ไปภาคใต้
วันที่ 25 กรกฎาคม. 2548 เวลา 8:20 น. ความยาว 60.14 นาที
สถานที่ : วัดป่าบ้านตาด
| |
ดาวน์โหลดเพื่อเก็บไว้ในเครื่อง
ให้คลิกขวาแล้วเลือก Save target as .. จาก link ต่อไปนี้ :
ข้อมูลเสียงแบบ(Win)   วิดีโอแบบ(Win Narrow Band)   วิดีโอแบบ(Win High Band)

ค้นหา :

เทศน์อบรมฆราวาส ณ วัดป่าบ้านตาด

เมื่อวันที่ ๒๕ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๔๘

ไปภาคใต้

 

ก่อนจังหัน

พระให้เร่งภาวนานะ ในพรรษาอย่ายุ่งกับงานใดๆ ให้ทำงานของเราคือการชำระกิเลสด้วยความพากเพียรตลอดเวลา สติอย่าห่างเหินจากความเพียร ให้ติดแนบๆ กิเลสจะเป็นคลื่นเท่าทะเลมาก็ตาม สติต้านทานได้ๆ อยู่นะ สติสำคัญมาก มันจะหนาแน่นขนาดไหนสติจับปั๊บนี้มันจะข้ามสติไปไม่ได้ จำให้ดีคำนี้ ถ้าไม่มีสติเหลวทั้งนั้น เฉพาะเรื่องความเพียรสติเป็นพื้นฐานสำคัญ อย่างอื่นก็ไม่พ้นสติ ถ้าใครมีสติติดไปในงานต่างๆ งานจะเรียบร้อยดีงามไม่ค่อยผิดพลาด ประกอบความพากเพียรให้ดีทุกคนๆ อย่าหาเรื่องนั้นมายุ่ง หาเรื่องนี้มายุ่ง กิเลสมันชอบเป็นอย่างนั้น ชอบหาเรื่องอันนั้นมายุ่ง เอาอันนี้มายุ่ง ไปหาเกาในที่ไม่คัน ที่มันคันๆ ที่หัวใจไม่ยอมให้เกา กิเลสมันอยู่นั้นมันให้ไปเกาโน้น งานนั้นแล้วงานนี้ ยุ่งนั้นยุ่งนี้ ติดต่อกับคนนั้น ติดต่อกับคนนี้ โม้กับคนนั้น คุยกับคนนี้ กิเลสมันหลอกออกไปนะ ตัวฟืนตัวไฟอยู่กับกิเลสมันไม่ให้มาเกา นี่มันคันอยู่ตรงนี้ ให้ไปหาเกาอยู่ข้างนอกใช้ไม่ได้นะ จำให้ดีคำนี้ก็ดี

จิตเป็นอย่างนี้ละ การประกอบความพากเพียร เผลอให้กิเลสจนได้ๆ อยู่ตลอดเวลา สติจับลงไปเถอะมันจะหนาแน่นขนาดไหนกิเลส สติต้านทานได้ ได้ตลอด เรื่องสติต้องตั้งใจ เป็นความอดทนอันหนึ่งเหมือนกัน เพราะกิเลสมันดัน ดันให้อยากออกคิดออกปรุง ความอยากออกคิดออกปรุงนั้นละคือกิเลสมันดันออก เรียกว่าสังขาร สังขารตัวนี้สำคัญมากกว่าตัวอื่น ให้คิดให้ปรุง รู้เห็นอะไรมาแล้วยังไม่แล้ว มันก็ไปกว้านเอาเข้ามามาคิดมาปรุงอยู่ภายใน แล้วก็ดันออกไปๆ สติไม่มีละ เหลวไหลๆ ความพากเพียร

อย่าหาเรื่องงานนั้นงานนี้มายุ่งนะพระ ให้ดูหัวใจเจ้าของ มันกระดิกพลิกแพลงออกแง่ไหนมุมใด นั้นละคือกิเลสออกๆ ระยะที่ประกอบความเพียรธรรมดานี้มีแต่กิเลสละออก ธรรมไม่ออก จนกระทั่งถึงขั้นของธรรมออกแล้วทีนี้กิเลสออกไม่ได้นะ ธรรมตีแหลกๆ มีแต่ธรรม ยืนเดินนั่งนอน เวลานอนมันก็จะนอนไม่หลับ ธรรมตีกิเลส นั่นเห็นไหมล่ะ เวลาธรรมมีกำลังแล้วด้วยอำนาจแห่งความพากเพียรของเรา ธรรมมีกำลัง สติปัญญามีกำลังนั่นเอง จะเป็นอะไรมีกำลัง ที่นี่กิเลสหมอบๆ เหยียบหัวมันไปได้เลยที่นี่ เดี๋ยวนี้มีแต่กิเลสเหยียบหัวพระนะ พระกรรมฐานวัดป่าบ้านตาด มาจากประเทศไหนๆ ก้มหัวลงให้กิเลสเหยียบไปหมด เหยียบหมดพวกนี้พวกพระวัดป่าบ้านตาด ให้กิเลสเหยียบหัวไปหมด หัวสูงหัวต่ำหัวใครๆ ก็ตามมันไม่ถอยนะกิเลส เหยียบแหลกๆ ผมอยากให้ท่านทั้งหลายตั้งสติจ่อเอาให้ดี ให้เห็นธรรมพระพุทธเจ้า ถ้าธรรมพระพุทธเจ้าได้ค่อยเกิดขึ้นแล้วๆ กิเลสพัง เหยียบหัวกิเลสแหลกหมดเลยอย่างพระพุทธเจ้า พระอรหันต์ท่าน ล้วนแล้วแต่ท่านผู้เอาจริงเอาจัง ให้พากันตั้งอกตั้งใจนะ

เลอะๆ เทอะๆ ไปหมดแล้วแหละ จะไม่มีเกาะมีดอนให้ซุกหัวนอนได้พอเป็นที่ร่มเย็นนะ มันมีแต่ฟืนแต่ไฟเผาหัวใจของสัตว์โลก แม้ที่สุดพระบวชมาธรรมไม่มีความหมาย มีแต่กิเลสเหยียบตลอดเวลา ย่นเข้ามาวัดป่าบ้านตาด ว่าตั้งหน้าตั้งตาจะสู้กับกิเลส กิเลสเหยียบเอาๆ เถลไถลนั้น เถลไถลนี้ ไม่ได้นะถ้าเห็นผิดหูผิดตาเราไม่ได้เหมือนใคร ดูผิดหูผิดตาไม่ควรให้อยู่แล้ว ชี้นิ้วเลยให้ออก ในพรรษาไม่สำคัญ ความผิดมันมาทำทำไมในพรรษา ทำความผิดทำอยู่ในพรรษาได้ ถ้าควรจะให้ออกไล่ออกทันทีเลย มันทำความผิดได้ในพรรษา

จะว่าอยู่ในพรรษายังออกไม่ได้ แล้วในพรรษามันทำผิดทำไม สมควรที่จะออกแล้วอยู่ไม่ได้ นั่นเอาตรงนั้น นี่ไม่ได้เหมือนใครนะ จับได้ถนัดแล้วปัดทันทีเลย ไม่มีละศาลอุทธรณ์ มีศาลต้นศาลเดียวเท่านั้นเป็นศาลฎีกาในนั้นเสร็จเลย เพราะไม่เคยพาทำเหลาะๆ แหละๆ แล้วมาทำให้เห็น มันกีดมันขวางหัวใจเหลือเกิน ขวางหูขวางตา เหลาะๆ แหละๆ ดูไม่ได้นะ วันนี้สอนย่อๆ เท่านี้ละ เราไม่มีเวลาที่จะสอนพระ ให้พร

 

หลังจังหัน

มาจากทางไหน (พังงาเจ้าค่ะ มาจากอำเภอเมือง) งั้นขอถามสักหน่อย มาจากพังงารู้จักอาจารย์คลาดไหม (รู้จักค่ะ อาจารย์คลาดอยู่วัดบางเตย) งั้นซิถามหาจุดสำคัญ อยู่พังงาถ้าไม่รู้จักอาจารย์คลาดแล้วเป็นยังไงเรื่องอรรถเรื่องธรรม เอาตรงนั้นนะ ท่านคลาดเป็นพระวัดนี้ เป็นพระวัดป่าบ้านตาด พอออกจากนี้ไปก็ไปอยู่พังงา ท่านเป็นคนพังงา แต่เป็นพระวัดป่าบ้านตาด บวชแล้วมาอยู่ที่นี่ ออกจากนี้ไปก็ไปตั้งวัดที่พังงา เวลานี้ก็ตั้งวิทยุขึ้นที่พังงา ก็ท่านคลาดนั่นแหละเป็นคนตั้ง เพราะฉะนั้นบรรดาพี่น้องทั้งหลายที่มาจากพังงา จึงต้องถามว่ารู้จักอาจารย์คลาดไหม ถ้าว่าไม่รู้จักแล้วจืดชืดที่สุด เอาตรงนี้นะ ถ้าว่ารู้จักก็ลบกันไปได้ การถามอันนี้มีความหมายอยู่นี่

(เขาได้ยินวิทยุจากวัดอาจารย์คลาด) พอจำได้ไหมว่าหลวงตาเทศน์ยังไงบ้าง คือได้ยินเฉยๆ แต่ไม่ได้จดจ่อสนใจเหมือนเสียงเพลง ว่างั้นเลย (คนพังงามีอาชีพกรีดยางค่ะต้องไปแต่เช้า ประมาณเที่ยงๆ จึงได้ฟัง) ปิดหูปิดตาไปเลยเหรอ (ไม่ค่ะ ) เอากรีดยางมาแก้ตัว ยังไม่ตก เอาเรื่องไหนมาแก้อีก ยังไม่ตกนะนี่ ขอให้พี่น้องทั้งหลายสนใจในธรรมนะที่พูดนี้ จิตใจมีธรรมสำคัญมาก จิตใจจะไม่จืดไม่ชืดวุ่นวายตั้งแต่โลกโดยถ่ายเดียว หัวใจตัวเองที่เดือดร้อนวุ่นวาย ไม่เอาธรรมเข้ามาชะล้างเก็บรักษาชโลมจิตใจให้สงบเย็น การฟังธรรมทางวิทยุนั้นดีแล้วแหละ ให้จดจ่อฟังนะ ทำงานอะไรๆ จะไปไหน เราไม่ได้ว่าลืมหูไปด้วยเลยไม่ได้ฟัง ลืมตาไม่ได้เอาตาไปด้วยไม่ได้เห็น อย่างนั้นไม่มี ไปไหนหูตาติดตัวเราไป เสียงอะไรๆ ได้ยินหมด เสียงธรรมจึงควรได้ยิน เสียงธรรมเข้าสู่ใจสงบเย็น

ท่านคลาดก็มาอยู่นี่หลายปี อบรมแล้วไป ทางภาคใต้เราก็มีลูกศิษย์คนเดียวท่านคลาด พระภาคใต้มาอยู่นี้ขาดเมื่อไร เวลานี้อยู่นี้เท่าไร กี่องค์ไม่รู้ ไม่เคยขาดวัดนี้นะพระทางภาคใต้ จังหวัดนั้นจังหวัดนี้มาอยู่ ไปแล้วหายเงียบ ตัวแมงมันเอาไปกินหมด ยังเหลือแต่ท่านคลาดคนเดียวเท่านั้น ลูกศิษย์เราทางภาคใต้น้อยเมื่อไร มาจากจังหวัดนั้นจังหวัดนี้มาอยู่ที่นี่ ไปแล้วหายเงียบลงทะเลๆ ปลาฉลามใหญ่แถวนี้ละ ปลาฉลามเป็นปลาฉลามตัวเมียนะ มันกัดคอพระแหลกหมด ปลาฉลามตัวเมียมันไม่ใช่เล่น มันกัดคอพระแหลกหมด เรียบหมดเลย ยังเหลือท่านคลาด เราก็ไม่ได้สั่งไปว่าท่านคลาดให้ระวังให้ดี ยังไม่ได้เตือนไปทางโน้น ทางโน้นมันมีปลาเยอะนะ ปลาฉลาม

ไม่ได้คุยกับพี่น้องพังงานาน มีลูกศิษย์ไปอยู่ที่นั่นเป็นหลักเป็นเกณฑ์อยู่นั้นตั้งนาน เพราะฉะนั้นจึงถามซอกแซกซิกแซ็ก ถามเรื่องฟังอรรถฟังธรรมทางวิทยุ รู้จักกับท่านคลาดไหม ปัญหาตรงนี้ละ ถ้าลงไม่รู้จักกับท่านคลาดแล้วหมดท่านะ นั่นเอาตรงนั้น ถ้าว่ารู้จักแล้วก็มีแง่ต่อไปอีก จะเข้าใจกันดี เราเคยไปพังงา พักพังงาคืนหนึ่งไม่ได้พักนาน แล้วก็ไปภูเก็ตคืนหนึ่งแล้วกลับมา ไปพังงาคราวนั้นดูว่าท่านคลาดยังไม่ได้ไปสร้างวัด เราไปพ.ศ.เท่าไรไม่รู้ ไปพักที่วัดกลางเมืองนั่นแหละ มีสระใหญ่ๆ มีน้ำเต็ม ลึกกว้างใหญ่อยู่นั้น ภูเขาสูง

เวลาท่านเปิดให้ฟังเสียงวิทยุ อย่าหาทางออกไปตัดยาง ที่ไหนเขาก็มียาง ไม่ได้มียางตั้งแต่พังงา ว่าไง แก้เลยไม่ตก (เขาจะเอาวิทยุไปด้วย ตัดยางไปด้วยแล้วเปิดวิทยุฟังไปด้วย) เขาฟังอยู่เหรอ (ฟังค่ะ บางเตยฟังได้) แล้วเอาวิทยุไปด้วยเหรอ (ก็คิดว่าค่ะหลวงตาตอนกลับไปนี่) กลับไปนี่ก็อาจเอาวิทยุฟาดเข้าป่าก็ได้แล้วไปตัดยาง เรายังไม่เชื่อนะ กำลังหาทางแก้ตัว ทางนี้ธรรมตามติดกันเลย เอาวิทยุไปแล้วบอกว่าวิทยุอยู่นี้นะมึง ทิ้งไว้นั้น เจ้าของตัดยางเพลิน กลับมาก็เอาวิทยุกลับมา (ยางราคาดีค่ะหลวงตา) แล้ววิทยุทำราคาตก แสดงว่าธรรมนี้ตกมากสู้ยางไม่ได้ เข้าใจ เอ้า ว่าไปจะตาม (หลวงตาว่ายังไงก็เอาอย่างนั้นแหละค่ะ) ต้องอย่างนั้นซิ

เวลานี้ยางกำลังราคาดี ธรรมราคาตกตลอด ใช้ไม่ได้เลย ธรรมราคาตกใช้ไม่ได้ ต้องให้ธรรมขึ้นราคา อะไรจะตกก็ตกขอให้ธรรมในใจขึ้นราคา ส่วนทั้งหลายจะดีหมด ธรรมสำคัญมากนะ พยุงใจได้ทุกด้าน ทางโลกก็เป็นไปด้วยความราบรื่นดีงาม ทางธรรมก็สม่ำเสมอ จำเอานะคำนี้คำสอน สรุปมาสอนคำนี้ละนะ ราคาอะไรดีไม่ดีก็ตาม สู้ราคาของธรรมไม่ได้ที่อยู่ในหัวใจ ดีหมด ไปอยู่ที่ไหนดีหมด จำเอานะ วันนี้คนมีน้อยไม่มาก ธรรมดาเต็มไปหมดตอนเช้าๆ (กราบลาเจ้าค่ะ) เอ้า จะไปก็ไป (อยู่ต่อเดี๋ยวหลวงตาก็เทศน์อีก ต้องรีบไปตั้งแต่หูยังไม่ร้อนเจ้าค่ะ) ฟัง ไปนี้โดดลงรถแล้วเข้าสวนยางเลยนะ ตัดยางเลย ยางกำลังราคาดี

ไปแห่งละคืนไม่ได้เที่ยว เช่นอย่างไปพังงาไม่ได้ไปไหนเลย เข้าวัดพัก ออกจากนั้นไปภูเก็ต ภูเก็ตก็ไม่ได้เที่ยว ไปพักวัดท่านอาจารย์เทสก์ พอตื่นเช้าก็มาเลย ไม่ได้เข้าไปในเมืองนะ ไม่ได้ไปทั้งสองแห่ง ไปพังงา ภูเก็ต ไม่ได้เที่ยวเลย ไม่ได้เที่ยวทั้งนั้น ไปหาดใหญ่ สถานีควนจงก็ขึ้นเขาเลย ไปพักภาวนาอยู่นั้น อยู่ที่นั่นสบายหน่อยเพราะได้ภาวนา สบายดี เออ พากันกลับได้ ไปถึงโน้นแล้ว ขอฝากคำ ไปถึงแล้วตัดยางได้ราคาเท่าไรเอามาอวดหลวงตาหน่อยนะ เวลานี้ราคายางกำลังดี ไป ราคาธรรมกำลังตก ไป พูดหยอกเล่นไปอย่างนั้นละ ไปภาคใต้นี่ไปสองหนละมั้ง คราวหนึ่งเขานิมนต์เราไปโน้น นราธิวาส ไปในงานเขากง พวกกระทรวงมหาดไทยละนิมนต์แต่อาจารย์องค์สำคัญๆ ไปเขากง พักอยู่นั่นถึงสามคืน ดูว่าสามคืน พักอยู่ที่นราธิวาส วัดประชาภิรมย์ อยู่นอกเมือง ไกลดี

ไปนี้ทำให้ระลึกไม่ลืมนะ มีนายตำรวจคนหนึ่งพวกต.ม. หัวหน้าๆ ต.ม.ตรวจคนเข้าเมือง เราไปพักที่นั่น แกพูดด้วยความเต็มอกเต็มใจ ด้วยความปีติยินดีมาก ตามธรรมดาแกให้ลูกไปใส่บาตรทุกเช้าเป็นประจำ มอบภาระให้ลูกสาวไปใส่บาตรตอนเช้าเป็นประจำ พระท่านมาบิณฑบาต ดูว่าวันละสององค์สามองค์เป็นประจำ ทีนี้วันนั้นมันบันดลบันดาลอะไรไม่รู้นะ แกบอกลูกเลย นี่แกพูดเอง เอ้อ วันนี้ทำไมพ่ออยากใส่บาตรเป็นกำลังนะลูก วันพรุ่งนี้พ่อจะใส่บาตรด้วยนะ ถึงเวลามาบอกพ่อด้วย วันนี้พ่ออยากใส่บาตรเป็นกำลังผิดปรกติ ว่างั้น

ลูกมาบอกตอนเช้า ก็เตรียมมาใส่บาตร พอดีเราก็ออกจากวัดประชาภิรมย์ ไกลอยู่นะ ทางเปลี่ยวๆ เข้ามาหาตัวเมือง บรรดาพระทั้งหลายไปเขาจัดสำรับๆ มาพร้อม คือองค์ไหนๆ ไปพอสว่างนี้เขาจะจัดอาหารมาแล้วเป็นสำรับๆ เป็นประจำๆ สำหรับเราเขาก็จัดมาไว้ก็วางไว้นั้นแหละ เราไปบิณฑบาตของเรา ไปแกก็ยืนรอใส่บาตร นี้แกพูดเองนะว่า พอเราเดินไป ลูกๆ ดูพระองค์นี้ซิ บอกให้ลูกดู พระองค์นี้เดินบิณฑบาต พูดตามเขาพูดนะ เดินบิณฑบาตสง่างามมาก เขาพูดอย่างนั้นนะ สง่างามมาก ลูกๆ ดูซิพระองค์นี้น่ะ เราไปองค์เดียว

จ้อตั้งแต่โน้นมา ดูซิลูกพระองค์นี้แปลกอยู่นะ ไม่ใช่พระแถวนี้ ใกล้เข้ามาๆ แกก็จ้อเตรียมใส่บาตร พอใส่บาตรตักทัพพีหนึ่งปุ๊บ ปุ๊บปั๊บตักอีกทัพพีหนึ่ง เราพอแกตักสองทัพพีแล้วก็ถอย แกขอใส่บาตรอีก พอทัพพีที่สามเราถอยออก แกขอใส่อีก โอ๋ย เอาไว้สำหรับองค์อื่นบ้าง เผื่อหลายองค์ท่านมาบิณฑบาตที่นี่ เราถอยเราไม่รับ ท่านมาจากไหน ที่นี่ถามนะ ใส่บาตรยังไม่เสร็จละ “ท่านมาจากไหน” ตอนนี้พักอยู่วัดประชาภิรมย์ “เดิมท่านอยู่วัดไหน” เราก็บอกว่าอยู่อุดร มาในงานนี้แหละ งานเขากงนี่ แกถามอีก “ท่านชื่อว่ายังไง” ชื่อมหาบัว “เหอ” ขึ้นทันทีเลย คึกคักขึ้นเลย “หือ อาจารย์มหาบัวหรือ” ใช่แล้ว

“โอ๊ย ผมมีวาสนา ผมย้ายไปอยู่หนองคาย ผมจะมาทีไร ตอนนั้นมันไม่มีทางเข้ามา มากลางปีฝนตกรถเข้าไม่ได้ ติดโคลน ครั้นหน้าแล้งก็ติดทรายเลยมาไม่ได้ แล้วย้ายไปฟาดไปอุบล จะมาทีไรมาไม่ได้ๆ จนกระทั่งลงมานราธิวาสนี้ เรียกว่าหมดหวังละเรา ผมหมดหวังแล้ว วันนี้ผมมีหวัง” ขึ้นอย่างคึกคักเลย ใส่บาตรที่นี่ สองทัพพีแล้วเราถอยออกมานี่ พอถามแล้วเลยฟาดคว่ำหม้อหมดเลย ของในนั้นก็เทหมด โอ๊ย เดี๋ยวองค์อื่นจะไม่ได้รับ “ไม่เป็นไรผมหามาใส่เอง หามาอีกเดี๋ยวนี้” พอเสร็จแล้วเราก็ไปบิณฑบาตบ้านข้างหน้า ก็ได้แค่นั้นแหละ มันเต็มบาตรแล้วจะไปไหน จากนั้นก็กลับ ทีนี้พอเราไปแล้วแกกับลูกของแกปุ๊บปั๊บขึ้นรถไปเหมาโรงข้าวแกงอีก เอาอีก ฟาดเสียจนเต็มบาตร ใส่กะละมังมา

ตั้งแต่นั้นมาติดตามเลยนะ แกเป็นพันโท แล้วเฝ้าทั้งวันที่นี่ อยู่นั้นเป็นประจำ เหมือนว่ามีตำรวจรักษาตัว ที่ไหนพาไปหมด “ผมไม่มีธุระอะไรผมเป็นหัวหน้า ผมไปสั่งงานเสร็จแล้วผมมา” เฝ้าทั้งวันเลยตลอดจนกระทั่งเรากลับ ไม่ไปไหนเลย บอกให้ไปไหนไม่ยอมไป อยากไปไหนรถแกเตรียมพร้อม จะไปไหนแกพาไป เลยตกลงนราธิวาสได้ไปเที่ยวเกือบทุกแห่ง ก็แกชวนไปดูที่นั่นชวนไปดูที่นี่ละซิ ทีนี้วาระสุดท้ายตอนที่เราจะกลับ เขาถวายของมามากมายไม่ใช่น้อยๆ ถวายของแต่ละองค์ๆ มากมาย พอมาถึงเขาก็ถามพระวัดนี้มีกี่คณะ เพราะของมากต่อมากเต็มรถมาเลย เขาถวายในงาน มีกี่คณะ บอกว่ามีเท่านั้นคณะเท่านี้คณะ เอ้า จัดของให้เป็น ๔ คณะ ทั้งหมดแยกแจกทางโน้นทางนี้

“อ้าว ท่านทำไมไม่เอาล่ะ” เอาแล้ว “เอาอะไร” เอาบุญ เราว่า เอาไปแจกๆ “ท่านไม่เอาอะไรเลยหรือ” ไม่เอา เอาบุญเอากุศลพอแล้ว อันนี้มันหนัก เราว่างั้น บุญเบากว่ากัน แกมองแล้วมองเล่า โอ๋ย น่าสงสารผู้ชายทั้งคน บทเวลาจะจากเราจะขึ้นรถไปนี้น้ำตาพัง ก้มหน้าน้ำตาพัง “โอ๋ย ผมนึกว่าผมหมดวาสนาแล้ว ผมก็ได้มาพบ พบแล้วจนผมงงเลย มองดูไม่เคยเห็นเลย จนได้บอกลูกดู ดูซิพระองค์นี้เดินบิณฑบาต ดูซิน่ะๆ เรื่อย มันสมใจเอาเหลือประมาณ” แกบอกนะ บทเวลาจะมาร้องไห้นะ โห น่าสงสาร ตั้งแต่นั้นมาก็ไม่ได้พบกันอีก นี่ถึงจุดที่ควรพูดก็พูดเสียบ้าง แกบอกลูก “ดูซิลูกดูพระองค์นี้ซิลูก” บอกเรื่อยจ้อมา จนกระทั่งเข้ามาบิณฑบาตก็มาประจักษ์กันอีก บิณฑบาตได้สองทัพพีแล้วถอยบาตรออก เราบอกว่าให้องค์อื่นบ้าง ถามไปถามมาพอทราบแล้วฟาดทั้งหมด นอกนั้นไปเหมาโรงข้าวแกงเขา สุดท้ายทั้งกะละมังตามไปเลย เอารถใส่ไปเลย จากนั้นเฝ้าทั้งวัน เลยไม่ได้พบกันอีกนะ ชื่อพันโทอะไรน้า

โอ๋ย ทำไมมันบันดลบันดาล ผมธรรมดาปล่อยภาระให้ลูกใส่บาตรทุกเช้าไม่เคยขาด แกว่างั้น มอบให้เป็นภาระของลูกสาว แต่เมื่อคืนนี้อยากใส่บาตรเป็นกำลัง เลยต้องไปสั่งลูกไว้ วันนี้ไม่ทราบพ่อเป็นยังไงอยากใส่บาตรเป็นกำลัง พ่อจะใส่บาตรวันพรุ่งนี้เช้า พอดีเราไปบิณฑบาตก็ไปเจอกัน ขบขันดีนะ แล้วก็บอกลูกสาว ดูซิลูกดูพระองค์นี้ แหม เดินสง่างาม เรางามไม่งามเราก็ไม่ว่าแหละ เขาหากว่าอย่างนั้นเราก็พูดตามเขา แหมสง่างาม ดูซิลูกดูซิ เรื่อยเลย จนกระทั่งเราจากมา แกร้องไห้นะ พอเห็นของมามากๆ เราแจกทานหมดเราไม่เอาเลย อ้าว ท่านไม่เอาอะไรเลยหรือ เอาแล้ว เอาบุญแล้ว แกยิ่งจ้องเลย แกคงไม่เคยเห็นท่า ก็เราไม่ไปเอาอะไร เราสงเคราะห์โลกต่างหาก

นี่เราพูดถึงเราได้ไปภาคใต้ ไปพักอยู่นราธิวาส ๔ คืน งานเสร็จแล้วก็มา พักอยู่นั้นได้เที่ยวซอกแซกซิกแซ็กเพราะ ต.ม.คนนี้ละพาไปเที่ยว ชวนไปด้วยนะไม่ใช่ธรรมดา เราจะไปรู้จักอะไร ที่นั่นเป็นอย่างนั้นนะอาจารย์ ที่นี่เป็นอย่างนี้นะอาจารย์ ไปเที่ยวหน่อยน่ะเพราะนานๆ ได้มา ว่างั้น เลยพาไปหมดเลยแถวนั้นนราธิวาส ก็มีพระองค์หนึ่งอยู่วัดพรหมนิวาส ท่านเคยขอหนังสือไปจากเรา พอผ่านไปนั้นเราก็เลยให้เขาแวะ ชื่อพระมหาอะไร โอ๊ย นี่เคารพมากนะ ได้หนังสือเราไปอ่าน เลยไปบอกหัวหน้าเจ้าอาวาสมา เลยมาคุยกันสนุกใหญ่เลย ออกจากนี้ก็เที่ยว เป็นอย่างนั้นละ

นราธิวาสพักอยู่หลายคืนเลยเที่ยวซอกแซก เนื่องจากพันโทนี้แกชวนไปเที่ยวที่นั่นเที่ยวที่นี่ เที่ยวไปหมดเลยนะ ซอกแซกซิกแซ็ก เราไม่อยากไปไหนละ เที่ยวเอาน้ำใจเขาบ้างที่ไป จากนั้นมาดูไม่ได้ไปอีกนราธิวาส ไปหนเดียวเท่านั้น มาก็มาขึ้นเครื่องบินที่ปัตตานีถึงกรุงเทพเลย นั่นละไปงานเป็นอย่างนั้นละ นอกนั้นไปตามอัธยาศัยไม่ค่อยได้ไปนะ ไปด้วยกิจการนิมนต์เสีย ไม่สะดวก ทางภาคใต้จึงไม่ค่อยได้เที่ยวหลายจังหวัด ไปมีแต่ความจำเป็นอย่างนี้ละเรื่อยๆ มา

วันนี้ตอนเย็นราว ๖ โมงก็จะได้ไปมูลนิธิอุดรสว่างเมธาธรรม เขานิมนต์เราเป็นประธาน ไม่ทราบว่าประธานอะไร เมื่อคืนวานเราก็ไป เขามากวนให้ไป วันนี้ก็จะไปอีก วันพรุ่งนี้ก็เผา เขาก็นิมนต์เราไปเป็นประธานด้วย เทศน์ด้วย แน่ะ วันที่ ๒๖ วันที่ ๒๕ มีว่างบ้างนิดหน่อย วันที่ ๒๖ ก็ไปเทศน์ ไม่ค่อยว่างนะเราวันหนึ่งๆ วันนี้คนไม่มากจะให้เทศน์อะไรนักหนา เทศน์ก็เทศน์พอแล้ว พังงามาทั้งเมืองเราก็ทุ่มกันหมดพุงเลย แล้วจะมีแยกไปไหนมันหมดแล้ว

ศีลธรรมอยู่กับใครงามหมด ให้เอาศีลธรรมประดับตัวงามหมด ไม่ว่าผู้หญิงผู้ชาย นักบวชและฆราวาส ให้ศีลธรรมประดับงามไปหมด งามลึกซึ้ง งามอย่างชุ่มเย็น งามด้วยความเอิบอิ่ม งามด้วยศีลด้วยธรรม งามรูปร่างกลางตัวนั้นเขาๆ เราๆ มันพอๆ กัน ถ้างามด้วยศีลด้วยธรรมนี้สวยงามมาก ซึ้งมากนะ เจ้าของเองก็งาม คนอื่นก็งาม มองไปงามหมดนั่นแหละ ให้หาธรรมประดับใจ ถ้าธรรมประดับใจกระจายกระแสออกมานี้งามหมด พากันเข้าใจนะ

เราก็เหนื่อย ตั้งแต่วันกลับจากกรุงเทพมาแล้วไม่ค่อยมีเวล่ำเวลาอะไร เหนื่อยมากจริงๆ ก็สอนทุกอย่างแล้วให้พากันตั้งใจปฏิบัติอรรถธรรมนะ ให้เป็นความสง่างามภายในใจ ความสง่างามภายในใจนี้เทวบุตรเทวดาก็ชมเชย อย่าว่าแต่มนุษย์มนาเราชมเชยว่าสง่างามอะไรนี่ เทวบุตรเทวดาเขาชมเชยมาตลอดบรรดาท่านผู้มีศีลมีธรรม ยิ่งเป็นผู้มีภูมิมีธรรมอันสมบูรณ์เต็มที่แล้ว เทวบุตรเทวดาอินทร์พรหมชมตลอดเวลานะ ไม่ใช่เพียงมนุษย์เรา เทวดาอินทร์พรหมชม สง่างามทุกอย่าง นั่นเห็นไหมล่ะ

อย่างพระกัสสปะท่านออกจากฌานสมาบัติ เข้าสมาบัติ ๗ วัน ดับหมดไม่มีอะไรเหลือเลย ถึง ๗ วัน ธรรมดาเรานั่งได้ที่ไหน ๗ วันท่านเข้าสมาบัติ จิตเข้าพับปุ๊บ ร่างกายนี้เป็นหัวตอ ความรู้สึกจะไม่มารับกันเลย ถ้าความรู้สึกภายในออกมารับร่างกาย มันจะรู้สึกความเจ็บปวดแสบร้อน นั่ง ๗ วันไม่ได้ แม้แต่คืนเดียวก็จนก้นแตก เราเคยนั่งแล้ว นี่จิตเราไม่ได้เข้าแบบจิตพระกัสสปะซิ จิตของเรามันเข้าสู้กับกิเลสต่างหาก เวลานั่งนานๆ ลงไปจนก้นแตกเพราะเรานั่งจริงๆ คืนแรกออกร้อนเหมือนไฟเผาก้น ตลอดรุ่งไม่ลุกไม่เปลี่ยนท่าไหนเลย ปวดหนักปวดเบาเปิดเรียบร้อยแล้ว อย่างนั้นละหลวงพ่อนิสัยเป็นอย่างนั้น มีเว้นข้อเดียว เว้นแต่ครูบาอาจารย์และพระเณรในวัดเกิดเหตุฉุกเฉินภายในวัดเราจะลุกไปช่วย นอกจากนั้นไม่มีเว้นเลย นั่งตั้งแต่บัดนี้ต้องสว่างเป็นวันใหม่เราถึงจะลุก เอ้าปวดหนักออกเลย ปวดเบาออกเลย จะไม่ออกให้เคลื่อนที่เลย บังคับเจ้าของ

มันไม่เหมือนพระกัสสปะละซิ ฟาดเสียจนกระทั่ง โอ๋ย เรานั่งอยู่นี่ ตัวเรานั่งนี้มันเหมือนหัวตอนะ ทุกขเวทนาที่มันเผาอยู่ในนี้เหมือนกับไฟเผาหัวตอ ทุกข์แสนสาหัส เวลาจิตมันลงกันไม่ได้เป็นอย่างนั้น ก้นนี้ออกร้อนเป็นไฟไปเลย นั่งตลอดรุ่งคืนแรกเป็นเพียงแค่นี้ เว้นไปสองคืน คืนหนึ่งสองคืนบ้างนั่งตลอดรุ่ง สองคืนบ้างสามคืนบ้างนั่งตลอดรุ่งๆ คืนแรกออกร้อน พอต่อไปนี้หนักเข้ามันพอง ก้นพอง นั่งไม่หยุดตลอดรุ่งเหมือนกันหมด ไม่เปลี่ยนอิริยาบถใดท่าใดนั้นหมด แม้จะปวดหนักปวดเบาไม่ยอมลุก เอ้าให้มันทะลักออกนี้ เวลาเป็นเด็กมันขี้ใส่ตักแม่เสียพอ นี้โตเข้าไปแล้วสมมุติว่าขี้ใส่จีวรมันเอาไปซักไม่ได้เอาไปฆ่าทิ้งเสียมันหนักศาสนา ซัดกันเลย คืนแรกก็ออกร้อนต่อมามันก็พอง จากพองแล้วแตก จากแตกแล้วเลอะ นั่นเห็นไหมล่ะ เลอะก็ตามแตกก็ตามถ้ากิเลสไม่แตกไม่ถอย

ฟาดเสียจนพ่อแม่ครูจารย์ได้มากระตุกออก ท่านรู้ความพอดีไม่พอดี เราไม่รู้ความพอดีไม่พอดีท่านรู้ ท่านเป็นอาจารย์ นั่งทีแรกเล่าเรื่องภาวนาให้ฟัง เรื่องอัศจรรย์ในการนั่งตลอดรุ่งเพราะมันฟัดกันสุดเหวี่ยง ไม่ใช่นั่งทนเฉยๆ สติปัญญายิ่งหมุน ทุกข์มากเท่าไรสติปัญญาอยู่ไม่ได้นะ ต้องหมุนติ้วๆ แล้วมันก็ทันกันลงผึงเลย กว่ามันจะลงนี้ โถ แทบเป็นแทบตาย ไปเล่าให้ท่านฟัง ทีแรกท่านชมเชยยกยอนะ เอาละที่นี่ได้หลักแล้ว เอาเลย อัตภาพนี้มันไม่ตายถึงห้าหน มันตายหนเดียวเท่านั้น ทีนี้ได้หลักแล้วเอาเลย ทางนี้ก็เหมือนท่านยุหมา พอออกมาแล้วมองเห็นใบไม้สดใบไม้แห้งหล่นลง เหมือนกับว่าคู่ต่อสู้มา ทั้งเห่าทั้งกัดไปเลย เข้าใจไหม

ซัดเข้าไปหลายคืนเข้าไป ท่านชักเงียบๆ นะ เรายังไม่รู้ คำชมเชยของท่านลดลงๆ บทเวลาท่านจะเอา พอขึ้นไปนั่งกราบนี้ เขาฝึกม้าเขารู้จักประมาณ ขึ้นอย่างนี้เลยนะ กับเราท่านจะไม่อ่อน พูดกันคุยกันเหมือนพ่อกับลูกธรรมดาๆ พอหันเข้ามาสู่ธรรมจะเปรี้ยงทันทีกับเราเป็นอย่างนั้น เรื่องธรรมจะไม่มีอ่อน เด็ดขาดๆ ออกมาเลย เพราะท่านรู้นิสัย เขาฝึกม้าเขายังรู้จักประมาณ ม้าตัวใดที่คึกคะนองมากเขาจะฝึกอย่างหนัก ไม่ควรกินหญ้าไม่ให้กิน ไม่ควรกินน้ำไม่ให้กิน แต่การฝึกฝึกไม่ถอย จนกว่าว่าม้านั้นลดพยศลงการฝึกเขาก็ลดลงๆ จนกระทั่งถึงม้าใช้งานใช้การได้เรียบร้อยแล้ว การฝึกอย่างนั้นเขาก็หยุด ท่านพูดเท่านั้น

แต่ยังเสียดายยังได้พูดอยู่ทุกวันนี้ เรายังเสียดาย ท่านไม่หมุนกลับมานี้ ไอ้หมาตัวนี้มันฝึกอย่างไร คือเขาฝึกม้า ไอ้เราฝึกหมา หมาตัวนี้ฝึกยังไง อยากจะให้ท่านพูดอย่างนั้น ท่านไม่พูดท่านพูดเท่านั้น มีเท่านั้นท่านไม่อธิบายมาก แต่เราเข้าใจทันที ในพระไตรปิฎกก็มีก็เราเรียนมาแล้ว ตั้งแต่นั้นมาเราก็ไม่นั่งตลอดรุ่ง มันจะเลยเถิดความหมายว่างั้น ท่านเลยหักเอาไว้ นั่งได้เก้าคืนสิบคืน เว้นคืนหนึ่งเว้นสองคืนบ้างนั่งตลอดรุ่งๆ นี่ละมันเลยประมาณท่านก็รู้เราไม่รู้ คิดดูแต่ว่าก้นแตก เอ้า ก้นแตกยังไม่สำคัญจะเอาให้กิเลสแตกนู่นน่ะ มันจะเอาให้กิเลสแตกเจ้าของจะตายยังไม่รู้ ท่านเลยมากระตุกเอา นี่ละอาจารย์ของคนรู้ไหมล่ะ

ไม่มีใครเกินหลวงปู่มั่นเรื่องความฉลาด การฝึกพวกลูกศิษย์ลูกหาท่านเก่งมากทีเดียว กับเรานี่ละเพราะท่านเอามากกับเรา เอาทีไรเด็ดทุกทีเราไม่ลืมนะ ท่านเด็ดลงตรงไหนเราจับเอาไว้ ถูกตามท่านหมด เด็ดตรงไหนถูกตามท่านหมด อย่างที่ว่านั่งตลอดรุ่ง ตั้งแต่ท่านขนาบวันนั้นแล้วเลยเงียบไม่นั่งตลอดรุ่ง ท่านก็ไม่เคยถามอีก เราก็ไม่พูดเพราะเราก็ไม่ทำ ไม่นั่งตลอดรุ่ง อย่างนั้นละการฝึก นี่พูดถึงเรื่องพ่อแม่ครูจารย์ พระกัสสปะท่านเข้าสมาบัติ ๗ วัน ท่านออกจากสมาบัติ นี่พูดถึงเรื่องเทวดาอินทร์พรหมเขาเห็นหมด ท่านออกจากสมาบัติ ท้าวสักกเทวราชมานิรมิตเพศเป็นพราหมณ์แก่ กับนางสุชาดา ภรรยาของท้าวสักกเทวราชนั่น นิรมิตตัวมาเป็นคนแก่ สร้างกระต๊อบไว้ข้างทางเดินไปบิณฑบาตของพระกัสสปะ คืออยากได้อานิสงส์มาก ก็มาสร้างกระต๊อบ นิรมิตขึ้นมานะมาสร้างกระต๊อบไว้

พอเห็นท่านบิณฑบาตทางนั้นก็ทำท่า โอ้ นี่ผู้เฒ่า พระท่านมาบิณฑบาตแล้ว ทุกวันเรามีของก็ไม่มีพระ วันนี้มีอะไรไหม ความจริงเตรียมมาแล้วหาอุบาย ทางนั้นก็บอกว่ามีๆ กุลีกุจอวิ่งนั้นวิ่งนี้ นิมนต์ท่านรอไว้ไปใส่บาตรท่าน ทั้งสองคนท้าวสักกเทวราช กับนางสุชาดา พอใส่บาตรไปท่านรู้แล้วนะ มหาบพิตรมาแย่งบุญแย่งทานเขาทำไม อู๊ย เรื่องบุญเรื่องกุศลโลกทั้งโลกต้องการทั้งนั้นขอให้ได้ทำเถิด ท้าวสักกเทวราชนั่นเห็นไหม หอมหวนถึงโน้นนะ ท้าวสักกเทวราชมาใส่บาตร ท่านก็ว่ามหาบพิตรมาแย่งบุญแย่งทานเขาไปหาอะไร ทุกอย่างมันก็เพียงพอแล้วนี่ ผู้ที่จนเขาก็มี โอ๊ย จนตลอดจนบุญจนกุศล แน่ะไปอย่างงั้นนะ

นี่พูดถึงเรื่องพระกัสสปะเข้าสมาบัติ ๗ วันถึงออกทีหนึ่ง พระกัสสปะนี้เก่งเข้าสมาบัติ ไอ้เรามันไม่ได้แบบสมาบัติมันแบบสู้ตายกัน อย่างนั้นละมันถึงได้พิจารณาแล้วภาคภูมิใจในความเพียรของตัวเอง พิจารณาย้อนหลังไปนี้ ว่าเราได้ตำหนิติเตียนตัวเองที่ตรงไหน ในการประกอบความเพียรว่าท้อแท้อ่อนแอ ขี้เกียจขี้คร้านอย่างนี้มีตรงไหน ไม่มี ตั้งแต่เริ่มก้าวขึ้นสู่เวที เฉพาะอย่างยิ่งฟังธรรมะหลวงปู่มั่นเรียบร้อยอย่างถึงใจแล้ว นั่นล่ะที่นี่ ก็มาถามตัวเองทีนี้เราจะจริงไหม ต้องจริง ไม่จริงตายเท่านั้น นั่นล่ะที่นี่มันก็ซัดกันเลย เพราะฉะนั้นความเพียรจึงไม่เคยอ่อนแอ

ตอนนั้นมันกำลังหนุ่มใช่ไหม ตอนมาแก่พิจารณาย้อนหลังถึงความเพียรของตัวเอง โอ๋ย ขยะ โอ้โห ขนาดนั้นมันก็ทำได้ ขนาดนั้นมันก็ทำได้ คือถ้าทำอย่างทุกวันนี้ตายเลยเข้าใจไหม มันทำไม่ได้ นี้มันก็ทำได้เรื่อยมา จากนั้นก็มาภาคภูมิใจ ถ้าไม่ทำอย่างนั้นมันก็ไม่เป็นอย่างนี้ ไม่ทำอย่างนั้นมันก็ไม่เป็นอย่างนี้ ที่เป็นอย่างนี้สมกันแล้วเหตุกับผล เหตุหนักผลก็หนัก เราพอใจนะ วันนี้เอาเท่านั้นละ ก็เป็นคติเครื่องเตือนใจแล้ว เทศน์วันนี้เป็นคตินะ

นี้ไม่นาน ทางเวียงจันทน์เขาก็จะมาละ มาติดต่ออีกคือเราให้แล้วทั้งสองเครื่องเป็น สามล้านสี่แสน เรายังเปิดทางให้เขา คือเวียงจันทน์เป็นเมืองหลวง แล้วโรงพยาบาลก็เป็นโรงพยาบาลของเมืองหลวง ว่าขาดเครื่องมือมาก แต่เขาก็พูดเพียงสำคัญมาสองอย่างเราให้ทันที นี่เราก็เปิดทางให้เขาจะมาติดต่อเราอยู่ หากว่าขาดอะไรก็จะถามกันเราก็จะได้สงเคราะห์อีกๆ เวียงจันทน์ เวลานี้ยังไม่มา ตาสำคัญมากเราพิจารณาแล้วนะ ในอวัยวะของเรานี้อะไรสำคัญมากกว่าเพื่อน ตาเป็นที่หนึ่ง คืออะไรจะบกพร่องก็ตาม เช่นง่อยเปลี้ยเสียแข้งเสียขาก็ตาม หูหนวกก็ตาม ถ้าตายังดีอยู่ยังไม่หมดความหมาย ความหวังยังมีอยู่เหมือนกันกับโลกทั่วๆ ไป พอตาบอดปุ๊บทีนี้หมดความหมาย หมดหวังอะไรแล้วไม่เห็นอะไร เงินทองกองเท่าภูเขาที่เราเป็นเจ้าของก็ไม่มีความหมายอะไร ตาบอดเสียอย่างเดียว ถ้าตายังดีอยู่อะไรมีความหมายหมด คนทุกข์คนจนคนมั่งคนมีมีความหมายเสมอกันหมด ตาจึงเป็นของสำคัญ เราจึงได้อุตส่าห์พยายามเรื่องตาเป็นสำคัญมาก

ทุ่มลงโรงพยาบาลอุดรนี้ ๒๐ ล้านกว่า เฉพาะตา โรงพยาบาลศูนย์ อันนี้ทางเวียงจันทน์เราก็เห็นเป็นความจำเป็น สำหรับเวียงจันทน์เป็นเมืองหลวงของประเทศลาว ความจำเป็นจะอยู่ในโรงพยาบาลนั้นมากที่สุดเลย นี่เขามาขอเพียงสองเครื่องเราให้ทันที และเราก็เปิดทางให้เขาจะมาอยู่ หมอเขาจะมาเอง ให้มาชี้แจงความจำเป็นของเครื่องมือทั้งหลายในโรงพยาบาลนั้นมีอะไรบ้างๆ พอช่วยเหลือได้ขนาดไหนเราก็จะช่วยเต็มกำลังของเรา แต่เวลานี้เขายังไม่มาก็ต้องรอๆ ไว้ก่อน

สำหรับโรงพยาบาลอุดรนี้สมบูรณ์มาตลอด แต่คราวนี้เขาได้เครื่องมือชนิดใหม่มา เขาเคยพูดให้เราฟังตั้งแต่ต้นแล้วว่าเครื่องมือชนิดใหม่อย่างนั้นๆ ใช้สำหรับนั้นๆ เอ้อ ถ้ามีมาควรสั่งก็สั่งได้เลยเราว่างั้น นี่ก็พูดเปิดทางให้เขาแล้ว แต่เขายังต้องมาติดต่อกับเราที่วัด เพราะเหตุว่ามันแพงมากตั้ง ๗ ล้าน ๒ แสน เขาจึงมาติดต่อเราอีกทีหนึ่ง เราก็เปิดให้เลย รวมแล้วเป็น ๑๐ ล้าน ๖ แสน ให้โรงพยาบาลทั้งนั้นแหละ

 

รับฟังรับชมพระธรรมเทศนาของหลวงตา ได้ที่

www.Luangta.com หรือ www.Luangta.or.th

และรับฟังจากสถานีวิทยุสวนแสงธรรม กรุงเทพฯ และสถานีวิทยุอุดร

FM 103.25 MHz


** ท่านผู้เข้าชมทุกท่านโปรดทราบ
    เนื่องจากกัณฑ์เทศน์บางกัณฑ์มีความยาวค่อนข้างมาก ซึ่งจะส่งผลต่อความเร็วในการเปิดเว็บไซต์ ขอแนะนำให้ทุกท่านได้อ่านเนื้อหากัณฑ์เทศน์บางส่วนจากเว็บไซต์ และให้ทำการดาวน์โหลดไฟล์กัณฑ์เทศน์ที่มีนามสกุล .pdf ไปเก็บไว้ในเครื่องของท่านแทนการอ่านเนื้อหาทั้งหมดจากเว็บไซต์

<< BACK

หน้าแรก