เทศน์อบรมฆราวาส ณ วัดป่าบ้านตาด
เมื่อวันที่ ๑๗ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๔๘
เรื่องชั่วเรื่องดีมีมาด้วยกัน
ผู้กำกับ จากหนังสือพิมพ์ พิมพ์ไทย คอลัมน์วิจารณ์ธรรม ประจำวันที่ ๑๗ มิถุนายน ๒๕๔๘ หัวข้อเรื่องว่า
เบื้องหน้าคือการสอนศีลธรรม?
เชื่อว่ามีประชาชนชาวพุทธไม่น้อยกว่า 1 ล้านคนทั่วประเทศที่ติดตามรับฟังพระธรรมเทศนาทางสถานีวิทยุชุมชน เสียงธรรมเพื่อประชาชน คลื่นความถี่ FM.103.25 MHz. ซึ่งมีทั้งสถานีศูนย์หลักและสถานีเครือข่ายที่ตั้งอยู่ตามชุมชนในจังหวัดต่างๆ ทั่วประเทศ ประโยชน์ที่ประชาชนจะได้รับจากการดำเนินรายการของสถานีวิทยุแห่งนี้ก็คือ ทุกคนจะได้รับฟังคำเทศนาสั่งสอนของพระสายปฏิบัติชั้นผู้ใหญ่ ซึ่งเป็นพระผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ อาทิ พระธรรมเทศนาของหลวงปู่ฝั้น หลวงปู่สิงห์ ท่านพ่อลี หลวงตาพระมหาบัว และอีกหลายต่อหลายรูปที่มีชื่อเสียงทั้งในอดีตและปัจจุบัน ซึ่งผู้ดำเนินรายการได้ถ่ายทอดสดประจำวัน และนำเทปบันทึกเสียงการแสดงพระธรรมเทศนาในวาระต่างๆ มาผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนเปิดให้ประชาชนทั้งหลายได้เจริญสติในรสพระธรรม
ไอ้เรื่องที่จะชักนำให้ประชาชนผิดศีลผิดธรรม หรือจะชักนำให้ประชาชนหมกมุ่นอยู่กับอบายมุขเหมือนกับสถานีวิทยุบางแห่งนั้น ไม่มีอย่างแน่นอน
ที่สำคัญไม่ต้องสิ้นเปลืองเงินงบประมาณแผ่นดินเพื่อการรณรงค์ปลูกจิตสำนึกที่ดีแก่ประชาชน หรือการทุ่มงบประมาณให้กับโครงการครูพระสอนศีลธรรมในโรงเรียนหรือต้องจัดเงินอุดหนุนโครงการเผยแผ่ธรรมะของพระธรรมทูตสายต่างๆ
ไม่น่าเชื่อว่ารายการเสียงธรรมเพื่อประชาชน ของสถานีวิทยุชุมชนสวนแสงธรรม(ในพระอุปถัมภ์ของสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ฯ อัครราชกุมารี) แห่งนี้ จะเป็นที่จับผิดจากเจ้าหน้าที่ผู้ล้นอำนาจ
ได้มีเสียงเตือนมาก่อนหน้านี้แล้วว่า ให้ระมัดระวังในการเทศน์ออกอากาศ ด้วยถ้อยคำที่เสียดแทงใจคนของรัฐบาล และก่อนหน้านี้ก็เคยมีคำขู่ออกมาทางสื่อต่างๆ แล้วว่า ได้มีสถานีวิทยุชุมชนบางแห่งส่งคลื่นวิทยุรบกวนวิทยุการบิน และยังมีข่าวออกมาติดๆ กันอีกว่า หากสถานีวิทยุชุมชนใดฝืนกฎของกรมประชาสัมพันธ์ตามสูตร 30-30 ก็อาจต้องถูกสั่งปิด
มีข่าวล่าสุดที่ออกมาจากปากของคนฟากรัฐบาลเมื่อวันวานนี้ว่า ในวันที่ 15 มิถุนายนนี้ จะส่งเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสถานีวิทยุชุมชนชนิดปูพรม หากพบผิดจะดำเนินการทันที โดยไม่มีจะการผ่อนผันใดๆ อีกต่อไป
ครับ...ก็ต้องจับตาดูกันว่าจะเป็นจริงดังคำขู่ที่ว่านั้นหรือไม่ แต่ถ้าจริงตามนั้นเจ้าหน้ารัฐท่านนั้นๆ ก็อาจเข้าข่ายข่มเหงรังแกประชาชน หรือไม่ก็อาจเข้าข่ายเลือกปฏิบัติแต่ถ้าเจ้าของสถานีวิทยุชุมชนนั้นๆ จะขอให้แสดงหลักฐานการรบกวนคลื่นวิทยุการบินบ้าง ก็อาจหน้าแตกตามๆ กัน เพราะ "นายนิรัตน์ สมิตินันท์"ผอ.ฝ่ายบริหารวิศวกรระบบการจราจรทางอากาศได้ออกมายืนยันต่อกลุ่มวิทยุภาคเอกชนแล้วว่า การรบกวนคลื่นวิทยุการบินที่ว่านั้นเป็นเพราะการเกิด เซเคิ้ลฮาร์โมนิค ฟุ้งกระจายเป็นคลื่นรบกวนเท่านั้น ไม่ได้เกี่ยวกับคลื่นวิทยุชุมชนแต่ประการใด
คลื่นกัดกันต่างหากที่น่าจับผิด ?
เป็นเวลากว่า 3 เดือนมาแล้วที่ประชาชนผู้รับฟังพระธรรมเทศนาทางสถานีวิทยุสวนแสงธรรม 103.25 และผู้รับฟังการแสดงธรรมทางสถานีวิทยุ 103.25 ในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ต้องเสียอารมณ์เป็นอย่างมากกับการรับฟังเสียงธรรมจากทั้ง 2 สถานี เหตุก็เพราะว่า ได้มีการตั้งคลื่นความถี่เป็นช่องเดียวกัน โดยอีกสถานีหนึ่งได้ประกาศอยู่ตลอดเวลาว่า ออกอากาศจากสวนแสงธรรม ถนนพุทธมณฑลสาย 3 กรุงเทพมหานคร เบอร์โทรศัพท์ติดต่อหมายเลขนั้นหมายเลขนี้ แต่อีกสถานีหนึ่งกลับไม่บอกสถานที่ตั้งสถานี
เปิดการแสดงธรรมด้วยกันทั้งคู่ ฝ่ายหนึ่งก็พระกับอีกฝ่ายหนึ่งก็พระ !
ไม่มีใครรู้ว่าสถานีแห่งนี้มีเจตนาในการออกอากาศอย่างไร และมีเจตนาออกมา เพื่อหวังประโยชน์อะไรก็ในเมื่อมันไม่สามารถรับฟังได้ชัดทั้ง 2 สถานี คลื่นต่อคลื่นมันซัดตีกันจนเละจนฟังไม่ได้ศัพท์
เบื้องหน้าน่ะรู้ละว่าเป็นพระสอนศีลธรรมทางอากาศ แต่เบื้องหลังใครจะเดาได้อย่างไรล่ะว่า ที่ท่านลงทุนตั้งสถานีด้วยเงินมหาศาลนั้นท่านทำเพื่ออะไร??
ณ. หนูแก้ว
หลวงตา เดี๋ยวนี้เราฟังมันไม่ค่อยชัด ไม่เหมือนแต่ก่อน หูฟังไม่ค่อยชัด จึงต้องมีล่ามแปลอีกทีหนึ่งเดี๋ยวนี้นะ เพราะฉะนั้นจึงถามเรื่อยๆ ฟังไม่ชัด ที่เขาพูดนี้สรุปความลงแล้วว่ายังไงบ้าง (สั้นๆ นะครับ เขาบอกว่าตอนนี้ประชาชนกว่าล้านคนฟังวิทยุเสียงธรรมเพื่อประชาชนจากสวนแสงธรรมและสถานีวิทยุเครือข่าย ก็สายพระธุดงคกรรมฐานละครับ แต่ก็มีอีกสถานีหนึ่งไม่ปรากฏสถานที่ตั้งและไม่บอกหมายเลขโทรศัพท์สำหรับติดต่อ ออกมาใช้คลื่นเดียวกันรบกวน จนประชาชนไม่สามารถรับฟังวิทยุสถานีเสียงธรรมเพื่อประชาชนได้) ก็แล้วแต่เขาจะตีกันกัดกันเถอะ เราเทศน์ธรรมะของพระพุทธเจ้าแล้วมันมาทำอะไรก็ไม่รู้ไม่อยากพูด ถ้าพูดมันจะแตกกระจายไปเลยนะ ไม่เหมือนใครนะนี่
ธรรมพระพุทธเจ้าท่านแสดงถูกต้องร้อยเปอร์เซ็นต์ จึงเรียกว่าสวากขาตธรรม ส่วนธรรมของเทวทัตจะเป็นธรรมไหนก็ไม่รู้แหละ มันสกปรกอย่างว่าแหละ ตื่นขึ้นมาจะได้ฟังเสียงอรรถเสียงธรรมซักฟอกหูซักฟอกใจนี้ไม่ค่อยมีนะ เราว่าไม่ค่อยมีเสียก่อน เอาแค่นี้ละนะ ไอ้เรื่องสกปรกนี้แหม เต็มโลกเต็มสงสาร ไม่ว่าทางหูทางตาเข้าทั้งนั้นๆ โปะเข้ามาๆ มีแต่ความสกปรก ธรรมออกแสดงเพื่อชะล้างสิ่งเหล่านี้ มันก็หาว่าสิ่งเหล่านี้รกรุงรัง สู้ความสกปรกของมันไม่ได้ มันเป็นอย่างนั้นเวลานี้ มันหนาขึ้นอย่างนี้ มันหนาเข้าในวงราชการผู้เป็นเจ้าอำนาจนั้นแล้ว มันเอาอำนาจป่าเถื่อนมาบีบบังคับประชาชน สำคัญตรงนี้ละนะ
เวลานี้ที่แสดงเหล่านี้ส่วนมากมีแต่อำนาจป่าเถื่อน ที่มาแสดงอยู่นี้ คัดค้านต้านทานธรรมด้วยความเลวร้ายของตัวเอง โดยแอบอ้างทางราชการ ตัวมันเองนั้นยิ่งกว่าหมาตัวหนึ่ง มันเลวยิ่งกว่าหมาตัวหนึ่ง มันเอาทางราชการมาแอบอ้าง ใช้อำนาจป่าเถื่อนมาบีบบังคับประชาชน อย่างที่ว่าตั้งล้านอย่างน้อย ที่มีความเคารพเลื่อมใสในอรรถในธรรมอยากได้ยินได้ฟัง ตั้งสถานีวิทยุขึ้นมาเพื่อชะล้างสิ่งสกปรกภายในใจ มันก็มาปิดไว้เสียไม่ให้ล้าง ให้สั่งสมความสกปรกนี้มากขึ้น เพื่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์เราจะได้ล่มจมลงอย่างรวดเร็ว ความหมายก็ว่าอย่างนั้นแหละ
โลกนี้จะเป็นอะไรก็ตาม เราพูดเฉยๆ เราไม่มีอะไรกับโลก เพราะฉะนั้นเราจึงพูดได้ทุกแบบทุกฉบับ ใครจะมาถือเรื่องของเราแล้วมันตายทั้งนั้นแหละพวกนี้ เพราะคำพูดเราไม่มีอะไรนี่ แว้ๆ ไปอย่างนั้น แว้ๆ แต่ลมปาก ใจไม่เป็นซิ พูดให้ชัดๆ อย่างนี้ เราไม่มีอะไรกับโลก มันจะเป็นอะไรอย่างนี้ก็ว่าไปตามกิริยาของโลกที่เราอยู่ในโลกเพื่อช่วยกัน แบ่งเบากันไปบ้างเท่านั้นเอง สำหรับเราเองเราไม่มีอะไร เรื่องข้าศึกศัตรูมันก็มีอย่างนี้ละให้พิจารณาเอา
ความชั่วความดีมีอยู่ในโลกมาตั้งกัปตั้งกัลป์ รบกันมาอย่างนี้ตลอดเวลา ไม่ใช่มามีสมัยปัจจุบันเวลานี้เท่านั้น มันเคยเป็นมาอย่างนี้ตลอด เป็นแบบนี้เป็นแบบนั้นทั่วโลกดินแดน ถ้ามีแต่ธรรมล้วนๆ แล้วไม่มีอะไร ยกขึ้นให้เต็มเหนี่ยวเลยครอบโลกธาตุนี่ นิพพานอย่างเดียวเท่านั้นหมดไม่มีอะไรเหลือเลย ที่จะมีเรื่องมีราวอะไรเท่าเส้นผมก็ไม่มี หมด นั่นละธรรมแท้เป็นอย่างนั้น แต่กิเลสแท้ก็อย่างนี้ละ ตูมตามๆ ตีนั้นตีนี้แหลก เป็นอย่างนั้นละ
เรื่องชั่วเรื่องดีมันมีมาด้วยกัน มันต้องขัดต้องแย้งกันอยู่อย่างนั้นตลอดเวลา ธรรมของเราที่ออกแสดงนี้เราบอกได้ร้อยเปอร์เซ็นต์เลย พูดให้ตรงศัพท์ตรงแสงตรงตามความจริง ที่เรามาเทศนาว่าการนี้ตั้งแต่ปี ๒๔๙๓ มานี้เรียกว่าเต็มเหนี่ยว เต็มเม็ดเต็มหน่วย ในวันนั้นเวลานั้นบอกหมดแล้วใช่ไหม ธรรมอันนี้ละออก ตั้งแต่บัดนั้นมาธรรมประเภทนี้ออก เราจึงไม่สงสัยในการสอนโลกว่าผิดไป อย่างที่เขามาขู่ฟ่อๆ แฟ้ๆ นี้ก็เหมือนหมาเห่าบ่างหรือมาเห่าฟ้า เราไม่สนใจ นอกจากเกิดความสลดสังเวช แล้วเรื่องเหล่านี้ก็มีมาดั้งเดิมแล้ว มันก็ผ่านไปเสียไม่สนใจ
เรื่องธรรมที่เรามาสอนโลกนี่ไม่ว่าจะธรรมประเภทใด ออกมาจากหัวใจที่บริสุทธิ์สุดส่วนแล้วตั้งแต่ปี ๒๔๙๓ หลังวัดดอยธรรมเจดีย์ จังหวัดสกลนคร เวลาห้าทุ่มตรงเป๋ง นี่ละธรรมได้เปิดจ้าขึ้นตั้งแต่บัดนั้นมา ธรรมประเภทนี้จึงเป็นธรรมที่ไม่สงสัย ไม่ทูลถามพระพุทธเจ้า นอกจากจะย้ำคำลงไปว่า เหอ พระพุทธเจ้าตรัสรู้ ตรัสรู้อย่างนี้ละเหรอๆ นั่นเห็นไหมล่ะ ธรรมแท้เป็นอย่างนี้ละเหรอๆ อย่างที่เป็นอยู่ในหัวใจเราเวลานั้น พระสงฆ์แท้เป็นอย่างนี้ละเหรอ พระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์ มาเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันได้ยังไง มันเป็นแล้วไม่ต้องไปถามใครทั้งนั้นละ
ธรรมประเภทนี้ละพระพุทธเจ้าตรัสรู้ คือตรัสรู้ธรรมประเภทนี้ พระสงฆ์ก็ทรงธรรมประเภทนี้ไว้ รวมแล้วเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน พระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์ มาเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันได้ยังไง นี่มันเป็นแล้วนะนั่น ไม่มีใครบอก มันเป็นด้วยหลักธรรมชาติแห่งความจริง ค้านไม่ได้เลย ธรรมประเภทนี้ที่เจ้าของที่ทรงอยู่ แต่ตายใจนอนใจ ถึงขนาดที่พระพุทธเจ้าตรัสรู้อย่างนี้ละเหรอๆ มันย้ำกันลงไปให้ถึงใจๆ ธรรมประเภทนี้แลที่เรานำมาสอนโลกทุกวันนี้
เราไม่มีธรรมอะไรที่จะมาหาตามเห่าว้อๆ แว้ๆ แต่ปากมันมี หมามันก็ยังมีปากมันก็เห่าบ้าง พอกัดมันก็กัด พอแทะมันก็แทะ พอเห่ามันก็เห่าไปตามเรื่องของหมาซิ เรื่องของคนก็เป็นเรื่องของคนไปก็เท่านั้นเอง เราจึงไม่เคยหวั่นกับใครที่จะมาตำหนิติเตียนในธรรมทั้งหลายที่แสดงออกมาแล้วนี้ เป็นสวากขาตธรรมของพระพุทธเจ้า ธรรมเป็นประเภทเดียวกัน รู้จากความบริสุทธิ์ผุดผ่องออกมาเต็มเหนี่ยวแล้วไม่มีสงสัยที่จะผิดไป ใครจะว่ายังไงก็ว่า เอาท่านทั้งหลายให้ฟังเสียนะ นี่ละธรรมพระพุทธเจ้าเราทรงอยู่เวลานี้ สอนอยู่เวลานี้ ถอดออกมาจากพระพุทธเจ้าด้วยภาคปฏิบัติ เป็นสมบัติของตนขึ้นมาเต็มเหนี่ยว นำออกใช้เต็มภูมิแห่งอำนาจวาสนาบุญญาภิสมภารของเรามีมากน้อยที่สอนโลก เราก็สอนตามกำลังแห่งวาสนาของเรา โลกทั้งหลายที่จะรับได้ก็ตามกำลังของตนๆ เช่นเดียวกัน
เราไม่ได้มีสงสัยอะไรในธรรมทั้งหลายที่สอนนี้ว่าผิดไป ไม่มี ไม่ว่าจะเป็นธรรมขั้นใดๆ เราไม่สงสัย จ้าอยู่ในหัวใจนี้หมดแล้ว ใครจะฟังก็ฟังเอา ถ้าอยากบืนลงนรกเหมือนอย่างที่พระพุทธเจ้าถูกพระอานนท์ทูลถามว่า คนที่จะไปนรกกับจะไปสวรรค์ทางไหนมากกว่ากัน พระอานนท์ทูลถามพระพุทธเจ้า อานนท์ คนที่จะไปตกนรกหมกไหม้นั้นเท่ากันกับขนโค ไปทางต่ำจะจมลงในนรกเท่ากับขนโค แต่คนที่จะเล็ดลอดไปสวรรค์ นิพพานได้นั้นเท่ากับเขาโค โคตัวหนึ่งมีเขาเพียงสองเขา แต่ขนมันเต็มตัว พิจารณาซิ เรื่องของโลกความชั่วเต็ม เป็นขนโคไปหมด แล้วเขาโคมีเพียงสองเขาเท่านั้น มันมีอยู่เพียงเท่านั้น แล้วจะให้ว่าไงพระพุทธเจ้ารับสั่งเอง
มันก็หนาแน่นไปด้วยความชั่วช้าลามก ออกมาที่ไหนก็ออกมาจากหัวใจที่สกปรกสุดส่วนแล้ว มันก็เป็นความสกปรกออกมาทางปากทางคำพูดคำจาอะไรก็ตาม มันก็เป็นเรื่องสกปรกไปตามๆ กันหมด ถ้าออกมาจากใจที่สะอาดแล้วสะอาดไปหมด พระพุทธเจ้า-พระสาวกทั้งหลายสะอาดทั้งนั้นแหละ ไม่เป็นพิษเป็นภัยต่อโลกใด ทั้งสามโลกธาตุไม่มี สัตว์ตัวใดก็ไม่มี เป็นคุณเป็นประโยชน์ทั้งนั้น นี่ธรรมพระพุทธเจ้าอ่อนนิ่มไปหมด แต่เรื่องของกิเลสตัณหามันเป็นพิษเป็นภัย เหมือนแมงป่องไปไหนคอยแต่จะต่อยนั้นต่อยนี้ไปเรื่อย พากันจำเอานะ ให้พิจารณาตัวเองทุกคนๆ
ถวายเงินสด ๒๕๑,๕๒๖ บาท เช็ค ๗๖,๐๐๐ บาท ดีแล้วๆ ช่วยกันอย่างนี้แหละ ถ้าคนดีไม่เชิดชูไว้ไม่มีทางละเมืองไทยเรา มีแต่จะจมท่าเดียว ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ จะจมด้วยคนชั่ว ต้องมีคนดีเป็นผู้พยุงเอาไว้ อย่างที่คัดค้านต้านทานกันอยู่เวลานี้ ก็คือคัดค้านต้านทานสิ่งที่เป็นฟืนเป็นไฟจะมาเผาไหม้ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์นั้นเอง ที่เราช่วยกันอยู่เวลานี้ เรานี้พูดจริงๆ เราพูดได้เต็มปาก ไม่มีกระดากต่อโลกใดในสามแดนโลกธาตุนี้ ผ่านไปหมดแล้ว เพราะฉะนั้นจึงพูดได้เต็มปากตามความสัตย์ความจริงที่มีเต็มหัวใจ เราพูดได้เต็มปากเลย
เพราะฉะนั้นใครจะฟังหรือไม่ฟังก็แล้วแต่กรรมของสัตว์ พระพุทธเจ้าสอนโลกเต็มเหนี่ยวแล้วก็นิพพานๆ ใครจะรับได้มากน้อยก็เป็นกรรมของสัตว์เท่านั้นเอง พวกเราก็อยู่ในวงกรรมของสัตว์เหมือนกัน เราก็สอนได้ตามอำนาจแห่งกรรม-วาสนาของเราเพียงเท่านี้ ผู้ที่จะรับไปได้มากน้อยก็ตามแต่กรรมของสัตว์เท่านั้นเอง จะให้พร
ทองคำได้ ๖ สลึง ยังดีได้ทุกวัน จะต่อซึมเข้าไปๆ คลังหลวง ถ้าเราหยุดตั้งแต่นู้นแล้วก็ไม่ได้ นี่ตั้งแต่วันหยุดแล้ว ทีนี้เป็นประเภทซึมซาบ ได้ตั้งร้อยกว่ากิโลแล้วนะ เพิ่มขึ้น หลวงตาพาพี่น้องทั้งหลายต่อเพื่อคลังหลวงและชาติไทยของเรา ลูกหลานไทยของเราจะได้รับความอบอุ่น เราคิดไว้หมดนะ ที่ได้ออกมาเหล่านี้ออกมาด้วยความคิดเรียบร้อยแล้วทุกอย่าง การที่พาพี่น้องทั้งหลายก้าวเดินนี้ไม่ได้พุ่งพรวดๆ ออกไปเลยนะ พิจารณาเรียบร้อยแล้วออกๆๆ ก็ไม่เคยผิดพลาด ตลอดมาตั้งแต่เริ่มช่วยพี่น้องทั้งหลาย เรียกว่าช่วยชาติทั้งด้านวัตถุและศีลธรรม มาด้วยความสมบูรณ์พูนผลทุกสิ่งทุกอย่าง เรียกว่าถูกต้อง
อันนี้เราก็คิดเห็นถึงเรื่องลูกหลานไทยของเรา จะมีอะไรเป็นหลักเป็นเกณฑ์ล่ะ เมื่อพ่อแม่ตายจากไปแล้ว ลูกเต้าหลานเหลนเหล่านี้จะอาศัยอะไร ก็ต้องได้หามรดกเอาไว้ให้ เราคิดไว้อย่างนี้เอง เอาละให้พร
รับฟังรับชมพระธรรมเทศนาของหลวงตา ได้ที่
www.Luangta.com หรือ www.Luangta.or.th
และรับฟังจากสถานีวิทยุสวนแสงธรรม กรุงเทพฯ และสถานีวิทยุอุดร
FM 103.25 MHz
|