ทุกข์ตามธรรมพระพุทธเจ้า
วันที่ 4 กรกฎาคม. 2548 เวลา 8:30 น.
สถานที่ : ศาลา สวนแสงธรรม กรุงเทพฯ
| |
ดาวน์โหลดเพื่อเก็บไว้ในเครื่อง
ให้คลิกขวาแล้วเลือก Save target as .. จาก link ต่อไปนี้ :
ข้อมูลเสียงแบบ(Win)   ข้อมูลเสียงแบบ(MP3)

ค้นหา :

เทศน์อบรมฆราวาส ณ สวนแสงธรรม

เมื่อเช้าวันที่ ๔ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๔๘

ทุกข์ตามธรรมพระพุทธเจ้า

 

ก่อนจังหัน

          เวียงจันทน์นี้เป็นเมืองหลวงของประเทศลาว ความจำเป็นจะมาอยู่ที่นั่นหมดนั่นละ เราก็เลยจะพิจารณาให้ทูตลาวเข้ามาหา แล้วก็บอกให้หมอนั้นมา มาพูดถึงเรื่องความจำเป็นของเครื่องมือแพทย์เป็นยังไงๆ บ้าง หลังจากนั้นแล้วเราก็จะพิจารณากัน นี่ยังไม่มาแต่จะมาเร็วๆ นี้แหละ เราเปิดทางให้แล้วให้มา อย่างนี้ละความจำเป็นมันมีทุกแผ่นดินแผ่นหญ้านั่นแหละ สพฺเพ สตฺตา อันว่าสัตว์ทั้งหลายที่เป็นเพื่อนทุกข์เกิดแก่เจ็บตายด้วยกันหมดทั้งสิ้น มันมีความจำเป็นอาศัยกันระโยงระยางอยู่ตลอดเวลา มนุษย์เราอาศัยกัน เราจึงได้พิจารณาอุตส่าห์พยายามช่วยเต็มกำลัง

         สุดลมหายใจชาตินี้เราก็เป็นอันว่าไปละ พูดง่ายๆ พูดให้ชัดพี่น้องทั้งหลาย ที่เราช่วยชาติมานี้ตะเกียกตะกายมา เฉพาะอย่างยิ่ง ๗ ปี จะเป็นจะตายเพื่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ เราเท่านั้น สำหรับเพื่อเราเอง เราบอกว่าไม่มี หมด หมดโดยสิ้นเชิง เราไม่เพื่ออะไรสำหรับเรา บอกว่าพอแล้วก็บอกว่าพอแล้ว นี่ละอำนาจแห่งการบำเพ็ญธรรม เมื่อถึงขั้นพอพอจริงๆ ไม่เอาอะไรทั้งหมด สามแดนโลกธาตุปล่อยโดยสิ้นเชิง โดยหลักธรรมชาติ ทำยังไงให้เป็นไปอะไรอีกไม่ได้แล้ว เรียกว่าเป็น อฐานะ ให้เป็นอื่นเป็นใดไปไม่ได้แล้ว ว่าพอ พอ นั่น

         เราพอทุกอย่างแล้วเราก็บอกตรงๆ ไม่ใช่มาอวดบรรดาพี่น้องลูกหลานทั้งหลาย เราช่วยชาติมานี้เป็นเวลา ๗ ปีเต็ม เราตั้งหน้ามาอวดเหรอ พิจารณาซิ ความเมตตานั่นเอง เมืองไทยเราจะล่มจะจม เป็นเมืองไทยมาตั้งแต่ปู่ย่าตายายพากันถ่อกันพายมาบรรดาปู่ย่าตายายพาลูกพาหลานไทยเราถ่อพายมาๆ ก็พอเป็นไปทุกสิ่งทุกอย่างสงบร่มเย็น สมบูรณ์พูนผลเรื่อยมา แต่มาถึงระยะที่ว่านี้ซิ เมืองไทยจะจมเอาต่อหน้าต่อตา มองไปที่ไหนมีแต่หัวจ่อลงไปทะเลหลวงแห่งความล่มจม แม้หมูหมาเป็ดไก่ เจ้าของหัวจ่อลงมันก็จ่อลงเหมือนกัน มันจะจมไปหมด ทุกสิ่งทุกอย่างมองไปไหนมีแต่สิ่งที่จะจมไปด้วยกันกับชาติไทยเรา นี่ละที่มันสะดุ้งแรงนะ ถึงร้องโก้กทีเดียว

         นั่นละที่ได้ออกช่วยพี่น้องทั้งหลาย เราออกช่วยด้วยความเมตตา เราไม่ได้ออกช่วยเพื่อหวังชื่อหวังเสียงอะไรเราไม่มี เราพอทุกอย่างแล้ว ช่วยเต็มเม็ดเต็มหน่วย เต็มความสามารถ ทุกสิ่งทุกอย่างที่ได้ช่วยพี่น้องทั้งหลายได้คิดเต็มหัวใจๆ แล้วจึงได้ออก เพราะฉะนั้นเรียกว่าเราก็ภูมิใจ ในการช่วยพี่น้องทั้งหลายไม่ผิดไม่พลาดตลอดมา เพราะได้พิจารณาโดยธรรมๆ เอาธรรมเป็นเกณฑ์ ไม่ว่าทางด้านวัตถุ ด้านวัตถุตั้งแต่ทองคำ-ดอลลาร์-เงินสดลงมานี้บริสุทธิ์สุดส่วน เราไม่เคยแตะ พูดตรงๆ เลยว่าเจตนาของเราที่จะหยิบเอาของท่านทั้งหลายมาเป็นของส่วนตัวด้วยความทุจริต มัวหมองหรือมืดตื้ออย่างนี้บาทหนึ่งเราก็ไม่มี ขนาดนั้นละ

         นี่เราช่วยด้วยความเมตตาจริงๆ เราเชื่อความบริสุทธิ์ของเราภายในใจของเรา ทางด้านวัตถุไม่ว่าทองคำ-ดอลลาร์-เงินสดจะจ่ายไปทางไหนๆ เราเป็นผู้ควบคุมเอง สำหรับทองคำเรียกว่าร้อยทั้งร้อยเลยเข้าคลังหลวงของเรา ดอลลาร์ก็เข้าคลังหลวงเพียง ๑๐ ล้าน จากนั้นหมุนดอลลาร์มาช่วยเงินไทย เงินไทยช่วยโลก ช่วยคนทั้งประเทศนั่นแหละ หมุนมาช่วยเงินไทย อย่างนั้นตลอดมา เราช่วยด้วยความบริสุทธิ์จริงๆ

         เพราะฉะนั้นเราจึงกล้าพูดกับบรรดาพี่น้องทั้งหลายทุกสัดทุกส่วน ไม่สะทกสะท้านว่าจะผิดไป เพราะเราพิจารณาแล้วทุกอย่างที่แสดงออกมาทางกิริยาการพูดการจา ทางด้านวัตถุก็สมบูรณ์ เราไม่ได้ต้องติเราว่าไปซุกซ่อนไว้ที่ไหนเงินเหล่านี้น่ะ ถอดออกจากหัวใจของพี่น้องทั้งหลายด้วยความรัก แล้วออกมาเป็นทาน แล้วหลวงตาบัวเอาไปซุกซ่อนไว้ที่ไหน ไปกินไม่มี เปิดอย่างนี้เลย นี่ละเราถึงกล้าหาญทุกอย่างที่พูดต่อพี่น้องทั้งหลายด้วยความบริสุทธิ์ใจ และความเมตตาครอบตลอดมานะ

         พูดมานี้ก็มาจนตรอกกันตอนที่ตา พอเห็นโรงพยาบาลศูนย์เขามาขอ ตกลงให้เขาแล้วว่าเป็นราคาเจ็ดล้านสองแสน เอาลงกัน เพราะอันนี้ได้เปิดทางให้เขาแล้ว ตามธรรมดาเขาจะไม่มาขอละ คือเราเปิดทางให้แล้วว่าตานี้ทั้งหมดเราจะพยายามช่วยให้เต็มเหนี่ยว เพราะเราไปเห็นคนในโรงพยาบาลห้องตาแล้ว ไม่ว่าเช้าสายบ่ายเย็นแน่นตลอดเวลาๆ เวลาถามแล้วหมดทั้งภาค ประเทศลาวก็มา ว่างั้นนะ

         นี่ละเราถึงได้ช่วยเต็มเหนี่ยว แล้วก็เปิดทางเลยว่าเอาหมดก็หมดไป เรื่องตานี่เราจะช่วยเต็มเหนี่ยว เราเห็นคุณค่าของตามากที่สุด คนเราลงตาบอดแล้วหมดคุณค่าทันที เราจะสร้างคุณค่าให้แน่นหนามั่นคงเต็มเหนี่ยวอยู่อย่างนี้ตามเดิม ช่วยเหลืออย่างนี้ เราจึงช่วยมาตลอดๆ แล้วเปิดเลย ทางโรงพยาบาลมีความขัดข้องด้วยเครื่องมือแพทย์อะไรไม่ต้องมาถามเรา เราบอกอย่างนั้น เมื่อทางนี้เห็นความจำเป็นควรที่จะซ่อมให้รีบซ่อม ถ้าไม่ควรซ่อมให้รีบสั่งมา บอกอย่างนั้นเลย สั่งมาแล้วรับรองคุณภาพแห่งเครื่องมือที่มาถึงแล้วนั้นแล้วส่งบิลมาหาเรา ไม่ต้องมาบอกเรา เราจะจ่าย คือบิลนี้จ่ายตามบริษัทนั้นๆ ที่เขาส่งมา จ่ายเงินให้เขา อย่างนี้เรื่อยมา

         แต่คราวสุดท้ายนี้เจ็ดล้านสองแสนนี่เขามาบอกเอง เขาคงจะเกรงใจ เพราะมันมากต่อมาก ตามธรรมดาเขาสั่งเลยๆ คราวนี้เขาต้องมาหาเรา เราก็เปิดรับเลยทันที มือเขียนต้องมือลบซิ เราบอกเราเปิดเต็มที่สำหรับตา เขามาอย่างนี้เจ็ดล้านสองแสนก็เอา เปิดเต็มที่ พอทางนี้เปิดเต็มที่ทางประเทศลาวได้ทราบข่าวโดดมาอีกละ นี่กำลังหนัก เราช่วยด้วยความเมตตา ตานี่สำคัญมากนะ คนเราคุณค่าสำคัญในอวัยวะทุกส่วนอยู่กับตา ตื่นขึ้นมาปั๊บมองเห็นนี่ก็ชื่นใจชื่นตา ตื่นขึ้นมาปั๊บบอด หลับลงไปบอดไม่เป็นท่าเลย ยังเหลือลมหายใจฝอดๆ อยากตายเท่านั้นคนเรา ใช่ไหม เมื่ออยู่ไปก็ไม่มีความหมาย อยู่ไปทำไมอยากตาย ถ้าตายังดีอยู่ไม่ตายง่ายๆ คลานไปตามันยังเห็น เดินไปได้ตามันยังเห็น นั่นละสำคัญ เราก็ช่วยอย่างนี้ ให้พี่น้องทั้งหลายทราบเอาไว้นะ ความจำเป็นมีอยู่ทั่วโลก เราช่วยเต็มกำลังของเรา

         (อ.รัตนากราบเรียนถึงวิทยานิพนธ์ของนักศึกษา โดยใช้สื่อจากหนังสือหยดน้ำบนใบบัวและอินเตอร์เน็ตของหลวงตา) ดีแล้ว เป็นประโยชน์แก่โลก เฉพาะอย่างยิ่งเมืองไทยเราเป็นเมืองพุทธ ควรจะได้หลักพุทธศาสนาออกไปใช้ในแขนงต่างๆ ของทางโลกเรา ถ้าธรรมแทรกเข้าไปตรงไหนจะอบอุ่นๆ ไม่ค่อยผิดพลาดนะ ธรรมสำคัญมากทีเดียว ให้ความอบอุ่นได้ดี แม่นยำด้วยความถูกต้อง

 

หลังจังหัน

         จะเอาของไปให้พวกรักษาด่าน พวกรักษาด่านเขารักษาสมบัติของชาติเราต้องสนับสนุน เช่นอย่างทางเพชรบูรณ์ก็เหมือนกัน เพชรบูรณ์ได้สักประมาณไม่ต่ำกว่า ๘ ปี ช่วยมาเป็นประจำทุกเดือนๆ เลยเชียว  เริ่มต้นก็เราไปสร้างตึกให้โรงพยาบาลหล่มสัก เราเดินทางผ่านไปผ่านมาดูสภาพความเป็นอยู่ของเขา เริ่มต้นให้เขาซื้อของบ้าง ผ่านไปก็ดูให้ซื้อของบ้าง เอาของแต่เล็กน้อยแล้วเอาเงินให้เท่านั้นๆ  ครั้นต่อมาเลยไปส่งตลอดเลยส่งของ เดือนละครั้งๆ ก่อนจะมานี่รีบไปส่งแล้วก็มา เดือนละครั้งไม่ให้ขาดเลย

ภูวัวนี่ก็ไปส่งแล้วก่อนจะมา วัดถ้ำพระภูวัว  อันนั้นพระ ๓๐ กว่าเป็นประจำนะ ไปส่งให้ทุกเดือนเลย ได้ ๒๐ กว่าปีแล้ว พระทั้งวัดเราเลี้ยงดูทั้งหมดเลย แต่ก่อนมีพระสองสามองค์ เพราะการโคจรบิณฑบาตลำบาก บ้านอยู่นั้นสองสามหลัง พระอาศัยภาวนาอยู่นั้นเห็นว่าภาวนาดี เราทราบพอมีโอกาสเราก็ไปดู ลงรถแล้วก็ตระเวนดูรอบหมด จากนั้นมาก็ประกาศเลย บอกว่าเราจะรับเลี้ยงวัดนี้ พระมีเท่าไรถ้าต้องการภาวนาจริงๆ แล้วให้มา มีเท่าไรเราจะรับเลี้ยง สู้ไม่ได้เราก็จะบอกว่าสู้ไม่ได้ ให้มาเลย ถ้าพระตั้งใจปฏิบัติเพื่อมรรคเพื่อผลจริงๆ เอ้ามา เราจะรับเลี้ยง แต่พระโกโรโกโสให้ไล่ลงภูเขาให้หมดอย่าให้หนักภูเขาลูกนี้ เราว่างั้น ต้องเด็ดทั้งสองอย่างใช่ไหมล่ะ

ตั้งแต่บัดนั้นมาท่านคงจะตั้งจุดศูนย์กลางไว้ประมาณ ๓๐ มี ๓๐ กว่าบ้าง ขาดบ้างเล็กน้อย บางทีก็ ๔๐ เป็นประจำมาได้ ๒๐ กว่าปีนี้ เรารับเลี้ยงทั้งวัดเลยนะ พระกรรมฐานที่ตั้งหน้าตั้งตาปฏิบัติจริงๆ ตอนค่ำท่านจะมารวมกันเป็นประจำทุกวัน เอาเทปของครูบาอาจารย์ทั้งหลาย ส่วนมากเป็นเทปของเรานี่แหละ ตั้งกึ๊กลงเปิดเทปแล้วท่านนั่งภาวนาฟัง อย่างน้อยหนึ่งกัณฑ์จบ พอจบแล้วใครจะนั่งต่อไปก็ได้ ไม่นั่งต่อไปก็กลับไปภาวนาก็ได้ อย่างนี้เป็นประจำ พอตกเย็นเริ่มมืดท่านก็มารวมกัน เอาเทปเปิดแล้วนั่งภาวนาฟัง อย่างน้อยเทปจบหนึ่งกัณฑ์เสียก่อน แล้วองค์ไหนอยากจะลุกไปภาวนาเองก็ไป ผู้ไม่อยากลุกจะนั่งต่อฟังต่อไปก็ได้ หรือภาวนาต่อไปไม่เปิดเทปก็ได้

เราส่งเสริมสำหรับผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ เราพูดจริงๆ เราส่งเสริม คิดดูอย่างวัดถ้ำภูวัวนี้ บางทีถึง ๔๐ องค์ก็มี เราบอกมาเท่าไร เอา มา เราบอกไว้แล้วนั่น มาเท่าไรเราก็รับเลี้ยงทั้งนั้น ถ้าสู้ไม่ไหวเราก็จะบอกว่าสู้ไม่ไหวว่างี้เลย นี่ยังไม่ปรากฏว่าสู้ไม่ไหว ไปทีไรถามพระมีเท่าไร เดือนหนึ่งๆ ไปทุกเดือนนะ ก่อนจะมานี่ก็วันที่ ๒๗ หรือไงไปแล้ว ไปแต่ละครั้งรถฟาดถึง ๔ คันเต็มเอี๊ยดๆ กองพะเนินเทินทึกเท่าภูเขาทั้งลูก รถหกล้อก็มี สี่ล้อก็มี บองขึ้นเต็มรถๆ เลย ของกำหนดให้พอและเผื่อไว้เสมอ คือพระที่อยู่ตามแถวนั้นก็มี แห่งละสององค์บ้างสามองค์บ้าง ท่านมาอยู่แถวนั้น ท่านก็มาอาศัยนี้แหละ เวลาจำเป็นท่านให้ตาปะขาวบ้างให้เณรบ้างมาเอาไป รถมาลำบากมาไม่ได้ ท่านก็มาเอาไป

เราเอาไปไว้จุดศูนย์กลาง เผื่อไว้เสมอ เผื่อวัดนั้นวัดนี้ที่ท่านมาอยู่ภาวนาตามแถวนั้น พระเหล่านี้แหละเป็นพระผู้จะทรงมรรคทรงผล เราจึงส่งเสริม ถึงไหนถึงกันแหละเรา ถ้าตั้งใจปฏิบัติจริงๆ แล้วเอา ถึงไหนถึงกันเลย อย่างวัดภูวัวนี้ เอ้า มาเท่าไรมาเราจะรับเลี้ยง หากว่าเราสู้ไม่ไหวจริงๆ เราจะบอกว่าไม่ไหว ก็ไม่เคยได้ยินว่าสู้ไม่ไหว ไปถามทีไร เป็นยังไงอาหารที่ส่งมาพอไหม โอ๊ย พอ เหลือเฟือ ก็เราส่งเผื่อแล้วนี่ แถวนั้นให้มาเอาที่นี่ๆ เราบอกแล้วว่าเราไปส่งไม่ได้ ซอกแซกซิกแซ็ก เราจะมาส่งจุดเดียวนี้เท่านั้น แล้วท่านผู้ใดขาดเขินก็ให้มาเอาตามนี้

ท่านอุทัยท่านก็เปิดโอกาสไว้ วัดแถวนั้นแห่งละสององค์บ้าง สามองค์บ้าง อยู่ในเขานะ อยู่ในภูเขา อยู่ตามหินอะไรภาวนาดีๆ ท่านอยู่ เวลาท่านจำเป็นท่านก็มาติดต่อขอจากนี้ไป เราไปไว้เป็นจุดศูนย์กลาง ไปเที่ยวละสี่คันรถ หกล้อก็มี สี่ล้อก็มี จะบองให้เต็มทุกคัน ทุกอย่างเราจะเผื่อไว้เสมอ สำหรับวัดนี้กะว่าขนาดนี้ แล้วเผื่อไว้เพื่อวัดนั้นวัดนี้เป็นประจำ นี่ก็ได้ ๒๐ กว่าปีแล้ว ประจำทุกเดือนให้ไม่ขาด เราพยายามส่งเสริมพระผู้ปฏิบัติดี ท่านเหล่านี้แหละจะเป็นผู้ทรงมรรคทรงผล และให้ความสงบร่มเย็นแก่ชาติบ้านเมืองของเรา เพราะท่านเป็นธรรม ความเป็นธรรมอยู่คนเดียวก็เป็น ไปเกี่ยวข้องกับใครเป็นธรรมไปหมด

ความสกปรกไปที่ไหนเลอะเทอะ อยู่คนเดียวก็มอมแมมอยู่กับมูตรกับคูถนั่นแหละ กระจายออกไปที่ไหนก็มูตรคูถแตกกระจายออกไปเหม็นคลุ้งไปหมด นั่นความสกปรกของผู้ทำชั่ว พระทำชั่ว เป็นอย่างนั้น ถ้าพระทำดีคนทำดีหอมหวนอยู่ภายในตัวเอง อยู่คนเดียวก็ผาสุกร่มเย็นสบาย ออกไปที่ไหนเกี่ยวข้องกับประชาชนญาติโยมเป็นมงคลไปหมด มันต่างกันนะ เพราะฉะนั้นเราจึงต้องส่งเสริมพระให้ไปอยู่อย่างนั้น ผู้ที่อยู่ในที่เช่นนั้นส่งเสริมอาหาร เช่นอย่างวัดภูวัวนี่ไม่ให้ขาดเลย เป็นประจำทุกเดือนๆ มาได้ ๒๐ กว่าปี ไม่ให้บกพร่องขาดเขิน หากว่าเรามีเวลาว่างเราก็ไป ถ้าเราไปก็เป็นอาหารเสริมไป คือเราไปนี้ไม่ต่ำกว่าสองคันรถแหละ เต็มเอี๊ยดเหมือนกันเราไป อันนี้แล้วแต่เราจะไปเมื่อไร มีโอกาสเราก็ไป ถ้าไม่มีโอกาสของก็เหลือเฟืออยู่แล้ว จากนั้นก็ไปวัดนั้นวัดนี้

การเสียสละนี้เราพูดได้เต็มปากเลย เราเสียสละเพื่อโลกล้วนๆ เราไม่มีอะไรที่จะมาติดพันกับมัน เราสละเพื่อโลกล้วนๆ ดิ้นดีดอยู่ตลอดเวลา ไปมาอย่างนี้ก็เหมือนกัน แทนที่จะเป็นเรื่องของเราไม่มีนะ เราเพื่อโลกเท่านั้น ทุกข์ยากลำบากขนาดไหนเราก็เพื่อโลกไม่ได้เพื่อเรา เพื่อเราก็ธาตุขันธ์ของเราก็เพียงอาศัยบิณฑบาตไปวันหนึ่งก็พอ นอกจากนั้นเพื่อโลกทั้งหมด ได้มามากน้อยดังพี่น้องทั้งหลายทราบ ออกหมดเลย เราไม่มีคำว่าเก็บ ออกตลอดๆ เราช่วยให้เต็มเม็ดเต็มหน่วยนี้เสียในชาติที่เรามีชีวิตอยู่นี่ เราตายแล้วช่วยอย่างนี้ก็ไม่มี เวลามีชีวิตอยู่มีเท่าไรทุ่มหมด

อย่างในวัดป่าบ้านตาดไม่มีการสั่งสม มีเท่าไรออกหมดๆ เลยตั้งแต่ไหนแต่ไร ตั้งแต่สร้างวัดป่าบ้านตาดมาไม่เคยมีการสั่งสม มีมากมีน้อยเฉลี่ยออกไป ถ้าเป็นความจำเป็นทางฆราวาสเราก็เจียดไปช่วยทางฆราวาส ถ้าจำเป็นทางพระเราก็ส่งไปทางพระ ออกตามนี้เลย พระที่ท่านตั้งใจปฏิบัติดีปฏิบัติชอบท่านจะตักตวงเอามรรคผลนิพพานอยู่เงียบๆ นะ ท่านที่เป็นเศรษฐีธรรมมักจะอยู่เงียบๆ อย่างนั้น อยู่ที่ไหนเงียบๆ แต่ธรรมกังวานอยู่ เทวบุตรเทวดาอินทร์พรหมอนุโมทนาสาธุการท่านอยู่ในป่าในเขา ท่านไม่ได้อยู่ตามนี้ก็ตาม พวกเทวบุตรเทวดาอินทร์พรหมอนุโมทนาสาธุการห้อมล้อมท่านอยู่ตลอดเวลาในป่าในเขา

อันนี้คือตาธรรมของพระพุทธเจ้า ตาธรรมของสาวกที่ท่านเกี่ยวข้องกัน พวกตาบอดเรานี้ก็เห็นแต่ข้าวต้มขนม เห็นแต่สุรายาเมา พวกตาเรา ตาท่านท่านเห็นอรรถเห็นธรรมกันทั้งนั้น เสาะแสวงหาอรรถหาธรรม ตาท่านกับตาเราผิดกัน ใจท่านกับใจเราผิดกัน คติที่จะไปข้างหน้า ความเป็นไปข้างหน้าจึงต่างกัน ผู้ที่สั่งสมแต่ความดีงาม ไปที่ไหนมีแต่ความดีงาม สมมักสมหมายตลอดไป เพราะตนได้สร้างแต่ความดีงามเอาไว้ สมมักสมหมายไว้ ทีนี้เวลาผ่านไปจากอัตภาพนี้ อัตภาพนี้ก็คือใจดวงนี้เป็นผู้สร้างไว้แล้วเสวยผลของตน ความดีก็เสวยผลของความดี ถ้าความชั่วก็เสวยทุกข์ ท่านจึงสอนให้ละชั่วทำดี ไม่ไปไหนสองอย่างนี้

กลฺยาณํ วา ปาปกํ วา ตสฺส ทายาโท ภวิสฺสามิ การสร้างความชั่วหรือความดีจะหนุนขึ้นมา เรานั้นแลจะเป็นผู้รับผลของกรรมทั้งสองประเภทนี้ ไม่มีผู้อื่นใดที่จะมารับแทนได้เลย เราจึงต้องได้คัดเลือกสิ่งที่ทำลงไป สิ่งที่ทำลงไปนั้นมันเป็นภัยแล้วก็กลับมาเป็นภัยต่อเรา สิ่งที่ทำลงไปเป็นคุณก็กลับมาเป็นคุณต่อเรา ไปที่ไหนสะดวกราบรื่นดีงาม เป็นอย่างนั้นตลอด พอพูดอย่างนี้เราก็ยกตัวอย่างเช่น ในครั้งพุทธกาล พระสีวลีไปที่ไหน เทวบุตรเทวดาไม่มาอยู่นี้นะ ไปที่ไหนเกลื่อนอยู่ด้วยศรัทธาญาติโยมมนุษย์มนา เทวดาอินทร์พรหม นิรมิตตนลงมาทำบุญให้ทาน ท้าวสักกเทวราชก็มาทำบุญให้ทานกับท่านพระสีวลี

พระสีวลีนี้เลิศในทางมีอติเรกลาภมาก ในลูกศิษย์พระตถาคตครั้งพุทธกาล พระสีวลีนี้เป็นผู้มีอติเรกลาภมากที่สุดในบรรดาสาวกทั้งหลาย ยกพระสีวลีเป็นที่หนึ่ง ท่านไปที่ไหนๆ เกลื่อนไปด้วยวัตถุไทยทาน เพราะอะไร เวลาย้อนหลังถึงอดีตชาติของท่าน ท่านเป็นนักเสียสละ นั่นอย่างนี้นะ นี่ละผลสร้างมา สร้างมาสนองท่านวาระสุดท้าย คือคราวนั้นท่านตายแล้วท่านก็นิพพานไปเลย ท่านจะไม่กลับมาเกิดอีก เหมือนกับว่ากองบุญทั้งหลายที่ท่านสร้างมามากน้อย มาสนองท่านให้เห็นประจักษ์ต่อตาต่อตาทั้งประชาชนและองค์ท่านเอง ไปที่ไหนเกลื่อนไปหมดพระสีวลี นี่ก็มาตามสายบุญ ท่านไปไหนเป็นอย่างนั้น

ทั้งๆ ที่อดอยากขาดแคลน ถ้าท่านไปไหนแล้วเกลื่อนไปหมด นี่เพราะอำนาจแห่งบุญของท่าน ในครั้งพุทธกาลก็มีพระสีวลี ไปที่ไหนเกลื่อนไปด้วยวัตถุไทยทาน ผู้ที่อดอยากขาดแคลนก็เอาอีกแหละ ก็เห็นชัดๆ ผู้อดอยากขาดแคลน นี้ก็มีในประวัติเหมือนกัน เราได้ดูประวัติทั้งสองเลย ประวัติองค์ที่อดอยากขาดแคลนมากๆ จนเป็นประวัติขึ้นมาเหมือนกับพระสีวลี พระสีวลีท่านเด่นทางอติเรกลาภมาก จนเป็นประวัติขึ้นมา พระองค์นี้ก็เป็นผู้ทุกข์ผู้ยากลำบากลำบนเข็ญใจ ตั้งแต่วันบวชมาฉันจังหันไม่เคยอิ่มเลย โผเผมายังไงถึงได้มาเกิดเป็นมนุษย์ก็ไม่รู้นะ แล้วเข้าไปบวชในพุทธศาสนา เวลาไปบิณฑบาต พระองค์นี้บิณฑบาตฉันจังหันไม่เคยอิ่ม ตั้งแต่วันบวชมาท่านบอกไม่เคยฉันจังหันอิ่มเลย

เวลาถาม ไม่มีคนถวายอาหารท่านเหรอ พระเณรทั้งหลายในวัดไม่เหลียวแลท่านเหรอ ท่านก็บอกเหลียวแล ท่านใส่บาตรให้เต็ม ครั้นฉันไปๆ ไม่ทราบหายไปไหน ทางนี้ยังไม่อิ่มอาหารในบาตรหมดแล้วๆ ทุกวัน จนเสียงความจนของท่านร่ำลือไปถึงพระพุทธเจ้า พระสารีบุตร โมคคัลลาน์ พระสารีบุตร โมคคัลลาน์จึงได้มา ตั้งหน้ามาเลย เตรียมอาหารไทยทานมาอย่างเต็มเหนี่ยวเลย วันนี้จะไปถวายอาหารบิณฑบาตพระทุคตะเข็ญใจองค์นี้ ให้ท่านได้ฉันจังหันอิ่มวันนี้ให้เห็นต่อหน้าต่อตา ท่านก็มาเลย พระสารีบุตร โมคคัลลาน์ อัครสาวกข้างซ้ายข้างขวา

พอมาแล้ว ไหนได้ทราบว่าท่านตั้งแต่ท่านบวชมาท่านฉันจังหันไม่เคยอิ่มใช่ไหม ใช่ ท่านว่า เพราะเหตุไร ไม่มีใครใส่บาตรให้ท่านเหรอถึงฉันจังหันไม่อิ่ม มี เรื่องใส่บาตรมี ไม่ได้ตำหนิติเตียนศรัทธาทั้งหลายที่ให้ทั้งฝ่ายฆราวาสทั้งฝ่ายพระ ใครก็เห็นใจว่าฉันจังหันไม่อิ่มๆ ใครก็มาสงเคราะห์ สงเคราะห์เท่าไรก็เหมือนเทลงในทะเลหลวง ไม่ได้เข้ามาในพุงนี้ ฉันไม่อิ่มเลยทั้งที่ของเต็มบาตร นี่ดูซิ นี่ละอำนาจของกรรม ใครอย่าไปคาดนะ คาดกรรมว่าจะเป็นไปตามคาดอย่างนั้นอย่างนี้ไม่เป็น กรรมดีกรรมชั่วเหนือทุกอย่าง ท่านจึงบอกว่า นตฺถิ กมฺมสมํ พลํ ไม่มีอานุภาพใดที่จะเหนืออำนาจแห่งกรรมดีกรรมชั่วนี้ไปได้ นั่นฟังซิ อันนี้มีอานุภาพมาก

ทีนี้เวลามาก็มาถามท่านทราบชัดเจนแล้ว พระสารีบุตรจัดเองทีเดียว อาหารใส่บาตรให้เต็มเอี๊ยด เอาทีนี้ฉัน พระสารีบุตรนั่งเฝ้าอยู่นั้นเลยนะ เอา ท่านฉันให้อิ่มวันนี้มันจะเป็นยังไง แต่พระสารีบุตรท่านจับขอบปากบาตรไว้นะ ถ้าปล่อยขอบปากบาตรเมื่อไรอาหารในนั้นจะหมด ต้องจับขอบปากบาตรไว้ให้พระองค์นั้นท่านฉัน ฉันเสียอิ่มเต็มเหนี่ยว ตั้งแต่บวชมาฉันจังหันอิ่มวันเดียวนั้นแหละ พอฉันจังหันอิ่มแล้วเลยตายในวันนั้น แสดงว่าอิ่มมากไปท่า ท้องแตก แต่ท่านไม่ได้บอกไว้ในประวัติว่าท้องแตก บอกแต่ท่านอิ่มแล้วท่านตายในวันนั้นเลย อิ่มวันนั้นก็ตายพอดี นี่ผู้จนก็จนอย่างนี้

ได้ทราบประวัติว่าพระองค์นี้ตระหนี่ถี่เหนียวมาก นั่นเห็นไหมล่ะ แม้ที่สุดพวกข้าวสุกข้าวสารมันตกเรี่ยเสียหายลงไปนี้ พวกมดพวกแมงอะไรมาขนไปกิน ก็ไปขุดเอาในรูเขา เอาข้าวสารข้าวเปลือกที่มดทั้งหลายขนลงไปในรู เขาเอาไปเลี้ยงกันในรู สูเอาไปทำไมนี่ของกูนี่นะ ไปขุดของเขาเอามา มันน่าโมโหใช่ไหม ถ้าเราเป็นมดเป็นปลวกเราจะไล่กัดให้มันหลงทิศไปเลยพระองค์นี้ ไม่ต้องมาให้ทนทุกข์ทรมานฉันอาหารไม่อิ่ม ให้คนทั่วโลกได้รู้ได้เห็นกัน เราจะตามฆ่ามัน ถ้าหลวงตาบัวเป็นมดนะ

นี่ความตระหนี่ถี่เหนียว เอารัดเอาเปรียบที่สุด แล้วโผเผยังไงได้มาบวชเป็นพระ เวลาบวชเป็นพระบิณฑบาต ทุกอย่างที่พระทั้งหลายท่านทำให้พระองค์นี้นะ เอาบิณฑบาต ถ้าไปธรรมดาตามลำดับพรรษามันไม่ได้ ให้ออกหน้าเป็นหัวหน้าไป ก็มาดลบันดาลให้เขาไม่เห็นเสีย เขาก็มาเห็นองค์นี้ ต่อไปก็ใส่ องค์นั้นก็บาตรเปล่ากลับมา เอาขยับมานี้เปลี่ยนนี้ มาถึงนี้เขาก็ไม่เห็นเสีย บาตรเปล่ากลับมา ฟาดไปสุดท้ายข้าวหมดบาตรเปล่ากลับมา

นี่อำนาจแห่งกรรมมันบอกชัดๆ นี่คือผู้ตระหนี่ถี่เหนียว ไปที่ไหนคับแคบตีบตัน ภพชาติต่างๆ ดังที่ว่า นี่ก็เห็นชัดเจน ไปที่ไหนหาความอิ่มหนำสำราญไม่มีพระองค์นี้ ทีนี้พระสีวลีเป็นยังไง ไปที่ไหนหาความบกพร่องไม่มี ถึงขนาดที่พระพุทธเจ้ายกขึ้นชมเชย ไปเยี่ยมพระเรวัตตะที่อยู่ในป่า พระเรวัตตะท่านเป็นน้องชายของพระสารีบุตร เป็นพระอรหันต์ด้วย ท่านชอบอยู่ในป่าและอยู่ในป่าเป็นประจำ อยู่ๆ พระพุทธเจ้ารับสั่งพระอานนท์ว่า “วันนี้เราจะไปเยี่ยมพระเรวัตตะในป่า” “โอ๊ย จะไปยังไงป่านี่มันอดอยากขาดแคลนมากนะพระเจ้าข้า ไปที่ลำบากลำบนมาก” “โอ๋ย จะไปยากอะไร” นั่นเห็นไหมเวลาท่านจะยกสาวกขึ้นนะ ใครจะเลิศยิ่งกว่าศาสดาล่ะ ท่านไม่เอาศาสดาท่านยกสาวกท่านขึ้น “มันจะยากอะไรเราเอาพระสีวลีไป มีกี่ท้องเต็มหมด ไป”

ไปก็พระสีวลีเป็นอย่างนั้นจริงๆ เกลื่อนไปหมด ไม่มีอดอยากขาดแคลน นี่ละอำนาจของการให้ทาน ไปไหนมันหากเป็นในตัวเองนั่นละ ไม่อดอยากขาดแคลน เบิกกว้างๆ คนที่มีจิตใจกว้างขวางสละทำบุญให้ทาน ไม่ได้เลือกนะ ไม่ว่าสัตว์ไม่ว่าบุคคล ชาติชั้นวรรณะใด ให้ทานไปเป็นทานเป็นกุศล เสริมบารมีของตนให้กว้างขวางเบิกบานออกไปโดยลำดับเช่นเดียวกันหมด ไม่ว่าจะให้ทานแก่บุคคลหรือสัตว์ประเภทใดก็ตาม บุญเป็นบุญมาตลอด เวลาได้ผลที่ตามสนองนี่ไปที่ไหนไม่อดอยากขาดแคลน นี่ละอำนาจแห่งการตระหนี่ถี่เหนียวกับอำนาจแห่งความเสียสละต่างกันอย่างนี้

ขอให้ท่านทั้งหลายจำเอานะ พระพุทธเจ้าแล้วพูดไม่มีสอง หนึ่งไม่มีสอง คือสวากขาตธรรมตรัสไว้ชอบทุกอย่าง ไม่มีที่คัดค้านต้านทานได้เลย ถูกต้องคือธรรมของพระพุทธเจ้านั่นแหละ ให้พากันนำไปปฏิบัติ เราอยากจะพ้นจากทุกข์ภัยทุกสิ่งทุกอย่าง ตั้งแต่เล็กน้อยถึงใหญ่ ให้พ้นไปโดยสิ้นเชิง ต้องอาศัยคำสอนของพระพุทธเจ้า เดินตามทางของพระพุทธเจ้า ทุกข์ก็ทุกข์เถอะ ทุกข์ตามธรรมของพระพุทธเจ้านี่ทุกข์เพื่อความสุขนะ ถ้าทุกข์เพื่อกิเลสนี่ทุกข์เท่าไรเป็นมหันตทุกข์

ท่านว่า ทุกฺขสฺสานนฺตรํ สุขํ ทุกข์เกิดในลำดับแห่งสุข คือต้องทุกข์เสียก่อนที่จะได้รับความสุขความเจริญขึ้นมา เช่นพระพุทธเจ้าสลบสามหนทุกข์ แต่ผลปรากฏขึ้นมาเป็นศาสดาเอก แต่ สุขสฺสานนฺตรํ ทุกฺขํ สุขเกิดในลำดับแห่งทุกข์ คนหาตั้งแต่ความสะดวกสบายในเบื้องต้น ไม่อยากประกอบหน้าที่การงานอะไรเลย เอาความสะดวกสบายในเบื้องต้นก็เป็นทุกข์ในเบื้องหลัง คนคนนี้เป็นทุกข์

ใครอย่าไปสุกก่อนห่ามนะ หรือเอาสุขก่อนทั้งๆ ที่ไม่ประกอบผลอะไรที่จะให้เป็นความสุขเลยไม่ได้นะ ต้องพยายามอุตส่าห์ขวนขวายทุกคนๆ ทางธาตุทางขันธ์ก็เสาะแสวงหาอย่างนี้ละ ธาตุขันธ์เป็นความจำเป็นที่เราจะดูแลรักษาจนกระทั่งถึงวันตายด้วยกันนั้นแหละ มันถึงจะยุติลงได้เรื่องกังวลกับธาตุขันธ์ เอาทางด้านจิตใจ อาหารทางด้านจิตใจคือธรรมคือบุญคือกุศล อันนี้ยิ่งขาดมากนะ เสียหายมากทีเดียว อะไรๆ จะกองเท่าภูเขาก็ตามจิตใจขาดอรรถขาดธรรม ขาดคุณงามความดีเสียอย่างเดียวจมได้เลย ต่อหน้าต่อตาสมบัติทั้งหลายที่เจ้าของเคยครองอยู่แต่ก่อนกองเท่าภูเขานี้แหละ ไม่ติดตามผู้นั้นได้เลย แต่บุญกุศลนี้เท่านั้นเป็นผู้ติดตาม

บุญกุศลเข้าสู่ใจไปเลย ไม่ต้องห่วงสมบัติเงินทองมากน้อยไม่ต้องห่วง บุญกุศลบรรจุไว้ที่หัวใจ ทางธาตุทางขันธ์สมบัติเงินทองก็มีเต็ม อยู่ในโลกนี้ก็เย็น ไปข้างหน้าเราสร้างคุณงามความดีไว้ประจำจิตใจของเรา ใจของเราก็เต็มด้วยอรรถด้วยธรรม ด้วยบุญกุศล ไปข้างหน้าก็เป็นสุคโต ท่านว่าอิธ นนฺทติ อยู่ในโลกนี้ก็รื่นเริงบันเทิงไม่จนตรอกจนมุม เปจฺจ นนฺทติ ละโลกนี้ไปแล้วก็รื่นเริงบันเทิง จนกระทั่งถึงแดนสวรรค์นิพพาน พระพุทธเจ้าสอนไว้ ถ้ากิเลสสอนมันไม่สอนอย่างนี้นะ มันจะปัด

การทำบุญให้ทานนี่เป็นการสร้างขวากสร้างหนาม สร้างฟืนสร้างไฟ สร้างความเสนียดจัญไรใส่ตัวเอง การไปกินเหล้าเมาสุรา มีผู้หญิงมีผู้ชายสี่ผัวห้าเมียนั้นยิ่งเป็นของดี นี่คือกิเลสจะพาคนให้จม จำเอานะ พระพุทธเจ้าว่า อปฺปิจฺฉตา ให้มีความมักน้อย มักน้อยอะไร ในโลกนี้เราก็หาด้วยกันทุกคนๆ มามักน้อยอะไร มักน้อยให้ผัวเดียวเมียเดียว ส่วนอื่นเอาหาเถอะหาไป แต่เรื่องผัวเมียนี้หัวใจของผู้หญิงกับผู้ชายเท่ากัน มีน้ำหนักเท่ากัน มีคุณค่าเท่ากัน ใจหญิงใจชายมีความรักความสงวนผัวเมียของตนด้วยกัน ให้รักษาดวงใจดวงนี้ให้ดี ถ้ารักษานี้แล้วไปที่ไหนท่านทั้งหลายจะเย็น เอาเงินกองเท่าภูเขามาสู้สามีภรรยาที่มีความซื่อสัตย์สุจริตต่อกันนี้ไม่ได้ เอาละพอ

ธรรมลีได้ทองคำ ๑๓ บาท ๒๕ สตางค์ เงินสดได้ ๒๖๖,๔๕๐ บาท เช็ค ๒๒,๐๐๐ บาท ตั๋วแลกเงินไปรษณีย์ ๔,๐๐๐ บาท รวมเป็นเงิน ๒๙๒,๔๕๐ บาท เงินหยวน ๗๕๗ หยวน ไหนล่ะเงินอยู่ไหน ธรรมลีมาโกหกเราไม่ได้นะนี่ นี่เหรอ เอายอมรับ พอ

  

รับฟังรับชมพระธรรมเทศนาของหลวงตา ได้ที่

www.Luangta.com หรือ www.Luangta.or.th

และรับฟังจากสถานีวิทยุสวนแสงธรรม กรุงเทพฯ และสถานีวิทยุอุดร

FM 103.25 MHz

 


** ท่านผู้เข้าชมทุกท่านโปรดทราบ
    เนื่องจากกัณฑ์เทศน์บางกัณฑ์มีความยาวค่อนข้างมาก ซึ่งจะส่งผลต่อความเร็วในการเปิดเว็บไซต์ ขอแนะนำให้ทุกท่านได้อ่านเนื้อหากัณฑ์เทศน์บางส่วนจากเว็บไซต์ และให้ทำการดาวน์โหลดไฟล์กัณฑ์เทศน์ที่มีนามสกุล .pdf ไปเก็บไว้ในเครื่องของท่านแทนการอ่านเนื้อหาทั้งหมดจากเว็บไซต์

<< BACK

หน้าแรก