ศาสนาอยู่ในหัวใจ
วันที่ 18 มิถุนายน 2548 เวลา 7:50 น. ความยาว 42.08 นาที
สถานที่ : วัดป่าบ้านตาด
| |
ดาวน์โหลดเพื่อเก็บไว้ในเครื่อง
ให้คลิกขวาแล้วเลือก Save target as .. จาก link ต่อไปนี้ :
ข้อมูลเสียงแบบ(Win)   วิดีโอแบบ(Win Narrow Band)

ค้นหา :

เทศน์อบรมฆราวาส ณ วัดป่าบ้านตาด

เมื่อวันที่ ๑๘ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๔๘

ศาสนาอยู่ในหัวใจ

ผู้กำกับ        จากนสพ.พิมพ์ไทย คอลัมน์วิจารณธรรม วันศุกร์ หัวข้อเรื่องว่า

ศาสนาพุทธเป็นศาสนาประจำชาติ

ในช่วงนี้มีข่าวในทางลับว่าจะมีกลุ่มองค์กรชาวพุทธออกมาเคลื่อนไหว เพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 73 ให้บัญญัติคำว่า “พระพุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำชาติ” เพราะไหนๆ รัฐบาลก็กำลังแก้ไขรัฐธรรมนูญบางมาตราอยู่แล้ว และเป็นการแก้เพื่อให้เอื้อประโยชน์แก่พรรคการเมืองเพียงบางพรรคเท่านั้น

การจะออกมาเรียกร้องให้ “ศาสนาพุทธเป็นศาสนาประจำชาติ” คงไม่ใช่เป็นเรื่องแปลกใหม่ แต่เคยมีการเคลื่อนไหวมาก่อนหน้านี้แล้วเมื่อ 2-3 ปีที่ผ่านมา แต่ก็เกิดเสียงคัดค้านจากหลายส่วน จากนั้นกระแสการเรียกร้องจึงค่อยๆ เงียบไป

เมื่อเร็วๆนี้ “อ.ทวีวัฒน์ ปุณฑริกวิวัฒน์” อาจารย์ประจำคณะสังคมศาสตร์และมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า ตอนนี้ยังไม่มีการบัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญให้ศาสนาพุทธเป็นศาสนาประจำชาติ มีบัญญัติเพียงว่าพระมหากษัตริย์ทรงเป็นพุทธมามกะ ในทางพฤตินัยคนไทยเรานับถือศาสนาพุทธเป็นศาสนาประจำชาติอยู่แล้ว เพราะคนไทยนับถือศาสนาพุทธกันมากกว่า 90 เปอร์เซ็นต์ นอกนั้นก็เป็นคริสต์ อิสลาม ฯลฯ แต่ในทางนิตินัยยังไม่เป็น แม้เคยมีการพูดคุยกันหลายครั้งหลายหนว่าจะให้บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ

"ส่วนตัวแล้วเห็นว่าสมควรอย่างยิ่งที่จะให้มีการบัญญัติไว้ เพราะพุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำชาติโดยพฤตินัยมาตลอดประวัติศาสตร์ และประเด็นสำคัญคือ เมื่อไม่ได้บัญญัติก็จะทำให้ศาสนาอื่นมองว่าประเทศไทยเป็นเนื้อชิ้นงาม อาจจะมีการแข่งขันทางศาสนาเพื่อช่วงชิงพื้นที่ ซึ่งจะก่อให้เกิดความสับสนวุ่นวายได้ อาจก่อให้เกิดวิกฤตต่างๆ หรือก่อให้เกิดความไม่เข้าใจทางศาสนาตามมา คนไทยนับถือศาสนาพุทธกันมากอยู่แล้ว และชาวพุทธก็เป็นผู้ที่ต่อสู้ ดิ้นรน ปกป้องอธิปไตย และรักษาเอกราช ของประเทศไทยมาโดยตลอด จึงสมควรที่จะบัญญัติไว้" 

อาจารย์ทวีวัฒน์ ให้เหตุผลด้วยว่า ศาสนาพุทธไม่เคยไปดูถูกดูแคลน หรือไปกดขี่ข่มเหงศาสนาอื่น ซึ่งศาสนิกของศาสนาอื่นก็ทราบดี หากบัญญัติให้เรียบร้อยไปว่า “พระพุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำชาติ” แล้ว ศาสนิกอื่นๆ ก็ยังคงมีเสรีภาพในการประกอบพิธีกรรมหรือปฏิบัติสิ่งต่างๆ ตามศรัทธา ตามความเชื่อในศาสนาของตนได้เช่นเดิม

สำหรับข้อดีก็คือ นอกจากจะบัญญัติให้ชัดเจนแล้ว ศาสนิกในศาสนาอื่นก็จะรู้ถึงขอบเขตหน้าที่ของตัวเองชัดเจน ไม่มีการวุ่นวายหรือไปกระตุ้นต่อมทะเยอทะยานให้มักใหญ่ใฝ่สูง หรือพยายามจะเปลี่ยนคนไทยกว่า 90 เปอร์เซ็นต์ให้นับถือศาสนาตามที่เขาเชื่อถือกันอยู่

เวลานี้ประเทศไทยยังไม่ได้บัญญัติคำว่า “พระพุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำชาติ” จึงทำให้ศาสนาอื่นพยายามจะสร้างองค์กรทางศาสนาของตนไปประจำทุกจังหวัด ดูวุ่นวายและไม่สอดคล้องกับความเป็นจริง หากเราบัญญัติในรัฐธรรมนูญ ก็อาจบัญญัติกฎหมายย่อยเพิ่มเติมให้เหมาะสมกับเงื่อนไขของสังคมและวัฒนธรรมไทย

ในประเทศพุทธศาสนาเถรวาททุกประเทศ มีบัญญัติให้ศาสนาพุทธเป็นศาสนาประจำชาติแล้ว อย่างเช่น ประเทศศรีลังกา พม่า ลาว กัมพูชา เหลือเพียงแต่ประเทศไทยเท่านั้นเอง ประเทศในเอเชียส่วนใหญ่เป็นสังคมที่มีวิถีชีวิตแนบแน่นอยู่กับศาสนา เพราะฉะนั้น รัฐในเอเชียส่วนใหญ่จึงบัญญัติให้มีศาสนาประจำชาติ ซึ่งผิดจากประเทศตะวันตกที่มีกระแสเรียกร้องให้แยกศาสนากับรัฐออกจากกัน

ประการสำคัญประเทศที่นับถือพระพุทธศาสนา จำนวน 41 ประเทศ ต่างให้การยอมรับว่าประเทศไทยมีประชาชนนับถือพระพุทธศาสนามากที่สุด ทั้งยังยกย่องให้ประเทศไทยสมควรเป็นศูนย์กลางพระพุทธศาสนาโลก

ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา  คนต่างชาติต่างศาสนามักกระทำย่ำยีต่อพระพุทธศาสนาด้วยวิธีการต่างๆ มาโดยตลอด การปกป้องคุ้มครองก็ทำได้เพียงส่งคำขอร้องวิงวอนเพื่อให้เขาเลิกกระทำต่อสิ่งที่ชาวพุทธให้ความนับถือนั้นเสีย ทำได้เพียงเท่านั้น แต่น้ำหนักไม่มี

หากในรัฐธรรมนูญได้มีบัญญัติไว้แล้ว เราก็สามารถจะใช้กฎหมายแม่บทของ
ประเทศไปห้ามปรามต่อการกระทำของพวกเขาได้อย่างมีศักดิ์ศรี

ให้เห็นความสำคัญต่อศาสนาประจำชาติบ้างเถอะ  !

ณ. หนูแก้ว

         หลวงตา       ถึงบัญญัติไม่บัญญัติให้เป็นศาสนาประจำชาติ บัญญัติขึ้นมาแล้วมันก็มาแก้ได้ บัญญัติว่าเป็นศาสนาประจำชาติ ก็ชาตินั่นแหละแก้เองทำลายเองมันก็ทำได้ แน่ะ พูดให้ตรงๆ หลวงตาบัวอยู่ในท่ามกลางแห่งประเทศไทย ดูรอบไปหมด ดูทั้งตัวเองก็ดู ดูรอบไปหมดก็ดู เดี๋ยวนี้มันไปหาเกาตั้งแต่ที่ไม่คันนะ หมาขี้เรื้อนมันเกาที่คัน ไอ้พวกเรานี่คันไม่คันเกาดะไปเลย มันเป็นยังไงกับหมาขี้เรื้อน เทียบกันทางไหนเลวกว่ากัน เมืองไทยเรานี้มันเลวกว่าหมาขี้เรื้อน มันไปหาเกาอย่างนี้ละ เกานั้นเกานี้ ความเคลื่อนไหวมันอยู่กับตัวเอง เคลื่อนไหวไปทางดี ทางชั่ว กลางๆ เมื่อมาพิจารณาตรงนี้แล้วมันก็เป็นศาสนาประจำชาติประจำตัวตนด้วยกันทุกคนนั่นแหละ ถ้าไม่สนใจปฏิบัติไปหาเกาโน้นเกานี้ บัญญัติสักกี่บัญญัติก็เท่าเดิมนั่นแหละ บัญญัติไว้ก็บัญญัติเพื่อปฏิบัติ เมื่อไม่ปฏิบัติแล้วข้อบัญญัติก็ไม่มีความหมายอะไร

ให้ดูตัวเอง อย่าไปหาเกาในที่ไม่คัน หมาขี้เรื้อนเขาหาเกาที่ไหนถูกที่คันๆ ไอ้เราไปที่ไหนเห็นแต่เกายุกๆ ยิกๆ มันคันที่ตรงไหนไม่ทราบ เป็นกระต่ายตื่นตูมไปด้วยกัน กระต่ายตื่นตูมไม่มีหลักมีเกณฑ์ เห็นเขาเกาก็เกาด้วย พวกบ้าเกา ธรรมที่พระพุทธเจ้าสอนไว้ทุกแง่ทุกมุมนั้นคือองค์ศาสดาๆ ให้พี่น้องทั้งหลายชาวพุทธเราจำเอาไว้นะ ท่านแนะนำสั่งสอนตรงไหนๆ นั้นละคือองค์ศาสดาๆ สอนผู้ใหญ่เด็กเล็กเด็กน้อย คือองค์ศาสดามาเคียงข้างๆ ถ้าเราปฏิบัติตามนั้นแล้วเราก็มีศาสดามีศาสนา ไม่ปฏิบัติแล้วบัญญัติสักเท่าไรก็ไม่มีความหมาย ประสากระดาษ เอาตัวเองซี บัญญัติก็เพื่อจะมาปรับปรุงแก้ไขตนเอง ไม่ดีตรงไหนก็แก้ตรงนั้นๆ ก็ดีไปเท่านั้นเอง

อันนี้บัญญัติโน้นบัญญัตินี้ เรื่องนั้นเรื่องนี้ หาเกาในที่ไม่คัน สู้หมาขี้เรื้อนไม่ได้ เอา พูดให้มันชัดๆ หมาขี้เรื้อนเขาเกาที่ตรงไหนมันคันที่ตรงนั้น เขาเกา มนุษย์เรานี้เกาดะ ไม่ทราบว่าตรงไหนคันหรือไม่คันเกาดะ มันคันหมดทั้งตัว มันคันออกมาจากหัวใจ หัวใจมันเป็นหมาขี้เรื้อน มันดีดมันดิ้นด้วยความโลภ ความโกรธ ราคะตัณหา ความทะเยอทะยาน อยากได้อยากมี อยากดีอยากเด่น ทั้งๆ ที่ตัวเป็นคนชั่วก็อยากดีอยากเด่นแซงหน้าแซงหลัง นี่มันเลยหมาขี้เรื้อนไปแล้ว เข้าใจไหม ถ้าอยากดีก็ทำตัวให้ดีๆ ซิ มันก็ดีเท่านั้น

ความดีไม่ได้ขึ้นอยู่กับคำเสกสรรปั้นยอจากปากใครละน่ะ มันเกิดขึ้นมาจากการประพฤติปฏิบัติตัวของเรา พระพุทธเจ้าเป็นศาสดาก็ไม่มีใครไปส่งเสริมพระพุทธเจ้า เสด็จออกทรงผนวชน่าสลดสังเวชไหม ใครทำได้อย่างนั้น เป็นพระเจ้าแผ่นดินเสด็จออกจากพระราชวังไม่ให้ใครทราบเลย ถ้าจะทำอย่างนี้จะเสียตรงนั้น ทำอย่างนี้จะเสียตรงนี้ ที่ว่าเสียตรงนั้นๆ คือเสียส่วนใหญ่ได้แก่ความเป็นศาสดา อะไรที่จะมาทำลายส่วนใหญ่ๆ ให้เสียท่านต้องคัดออกๆ แม้ที่สุดพระชายา พระนางพิมพากับพระราหุลอยู่ในหัวอก แม่กับลูกอยู่ด้วยกัน

พูดภาษาให้ตรงไปตรงมา แม่กับลูกอยู่ด้วยกัน ถ้าไปชมราหุลก็กลัวแม่มันจะตื่นแล้วกอดคอเอาไว้ เลยจะไม่ได้ไปแล้วตายอยู่นั่นละไม่ได้เป็นศาสดา นี่ก็เลยถือเป็นส่วนย่อยไปเสียแม่กับลูกนะ พระองค์ถือศาสดาที่จะสอนโลก สัตว์โลกมีจำนวนเท่าไรๆ ตั้งแต่ท้าวมหาพรหมลงมา พระพุทธเจ้าทรงเป็นภาระที่จะรื้อจะขนออกหมดเต็มกำลังความสามารถของศาสดา และกำลังของสัตว์ที่จะรับไว้ได้ พระองค์จึงเสียสละส่วนย่อยนี้เสีย คำว่าย่อยนี่เทียบกับส่วนใหญ่ทั้งหลาย ท่วโลกเป็นส่วนใหญ่ ส่วนพระนางพิมพากับพระราหุลนั้นเป็นส่วนย่อยไปเสีย ทั้งๆ ที่เป็นส่วนใหญ่เต็มพระทัยพระพุทธเจ้า ก็คือพระนางพิมพากับพระราหุลนั้นแลที่เป็นส่วนใหญ่ แต่แยกออกไปสู่ส่วนใหญ่ภายนอกแล้ว ถือเอานั้นเป็นใหญ่กว่าต้องสละ

จะเข้าไปชมราหุล แม่กับลูกก็นอนกอดอยู่ในหัวอกว่าไง พอเข้าไปแม่มันจะมองเห็นก่อนละ ลูกยังหลับครอกๆ แม่จะมองเห็นก่อน คว้าใส่คอสิทธัตถราชกุมารตายอยู่ด้วยกันนั้นเลยไม่ได้เป็นศาสดา สอนโลกไม่ได้ พระองค์จึงแยกออก เข้าใจไหมล่ะ นี่ละวิธีการของศาสดาที่เสด็จออก ผิดกับเราทั้งหลายด้วยกันทุกคน ต้องฝืน ไม่ฝืนไม่ได้ จะทำตามความชอบใจทุกอย่างเสียได้ๆ ทั้งนั้น ความชอบใจมันเป็นไปด้วยกิเลส ความชอบใจเป็นได้ทางธรรมนั้นมีน้อยมาก ถ้าธรรมมีมากแล้วความรู้ความเห็นความเคลื่อนไหวจะเป็นไปตามธรรมเรื่อยๆ ไป

นี่ละความเคลื่อนไหวของพระพุทธเจ้าเสด็จออกมา เป็นตัวอย่างของพวกเราทั้งหลาย ดูเอาซิเสด็จออกทรงผนวช ออกก็ออกกลางคืนเงียบๆ ฉันนะอำมาตย์เท่านั้นติดตามไป ทั้งๆ ที่กระเทือนทั่วประเทศของพระองค์นั่นแหละ เป็นพระเจ้าแผ่นดิน เวลาจะออกเป็นแบบนั้นแหละ เป็นแบบขโมยเลยเทียว แม้ที่สุดลูกกับแม่ก็ไม่รู้ ไม่ให้รู้ ถ้ารู้จะเป็นเหตุ นั่น ตัดพระทัยไหมพระพุทธเจ้า เหมือนว่าขั้วพระทัยนี้ขาดไปเลยยังเหลือแต่ร่าง เอา ไปตั้งร่างใหม่ ร่างที่สองเป็นศาสดาองค์เอกขึ้นมาสอนโลก สอนได้ทั้งพระนางพิมพา สอนได้ทั้งพระราหุล ไปด้วยกันหมด

เป็นพระอรหันต์ทั้งแม่ทั้งลูกนะ นั่นเห็นไหมล่ะ ถ้าไปกอดคอกันระหว่างพระนางพิมพา พระราหุล กับสิทธัตถราชกุมารอยู่นั้น ใครเป็นอรหันต์ได้สักคน ศาสดาไม่มี นี่พระองค์สลัดส่วนย่อยนี้ออกไปส่วนใหญ่ สุดท้ายเอาไปได้ทั้งแม่ทั้งลูก ทั้งสิทธัตถราชกุมาร เป็นศาสดาเป็นอรหันต์พ้นจากทุกข์ไปแล้ว นี้คือตัวอย่างอันเลิศเลอ เราพิจารณาเอาซิ ให้ดูตัวเองแก้ไขตัวเองซิ ศาสนาสอนให้แก้ไขตัวเอง ไม่ได้บัญญัตินั้นบัญญัตินี้ บัญญัติมาก็เป็นกระดาษเปล่าๆ หัวใจมันเต็มไปด้วยกิเลสตัณหาเป็นฟืนเป็นไฟ ออกมาอันไหนก็อันนี้ละจะไปเหยียบย่ำทำลายที่บัญญัติเอาไว้ล้มเหลวไปหมด ไม่เกิดประโยชน์อะไร ให้บัญญัติใส่เจ้าของแล้วแก้ไขเจ้าของซิ ไม่ดีตรงไหนแก้ไขตรงนั้นๆ ถึงถูกต้อง

ดังที่ว่าเราถือศาสนาพุทธ พุทธ ธรรม สงฆ์ อยู่ด้วยกัน พระพุทธเจ้าทรงเป็นตัวอย่างเป็นอย่างไรบ้าง ตัวอย่างอันเลิศเลอที่สุด พระสงฆ์สาวกที่ออกมาบวชในศาสนาพระพุทธเจ้า นับตั้งแต่พระราชามหากษัตริย์ลงมาน้อยเมื่อไร องค์ใดเสด็จออกมาๆ สลัดหมดๆ คล้ายคลึงกับพระพุทธเจ้า ตามเสด็จพระพุทธเจ้า ไม่ได้ห่วงใยอะไรเลย ออกมาเข้าป่าเข้าเขาเรื่อย ประพฤติปฏิบัติตน โผล่ขึ้นมาทีหลังนี้ สงฺฆํ สรณํ คจฺฉามิ เห็นไหมล่ะ นี่ท่านปฏิบัติท่านแก้ไขตนเอง พวกเรามันมีแต่ชื่อเฉยๆ ว่าชาวพุทธๆ เอาแต่นามมาประดับร้าน ข้างในมีแต่ขี้หมูราขี้หมาแห้งเต็มอยู่นั้น ไม่ได้สวยงามอะไรเลย สวยงามแต่ว่า ถือศาสนาอะไร ศาสนาพุทธนู่นน่ะ แม่ก็พุทธ ลูกอยู่ในท้องก็ขุดออกมาแย่งแม่พูด หนูถือศาสนาพุทธๆ อยู่ในท้องมันก็ดันออกมาแย่งแม่พูด มันพูดเฉยๆ ไม่เกิดประโยชน์อะไร

ตั้งใจปฏิบัติซิ ศาสนาพุทธเลิศเลอสุดยอดแล้ว ไปหาในสามโลกธาตุนี้ เราพูดอย่างยันตัวเราเลย การพูดอย่างนี้เราพูดเอาตัวเรายันเลย เราปฏิบัติมาตั้งแต่ต้นก็ดังที่เล่าให้พี่น้องทั้งหลายฟัง จนกระทั่งสว่างจ้าขึ้นมานี้ นี่ละเราไม่เคยหวั่นไหวกับสามโลกธาตุนี้ ใครจะว่าอะไรก็ตามเราไม่เคยหวั่น ธรรมชาติที่เลิศเลออยู่ในหัวใจเรา เป็นตัวของเรา เป็นธรรมชาติของเราเองเราจึงไม่หวั่น ธรรมชาตินี้เลิศเลอ สอนไปที่ไหนไม่พาคนให้ล่มจมเสียหาย เพราะฉะนั้นเราจึงกล้าพูดได้ทุกแบบทุกฉบับ พูดด้วยความเป็นธรรม พูดได้ทั้งนั้นๆ

เพราะฉะนั้นอะไรจะมาคัดค้านต้านทาน ไอ้พวกขี้หมูขี้หมา กองมูตรกองคูถมันโปะเข้ามา โปะก็ช่างหัวมันกองขี้ มาโยนใส่ทองคำ ทองคำก็เป็นทองคำ ขี้ก็เป็นขี้อยู่งั้น จะหาวิธีคัดค้านต้านทานยังไงก็ให้มันหาไปซิ เรื่องความดีเป็นความดีอยู่ ให้ยึดความดีเป็นหลักเป็นเกณฑ์นำไปปฏิบัติ อย่าหลงลมหลงแล้ง เกาดะไปเลย มันเลยหมาขี้เรื้อนแล้วนะพวกเรา เกาไม่รู้จักจุดหมายปลายทาง เกาตรงไหนๆ เกาไปด้วยกัน คันไปด้วยกัน มันคันหมดทั้งตัวทั้งโลก โลกนี้เลยเป็นโลกหมาขี้เรื้อน เกาดะกันไปหาหลักหาเกณฑ์ไม่ได้ แต่พากันดีดกันดิ้นมาตั้งแต่วันเกิดๆ จนกระทั่งวันตายหาสาระอะไรได้ไหม จากการดีดดิ้นที่ไม่เกิดประโยชน์อะไรเลย

ให้ดีดดิ้นทางอรรถทางธรรมดูซิ ดีดดิ้นมากเท่าไรจะเด่นขึ้นๆ ความเลิศเลอจะเกิดขึ้นจากความดีดดิ้นที่เป็นฝ่ายธรรม อันนี้ไม่เป็นเรื่องเป็นราวอะไร มีแต่ดีดแต่ดิ้นกันอยู่อย่างนั้น พากันจำเอานะ นี่เราพูดอย่างยันตัว เราจวนจะตายแล้ว พูดอย่างไม่มีการสะทกสะท้าน สามแดนโลกธาตุนี้ผ่านไปหมดแล้ว เราไม่มีอะไรเลย การจะพูดกับโลกกับสงสารหนักเบามากน้อย เราก็พูดไปตามกิริยาของโลกเฉยๆ โดยเราไม่เข้าไปเกี่ยวข้องเลย ในธรรมชาติอันนี้ไม่เกี่ยวข้อง ที่จะให้อันนี้เสียหายล่มจมหรือยกยอให้เลยไม่เลย ล่มจมก็ไม่ล่มจม เป็นหลักธรรมชาติพอตัวแล้วด้วยความเลิศเลอ

ธรรมพระพุทธเจ้าเป็นอย่างนั้น เข้าสู่หัวใจใดเป็นอย่างนั้นด้วยกันหมด เข้าสู่หัวใจพระพุทธเจ้าก็เป็นศาสดาองค์เอก สาวกก็เป็นสาวกองค์เอกขึ้นมา ความบริสุทธิ์นั้นเสมอกันหมด และธรรมที่แสดงออกมาก็เป็นแบบเดียวกัน ไม่มีผิดเพี้ยนต่างกันเลย นี่ละท่านฝึกหัดตนเอง ท่านไม่ได้หาเกาดะๆ นะ พระพุทธเจ้าสอน ให้ปฏิบัติตามศาสดา คำสอนของพระพุทธเจ้าแต่ละคำๆ นั้นละคือศาสดา สวากขาตธรรมๆ ที่ตรัสไว้ชอบแล้วๆ ถ้าจะทำไปทางผิด ธรรมท่านสอนไว้แล้วว่ายังไง  ตรัสไว้ชอบแล้วจะกระตุกให้รู้ตัวๆ

นั่นละที่ว่า อานนท์ พระธรรมและพระวินัยนั้นแล จะเป็นศาสดาของเธอทั้งหลายแทนเราตถาคตเมื่อเราล่วงไปแล้ว สวากขาตธรรมทุกแง่ทุกมุมจึงเป็นศาสดาของเราทั้งหลายได้ทั้งธรรมทั้งวินัย ให้เดินตามนี้ ถ้าเดินตามนี้เรียกว่าลูกศิษย์มีครู มีพ่อมีแม่ มีผู้รับรอง มีผู้ประกัน คนนั้นชีวิตจิตใจก็ราบรื่นดีงาม ถ้าคนนั้นไม่มีเจ้าของ เช่น สัตว์ไม่มีเจ้าของ ตายได้ง่ายนะ ลูกใครหลานใครก็ตาม ถ้าไม่ฟังเสียงพ่อเสียงแม่ ไม่มีพ่อมีแม่ ไม่มีเจ้าของ เตร็ดเตร่เร่ร่อน คนนี้ตายได้ง่าย เสียหายได้เร็วที่สุด เข้าใจ

ทำตัวให้เป็นที่พึ่งของตัวเองซิ เอาธรรมพระพุทธเจ้ามาเป็นที่พึ่ง เราพึ่งกับพ่อกับแม่ก็เป็นที่พึ่งอันหนึ่งๆ แล้วธรรมที่จะเป็นที่พึ่งของใจ ให้การดำเนินตัวเพื่อความราบรื่นดีงามในปัจจุบันและอนาคตก็ให้ฟิตตัวขึ้นให้ดีในทางนี้ซิ นี้มีตั้งแต่เกาดะๆ มองไปที่ไหนมีแต่เรื่องเกาดะๆ เต็มโลกเต็มสงสาร เราพูดจริงๆ เราสลดสังเวชนะ เราสอนโลกนี้เราไม่ได้สอนเพื่อเหยียบย่ำทำลายโลก รื้อถอนขึ้นมาจากหล่มลึกที่จะจมไปด้วยกัน ดึงขึ้นมาๆ ด้วยอรรถด้วยธรรม มิหนำซ้ำธรรมที่รื้อฟื้นขึ้นมามันยังมาปัดมือออก ว่าสู้กองขี้อยู่ในส้วมในถานไม่ได้มันว่างั้นนะ มันจึงมาคัดค้านการแสดงธรรม

แสดงธรรมที่ไหนมันหาวิธีการคัดค้านทางนั้นทางนี้ ธรรมเป็นข้าศึกต่อผู้ใด ผู้มาคัดค้านนั่นแหละตัวข้าศึกใหญ่ มันไม่เห็นดูตัวของมันมันจึงต้องคัดค้านเรื่อยไป พิจารณาซิท่านทั้งหลาย เราสอนโลกเราสอนด้วยความไม่มีอะไรเรื่องสะทกสะท้านกับโลกสงสารนี้ เราหมดโดยสิ้นเชิงเราบอกแล้ว กล้าหาญหรือไม่กล้าหาญก็เลยไปแล้ว เลยความกล้าหาญ ความกลัวไม่มี ความกล้าไม่มี มีแต่ความบริสุทธิ์เต็มเหนี่ยวจ้าอยู่ครอบโลกธาตุหัวใจดวงนี้น่ะ

พระพุทธเจ้า สาวกทั้งหลายเป็นเข้าไปแล้วรู้กันเองโดยลำพังท่าน ท่านไม่เคยสะทกสะท้าน ใครเชื่อไม่เชื่อท่านไม่สนใจ หลักธรรมชาติอันเป็นตัวจริงแท้อยู่กับท่าน เป็นสมบัติมหาศาลของท่าน นี้ละธรรมถ้าลงอยู่ในใจจากการฟิตการฝึกหัดดัดแปลงตัวเอง ไม่ใช่อยู่ๆ ก็จะดีๆ ชิงดีชิงเด่น มันเอาดีที่ไหนมาชิงกัน มีแต่คนชั่วชิงแล้วจะดีไปไหน ชิงไปเท่าไรก็มีแต่ชั่วๆ เผากันตลอดอยู่อย่างนี้แหละ พากันพิจารณานะ

       ศาสนานี้เป็นศาสนาประจำตัวของเราทุกคนๆ ให้ยึดเถอะ หลักพุทธศาสนานี้เป็นหลักที่ถูกต้องแม่นยำแล้ว ได้พิจารณาบนเวทีคือการฟัดกับกิเลสมาแล้ว กิเลสเป็นสิ่งที่ปิดบังให้มืดตื้อและมัวหมอง อย่างน้อยมืดตื้อไปเลย ถือว่าอันนั้นก็ดี อันนี้ก็ดี ก็คว้านั้นๆ คว้าน้ำเหลวๆ พัง แต่พุทธศาสนานี้ไม่พัง เอา คว้าให้ดีนะ พุทธศาสนานี้ออกจากพระพุทธเจ้า ออกจากสาวกทั้งหลาย พุทฺธํ ธมฺมํ สงฺฆํ สรณํ คจฺฉามิ เอาคว้าเลย ไม่ผิดหวังละคว้าให้ดี อย่าไปหาคว้าน้ำเหลวๆ ดังที่โฆษณาเป็นบ้ากันอยู่ทุกวันนี้ เราฟังแล้วเราสลดสังเวช ก็มีแต่คลังกิเลส มีแต่มูตรแต่คูถเต็มหัวใจ ออกมาก็มีแต่มูตรแต่คูถออกมา จะมีธรรมออกมาที่ไหน ถ้าธรรมเต็มหัวใจออกที่ไหนมีแต่ธรรมทั้งนั้น ชะล้างๆ ไป ธรรมกับความสกปรกในส้วมในถานต่างกันนะ

         หัวใจของเรานี่เป็นส้วมเป็นถาน มีแต่ความขี้โลภ ขี้โกรธ ขี้หลง ขี้ราคะตัณหา อยู่ในหัวใจของเราทั้งหมด เรียกว่าส้วม ออกมาแล้วมันจะเป็นของดิบของดีมาจากไหน พระพุทธเจ้าละหมด วิราโค ปราศจากราคะตัณหาทุกสิ่งทุกอย่าง ซึ่งเป็นสิ่งให้มัวหมองหรือมืดตื้อ ปัดออกหมด สว่างจ้าขึ้นมาเป็น อาโลโก อุทปาทิ เอาธรรมอันนี้มาสอนโลกจึงไม่ผิด เรียกว่าสวากขาตธรรม ตรัสไว้ชอบแล้วทุกอย่าง ให้พากันพิจารณาบ้างนะ มากอดแต่คัมภีร์ เอาคัมภีร์มาอวด เอาคัมภีร์มาตีหน้าผากกันเล่นเฉยๆ ไม่เกิดประโยชน์ ฟาดกิเลสให้มันพังลงไปซิ อยู่ที่ไหนสบายหมดนั่นแหละ ถ้าตั้งใจปฏิบัติ ให้พากันตั้งใจปฏิบัตินะ

         เวลานี้ธรรมกำลังถูกเหยียบย่ำทำลายของกิเลส กิเลสขึ้นอยู่บนธรรม เหยียบธรรมลงไปให้แหลกไปหมดนะ ให้ฟิตตัวขึ้นมา ทำตัวให้ดี อยู่ไปๆ มันเหลวแหลกแหวกแนว ชินชานี้มีแต่เรื่องกิเลสนะ เรื่องธรรมจะไม่ชิน ชินแต่เรื่องการชำระกิเลส ชินจนคล่องแคล่ว ฟาดกิเลสขาดสะบั้น ธรรมถ้าฝึกในทางธรรมก็ชินในทางกำจัด กิเลสมันเป็นของมันอยู่แล้ว มันชินมาตลอด มีตั้งแต่เรื่องความชินของกิเลส เลอะเทอะไปหมดโลกเวลานี้นะ พากันจำ วันนี้พูดเพียงเท่านี้ ให้เอาไปคิดไปอ่าน ว่าศาสนาประจำชาติ ประจำชาติประจำใคร ถ้าไม่ประจำเราจะประจำใคร คนมีศาสนาอยู่ในหัวใจ ก็นั่นละ ศาสนาประจำชาติโดยหลักธรรมชาติไม่ต้องเสกสรรปั้นยอกัน เอาละพอ

         ทีนี้ย่นเข้ามา ศาสนาประจำวัด ย่นเข้ามาศาสนาประจำพระ ประจำในครัวของวัดป่าบ้านตาด มันเลอะเทอะขนาดไหนในครัวนั่นเวลานี้นะ จวนแล้วนะ เราจับจ่อดูเรื่อยๆ จะขับออกจากวัดนี่ เข้าใจเหรอ มันเต็มอยู่ในนี้ มันเลอะเทอะพอแล้ว มาไม่ได้หน้าได้หลังอะไร เข้ามากองกันอยู่ในนี้ มาโม้มาคุย ผู้ตั้งใจภาวนารำคาญจะตายไป ผู้ไม่ภาวนาโม้แต่น้ำลายอยู่ในครัวนี้นะ เราทราบมาโดยลำดับ เราสืบทราบมาโดยตลอด เราไม่พูดเฉยๆ  อันนี้เผดียงให้ทราบนะ ฟังแต่ว่าเผดียง ครั้งที่สองนี่ให้ระวังให้ดี ไล่ออกจริงๆ เลยไม่ให้อยู่ อยู่อะไรของสกปรก ของเลอะเทอะ ของเป็นภัยต่อเพื่อนต่อฝูงไม่ควรให้อยู่ ไล่ออกเลย อยู่ไม่เกิดประโยชน์

         นี่กำลังเลอะเทอะนะข้างในเวลานี้ มันไม่ได้เรื่องอะไร มาคุยโม้กัน ทำแคร่ทำร้านทำอะไรเต็มไปหมด แทนที่จะภาวนานี้โม้กันคุยกัน ผู้ตั้งใจภาวนาจริงๆ  รำคาญจะตายไป มีแต่พวกนี้ละ พวกหมาขี้เรื้อนที่อยู่ในครัว มันเกาดะคือคุยดะไปเลย พวกนี้พวกคุยดะ ไม่ได้คำนึงว่าใครทำอะไรต่ออะไร มีแต่ได้คุยดะก็เอา เหล่านี้อยู่ใกล้ๆ เหล่านี้นะระวังให้ดี เอาละสองกัณฑ์แล้วพอ

         วันเสาร์ วันอาทิตย์ วันพระ วันศีล ควรสละปล่อยวางงานการทั้งหลาย ที่เคยยุ่งมาตั้งแต่วันเกิด ในวันเช่นนี้ให้เป็นวันสละงานทั้งหลายภายนอก ซึ่งเป็นงานเกี่ยวกับเรื่องร่างกายความเป็นอยู่ เข้าสู่งานภายในคือศีลธรรม ให้เป็นอาหารสมบัติอันล้นค่าหนุนจิตใจ จิตใจจะมีความเยือกเย็น เป็นอยู่ก็มีความเยือกเย็น ตายไปแล้วก็ไม่ไปชั่ว ขึ้นเลยๆ ให้พากันสั่งสม ให้รู้จักคิด ใจเป็นของมีค่าขนาดไหน ร่างกายชั่วชีวิตเท่านั้นนะ ใครจะมั่งมีศรีสุขขนาดไหนก็ตาม ยศถาบรรดาศักดิ์สูงขนาดไหนก็ตาม พอลมหายใจขาดแล้วขาดไปด้วยกันหมด ไม่มีอะไรติดตัวเลย แต่บุญกุศลผลทานของเราที่ทำมานี้ติดปุ๊บเลย ไปเลย มองจุดนี้บ้างซิ

         มองดูประสาสิ่งภายนอก วัตถุนั้นวัตถุนี้ สมมุติขึ้นว่าเป็นของมีคุณค่า เป็นเงินเป็นทอง เช่นอย่างกระดาษนี้เอามาสมมุติเป็นเงิน เราเรียกว่าไอ้หลังลาย ไอ้หลังลายนี่ตัวพิษใหญ่นะ คือเราน่ะเสกมันให้เป็นพิษมาเผาเราเอง ดิ้นกับไอ้หลังลายนี่เลยโลกเลยสงสารจนไม่มีบุญมีบาป นี่ละที่ว่าชิงดีชิงเด่น มีเงินมากก็ดี ชิงดี เด่น นี่ละพวกบ้า บ้าไอ้หลังลาย นี้พูดจริงๆ  เอามาเหล่านี้เราเอาก็เพื่อให้เป็นประโยชน์แก่โลก เราไม่เคยเป็นบ้ากับไอ้หลังลายนะ พูดให้มันชัด เราไม่มีเรื่องบ้าไอ้หลังลาย ทุกอย่างไม่มีในโลกอันนี้ เข้ามาสู่ใจไม่มีเลย ปัดออกหมด พอปัดออกหมดแล้วเป็นยังไง แสนสบาย เราก็อยากให้พวกนี้สบาย ปัดบ้าง สกัดมันบ้าง อย่าเป็นบ้ากันเกินไป เท่านั้นแหละ

         นั่นเห็นไหมหลวงตาบัว มีตั้งสองพัด ไปได้มาจากไหนไม่รู้ พัดชั้นราช พัดชั้นธรรม ชั้นราชาคณะธรรมดาไม่มี ชั้นเทพก็ไม่มี เพราะตั้งก็ตั้งเป็นชั้นราชเลย จากชั้นราชเทพไม่อยู่ ข้ามไปชั้นธรรมเลย เราจึงได้พูด พูดตามความจริงเลยเรา พอขึ้นชั้นธรรมแล้วเอาเลยนะ เอาผู้ใหญ่ๆ ในวงผู้ใหญ่นั้นแหละ อย่ามาตั้งอีกนะ บอกตรงๆ เลย ที่เราได้รับเหล่านี้เราเห็นแก่ทั้งสองพระองค์ เราพูดตรงๆ เลย เราไม่เห็นแก่เราอะไร เราพอแล้วบอกตรงๆ มันข้ามมาๆ นี่ชั้นธรรม แล้วก็รองสมเด็จ จากรองสมเด็จก็เป็นสมเด็จนะ นี่มันจะไม่อยู่ ถ้าธรรมดานี้มันจะข้ามนะ ให้หยุดแต่นี้ต่อไป เราบอกตรงๆ

         ตั้งสองครั้งนี้ควรจะเอาเข้าวัง เราบอกเราไม่ไป ซัดกัน เขาจะมาเอาไป ทางนี้ยิ่งเด็ดไม่ไป ยิ่งครั้งที่สองยิ่งเด็ดทางนี้ก็ยิ่งเด็ด ไม่ได้ไปทั้งสองเลย นั่นเห็นไหมล่ะ เพียงเท่านี้มันก็ยุ่งแล้ว อยู่สบายๆ แสนสบายละธรรม อยู่ไหนสบายหมด พอในหัวใจที่ไหนสบายสะดวก หมาขี้เรื้อนขาดสะบั้นลงไปจากหัวใจแล้วอยู่ที่ไหนสบายหมด ไม่ต้องเกายิกๆ แย็กๆ ถ้ามีกิเลสตัวเล็กตัวน้อยอยู่ไหนมันจะต้องให้เกานั้นเกานี้ เอานิ้วนี้เกา นิ้วนี้เกาๆ สุดท้ายเกาหมดทั้งแขนเลย มันพาให้เการอบตัว อันนี้หมดแล้วไม่มีเกา อยู่ที่ไหนสบายหมดๆ แสนสบาย

         หมาขี้เรื้อน ดังที่ท่านเขียนไว้ในพระไตรปิฎก มาจากพระไตรปิฎก ว่าหมาเป็นแผลอยู่บนหลัง หมากับสุนัขมันอันเดียวกัน สุนัขแปลว่าสัตว์ที่มีเล็บดี หมาแปลว่าสำนวนที่อ่อนหวานมากไม่มีอะไรเกินหมา แต่พอว่าหมาไม่อยากเป็น ทีนี้มันเป็นแผลอยู่บนหลัง ทั้งแมลงวันทั้งหนอนอะไรเจาะไชอยู่นี้ อยู่ที่ไหนไม่สบาย ไปอยู่ในร่มไม้ ไปอยู่ในป่ามันก็ตามตอมไปแมลงวัน หนอนก็เจาะไชนี้ ไปอยู่ในน้ำก็ไม่สบาย  ไปอยู่บนบกก็ไม่สบาย เข้าอยู่ในป่าหลบซ่อนตรงไหนก็ไม่สบาย อยู่ที่ไหนไม่สบายเลย

         นี่คือหนอนเจาะไชได้แก่กิเลส มันเจาะมันไช อยู่ที่ไหนไม่สบายมนุษย์เรา สัตว์ทั้งหลายเหมือนกัน มันเจาะมันไชให้ไม่สบาย นี่ท่านพูดในพระไตรปิฎก พอหมาตัวนั้นเข้ามาได้รับการรักษาแผลเรียบร้อย หมาตัวนั้นนอนยังไม่ตื่นง่ายๆ เพราะมันจะตายจริงๆ ถูกกวน หนอนมันเจาะมันไชให้เกาตลอด รำคาญ อยู่ไม่ได้ พอเอาหนอนออก หมอเอายามาใส่เรียบร้อย เอาหนอนออกหมดแล้ว หมาตัวนี้นอนไม่ตื่น จนจะได้ปลุกกินข้าว จนกระทั่งป่านนี้มันตื่นหรือยังหมาตัวนั้น มันสบาย นั่นละจิตใจของเราถ้าหนอนเจาะหนอนไชคือกิเลสนี้ออกหมดแล้ว แสนสบาย อยู่ได้ นิพพานเที่ยง ไม่ต้องเคลื่อนไหวไปไหนก็สบาย พอตัว เข้าใจเหรอ เอาละจะให้พร

         จำให้ดีนะ วันเสาร์ วันอาทิตย์ หรือวันพระ วันโกน ให้พากันเสาะแสวงหาสมบัติอันล้นค่าเข้าสู่หัวใจ อันนี้สำคัญมาก อย่ามองข้ามนะ ตายแล้วจม ถ้ามองข้ามนี้จม ถ้าไม่มองข้ามนี้ขึ้น เราดีดเราดิ้นไม่ได้ประโยชน์อะไรนะ เพียงอาศัยวันหนึ่งๆ ลมหายใจอยู่กับสิ่งเหล่านี้ไป พอลมหายใจขาดเท่านั้นจมเลย ถ้าไม่มีสมบัติอันล้นค่าหนุนหัวใจคือบุญคือกุศล จำให้ดี สั่งวาระสุดท้ายจำให้ดีนะ สมบัติล้นค่าคือบุญคือกุศล ให้เสาะแสวงเข้าสู่ใจ ให้มีวันว่าง ว่างเพื่อสมบัติอันล้นค่าเข้าสู่หัวใจ ได้ขวนขวายในวันเช่นนี้ๆ มาทำบุญให้ทานก็ได้ทาน ฟังธรรมก็ได้ฟังเต็มเม็ดเต็มหน่วยอย่างนี้แหละ เข้าสู่หัวใจ ใจมีกำลัง เข้าใจ

         เมื่อวานไปวัดผาแดง เอาของใส่รถไปสองคันรถเต็มเอี๊ยดเลยเมื่อวาน ไม่ได้ไปวัดผาแดงนาน ไปเยี่ยมธรรมลี นั่นละธรรมลีเป็นคลังสมบัติ มหาสมบัติอยู่ในนั้นหมด แต่ท่านไม่พูดไม่จา ไม่ค่อยรู้นะ เราเป็นอาจารย์ละซิก็รู้หมดทุกแง่ทุกมุม ตั้งแต่บวชแล้วติดตามเราตลอดนะธรรมลี ติดตามมาตลอดเลย จนกระทั่งทุกวันนี้ไล่ออกจากนี้ก็ไปอยู่ผาแดงนั่นแหละ ไปอยู่นั้นเข้าๆ ออกๆ ตลอดมา ธรรมลี จึงรู้ได้ทุกอย่าง  เราสอนทุกกิทุกกี เป่ากระหม่อมให้หมดเลย จึงกลายเป็นเศรษฐีธรรมขึ้นมาเงียบๆ นะ ใครไม่ค่อยรู้ละเศรษฐีธรรมนั้นละองค์หนึ่ง ไปละที่นี่

รับฟังรับชมพระธรรมเทศนาของหลวงตา ได้ที่

www.Luangta.com หรือ www.Luangta.or.th

และรับฟังจากสถานีวิทยุสวนแสงธรรม กรุงเทพฯ และสถานีวิทยุอุดร

FM 103.25 MHz

 


** ท่านผู้เข้าชมทุกท่านโปรดทราบ
    เนื่องจากกัณฑ์เทศน์บางกัณฑ์มีความยาวค่อนข้างมาก ซึ่งจะส่งผลต่อความเร็วในการเปิดเว็บไซต์ ขอแนะนำให้ทุกท่านได้อ่านเนื้อหากัณฑ์เทศน์บางส่วนจากเว็บไซต์ และให้ทำการดาวน์โหลดไฟล์กัณฑ์เทศน์ที่มีนามสกุล .pdf ไปเก็บไว้ในเครื่องของท่านแทนการอ่านเนื้อหาทั้งหมดจากเว็บไซต์

<< BACK

หน้าแรก