เรียนมาเพื่อตัวเอง
วันที่ 12 กรกฎาคม. 2548 เวลา 8:30 น.
สถานที่ : ศาลา สวนแสงธรรม กรุงเทพฯ
| |
ดาวน์โหลดเพื่อเก็บไว้ในเครื่อง
ให้คลิกขวาแล้วเลือก Save target as .. จาก link ต่อไปนี้ :
ข้อมูลเสียงแบบ(Win)   ข้อมูลเสียงแบบ(MP3)

ค้นหา :

เทศน์อบรมฆราวาส ณ สวนแสงธรรม กรุงเทพฯ

เมื่อเช้าวันที่  ๑๒ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๔๘

เรียนมาเพื่อตัวเอง

 

         สอบตกเสียใจนี่ไม่ใช่เล่นเหมือนกันนะ สอบเปรียญตกนี่เสียใจมากเรา อยากให้กรรมการมาแปลให้เราดู มันเป็นยังไงมันผิดตรงไหน เราเคยได้พูดให้ผู้กำกับฟัง เอ๊ทำไมมันเป็นอย่างนี้ เรียกว่าเต็มภูมิเลยเปรียญ สอบปีที่ ๑ ตกก็ยังไม่เท่าไร ปีที่ ๒ นี่เรียกว่าเต็มภูมิเลยละ สอบยังตกต่อหน้าต่อตา อันนี้ตัวสั่นเลยนะ โอ้ มันตกที่ตรงไหน อยากให้กรรมการที่ตัดสินให้เราตกนั้นมาแปลให้เราดู ให้มาสัมผัสสัมพันธ์ทุกอย่างให้เราดูมันเป็นยังไง นู่นน่ะมันโมโห

         ทำให้คิดอันหนึ่งเหมือนกัน อันนี้ก็คงจะเป็นเกี่ยวกับเรื่องนักธรรมเอก ตอนนั้นนักธรรมเอกยังไม่ได้ สอบเปรียญตกไป นักธรรมขึ้นตามๆ กันไป พอสอบตกปีที่ ๑ ปีที่ ๒ นี่เสียใจมาก นักธรรมเอกยังไม่ได้นะ พอปีที่ ๓ มันเหมือนกับมันคอยกัน ลักษณะนั้นละเราพิจารณา เอ้อ จะติกรรมการเขาอะไรก็ตำหนิอยาก ต้องติกรรมของเจ้าของ กรรมมันคอยกันอะไรไม่รู้นะ พอนักธรรมเอกได้ปุ๊บเปรียญปุ๊บพร้อมกันไปเลยเชียว เหมือนว่าคอยนักธรรมเอกเสียก่อนๆ

         ที่เสียใจมากสอบเปรียญ ๓ ตก ๒ ปีนะ ตกถึง ๒ ปี ปีที่ ๓ ถึงได้ ตกปีที่ ๒ เสียใจมากทีเดียว พอปีที่ ๓ นี้นักธรรมเอกได้มามันเลยไปพร้อมกันเลย เพราะมันแน่ใจแล้วว่าไม่ตก ๆ มันตกได้ยังไง แต่พอนักธรรมเอกมาถึงนั้นแล้วปั๊บไปด้วยกันเลย โอ้มันคงจะคอยกันเราว่า ก็เป็นจริงๆ พอจบแล้วไปเลย เข้าป่าเลย ครูบาอาจารย์ที่จะให้เป็นครูสอนพวกนักธรรม สอนพวกบาลีอะไรไม่เอาทั้งนั้น จะไปสอนตัวเอง ว่าอย่างนั้น ก็เป็นจริงๆ นะ ทีนี้จะไปสอนตัวเอง เรียนมาเพื่อตัวเอง เราจะไปสอนตัวเอง พอสอบได้ปั๊บออกเลย

         ก็เดชะเหมือนกันนะ ออกปฏิบัตินี้ไม่มีอะไรขัดข้อง ออกได้สะดวกๆ เลย มันหากหลุดหากพ้นไปได้ รอดไปได้ๆ อุปสรรคมันมี ครูบาอาจารย์ผู้ใหญ่ท่านมีความเมตตาสงสารมีความผูกพันอะไรเราก็รอดไปได้ๆ ผ่านไปได้เลย เฉพาะอย่างยิ่งสมเด็จมหาวีรวงศ์ วัดพระศรีมหาธาตุ โอ๋ย เอาจริงเอาจังมาก ตามต้อนเลยจะเอากลับมากรุงเทพฯ มันก็รอดไปได้ รอดไปได้อีก

         วันนี้จะไปเลี้ยงอาหารช้าง ช้างมีสักเท่าไรเราจะเตรียมอาหารไป บอกลูกศิษย์เรียบร้อยแล้ว อาหารช้างคืออะไรบ้าง เอาไปให้พอ เผื่อไว้เลย อย่างคราวที่แล้วก็พอ เหลือ จำนวนที่เหลือนี้ให้เขาเก็บไว้ แล้วช้างมันมาเป็นคณะๆ หรือเป็นโขลงๆ โขลงละ ๑๐ กว่าตัว (ประมาณ ๑๕ ตัวครับ) เออนั่นละ พวกนี้เราให้พอหมดเลย พอพวกนี้พอ พวกนี้ไป อาหารก็เหลือ เหลือแล้วให้พวกหลัง คราวที่แล้วเหลือ คราวนี้จึงสั่งเอาให้มากๆ ไปเลี้ยงช้าง

สงสารเขา เขาจะหากินที่ไหนก็อาศัยคน อยู่ในเมืองเขาหากินโดยลำพังไม่ได้นะ มีคนให้กินๆ เพราะฉะนั้นช้างถึงผอมโซ เราเห็นช้างที่ไหนๆ มีแต่ผอมแต่โซ กับไปเห็นที่น้ำหนาว อู๋ย เราเลยรักมันเลยนะ ช้างป่าที่น้ำหนาว เราเคยเห็นช้างบ้านเราไม่ทราบว่ากี่ตัวๆ กี่ครั้งกี่หน มันผอมโซลักษณะเดียวกันไปหมด จนอดคิดไม่ได้ว่าช้างต้องเป็นอย่างนี้ ไม่อ้วน ต้องเป็นอย่างนี้ช้าง เลยคิดไปอย่างนั้น ทีนี้พอเอาอาหารไปส่งพวกด่านเขา พวกรักษาสมบัติของชาตินั่นแหละพวกด่าน พอดีผ่านเข้าไปตรงนั้นเป็นกลางวันนะ ช้าง ๕-๖ ตัว เขาออกมาถนนพอดี กลางวันนะมา

         หัวหน้าเขา อุ๊ย ตัวใหญ่นะ เขาคงจะเคยกับคนผ่านถนนไปมาอยู่แล้วแหละท่า ดูลักษณะเขาไม่เห็นกลัวอะไรนัก พอเห็นคนตัวหัวหน้าเขายืนกึ๊กดู พอไปถึงนั้นเราสั่งคนขับรถว่าอย่าเปิดแตรนะ ไปจอดตรงนั้นเลยเชียว เขากำลังออกมา กลางวันนะ ตามธรรมดาช้างมักจะออกกลางคืน นี้กลางวันเขาก็ออก ช้าง ๕-๖ ตัว ตัวใหญ่ มองตัวไหนธรรมดาแล้วน่ากลัวนะ นี้กลายเป็นน่ารักไปหมด อ้วนเหมือนหมู อ้าว เหมือนกันหมด ตัวใหญ่ก็อ้วน ตัวเล็กอ้วนเหมือนกันหมดเลย อู๊ย ช้างป่าเป็นอย่างนี้เอง

         เราจึงได้รู้เรื่องช้างบ้านมันอาหารไม่พอ แต่ก่อนคิดว่าช้างมันต้องเป็นอย่างนี้ รูปร่างของมัน มันไม่อ้วนแหละ พอเห็นช้างป่าเข้าแล้ว โถ มันเหมือนหมูจริงๆ คือไม่ว่าตัวเล็กตัวใหญ่น่ารักด้วยกันทั้งนั้น อ้วนเหมือนหมูเลย เพราะเขาหากินโดยลำพังเขา เข้าท่าดีนะ พอเราไปตัวหน้าเขาก็ค่อยไป ตัวเล็กมีสองตัว และตัวใหญ่ขนาบข้างนั้นข้างนี้ ตัวนั้นไปข้างหน้าตัวใหญ่นะ ตัวนี้ขนาบข้างนี้ๆ และอีกตัวหนึ่งอยู่ทางด้านหลัง พอเห็นเราไปก็ร้องแวกๆ เราก็เป็นแต่เพียงว่าอย่าเปิดแตร เขาก็ไม่ได้กลัวนักนะ เป็นลักษณะรีบๆ ด่วนๆ นิดหน่อยเท่านั้น

         เวลาเขาพ้นจากทางไปแล้วตัวสุดท้ายหันหน้ามาดูเรา เฉยเลย เราก็เฉย พอดูมันชัดเจนเราก็ผ่าน เขาก็ยังอยู่นั่นนะ เขาไม่ค่อยกลัว แสดงว่าเขาเคยผ่านไปผ่านมาแล้ว ไม่มีอันตราย อู๊ย น่ารักมาก ได้ไปเห็นที่ว่าช้างอ้วนเหมือนหมูจริงๆ ไม่ใช่ธรรมดา คือเขากินโดยลำพังเขา ดงอันนั้นเขาเรียกทุ่งกะมัง ดงใหญ่ที่สุดเลยดงนั้น ช้างหากินตามความสะดวกสบาย อาหารไม่อดไม่อยาก เพราะฉะนั้นช้างจึงอ้วนเหมือนกันหมด เราเลยติดหูติดตาเลยรักช้าง ๕-๖ ตัว ไม่จืดไม่จางนะเห็นเขารัก ไปคราวหลังนี้มันไปไหนแล้วไม่เห็นอีก เลยไม่เห็นจนกระทั่งทุกวันนี้ นานๆ เขาจะผ่านมาที อ้วนเหมือนหมู อาหารเขาพอ วันนี้ไม่พูดไม่เทศน์อะไร

รับฟังรับชมพระธรรมเทศนาของหลวงตา ได้ที่

www.Luangta.com หรือ www.Luangta.or.th

และรับฟังจากสถานีวิทยุสวนแสงธรรม กรุงเทพฯ และสถานีวิทยุอุดร

FM 103.25 MHz

 


** ท่านผู้เข้าชมทุกท่านโปรดทราบ
    เนื่องจากกัณฑ์เทศน์บางกัณฑ์มีความยาวค่อนข้างมาก ซึ่งจะส่งผลต่อความเร็วในการเปิดเว็บไซต์ ขอแนะนำให้ทุกท่านได้อ่านเนื้อหากัณฑ์เทศน์บางส่วนจากเว็บไซต์ และให้ทำการดาวน์โหลดไฟล์กัณฑ์เทศน์ที่มีนามสกุล .pdf ไปเก็บไว้ในเครื่องของท่านแทนการอ่านเนื้อหาทั้งหมดจากเว็บไซต์

<< BACK

หน้าแรก