เทศน์อบรมฆราวาส ณ วัดป่าบ้านตาด
เมื่อวันที่ ๒๔ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๔๘
ลงได้จริงในหัวใจแล้วไม่หวั่นกับอะไร
ทองคำที่ได้ตั้งแต่วันที่ ๓๐ มิถุนา ถึงวันที่ ๒๐ กรกฎา ได้ทองคำ ๑๔ กิโล ๒๕ บาท ๖๘ สตางค์ ทองคำที่ได้หลังมอบแล้วที่ยังไม่ได้หลอม ๒๑ กิโล ๑๒ บาท ๗๕ สตางค์ ที่หลอมแล้ว ๑๒๕ กิโล เท่ากับ ๑๐ แท่ง รวมทั้งหมดได้ทองคำประเภทน้ำไหลซึม ๑๔๖ กิโล ๑๒ บาท ๗๕ สตางค์ นั่นเห็นไหมล่ะ ถ้าเราไม่พูดถึงอันนี้ ไม่สนใจอันนี้ ทองคำ ๑๔๖ กิโล ๑๒ บาท ๗๕ สตางค์ ซึ่งได้แล้วเวลานี้จะไม่มีเลย
ไปกรุงเทพคราวนี้ตอนค่ำๆ ตั้งแต่ค่ำวันที่ ๓๐ มิถุนา จนกระทั่งวันที่ ๑๙ กรกฎา เทศน์ ๒๐ กัณฑ์ นี่หมายถึงเทศน์ตอนค่ำ ลักษณะเป็นการตั้งใจเทศน์ ตอนเช้าเทศน์สะเปะสะปะตีโน้นตีนี้เอาแน่ไม่ได้ แต่กลางคืนเทศน์จริงๆ นั่นละ มีเด็ดมีเผ็ดมีร้อนเหมือนกันบางวันๆ แล้วแต่เรื่องจะมาสัมผัส ตั้ง ๒๐ วัน ออกวิทยุในเวลานี้เลยนะที่เทศน์เวลานั้นที่สวนแสงธรรม ออกขณะนั้นเลย แล้วออกทั่วไปหมด ตั้งแต่วันที่ ๓๐ มิถุนาเรื่อย จากนั้นก็ไปเทศน์ที่อื่นๆ ดูเหมือน ๕ ครั้ง
เทศน์ที่ไหนออกวิทยุทั้งนั้นละเวลานี้ เพราะวิทยุเรามีอยู่ทั่วไป กระจายออกไปหมด ทำให้ภูมิใจไปด้วยนะ สมเจตนาที่เราคิดไว้ ผิดไหม คือการช่วยชาติคราวนี้ เอ้อ คราวนี้คราวธรรมะจะได้กระจายออกสู่จิตใจของพี่น้องชาวพุทธเราในเมืองไทย เราพูดเอาเมืองไทย ยังไม่พูดเมืองนอกนะ วัตถุเปิดเผย ใครก็ทราบว่านำพี่น้องทั้งหลายก็คือนำสิ่งที่พาให้ล่มจม คือสมบัติเงินทองข้าวของจะพาพี่น้องชาวไทยให้ล่มจม ไม่ได้คิดถึงศีลธรรมเป็นตัวการสำคัญพาให้ล่มจม พาศีลธรรมก็จม เขาไม่ได้คิดแต่เราคิดหมด ไม่ผิด บอกว่า เอ้อ คราวนี้ละเป็นคราวที่ธรรมะจะได้เข้าสู่ใจของพี่น้องชาวไทยเรา ตามกันไปกับวัตถุนี้แหละ
ไปเทศน์ที่ไหนก็เทศน์ เขานิมนต์ไปรับผ้าป่างานไหนๆ ธรรมะไปงานนั้นๆ เรื่อย แล้วกระจายไปเรื่อยๆ วัตถุเราก็หยุดไปแล้ว ธรรมะไม่หยุดนะ ยิ่งกระจายออกไปๆ จนกระทั่งเมืองนอก เขาพูดถึงเรื่องเขามีความอบอุ่น ชาวไทยเรานี่แหละไปอยู่เมืองนอก เช่นไปอยู่สหรัฐ ไปอยู่เมืองนอกเหงาหงอย ว่างั้น คือไม่ได้เหมือนเมืองไทยเรา เมืองไทยเราเป็นเมืองเด็กทั่วประเทศ ไปที่ไหนเกาะกันเลยพันกันเลยเหมือนหมาน้อย เข้าใจไหม แต่เมืองนอกตัวใครตัวเรา เฉย ทีนี้ไม่คุยกับใครได้มันก็เหงา พอได้ฟังธรรมทางอินเตอร์เน็ตหรืออะไรนี้ เลยเอาธรรมเป็นเพื่อน เพลินสบาย ไม่เที่ยวหาเพื่อนหาฝูงที่ไหนแหละ นั่นเขาบอกมานะ ก็เป็นอย่างนั้น
ธรรมเป็นของเล็กน้อยเมื่อไร ยังบอกแล้วว่าไปที่ไหนเย็นที่นั่น นี้ก็บอกว่าคราวนี้เป็นคราวที่ธรรมจะได้กระจายออกทั่วประเทศไทยของเรา ไปพร้อมกันกับด้านวัตถุในการช่วยชาติคราวนี้ ทีนี้การช่วยชาติทางด้านวัตถุก็รู้สึกว่าเบาบางลงๆ เรียกว่าหยุดอันนี้ เหมือนว่าหยุดนั่นแหละ แต่ธรรมะไม่หยุด ออกเรื่อยๆ เดี๋ยวนี้กระจายออกทางวิทยุ มีทุกแห่งทุกหน ออกไปหมดนั่นแหละ ธรรมะของเราเราพูดจริงๆ เราไม่ได้พูดแบบลูบๆ คลำๆ ไปหาเอาโน้นเอานี้นะ เราก็เรียนมาจนเป็นมหา นั่นพัดมหา อวดเสียบ้างซิวันนี้ ครั้นแล้วมาอยู่นี้หมด
พระไตรปิฎกๆ ถอดออกจากหัวใจพระพุทธเจ้า นั่นละพระไตรปิฎกใหญ่อยู่ตรงนั้น ออกไป ๘๔,๐๐๐ พระธรรมขันธ์ นั้นเพียงพอประมาณ ออกเป็น ๓ ปิฎก พระวินัยปิฎก พระสุตตันตปิฎก พระอภิธรรมปิฎก ออกกระจายมาให้เรียนปิฎกในตู้ในหีบทุกวันนี้นะ ออกจากพระไตรปิฎกใหญ่ของพระพุทธเจ้า จากนั้นรองลงมาก็พระไตรปิฎกย่อมลงมาก็คือพระสาวกทั้งหลาย ออกจากนี้ๆ แม่นยำที่นี่นะ เราที่เรียนมา ผู้ที่ไปจดไปจำไปจดจารึกออกมานั้นเป็นคนมีกิเลส มีลูบๆ คลำๆ มีสูงๆ ต่ำๆ ถ้าจะไปถึงเกาะสำคัญควรที่จะทำลายก็เกรงกิเลสๆ อ่านไปตามนั้นรู้ทันทีนะ ใครเป็นคนจดจารึกคัมภีร์เหล่านี้มา อ่านๆ ดูก็รู้ มันรู้ในจิตนี่แหละไม่อวด
ถ้าเป็นคนปุถุชนแต่งไว้แล้วอย่างไรก็ต้องหลบหลีก มีสูงมีต่ำอยู่ในนั้นแหละ ถ้าเป็นพระอรหันต์แต่งจดออกมาแล้วผางเลย พุ่งๆ เรียกว่าธรรม ไม่มีสูงมีต่ำ ตรงแน่วๆ ทีนี้ย่นเข้ามาหาธรรมภายในใจ ตรงแน่ว อย่างภาษาที่พูดกับพี่น้องทั้งหลาย เทศน์ทั่วประเทศไทยเวลานี้ภาษานี้เราไม่ได้มีนะแต่ก่อน การเทศนาว่าการจากการเรียนมานั้นก็เหมือนบรรดาพระสงฆ์ทั้งหลายท่านเทศน์ เราก็เทศน์แบบนั้น มันก็เป็นไปตามนั้นเองแหละ ไม่ได้มีเจตนาแหละมันหากเป็นไปตาม ที่ศึกษาเล่าเรียนมาก็ไปตามตำรับตำรา อ่านไปลูบไปคลำไปๆ อย่างนั้น
เอ้าที่นี่ย่นเข้ามาภาคปฏิบัติ ภาคปฏิบัติรู้มากรู้น้อยมันจริงจังๆ แม่นยำๆ ขึ้นทางนี้นะ มากเข้าเท่าไรแม่นยำๆ สุดท้ายอยู่นี้หมดเลย พูดให้มันเต็มยศเสีย มันอยู่ที่นี่หมด พอจะเทศน์อะไรๆ นี้ออกจากนี้ทั้งนั้นๆ ไปเลย นี่ละพระไตรปิฎกใน พระไตรปิฎกนี้ถอดกิเลสออกหมดแล้ว ถอนกิเลสออกหมดเหลือแต่ธรรมล้วนๆ จึงออกเป็นความจริงล้วนๆ เลย ทีนี้สำนวนโวหารที่เทศน์ แต่ก่อนตามตำรับตำรา นั่นก็เทศน์หลบไปหลีกมาอยู่อย่างนั้น แต่ภาษาธรรมเวลามันเป็นขึ้นมานี้ไปพูดอย่างอื่นไม่ได้ นี่ละที่นี่มันจะเปลี่ยนโวหารนะ พอเจอเข้าตรงไหนเราจะหลีกไปพูดอย่างอื่นไม่ได้ๆ ขัดกับความจริงๆ มากน้อยลึกตื้นหยาบละเอียดของธรรมทั้งหลายเป็นยังไงๆ จะหลีกไปไม่ได้นะที่นี่ ก็ต้องออกตามนั้นๆ ทีนี้สำนวนโวหารมาให้โลกที่ชินต่อสำนวนของกิเลสไพเราะเพราะพริ้งนั้นเลยสะเทือนใจนะ เอ๊ะ ทำไมท่านเทศน์อย่างนั้น ทำไมท่านเทศน์อย่างนี้ นี่ความจริงของธรรม
เราก็เรียนมาแล้ว เทศน์แต่ก่อนก็เทศน์อย่างนั้น เวลามาเจอธรรมะภายในนี้เป็นยังไง จะออกอย่างอื่นไม่ได้นะ มันเป็นเครื่องบีบบังคับอยู่ในตัว เป็นอย่างนี้ต้องพูดอย่างนี้ๆ ทีนี้เวลาออกสู่ภายนอกก็ดังที่เห็นนี่ละ เขาว่าหลวงตาบัวเทศน์เป็นขวานผ่าซากๆ แต่ก่อนก็ไม่เป็นอย่างนี้ ที่เป็นก็เป็นเพราะความจริงที่อยู่ในใจ รู้อย่างนี้เห็นอย่างนี้แล้ว เวลาออกมาจะเปลี่ยนจากนี้ไม่ได้มันขัดกันๆ เป็นยังไงก็ต้องว่าอย่างนั้น ทีนี้ก็ตรงไปตรงมาก็เลยกลายเป็นขวานผ่าซากไป ให้เข้าใจ ยิ่งเป็นเทศน์ธรรมะสูงไปหาสูงสุดด้วยแล้วยิ่งพุ่งเลยเทียว
นี่ละธรรมะพระพุทธเจ้า ลงได้จริงในหัวใจแล้วไม่เคยหวั่นกับอะไร ในโลกอันนี้ไม่มีสิ่งที่จะหวั่นจะไหวจะขยะหรือจะครั่นคร้าม ไม่มี สามโลกธาตุครอบหมดเลย ธรรมะสูงไปหมด ย่นลงมาจะไปเทศน์ในสมาคมใดสูงต่ำขนาดไหนอย่างนี้ ว่านี้สมาคมคนชั้นสูง ชั้นนั้นชั้นนี้ ชั้นไหนธรรมะก็ครอบหมดแล้ว มองดูสมาคมนี้คนที่มาฟังนี้เป็นคนประเภทใดที่จะเอาผลจากการแสดงธรรม จะมาลงจุดนี้ ไม่ได้ไปว่า สมาคมนี้เป็นสมาคมคนชั้นสูง ชั้นนั้นชั้นนี้อะไร ไม่มี มีแต่กลุ่มนี้สมาคมนี้งานนี้ คนจะได้รับผลประโยชน์มากน้อยเพียงไรตามธรรม จะเป็นธรรมประเภทใดออกรับกันไม่ให้เสียประโยชน์ ส่วนมากก็กลายเป็นแกงหม้อใหญ่ไปเสีย ก็อย่างนี้แหละ ไม่ได้มีนะว่าสูงๆ ต่ำๆ อะไร ไปตรงไปตรงมาตามเหตุตามผล
ถ้าผู้ปฏิบัติมีแทรกอยู่นั้นๆ มากเข้า ธรรมะจะกลายเป็นแกงหม้อเล็กแทรกกันไปๆ ถ้ามีแต่ผู้ปฏิบัติล้วนๆ เกี่ยวกับเรื่องศีล สมาธิ ปัญญา วิชชาวิมุตติแล้วพุ่งเลยเทียวไม่ต้องบอก เทศน์อันนี้ยิ่งเทศน์ง่ายไม่ใช่แกล้งพูดนะ คือมันคล่องไปเลย พุ่งๆ เลย นี่ละธรรมในใจเป็นอย่างนั้น แล้วมาเทศนาว่าการสอนพี่น้องทั่วประเทศไทยและทั่วโลกนี้เราแน่ใจร้อยเปอร์เซ็นต์ ไม่ผิดบอกตรงๆ เลย เพราะถอดออกจากหัวใจที่ถูกต้องแล้วโดยสมบูรณ์ ถูกต้องแล้วยังไม่แล้ว ยังสมบูรณ์อีก ออกไปบทใดบาทใด ไม่เคยสงสัยว่าเทศน์ตรงนั้นผิดไปพลาดไป ไม่เคยมี ออกสำเร็จรูปพอดีๆ ไปเลยตามขั้นของธรรม
นี่ละธรรมพระพุทธเจ้าจ้าอยู่ครอบโลกธาตุนี่ ให้ปฏิบัติซิ ธรรมที่จ้าอยู่ครอบโลกธาตุจะเข้ามาสัมผัสใจ พอเข้าสัมผัสใจแล้วใจจะตื่นตัวขึ้นมา จะมีความรู้สึกแปลกๆ จากอารมณ์มูตรคูถทั้งหลายที่มันคลุกเคล้าอยู่ทั่วทุกตัวสัตว์ พวกมูตรพวกคูถคือกิเลส ธรรมแทรกเข้าไปนี่เรียกว่าเป็นธรรมโอสถที่เลิศเลอ แทรกเข้าไปปั๊บจะเป็นเครื่องตื่นใจทันที ตื่นใจๆ เข้าไป แล้วก็ตื่นเนื้อตื่นตัว ตื่นเรื่อยไปเลยที่นี่ จนกระทั่งผลสุดท้ายตื่นขนาดที่ว่าไม่กินไม่นอนเข้าไปแล้ว พุ่งๆ เลย มีแต่จะให้หลุดพ้นโดยถ่ายเดียวๆ โทษภัยของวัฏจักรนี้มีมากขนาดไหน เต็มหัวใจ คุณค่าแห่งความหลุดพ้นมีมากขนาดไหน เต็มหัวใจด้วยกัน เมื่อต่างอันต่างเต็มหัวใจแล้วจะพุ่งเลยทันที อยู่ไม่ได้รอไม่ได้ คอขาดขาดไป ให้ถอยไม่ได้เลย นี่ละธรรมประเภทที่จะล้างวัฏวนออกจากหัวใจ
การเกิดแก่เจ็บตาย นอนตายทับกันอยู่นี้มีอะไร ตายกี่ภพกี่ชาติไม่ใช่ภพเดียวชาติเดียวเพียงมนุษย์นี้นะ ออกจากนี้ไปเป็นภพชาติของสัตว์อะไรๆ ประเภทต่างๆ ใจของเราดวงเดียวนี้ละ มันแล้วแต่กรรม กรรมเป็นผู้ชักจูงให้ไป ถ้าทำกรรมดีกรรมดีก็ดึงขึ้นเลย ถ้าทำกรรมชั่วกรรมชั่วดึงเลย ใครจะลบล้าง เอา ลบล้างไปเถอะน่ะ ลบล้างเจ้าของ ทำลายเจ้าของทั้งนั้น พระพุทธเจ้าไม่ได้เทศน์ลบล้างใครทำลายใคร เทศน์ส่งเสริมสัตว์โลกเท่านั้น แล้วจะไปลบล้างความจริงของพระพุทธเจ้านี้ตายทั้งหมดแหละ จมเลย พากันจำนะทุกคนๆ
เราเกิดมาได้พบพุทธศาสนานี้เลิศเลอสุดยอดแล้ว ไม่มีเคลื่อนคลาดพุทธศาสนา สอนเป็นแถวเป็นแนว วิธีการทุกอย่างๆ เป็นแบบเป็นฉบับตลอด เช่นอย่างพระ หน้าที่ของพระทำยังไง กฎของพระเป็นยังไง เรียบไปเลย นั่น กฎของพุทธศาสนาท่านสอนอย่างนั้น ไม่ได้สอนสุ่มสี่สุ่มห้า ทำสุ่มสี่สุ่มห้าตามใจชอบนะ สอนตามหลักความจริงคือธรรมคือวินัย ผู้ปฏิบัติก็ตามนั้นๆ เช่นอย่างพระ ปฏิบัติยังไงเรื่องของพระ หน้าที่ของพระ ข้อบังคับของพระ กฎของพระ ปฏิบัติยังไง ท่านมีแบบมีฉบับมาโดยลำดับ พุทธศาสนาเป็นแบบเป็นฉบับทั้งภายนอกภายใน ไม่ได้เรรวน ไม่ได้หลักลอย ตรงเป๋งๆ เวลามาปฏิบัติตรงเป๋งก็เข้าสู่ความจริงๆ
นี่เราก็ได้เทศน์สอนโลกมาตอนที่ออกช่วยชาติบ้านเมืองเป็นเวลา ๗ ปีนี้ เทศน์ไม่หยุดไม่หย่อน พอที่พี่น้องทั้งหลายได้เข้าใจบ้างก็เนื่องจากการช่วยชาติคราวนี้ ที่ว่า เอาละธรรมะคราวนี้จะเริ่มออกแหละ โลกเขาไม่ได้คิดนะ เราคิดคนเดียว วัตถุรู้กันอย่างแจ้งขาวทั่วประเทศไทย ช่วยชาติก็คือช่วยด้านวัตถุ ด้านวัตถุจะพาชาติให้ล่มจม นี่ความเห็นของโลก แต่ความเห็นของธรรมก็คือจิตใจที่ขาดธรรมทั้งหลายนั้นละจะพาให้ล่มจม พาให้สิ่งทั้งหลายล่มจมไปหมด เพราะจิตใจต่ำ ใช้ไม่รู้จักประมาณ จิตใจที่ต่ำทรามไม่มีเหตุมีผลไม่มีหลักมีเกณฑ์ การอยู่การกินการใช้สอยต่างๆ ไม่มีประมาณ การมีประมาณคือธรรมแทรกเข้าไป อะไรพอดิบพอดี อะไรควรไม่ควร เรื่องของธรรมจะแทรกเข้าๆ รู้จักประมาณ
เรื่องนิสัยนี้เป็นเรื่องของกิเลสล้วนๆ เห็นอะไรคว้ามับๆ นี่ละจะพาให้ล่มจมจากจิตใจอันนี้ เราว่าวัตถุสมบัติเงินทองข้าวของจะพาโลกให้ล่มจม อันนี้โลกเห็นตั้งแต่ภายนอก แต่ภายในนั้นอะไรพาให้สิ่งเหล่านี้ล่มจม ก็มาจากหัวใจ นั่น หัวใจมันล่มจมแล้วก็ลากสิ่งเหล่านี้ให้ล่มจม แล้วก็ลากคนทั้งประเทศให้ล่มจม พากันจำเอานะ การฟื้นฟูชาติ วัตถุก็ฟื้นฟูขึ้นมา จิตใจก็ต้องฟื้นฟูขึ้นมาด้วยกัน ถ้าจิตใจไม่ฟื้นฟูมันจะเจริญขนาดไหนจมทั้งนั้นแหละ ถ้าจิตใจฟื้นฟูแล้วจะค่อยพยุงตัวขึ้นได้ๆ พากันจำเอานะ
คนเราเกิดมาใครจะเกิดกับกองบุญกองกุศลกองมรรคผลนิพพาน มันก็เกิดมาจากท้องแม่เหมือนกันหมดจะรู้ภาษีภาษาอะไร ก็ไปตามพ่อแม่ผู้ปกครองหรือผู้เกี่ยวข้อง เขาทำยังไงก็ทำติดกันไปๆ จนกระทั่งกลายเป็นนิสัยในเรื่องไม่มีเหตุมีผล นี่ละนานเท่าไร ทีนี้พอธรรมแทรกเข้าไปๆ มันจะค่อยเป็นเครื่องตื่นเนื้อตื่นตัว ปรับปรุงตัวเองให้ดีขึ้นๆ เรื่องธรรมไม่ใช่เรื่องเล็กน้อยนะ ถ้าขาดเสียเมื่อไรแล้วไม่ได้เรื่องแหละ แม้แต่ประกอบความพากเพียร สติธรรมเท่านั้นเป็นสำคัญ ขาดสติความเพียรไม่ก้าวแล้ว จะเดินจงกรมจนขาหักก็ไม่ได้เรื่องอะไรถ้าสติขาด ถ้าสติไม่ขาดอยู่ไหนเป็นความเพียรหมด มีสติอยู่แล้วกิเลสไม่เกิด เมื่อมีสติอยู่มันจะเป็นคลื่นเท่าคลื่นทะเลก็ตาม สติห้ามปุ๊บได้เลย สติเป็นสำคัญมากนะ ให้พากันตั้งอกตั้งใจปฏิบัติ ไม่งั้นจะเหลวแหลกแหวกแนวไปอีกนะ
การช่วยชาติคราวนี้นับว่าได้ผลพอประมาณ สมบัติเงินทองก็ได้พอประมาณ และอรรถธรรมเวลานี้ก็กำลังกระจาย เฉพาะวิทยุนี้กระจายไปทุกแห่งทุกหน ตั้งวิทยุขึ้นดูเหมือนทุกภาคแล้วมั้งเดี๋ยวนี้ มีทุกภาคแล้วเดี๋ยวนี้ มากน้อยต่างกัน ต่อไปจะค่อยๆ กระจายๆ ออกไป ธรรมะนี้เป็นของจริง ออกที่ไหนไม่มีการจืดจางหรือจืดชืด ตรงเป๋งๆ ผู้มุ่งอรรถมุ่งธรรมแล้วมันจะซึมซาบเข้าในใจทันทีๆ เฉพาะที่เราเทศน์นี้เรียกว่าเราเทศน์สดๆ ร้อนๆ ถอดออกมาจากหัวใจไปเทศน์ทั้งหมดเลย แต่ก่อนเราก็เรียน เรียนมา อันนั้นหายไปหมดนะ กลับมาอยู่นี้หมดเลย ที่เราเรียนมานู้นมานี้ ตำรานู้นตำรานี้ ไปนู้นไปนี้ เรียนแต่ก่อน เทศน์ต้องวิ่งใส่ตำรา เวลาเราเรียนหนังสือยังไม่ได้ปฏิบัติ เวลาเทศน์จิตไม่ได้เข้านะ เทศน์นี้วิ่งใส่ตำรา คัมภีร์นั้นคัมภีร์นี้ เอาภาษิตนั้นมายก ภาษิตนี้มายก แปลงูๆ ปลาๆ ไปอย่างนั้นแหละ
เวลาเรียนยังไม่ได้ของจริง มันก็เอาแต่ร่องแต่รอย จับร่องจับรอยมานี่ของจริง ของจริงอะไรก็รอยมัน กับตัวจริงมันต่างกันเข้าใจไหมล่ะ ทีนี้พอจับตัวได้แล้วรอยปล่อยหมด เหมือนเราตามรอยโค ตามไปๆ ก็ตามรอยนี้แหละไป รอยนี้จะต้องไปถึงตัวโค ตามรอยเข้าไปๆ ถึงตัวโคแล้วปล่อยเลย นี้ตามตำรับตำราตามเข้าไปด้วยภาคปฏิบัติ ตามเข้าไปๆ พอถึงตัวจริงแล้ว เรื่องตำรานั้นมาอยู่นี้แล้ว มาอยู่ในตัว ปล่อยเลยๆ อย่างนั้นแหละ
วันนี้พูดเพียงเท่านั้นละนะ ก็เห็นมากพอสมควรแล้ว นี้พอกะว่าเที่ยงครึ่งละจะออกเดินทางไปเทศน์ที่วัดอรัญบรรพต กลับมาก็ค่ำแหละวันนี้มากอยู่คน มันก็ต้องเทศน์ทุกวันอย่างนี้ละ เต็ม ต้องเทศน์ ถ้าไม่มีคนฉันแล้วไปเลย แน่ะต่างกันนะ ไม่มีคนฉันแล้วไปเลย อยู่ในป่าในเขาไปภาวนาล้วนๆ ไม่มีคนนะ ไปบิณฑบาตก็มาฉันกลางทาง บิณฑบาตบ้านเขาสี่ห้าหลังคาเรือน เขาใส่มาให้แล้วมีอะไรหรือไม่มีอะไรก็แล้วแต่ พอมาถึงกลางทางหินดานหินลาด แล้วมีแอ่งน้ำอยู่นั้น ก็ฉันอยู่นั้น.พอฉันเสร็จแล้วอาหารที่เศษเหลือเอาไปวางไว้ตามป่า กระรอก กระแตมีเยอะนะ เอาไปไว้เป็นจุดๆ กระรอกกระแตมากิน ล้างบาตรเสร็จเรียบร้อยแล้วสะพายบาตรขึ้นเขาเลยๆ เงียบ ไม่ได้คุยกับนั้นคุยกับนี้นะ
(แม่ชีจุรินทร์ เกตุวงษ์ นางสาวกอบกุล เกตุวงษ์ ญาติพี่น้อง น้อมถวายทองคำหนัก ๑๐ บาทครับ ร่วมสร้างเจดีย์วัดอโศฯ ๑๐,๐๐๐ บาทครับ) ทองคำวันนี้ได้ ๒๐ บาท ๕๐ สตางค์ โน่นน่ะเห็นไหม วันนี้ทองคำเราตั้ง ๒๐ บาท ๕๐ สตางค์ นี่ละน้ำไหลซึมค่อยไหลเข้ามาๆ เราตายแล้วพี่น้องลูกหลานไทยเราก็จะอบอุ่นๆ เราหาให้พี่น้องไทยลูกหลานไทยเรา เราไม่ได้หาให้เรา ดีดดิ้นอยู่นี้เพื่อชาติไทยของเรา พยายามพยุงๆ ให้มีฐานะพออยู่พอเป็นไป มองดูหน้าเขาหน้าเราเต็มหูเต็มตา ไม่ได้มองดูแบบมองสองสลึง เคยเห็นไหมมองสองสลึง มองเขาเต็มหน้าไม่ได้ เรามันอาภัพ มองแค่สองสลึง ถ้าตาก็หลับ คือมองสองตาไม่ได้ ต้องหลับตานี้มอง หลับตานี้มอง เรียกว่าแบบสองสลึง
ทีนี้เราพยายามขวนขวายหามาอย่างนี้แล้ว หนุนขึ้นๆ นี้มองคนก็สองตาเลย หน้าเขาหน้าเราสม่ำเสมอ มีหน้ามีตาเสมอกันหมด ฐานะของเราถึงจะเป็นเมืองน้อยก็ตาม เมืองน้อยก็เต็มที่ของเมืองน้อย สมศักดิ์ศรีของเมืองน้อย เมืองใหญ่สมศักดิ์ศรีเมืองใหญ่มองกันได้ เด็กก็เต็มคน ผู้ใหญ่ก็เต็มคน มองดูกันได้ อันนี้เมืองเล็กเมืองน้อยเมืองใหญ่ก็ตาม ต่างคนต่างมีศักดิ์ศรีด้วยคุณสมบัติอยู่ภายในประเทศของตนเองแล้วมองกันได้ เราหาไว้เราคิดหมดนะ ไปมองเขาอย่ามองแบบสองสลึงไม่ได้นะ มองเขาหลับตามอง พวกบ้าพวกตาเดียว พวกตาเดียวเขาว่าเอก เอกตาเดียวประเภทชาติไทยเราด้อยใช้ไม่ได้นะ ต้องเอกไม่มีใครสู้ หนึ่งไม่มีสอง อันนี้เอกตาเดียว ถ้าตานี้บอดไปอีกหมดเลย บอดเลย ต้องเอาให้ดีนะ นี่ละช่วยชาติไทย
จึงได้เผดียงพี่น้องทั้งหลายเราคิดหมดนะ ไม่ใช่มาพูดเฉยๆ คิดเรียบร้อยทุกอย่าง หน้าเขาหน้าเรา ชาติเขาชาติเรา เรื่องธรรมเป็นธรรม เรื่องโลกเป็นโลก แยกมาเป็นโลกก็ต้องเป็นอย่างนี้แหละ มาเป็นชาติชั้นวรรณะเป็นฐานะสูงต่ำก็ต้องเป็นอย่างนี้ ถ้าธรรมแล้วเรียบเลยไม่มีปัญหา นี้เราอยู่ในโลก ลูกหลานไทยเราก็อยู่ในโลก อยู่กับเขาเหมือนเขา ต้องให้มองหน้ากันได้ ด้วยฐานะตามกำลังของตน นี่ละถึงได้อุตส่าห์พยายามขวนขวายหามา เช่นอย่างเมืองไหนที่มีทองคำน้อยหรือไม่มีทองคำ เงินนี้มีค่าเมื่อไร ไม่มีนะ นี่เงินไทยเราเวลานี้ก็เท่าไร ที่ฝรั่งมันกลืนไป ๔๒ เหรอ แต่ก่อนมันฟาดขึ้นถึง ๕๖ บาท นี่ละที่เราร้องโก้กนะ นี่มันเลยห้าสิบตางค์ไปแล้วนะเมืองไทยเรา ขาดห้าสิบสตางค์ก็ว่าขาดเต็มที่แล้ว ไม่เต็มบาท มาขาดห้าสิบสตางค์ก็ยังว่าขาด นี้ฟาด ๕๖ เมืองไทยเรา ๔๐ สตางค์ใช้ได้ยังไง นี่ละเอาใหญ่ตรงนี้ จึงดีดขึ้นๆ
เดี๋ยวนี้ของเขาก็ ๔๒ ลงมาจาก ๕๖ มาอยู่ ๔๒ อยู่ตรงนี้ละ พอฟัดพอเหวี่ยงกัน ก็เพราะเรามีสมบัติของเราหนุนกัน คัดค้านต้านทานกันไว้ เขาสูงขึ้นจับหางมันดึงลงเข้าใจไหม ไม่ให้มันขึ้นมากนัก เราจับหางมันดึงลง ฝรั่งมันก็มีหางเหมือนกัน ทำไมจะไม่มีหาง ตั้งแต่หมาเรายังมีหาง ไอ้หรั่งไม่มีหางแสดงว่าเลวสู้หมาเราไม่ได้ ต้องเอาอย่างงั้นซิ เอาละนะพูดไปพวกนี้อ้าปากไม่งับ เอาละพอ (คณะเรือปากน้ำถวายเพื่อก่อสร้างพระธุตังคเจดีย์เจ้าค่ะ ๒๗,๐๐๐ กว่าบาท) เอ้อๆ เอาไปเลยแยกเลย เจดีย์วัดอโศการามอยู่ในหัวอกเหมือนกันนะ หัวอกของเรา บอกแล้วเรียบร้อยแล้ว เราได้พิจารณาเรียบร้อย
ในปัจจุบันนี้ยังไม่มีเจดีย์ที่ศักดิ์สิทธิ์วิเศษสดๆ ร้อนๆ เหมือนครั้งพุทธกาล แล้วคราวท่านสร้างเจดีย์ธุดงค์ ๑๓ คราวนี้ โดยที่ท่านอาจารย์ลี ท่านเป็นต้นเหตุริเริ่มขึ้นมาเป็นมหามงคลแก่พี่น้องชาวไทยเราเป็นอย่างมาก ทีนี้เจดีย์นั้นชำรุดทรุดโทรมมาก เราซ่อมแซมใหม่ ตกลงกันกับท่านทอง เราเป็นหัวคิดว่างั้นเถอะ เราจะพยายามอาราธนาพระธาตุของครูบาอาจารย์ทั้งหลาย นับแต่หลวงปู่เสาร์ หลวงปู่มั่นลงมา และครูบาอาจารย์ทั้งหลายที่เป็นลูกศิษย์ พ่อแม่ครูจารย์มั่นของเรานี้ เวลาท่านล่วงไปแล้วอัฐิของท่านกลายเป็นพระธาตุน้อยเมื่อไร รวมแล้วไม่ต่ำกว่า ๒๐ องค์ ที่ท่านล่วงไปแล้วอัฐิกลายเป็นพระธาตุๆ นั้นคือพระอรหันต์แต่ละองค์ๆ ในครั้งพุทธกาลกับครั้งนี้เสมอกันหมด เข้าใจ
ทีนี้เราจะยกเจดีย์นี้ขึ้น เพื่ออาราธนาพระธาตุของครูบาอาจารย์ทั้งหลาย เข้ามารวมอยู่ในเจดีย์นี้ แล้วได้กราบไหว้บูชาศักดิ์สิทธิ์วิเศษ ในภาคกลางเป็นจุดศูนย์กลางแห่งเจดีย์ของพระอรหันต์ ชุดปัจจุบันสดๆ ร้อนๆ เข้าใจไหม นี่ละให้เป็นที่ศักดิ์สิทธิ์วิเศษ เราจึงพยายามหนุน บอกท่านทองเลยว่าเอาเลยนะทอง งานไม่ให้หยุดชะงัก เอาเงินมีขาดให้ขาด เราบอกงั้นละ เราจะไปหาตีกระเป๋านั้นๆ ลูกศิษย์เรามีเยอะเราบอกงี้ เราตีได้ทุกกระเป๋าละ เอาๆ อย่าให้ขาดนะ งานหยุดชะงักเพราะเงินไม่ได้นะ เอาเลย กระเป๋าลูกศิษย์ของเรามีเยอะ เราตีกระเป๋าไหนไม่ได้ห้าต้องได้สิบ เอาเท่านั้นละ
รับฟังรับชมพระธรรมเทศนาของหลวงตา ได้ที่
www.Luangta.com หรือ www.Luangta.or.th
และรับฟังจากสถานีวิทยุสวนแสงธรรม กรุงเทพฯ และสถานีวิทยุอุดร
FM 103.25 MHz |