เทศน์อบรมฆราวาส ณ วัดป่าบ้านตาด
เมื่อวันที่ ๒๒ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๔๘
ความชั่วเอาให้มันขาดสะบั้น
วันนี้เป็นวันพระท่านเริ่มเข้าพรรษาแล้ว พระอยู่ในสถานที่ใดๆ ก็มารวมตัวอยู่ในจุดเป็นที่แน่นอนในการเข้าพรรษา ๓ เดือน ตามธรรมดาท่านจะเที่ยววิเวกไปในที่ต่างๆ ท่านไปเที่ยวภาวนาในป่าในเขาในที่ต่างๆ ในครั้งพุทธกาลท่านแสดงไว้อย่างนั้น พอเข้าพรรษาแล้วก็มารวมจำพรรษาที่แห่งใดแห่งหนึ่ง ตามจำนวนพระมีมากมีน้อย
วันนี้เป็นวันเข้าพรรษา ประชาชนควรจะมีหลักเกณฑ์บังคับตนเองเพื่อศีลเพื่อธรรมในระยะ ๓ เดือน เขาติดคุกติดตะรางตลอดชีวิตเขาก็ติดได้ เราไม่ใช่ติดคุกติดตะราง ให้นำศีลธรรมเข้ามาบีบบังคับความชั่วช้าลามกของเราให้มันไหลออกบ้าง ให้มีแต่ความดีเข้าสู่ใจ ใน ๓ เดือนนี้พระท่านมีธุดงควัตรจำกัดบังคับบัญชาตัวเองเพื่อสร้างความดีทั้งหลายตลอดทั่วถึงกันในบรรดาวงกรรมฐาน เฉพาะอย่างยิ่งสายหลวงปู่มั่นท่านเอาจริงเอาจัง ท่านไม่ได้เหลาะแหละ แล้วประชาชนในที่นั้นๆ ก็ได้รับการอบรมสั่งสอนจากท่าน
ให้มีกฎเกณฑ์รักษาตัว เช่นในวันเข้าพรรษา ผู้ที่เคยดื่มสุรายาเมาก็ตัดให้ขาดสะบั้นไปเลย เกิดมากับพ่อกับแม่ พ่อแม่ไม่ได้เอาสุรายาเมามากรอกปากแหละ เอาข้าวต้มขนมนมเนยมากรอกให้ แต่เวลาโตขึ้นมาแล้วกลับเอาเหล้าสุรามากรอกปากเหยียบหัวพ่อหัวแม่ไปมีอย่างที่ไหน ให้ตัดขาด จะตายเพราะไม่ได้กินสุราก็ให้เห็นเสียที หลวงตาบัวจะไปกุสลาให้ ใครตายเพราะอดสุราใน ๓ เดือนนี้ อย่างน้อย ๓ เดือน เคยกินสุรามานานเท่าไร ใน ๓ เดือนนี้ตัดสุราออกแล้วทนไม่ไหวจนตาย เอา ตายมาบอก หลวงตาจะ กุสลา ธมฺมา ให้ ไอ้ตายแบบอื่นเขา กุสลา ทั่วไปแล้ว คนตายแบบสู้กับเหล้าจนกระทั่งตาย ใน ๓ เดือนไม่ได้กินเหล้านี้ หลวงตาจะไปกุสลาให้เลยทีเดียว
ดัดลงไปซิดัดความชั่ว ไม่ดัดไม่ได้นะ บรรดาท่านผู้ดีที่กราบไหว้บูชาเป็นขวัญตาขวัญใจแก่โลกเรื่อยมา ท่านไม่ได้ปล่อยตัวนะ ท่านตั้งหน้าตั้งตาฝึกฝนอบรม อย่างพระพุทธเจ้าของเราถึงขั้นสลบไสลเห็นไหมล่ะ ทุกข์ไหมถึงขั้นสลบไสล ถ้าเลยจากนั้นก็ตายเท่านั้นละ นี่ท่านฝึกทรมานท่าน บรรดาพระสาวกทั้งหลายก็เหมือนกัน ออกมาจากที่ต่างๆ ในสกุลกษัตริย์ไม่น้อยนะ พระมหากษัตริย์ออกมาบวช บวชแล้วเข้าป่าๆ หายเงียบๆ ไม่สนใจไยดีกับบ้านเมืองอะไรเลย เหมือนไม่เคยเป็นผู้ใหญ่มา ท่านมุ่งหาอรรถหาธรรมอย่างเดียว ท่านออกมาจากป่าแล้วก็มาเป็น สรณํ คจฺฉามิ ของพวกเรา เรียกว่า สงฺฆํ สรณํ คจฺฉามิ ท่านสำเร็จมรรคผลนิพพานมาจากป่าจากเขา จากที่ลำบากลำบน
สถานที่ป่าที่เขา เป็นสถานที่เหมาะสมกับผู้จะฝึกฝนทรมานกิเลสตัวฟุ้งเฟ้อเห่อเหิม สำหรับในสถานที่เช่นนั้น ตัวประหยัดมัธยัสถ์ ตัวฝึกฝนทรมานตนเองให้รู้จักการอยู่การกินการใช้สอยต่างๆ อย่าฟุ้งเฟ้อเห่อเหิมนะ ให้รู้จักประมาณบ้าง อะไรๆ ก็ใส่เข้าไปๆ ไม่เป็นท่าเลย ท้องป่องแต่จิตใจแห้งผากจากศีลจากธรรมใช้ไม่ได้เลยคนเรา ต้องให้มีจิตใจชุ่มเย็นไปกับศีลกับธรรม ปากท้องกินเมื่อไรก็ได้ไม่ยาก กินเมื่อไรก็อิ่มเมื่อนั้น อยากนอนเมื่อไรก็นอน แต่ศีลธรรมที่จะเข้าสู่ใจนี้ลำบากมากนะ ต้องได้ฝึกได้ทรมานกันเต็มที่
เข้าพรรษาใครเคยใส่บาตร ธรรมดาก็แล้วแต่จะได้ใส่วันไหนๆ จะใส่ นี่วันเข้าพรรษาให้ตั้งสัจจอธิษฐานให้ได้ใส่บาตร ไม่มากก็ให้ได้ใส่บาตรพระวันละหนึ่งองค์ก็ยังดี ไม่ให้ขาดคำสัตย์คำจริงของเรา นี่เรียกว่ามัดเรา ไม่เช่นนั้นจะรั่วไหลไปหมด ใจเลยไม่ได้ศีลได้ทานเข้าสู่ใจ มีแต่ท้องป่องไปเลย ตายแล้วก็เน่าเฟะไม่เกิดประโยชน์อะไร ทั้งท้องป่องทั้งท้องแฟบตายแล้วเหม็นเหมือนกันไม่เกิดประโยชน์ เอาธรรมเข้าสู่ใจแล้วหอมหวนชวนชมนั่นละดี พากันพิจารณานะ บังคับตนเอง
ตอนเช้าตอนเย็นการไหว้พระสวดมนต์ไม่ให้ขาด บังคับไว้เลยอย่าให้ขาด มันจะเป็นอะไรก็ให้เป็น อย่างนี้เรียกว่าบังคับตัวเข้าสู่ความดี ไม่บังคับไม่ได้นะ ทีแรกมันฝืนจริงๆ กิเลสมันเคยตัวมัน มันดีดมันดิ้นไม่มีขอบเขตไปตามอำเภอใจของตัวเอง ไปไหนไปได้ กินไหนกินได้ เที่ยวไหนเที่ยวได้เตร็ดเตร่เร่ร่อน เรียกว่าปล่อยตัวตลอดตามกิเลส ให้คนจมไปๆ ทีนี้เอาธรรมเข้ารั้งเอาไว้ไม่ให้มันดีดมันดิ้น ให้รู้จักเวล่ำเวลา ไหว้พระสวดมนต์ นั่งภาวนาในคืนวันหนึ่ง จะนั่งภาวนาสักกี่นาที เอา ตั้งลงไป
บังคับเจ้าของซิ ตั้งแต่บัดนี้ต่อไปกลางคืนเวลาจะนอน เราจะนั่งภาวนาไม่ให้ขาดในคืนวันหนึ่งๆ อย่างน้อยที่สุด ๕ นาที ขึ้นไป ๑๐ นาที เอาแค่นี้ก่อน ใน ๓ เดือนนี้ให้ได้ ๕ นาทีหรือ ๑๐ นาที บังคับไว้เลยทีเดียว เรียกว่าบังคับตัวเองภาวนา พอภาวนาไปเริ่มเห็นผลภายในใจแล้ว เรื่อง ๕ นาที ๑๐ นาทีไม่มีความหมาย ฟาดเสียกี่ชั่วโมงไม่รู้ตัวเลย นี่อำนาจแห่งความเพลิดเพลินในธรรมทั้งหลายทำให้ลืมหมดเวล่ำเวลา มีแต่ความเพลินในธรรมทั้งหลายภายในจิตใจ สง่างาม ถ้าเป็นอย่างนี้แล้วเรื่องเวลานาทีไม่มายุ่งแหละ จิตใจหากรู้การงานของตัวเอง ผลงานของตัวเองบรรจุอยู่ภายในใจรู้แล้ว เรื่องเวล่ำเวลาไม่มาบังคับได้ละที่นี่ มีแต่เจ้าของกับธรรมบังคับกิเลสเรื่อยไปเลย ให้ทำกันอย่างนั้นซิ
ไม่อย่างนั้นไม่ได้นะคนเราจะหาความดีไม่ได้ ปล่อยตัวไปเรื่อยๆ ตายทิ้งด้วยการปล่อยตัวไม่มีสารประโยชน์อะไรเลย บรรดาสัตว์โลกด้วยกัน ผู้มีความดีงามด้วยการฝึกฝนทรมานตน ตายแล้วดีดขึ้นๆ อย่างน้อยมาเป็นมนุษย์ เป็นผู้มีวาสนาบารมี ยศถาบรรดาศักดิ์ก็สูง ส่งไปที่ไหนคนเคารพนับถือ กราบไหว้บูชาเป็นขวัญตาขวัญใจ อบอุ่น จากนั้นก็ขึ้นสวรรค์ไปเลย เทวโลกเป็นที่อยู่ของพวกเทวดาซึ่งสร้างความดีงามไว้เรียบร้อยแล้ว ไปบรรจุตามสถานที่บุญกุศลของตนมีมากน้อย เช่น สวรรค์ ๖ ชั้น ตั้งแต่ชั้นจาตุมขึ้นไปถึงชั้นปรนิมมิตวสวัตดี ๖ ชั้นนี้เป็นที่บรรจุของคนผู้มีบุญตามขั้นภูมิกำลังของบุญตนเอง ไปขั้นนี้บ้าง ขั้นนั้นบ้าง จนถึงขั้นสูงสุดปรนิมมิตวสวัตดี ชั้น ๖ จากนั้นก็ขึ้นพรหมโลก ๑๖ ชั้น เป็นที่อยู่ของท้าวมหาพรหมผู้มีความดีสูงขึ้นไปๆ
แยกออกไปอีกในพรหมโลก ๑๖ ชั้น แยกออกมาเสีย ๕ ชั้น ห้าชั้นนี้เป็นที่อยู่ของท้าวมหาพรหมผู้สำเร็จพระอนาคามี ปราศจากเหย้าเรือนอะไรเรียบร้อยแล้ว รวงรังแห่งการเกิดตายไม่มี ตั้งแต่บัดนั้นก้าวขึ้นสู่นิพพานได้เลย ตั้งแต่อวิหา อตัปปา สุทัสสา สุทัสสี อกนิษฐา นี้เรียกว่าพรหมโลกในสุทธาวาส ๕ ชั้น เป็นที่อยู่ของพระอนาคามี ใครก้าวเข้าไปสู่ขั้นนี้แล้วในห้าชั้นนี้ เรียกว่าไปถึงนิพพานเลยไม่กลับมาอีก ท้าวมหาพรหมนอกนั้นยังกลับมานะ แต่ในห้าชั้นนี้ไม่กลับ นี่ล้วนแล้วตั้งแต่ท่านผู้สร้างความดี ดีดขึ้นไปๆ เรื่อยๆ เราจะดีดลงแข่งผู้ดีทั้งหลายนี้จมนะ เราอย่าไปหาญแข่ง ให้อุตส่าห์พยายามทุกคน
วันหนึ่งเดือนหนึ่งปีหนึ่งเราปล่อยตัวมามากเท่าไร ในระยะนี้เป็นระยะที่จะรักษาตัวเราด้วยความดีงามทั้งหลายก็ให้พากันพยายาม ทุกข์ยากลำบาก เอา ทำลงไป การบริจาคทานได้กี่ทัพพีก็เอา ทัพพีเดียวหรือปั้นหนึ่งสองปั้น เอาไปเลยข้าวนั่นน่ะ ได้อะไรมาแบ่งกินแล้วแบ่งทาน แบ่งกินก็เพื่อธาตุเพื่อขันธ์ แบ่งทานเพื่อจิตใจของเรา เป็นบุญเป็นกุศลเพื่อจิตใจของเรา ไม่ให้ขาดทั้งสองอย่าง เพราะใจกับกายอยู่ด้วยกัน ร่างกายเรียกว่าท้องป่อง สำราญบานใจทุกอย่าง เต็มปี๋ๆ ท้อง แต่จิตใจเหือดแห้งด้วยคุณงามความดี เรียกร้องหาความช่วยเหลือจากเจ้าของ เจ้าของไม่เหลียวแลตายแล้วจม พากันจำให้ดี
ต้องฝึกฝนทรมาน เช่น ทำวัตรเช้า ทำวัตรเย็น หรือคำสัตย์คำจริงอะไรตั้งไว้แล้วให้มีตั้งไว้ตนเองนั้นแหละ คนอื่นไม่ทราบความมุ่งหมายลึกตื้นหยาบละเอียดของตัวเอง ให้เจ้าของตั้งเอา จะบังคับตัวเองใส่ในความดีงามประเภทใด เอา ตั้งลงไป เช่น ไหว้พระตอนเช้าตอนเย็นไม่ให้ขาดอย่างนี้ หรือนั่งภาวนาตั้งแต่ ๕ นาทีถึง ๑๐ นาทีไม่ให้ขาด เอา ตั้งลงไป เอาพุทโธๆ หรือธัมโม สังโฆ บทใดก็ได้ตามจริตนิสัยชอบมากำกับใจ มีสติบังคับอยู่ในการภาวนา ๕ นาที อย่าส่งจิตไปไหน สติให้ติดแนบกับตนเองไปถึง ๕ นาที มีอานิสงส์มากนะ
ใจเราไม่เคยได้บังคับบัญชาเข้าสู่ความดีงาม แต่วันนี้เราตั้งสัจจอธิษฐาน วันหนึ่ง ๒๔ ชั่วโมง เราได้ ๕ นาที เอาจิตเข้าสู่ศีลธรรมเป็นเวลา ๕ นาทีด้วยจิตตภาวนา วันหนึ่งเรียกว่าเราสร้างคุณงามความดีเป็นอานิสงส์ประจำตนๆ แล้วแต่ท่านทั้งหลายจะเอาไปกำหนดกฎเกณฑ์บังคับตัวเอง เบื้องต้นบังคับ ห้านาทีๆ ต่อไปพอจิตเห็นผลภายในจิตใจตัวเองจากการภาวนาแล้ว จิตจะคืบหน้าเรื่อย ทีนี้เวล่ำเวลาไม่สนใจ อำนาจแห่งความดีงามของจิตดูดดื่มทางจิตตภาวนามากเข้าๆ นั่งสักกี่ชั่วโมงไม่สนใจเลย ลืมไปหมด เพราะความดีงามนี้จิตใจได้เสวยตลอดเวลาที่ภาวนา เพลินในการภาวนา เพลินๆ เรื่อยเลยลืมดูนาฬิกา มาดูนาฬิกาสองสามชั่วโมง สี่ชั่วโมง ห้าชั่วโมง นั่นเห็นไหมล่ะ
ตอนนี้ยังไม่ได้เรื่องได้ราวต้องบังคับเสียก่อนให้ภาวนา คืนหนึ่งเวลาจะนอนไม่ให้ต่ำกว่า ๕ นาที เอาธรรมบทใดก็ได้ไปบริกรรม เช่น พุทโธก็ได้ ธัมโมก็ได้ สังโฆก็ได้ หรือธรรมใดที่เราชอบกับจริตนิสัยของเรา ให้เอาธรรมบทนั้นมาบังคับตนเอง มีสติบังคับบัญชาอย่างน้อยให้ได้ ๕ นาที พอจิตได้รับผลในเวลาภาวนา ๕ นาทีแล้วจะเบิกกว้างออกเรื่อย เวล่ำเวลาขยายออกเรื่อย ไม่สนใจกับเวลา ต่อจากนั้นไปแล้วจิตเพลินกับธรรมทั้งนั้นไม่ได้ยุ่งกับเวลาเลย พอลุกออกมาดูนาฬิกาสองชั่วโมง สามชั่วโมง สี่ชั่วโมง ห้าชั่วโมง ฟังซิน่ะ
ทีแรกเราบังคับจะเป็นจะตาย ครั้นต่อมาเลยเพลินไปเลย นี่ละความรื่นเริงในธรรม ลืมเวล่ำเวลาไปหมด ถ้าความเดือดร้อนนี่ ติดคุกติดตะรางเดือนหนึ่งนี่เท่ากับห้าปีนะ มันทุกข์มันแสนทรมาน คนอยู่ในความรื่นเริงกับธรรมนั่งกี่ชั่วโมงก็ได้สบายๆ นั่นละพระท่านภาวนาท่านภาวนาอย่างนั้น เล่าให้ฟัง พระท่านภาวนาท่านไม่ได้คำนึงเวล่ำเวลาละ ปรกติท่านจะนั่งเป็นชั่วโมงขึ้นไป ชั่วโมง สองชั่วโมง สามชั่วโมง เป็นปรกติของท่าน สามสี่ชั่วโมงไปเรื่อยๆ นั่งแต่ละครั้งๆ ท่านเพลินในจิตกับธรรม พัวพันกันไปในนั้น เพลินไปเรื่อยๆ นี่ละการภาวนาทำจิตให้เพลินตัวๆ เพลินไปกับธรรมนั่นแหละ
ที่เล่ามาเหล่านี้เพียงย่อมๆ นะเรื่องการภาวนาของพระท่านที่ท่านตั้งอกตั้งใจ ท่านเอาจริงเอาจัง ความรื่นเริงบันเทิงอยู่ที่ใจผู้มีธรรม ความเหือดแห้งอยู่ที่ใจไม่มีธรรม เป็นใหญ่เป็นโตขนาดไหนก็เถอะ ถ้าลงธรรมไม่มีในใจเหือดแห้งอยู่ภายในใจนั่นแหละ อะไรๆ ไม่มีความหมายถ้าใจเหือดแห้งเสียอย่างเดียว พอลมหายใจขาดเท่านั้นเหล่านั้นขาดไปหมด เจ้าของจมเลย ไม่เกิดประโยชน์ ถ้ามีธรรมภายในใจ เอา ภายนอกเราก็ได้อาศัย ภายในเราก็บำรุงรักษาจิตใจของเรา บริจาคทานการกุศลของเรา รักษาศีล บำเพ็ญภาวนา นี่ขนธรรมเข้าสู่ใจๆ ตายแล้วเบิกบานยิ้มแย้มแจ่มใส ไปสวรรค์ชั้นใดไม่อัดไม่อั้น ตามแต่ความดีของเรามีมากน้อย ขึ้นเรื่อย สูงขึ้นไปๆ เมื่อเต็มที่แล้วถึงนิพพานปึ๋งเลย นี่ละการสร้างความดียังคนให้มีความสุขความเจริญ
ขอให้ทุกคนๆ ได้อุตส่าห์พยายามบังคับตนเอง ในพรรษาหนึ่งไม่ได้อะไรเลยไม่มีความหมายนะ ต้องมีข้อบังคับตนเองเอาไว้เสมอ อย่างน้อยให้ได้นี้หนึ่ง เช่นอย่างใส่บาตร อย่างน้อยให้ได้ใส่บาตรวันละหนึ่งองค์ เรียกว่าทานบารมี สัจจบารมีของเรา มีความสัตย์ความจริงในการทำบุญให้ทาน นี่ก็เป็นบารมีอันหนึ่ง ให้พากันจำเอาไว้ พวกที่ดื่มเหล้าเมาสุราตัดให้ขาด เกิดมากับพ่อกับแม่ไม่เคยเอาสุรายาเมามาให้ดื่ม มันไปเหยียบหัวพ่อหัวแม่มันด้วยสุรา เอาขวดเหล้าขวดยาโขกหัวพ่อหัวแม่ มันหยาบไหมลูกคนนี้ ลูกคนสะแตกเหล้าแล้วเอาขวดเหล้าขวดยานี่ไปโขกหัวพ่อหัวแม่ มันเป็นยังไงลูกเทวทัต เลยเทวทัตนะ
พ่อแม่เลี้ยงมาแทบเป็นแทบตาย ของอันไหนดิบดีขนมาให้ลูกของตนนั่นแหละ ลูกของตนๆ ลูกผู้น้อยเท่าไรยิ่งอำนาจใหญ่นะ จึงตั้งลูกทั้งหลายว่าเป็นข้าหลวง รองข้าหลวง ปลัดจังหวัด แล้วก็ลงนายอำเภอเป็นลำดับลำดา ลูกผู้เล็กเท่าไรให้เป็นข้าหลวง อำนาจในครอบครัวอยู่กับเด็กคนนั้นหมด ลูกคนสุดท้อง ชี้แร้งเป็นแร้ง ชี้กาเป็นกา พอโตขึ้นมาหน่อยก็ลดตำแหน่งลงมาเป็นรองผู้ว่า รองข้าหลวง แล้วรองลงมา พอใหญ่โตขึ้นไปก็เป็นรอง ผู้เด็กนี้เลื่อนชั้นขึ้นไป นั่นละลดมาสุดท้ายก็มาถึงขั้นผู้ใหญ่บ้าน ลดจากนายอำเภอมาเป็นปลัดอำเภอเรื่อยๆ จนกระทั่งถึงกำนัน ลดลงมาถึงผู้ใหญ่บ้านแล้วไม่ยอมลดแหละที่นี่ ต้องให้เป็นผู้ใหญ่บ้าน
ผู้ใหญ่บ้านกับพ่อกับแม่ ถือสิทธิ์ว่าเราเป็นลูกเป็นเต้า แม่จะว่าอะไรก็ว่าแต่ไม่ยอมฟังเสียง ดุพ่อดุแม่ นี่ละข้าหลวงใหญ่คนหนึ่งอยู่ในครอบครัว ลดมาเป็นผู้ใหญ่บ้านแล้วยังปีนขึ้นเป็นข้าหลวงอีก มันถือสิทธิ์ เข้าใจหรือ ถือสิทธิ์ว่าเป็นลูก พ่อแม่ก็ถือสิทธิ์ว่าเป็นพ่อเป็นแม่ ทีนี้ก็เถียงกันละซิพ่อกับแม่ นี่ละอย่าให้เป็นลูกแบบนี้นะ เป็นลูกขั้นข้าหลวง นายอำเภอลงมา มาอยู่ผู้ใหญ่บ้าน แล้วถีบขึ้นเป็นข้าหลวงอีกไม่ได้นะ เข้าใจไหมพวกนี้น่ะ มันเคยเป็นข้าหลวงมาแล้วทั้งนั้นเหล่านี้ ข้าหลวงของพ่อของแม่ เหยียบหัวพ่อหัวแม่ ขี้ใส่ตักพ่อแม่มาพอแล้วพวกเรา นี่เห็นไหมพ่อแม่มีคุณหรือไม่มีคุณ
อะไรๆ ก็มีแต่โอ๋ๆ กับลูกแล้วไม่มีอะไรละจะไปถือสีถือสา มีแต่โอ๋ๆ เรื่อยไป ขี้ใส่หัวพ่อหัวแม่ ตักพ่อตักแม่ มันขี้ได้ทั้งนั้นแหละลูกนี่ มันเป็นข้าหลวงใหญ่ นี่ละท่านเลี้ยงเรามาอย่างนี้ เพราะฉะนั้นผู้ที่ทำบาปทำกรรมกับพ่อกับแม่จึงมีโทษมากทีเดียว ท่านยกไว้เป็นอนันตริยกรรม อนันตริยกรรม ๕ ฆ่าพ่อฆ่าแม่นี้เป็นกรรมหนักที่สุด ในสากลโลกนี้ไม่มีกรรมอะไรจะหนักมากยิ่งกว่าอนันตริยกรรม ๕
๑.ฆ่ามารดา
๒ ฆ่าบิดา
๓.ฆ่าพระอรหันต์
๔.ทำลายพระพุทธเจ้าแม้ไม่ตาย
๕.ยุยงสงฆ์ที่มีความพร้อมเพรียงสามัคคีให้แตกแยกจากกัน
กรรม ๕ ประการนี้ท่านเรียกว่าอนันตริยกรรม กรรมที่มีความทุกข์แสนสาหัส หาระหว่างชั่วฟ้าแลบไม่ได้เลยว่าจะไม่เป็นทุกข์ ชั่วฟ้าแลบไม่มี เรียกว่าอนันตริยกรรม กรรมอันนี้หนักไม่มีระหว่างเลย ถ้ายังพอมีสติอยู่บ้างอย่าทำเป็นอันขาดกรรมนี้ ท่านสอนไว้ นี่เรียกว่าอนันตริยกรรม ในสากลโลกวัฏจักรนี้มีกรรม ๕ ประการนี้ที่เป็นกรรมหนักมากที่สุด ตกนรกหลายกัปหลายกัลป์กว่าจะได้ฟื้นตัวขึ้นมา ให้พากันระมัดระวัง พ่อแม่ท่านจึงเทียบเหมือนเป็นอรหันต์ของลูก ทำบุญกุศลก็ได้บุญกุศล ทำบาปก็ได้บาปมาก ทำกับพ่อกับแม่เท่ากับทำกับพระอรหันต์องค์หนึ่งนั่นแหละ ให้พากันจำ ให้เคารพพ่อเคารพแม่
ท่านจะดุด่าว่ากล่าวอะไรก็ตาม เราฐานะลูกอย่าไปถกไปเถียง ฟังพ่อแม่ คุณของท่านครอบหัวเราอยู่แล้ว อะไรๆ ก็คือพ่อคือแม่แนะนำสั่งสอนดุด่าว่ากล่าว ไม่ใช่เทวทัต ไม่ใช่โจรใช่มารมาจากที่ไหนจะมาทำลายเรา คือพ่อแม่ของเราเองเป็นผู้แนะนำดุด่าว่ากล่าวเรา ท่านดุด่าว่ากล่าวให้ฟัง เราฐานะเป็นลูกอย่าไปถกไปเถียงเป็นอันขาดนะ หากว่าเรื่องผ่านไปแล้วเรามีข้อข้องใจอะไรก็ถามท่านด้วยดี พ่อแม่จะชี้แจงให้ฟัง ท่านดุก็ตาม ดุก็เป็นปากพ่อปากแม่ที่ได้เลี้ยงเรามาแทบเป็นแทบตาย ไม่ใช่ปากใคร ทุกอย่างกิริยาของพ่อของแม่เป็นปากอินทร์ปากพรหมกับลูกมาแล้ว เป็นผู้มีเมตตาคุณเลี้ยงลูกทุกคนๆ พ่อแม่เป็นผู้เลี้ยงมาเต็มเม็ดเต็มหน่วย ด้วยเหตุนี้ท่านจึงมีคุณครอบหัวเรา
ท่านว่าอะไรอย่าไปถกไปเถียงพ่อแม่ว่าให้เรา ให้ฟังเสียงท่าน ถ้าเราผิดตรงไหนก็ให้รีบแก้ไขตามที่ท่านตำหนิติเตียน ถ้าเราไม่ผิดก็ค่อยชี้แจงเหตุผลให้พ่อแม่ฟังในกาลอันควร อย่าไปถกเถียงในเวลาท่านกำลังดุ ไม่ถูก ให้คอยฟังเสียงเอาไว้ แล้วค่อยระบายเรื่องราวความจริงให้พ่อแม่ฟังทีหลัง นี่สมชื่อสมนามว่าเราเป็นลูกหนี้ของพ่อแม่ พ่อแม่เป็นเจ้าหนี้อันใหญ่หลวงของเรา ให้พากันจดกันจำเอา เรื่องพ่อแม่ให้ยกไว้เป็นที่สูงเสมอ สูงที่สุดคือพ่อแม่ของลูกนั้นแหละ คุณของพ่อของแม่สูงที่สุดเลย ให้เคารพมากตรงนี้ บาปก็บาปมากที่สุด
การทำบุญกับพ่อกับแม่ ก็ได้แก่การแนะนำสั่งสอนให้ท่านรู้จักศีลจักธรรม เช่นเอาท่านมาบวชแล้วแนะนำสั่งสอนให้ท่านรู้ศีลรู้ธรรม นี้เรียกว่าสนองคุณพ่อคุณแม่ การประพฤติตัวดิบดีต่อพ่อแม่ ไม่ล่วงเกินฝ่าฝืนพ่อแม่ นี้ก็เป็นการสร้างคุณงามความดีตอบคุณพ่อคุณแม่ของเรา ถ้าหากว่าเป็นโอกาสอันดี พ่อแม่ไม่ค่อยดีก็ค่อยเตือนท่าน เผดียงท่าน อย่างหนึ่งเอาท่านมาบวช สอนท่านด้วยอรรถด้วยธรรมจนเป็นผู้ที่พอใจในศีลในธรรมจากคำพูดของเราที่สอน นี้มีอานิสงส์มากที่สุด ท่านว่าเปลื้องหนี้เปลื้องสินของพ่อแม่ไปได้ เราติดหนี้ท่านมากขนาดไหน ให้สร้างความดีตอบบุญแทนคุณ อย่าไปสร้างความชั่วช้าลามกตอบคุณท่านจะจมในนรก ทุกคนให้จำเอา
วันนี้เป็นวันเข้าพรรษา วันฝึกทรมานตนเอง จากนี้จึงเข้าพรรษา ๓ เดือน เอา ใครมีอย่างไรให้ทำอย่างนั้น ให้มีข้อวัตรปฏิบัติประจำตนใน ๓ เดือนนี้ อย่าปล่อยตัวแบบลอยลมๆ ใช้ไม่ได้นะ ใครจะตั้งสัจจอธิษฐานอะไรบังคับตนเองให้ได้ความดีงามจากคำอธิษฐานข้อนั้นก็ให้ทำ เช่น ทำบุญตักบาตร ไหว้พระ สวดมนต์ มีสัจจะอะไรต่ออะไร เอ้าตั้งลงไป พวกสุรายาเมานี้ตัดให้ขาดไปเลยทีเดียว เอ้า มันจะตายให้ตายเสียที ไม่เด็ดอย่างนั้นไม่ได้นะ ความชั่วนี้เมื่อติดสันดานแล้วมันพิลึกกึกกือ เราต้องเอาให้มันขาดสะบั้นลงไปเลย ติดก็เราเป็นผู้ไปติด สุรายาเมาไม่ได้มาติดเรา เราไปติดเขาต่างหาก เราต้องตัดตัวออกจากเขาซิแล้วก็เป็นคนดีขึ้นมา
วันนี้ก็พูดเพียงเท่านี้ละ อะไรๆ ก็พูดมากแล้ว แล้วตั้งแต่วันพรุ่งนี้ไปพระท่านจะรับบิณฑบาตเฉพาะบริเวณที่เคยรับนี้ นอกจากนั้นท่านก็ไม่รับ ดังที่เคยปฏิบัติมา รับอาหารที่บิณฑบาตได้มา นี่ก็เป็นความมักน้อยของพระ มีในธุดงค์ข้อหนึ่ง มักน้อย บิณฑบาตเอาแต่ของมาในบาตร ได้มากน้อยเอาเท่านั้น ใครจะเอามาถวายตามทีหลังไม่เอา ท่านไม่รับ นี่ก็เป็นธุดงค์ข้อหนึ่ง แล้วท่านจะเริ่มต้นตั้งแต่วันพรุ่งนี้ต่อไป ใครจะทำบุญตักบาตรก็ใส่บาตรท่านเสีย ไม่จำเป็นต้องตามท่านไปถวายท่าน ท่านไม่รับนะ ตั้งแต่วันพรุ่งนี้ไปแล้วในเขต ๓ เดือนนี้ท่านจะปฏิบัติตามธุดงควัตรของท่านข้อนี้ พากันจำเอานะ
นอกจากนั้นก็ไม่ทราบจะพูดอะไรต่ออะไรอีกมันเหนื่อย ตั้งแต่มาจากกรุงเทพแล้วเหนื่อยตลอดมา มาถึงวัดป่าบ้านตาดนี้แล้ว เมื่อวาน ๑๕ ค่ำก็เอาอีก แล้ววันนี้ว่าจะไม่พูดอะไรก็เอาอีก มันจะไม่เหนื่อยได้ยังไง เอาเท่านั้นละนะ ให้พากันตั้งอกตั้งใจปฏิบัติหน้าที่ของตนทุกคนๆ อย่าให้ไร้สารประโยชน์ใดเลยเราเป็นลูกชาวพุทธ ครูบาอาจารย์ท่านแนะนำสั่งสอนอย่างถูกต้องดีงาม ควรจะนำไปปฏิบัติตนเองตามคำสอนของท่าน แล้วจะเป็นสารคุณขึ้นภายในใจของเราทุกคนๆ
นี่ก็ไม่ทราบจะสอนอะไรๆ บ้างมันเหนื่อยแล้ว ตั้งแต่มาจากกรุงเทพมานี้ไม่เคยได้หยุดได้หย่อน วันนี้รู้สึกว่าเหนื่อยมากอยู่นะ ก็พูดไปอย่างนั้นแหละ ต่อจากนี้ก็จะให้ศีลให้พร ให้ศีลให้พรแล้วก็อย่าเป็นอย่างสองเฒ่านะ สองเฒ่าไม่เคยเข้าวัดเข้าวา เขาชวนไปเข้าวัด ตั้งแต่เกิดมาไม่เคยเข้าวัดเข้าวาฟังธรรมจำศีลอะไรก็ไม่เคย ทีนี้พวกเพื่อนฝูงเขาก็สงสาร เขาเลยชักชวนให้เข้าวัดเข้าวา ไปจำศีลบ้าง ว่างั้นนะ ไม่งั้นจะตายทิ้งเปล่าๆ เชื่อเขาก็เลยไป พอไปถึงวัดแล้วก็รับศีลรับพรมา พอมาถึงบ้าน ไปเถอะเฒ่า สองเฒ่าตากับยาย ไปเถอะเฒ่าวันนี้เราไปรับศีลมาแล้วนี้ ไปหากินจะรวยมากนะ ฟังซิไปรับศีลมาแล้วไปหากิน ไปฆ่าสัตว์ตัดชีวิตแหละรวยมาก ว่างั้น พอไปก็เข้าไปป่าละเมาะ ก็ไปเจออีเห็นแผงตัวใหญ่ พาหมาไปด้วย หมาก็ไล่กัด อีเห็นตัวนั้นเลยตายสู้หมาหลายตัวไม่ได้
พอได้อีเห็นแล้วก็ว่า โอ๊ย บุญเรานะเฒ่า ก่อนที่เราจะมาเราก็ไปรับศีลรับพรเสียก่อน มานี้มันรวยต่อหน้าต่อตา วันหลังเราไปอีกนะเฒ่าไปวัด จะได้ตัวใหญ่กว่านี้ ตัวสั่นนะได้(อี)เห็นแผงตัวหนึ่ง ตัวเท่าหมานี่ อ้วนกว่าหมาด้วย พอได้แล้วสองเฒ่าก็หามอีเห็นออกมา ธรรมดาเห็นแผงเขาไม่กิน เขากินแต่อีเห็นทั่วๆ ไป แต่ผู้เฒ่าไม่รู้จักว่าเป็นเห็นเป็นอะไร รู้แต่ว่าอาหารเกิดจากวาสนาที่ไปรับศีลมาแล้ว หามออกมาสองเฒ่า มีคนหนึ่งเขามาทัก อ้าว จะหามไปอะไรนี่ ไม่รู้จักของกินหรือ ของกินอะไรนี่ ใครเขากินอีเห็นที่ไหน เห็นอะไร เห็นแผงนั่นแหละเขาไม่กินกัน เขากินแต่อีเห็นธรรมดา ตกลงก็เลยเอาอีเห็นวางไว้นั้น วันหลังเลยไม่เข้าวัดอีก ขาดทุน เข้าใจไหม นี่ละพากันรับศีลรับธรรมแล้วพากันไปหากินอย่างนี้นะ พวกนี้น่ะ เอาละพอจะให้พร
รับฟังรับชมพระธรรมเทศนาของหลวงตา ได้ที่
www.Luangta.com หรือ www.Luangta.or.th
และรับฟังจากสถานีวิทยุสวนแสงธรรม กรุงเทพฯ และสถานีวิทยุอุดร
FM 103.25 MHz |