(รพ.ภักดีชุมพล อ.ภักดีชุมพล จ.ชัยภูมิ มาขอเมตตารถพยาบาล ๑ คัน) มีรถกี่คันที่นั่น (คันเดียวครับ) เป็นอันว่าตกลงให้นะ อย่างนั้นซิต้องมีเหตุมีผลทุกอย่าง ทั้ง ๆ ที่มีความเมตตาที่จะให้ ๆ ตลอดเวลา แต่แง่ไหนหนักแง่ไหนเบาได้ผลประโยชน์มากน้อย พอเหมาะพอสมกับเหตุการณ์นั้น ๆ หรือไม่ประการใด ต้องคิดเสียก่อน ไม่ใช่ให้สุ่มสี่สุ่มห้า แล้วตัดสุ่มสี่สุ่มห้า เราทำไม่ได้อย่างนั้น ต้องถามเสียก่อน เท่าที่ให้ก็เพราะเห็นว่าเป็นความจำเป็นมากในแถวนั้นที่เราผ่านมา แล้วทางนี้ก็ไม่เคยได้อาศัยวัดนี้เลยจึงให้ ทั้งที่เราก็กำลังจนเต็มเหนี่ยว เวลานี้รถแอมบูแลนซ์นี้บุกเข้ามามากต่อมากนะ ต้องตัดจะว่าไง ที่ตัดไว้คือเห็นว่าถ้าพอถูไถได้ให้ถูไถไปก่อน อันไหนที่จำเป็นจริง ๆ มอบให้ทางนี้ไปก่อน
นี่สะดุดใจอยู่แล้วโรงพยาบาลศูนย์ของเราแท้ ๆ เมืองอุดร ทำไมให้เราสะดุดใจ มาขอวันนั้นก็เห็นกันไม่ใช่หรือมาขอรถแอมบูแลนซ์ จะแสดงความจำเป็นพิเศษไปยังไง ๆ พอจะให้เราพิจารณาพิเศษไปก็ไม่ได้พูด ก็มาขอรถพยาบาลซึ่งเคยให้อยู่แล้วเราก็ให้ ให้เลยวันนั้นนะ ครั้นเวลาจะเอาจริง ๆ คนของเราก็ไปติดต่อเกี่ยวกับเรื่องรถ เขาบอกเขาไม่ได้เอารถพยาบาลนี้ เขาจะเอารถอย่างนั้นเป็นรถพิเศษ เราบอกเงินเราไม่พอ นั่นเห็นไหม ตัดทีเดียวขาดสะบั้นไปเลย อย่ามาเล่นแง่กับเรานะ ตอนพูดเรื่องนั้น จะพูดแง่หนักเบามากน้อยก็ควรจะพูดให้รู้เรื่องรู้ราวใช่ไหม พูดกลาง ๆ เราก็ให้ไปกลาง ๆ บทเวลาจะเอาให้จริง ๆ ไปสั่งรถมาให้ บอกว่ารถนี้ไม่เอาเขาจะเอารถนั้น เราบอกว่าเงินเราไม่พอ ตัดทันที ไม่ให้ด้วยนะนั่น
อย่างนั้นนิสัยของคน มาเล่นเล่ห์เหลี่ยมกับเราไม่ได้นะ อย่ามาเล่นหนา นี่กลับไปแล้ว ถ้าไม่มาชี้แจงเหตุผลจำเป็นจริง ๆ ที่เราพอจะเชื่อถือได้แล้วเราไม่ให้ว่างั้นเลย ก็อาศัยกันมาสักเท่าไร ๆ แล้ว เราก็เปิดให้ตลอดเวลา ไม่ควรจะมาเล่นแง่อย่างนี้กับเรา เท่าไรโรงพยาบาลนี้น่ะ อย่างน้อย ๖๐ ล้าน อย่างน้อยนะ เอ็กซเรย์ก็คอมพิวเตอร์ของง่ายเมื่อไร อุลตราซาวนด์ก็เครื่องใหญ่ ๒ เครื่อง อุลตราซาวนด์สี อุลตราซาวนด์ธรรมดา แล้วเครื่องมือผ่าตัดที่จำเป็น ๆ เช่น ผ่าตัดสมอง ให้ ๆ เพราะเป็นจุดศูนย์กลาง ส่วนตานี้เรียกว่าให้ร้อยเปอร์เซ็นต์เลยตลอดไปจนกระทั่งเราตาย อันนี้จะเอาแง่ไหนเงื่อนไหนได้สำหรับตา
เพราะเราเปิดโล่งหมดแล้วร้อยเปอร์เซ็นต์ ให้ ๆ ถ้ามีความจำเป็นเกี่ยวกับเรื่องเครื่องมือตาแล้วไม่ต้องมาขออนุญาตจากเรา ให้สั่งเลย นู่นฟังซิ คือสั่งไปเลยแล้วตกมาราคาเท่าไร เราจ่ายเลย ๆ อย่างนี้เปิดโล่ง เอาประเภทไหนได้ อย่างที่ว่ารถ อยู่ ๆ ฟาดอย่างนั้นเลยเราไม่ให้ แน่ะ มันต้องมีแง่หนักแง่เบาซิการพูดกัน เราช่วยโรงพยาบาลมานี้เท่าไร ร้อยกว่าโรงไปเลย ขนาดนั้นละ วันนี้ก็ยังจะไปอีกกำลังพิจารณา โรงพยาบาลโรงนี้เราก็ยังไม่เคยเข้า ทางโน้นขอมาเราก็ให้แต่สิ่งของไป เครื่องไม้เครื่องมือให้ไป
เมื่อวานนี้ไปที่ไหน ไปโรงพยาบาลนะเมื่อวานนี้ก็ดี อย่างนั้นละไปมาแล้วลืม ไปอย่างเมื่อวานนี้มาวันนี้ลืมแล้ว มันตัด ๆ อย่างนี้ ตั้งแต่ในโลกของเราก็เห็นอยู่นี้ ไปเมื่อวานนี้ธรรมดามันจะลืมอะไร วันนี้ลืมแล้วไม่ทราบไปที่ไหน ไอ้ความเกิดตายของเรามันก็หายไปแบบเดียวกัน ไม่รู้ ๆ กิเลสปิด ๆ ไปเรื่อย ๆ มันไม่รู้ความเป็นมาของตัวเอง อันนี้เราก็ไปเมื่อวานหรือไปไหน อ๋อ ไปภูหลวงเมื่อวานนี้ ภูหลวงนี้จากวังสะพุงไปจังหวัดเลย ๒๓ กิโล ภูหลวง ๒๖ กิโลเข้าไปลึก ๆ อันนี้เราติดตามอยู่เสมอเพราะอยู่ลึกมากลำบาก ให้เครื่องไม้เครื่องมือทุกอย่างจนกระทั่งที่ แต่ที่มันก็จำเป็นเสียคือเจ้าของเขาไม่ขาย สำหรับโรงพยาบาลนั้นก็รู้สึกว่าจะค่อนข้างคับแคบไปหน่อย เราก็ถามเขา เขาบอกมีที่ติดกัน เอ้า ถ้าเขาขายไปติดต่อเขานะ พอดีเขาไม่ขายก็เลยตัดอยู่อย่างนั้น ออกไม่ได้ ถ้าเขาขายเราให้เลย ภูหลวงรู้สึกคับแคบหน่อยนะ ที่ไหนรู้สึกคับแคบพอขยายได้ เราซื้อให้ขยายให้ ๆ ทั่ว ๆ ไปนะ ที่ทำเลสำคัญ
แล้วมีอะไรอีกที่จำเป็นในโรงพยาบาลนั้น จำเป็นนะ ต้องกำหนดคำพูดให้ดีนะ นี้พูดไม่เหมือนใคร พูดคำไหนจะจับปั๊บ ๆ เรื่องเหตุผลต้นปลายทุกอย่างจะไปพร้อม ๆ กันเลย เพราะฉะนั้นจะมารุ่มร่ามกับเราไม่ได้ อะไรที่จำเป็นในโรงพยาบาลแต่ยังไม่มี หรือมีแต่ใช้ไม่ได้ มีเครื่องมืออะไรบ้าง (เครื่องมือผ่าตัด เครื่องช่วยหายใจ ครับ) เอ้า จดเสียเพราะโรงพยาบาลนี้ยังไม่เคยให้
ที่ทำอย่างนี้ขอให้พี่น้องทั้งหลายทราบนะ เราทำด้วยน้ำใจของเรา เราไม่ได้คำนึงถึงเงินว่ามีมากน้อย ปรกติมันก็ไม่มีเงินมาก มีนิด ๆ เวลาจะเอาจริง ๆ เงินมีไม่มีใส่ตูมเลยแล้วหาทีหลัง ติดหนี้ติดเลย หลวงตาองค์นี้เป็นอย่างนั้น ถ้าลงได้ขึ้นแล้วยังไงก็ไม่ถอย โบกมือใส่เลย อ้าว จริง ๆ เราเด็ดขนาดนั้น เพราะฉะนั้นจึงกล้าพูดทุกอย่าง คอขาด-ขาดไปเลยถ้าลงได้ขึ้นเวที มา ว่างั้นเลย แชมเปี้ยนหรือ ปู่มีไหม ถ้าปู่มีมาอีกเราฟัดเลย อย่างนี้ละที่ว่าเราช่วยประเทศไทยคราวนี้ บอกชี้นิ้วเลย เอา ว่างั้นเลย ถ้าหลวงตาองค์นี้ยังไม่ตายใครอย่าเข้ามายุ่ง สมมุติว่าตายหมดแล้วเมืองไทย ยังมีคนหนึ่งอยู่เก้าอี้ อย่าเข้ามาบอกเลย เราจะเป็นคนสุดท้ายพูดง่าย ๆ นะ เราตายแล้วเอาไปไหนก็ไป ถ้ายังไม่ตายอย่าเข้ามา เดี๋ยวหมดทั้งโคตรฉิบหายหมดนะ พังทันทีเลย นั่นเห็นไหมเด็ดขนาดนั้นนะ
นี่ละเราแก้กิเลสเราก็แก้แบบนี้เหมือนกัน เอาจนขาดสะบั้นเลย ๆ นี่คุณค่าแห่งความเด็ดเดี่ยวในทางที่ดี ฟาดกิเลสขาดสะบั้นลงไป แล้วนำประโยชน์มาสอนพี่น้องทั้งหลาย ออกมาจากนี้นะ ออกมาจากความเด็ดความเดี่ยว เฉียบขาดทุกอย่าง ขึ้นชื่อว่ากับข้าศึกไม่ถอยกันเลย ซัดกันเลย นี้ก็เป็นข้าศึกของชาติบ้านเมืองเราจะถอยได้ยังไง ความหมายว่างั้น มันก็ทุ่มใส่เลยก็แบบเดียวกัน จึงเรียกว่า แกงหม้อเล็ก แกงหม้อใหญ่ยกหนักมาก แกงหม้อใหญ่มันอืดอาด ลากไปมันถอยหลังคืนมาๆ ถ้ามันมีหางจับหางกระตุกเอาเลยให้หลงทิศ มันเป็นอย่างนั้นนะมันอืดอาด ๆ เหมือนหัวเต่าว่างี้นะเรา มันหดอยู่ในกระดองเหมือนหัวเต่า เปิดทางให้แล้วมันไม่ยอมไป ยังอืดอาด ๆ ก็ตีเอา ๆ ล่ะซี คนนี้มันเอาจริงเอาจังทุกอย่าง อ่อนแอเมื่อไร มาอืดอาดไม่ได้นะ
ชาติไทยของเราไม่ใช่ชาติอืดอาดเนือยนาย เป็นชาติที่มีคุณค่ามีราคามาดั้งเดิม ตั้งแต่ปู่ย่าตายายของเรา รักษามรดกมาด้วยความเข้มงวดกวดขัน มาอืดอาดไม่ได้นะ นั่นเห็นไหมล่ะ เวลาจะเอา เวลานี้เป็นเวลาที่จะจริงจังต่อชาติบ้านเมืองของเรา เราเป็นเจ้าของสมบัติ นั่นเห็นไหมล่ะ เอ้า ที่นี่ว่ากันไป พูดแล้วถอยมานี้อีก (มีเครื่องช่วยหายใจ ๑ เครื่อง เครื่องมือผ่าตัด ) เอา มอบให้หมอ หมอเขาจะสั่งเลย ๓ กับรถนะ เอาให้แล้ว โรงพยาบาลนี้ยังไม่ได้ให้ ให้ไปเสีย
เวลานี้กำลังสั่ง พอตกมาต้องไปเปิดประตูไว้ ไม่งั้นหาทางออกไม่ได้ กำลังสั่งยังไม่มา ดูเหมือน ๕ หรือ ๖ โรงเครื่องมือแพทย์ที่สั่งเวลานี้ ๑)บ้านแท่น ๒)คอนสวรรค์ ๓)ท่าอุเทน ๔)ห้วยผึ้ง ๕)สังคม ที่ไหนอีกนะ (ที่หมออยู่ดอนตาล ย้ายไปฉะเชิงเทรา) เออ ๖)พนมสารคาม อันนั้นพวกเครื่องจ่ายออกซิเจน เขาบอกว่าล้านสอง เราได้กำชับกันไว้ เขาอยู่ดอนตาลเราช่วยเขาเต็มเหนี่ยว ทีนี้เขาถูกย้ายไปทางโน้นเขาก็มาขออีก อาจารย์คนเดียวกัน ลูกศิษย์คนเดียวกันนั่นแหละมาขออีก มาขออะไรอีกเราก็ว่างั้น ขอนั้น ๆ แล้วราคาเท่าไร ตกลงกันว่าล้านสอง ถ้าเศษเกินล้านสองไปบาทหนึ่งสองบาทก็ตาม แต่ละบาท ๆ เราจะคิดดอกเป็นหมื่น ๆ นะ เขาว่าไม่ให้เกินเขากลัวดอก แล้ว ๗) ภักดีชุมพล
อย่างนี้ละเราช่วย ช่วยจริง ๆ (อุดรโรงพยาบาลศูนย์ก็ให้รถคันหนึ่ง) ไม่ให้ยังบอกแล้วนี่ ก็มาเล่นเล่ห์กับเรา ขอธรรมดาก็บอกว่ารถพยาบาล เราก็ให้ตามธรรมดา ครั้นเวลาจะสั่งให้จริง ๆ เขาว่าจะไม่เอารถอย่างนี้ เขาจะเอารถอย่างนั้น เราบอกว่ารถอย่างนั้นเงินเราไม่พอ นั่นเห็นไหมตัดปุ๊บเลย มาเล่นกับเราไม่ได้นะ เล่นเล่ห์ไม่ได้ ถ้าไม่มีเล่ห์ถึงไหนถึงกันเป็นตายกันทันทีเลยไม่มีอะไร ถ้ามีเล่ห์แล้วมีเหลี่ยมทันทีเรา ปั๊บทันทีเลย ก็อย่างนี้แล้ว จะเอาอย่างนั้น เงินเราไม่พอ ไม่พอจะเอาอะไรมาซื้อ ก็คือไม่ให้นั่นเอง
วันนี้นายกเราก็จะกลับนะ ไปเมื่อวานซืน อยู่เมืองจีนเมื่อวานนี้ เราพอใจไปเมืองจีน เมืองจีนเป็นพี่เบิ้มของเมืองไทยเรา คือเมืองจีนเป็นพี่ชายใหญ่ ทำการซื้อการขายมาตั้งแต่ไหนแต่ไรมาเรื่อย เวลานี้เมืองจีนขยับขยาย เมืองไทยเราพอตั้งตัวได้บ้างในการค้าขาย นี้ก็ไปติดต่อกัน เข้ากันได้ง่ายเราว่างั้นเลยนะ เพราะเมืองไทยไม่มีการทะนงตัวกับเมืองจีน เป็นความดีความชอบติดต่อกันมาโดยลำดับลำดา เพราะฉะนั้นเมื่อพวกน้อง ๆ ไปเยี่ยมพี่ชายใหญ่คือเมืองจีนแล้วเราก็พอใจ นี่เป็นครั้งที่สองที่ไปนะ
(กระผมอยากเรียนถามว่า ลูกศิษย์ที่มีอายุมาก ๆ การปฏิบัติพอจะสำเร็จได้มากน้อยแค่ไหนครับผม)
มันพอเป็นไปแล้วตั้งแต่ทางนี้ยังไม่เกิดยังไม่ถามปัญหา ที่พระพุทธเจ้าจะปรินิพพานนั้น สุภัททะนี้เป็นพราหมณ์พวกอริยกะ พวกนี้ถือชาติชั้นวรรณะมาก เป็นอริยกะเหมือนกันกับพระพุทธเจ้า แต่เวลาจะไปทูลถามปัญหาซึ่งเป็นข้อข้องใจนั้น เห็นว่าพระพุทธเจ้านี้แม้จะเป็นชาติอริยกะด้วยกันก็ตาม แต่เป็นรุ่นหลาน ๆ เหลน ๆ ไม่สมเกียรติที่เขาเป็นพราหมณ์แก่จึงไม่ถาม จนกระทั่งสุดท้ายไม่มีทางไปจริง ๆ แล้ว วันนี้พระพุทธเจ้าจะมาปรินิพพานที่นี่ ซึ่งแสดงที่ไหนไม่เคยมีสอง คือพระวาจาของพระพุทธเจ้า นี่ท่านก็ว่าจะเสด็จมาปรินิพพาน คือมาตายที่นี่ในคืนวันนี้ หากว่าเราไม่ถามวันนี้แล้วเราก็หมดโอกาส เลยตัดออกทิฐิมานะที่ว่าอริยกะ ตัดออกหมด เข้ามาทูลถามพระพุทธเจ้า
ทรงรับสั่งในคืนวันนั้นเดี๋ยวนั้นเลยเทียว ให้ไปปฏิบัติวันนี้ให้เป็นปัจฉิมสาวกในวันนี้ พร้อมกับวันตายของเราว่างั้น ท่านฟังเทศน์ย่อ ๆ แล้วก็ออกไปบำเพ็ญสมณธรรมสำเร็จเป็นพระอรหันต์ นั่นแก่หรือไม่แก่ ไอ้เราเพียงเท่านี้ก็ว่าแก่จะไปอวดไม่ได้นะ นอกจากเราขี้เกียจเราไม่ทำ จะหนุ่มฟ้ออยู่ไปหาเมียอีก ๕ คนใช้ไม่ได้นะ อ้าว จริง ๆ หนุ่มแบบนี้ใช้ไม่ได้ แก่แบบนี้ใช้ไม่ได้ อย่างนั้นละถ้าถามมาก็อย่างนั้น ถ้าไม่ถามก็ไม่ออก ถ้าถามปั๊บออกทันทีเลย เราจึงได้พูดว่าการนำพี่น้องชาติไทยคราวนี้ ภายในจิตใจรู้สึกบกพร่องอยู่อันหนึ่ง คือการถามปัญหาการตอบปัญหา การเทศนาว่าการไปกลาง ๆ ได้ประโยชน์ทั่วถึงกันธรรมดา ๆ ถ้าเป็นการถามปัญหา ถามมาปั๊บนี้ออกปั๊บ ๆ เป็นที่ระลึก ๆ เรื่อย สะเทือนใจเรื่อย เป็นประโยชน์มากมาย แต่นี้เสียไม่ค่อยมีใครถามปัญหา เรื่องประโยชน์ที่จะได้จากปัญหาจึงมีน้อยมาก การนำพี่น้องชาวไทยคราวนี้นะ
หนุ่มแก่ก็ช่างเถอะให้เข้าใจเอาว่า ใจของเรานี้ไม่แก่ไม่มีวัย มันมีตั้งแต่สังขารร่างกาย ใจไม่มีวัย เพราะฉะนั้นจึงบรรลุธรรมได้ตั้งแต่ ๗ ขวบขึ้นไป รู้ภาษาสมมุติดีชั่วประการต่าง ๆ ตั้งแต่บัดนั้นขึ้นจนกระทั่งถึงวาระสุดท้าย อายุสังขารจะร่วงโรย บรรลุธรรมปึ๋งจึงค่อยไป นั่นแก่ขนาดนั้นไปได้สบาย เพราะจิตใจไม่มีวัย ส่วนสังขารร่างกายมีวัย จึงไม่เป็นอุปสรรคต่อการบำเพ็ญสมณธรรมสำหรับคนแก่ ตั้งแต่เด็กอายุ ๗ ขวบขึ้นไป เป็นภาชนะรับรองมรรคผลนิพพานได้โดยสมบูรณ์ตลอดจนกระทั่งวาระสุดท้าย คือเฒ่าแก่สุดขีดแล้วตาย สำเร็จแล้วตายไป อย่างสุภัททะ
แต่ถ้าไม่สนใจอะไรแล้วนี้ไม่เป็นท่าทั้งนั้นแหละ มีแต่ป่าช้าผีดิบโลงผีดิบเต็มอยู่วัดป่าบ้านตาด คือจะไสใครเข้าไปภาวนานี้ไม่ไป มันโดดเข้าโลงผีดิบ โลงขี้เกียจขี้คร้าน โลงป่าช้าผีดิบเต็มวัดป่าบ้านตาดเวลานี้ ของดิบของดีไม่ได้ ถ้าป่าช้าผีดิบที่บรรจุความขี้เกียจขี้คร้านของคนแต่ละคน ของศพแต่ละศพนี้เต็มเอี๊ยด ๆ ทำโลงศพไม่ทัน โลงศพประเภทนี้เต็มวัดป่าบ้านตาด เราไม่ได้ไปถามไอ้ปุ๊กกี้ดู มึงมีไหมโลงศพประเภทนี้ ไอ้ปุ๊กกี้มันขยันนะ ได้พูดเสมอ หมาตัวนี้แปลกอยู่นะ มันหมอบนอนจ้องดู มันไม่นอนแบบแผ่สองสลึง มันนอนแบบมีท่า มีแปลก ๆ อยู่ไอ้กี้ ท่านั้นไม่ใช่ท่าโลงศพคนขี้เกียจเข้าใจไหม
เราสอนพี่น้องทั้งหลายเต็มเม็ดเต็มหน่วยแล้ว เรื่องการสอนเราบอกแล้วว่าเราไม่สงสัยในการสอนเลย ถอดออกมาจากนี้มาสอน นี่น่า ๆ ถ้าใครเห็นก็เอาละว่างั้นเลย เราไม่ใช่เป็นผู้รับเคราะห์นะ ผู้ฝ่าผู้ฝืนธรรมของพระพุทธเจ้านั่นเป็นผู้รับเคราะห์รับกรรม ท่านบอกให้กลัวบาป มันกล้าหาญต่อบาป นั่นเอาแล้วนะ ให้ระวังนรก ความชั่วคือทางนรก ยิ่งขยันทำชั่ว นั้นละฝืนธรรมพระพุทธเจ้า จมเลย ๆ นะ ถ้าลงเป็นคำสอนของพระพุทธเจ้าแล้ว เจอเข้าไปอย่างนั้นจัง ๆ ไม่ต้องไปทูลถามพระพุทธเจ้าว่าผิดหรือถูก ก็เห็นอย่างเดียวกันนี้ เอาอย่างเดียวกันมาพูดผิดไปไหน
นี่ก็ได้สอนพี่น้องทั้งหลายเต็มเม็ดเต็มหน่วยถึงขนาดเปิดออกมาอย่างนี้ ใครจะว่าโอ้ว่าอวดก็ตาม ไม่โอ้ไม่อวดก็ตาม แต่ความเมตตาเราครอบโลกธาตุ เกินกว่าที่เราจะมาถือสีถือสาว่าเขาจะติฉินนินทาอย่างนั้นอย่างนี้ เราไม่เคยสนใจนะ เพราะอำนาจแห่งเมตตาธรรมที่จะฉุดลากขึ้นจากนรกอเวจีซึ่งร้อนเป็นมหันตทุกข์นั้น มากเกินกว่าที่เราจะมาถือคำตำหนิติชมของเขา เราจึงไม่เคยสนใจ ให้พากันตั้งอกตั้งใจนะ
(เวลาปฏิบัติมันรู้สึกเย็นสบาย ๆ จิตใจมันสบาย พยายามจะไม่คิดอะไร วางตัวเป็นกลางอยู่ในความสบายนั้น แล้วมันวูบลงไป กลัวตายครับ เอ๊ะมันจะตายแล้วนี่ ก็เลยสะดุ้งขึ้นมามันเลยเสีย)
เอาตรงกลัวตายนั้นพิจารณาเลย ความกลัวตายมาจากไหน เอาสติปัญญาจับเข้าตรงนั้น ความกลัวตายคือเครื่องหลอกเราไม่ให้เราคืบหน้า กลัวตายแล้วก็ถอย เพราะฉะนั้นจึงไม่ต้องยุ่งกับเรื่องความเป็นความตาย ใจไม่เคยตาย คำเดียวพอ เรื่องกลัวตายเป็นเรื่องเคลือบแฝงเป็นเรื่องหลอกลวง กลัวตายอย่างนั้นกลัวตายอย่างนี้เรื่องหลอกมันแฝงเข้ามา ใจไม่เคยตายแต่ไหนแต่ไรมาเท่านั้นพอ เบิกออกหมดเลย ไม่ต้องไปกลัวตาย กลัวเท่าไรมันก็ตาย โลกอันนี้โลกกลัวตายทั้งนั้นแหละ แต่มันตายด้วยกันหมดไม่มีใครฝืนไปได้ ตามคำที่ว่ากลัวตายแล้วผ่านไปได้ไม่เคยมี กลัวตายก็ตาย ไม่กลัวก็ตาย เพราะความตายเป็นหลักธรรมชาติอยู่กับธาตุกับขันธ์ แต่ไม่อยู่กับใจนะ ใจไม่มีคำว่าตาย
ที่เคยพูดให้พี่น้องทั้งหลายฟังถึงเรื่องลงถึงขั้นอัศจรรย์ทุกคืน ๆ คืนไหนที่นั่งตลอดรุ่ง เรียกว่าสละตายเลย จิตจะเพ่นพ่านไปไหนไม่ได้ มัดกันเข้า ๆ จนกระทั่งถึงได้ความอัศจรรย์ขึ้นมา นี่ละความอัศจรรย์อันนี้เพียงขั้นนั้นเท่านั้น มันก็ไม่ลืมนะ จึงได้เอามาพูดให้พี่น้องทั้งหลายฟังอย่างสด ๆ ร้อน ๆ ตลอดมาอย่างนี้ ที่เลิศกว่านั้นก็ผ่านไปได้แล้ว อย่าว่าแต่ที่อัศจรรย์นี้ อัศจรรย์อยู่ในขอบเขตของวัฏจักรวัฏจิต เมื่อถึงขั้นอัศจรรย์ในจิตนี้เราก็ทราบชัดเจน อ๋อ จิตอัศจรรย์อย่างนี้ ๆ นี่อวิชชาครอบมันอยู่ จึงไม่เรียกว่าอัศจรรย์เต็มภูมินะ อัศจรรย์ที่จิตหลุดพ้นแล้วอวิชชาหมด พุ่งเต็มที่พุ่งเต็มเหนี่ยว อันนั้นไม่เอามาพูด นี่พูดในวงปฏิปทาการดำเนิน
จิตเวลาถูกมัดเข้าไปด้วยสติปัญญา นี่เครื่องกลั่นกรองจิตให้หายพยศ พอมันรอบตัวแล้วมันลงผึง คำว่าผึงนี้หมดเลย อะไรหมด แต่ธรรมชาติอันหนึ่งนั้นที่ว่าอัศจรรย์ อันนั้นแหละพูดอัศจรรย์ คือพูดอย่างอื่นไม่ได้แล้ว จะแย็บออกมานี้ก็เป็นสองเสีย ๆ ได้สักแต่ว่าปรากฏเป็นความอัศจรรย์เท่านั้น พูดได้เท่านั้น นี่จิตอันนี้ยังมีอวิชชาครอบอยู่นะ คือยังไม่พ้นก็ยังได้ความอัศจรรย์อย่างนี้ ในขั้นนี้ก็ได้อย่างนี้
ส่วนขั้นผ่านไปแล้วนี้อย่างที่เราเคยพูด ถึงเรื่องว่าจิตเราอัศจรรย์ที่มันสว่างไสวอะไรนักหนานี่ ก็เห็นแล้วในหนังสือไม่ใช่เหรอในเทปก็มี ก็เป็นจากนี้ พูดอย่างนี้มันจะผิดไปไหน เดินอยู่นั่งอยู่ที่ไหนมองดูอะไรนี้มันสว่างจ้าไปหมดเลย ร่างกายของเรามีมันเหมือนกับตะเกียงเจ้าพายุเรานี้ แก้วครอบมันใสอยู่ข้างนอก คือจิตนี้เป็นเหมือนไส้ตะเกียงจ้าอยู่ข้างใน ทีนี้มันก็ส่องออกมาทะลุหมด แก้วครอบอยู่นี้เหมือนไม่มีทะลุออกหมด ร่างกายนี้เรียกว่าไม่มี ธรรมชาตินี้มันสว่างมันซ่านออกไปหมดเลย มันกระจายไปหมด ร่างกายมีเหมือนไม่มีเราจึงอัศจรรย์ละซิ ยืนอยู่นั่งอยู่ดูอยู่นี้จะว่าไง จิตมีวันมีคืนที่ไหน ความสว่างของจิตไม่มีมืดมีแจ้งนะ เป็นธรรมชาติอย่างนั้นจ้าอยู่
โถ จิตเราทำไมถึงอัศจรรย์ขนาดนี้เทียวนา นั่นเห็นไหมล่ะ กำหนดทดลองดูนะ ไม่ใช่ธรรมดา คือมันสว่างขนาดนี้แล้ว ไปอยู่บนเขานี่นะ เอาภูเขาทั้งลูกกำหนดดู ภูเขาทั้งลูกนี้เหมือนเงา เหมือนกับแก้วครอบตะเกียงเจ้าพายุนั่นแหละ ภูเขาทั้งลูกนี้เหมือนเงาเหมือนแก้วครอบตะเกียงเจ้าพายุ จิตนี้พุ่งออกหมดเลย จึงได้อัศจรรย์ โอ้โห จิตของเรานี้ทำไมถึงอัศจรรย์ถึงขนาดนี้เชียวนา นี่ละพระธรรมท่านกลัวเราติด ก็เราติดแล้วนั่นน่ะจะว่าไง ท่านกลัวเราติดจึงขึ้นมา นี่ละที่ว่าธรรมเกิดฟังเอานะ เมื่อเห็นความอัศจรรย์เจ้าของ มองไปที่ไหนมันว่างไปหมดเลย พี่น้องทั้งหลายเชื่อไหม นี่ละจิตดวงนี้ เวลาชำระความมัวหมองมลทินมืดตื้อออกมากน้อยเพียงไร มันจะแสดงตัวเต็มเหนี่ยว ๆ
ทีนี้ก็ขึ้นอัศจรรย์ในตัวเอง โอ้โห จิตของเราทำไมถึงอัศจรรย์ถึงขนาดนี้เทียวนา กำหนดดูอะไรมันไม่มีเลย มองดูภูเขาต่อหน้านี้มันทะลุไปต่อหน้าต่อตาเลย อันนี้มันรุนแรงทะลุไปหมด ภูเขาไม่มีความหมายนะ เหมือนกับตะเกียงแก้วครอบไม่มีความหมาย ไส้ตะเกียงความสว่างทะลุออกไปหมดเลย อันนี้ก็เหมือนกันนั่นแหละเราเทียบได้อย่างนี้ ที่นี่ธรรมเกิดนะ เรียกว่าธรรมเตือนกลัวเราจะติด พอรำพึงอยู่นั้นเราก็นิ่ง สักเดี๋ยวขึ้นมาเป็นคำพูดนะ ออกมาจากหัวใจจริง ๆ เป็นคำพูดเหมือนเราพูดกัน แต่ให้ได้ยินเสียงไม่ได้ยิน หากเป็นคำพูดในใจบอกว่า ถ้ามีจุดมีต่อมแห่งผู้รู้อยู่ที่ไหน นั้นแลคือตัวภพ ว่าอย่างนั้นเรางงทันที ทั้ง ๆ ที่ธรรมท่านเตือนเรา ให้รู้ว่าจุดก็คือจุดผู้สว่างนั้นแหละ
เวลามันผ่านไปแล้วจึงมารู้นะ มีจุดมีต่อมแห่งผู้รู้ คือจุดของดวงไฟอยู่กลางตะเกียงเจ้าพายุเข้าใจไหม นี่ละเรียกว่าจุดความสว่างไสว นี้ก็เป็นจุดนี้ก็เป็นสมมุติ นี้คือตัวภพตัวชาติ อยู่จุดนี้นะ ความหมายว่างั้น ธรรมที่บอก แต่เรามันจับไม่ได้ โอ้โหย ทำไมเป็นอย่างนี้ เลยงงไปอีก จะจับเอาจุดนั้นไม่จับ พูดแล้วคิดถึงพ่อแม่ครูจารย์ โอ๋ย ถ้าหากว่าพ่อแม่ครูจารย์ยังมีชีวิตอยู่ คือตอนนั้นท่านล่วงไปใหม่ ๆ เผาศพท่านเรียบร้อยแล้วก็ขึ้นวัดดอยธรรมเจดีย์เดือน ๓ จิตของเรามันก็เป็นของมันอยู่แล้ว แต่ระยะนั้นขึ้นไปที่สงัดมันยิ่งเพิ่มเข้าไป ทุกสิ่งทุกอย่างมันจ้าไปหมด ทีนี้มันก็เกิดอันนี้ขึ้นมา
นี่ถ้าหากว่าพ่อแม่ครูจารย์มั่นยังอยู่ พอเราไปกราบเรียนท่านว่าจิตของเราสว่างไสวอย่างนั้น ๆ แล้วธรรมหรืออะไรก็ไม่ทราบมาเตือนเรา จุดกับต่อมมันเป็นไวพจน์ของกันใช้แทนกันได้ จุดก็จุดความสว่างนี้ สว่างของจิตนี้เหมือนกับไส้ตะเกียงเจ้าพายุนั่นแหละ คำว่าต่อมคืออันนี้ จุดก็คืออันนี้เอง ถ้ามีจุดมีต่อมแห่งผู้รู้อยู่ที่ไหน คือมีจุดมีต่อมแห่งผู้รู้ ผู้รู้ก็คือตัวนี้แหละ คือตัวสว่างที่มันครอบผู้รู้นี้เอาไว้นะ ความสว่างนี้มันเป็นอีกอันหนึ่ง เพราะฉะนั้นมันถึงพังลงได้ซิ ถ้ามีจุดมีต่อมแห่งผู้รู้ ผู้รู้คือใจนี้ อยู่ที่ไหนนั้นแลคือตัวภพ นี่ภพชาติอยู่จุดนี้ พอว่าอย่างนั้นเรางง ถ้าหากว่าเราจับได้ปุ๊บว่าจุดต่อมคืออันนี้เอง ไปเดี๋ยวนั้นเลยนะ ถ้าไปเล่าให้พ่อแม่ครูจารย์ฟังอย่างนี้ ท่านจะว่า ก็จุดนั้นแล ท่านใส่ทันทีเลยนะ ก็ตัวสว่างนั่นแหละคือตัวจุดตัวต่อมตัวภพตัวชาติ นั่นแหละตัวภัย ใส่ทีเดียวผางเลยนะ จะสำเร็จในเวลานั้นเลย พูดให้มันตรงเลย เพราะมันจวนเต็มเหนี่ยวแล้วนี่ เราก็ไปติดตรงนั้น ถ้าท่านตีตรงนั้นออกแตกกระจายมันก็ผึงเลย
อันนี้ไปงงเป็นบ้าเสียเท่าไร ๓ เดือนเราไม่ลืมนะ จากวัดดอยธรรมเจดีย์นี้ เขาก็นิมนต์ลงไปงานร้อยวันของพ่อแม่ครูจารย์มั่น เราก็ต้องได้ลงไปเพราะเคารพมาก เขานิมนต์ลงไปในงานร้อยวัน เราก็ต้องลงไปสกลนครไปงานร้อยวันท่าน ออกจากนั้นแล้วบึ่งเลยหนีเลย ไม่ขึ้นมาวัดดอยอีก ฟาดไปทางอำเภอผือ อำเภอศรีเชียงใหม่ไปนู้น ถึงกลับมาอีกเป็นเวลา ๓ เดือน จากจุดต่อมแห่งผู้รู้อยู่ที่ไหนเป็นเวลา ๓ เดือน จากนี้ไปกลับมาก็มาปลงกันที่นี่นะ ขึ้นมาอีกวัดดอยที่เก่านั่นแหละ ที่ว่าวันที่ ๑๕ นั่น นี่ครั้งที่ ๒ ครั้งสุดท้ายของมันที่มาพังกันได้ พออันนี้พังลงไปแล้ว โอ้โห เอาอีกนะ โอ๊ย ที่แสดงก็แสดงอย่างถูกต้อง ทำไมมันโง่เอานักหนานะ ทีนี้เวลามันเปิดก็เปิดจุดนั้นเอง ที่ว่ามีจุดมีต่อมแห่งผู้รู้อยู่ไหน คือจุดต่อมแห่งผู้รู้นั้นพังลงไปหมดแล้ว ผู้รู้จริง ๆ แล้วจ้าหมดเลย ทีนี้ความสว่างไสวที่ว่าอัศจรรย์นั้นมันกลายเป็นกองขี้ควายไป ฟังซิน่ะ กองขี้ควายมันดีอะไร
นี่ที่เราเห็นว่ากองขี้ควายเป็นทองคำทั้งแท่ง คือจุดคือต่อมนี้เอง เราไม่รู้ ธรรมท่านเตือนขึ้นมา จะหลงอันนี้ เวลามันไปพังกันได้แล้ว ไอ้ที่ว่าความสว่างไสวนี้มันกลายเป็นกองขี้ควายไปนะ ธรรมธาตุที่ถูกความสว่างครอบ อันนี้คืออะไร นั่นละอันนั้น พออันนี้เปิดจ้าอันนี้พังลงไปแล้ว อันนั้นจ้าขึ้นมา โอ้โห ทีนี้พูดไม่ได้ จึงว่าฟ้าดินถล่มว่างั้นเถอะ ไอ้สว่างไสวมาก ๆ นี้กลายเป็นกองขี้ควายไปอย่างสด ๆ ร้อน ๆ ทีเดียว โถ เป็นอย่างนี้นะ จึงได้ โถ อวิชชาขนาดนี้เทียวนา ๆ นี่อวิชชา ใครอย่าไปคาดอวิชชาว่าเป็นเสือโคร่งเสือดาวเป็นยักษ์เป็นผี เวลาไปเจอเข้าแล้วเป็นอย่างนี้ละอวิชชา เป็นนางงามจักรวาล ใครก็ตามถ้าไม่มีใครสอนไปแล้วติดว่างั้นเลย เราพูดอย่างมั่นใจเราติดมาแล้ว พออันนี้พังไปเท่านั้น ธรรมชาติของตัวเองโดยหลักธรรมชาติแท้คือจิตที่บริสุทธิ์เต็มที่แล้วเปิดออกหมดแล้วเต็มเหนี่ยว นี้ละที่เข้ากันไม่ได้กับกองขี้ควายอันนี้ ซึ่งเป็นเครื่องหลอกของอวิชชา นี่ละอวิชชาแท้เป็นอย่างนี้ ไม่ใช่อะไรเป็นอวิชชา
อย่าไปคาด อวิชชาเป็นเสือโคร่งเสือเหลืองเสือดาว เป็นยักษ์เป็นผี คาดไม่ถูก เวลาเข้าไปเจอจริง ๆ แล้ว โอ๋ย นางงามจักรวาลกล่อมหลับหมด อย่างนี้ยิ่งหลับง่าย ว่าแก่นี้ไม่แก่นี้ให้เห็นหญิงสาวลองดู หลง เมียเจ้าของนั่งอยู่ข้างหลังมันเห็นเมื่อไร นี่ถ้าเห็นตัวนี้แล้วลืมบ้าไปเลย เข้าใจไหม เตือนไว้อย่าเป็นบ้านะ เฒ่าแก่แล้วหัวก็ล้านด้วยเดี๋ยวจะไม่มีผมนะ มันต้องซัดกันอย่างนี้ นี่ละเข้าใจไหม อวิชชามันหลอกให้คนลืมตัว หัวล้านไม่ว่าล้าน เห็นสาวนี้วุ่นเลยนะ นี่มันหลอกเอาอวิชชา เข้าใจไหม นี่เราพูดถึงเรื่องอัศจรรย์นะ พออันนี้พังลงไปแล้วพูดไม่ได้เลยว่างั้นเถอะ จนถึงขนาดที่ว่าออกอุทานเลย โอ้โห ขนาดนี้เทียวเหรอ พระพุทธเจ้าตรัสรู้อย่างนี้ละเหรอ ๆ เห็นไหมมันซ้ำนะ ซ้ำด้วยความถึงใจนะ
ก็เราไม่เคยเห็นพระพุทธเจ้าท่านตรัสรู้ยังไง เวลามันผางขึ้นมานี้ ขึ้นอุทานทันที กองขี้ควายพังลงไปแล้ว อันนี้จ้าขึ้นมานี้ อย่างนี้เหรอ พระพุทธเจ้าตรัสรู้อย่างนี้ละเหรอ ๆ นู่นขึ้นเองนะ เราไม่ได้วัดรอยมันเป็นของมันเองเข้าใจไหม กระเทือนไปหมดเลย หือ ธรรมแท้เป็นอย่างนี้ละเหรอ ๆ พระสงฆ์แท้เป็นอย่างนี้ละเหรอ คืออันเดียวกันนี้ ๆ ทีนี้ก็ประมวลมา เหอ พระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์นั้น กลายมาเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันได้ยังไง คือมันเป็นแล้วเข้าใจไหม นี่เรียกว่ามหาสมุทร นี่เป็นแม่น้ำมหาสมุทรแล้ว ถ้าเป็นธรรมธาตุก็เป็นธรรมธาตุเหมือนกันแล้ว ไม่มีคำว่า พุทธ ธรรม สงฆ์ รวมเข้าไปเป็นอันเดียวกันแล้วเลิศอยู่ในนั้นหมด อ๋อ อย่างนี้เอง
นี่พูดถึงเรื่องความสว่างของจิตมันเป็นขั้นเป็นตอนนะ เราเทศน์ลำดับของจิตของความว่างเราก็พูดให้ฟัง จนกระทั่งถึงนี่ได้พูดถึงสุดยอดเลย สุดขีด เราพูดเลยนี้ต่อไปไม่ได้แล้ว ความสามารถเราไม่มี เราก็ไม่สนใจกับความสามารถอันใดที่จะเหนือไปอีกด้วยนะ เราไม่เคยสนใจ
ที่ได้พูดอย่างนี้ก็ย้อนหลังขึ้นไปหาหลวงปู่ขาว ท่านเจ้าธรรมเจดีย์ อุปัชฌาย์ของเรา ท่านอยากให้เราทั้งสองพบกัน ท่านอาจารย์ขาวท่านก็ร่ำลือทางนั้น หลวงตาบัวก็ร่ำลือแบบหลวงตาบัว ท่านอยากให้ทั้งสองเข้าพบกัน เป็นยังไงกัน ท่านหาอุบาย เขามีงานทางนู้นแล้วท่านก็มาเอาเราไป มาเอาเราแล้วท่านก็ไปเอาหลวงปู่ขาวไป ท่านเมตตามากนะ ไปดึงเอาหลวงปู่ขาวไป นี่มหาบัวก็ไป ๆ ด้วยกัน แล้วเอาทางนี้ไป ท่านขาวก็จะไป ๆ ด้วยกัน ไปคุยธรรมะกันนาน ๆ จะได้มีเวลาท่านว่า พอไปท่านก็จับยัดเราใส่ร้าน นี่ให้ท่านขาวอยู่ที่นี่ ให้มหาบัวอยู่ที่นี่ นอกนั้นไม่ให้ใครมายุ่งเลย พอค่ำ ๆ เข้าไป วันนี้เราจะรับงานทั้งหมด เธอทั้งสองจะคุยธรรมะกันก็ได้นะ นั่นเห็นไหม ท่านเจ้าคุณธรรมเจดีย์ ท่านขาวกับมหาบัวนี้จะคุยธรรมะอะไรกันได้สะดวกสบายวันนี้ นั่นหมายถึงว่าจับเราไสขึ้นเวทีแล้ว เข้าใจไหม ให้ผู้เฒ่ากับเด็กต่อยกัน บอกท่านรับงานหมด ท่านรับจริง ๆ ไม่ให้เราเข้าไปยุ่งเลย งานนั่นนะ ท่านเป็นผู้รับหน้าที่ที่หน้าวัด
นั่นละซัดกันเต็มเหนี่ยวกับหลวงปู่ขาว ตั้งแต่ ก.ไก่ ก.กา เล่าถวายท่านเลย เพราะมันเป็นโอกาสอันดีแล้ว เราก็เล่าตั้งแต่ ๒ ทุ่มฟาดถึง ๖ ทุ่ม แต่เราพูดถึง ๓ ชั่วโมงกว่า ๆ หรือ ๔ ชั่วโมง เรื่องของเราไล่ตั้งแต่ ก.ไก่ ก.กา เริ่มปฏิบัติเป็นอย่างนั้น ๆ ไปจนกระทั่งถึงขีดสุดเลย พอถึงขีดสุดแล้วก็กราบเรียนท่านเลยว่า ขอมอบถวายท่านอาจารย์ทั้งหมด ในความรู้ทั้งหมดนี้ผมหมดเพียงเท่านี้แล้ว ถ้าหากว่าจะมีใครมาสอนยังไงก็จะฟังไป แต่เรื่องความสงสัยแล้ว หมดทุกสิ่งทุกอย่าง ไม่เสาะแสวงหาแล้ว ขอให้ท่านอาจารย์เปิดออกมาเต็มเหนี่ยว อย่ามาถือว่ากระผมเป็นมหาเปรียญอย่างนั้นอย่างนี้ อย่าเอามาเข้ายุ่งเลย เอาหลักความจริงเข้าใส่กันเลย
ท่านก็ยิ้มนิดนึง ท่านก็บอกว่า เออ เราไม่ลืมนะ เออ มันก็มีอยู่ ๒ จุดท่านมหา ว่าอย่างนั้นนะ จุดหนึ่งคืออันนั้น จุดที่สองคืออันนี้ ท่านมหาก็ผ่านไปหมดเรียบร้อยแล้ว เป็นอันว่าหายสงสัย ท่านว่าเราไม่ลืมนะ เราไม่ลืม เออ เอาละทีนี้พอใจ สมอยากจะพบกับท่านมหามานาน นั่นฟังซิน่ะ นั่นละได้คุยกัน เมื่อเวลาถึงขีดแล้วซัดลงไปจนถึงขนาดที่ว่า หมดที่จะแสวงหารู้อะไรอีกไม่มีแล้ว แล้วท่านอาจารย์มีอะไรให้ว่ามาเลย เปิดอกเลย ไม่ต้องเกรงใจว่าผมเป็นมหาเปรียญหรือปฏิบัติมายังไง ๆ ไม่ต้องเกรงใจ ฟาดมาเลย ท่านจึงบอกอย่างนี้แหละ โอ๋ย ท่านยิ้มนะ นี่ละได้เปิดเต็มที่กับหลวงปู่ขาวเต็มเม็ดเต็มหน่วย เราเป็นฝ่ายถวายท่านในธรรมะของเราที่ปฏิบัติ
ท่านไม่ได้พูดมาก ท่านก็ย่อ ๆ ออกมาไม่นานนะ เฉพาะของท่านเองที่มันปลีกย่อยจากกัน ๆ ก็เล่าให้ฟัง อันนั้นปลีกย่อยไม่ใช่ความจริง ความจริงมันอย่างเดียวกันแล้วก็ไม่มีปัญหา ส่วนปลีกย่อยท่านก็เล่าให้ฟัง เออ วันนี้เป็นมงคลมากนะ พอพูดจบแล้ว มีผู้หญิงคนหนึ่ง มันกั้นอันนี้ไว้ เราโมโหเดี๋ยวนี้อยากตามฆ่ามันอยู่นะ มันเผาศพอยู่ป่าช้าไหนเราอยากตามเผาศพมันอีกว่ะ มันโมโห นึกว่าวันนี้เป็นโอกาสเต็มเหนี่ยวไม่มีใครรู้แล้ว มีแต่เรากับท่านซัดกันสองต่อสอง แล้วมีพระองค์หนึ่งที่ไปอุปัฏฐากท่านนั่งดูอยู่นั่น ลืมชื่อแล้วแหละ มี ๓ องค์กับเรา แล้วเราก็ไม่รู้ คือในนั้นกั้นแผงเอาไว้ ข้างนอกมันก็ไม่เห็นล่ะซิกลางคืน เข้าไปนี้เราก็นั่งพิงเสาไม้ไผ่นั่นละ เขาเอาไม้ไผ่มาทำเสาเราก็นั่งพิง ท่านก็อยู่ที่นี่ ซัดกันอย่างเต็มเหนี่ยว
พอหมดเรื่องหมดราว พูดแยกออกไปจากนี้นิดหน่อย ฟังเสียง แอ๊ ๆ ว่างั้นนะ มันใครมาอยู่ที่นี่ เราก็ว่าอย่างนั้นนะ ดิฉัน ดิฉันมันใครวะ โหย มันโมโห ชื่อยุวดี แม่ชียุวดี แล้วมาเมื่อไร มาตั้งแต่ ๒ ทุ่ม โอ๋ย หมดตับเราว่า ท่านก็เลยยิ้มท่านอาจารย์ขาว ก็อย่างนี้ละท่านมหา นตฺถิ โลเก รโห นาม ขึ้นชื่อว่าที่ลับไม่มีในโลก ก็คืออย่างนี้แหละ ว่างั้นนะ แล้วมาอะไรล่ะเราก็ว่างั้น เรามันโมโหเข้าใจไหม ก็นึกว่าเราอย่างเผ็ด ๆ ร้อน ๆ เค็ม ๆ กินกันสนุก ๆ ที่ไหนมันมาแบ่งกินอยู่ข้างหลังนั่น ไม่ให้รู้เลย มาตั้งแต่เมื่อไร ตั้งแต่ ๒ ทุ่ม หมดตับเรา แล้วมาอะไรล่ะ มาถวายกาแฟหรืออะไร เราทั้งโมโหเลยเปิดประตูออกไปรับกาแฟ พอรับแล้วจะไปไหนก็ไปซิ ไม่บอกมันก็ไป ไอ้เรามีแต่ไม่มีตับเท่านั้น เขาเอาตับไปกินหมดแล้ว ไล่เขาไป ไล่ไม่ไล่มันก็ไปคนเรา
นี่ละเรื่องของหลวงปู่ขาวเอากันอย่างถนัดชัดเจนเต็มเหนี่ยวเลยเทียว วันนั้นเอาเต็มที่ ก็มีเท่านั้น ครูบาอาจารย์ที่ได้ไล่เอากันเต็ม ๆ เหนี่ยวก็คือหลวงปู่ขาว นอกนั้นก็มีบ้างเล็กน้อย เป็นวรรคเป็นตอนไม่ได้เกี่ยวโยงตั้งแต่ต้นจนกระทั่งถึงนี้เหมือนหลวงปู่ขาว นอกนั้นก็พูดตามจุด ๆ จุดไหนสำคัญ ๆ ถามแต่จุดนั้น ๆ ตอบปั๊บ คำถามนี้ถ้าไม่รู้ถามไม่ได้ เอา ถ้าไม่รู้ตอบไม่ได้ นี่มันก็เป็นปัญหาบังคับ พูดแล้วสาธุเราไม่ได้ประมาทนะ เราก็เรียนมาเหมือนกัน ก็ฟังซิมหาบัว แต่เราจะเอาภูมิของการศึกษาเล่าเรียนมากับภูมิปฏิบัตินี้เข้ากันไม่ได้นะ เข้ากันไม่ได้เลย อันนั้นภูมิความจำ อันนี้ภูมิความจริง มันจริง เห็นอะไรรู้จริง ๆ จริง ๆ ตลอดไปเลย อันนั้นรู้อะไรมันก็ลูบ ๆ คลำ ๆ บาปมีบุญมีมันก็จำได้แต่มันลูบคลำไป จิตพอเจอเข้าไป อ๋อ อย่างนี้เหรอ ๆ นั่นเห็นไหมล่ะ บาปบุญนรกสวรรค์อย่างนี้เหรอ ๆ เข้าไปเลย มันถอยได้ยังไง ก็มันแน่นอน นี่เรียกว่าความจริง
ความจำมันไม่แน่นอน จำได้เท่าไรสงสัย ความจริงเจอเท่าไร ๆ จริงตลอด ๆ นี่ละความจริงความจำเข้ากันไม่ได้นะ นี่ถ้าเราไม่ได้เรียนมาเขาก็ดูถูก อีตาบัวนี้ตั้งแต่โคตรพ่อโคตรแม่มันไม่เคยเรียน ก.ไก่ ก.กา แล้วมันก็พูดไปตามประสาบ้ามัน เขาก็จะว่าอย่างนั้นใช่ไหม แต่นี่มหาบัวเป็นกำแพงกั้นไว้เสีย ว่าได้เรียนมหา เขาเลยไม่กล้ายุ่ง เราก็สนุกออกลายเข้าใจไหม เอาละพอ มันสายแล้ว ทีแรกว่าจะไม่พูดอะไรมันไปใหญ่แล้ว จะตายแล้ว
ที่พูดว่าชียุวดีนั่นน่ะ คือมันมีแผงกั้นไว้เข้าใจไหมล่ะ เราอยู่ในห้องนี้ข้างนี้ก็เอาแผงกั้นไว้ เขาอยู่นอกห้องมันก็ติดกันอยู่ เรานั่งอยู่ข้างในเขาก็อยู่ข้างนอก เราพูดอะไรเขาก็รู้หมดล่ะซิ โหย มันไม่ได้ไกลกันเขาอยู่นี่ ยิ่งใกล้กว่าเรากับท่านอาจารย์ขาวเสียอีก ท่านอาจารย์ขาวนั่งอยู่นั้นเรานั่งอยู่นี่ อันนี้เขาอยู่นี่ติดเลย แผงกั้นเอาไว้มันไม่เห็น โห พูดแล้วยังโมโหไม่หยุด เอาละไป
สรุปทองคำและดอลลาร์วันที่ ๒๘ เมื่อวานนี้ ทองคำได้ ๖ บาท ดอลลาร์ได้ ๒๑ ดอลล์