เทศน์อบรมฆราวาส ณ วัดป่าบ้านตาด
เมื่อวันที่ ๑ สิงหาคม พุทธศักราช ๒๕๔๘
ควรคำนึงถึงธรรมเสมอวันหนึ่งๆ
ที่จะไปเวียงจันทน์เราก็ไปเฉพาะเรื่องของเรา ส่วนใครที่จะไปอะไรๆ เป็นตัวใครตัวเรานะ เพราะเรื่องวีซ่งวีซ่าหรือการเดินทางเราไม่เข้าใจกับใคร เราก็ไปหน้าที่ของเราเกี่ยวกับโรงพยาบาล ใครมีปัญญายังไง จะออกแบบไหนช่องไหนก็แล้วแต่เถอะ ใครอยากไปก็ไปได้ ไม่อยากไปก็แล้วแต่ เรากะว่าประมาณ ๙ โมงจะเริ่มออก กะว่าตรงไปเข้าไปเลย ไปดูในโรงพยาบาลเลย คงจะได้ช่วยมากอยู่นะ ไปดูความจำเป็นมากน้อยเราจะดูเอง ชัดเจนถ้าเราดูเอง เพราะเป็นเมืองหลวงด้วย แล้วโรงพยาบาลก็โรงพยาบาลของเมืองหลวงก็ถูก ต้องไปดูละเอียดถี่ถ้วน
ดูประมาณสัก ๓๐ ปีมั้งเราเคยไปเสมอไปเวียงจันทน์ มันมีวัดป่าอยู่ นาซกมีวัดป่าอยู่หลายแห่ง วัดป่านั้นก็เป็นลูกศิษย์หลวงปู่ขาวเรานี่ไปอยู่ทางโน้น มีสองแห่งสามแห่ง เราก็เคยไป เขานิมนต์ให้ไป จากนั้นมาแล้วเรื่องลัทธิยักษ์ผีเข้ามายุ่งเราเลยไม่ไปอีกเลย จนกระทั่งป่านนี้ไม่ไป (เคยไปภูเขาควายหรือเปล่าคะ) ไม่เคยไป ไปแต่หลวงปู่มั่น เราไม่ได้ไปเที่ยวจริงๆ น้า ไปเวียงจันทน์ก็ไปในงานเขาด้วยแล้วไปพักอยู่ในป่า ก็เที่ยวธรรมดาอยู่ใกล้ๆ ไม่ได้ตั้งหน้าไปเที่ยวเหมือนหลวงปู่มั่น หลวงปู่มั่นท่านไปเที่ยวจริงๆ ภูเขาควาย ภูไหนๆ ท่านไปหมด เราไม่ได้ไป
พอพูดอย่างนี้ก็ระลึกถึงสัตว์อีเก้ง พระท่านอยู่ในป่า หมาไนมันไล่อีเก้งมา พอไล่เข้ามาอีเก้งไม่มีทางไปมันวิ่งเข้าหาพระ หมาไนก็เปิด แล้วอีเก้งตัวนั้นมันก็เลยรอดตัวไป มันไม่ยอมหนีจากพระ หมาไนก็มาเยี่ยมเรื่อย มาเยี่ยมก็กลัวคนไม่เข้ามาใกล้ได้ แปลกอยู่นะ หมาไนไล่อีเก้ง อีเก้งมันวิ่งเข้ามาหาพระ เลยรอดตัวไปอีเก้งตัวนั้นก็ดี หมาไนนี่ร้ายกาจมากนะ ไม่ว่าอยู่ที่ไหนหมาไนเป็นตัวภัยต่อสัตว์ทั้งหลาย
ในที่สงวนสัตว์เขาใหญ่เขาไหนก็เถอะ ภูหลงภูหลวงที่สงวนสัตว์ หมาไนไปแพร่พันธุ์อยู่นั้นด้วย กินสัตว์ อันนี้มันก็เหมือนสัตว์ทั้งหลายที่ได้รับการเลี้ยงดูอยู่นั้น อารักขาอยู่นั้น จะไปทำอะไรมัน มันเกิดมาธรรมชาติของมันก็ถือเนื้อสัตว์อะไรๆ เป็นอาหาร แน่ะ มันก็เลยอยู่ด้วยกัน หมาไนก็กินอยู่นั้น หมาไนเก่งกว่าเสือ หมาไนมันหลายตัว เสือมันเป็นตัวๆ ห่างๆ แต่หมาไนมีเป็นฝูงๆ เราอยู่ในป่าเจอกันบ่อยกับหมาไน เราเที่ยวกรรมฐานอยู่ในป่าเจอกันบ่อยกับหมาไน แต่มันกลัวมากนะ หมาไหนกลัวมากกลัวคน เพศพระมันก็ยังกลัววิ่งป่าราบไปเลย เจอที่ไหนวิ่งป่าราบไปเลย ไม่มีท่าทางจะสังเกตดูหรือจะต่อสู้ ไม่มี วิ่งป่าราบไปเลย
เราเที่ยวเจอบ่อยหมาไน หาล่าสัตว์พวกหมูพวกเก้งอะไรเหล่านั้น รวดเร็วมากสัตว์ประเภทนี้ มันมีอยู่สองชนิด อันหนึ่งหมาไนโทน ถ้าหมาไนโทนสีมันแดง แดงเข้ม ไปตัวเดียว หมาไนหมู่อยู่เป็นหมู่เป็นฝูง ๔ ตัว ๕ ตัว เหมือนสีไอ้ปุ๊กกี้นี่ละ สีพวกหมาไนฝูง แต่หมาไนโทนสีเข้มแดงเข้ม แต่กลัวคนมากทั้งนั้น กับคนไม่มีท่าเลย ปั๊บวิ่งป่าราบไปเลย กลัว
ปรกติพวกสัตว์ป่า ถ้าพระกรรมฐานไปอยู่ที่ไหนเขาจะมา เป็นเองนะ เราไปอยู่ในป่า เพราะแต่ก่อนป่าที่ไหนพวกเนื้อพวกสัตว์ต่างๆ เต็มอยู่ในป่าเป็นปรกติ เราก็ยังดีนะตอนที่เราเที่ยวทันเหตุการณ์หมด มาสร้างวัดนี้ตั้ง ๑๐ กว่าปี เห็นคนผ่านไปผ่านมาเข้าออกดงนั้นแหละ เขาผ่านไปผ่านมาเขาไปดูทำเลปลูกบ้านสร้างเรือน สุดท้ายเลยกลายเป็นอำเภอหนองแสงไปได้เห็นไหม ป่าหมด เราสร้างวัดได้ ๑๐ ปีกว่าแล้ว เหมือนว่าพาหมู่เพื่อนอยู่เป็นหลัก แต่ก่อนเราเที่ยวอยู่ในป่าในเขาจึงได้เห็นซอกแซก พวกเนื้อพวกสัตว์เต็มไปหมด
คือแต่ก่อนการค้าการขายไม่มีเลย ถนนหนทางไม่มี ทางก็เดินไปตามด่านตามป่าไปอย่างนั้นละ ไปที่ไหนจึงเจอแต่สัตว์ เพราะสัตว์นี้ตอนมีถนนหนทางแล้วก็มีการค้าขาย นั่นละที่นี่สัตว์ฉิบหายจากการค้าขาย เอามากินนิดหน่อย เอาไปขายมากต่อมาก สุดท้ายเลยหมดสัตว์ในป่า แต่ก็ยังดีเราผ่านมาตั้งหลายปีป่าจึงหมด ยังทันอยู่นะ แต่ก่อนตอนที่เราเที่ยวอยู่ป่ามีสมบูรณ์ ไปที่ไหนเหมือนกันหมดเข้าป่า แยกออกไปไหนก็เป็นที่พักได้เลย เพราะไม่มีใครสงวน ป่าเป็นป่าของแผ่นดินเลย แวะเข้าไหนก็ได้ เขาทำไร่ทำนาพออยู่พอกินเท่านั้น ไม่มีการซื้อการขายกัน ทีนี้สัตว์ทั้งหลายก็เต็มอยู่ในป่า เขาหากินรอบๆ บ้านเขาก็พอกินแล้ว ไม่มีการซื้อการขายกัน ทีนี้ต่อมามีรถมีรามีถนนหนทางเข้าไป การค้าการขายก็เอาละที่นี่ ฉิบหายไปหมด ทั้งสัตว์ทั้งป่าไม้หมดไปเลยเดี๋ยวนี้
อย่างดงศรีชมภู ได้ยินแต่ชื่อนะ ดงศรีชมภูนี้เป็นดงใหญ่ที่สุด หมดไม่มีเหลือเลย ก็อย่างนั้นแหละ คือเหล่านี้เราเที่ยวหมดแล้ว ที่เรามาพูดนี้เราเที่ยวหมด ไปแทบทั้งวันก็ไม่เจอบ้านคน ดงใหญ่ขนาดนั้น มีแต่สัตว์แต่เนื้อไม่ค่อยกลัวคน ก็มีแต่ชื่อแหละเดี๋ยวนี้ หมดเลย ไปอยู่ในป่าในเขานั่นละมันได้ใช้สติปัญญา อยู่เงียบๆ เหมือนสัตว์ ทีนี้คนเข้าไปหาธรรมไม่เหมือนสัตว์นะ เสาะแสวงอรรถธรรม ที่กระจายแห่งความรู้ทั้งหลายอยู่ที่นี่ เราอย่าเข้าใจว่าไปอยู่ในตำรงตำรานะ อยู่ในหัวใจ ถ้าเข้าปฏิบัติธรรมแล้วมันจะกระจายออก
นี่ละธรรมพระพุทธเจ้าสอนโลกสามโลกธาตุ ออกจากพระทัยพระพุทธเจ้าที่บริสุทธิ์เรียบร้อยแล้วกระจ่างไปหมด รู้ไปหมดเลย นี่ละความรู้ของธรรมเกิดขึ้นภายในใจ ความรู้ที่เราไปเรียนมาชั้นนั้นชั้นนี้อะไรมันเป็นขี้ปะติ๋ว วิชาของโลกเขาก็ฉลาดไปทางโลก เป็นอย่างนั้นแหละ สุดท้ายก็ไม่พ้นการเบียดเบียนทำลายกัน อำนาจบาตรหลวงป่าๆ เถื่อนๆ มากับวิชาทางโลก วิชาทางธรรมไม่มี การเบียดเบียนทำลายกันไม่มี เวลาไปอยู่อย่างนั้นจิตใจมีแต่พินิจพิจารณา นี้มันเบิกกว้างออกๆ สิ่งที่เราไม่เคยคาดเคยคิดว่าจะรู้จะเห็นมันเห็นนี่จะว่าไง มันรู้นี่
นี่ละเวลากิเลสค่อยจางไปๆ ธรรมส่องแสงออกละที่นี่ มันค่อยรู้ไปเห็นไป ไม่เคยคาดเคยคิดก็รู้ก็เห็น ยอมรับทันทีด้วยไม่ใช่ธรรมดา เพราะฉะนั้นภาษาทางภาคปฏิบัติ ธรรมออกจากใจล้วนๆ จึงเป็นภาษาที่ตรงไปตรงมาไม่อ้อมค้อม ทางด้านปริยัติก็เป็นภาษากิเลส อย่างพระไตรปิฎกเราอ่าน ใครเป็นคนแต่งพระไตรปิฎก จดจารึกพระไตรปิฎกมา อ่านสำนวนรู้ทันที คือถ้าคนมีกิเลสไปถึงสิ่งที่หลบหลบ สิ่งที่หลีกหลีก กิเลสอยู่ตรงไหนหลีกตรงนั้นหลบตรงนั้น ไม่กล้าทำลาย คือให้เกียรติกิเลส เรียกว่ากลัวกิเลส เคารพกิเลสตลอดเวลา มันต่างกัน ถ้าท่านผู้บริสุทธิ์ว่าตรงไหนตรงเป๋งๆ ไปเลย เป็นความจริงล้วนๆ ไปเลย ต่างกันนะ
ธรรมจึงเป็นธรรมชาติที่เลิศถ้าได้เข้าสัมผัสกับใจแล้ว ไม่มีความรู้ใดจะเสมอความรู้ของจิตกับธรรมที่เข้าสัมผัสกันรู้แจ้งแทงทะลุ อย่างพระพุทธเจ้าว่า โลกวิทู ท่านไปเรียนมาจากที่ไหน อยู่ในพระทัยหมด พอเบิกกว้างไปแล้วรู้ไปหมดสิ่งที่ไม่เคยรู้ เช่นอย่างนรกอเวจี เปรต ผีเหล่านี้ พวกเราเห็นที่ไหน ก็มีแต่ผีโลภ ผีโกรธ ผีราคะตัณหาเต็มหัวใจ ผีเหล่านั้นไม่เห็น แต่ธรรมพระพุทธเจ้าเห็นทั้งผีภายใน เห็นทั้งผีภายนอก ทั่วถึงไปหมด แก้ได้หมด
ผีภายในใครไม่เห็นพระพุทธเจ้าเห็น สอนวิธีแก้ผีภายใน ความโลภ ความโกรธ ราคะตัณหา นี่ผีภายใน พระพุทธเจ้านำมาแก้ ใครไม่รู้พระพุทธเจ้ารู้ แก้ ถอนออกๆ จนบริสุทธิ์ เป็นกับพระพุทธเจ้าแล้ว สาวกก็เป็นไปตามๆ นั่นละความรู้ทางด้านธรรมะ เราอย่าเข้าใจว่าความรู้ทางโลกมันเด่น เด่นเป็นเรื่องของโลกของสกปรก ความรู้ทางธรรมนี้รู้ไปเท่าไรยิ่งสะอาดสะอ้านไป เรียกว่าทำกันไม่ลงเลย แม้แต่สัตว์ตัวเล็กๆ ก็ทำไม่ลง นั่นความรู้ทางธรรม ไม่เบียดเบียนใคร มีแต่คุณล้วนๆ ความรู้ของธรรม ความรู้ของโลกส่วนมากมีแต่พิษแต่ภัย รู้มากเท่าไรก็เป็นพิษเป็นภัยมากเท่านั้นๆ เราไม่ได้พูดดูถูกโลก เข้าไปเรียนในนี้เสียก่อนถ้าอยากจะรู้ ถ้าเข้าไปนี้แล้วจะรู้ สิ่งเหล่านั้นเราเคยผ่านมาแล้วพอแล้ว ทีนี้สิ่งนี้เราไม่เคยผ่าน มันมารู้เอาภาคปฏิบัตินี้ออกไปมันก็เข้าใจ เทียบกันได้ทันที นั่น ต่างกันมากนะ
เวลานี้เป็นเวลาที่กิเลสเป็นมหาอำนาจครอบโลก เพราะฉะนั้นทุกข์จึงเป็นมหาอำนาจครอบหัวใจสัตว์ กิเลสไปไหนกองทุกข์ไปด้วยกันๆ มีมากมีน้อย ว่าเรียนสูงเรียนต่ำก็ยกยอกิเลสทั้งนั้น ไม่ใช่เป็นเรื่องยกยอธรรม ถ้าเราฟื้นฟูธรรมดังที่เราฟื้นฟูเรื่องกิเลส ไปเสาะแสวงหาเรียนเมืองนั้นเมืองนี้เมืองนอกเมืองนาเมืองไหน เสาะแสวงหาธรรมตามหลักของพระพุทธเจ้าที่สอนนี้ มันจะจ้าขึ้นมา เพราะธรรมกับโลกมีอยู่ด้วยกัน เป็นแต่เพียงว่าเราค้นคว้าหรือไม่ค้นคว้า เหมือนแร่ธาตุต่างๆ มันมีจมดินอยู่นี้ เหยียบไปย่ำมาอยู่นั้น แต่ผู้มีความฉลาดไปขุดค้นหาก็ได้แร่ธาตุที่เป็นสาระสำคัญๆ ออกมาใช้ ดังที่เขาเอามาใช้เต็มโลก
อย่างเหล็กเห็นไหมล่ะ จนเราอดคิดไม่ได้ว่า เหล็กมันอยู่เมืองไหนมันถึงได้มากมายเอานักหนา อยู่ที่ไหนมีแต่เหล็กแต่หลาเต็ม สุดท้ายปลูกบ้านปลูกเรือนเดี๋ยวนี้มีแต่เหล็ก มีแต่เหล็กทั้งนั้น มันเอามาจากไหน เขาก็ขุดค้นออกมาอย่างนั้นแหละ มันก็เป็นหินเป็นเหล็กอยู่ในป่า เวลาขุดค้นออกมาก็เป็นประโยชน์อย่างนี้ ธรรมะมีอยู่ทั่วไป ถ้าเป็นผู้เฉลียวฉลาดดังพระพุทธเจ้า ขุดค้นออกมาทำประโยชน์แก่โลกได้มากมาย
ความรู้ของโลกกับธรรมต่างกันนะ แต่โลกมันเป็นโลกกิเลสด้วยกันมันก็ยกยอไปตามๆ กันหมด ไม่มีใครที่จะมาคุ้ยเขี่ยขุดค้นหาธรรม พอที่จะได้ธรรมเป็นเครื่องเทียบเคียงกันแล้ว เอาเทียบกันที่นี่ มันไม่มีอย่างนี้ซิ ธรรมจึงเป็นเหมือนไม่มี เป็นเหมือนตุ๊กตาธรรม กิเลสนี้เป็นทองคำทั้งแท่ง ใครก็เทิดทูนกิเลสๆ เทิดทูนกิเลสก็คือเทิดทูนกองมูตรกองคูถนั่นแหละจะเป็นอะไรไป มันเอาความสุขมาให้คนที่ไหน มีความสุขยิบแย็บเท่านั้น ความทุกข์เท่าภูเขาๆ นั่นละมันหลอกไป พอหลงไปตามมันแล้วความทุกข์ครอบเข้ามาๆ
ทางธรรมนี้ไม่มี ถึงทุกข์ก็ทุกข์มีความหวัง หวังเป็นความสุขเรื่อยๆ ไป อย่างท่านทำความเพียรทุกข์ถึงขนาดที่ว่าไม่ได้หลับได้นอนก็มี มันเพลิน เพลินในความพากเพียรแก้กิเลส แก้ตัวภัยๆ ปัดตัวภัยออก คุณก็คือธรรมเป็นเครื่องฉุดลากๆ คุณกับโทษ โทษคือกิเลส คุณคือธรรม มันมีน้ำหนักเท่ากันในหัวใจ เมื่อเป็นเช่นนั้นการฟัดเหวี่ยงกันจึงไม่มีเวลา สุดท้ายจนจะไม่ได้หลับได้นอน เห็นภัยมากๆ แล้วอยู่ไม่ได้คนเรา ถ้ามันไม่รู้ ไปนอนอยู่ท่ามกลางจงอาง สามเหลี่ยม งูเห่า เหล่านี้มันก็นอนได้สบาย ไปนอนอยู่ท่ามกลางมหาภัยมันก็นอนได้ พอรู้แล้วมันจะอยู่ไม่ได้นะ โดดผึงเลย
นี่พวกเราที่นอนอยู่กับพวกสามเหลี่ยม จงอาง มหายักษ์มหาภัยนี้ เรานอนได้อย่างสบาย สบายแบบคอยเขาจะเอาขึ้นเขียงเมื่อไรนั่นแหละ นอนแบบสบายเหมือนหมูขึ้นเขียง ทีนี้ท่านผู้รู้เมื่อรู้ภัยไปเท่าไร รู้คุณที่จะแยกตัวออกจากภัยนี้ก็มีน้ำหนักๆ เท่ากัน สุดท้ายไม่อยู่ พุ่งๆ เลย คำพูดเหล่านี้ใครพูด ไม่ค่อยมีใครมาพูดนะ มีแต่หลวงตาบัวปากเปราะคนเดียวพูด ก็มันค้นนี่ พิจารณาปฏิบัติฟัดจนกระทั่งสภามวยหรือเวทีกิเลสกับธรรมฟัดกัน จนเวทีขาดสะบั้นลงมาแล้วจึงได้นำธรรมะนี่มาพูด เวลาไม่รู้มันก็จะเอาอะไรมาพูดได้ มันไม่รู้นี่ เวลามันรู้ปิดได้ยังไง หัวใจเป็นนักรู้ รู้ตรงไหนมันก็พูดได้ๆ ละซิ เรื่องธรรมนี่เรียกว่าตรงไปตรงมา แน่วเลย ไม่เอนไม่เอียง เสมอ จึงเป็นที่ตายใจของโลกได้ แต่กิเลสไม่ได้นะ ร้อยสันพันคม ร้อยเล่ห์ร้อยเหลี่ยม แล้วก็มีแต่ทำลายกันนั่นแหละ ส่วนธรรมมีแต่ความส่งเสริมกันด้วยความเมตตาๆ เป็นอย่างนั้นนะ
วันนี้ฉันจังหันแล้วก็จะไปดูโรงพยาบาลเวียงจันทน์เขา จะมากน้อยเพียงไรความจำเป็น ที่จะได้พิจารณาตามความจำเป็น อาจจะได้ช่วยมากอยู่นะให้ไปดูเสียก่อน ดูความจำเป็น เขาบอกว่าขาดแคลนมาก เขาพูด แต่เวลาเขามาขอเราขอเพียงสองอย่าง เครื่องผ่าตัดตาและเครื่องวัดความดันเท่านั้น เราจึงได้เปิดทางไว้ เขาจะมาหาเราก็มาได้ เรามีโอกาสเราก็จะไป เราเปิดทางไว้ นี่เขาก็มาติดต่อแล้ว ตกลงกันว่าวันนี้ละ พอฉันเสร็จเรียบร้อยแล้วได้โอกาสพอสมควรก็จะออกเดินทางไป เข้าไปดูทุกซอกทุกมุมในโรงพยาบาล
ควรจะช่วยได้แค่ไหนเราก็ช่วยเต็มกำลังของเรานั่นละ ทางโน้นก็คนทางนี้ก็คน อยู่ที่ไหนมันก็คนเหมือนกัน หวังพึ่งกันและกันเหมือนกันหมดมนุษย์เรา เมื่อจิตส่ายออกไปทางด้านธรรมะ มันก็เห็นความจำเป็นของกันและกันด้วยกัน ที่จะดูถูกเหยียดหยามกันไม่มี ผู้ทุกข์ผู้จนก็สงสารผู้ทุกข์ผู้จนเสีย เราจะยกความมั่งมีศรีสุขเราไปเหยียบเขาไม่ได้นะ ธรรมไม่เหยียบ มีแต่ความเมตตาสงสารพยุงกันขึ้น นั่นธรรม ถ้าเป็นโลกแล้วไม่ได้นะ เย่อหยิ่งจองหองพองตัวโอ่อ่าไปอย่างนั้นนะกิเลส แล้วทำลายคนอื่นไปในตัวให้เกิดความชอกซ้ำ
เขาอยู่ดีๆ เขาก็ไม่ได้มาบีบมาบังคับมาทำลายเรา มาเบียดเบียนเรามารบกวนเราอะไร เขาอยู่ตามประสีประสา ไอ้ความเย่อหยิ่งจองหองนี้ก็ไปดูถูกเขาจนได้นั่นแหละ โอ๊ย ไอ้นี่คนจน ไอ้นี่คนโง่ ว่าไป.นั่นละกิเลสมันอยู่เฉยๆ ได้เมื่อไร ถ้าธรรมแล้วเห็นแล้วมีแต่ความเมตตาสงสาร มีแต่ฉุดแต่ลากขึ้นๆ ต่างกันอย่างนี้นะ พูดถึงนี้แล้วก็คิดถึงพระพุทธเจ้า นั่นละศาสดาทั้งองค์ พระป่วย ป่วยจนกระทั่งร่างกายนี้เน่าเฟะไปหมดเลย ยังเหลือแต่ลมหายใจ ร่างกายนี้เน่าไปหมดไม่ทราบเป็นยังไง จนกระทั่งพระที่ไปอุปถัมภ์อุปัฏฐากรักษา รักษาไม่ได้ พระแตกหนีหมด ทนไม่ไหวจมูกจะหัก สุดท้ายพระพุทธเจ้าเสด็จมาเป็นอุปัฏฐากเสียเอง นั่นดูซิน่ะ
พระพุทธเจ้าทรงเข้าทำอุปัฏฐากเสียเองทุกสิ่งทุกอย่าง พระถึงค่อยรุมมาช่วย พระองค์นั้นก็เลยสำเร็จเป็นพระอรหันต์อยู่นั่นน่ะ ไม่ใช่เล่นนะ ปูติคัตตะ พระชื่อปูติคัตตะ ปูติคัตตะคือว่าร่างกายเน่าเฟะ แปลออกแล้วนะ นี่พระพุทธเจ้าถือพระองค์ที่ไหน จนกระทั่งพระแตกหนีหมดดูไม่ได้ พระองค์เองมารับภาระเลย นั่นเห็นไหมความเมตตา ถือพระองค์เมื่อไร ไม่ถือ นี่เป็นคติตัวอย่างแก่สัตว์โลก เป็นธรรมเทศนากัณฑ์ใหญ่โตที่สุด ความไม่ถือเนื้อถือตัว ความเมตตาซึ่งกันและกัน ผู้นั้นก็หวังความช่วยเหลือจากผู้อื่น แล้วผู้อื่นก็แตกหนีหมดจะให้ใครมาช่วยเหลือล่ะ พระพุทธเจ้าเข้าไปเสียเอง นั่น เป็นคติตัวอย่างได้อย่างดีอย่างหนึ่ง
นั่นละธรรม ไปที่ไหนไม่มีการชอกช้ำ มีแต่พยุงๆ ถ้าโลกได้สนใจในธรรมพอประมาณแล้วโลกจะมีความสงบร่มเย็น ความเห็นอกเห็นใจซึ่งกันและกันก็จะปรากฏเด่นขึ้นๆ ความสงบร่มเย็นก็จะมากขึ้นๆ อันนี้ใครเขาอยู่ที่ไหนก็ไม่พ้นที่ความเย่อหยิ่งจองหองของตัวในกิเลสซึ่งอยู่ในจิตนั่นแหละมันออกพองตัว แล้วกระทบกระเทือนกันๆ ใครจะอยากให้กระทบกระเทือน คิดดูซิปูมันเดินไปนี่ ปูตามท้องนามันเดินออกมาหนทาง เราไปทดลองมัน เราเอามือไปจี้ มันยกก้ามขึ้นจะต่อสู้ นั่นมันรักษาตัวของมันป้องกันตัวของมัน
สัตว์โลกทั้งหลายใครก็รักตัวของตัวเองด้วยกัน ไม่อยากให้ใครมาดูถูกเหยียดหยาม แต่อยู่ๆ แล้วไม่เห็นมีเรื่องอะไรกับเรา เราก็ไปดูถูกเขาได้ เขาไม่ได้มากวนเรา ไม่มาเบียดเบียนทำลายเราพอจะไปดูถูกเขา เห็นเขาต่ำต้อยน้อยหน้าก็ไปดูถูกเขา ไม่เกิดประโยชน์อะไรเลย นี่ความเย่อหยิ่งจองหองของกิเลสมันของเล่นเมื่อไร คิดดูเขารักตัวของเขา คนไหนๆ ทุกข์จนข้นแค้นเขาก็รักษาตัวของเขาตลอด เลี้ยงดูตัวของเขาตลอดรับผิดชอบตัวเขา เราไม่มีอะไรกับเขาก็ไปคอยดูถูกเขา ได้ประโยชน์อะไร นั่นมันก็ยังทำได้กิเลสคิดดูซิ
ดังที่เราพูดอยู่นี่ เขารักสงวนตัวของเขาเหมือนปูไต่งุ่มง่ามๆ ไป ไปนี่ไปเอามือไปแตะๆ ยกก้ามขึ้นเลยต่อสู้ ทั้งวิ่งนะ เราเอามือไปจี้ใส่เขา เขาก็ยกก้ามขึ้นสู้ ทั้งไปทั้งสู้นั่น เราเอามาคิดหมด นี่ละความรักตนเป็นอย่างนั้น ปูมันก็รักเต็มตัวมัน สัตว์ตัวไหนรักตัวเองเต็มตัวๆ ด้วยกัน จึงไม่ควรที่จะไปดูถูกเหยียดหยามทำลายกัน นั่นละธรรมท่านให้ความเสมอภาคอย่างนั้น ธรรมเป็นของเล็กน้อยเมื่อไร อย่างที่เรียนกันทั่วโลกดินแดน มีแต่เรื่องของกิเลสทั้งนั้นนะ เรื่องธรรมไม่มี เพราะฉะนั้นโลกจึงหาความสงบสุขไม่ได้
ใครจะเรียนสูงต่ำขนาดไหนไม่มีทางที่จะระงับทุกข์ลงไปได้ นอกจากเสริมทุกข์ให้มากขึ้นเท่านั้น แต่เรื่องธรรมไม่เป็นอย่างนั้น มีมากมีน้อยเสริมความสุขขึ้นเรื่อยๆ ต่างกัน ด้วยเหตุนี้เองธรรมจึงสมควรอย่างยิ่งที่จะมีแทรกอยู่ในสัตว์ทั้งหลาย เฉพาะอย่างยิ่งชาวพุทธเรา ควรที่จะคำนึงถึงธรรมเสมอวันหนึ่งๆ อย่าเป็นบ้ากับกิเลสโดยถ่ายเดียว โดยไม่ระลึกถึงอรรถถึงธรรม ซึ่งเป็นเครื่องยับยั้งตัวเองบ้างเลยไม่เหมาะสมนะ ให้คิดบ้างซิ วันนี้ก็ไม่พูดอะไรมากละ ต่อไปนี้ก็จะให้ศีลให้พร
รับฟังรับชมพระธรรมเทศนาของหลวงตา ได้ที่
www.Luangta.com หรือ www.Luangta.or.th
และรับฟังจากสถานีวิทยุสวนแสงธรรม กรุงเทพฯ และสถานีวิทยุอุดร
FM 103.25 MHz |