เทศน์อบรมฆราวาส ณ วัดป่าบ้านตาด
เมื่อวันที่ ๓๐ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๔๘
เรื่องสตินี่วิตกจริงๆ
ก่อนจังหัน
ในพรรษานี้เป็นเวลาเหมาะสมที่สุด สำหรับพระผู้ประกอบความพากเพียรเพื่อมรรคผลนิพพาน ให้ถือเป็นกิจจำเป็นอย่างมากทีเดียว งานของพระก็คือการเดินจงกรม นั่งสมาธิภาวนา นี้คืองานของพระแท้ในครั้งพุทธกาลตลอดมา ดูเอาตำรับตำรามีชี้บอกๆ เรื่องละกิเลสถอนกิเลสทั้งนั้น ไม่ได้มีคำว่าสั่งสมกิเลส มีแต่ให้ชำระกิเลสทั้งนั้น ยิ่งในพรรษานี้ยิ่งเข้มงวดกวดขัน มาอยู่รวมกันเป็นจุดๆ แล้วก็ให้เร่งความพากเพียร
รับสั่งคำไหนเป็นยังไงภาวนา นั่นนะท่านรับสั่งคำไหน เป็นยังไงภาวนา ต่างกันไหมกับทุกวันนี้ เป็นยังไงกุฏิ วิหาร ศาลาโรงธรรมใหญ่เป็นสิบเป็นร้อยล้าน เป็นยังไง เอานั้นมาเป็นมรรคผลนิพพานนะทุกวันนี้ เอาวัตถุมาเป็นมรรคผลนิพพาน ไม่ได้เอาการปฏิบัติเพื่อชำระกิเลสมาเป็นมรรคผลนิพพาน มันผิดกัน คว่ำตาลปัตรกันเลยเดี๋ยวนี้นะ กิเลสคว่ำธรรม ไปที่ไหนวัดไหนๆ มีตั้งแต่วัตถุกิเลสครอบธรรมทั้งนั้น ธรรมจนไม่ปรากฏ
มองไปที่ไหนไม่เห็นธรรมปรากฏ มีตั้งแต่เรื่องกิเลสทับๆ ไปหมดเลย แล้วเอากิเลสนั้นละเป็นธรรมเสียเอง เป็นวัดเสียเอง ในวัดหนึ่งมีตั้งแต่กิเลสเต็มวัด เรื่องความพากความเพียรการประพฤติตัวของพระ อันเป็นเครื่องหมายของศาสนาของธรรมไม่ค่อยเห็นมีและไม่มี เลอะเทอะขนาดนั้นละ ศาสนาล่วงมาได้ ๒๕๐๐ นี้ ตำรับตำราจับยัดเข้าในหีบในตู้ แล้วก็ล็อกกุญแจไว้ เจ้าของออกเพ่นพ่านคว้าข้าวต้มขนม คว้ามูตรคว้าคูถไปอย่างนั้น ไม่ได้คว้าอรรถคว้าธรรมนะ
ให้ตั้งใจให้ดี เรื่องสตินี้เราพูดเสมอๆ จนเป็นอารมณ์นะ ถ้าไม่มีสติ กิเลสเอาไปกินหมด ไปที่ไหนๆ เรื่องสติๆ สตินี้เป็นธรรมสำคัญมากทีเดียว กิเลสจะหนาแน่นขนาดไหนก็เถอะ สติเป็นเครื่องต้านทานได้เป็นอย่างดีๆ ไม่สงสัย เอา หนาแน่นขนาดไหนให้หนา ไม่พ้นอำนาจของสติไปได้ ปัญญาแทรกเข้า สตินี้เป็นพื้นฐานของการประกอบความเพียร แล้วหน้าที่การงานก็มีสติกับปัญญารอบคอบกันไป เฉพาะความพากเพียรสติเป็นพื้นฐาน ปัญญาแทรกอยู่ในนั้นๆ อย่าทำเซ่อๆ ซ่าๆ นะ สติถ้าขาดมากเป็นบ้าเลยนะไม่ใช่ธรรมดา คนขาดสติคือคนเป็นบ้า ไม่มีสติไม่มีผู้รับผิดชอบ สติเป็นของสำคัญมาก เราจึงเน้นหนักเรื่องสติๆ
เราวิตกวิจารณ์มากนะไม่ใช่เล่นๆ ขอให้มีสติให้ดีเถอะ ถ้ามีสติดีแล้วคนเป็นคน พระเป็นพระ เต็มบาทเต็มเต็ง ถ้าสติขาดไปมากน้อยก็ขาดบาทขาดตาเต็ง หน้าที่การงานก็ขาดคุณภาพลงเป็นลำดับลำดา ถ้ามีสติมีปัญญาครอบอยู่นั้นแล้วจะดีทุกสัดทุกส่วน ทั้งด้านอรรถธรรม ทั้งด้านหน้าที่การงาน จะดีไปตามๆ กัน ขอให้พากันคิดข้อนี้ให้ดี สติๆ ฟังซิน่ะเรื่องเล็กน้อยเมื่อไร
เรานี้เป็นกังวลมากนะ เรื่องผู้ประกอบความเพียรไม่มีสตินี่เรากังวลอยู่ตรงนี้ ถ้ามีสติ เอาเถอะ ว่างั้น กิเลสมันจะหนาเท่าภูเขาก็พังทั้งนั้นๆ ขอให้สติติดเป็นพื้นฐานๆ ปัญญาทะลุไปเลยๆ ขาดสะบั้นไปเลย จำให้ดีอันนี้น่ะ อยู่ที่ไหนๆ อย่าเผลอสติ ให้มีสติติด เราอย่าหวังเอามรรคผลนิพพานด้วยการวาดภาพ ภาพนั้นภาพนี้ ภาพมรรคภาพผล ภาพสวรรค์ภาพนิพพาน เราอย่าไปวาดข้างนอก มันอยู่ข้างในนี้น่ะตัวสำคัญ นั้นเป็นสังขาร สัญญา มันวาดออกไปหลอกเจ้าของ จะให้ได้อย่างนั้น มรรคอย่างนั้นผลอย่างนี้ ความเพียรที่จะแก้กิเลสตัวมันวาดภาพนั้นวาดภาพนี้หลอกเจ้าของไม่สนใจ มันเสียตรงนี้นะ
เพราะฉะนั้นขอพูดยันตัวเลยว่า ท่านทั้งหลายอย่ามุ่งเอามรรคผลนิพพานนอกไปจากจิต สติกับปัญญา ผู้มุ่งมรรคผลนิพพานแท้ให้เอาตรงนี้ จุดลงตรงนี้มันจะเบิกถึงมรรคผลนิพพานไปเลยทีเดียวไม่ไปไหน ไอ้วาดภาพนั้นภาพนี้ วาดจนวันตายก็ไม่ได้เรื่องได้ราวอะไรละ ก็ภาพคิดเอาเฉยๆ ตัวการปฏิบัติไม่ได้คิดเฉยๆ นะเอาจริงๆ ขุดจริงๆ ค้นจริงๆ เจอกิเลสจริงๆ เจอธรรมจริงๆ ละกิเลสได้ด้วยธรรมจริงๆ อย่าเอาอะไรมากมาย อย่าไปวาดภาพโน้นภาพนี้ให้กิเลสหลอกไปๆ ให้เอาตัวนี้ ท่านสั่งว่ายังไง เช่นอย่างภาวนาที่บอกตะกี้นี้ สติเป็นพื้นฐาน เอาตรงนี้แหละ ขุดลงไปๆ แล้วจะถึงมรรคผลนิพพานไม่ต้องสงสัย จำให้ดีนะข้อนี้
เราวิตกวิจารณ์มากนะเรื่องสตินี่ วิตกจริงๆ บางทีถึงขนาดจะเสียมารยาทบ้างก็มี แต่เราไม่มีเรื่องโลกเรื่องสงสาร ในหัวใจเราเราไม่มี บางทีเสียมารยาทบ้างก็มี เดินฉากๆ ไปขู่เอาๆ สติให้ดีนะ เข้าใจไหม เสียมารยาทก็มี เราก็ยอม เข้าใจเหรอ เดินฉากๆ ไป บางทีมีผู้เดินจงกรมอยู่ สติมีหรือไม่ล่ะ นั่น ให้มีสตินะ จะเสียมารยาทบ้างก็ยอมรับเรา นี่ละความเมตตาสงสารเป็นอย่างนั้นนะ เอาละให้พร
หลังจังหัน
เมื่อวานนี้คนมากที่ศาลา พระก็มาก ประชาชนก็มาก ศาลานี่เหมือนว่าแบ่งครึ่งกัน ทางด้านนี้พระทั้งหมด ด้านนี้ฆราวาสทั้งหมด พระเราไม่ได้ว่าอะไร เราบอกความสะดวกให้ประชาชนเขา พวกนี้ปัญญามันทื่อ เราเดินฉากมานั้น ที่นี่มันแออัดเห็นกันไหม นู่นทุ่งนามันกว้าง ไปโน่นซี อย่างนั้นแหละนะ ทุ่งกว้างๆ ไม่ไปมันมาแออัดอะไรอยู่นี่ เราว่างั้น คนนั่งในศาลา ไล่เขาลงไปกลางทุ่งนาโน่นแดดแผดๆ เราไม่ได้บอกแดดแผดๆ บอกไล่ลงไปทุ่งนา มานั่งแออัดอะไรอยู่นี้ ทำท่าขู่ คนมากขนาดนั้นแหละเมื่อวานนี้
ศาลาหลังนี้ไม่มีความหมายเลยเมื่อวานนี้ เต็มหมดจริงๆ แล้วคนยังล้นเหลือออกไปทางโน้นทางนี้ เต็ม เราก็เทศน์ให้ฟัง สงสารทางด้านพระ นานๆ จะได้ฟังโอวาทสอนพระสักทีหนึ่ง เราก็ต้องเบนไปทางพระ ประชาชนเขาฟังแทบทุกวัน พวกนี้ฟังแทบทุกวันจนขี้เกียจฟังธรรม เข้าใจไหม พวกนี้มีแต่พวกเบื่อธรรม ขี้เกียจฟังธรรม เพราะฉะนั้นเราจึงไม่ค่อยได้เทศน์ให้ประชาชนฟัง เราเทศน์ให้พระฟัง พวกนี้มันเบื่อพอแล้ว (ไม่เบื่อเจ้าค่ะ) เราแหย่เข้าไปนี้หลบเลยนะ พอแหย่เข้าไปหลบปุ๊บๆ คนมากเมื่อวานนี้ เทศน์สอนพระ ที่ไหนถ้ามีพระมากๆ เฉพาะอย่างยิ่งเป็นพระปฏิบัติ เข็มมันจะหมุนเข้าไปเลยนะ มันเป็นในจิต มันรับกันทันที
นี่ละกระแสธรรม กระแสธรรมกระดิกไม่มีใครรู้ แต่นักปฏิบัติๆ รู้กัน รู้กันอยู่ลึกๆ มันดึงดูดกัน อย่างช่วยชาตินี้เราจะเทศน์แกงหม้อเล็กหม้อจิ๋วได้นิดๆ หน่อยๆ มีแต่แกงหม้อใหญ่ๆ ประชาชนทั้งหลายไม่ค่อยจะได้เข้าอกเข้าใจในธรรมทั้งหลาย เราก็ได้คิดเรียบร้อยแล้ว ว่าคราวนี้เป็นคราวที่ธรรมจะได้กระจายเข้าสู่จิตใจประชาชนชาวพุทธเรา ให้ได้รู้อรรถรู้ธรรมบ้าง มีวัตถุนำหน้า เช่นช่วยโลกนี่ก็ต้องหมายถึงด้านวัตถุ สมบัติเงินทองข้าวของที่กำลังจะจมอยู่ในเมืองไทยเรานี้ เพราะอะไรพาให้จม เพราะหัวใจพาให้จม ใจต่ำทราม แล้วจะลากสมบัติและคนทั้งประเทศให้จมลงทะเลหลวงได้เพราะจิตใจต่ำทราม
เพราะฉะนั้นจึงฟื้นทางด้านวัตถุขึ้นมา ด้วยการฟื้นจิตใจอยู่ลึกลับ คือการเทศนาว่าการสั่งสอนในที่ต่างๆ ให้คนทั้งหลายได้ทราบเรื่องธรรมทั้งหลายแล้วจะรู้ตัวเอง พอรู้ตัวเองแล้วทุกสิ่งทุกอย่างซึ่งอยู่ในการขวนขวายของตัวเอง หรือความครอบครองของตัวเองมันจะดีขึ้นๆ ดึงขึ้นถ้าจิตใจดี ถ้าจิตใจต่ำต่ำตลอด นี่ละจึงว่าเป็นโอกาสอันดีแล้วที่ธรรมจะได้ออกสู่ประชาชนไปกับการช่วยชาติทางด้านวัตถุคราวนี้ แล้วก็เป็นจริงๆ เห็นไหมล่ะ เดี๋ยวนี้วิทยุออกทั่วไปหมดเลย ตั้งขึ้นทุกแห่งทุกหน ดูจะมีทุกภาค เดี๋ยวนี้มีทุกภาคแล้วนะวิทยุเสียงธรรมที่เราเทศน์ ก็ไม่เห็นมีครูบาอาจารย์พระสงฆ์องคเจ้าองค์ใดที่จะมาแบ่งเบากัน เทศนาว่าการช่วยกันไม่เห็นมี สุดท้ายก็มีแต่อีตาบัวองค์เดียวนี้เทศน์ทั่วประเทศไทย
เทศน์ด้วยปากธรรมดาก็ยังไม่แล้วนะ ยังออกทางวิทยุอีกกระจายทั่วไปหมด ดูว่าทุกภาคแหละเดี๋ยวนี้เรื่องวิทยุนะ ออกทุกภาคๆ ไปเลย กำลังกระจายออกไป เราก็พอใจที่ออกไปนี่ สมเจตนาของเราที่มุ่งต่อชาติด้วยการโอบอุ้มจริงๆ โดยทางเมตตาครอบไปหมดตั้งแต่วันประกาศลั่น เอา จะเป็นผู้นำ เพราะเรามองดูภาพพจน์ของคน ๖๒ ล้านคน หัวจ่อลงไปทะเลหลวงแห่งความล่มจม ไม่ว่าหมูหมาเป็ดไก่ เจ้าของพาหันหน้าเข้าไหนมันก็หันเข้าไป แล้วจะพาให้จม นั่นละเราจึงได้ออกเสียงร้องโก้กเชียวนะ ติดหนี้ติดสินเขาพะรุงพะรัง
โถ ตั้งแต่ปู่ย่าตายายพาถ่อพาพายมาเป็นความสงบร่มเย็นสมบูรณ์พูนผล ก็คือเมืองไทยเรา แต่คราวนี้ทำไมเมืองไทยเราจะออกหน้าออกตาในทางความล่มจมมีอย่างหรือ ทั้งๆ ที่คนไทยลูกหลานไทยมีเต็มประเทศ ทำไมจึงจะทำชาติบ้านเมืองจม ปู่ย่าตายายที่ตายแล้วท่านจะไปไหนได้ ท่านจะมากังวลกับลูกหลานที่ไม่เป็นท่าเวลานี้ เอา ลูกหลานทุกคนตั้งตัวให้เป็นท่าเป็นทาง เอาอย่างนั้น ออกละที่นี่ ทางวัตถุก็สมมักสมหมายตามกำลังของเราที่รักชาติด้วยกันเสียสละมา แล้วผู้รับก็คือเราเอง
ความรับผิดชอบในสมบัติพี่น้องทั้งหลายที่บริจาคมาทั่วประเทศไทย เป็นของรักของสงวน ถอดออกมาจากตับจากปอดออกมาบริจาคเพื่อชาติของตน เราเป็นผู้รับผิดชอบในสมบัติส่วนรวมของพี่น้องทั้งหลายนี้ เราก็รับเต็มเหนี่ยวเหมือนกันเราก็ดี เรียกว่าชี้นิ้วได้เลยว่าบาทหนึ่งเราไม่เคยแตะ ฟังซิพี่น้องทั้งหลายเคยได้ยินไหม นี่ละผู้นำนำด้วยความเป็นธรรม จะไม่มีอื่นเข้ามาแทรกเลย อะไรเข้ามาแทรกธรรมนี้จะปัดทันทีๆ เลย ออกด้วยความบริสุทธิ์ คิดดูบาทหนึ่งเราไม่เคยแตะ นับแต่ทองคำ ดอลลาร์ เงินสด ทุกอย่างมา เข้าทั้งนั้นๆ เลย นี่ละบริสุทธิ์หรือไม่บริสุทธิ์
เราเชื่อความบริสุทธิ์แห่งใจของเรา เพราะใจนี้บริสุทธิ์มาแล้วได้ ๕๕-๕๖ ปีนี้แล้ว ไม่มีมลทินเข้ามามัวหมองแม้เม็ดหินเม็ดทราย ไม่มีเลย การนำชาติจึงเอาธรรมชาตินี้ออกนำ เป็นความสะอาดตลอดไปเลยๆ ทองคำก็ร้อยเปอร์เซ็นต์ผึงเข้าเลยเต็มเหนี่ยวๆ ฟังซิน่ะ ทองคำเราเวลานี้ที่เข้าเรียบร้อยแล้วนั้น ๑๑ ตันกับ ๓๗ กิโลครึ่ง ส่วนดอลลาร์เข้าเพียง ๑๐ ล้าน ๒ แสนกว่า
ทีนี้ทองคำประเภทซึมซาบ จากความห่วงใยของเราต่อพี่น้องชาติไทยลูกหลานไทยของเรายังติดอยู่ในหัวใจ จึงขอบิณฑบาตอ้อนวอนบ้างอะไรบ้าง ไม่เคาะกระเป๋าแหละ อย่างมากก็ไปตีกระเป๋าเบาๆ มีไหมทองคำ แต่ก่อนไม่ได้นะ ไปเห็นคว้าใส่กระเป๋า ตีกระเป๋าเอาทองคำๆ มาแหละแต่ก่อน ขึงขังตึงตัง วิธีการนั้นวิธีการเด็ด เพราะเมืองไทยทั้งประเทศจะจมนี้จะทำเบาๆ ได้ยังไง ทีนี้พอเมืองไทยเราพอฟัดพอเหวี่ยงแล้วก็ ไหนมีบ้างไหม เคาะนั้นเคาะนี้ ได้ห้าก็เอาได้สิบก็เอา ประเภททองคำซึมซาบ เข้าใจไหม นี้ก็ซึมซาบมาเรื่อยนะ นี่ได้ร้อยกว่าแล้ว ได้ร้อยสี่สิบหรือห้าสิบแล้วก็ไม่รู้ (ได้ ๑๔๖ กิโลครับ) นี่ละทองคำที่ประเภทน้ำไหลซึม ก็อย่างนี้แหละ เราเป็นห่วงยังไม่หยุด เราดูทองคำในคลังหลวงของเรา
เราไปดูเองนี่นะมันจึงถึงใจ อะไรถ้าเราได้ดูเองถึงใจทุกอย่างๆ ออกมาอย่างจะแจ้งชัดเจน อันนี้ทองคำเราก็เป็นห่วง เพราะฉะนั้นจึงได้ขอบิณฑบาตรบกวนบรรดาพี่น้องทั้งหลาย เพื่อเสริมทองคำเราต่อไป ให้มีความแน่นหนาฝาคั่ง ชาติไทยของเราก็จะร่มเย็นเป็นสุข เพราะทองคำนี้เป็นหัวใจของชาติ เราคิดไว้หมดนะ ก่อนที่จะออกทุกสิ่งทุกอย่างเราคิดเต็มหัวใจแล้วออก และก็แน่ใจว่าไม่ผิดๆ และไม่ผิดตลอดมา เพราะคิดด้วยธรรมไม่ได้คิดแบบโลก
ทีนี้เหล่านี้ก็ได้สมบูรณ์พูนผลมาเป็นลำดับลำดา จนกระทั่งเป็นที่พอใจในขั้นนี้แล้ว เราไม่ได้ต้องติบรรดาพี่น้องทั้งหลายซึ่งเราเป็นผู้นำ เรียกว่าได้สมบูรณ์พูนผลเต็มกำลังแห่งชาติไทยของเรา ซึ่งมีพลเมืองจำนวนเท่านี้ ก็ได้พร้อมกัน ทีนี้ก็กระจายธรรมออกไปพร้อมๆ กันกับการนำชาติด้วยทางด้านวัตถุ ธรรมนี้กำลังกระจาย บรรดาด้านวัตถุก็ค่อยเบาลงๆ แต่ธรรมะนี้รู้สึกจะไม่เบานะ กระจายออกไปเรื่อย หนาแน่นขึ้นไปเรื่อย ดูซิตั้งวิทยุทางโน้นทางนี้เป็นเสียงธรรมๆ ออกจากปากไหนถ้าไม่ออกจากปากอีตาบัวจะออกจากปากไหน ออกจากปากอีตาบัวหลวงตาบัวนี้แหละ
ดูซิรูปนั่น ตอนนั้นอายุ ๒๔ ปี รูปร่างดูเอา แล้วอันที่สองนั้น ๓๖ ปี มีพัดยศอยู่นั่นเห็นไหม พัดยศหลวงตาบัว นี่ก็เล่าให้ฟังแล้วพัดยศมาจากไหน เล่าแล้วไม่ต้องเล่าอีก ให้ดูเอา จนกระทั่งเฒ่าแก่ปานนี้แหละ เราได้พยายามที่สุดเต็มกำลังความสามารถ ตั้งแต่เป็นชีวิตของพระมาเป็นชีวิตของพระล้วนๆ เกี่ยวกับเรื่องฆราวาสญาติโยมปัดออกหมด มีแต่ชีวิตของพระล้วนๆ เดิน จนกระทั่งบัดนี้ๆ แล้ว เราก็ได้ช่วยชาติบ้านเมืองมาเต็มกำลังความสามารถ
ธรรมของเราที่นำมาแสดงนี้ออกมาจากพัดยศนั่นนะ ไม่ได้ออกมาจากอีตาบัว ๒๔ ปีนะนั่น อันนั้น ๓๖ ปี เรียกพระบัว มหาบัว มีพัดยศ มาจากไหนก็แล้วแต่พิจารณาเถอะ ท่านอาจารย์มหาทองสุกท่านเอาพัดมาจับยัดให้ บังคับให้เราถ่ายรูป เราลงมาจากวัดดอยธรรมเจดีย์ระยะนั้นเอง ที่ฟัดกับกิเลสขาดสะบั้นลงไปแล้วลงจากภูเขามาวัดสุทธาวาส มาก็มาคุยเรื่องนั้นเรื่องนี้ ท่านเลยแย็บยังไงมาถาม เป็นยังไงล่ะเรียนมาจนเป็นมหาเปรียญน่ะ เคยมีพัดติดตัวไหม อู๊ย ผมไม่สนใจกับมัน โอ๋ย ไม่ได้ๆ ขึ้นเลยนะ เรียนมาแทบล้มแทบตายต้องให้มีพัดติดตัวบ้างซิ
ท่านไปคว้าเอาพัดของท่านในกุฏิมา ปุ๊บปั๊บมาตั้งปึ๊บ ให้เรานั่งเก้าอี้ เอ้า นั่งเดี๋ยวนี้ ท่านบังคับเองนะ ท่านเอาพัดของท่านต่างหากนะ เราทำท่าโอ่อ่าเหมือนว่าเป็นพัดของเรา ความจริงเป็นพัดของท่านมาจับใส่ เอ้า ช่างภาพมาถ่าย นั่นละจึงได้เห็นภาพของเรามีพัดยศอยู่ในนั้น นั่นลงมาจากหลังเขาวัดดอยธรรมเจดีย์คราวนั้นเอง ฟัดกับกิเลสได้ชัยชนะเต็มสัดเต็มส่วนแล้วลงมาก็ได้พัดยศเป็นมหาบัว เข้าใจไหม ไล่เบี้ยให้ชัดเจนเสีย นั่นละเรื่องราว
ตั้งแต่โน้นมาก็สั่งสอนโลกเรื่อยมา สั่งสอนลึกๆ ลับๆ อยู่ในป่าในเขา เพราะพระเณรติดตามอยู่ตลอด ส่วนประชาชนเขาไม่ทราบแหละ เราอยู่ในป่าในเขาล้วนๆ มาตั้งแต่ก้าวขึ้นเวทีเป็นเวลา ๙ ปีเต็ม ไม่มีใครทราบได้แหละ เป็นตายไม่มีใครทราบ เวลาเราออกปฏิบัติเป็นผ้าขี้ริ้วห่อมูตรห่อคูถนั่นแหละ ไม่ใช่ผ้าขี้ริ้วห่อทอง มูตรคูถคืออะไร ขี้โลภ ขี้โกรธ ขี้หลง มันมีอยู่ในหัวใจ นั่นละผ้าขี้ริ้วห่อนะ นี่ละที่ลงมาจากนั้น จากนั้นก็ได้แนะนำสั่งสอนเรื่อยมาๆ จนกระทั่งบัดนี้แหละ แต่ธรรมะขั้นสูง ขั้นสูงสุดจะมีในขั้นต้น ที่เทศน์สอนพระล้วนๆ บนศาลานี่ เทศน์สอนพระไม่มีใครเข้ามาเกี่ยวข้อง เทศน์สอนพระร้อยเปอร์เซ็นต์ ธรรมะมีตั้งแต่แกงหม้อเล็กหม้อจิ๋วๆ ติดเทปไว้
ทีนี้เทปเหล่านี้ก็ออกละที่นี่ ออกตามๆ กันไปหมดเลย ธรรมะจึงมีทุกขั้น ขั้นพื้นๆ ขั้นกลาง ขั้นสูงสุดมีอยู่ในนั้นหมด ธรรมะนี้ออก แล้วออกทางวิทยุก็ธรรมะเหล่านี้ละจะออกไปเรื่อยๆ ก็มีแต่ธรรมะหลวงตาบัว เราก็แน่ใจในธรรมของเราที่สอนพี่น้องทั้งหลาย ไม่สงสัยอะไรเลย ถอดออกมาจากหัวใจล้วนๆ ไม่ได้ลูบคลำ พูดแล้วสาธุ เราไม่ประมาทตำรับตำราเราเรียนมาเหมือนกันจนเป็นมหา แต่มันไม่พ้นความลูบคลำนั้นๆ นี้ๆ แม้ที่สุดเรียนไปถึงนิพพาน เหอ นิพพานมีจริงๆ เหรอ นั่นเห็นไหมล่ะ เรียนไปแท้ๆ อ่านตำราเรื่องนิพพาน กิเลสมันยังไปตั้งเวทีต่อยกับนิพพาน เหอ นิพพานมีจริงๆ เหรอ นั่นเห็นไหมล่ะ
มันไม่ได้แน่นอนนะความจำ ลูบๆ คลำๆ ออกจากเรียนมาแล้วออกปฏิบัติละที่นี่นะ พอออกปฏิบัติก็ปฏิบัติเอาจริงเอาจังนี่ไม่ใช่ธรรมดา เอาเป็นเอาตายเข้าว่าเลย หลังจากฟังธรรมะหลวงปู่มั่นเต็มเม็ดเต็มหน่วยแล้วถึงกันเลยเชียว ออกมาก็ถามตัวเองเลยยังไม่ถึงกุฏินะ พอลงจากท่านมา คือฟังธรรมะท่านอย่างถึงใจเลย ลงมาแล้วเป็นยังไงที่นี่ฟังธรรมะท่านอย่างถึงใจแล้วเราจะว่าไง เราจะจริงไหม ทางนี้ขึ้นทันทีเลย จริง ไม่จริงต้องตายเท่านั้น นั่นเห็นไหมล่ะ ตั้งแต่บัดนั้นมาก็เป็นแบบนั้นตลอด มาจนกระทั่งถึงนี่ละ ถึงวัดดอยธรรมเจดีย์ เป็นวันหยุดรบ ว่าพักรบไม่พัก พักรบมันยังจะพักอีก หยุดโดยสิ้นเชิง ได้ชัยชนะมาเต็มสัดเต็มส่วนจ้าอยู่บนหัวใจ ลงมาอย่างสง่างามทีเดียว จากนั้นมาก็ได้เทศนาว่าการ
ธรรมะที่ออกมาเทศนาว่าการจนกระทั่งทุกวันนี้เราจึงไม่สงสัย ว่าธรรมะข้อใดบทใดที่เทศน์ผิดไป เพราะถอดออกจากความถูกต้องดีงามสมบูรณ์แบบทุกอย่างในหัวใจนี้แล้ว ออกไปจึงไม่สงสัย เราก็พอใจที่ธรรมออกไปทั่วประเทศไทยของเรา เฉพาะอย่างยิ่งประเทศไทย จากวิทยุหรืออันใดก็ตามเป็นธรรมล้วนๆ ทั้งนั้น เราก็ได้พอใจในธรรมที่แสดงออกไปว่าไม่ผิด เอ้า ให้ปฏิบัติเถอะน่ะ ท่านทั้งหลายให้ปฏิบัติตามธรรมหลวงตาบัว จะพาท่านทั้งหลายลงนรกให้เห็นเสียที ธรรมพระพุทธเจ้าพาสัตว์ขึ้นแดนสวรรค์นิพพานทั้งนั้น หลวงตาบัวก็เอาธรรมมาจากพระพุทธเจ้า มาปฏิบัติรู้เห็นในธรรมซึ่งเป็นสมบัติของตนแล้วออกสอน จะพาท่านทั้งหลายลงนรกให้เห็นเสียทีน่ะ เอ้าพิจารณานะทุกคน
เวลานี้ศาสนาจะล่มจมในหัวใจของเรานี้ละ หัวใจชาติไทยของเรานี้เป็นชาวพุทธกำลังล่มจม จนถึงจะเอาประเทศชาติบ้านเมืองให้จมไปด้วยกัน ต้องเอาธรรมฟื้นขึ้นมานะ ธรรมนะฟื้นขึ้นมาไม่ใช่อะไรฟื้น ให้รู้เนื้อรู้ตัว นั่นคือธรรมสอนแล้ว ความล่มจมกำลังจะล่มจมอยู่เวลานี้ คือความลืมเนื้อลืมตัวฟุ้งเฟ้อเห่อเหิม นิสัยฟุ้งเฟ้อเห่อเหิมไม่มีขอบเขตไม่มีเหตุมีผลไม่มีประมาณ จะทำชาติของตนให้ล่มจมเพราะจิตใจต่ำ ทีนี้ฟื้นจิตใจขึ้นมาให้รู้จักอรรถจักธรรม รู้จักความพอดิบพอดีทุกอย่างแล้ว ทุกสิ่งทุกอย่างสมบัติทุกอย่างก็ฟื้นขึ้นไปตามกันเพราะจิตใจฟื้น นี่ล่ะธรรมไม่ใช่เรื่องเล็กน้อย ถ้าเข้าสู่ใจแล้วใจจะฟื้นได้ ถ้าไม่มีธรรมมีแต่กิเลสจมด้วยกันทั้งนั้น ใครจะอวดดีขนาดไหนอวดไปเถอะ มีแต่ฝีปากลมปากเท่านั้น แต่ความจมกิเลสเหยียบย่ำทำลายตลอดเวลาในหัวใจเรา จมได้ทั้งนั้น ให้พากันตั้งใจปฏิบัติ
ศีลธรรมเป็นของสำคัญมาก เราอย่าเห็นสิ่งใด ไอ้มูตรไอ้คูถเรื่องของโลกของสงสาร มันมีแต่มูตรแต่คูถ ขี้โลภ ขี้โกรธ ขี้หลง ใครก็มีแต่ขี้ทั้งนั้น ขี้โลภ ขี้โกรธ ขี้หลง มีด้วยกันทั้งนั้น เหล่านี้เป็นมูตรเป็นคูถพาสัตว์ให้ล่มจม ส่วนธรรมไม่โลภ ไม่โกรธ ไม่หลง เป็น โลกวิทู คือพระพุทธเจ้าของเรานำธรรมนี้มาส่องทางให้ตัวเอง เพื่อการปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ แล้วจะเจริญรุ่งเรืองจิตใจจะชุ่มเย็น มองเห็นหน้ากันเป็นมิตรกันไปหมดนะ ธรรมมีในใจมองดูหน้ากันนี้ไม่ระวังกันนะ เป็นมิตรเป็นสหายพึ่งเป็นพึ่งตายกันได้หมด อย่างเราทั้งหลายมาเต็มศาลานี้ ใครระวังใคร ต่างคนต่างมีธรรมในใจแล้วนุ่มไปหมดนวลไปหมด ซึมซาบเย็นไปหมด นี่ละเรื่องธรรมประสานกันได้ ไม่มีคำว่าชาติชั้นวรรณะ ธรรมประสานเข้าไปตรงไหนสวยงามร่มเย็นเป็นสุขทั่วหน้ากัน นี่ละธรรมให้พากันนำไปปฏิบัติ
เราก็เทศน์สอนมาๆ จนกระทั่งบัดนี้ก็จะเทศน์ไม่ได้แล้วนะ เมื่อวานนี้เทศน์ไปเพียงเล็กน้อย ๓๐ กว่านาที หมดกำลังก็หยุดแล้ว เวลานี้ยังปรากฏอยู่บ้างก็คือพอเทศน์ได้นะ ถ้าเทศน์ไม่ได้แล้วหมดเลยละเรา อะไรๆ ก็ทรุดโทรมลงไปๆ แต่การเทศน์ยังพอเทศน์ได้บ้าง แม้ไม่มากก็ยังพอได้อยู่ นี่ก็ได้ออกทางวิทยุกระจายเสียงทั่วประเทศไทย ขอให้พี่น้องทั้งหลายได้เอาจิตใจ น้อมจิตใจเข้ามาสู่ธรรมเถอะ ให้กิเลสลากไปถูไปไม่มีใครว่าได้รับความเจริญจากกิเลส รายเดียวเราไม่เคยเห็นมี ส่วนธรรมนั้นขึ้นต้นก็คือว่าพระพุทธเจ้าเป็นเอกในเรื่องบรมสุข ความรู้แจ้งแทงทะลุไม่มีใครเกินพระพุทธเจ้า นั่นเห็นไหม มี เอามาอวดได้เลย สาวกอรหันต์ทุกๆ องค์จ้าทั้งนั้นๆ นั่น
ไอ้พวกเราที่ ขี้โลภ ขี้โกรธ ขี้หลง เต็มโลกเต็มสงสารมีมากเท่าไร มีใครมาแสดงตนบ้าง กิเลสมันแสดงตนว่ามันวิเศษวิโส นำโลกทั้งหลายให้ได้รับความวิเศษวิโส มีความสุขความเจริญยิ่งกว่าพระพุทธเจ้า นำสัตว์โลกให้มีความสุขไปอีกมากมายมีตรงไหน เอ้าพิจารณาซิ ไม่มี แล้วยังจะเชื่อมันอยู่เหรอ เชื่อจนตาย จะไม่ฟื้นตัวบ้างด้วยอรรถด้วยธรรมสักหน่อยบ้างเหรอ พิจารณาซิ เอาธรรมเข้ามาแก้กันซิ ไม่แก้ไม่ตกนะ
เขาเป็นไข้กันยังวิ่งหาหมอหายา ไอ้ไข้เรื้อรังไข้วัฏจักรพาสัตว์ให้ล่มจม คือไข้ด้วยอำนาจของกิเลสมันฝังอยู่ในหัวใจนั้น หมอมีธรรมมี หมอก็คือครูบาอาจารย์ วิชาหรือยาก็คือธรรมของพระพุทธเจ้า เอามาแก้ไขดัดแปลงตนเอง หมอก็คือพระพุทธเจ้าเป็นองค์เอก สาวกทั้งหลายเป็นหมอๆ เป็นแพทย์เอกๆ ทั้งนั้น แล้วยาก็มีธรรมโอสถ พุทธโอสถ ธรรมโอสถ สังฆโอสถ นำมาเยียวยาหัวใจเรา เพื่อจะได้เบาบางหายไป หายสุดขีดถึงนิพพานเลย พากันจำให้ดี เอาละวันนี้เทศน์เพียงเท่านี้
รับฟังรับชมพระธรรมเทศนาของหลวงตา ได้ที่
www.Luangta.com หรือ www.Luangta.or.th
และรับฟังจากสถานีวิทยุสวนแสงธรรม กรุงเทพฯ และสถานีวิทยุอุดร
FM 103.25 MHz |