ฝืนไปตามธรรม
วันที่ 14 กรกฎาคม. 2548 เวลา 8:00 น.
สถานที่ : ศาลา สวนแสงธรรม กรุงเทพฯ
| |
ดาวน์โหลดเพื่อเก็บไว้ในเครื่อง
ให้คลิกขวาแล้วเลือก Save target as .. จาก link ต่อไปนี้ :
ข้อมูลเสียงแบบ(Win)   ข้อมูลเสียงแบบ(MP3)

ค้นหา :

เทศน์อบรมฆราวาส ณ สวนแสงธรรม กรุงเทพฯ

เมื่อเช้าวันที่ ๑๔ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๔๘

ฝืนไปตามธรรม

 

ก่อนจังหัน

เสือเดี๋ยวนี้เขาก็มีอาหารนะ ไม่เหมือนแต่ก่อน ดูว่าเป็นใครเลี้ยงเขานะ (พวกต่างประเทศมาช่วยครับ) เออ ดูว่างั้นละ มีต่างประเทศมาช่วยก็เลยเบาไป แต่ก่อนก็เป็นภาระเหมือนกันนะเรา เดี๋ยวนี้เขาก็สบาย โห เขาตบเรานี้มองไม่เห็นนะ เขาอยู่ข้างใน เราเดินไปข้างนอก มันมีเหล็กกั้นเอาไว้เป็นช่องๆ เราก็เดินไปธรรมดาตามประสาของเรานั่นแหละไม่ได้ระเวียงระวัง ปุ๊บเข้าข้างหลังนี่ อ้าว มองไป ที่ไหนได้เขาตบเรา เขาเดินเฉย โฮ้ มึงเอากูละนะ เออ เอาละยอมรับกูเซ่อ ว่างั้น ตบแล้วไปเฉยนะ เขาไม่เอาเล็บออกเขาตบเรา มันสอดออกมาจากช่องเหล็ก มันเร็วอยู่นะปั๊บตบเรา เราไม่นึกว่าเป็นเสือ พอมองไปเขากำลังดุ่มๆ ไปโน้น เขาตบแล้วเขาไปแล้วเรายังเซ่ออยู่

เวลานี้จะไม่มีละเสือ ในป่าในดงนี้จะไม่มีละเสือ ก็มีที่ป่าสงวน ที่ไหนเป็นป่าสงวนเนื้อมีเสือก็มี เขาอาศัยกินนั่น แต่ก็ไม่ค่อยปรากฏว่าเสือกินคนนะ ที่อนุรักษ์ป่าเช่นเขาใหญ่ หรือที่ไหนก็ตามก็ไม่ปรากฏว่าเสือกินคน ก็แสดงว่าเขาไม่ถือคนเป็นอาหาร แม้คนจะไม่รังแกหรือจะไม่ทำลายเขา เช่นป่าสงวนเป็นป่าที่ให้อภัยสัตว์ พวกสัตว์เสืออะไรก็ต้องได้รับอภัยหมด เสือก็น่าจะถือช่องถือโอกาสทำกลับไม่ทำนะ แสดงว่าเขาถือว่าคนนี้เป็นสัตว์ที่เขากลัวตลอดมา ไม่ทำลายเขา เขาก็ไม่ทำ เขาก็ระวังของเขา เขาไม่กินคน ก็มีอยู่ที่เขาใหญ่นี่ได้กินสองคน

เสือถ้าได้กินคนแล้วติดใจนะ เนื้อคนกับเนื้อสัตว์ต่างกัน พอได้กินสองคนเขาก็ฆ่าเลย อย่างนั้นแหละ นอกนั้นไม่เห็นปรากฏ เรื่องเสือกับคนเจอกันนี้เจอกันอยู่เรื่อยๆ แหละในที่อนุรักษ์ป่านั่น แต่เขาไม่ทำลายคน

เมื่อวานนี้ไปกลางวันรถติด เราก็ไม่เคยเห็นที่รถติดขนาดนั้น ติดจนไม่ขยับเขยื้อนเลย เป็นแผ่นเลยรถ กลางกรุงเทพ พอจะเริ่มเข้าไปสะพานพระจอมเกล้า เริ่มติดตั้งแต่นั้นไป ติดตลอดเลยจนกระทั่งไปขึ้นทางด่วนค่อยจางไป ฝนตกด้วย รถก็ไปช้าๆ และติดด้วย ที่นี่ให้พร

หลังจังหัน

         (ทองคำที่องค์การโทรศัพท์ ๒ บาท ๙๔ สตางค์ ดอลลาร์ ๑๓๓ เหรียญ เงินสด ๓๘๑,๐๕๐ บาท(ดูว่ามีเช็คอีกสองแสน รวมเป็นห้าแสนนะ) และบริษัทขายยายูเมด้าเงินเหรียญ ๑,๒๕๐ เหรียญ เงินบาท ๕๖,๒๖๐ บาท ทองคำ ๒๔ บาท ๕๒ สตางค์ครับ) เออ พอใจ เก็บนั้นเก็บนี้เข้าชาติของเรา ส่วนทองคำอะไรนี่เข้าคลังหลวง นอกนั้นกระจายออกทั่วประเทศไทย ทุกภาคๆ ถึงกันหมด ตรงไหนจำเป็นๆ ขอมาๆ ด้วยเหตุผลสมควรจะสงเคราะห์มากน้อย สงเคราะห์ตามเหตุผลนะ ไม่ใช่ขอมาเท่าไรให้ไปเลยโดยไม่ถามเหตุถามผล เราไม่เคยทำอย่างนั้น ต้องพิจารณาเหตุผลเรียบร้อย หนักเบาเท่าไรเอาเหตุผลตั้งลงเลย ควรมากควรน้อย

         เช่นอย่างที่ว่าเวียงจันทน์ นี่ก็สั่งแล้ว เรียบร้อยแล้ว สามล้านสี่แสน มันควรจะให้อย่างนั้นก็ต้องให้ เพราะเวียงจันทน์เป็นเมืองหลวงของประเทศลาว และโรงพยาบาลขาดแคลนมาก นี่เรายังให้เงื่อนต่อไปอีกว่าตอนเราไปถึงอุดรแล้วเขาจะมาหาที่นั่น มาถามรายละเอียดถึงเรื่องเครื่องมือแพทย์ สมควรจะสงเคราะห์มากน้อยเพียงไรเราก็จะสงเคราะห์ต่อไปอีก นอกจากสองเครื่อง คือ เครื่องผ่าตัดตา เครื่องวัดความดันตา เครื่องผ่าตัดทีแรกเขาจะเอาสามล้านสองแสน เขาลดถึงสองแสนเลย ก็ยังเหลืออยู่สามล้าน เครื่องวัดตานี่สี่แสน ตกลงก็ให้สามล้านสี่แสนไปก่อน

         นี่ยังไม่แล้วนะ เวลาเขามาแล้วมีความจำเป็นเราจะสงเคราะห์อีก เพราะเป็นเมืองหลวงของประเทศลาว ความจำเป็นอยู่ที่นั่นๆ ไม่มีเครื่องมืออะไรเลยนี้มันเป็นไปได้ยากลำบากมากนะ เราจึงต้องติดต่อ เปิดทางไว้แล้ว ทางนู้นหมอเขาจะมาแจงรายละเอียด เราจะสงเคราะห์ตามความจำเป็นๆ อย่างนี้แหละ ที่ไหนก็ สพฺเพ สตฺตา อันว่าสัตว์ทั้งหลายหวังพึ่งกันทั้งนั้นทั่วโลก เมื่อใครที่ควรจะได้ให้พึ่งกันได้ก็หมุนช่วยกันไป ช่วยกันไป

         เฉพาะตาระยะนี้มันก็สิบล้านหกแสน ส่วนอุดรนี่เราก็ให้มากแล้ว เขาก็ขอมากแล้ว คราวนี้เรียกว่าเป็นคราวที่มากที่สุดในปัจจุบัน ให้ไปมาก สำหรับโรงพยาบาลตาอุดรนี่ โถ ไม่ใช่น้อยๆ นะ มันจะเข้า ๒๐ ล้านละมังตา โดยเฉพาะตา ตั้งแต่ ๒๕๓๐ มา ที่เราไปผ่าตาโรงพยาบาลรัตนิน ๒๕๓๐ นั่นแหละ เป็น ๑๘ ปีนะ เริ่มเข้า ๑๘ ปี เรียกว่า ๑๗ ปีเต็มช่วยตามา นี่ทุ่มเรื่อยนะตา ราคาแพง ส่วนเครื่องมืออย่างอื่นที่จำเป็นๆ ในโรงพยาบาลศูนย์อุดรเราให้ทั้งนั้นนะ มีแต่เครื่องมือสำคัญๆ ให้หมดเลย อย่างเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ อุลตราซาวด์ สองเครื่องใหญ่ เครื่องละสามล้านให้ เครื่องผ่าตัดสมอง เครื่องผ่าตัดอะไรภายในที่สำคัญๆ เราให้ทั้งนั้น เพราะเป็นโรงพยาบาลศูนย์ มันรวมที่นั่นคนไข้

         วันนี้ไม่ได้เทศน์ให้พี่น้องทั้งหลายฟังละ พากันจดจำเอาที่เทศน์ไว้ทุกแง่ทุกมุม เราเทศน์ทุกวันๆ เทศน์ที่นี่แล้วก็ไปเทศน์ในต่างๆ ไม่หยุดไม่ถอย เอาธรรมะชโลมจิตใจ พี่น้องชาวพุทธเราจะได้มีความสงบร่มเย็นภายในใจ ถ้าไม่มีธรรมใครอย่าเก่งนะ ใครอย่าอวดเก่งไม่มีธรรม จะเอากิเลสซึ่งเป็นตัวฟืนตัวไฟมาอวดธรรม อวดเท่าไรยิ่งส่งเปลวจรดเมฆนะ เปลวไฟของกิเลสเผาหัวใจสัตว์โลกที่วิ่งตามมัน ถ้าใครคว้าธรรมมาเป็นน้ำดับไฟ ผู้นั้นจะมีความสงบเย็นใจ เห็นได้ชัดมากไม่ได้เห็นที่ไหน ที่เห็นชัดมากตามที่พระพุทธเจ้าทรงสั่งสอนว่าจิตตภาวนา นี้สำคัญมากทีเดียว เห็นหมด อยู่ในนั้นหมดเลย

จิตตภาวนาได้แก่การอบรมจิต ส่องสติ-ปัญญาเข้าไปในจิต จิตนี่เป็นมหาเหตุ มหาเหตุใหญ่โตที่สุด เป็นพื้นฐานสำคัญของสัตว์โลกก็คือกิเลส ธรรมก็อยู่ด้วยกันแต่ธรรมออกไม่ได้ กิเลสอยู่ข้างบนมันเหยียบไว้ๆ มันออกๆๆ แล้วโกยแต่ความทุกข์ความทรมานมาให้สัตว์โลก นี่ภาวนามันเห็นกันชัดขนาดนั้นนะ ไม่เห็นชัดขนาดนั้นจะฆ่ามันได้ยังไง นี่ละการภาวนาจึงละเอียดมากสุดยอดเลย ศาสดาองค์เอกก็เอกขึ้นมาจากการภาวนา พระสงฆ์สาวกอรหันต์ สงฺฆํ สรณํ คจฺฉามิ ของพวกเรา ขึ้นจากการภาวนาทั้งนั้นๆ ละเอียดลออสุดยอด

         มหาเหตุอยู่ที่จิต เหตุใหญ่โตก็คือกิเลส อีกอันหนึ่งก็คือธรรมอยู่ด้วยกัน เวลาแก้กันลงด้วยจิตตภาวนา มหาเหตุนี้ถูกความเพียรพังลงๆ จิตใจค่อยเบาบางลงๆ ค่อยมองเห็นเหตุเห็นผล ค่อยเชื่อบุญเชื่อบาป ทั้งๆ ที่บาปบุญมีอยู่ตั้งกัปตั้งกัลป์ แต่จิตไม่ยอมเชื่อ เชื่อตั้งแต่สิ่งกิเลสหลอกลวง ให้ได้รับความฉิบหายล่มจมกับมันไป ทีนี้พอธรรมสอดเข้าไปก็บอกว่าอันนั้นเป็นนั้น อันนี้เป็นนี้ มันก็รู้อะไรเป็นคุณอะไรเป็นโทษ แต่ก่อนเรานอนอยู่กับงูจงอาง งูสามเหลี่ยม งูเห่า งูเห่า สามเหลี่ยม-จงอางรอบตัวเรา เราอยู่ตรงกลาง เราก็เพลินบ้าอยู่ในท่ามกลางของมหาพิษมหาภัยนั่นละ งูสามเหลี่ยม จงอาง งูเห่า

         นี่ตัวเป็นพิษใหญ่โตที่สุด เรานอนเพลินอยู่ท่ามกลาง ทีนี้พอธรรมส่องเข้าไปเท่านั้นจิตใจมันมองเห็น เริ่มรู้ๆ รู้ว่าเป็นพิษเป็นภัย จากนั้นก็รู้เต็มตัว เห่าเต็มตัว จงอางเต็มตัว สามเหลี่ยมเต็มตัว แล้วดีดเลยที่นี่ นั่นละภาวนา พอได้เห็นแล้วมันอยู่ได้ยังไง มันเป็นพิษเป็นภัย เรื่องกิเลสทั้งหลายมันเป็นเหมือนงูเห่างูจงอางนั่นละ พระพุทธเจ้าจึงท้อพระทัย คือสัตว์โลกไม่ยอมเชื่อ เชื่อเห่าจงอางมากกว่าธรรม พระองค์จึงท้อพระทัย ถึงขนาดนั้นก็ลากขึ้นมาจากปากงูเห่างูจงอางไปได้มากมาย

         พระพุทธเจ้าตรัสรู้แต่ละพระองค์ไม่ใช่น้อยๆ นะ เฉพาะมนุษย์เรานี้มากต่อมากพวกเทวบุตรเทวดายิ่งมากกว่ามนุษย์เราอีก พระพุทธเจ้ามาตรัสรู้แต่ละพระองค์ๆ รื้อขนสัตว์โลกให้พ้นจากทุกข์ไปมากมายก่ายกอง นี่เราก็อยู่ในท่ามกลางพุทธศาสนา ให้นำศาสนามาประคองจิตใจ ให้ทนเอานะ ศาสนาห้ามแต่กิเลสอยากทำ ศาสนาห้ามไม่ให้ทำ รั้งเอาไว้ๆ กิเลสมันบืนนะ ลากเราบืนต่อหน้าต่อตาธรรมนั่นละ เราก็ฝืนมันไปตามธรรม ต่อไปก็ไปตามธรรมเรื่อยๆ ต่อไปเห็นกิเลสปัดก่อนเลย สมมุติว่าธรรมยังไม่มาเกี่ยวข้องเราปัดก่อนแล้ว มันเห็นโทษก่อน แต่ก่อนธรรมมาลากมันยังไม่ยอมไป นี่ละการฝึกฝนจิตใจ จิตใจมีความมืดมัวเพราะกิเลสปิดบัง สว่างออกเพราะธรรมชะล้าง

ธรรมอยู่ในใจนี้นะ จึงเรียกว่ามหาเหตุ ใจนี้รับไว้ทั้งกิเลสทั้งธรรม กิเลสตัวเป็นพิษเป็นภัย ธรรมตัวเป็นคุณมหาคุณอยู่นั่น เวลาเราชำระสะสางเข้าไปด้วยการสร้างความดีทั้งหลาย นับแต่การให้ทานรักษาศีล ทานไม่ว่าประเภทใด เรียกว่าทานทั้งนั้น เป็นทานบารมี เครื่องชะล้างเครื่องฉุดลากเราได้ด้วยกันทั้งนั้น รักษาศีลก็เหมือนกัน จากนั้นก็เข้าสู่ภาวนาอันเป็นแหล่งใหญ่ หรือทำนบใหญ่ สำหรับรวมบุญทั้งหลายที่เราสร้างมามากน้อย กี่กัปกี่กัลป์ไม่สูญหายไปไหน เพราะจิตไม่เคยตาย บุญกุศลจะติดแนบอยู่กับจิตไปภพใดชาติใดไม่ต้องหาใครมาช่วย ถ้ามีบุญกุศลแล้วบุญกุศลช่วยเต็มเม็ดเต็มหน่วย นี่ละหนุนไป ๆ ท่านจึงให้สร้างบุญสร้างกุศลเพื่อหนุนจิตใจเรา

เวลาจนตรอกจนมุมต้องหาที่ยึดที่เกาะคนเรา เวลาหิวข้าวแม้แต่ใบไม้แห้งมันยังนึกว่าเป็นผัก เห็นไหมล่ะ ใบไม้แห้ง ฟังซิใบไม้แห้งมันยังนึกว่าเป็นผักเพราะมันหิวมาก อันนี้จิตใจเวลามันทุกข์ทรมานมาก คว้าอะไรมันก็นึกว่าเป็นผักอย่างว่า นึกว่าเป็นที่ยึดที่เกาะ เกาะไปอีกพังอีก มันมีแต่พิษแต่ภัยที่ตนสร้างไว้เต็มตัวแต่ก่อน ด้วยความเพลิดเพลินไม่รู้เนื้อรู้ตัว เห็นสิ่งที่เป็นภัยเป็นคุณเสียทั้งหมด แต่เวลามันมาให้ผลก็เป็นอย่างนั้น คว้าอะไรมีแต่ฟืนแต่ไฟหมด เราจะไปตำหนิใคร ก็ตัวเองสร้างเอาไว้ๆ มีแต่ความผิดหวังพาให้พังๆ ถ้าความดีแล้วสร้างเอาไว้ เกาะปั๊บติดปุ๊บเลย เวลาจำเป็นๆ เกาะปั๊บติดปุ๊บๆ คนมีบุญไม่จนตรอก ยังไงก็ไม่จนตรอก หากมี บุญของตัวเองนั่นแหละเข้ามาสอดปั๊บแล้วลากออกจากภัย ให้พ้นภัยไปได้เลย

         บุญจึงเป็นของสำคัญมาก และไม่ได้อยู่ในความคาดคิดด้นเดาของใครนะ เราจะไปคาดคิดบุญบาป หรือคาดคิดว่าธรรม ธรรมนี่รวมทั้งบุญทั้งบาปอยู่ในนั้น เราคาดไม่ได้นะ หากเป็นธรรมชาตินั้นพอเหมาะพอดีกับผู้ทำ ผลที่ออกมาก็เป็นธรรม เป็นความสม่ำเสมอ ใครทำมากทำน้อยผลจะเป็นขึ้นมาตามนั้นๆ การสร้างบุญเป็นอย่างนี้ ให้อุตส่าห์พยายามนะ อย่าปล่อยตัวไปกับกิเลสนักนะจะมีแต่ความผิดหวังๆ ถ้าพยายามฝืนมันเพื่อทำความดีงาม และไม่ทำความชั่วหนึ่ง ทำความดีงามหนึ่ง เราจะมีหลักยึดเป็นลำดับลำดาไป วันนี้เทศน์เพียงเท่านี้ละ ต่อไปนี้จะให้พร

         วันที่ ๑๔ กรกฎาคม ทองคำเมื่อเช้านี้ได้ ๒๓ บาท ๖๓ สตางค์ ได้เยอะอยู่นะวันนี้ ต่อไปนี้จะให้พร

 

รับฟังรับชมพระธรรมเทศนาของหลวงตา ได้ที่

www.Luangta.com หรือ www.Luangta.or.th

และรับฟังจากสถานีวิทยุสวนแสงธรรม กรุงเทพฯ และสถานีวิทยุอุดร

FM 103.25 MHz

 


** ท่านผู้เข้าชมทุกท่านโปรดทราบ
    เนื่องจากกัณฑ์เทศน์บางกัณฑ์มีความยาวค่อนข้างมาก ซึ่งจะส่งผลต่อความเร็วในการเปิดเว็บไซต์ ขอแนะนำให้ทุกท่านได้อ่านเนื้อหากัณฑ์เทศน์บางส่วนจากเว็บไซต์ และให้ทำการดาวน์โหลดไฟล์กัณฑ์เทศน์ที่มีนามสกุล .pdf ไปเก็บไว้ในเครื่องของท่านแทนการอ่านเนื้อหาทั้งหมดจากเว็บไซต์

<< BACK

หน้าแรก