่อ) แล้ววันหลังให้มาเสนอหน้าก่อนใครอีกนะ เราจะได้สั่งเขาหาหมามุ่ยมาเตรียมไว้พร้อม ฟาดให้มันหลงทิศไปน่ะ มันเห็นแก่ตัวเกินไป ทางภาคอีสานเขาเรียกหมากตำแย หมากตำแยตัวคันๆ เก่งๆ นะ ภาคทั่วไปเรียกว่าหมามุ่ย เราจะเอาทั้งหมามุ่ยทั้งตำแยมาด้วยกัน ฟาดให้มันหลงทิศไปนู่น คนไม่คิดอ่านอะไรเห็นแก่ตัว

วันนี้ก็จะได้ไป ไม่ได้ไปสงเคราะห์โรงพยาบาลด้วยตัวเราเองหลายวันแล้วนะ คืองานติดงานต่อเรื่อยๆ ขาดวันนั้นขาดวันนี้ไป ทั้งเขามารับทั้งเราไปให้ คือถ้าเราไปให้เราจะพิจารณาซอกแซกที่จำเป็นๆ ส่วนเขามาก็เป็นรายจำเป็นของเขาเอง ส่วนเราไปให้เป็นรายจำเป็นของเรา ดูซอกแซก วันนี้ก็น่าจะไกล วันนี้คงจะไกล ดูจะไม่ต่ำกว่า ๒๐๐ กิโลกว่า วิ่งไปนี้ ๒๐๐ กว่ากิโลๆ ไปแต่ละวันๆ ที่มันไกลๆ เป็นที่จำเป็นเสียด้วยนะ เราถึงได้ทนเอา ไกลก็ทนเอา

ใครข้ามไปเวียงจันทน์เมื่อวานนี้ มีอะไรติดเป็นอารมณ์ใจมาบ้างไหม ติดหูติดตามาบ้างไหม ไปเวียงจันทน์กลับมานี้ มีอะไรติดหูติดตามาเป็นอารมณ์ใจบ้างไหม (เห็นความเมตตาของหลวงตา) ไม่เอาอันนี้ เอาอันอื่นดูเอาซิ (อย่างอื่นมันลบหมด) เราไปเราก็ดูเหมือนกัน ปั๊บเข้าไปนี่ยิ่งดู ดูละเอียดลออพิจารณารอบ เราก็ได้ติดตาเรามาติดใจเรามาว่า การแต่งเนื้อแต่งตัวประเทศไทยกับประเทศลาวนี้เหมือนหมาเดือนเก้า เข้าใจไหม ดูลักษณะแต่งเนื้อแต่งตัวมันยังไงกันนี่ มันเหมือนกันหมด หมาเดือนเก้าคึกคะนอง แต่งเนื้อแต่งตัว นุ่งกางเกง ผู้หญิงนุ่งกางเกงนี้ไม่น่าดูเลยนะ แหมสะดุดตาสะดุดใจลึก กระเทือนถึงศีลธรรมด้วย ดูทางเวียงจันทน์กับทางเรานี้ บวกกันมัดติดกันหมาเดือนเก้าตัวผู้ตัวเมียเลย เราไปดูๆ อย่างนั้นละ

ขนบประเพณีการแต่งเนื้อแต่งตัว กฎระเบียบของชาตินั้นๆ เขาปฏิบัติกันอย่างนั้นๆ เราไทยกับลาวนี้มันเป็นแขนซ้ายแขนขวา เราก็ดูทั้งสองละซิใช่ไหม เหมือนกับว่าเป็นความรับผิดชอบอยู่ในใจลึกๆ ทั้งสองนี้เท่ากัน แขนซ้ายแขนขวาเราจึงดู เอ้อ ไอ้เวียงจันทน์กับหนองคายนี้มันเป็นเดือนเก้าด้วยกัน เดือนเก้าเดือนสิบด้วยกัน มันจึงอยู่ด้วยกันได้ แน่ะลงนั้น เข้าใจไหม นี่ติดมา เอาไปพิจารณาพี่น้องทั้งหลาย ขนบประเพณีอันดีงามเขามีประจำชาติๆ ของเขา เราดูซิแม้แต่เผ่าในป่าในเขา การแต่งเนื้อแต่งตัวเขาก็มีระเบียบของเขา พวกเรามันอะไรกัน ก็พูดได้แต่โยนให้หมาเดือนเก้าเท่านั้น ไม่น่าดู ไปนี่ดูจริงๆ ดูทุกอย่างพิจารณาทุกอย่างไม่ใช่ไปเฉยๆ วันนี้ไม่พูดอะไรมากละพูดเล็กน้อย ไม่พูดมาก

 

รับฟังรับชมพระธรรมเทศนาของหลวงตา ได้ที่

www.Luangta.com หรือ www.Luangta.or.th

และรับฟังจากสถานีวิทยุสวนแสงธรรม กรุงเทพฯ และสถานีวิทยุอุดร

FM 103.25 MHz


** ท่านผู้เข้าชมทุกท่านโปรดทราบ
    เนื่องจากกัณฑ์เทศน์บางกัณฑ์มีความยาวค่อนข้างมาก ซึ่งจะส่งผลต่อความเร็วในการเปิดเว็บไซต์ ขอแนะนำให้ทุกท่านได้อ่านเนื้อหากัณฑ์เทศน์บางส่วนจากเว็บไซต์ และให้ทำการดาวน์โหลดไฟล์กัณฑ์เทศน์ที่มีนามสกุล .pdf ไปเก็บไว้ในเครื่องของท่านแทนการอ่านเนื้อหาทั้งหมดจากเว็บไซต์

<< BACK

หน้าแรก