เทศน์อบรมฆราวาส ณ ศาลาใหญ่วัดป่าบ้านตาด
เมื่อวันที่ ๓๐ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๔๘
เห็นความจำเป็นของสัตว์ลึกลับ
พี่น้องทั้งหลายให้พากันตื่นนะ ตื่นกับศีลกับธรรมให้ตื่นเถอะ เราเคยจมมากับกิเลสหลอกนี้นานแสนนานแล้ว เอา ตื่น วันนี้เป็นวันเปิดโลกธาตุ ปลุกกันให้ตื่น นี่พวกภาวนาอยู่ข้างในเป็นฝ่ายผู้หญิง เขารู้เห็นแปลกๆ ต่างๆ แต่เขาไม่กล้าพูดเพราะเป็นสิ่งที่โลกทั้งหลายไม่รู้ไม่เห็น อย่างนั้นละภาวนา เวลาจิตเปิดออกแล้วมันจะรู้จะเห็น เพราะสิ่งเหล่านี้ไม่ได้ปิดบัง มีอยู่ตามหลักธรรมชาติ เป็นแต่เพียงว่าตาเราบอดมันไม่เห็น พอแย็บออกที่ไหนมันก็มองเห็นไปเรื่อยๆ เปิดออกกว้างเท่าไรยิ่งเห็นชัดเจนๆ พระพุทธเจ้าว่า อาโลโก อุทปาทิ พอสว่างจ้าแล้วเห็นหมดเลย เป็นอย่างนั้น โลกวิทู รู้แจ้งโลกรู้อย่างนี้ละ
ที่ว่ารู้นั้น สิ่งเหล่านี้มีมาดั้งเดิมแล้วแต่มันไม่เห็น มันปิด พอเปิดตาออกนี้มันเห็นละซิ จึงได้ประกาศธรรมสอนโลก ในธัมมจักกัปปวัตตนสูตรกระเทือนโลกธาตุเลย ออกครู่เดียวถึงพรหมโลก ๑๖ ชั้นเลยเทียว ขณะเดียวเท่านั้นท่านว่า สะท้านหวั่นไหวไปหมดเลยเทียวธรรมพระพุทธเจ้า นี่ละธรรมรื้อขนสัตว์โลกที่ตายกองกันมานานแสนนาน ธรรมประเภทนี้จะรื้อออก เพราะฉะนั้นธรรมประเภทนี้พอปรากฏขึ้นมา สัตว์ทั้งหลายที่มีนิสัยอยู่บ้างจึงตื่นเต้น รีบเกาะๆ เกาะติดไปเลย ไอ้พวกที่จมก็จมไปเรียกว่าพวกไอซียู มันมี ๔ ประเภท อุคฆฏิตัญญู วิปจติตัญญู เนยยะ ปทปรมะ
อุคฆฏิตัญญูพร้อมแล้วที่จะออก พอเปิดปากคอกปั๊บออกเลยทันทีๆ หนุนกันออก ประเภทที่สามแย่งกัน ทั้งจะไปทั้งจะอยู่ เนยยะ พอฝืนได้ไปได้ๆ ประเภทที่สี่ไม่มีฝืน ไม่มีดีดมีดิ้นจะไป มีแต่จะอยู่ท่าเดียว จม พวกนี้พวกไอซียู มี ๔ ประเภทท่านก็บอกไว้แล้ว ประเภทที่สี่นี้ช่วยไม่ได้เลย พระพุทธเจ้าองค์ใดก็ช่วยไม่ได้ ฟังซิน่ะ หมอมาจากไหนก็มาเถอะ ถ้าลงเข้าห้องไอซียู หมอมาจากไหนก็มา ยามาจากไหนก็มา จะไปท่าเดียว นี่ประเภทปทปรมะ
วันนี้พี่น้องทั้งหลายได้พร้อมใจกันทั่วประเทศไทยมาบำเพ็ญการกุศล เพื่อแผ่ส่วนกุศลให้บรรดาสัตว์ทั้งหลายที่ตายเป็นเปรตเป็นผี มีจำนวนมากยิ่งกว่ามนุษย์เราที่อยู่ในโลกนี้ มีกี่ล้านคน พวกเปรตพวกผีมีจำนวนมากยิ่งกว่านี้ เรามองไม่เห็น พระพุทธเจ้า สาวกทั้งหลายองค์เชี่ยวชาญมองเห็น เห็นแล้วท่านไม่ลบล้าง พวกเราไม่เห็นแล้วก็ลบล้างไปหมดว่าสิ่งเหล่านั้นไม่มี มีตั้งแต่มนุษย์มนาเท่านั้นใหญ่กว่าโลกกว่าสงสาร สัตว์ทั้งหลายที่มีเหมือนกันถูกลบล้างหมด ด้วยความตาฝ้าตาฟางตามืดบอดนั่นแหละ มันไม่เห็น พระพุทธเจ้าและสาวกองค์เชี่ยวชาญรองลงมามองเห็นหมด บรรดาเปรตทั้งหลายที่มาขอส่วนบุญส่วนกุศล
เปรตบางประเภทก็มีญาติมีวงศ์ ได้รับส่วนอนุโมทนาบุญกุศลจากบรรดาญาติทั้งหลาย เลื่อนชั้นเลื่อนภูมิขึ้นไปจนกระทั่งไปสวรรค์เลยมีเยอะ จากการกุศลที่อุทิศส่วนกุศลให้เหล่านี้จากพี่น้องทั้งหลายทั่วประเทศไทย พวกที่ไม่มีญาติเราก็แผ่ส่วนกุศล ทั้งที่มีญาติทั้งที่ไม่มีญาติให้ทั่วถึงกันหมด ให้ได้รับความสม่ำเสมอภาคกันไปในการช่วยชาติคราวนี้ ที่ว่าอุทิศส่วนกุศลแผ่ส่วนบุญให้ทั่วแดนโลกธาตุ คือสัตว์โลกทั้งหลายเต็มอยู่นี้ด้วยความหวังพึ่งผู้อื่น มีจำนวนมากนะ พวกเปรตพวกผีมีจำนวนมากยิ่งกว่าคนทั่วประเทศไทยของเรา มีกี่ล้านคน พวกนี้ยังมีมากกว่านี้อีก
เราอย่าไปลบล้าง คำสอนพระพุทธเจ้าลบล้างไม่ได้นะ เป็นพื้นเพมาจากศาสดาองค์เอกทุกๆ พระองค์ไม่มีองค์ไหนที่จะลบล้างกันเลย บรรดาพระพุทธเจ้าที่มาตรัสรู้นี้มีกี่พระองค์ เทียบกับน้ำมหาสมุทรทะเลหลวง มากต่อมากขนาดนั้น ไม่มีองค์ใดที่จะคัดค้านต้านทานกันว่าสิ่งเหล่านี้ไม่มี พูดเป็นเสียงเดียวกันหมดเพราะรู้เห็นด้วยกันหมดแล้วค้านกันได้ยังไง นั่นละท่านเหล่านี้เป็นผู้นำของพี่น้องทั้งหลาย และจะรื้อขนสัตว์โลกผู้ที่ได้รับความทุกข์ความจนที่หวังพึ่งผู้อื่นพอที่จะพึ่งได้ อย่างพวกเราทั้งหลายได้อุทิศส่วนกุศลให้ในวันนี้ ให้ได้รับทั่วถึงกันหมด
ท่านทั้งหลายเวลาทำบุญกุศลนี้ ให้แผ่บุญกุศลทั่วแดนโลกธาตุ ไม่นิยมว่าญาติไม่ญาติ ญาติเกิดแก่เจ็บตายด้วยกันหมดทั้งสิ้นนั่นแหละ หวังพึ่งซึ่งกันและกันด้วยกันไปหมดในโลกเรา โลกนี้โลกอื่นหวังพึ่ง พึ่งไม่ได้แต่แดนนรก ลงไปแล้วไม่มีใครพึ่งใครได้เลย ต้องตัวใครตัวมัน แต่อยู่ในแดนมนุษย์นี้พอพึ่งกันได้ พวกเปรตพวกผีนี้พึ่งได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ ที่จะได้อาศัยพี่น้องทั้งหลายบริจาคทานในคราวนี้ๆ เพราะฉะนั้นหลวงตาจึงได้อุตส่าห์พยายามทำบุญกุศล โดยยกโยมแม่ขึ้นเป็นต้นเหตุ วันตายของโยมแม่วันนี้ วันที่ ๓๐ เอาอันนี้เป็นต้นเหตุ ในบรรดาสัตว์ทั้งหลายที่มีทั่วโลก มากยิ่งกว่าโยมแม่เป็นไหนๆ นั่นละที่นี่เรายกเอาอันนั้นขึ้นมา ด้วยเพียงอาศัยโยมแม่เป็นต้นเหตุเท่านั้น กรุณาพี่น้องทั้งหลายทราบเอาไว้
ธรรมะพระพุทธเจ้าไม่มีสอง พูดอย่างไรเป็นอย่างนั้น หูหนวกตาบอดมากน้อยไม่มีความหมาย คนตาดีเพียงคนเดียวเห็นหมด คนตาบอดเต็มศาลาไม่มีใครเห็น พวกเรานี่พวกตาบอดเต็มศาลาไม่มีใครเห็นประเภทที่มีอยู่เหมือนเราทั้งหลายนี่ มีอยู่เหมือนกัน ส่วนหยาบ ส่วนละเอียด ละเอียดสุด พระพุทธเจ้าเล็งเห็นหมด ไม่ลบล้างว่าสิ่งเหล่านี้ไม่มี ยอมรับด้วยกัน พระพุทธเจ้าทุกพระองค์ไม่มีพระองค์ใดที่จะคัดค้านต้านทานกันว่า พระพุทธเจ้าองค์นี้สอนผิดไป องค์นั้นสอนถูก ไม่มีคัดค้านกันเลย เพราะท่านทรงรู้ทรงเห็นด้วยกัน แบบเดียวกัน สอนจึงสอนแบบเดียวกัน พวกเปรตพวกผีมีมาดั้งเดิม อาศัยซึ่งผู้มีบุญทั้งหลายทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้พ้นไป บางรายถึงไปสวรรค์เลยก็มีเยอะนะ ที่เราแผ่ส่วนกุศลให้ ที่เบาบางไปสวรรค์ได้เลย พวกที่ต่ำกว่านั้นก็เลื่อนชั้นขึ้นมาๆ เพราะอำนาจแห่งบุญกุศลที่เราทำบุญอุทิศให้นี้ ไม่ใช่เรื่องเล็กน้อยนะที่พาพี่น้องทำนี้
เรานำธรรมพระพุทธเจ้ามาสอน ติโรกุฑฑกัณฑสูตร ท่านแสดงไว้เรียบร้อย บรรดาเปรตทั้งหลายที่มารับส่วนบุญส่วนกุศลเป็นสองฝ่าย ฝ่ายหนึ่งมีญาติ พวกที่มีญาติได้รับส่วนบุญกุศลแล้วก็อนุโมทนาสาธุการให้บรรดาญาติทั้งหลายเรียบร้อยแล้ว ก็เลื่อนชั้นเลื่อนภูมิ บางรายขึ้นสวรรค์ไปด้วยความรื่นเริงบันเทิง อีกพวกหนึ่งไม่มีญาติ มาด้วยความโศกเศร้าเหงาหงอย มาหวังพึ่ง พึ่งอะไรพึ่งไม่ได้ เกาะไม่ติดๆ เพราะไม่มีญาติวงศ์ที่จะอุทิศส่วนกุศลให้ ไปด้วยความโศกเศร้าเสียใจ ยังด่าทอญาติทั้งหลายที่เป็นญาติแต่เป็นญาติใจจืดใจดำ ญาติไม่มีศีลมีธรรม ญาติทั้งหลายที่มีศีลมีธรรมเขาแผ่ส่วนกุศล ญาติของเราไปไหนหมด ทุกคนๆ ทุกสัตว์มีญาติด้วยกัน ทำไมญาติเราจึงไม่มี เรามาด้วยความหวังพึ่งแท้ๆ พึ่งญาติ แล้วไม่มีญาติรายใดเลยที่จะมาแผ่ส่วนบุญส่วนกุศลให้เรา กลับไปด้วยความโศกเศร้าเหงาหงอย แล้วด่าทอแช่งพวกญาติที่ใจดำน้ำขุ่นอีกด้วย นี้ในติโรกุฑฑกัณฑสูตรมี เอามายืนยันได้เลย
นี่ละญาณของพระพุทธเจ้าทรงหยั่งทราบเห็นหมด เอาความจริงนี้มาสอนพวกเราทั้งหลาย เราเป็นลูกศิษย์ตถาคตขอให้ฟังเสียงพระพุทธเจ้า ทุกๆ พระองค์พูดเป็นเสียงเดียวกันหมด เพราะความรู้แบบเดียวกัน ไม่มีใครจะลบล้างได้คือพุทธศาสนาของพระพุทธเจ้าทุกๆ พระองค์ นี้เป็นศาสนาแบบฉบับมาดั้งเดิมตั้งแต่กัปไหนกัลป์ใด แล้วต่อไปนี้ก็จะมีพระพุทธเจ้าต่อไปอีก เป็นแบบเป็นฉบับมาด้วยพระญาณหยั่งทราบๆ ไม่ได้จับองค์นี้มาให้เป็นเจ้าของศาสนา องค์นี้ให้เป็นศาสดา องค์นี้ให้เป็นศาสดาองค์นั้นองค์นี้ เป็นเจ้าของศาสนาทั้งที่กิเลสเต็มหัวใจ ไม่มีในพระพุทธเจ้าทั้งหลาย พระพุทธเจ้าทั้งหลายเป็นผู้สิ้นกิเลสแล้วโดยสิ้นเชิง มาสั่งสอนสัตว์โลกด้วย โลกวิทู รู้แจ้งและเห็นจริงโลกทุกสัดทุกส่วน อาโลโก อุทปาทิ สว่างจ้าอยู่ทั้งกลางวันกลางคืน โลกไม่เห็นโลกตาบอดก็ตาม พระพุทธเจ้าตาดีเห็นหมดด้วยกัน จึงไม่มีการค้านกัน นั่นละให้พี่น้องทั้งหลายจำเอาไว้
เราเป็นลูกศิษย์ตถาคต ด้วยความตาบอดของเราให้ฟังเสียงท่านผู้ตาดี ถ้าฟังเสียงผู้ตาดีเราจะมีเล็ดลอดพ้นเขตอันตรายไปได้ แต่ถ้าตาบอดแล้วอวดดีอวดเก่งแล้วลงเหวลงบ่อ ตกเหวตกบ่อไปไม่รู้ตัวนะ คนตาบอดมักขี้โม้ขี้คุย คนตาดีเขาไม่โม้ไม่คุย ตรงไหนเป็นภัยเขาหลีกปั๊บๆ ไปเลย พ้นภัย แต่คนตาบอดนี่เก่ง แล้วมักจะหัวชนไม้ชนตอไปอย่างนั้น ฟังให้ดี เราเป็นคนตาบอดให้ฟังเสียงพระพุทธเจ้า แล้วเราจะรอดพ้นภัยไปโดยลำดับลำดา
วันนี้เป็นวันที่เราแผ่ส่วนกุศล ทุกๆ คนที่บริจาคมีสิทธิที่จะอุทิศส่วนกุศลให้บรรดาญาติมิตรทั้งหลาย ตลอดสัตว์ทั้งหลายที่เขามาพึ่งพาอาศัยพวกเราผู้มีบุญได้สร้างไว้ในวันนี้ แล้วเขาจะได้บุญกุศลไป อนุโมทนาสาธุการย้อนหลังมาหาพวกเรา เราก็จะมีความสุขความเจริญ บุญกุศลที่เราทำนี้เราก็ได้ พวกเปรตพวกผีก็ได้ ไม่ใช่ว่าทำแล้วอุทิศไปให้เปรตผีหมด พวกเรากระเป๋าแห้งกลับมา อย่างนั้นไม่มี เราก็ได้ แบ่งส่วนบุญกุศลที่เราได้เหล่านี้ออกช่วยสัตว์ทั้งหลาย ได้เหมือนกันหมด ให้พากันจำเอานะ
วันนี้ได้พาพี่น้องทั้งหลายบำเพ็ญมาประจำปีๆ เพราะเห็นความจำเป็นของสัตว์ลึกลับๆ นี้แหละ ตามทางของศาสดาที่ทรงสั่งสอนไว้แล้วด้วยความรู้แจ้งเห็นจริง จึงได้นำธรรมนั้นมาสั่งสอน และพาพี่น้องทั้งหลายดำเนินตาม เพื่อสัตว์ทั้งหลายเหล่านั้นที่หวังพึ่งผู้อื่นอยู่เขาจะได้พึ่ง ตามกำลังความสามารถของเขาของเรา บุญเขาบุญเรารับกันมากน้อยเพียงไรรับกันไป เอากันไปๆ พากันจำเอานะ วันนี้เป็นโอกาสอันดี พี่น้องทั้งหลายตั้งแต่ตื่นนอน จิตใจพัวพันอยู่กับการกุศลผลบุญตลอดเวลาทุกหัวใจ เรียกว่าวันนี้เราสร้างบุญสร้างกุศลเข้าสู่หัวใจ นอกจากนั้นมีแต่เรื่องกอบโกยเอากิเลส ความโลภ ความโกรธ ราคะตัณหา ความดีดความดิ้น ขนเข้ามาสู่หัวใจเป็นไฟเผาไหม้อยู่ทั่วทุกหัวใจตลอดเวลามา
วันนี้เราได้บำเพ็ญกองการกุศล อย่างน้อยตั้งแต่ตื่นนอนมา เริ่มตั้งแต่งานนี้ละ กองการกุศลจะพัวพันกับจิตใจเราตลอดมา จะทำอันนั้นจะสร้างอันนี้เรื่อยมานี้เป็นจิตกุศลทั้งนั้นเกี่ยวข้องกับจิตใจของเรามา จนกระทั่งวันนี้เป็นวันวาระสุดท้ายของเราที่กำลังฟังเทศน์อยู่เวลานี้ เราได้สร้างบุญสร้างกุศลเต็มเม็ดเต็มหน่วยเต็มความสามารถของเราแล้ว ท่านทั้งหลายก็จะได้บุญได้กุศลผลบุญเต็มหัวใจกลับไปบ้านไปเรือน พวกเปรตพวกผีทั้งหลายที่ได้มาอาศัยพวกเรา ก็จะได้รับความสุขความเจริญจากกุศลที่พี่น้องทั้งหลายบริจาคให้นี้ แล้วเลื่อนชั้นเลื่อนภูมิ บางรายไปสวรรค์ได้เลย นี่ไม่ใช่เรื่องเล็กน้อยนะการอุทิศส่วนบุญส่วนกุศลให้ ท่านสอนไว้เป็นขั้นๆ พวกเปรตพวกผีที่มีกรรมหนักก็เลื่อนขึ้นมาๆ จากผลบุญของญาติ ผู้ที่เบาบางก็เลื่อนขึ้น ผู้เบากว่านั้นขึ้นสวรรค์ไปเลยมีเยอะ นี่ท่านแสดงไว้เรียบร้อยแล้ว นี่คือคำสอนของพระพุทธเจ้า ให้ท่านทั้งหลายนำไปปฏิบัติ
แล้วให้พึ่งตนเอง ก่อนที่จะตายนี้อย่าไปหวังพึ่งตั้งแต่เวลาตายแล้วญาติจะทำบุญอุทิศกุศลให้ แล้วนอนหลับครอกๆ ไม่ได้นะ เวลามีชีวิตอยู่ให้ขวนขวายเต็มกำลังความสามารถ ตายแล้วสุดวิสัย ญาติจะช่วยเหลือได้มากน้อยเพียงไรก็เป็นเรื่องของญาติ ส่วนเราที่จะช่วยตัวเองในเวลามีชีวิตอยู่ให้รีบช่วยเสียตั้งแต่บัดนี้ ตายแล้วจึงนิมนต์พระมา กุสลา ธมฺมา อกุสลา ธมฺมา กล้วยหอมอยู่ไหนนา กล้วยไข่อยู่ไหนนา ไม่ได้นะ หลวงตาบัวนี้ไม่ไป ถ้าใครมานิมนต์ไป กุสลา ธมฺมา คนนั้นตายคนนี้ตาย เราจะถามเสียก่อนว่ามีกล้วยหอมไหม มีกล้วยไข่ไหม ถ้าไม่มีหลวงตาไม่ไป จะว่าอย่างนั้น พวกนี้เวลามีชีวิตอยู่มันไม่สนใจกับวัดกับวากับศาสนา สนใจแต่สุรายาเมา สูบฝิ่นกินกัญชา นารีอะไรไปอย่างนั้น เวลาตายแล้วจะนิมนต์เราไป กุสลา เราไม่ไป อย่างมากเราเห็นกล้วยหอมกล้วยไข่เท่านั้น เราจะไปเพื่อกล้วยหอมกล้วยไข่ นอกนั้นเราไม่ไป เข้าใจเหรอ
ถ้าได้ยินอย่างนี้ให้ระวังนะ เวลาตายแล้วมานิมนต์หลวงตาบัว จะเอากล้วยหอมกล้วยไข่มาอวด หลวงตาบัวก็ไม่เอาอีกเหมือนกัน สิ่งที่ยิ่งใหญ่กว่านี้ คือจะยกคนให้พ้นจากทุกข์นั้น เวลานี้กำลังสอนอยู่ ให้ยึดไว้ตั้งแต่บัดนี้ต่อไป อันนี้มีคุณค่ามากยิ่งกว่ากล้วยหอมกล้วยไข่ที่จะมาหลอกหลวงตาบัว หลวงตาบัวไม่ไปนะ ว่าเฉยๆ ถามหากล้วยหอมกล้วยไข่ ไม่เอา ไม่มีอะไรเลิศยิ่งกว่าหัวใจคน เวลานี้เราสอนหัวใจคนให้รู้ศีลรู้ธรรม ใครเป็นผู้มีศีลมีธรรมแล้ว โลกนี้จะค่อยสงบร่มเย็น ตั้งแต่ครอบครัวผัวเมียไปจะมีความสงบร่มเย็น ต่างคนต่างมีความซื่อสัตย์สุจริตต่อกัน ไปที่ไหนไว้ใจกันได้ นี้ละความอบอุ่น
เงินล้านเงินกี่ล้านก็ตามสู้ไม่ได้ สู้ศีลธรรมที่ครอบครองแต่ละคนๆ ให้มีความซื่อสัตย์สุจริตตายใจกันได้นี้ไม่ได้ อันนี้มีคุณค่ามากยิ่งกว่าเงินล้านเป็นไหนๆ ให้ท่านทั้งหลายสงวนศีลธรรมอันนี้ไว้เป็นความอบอุ่นแก่พี่น้องทั้งหลาย ยิ่งกว่าเงินล้านเป็นไหนๆ นะ เงินล้านมีเท่าไรเอาไปเผาตัวเองก็ได้ ถ้าจิตใจของเราเป็นไปในทางผิดเสีย เงินล้านมาเป็นฟืนเป็นไฟเผาไหม้เราก็ได้ ส่วนบุญส่วนกุศลที่เรานำมาปฏิบัติ เรามีเงินเท่าไรก็ตามเราแบ่งสันปันส่วน อันนี้สำหรับครอบครัวเหย้าเรือนที่เลี้ยงดูธาตุขันธ์ของเราต่อไป อันนี้เพื่อบุญกุศลเลี้ยงดูจิตใจ หนุนจิตใจของเรา เวลาตายแล้วจะหวังพึ่งบุญกุศลนี้เท่านั้น นอกนั้นไม่มีที่พึ่ง จะมีสมบัติเงินทองมากน้อยเท่าไรเป็นโมฆะไปหมด พอลมหายใจขาดปุ๊บ ร่างกายหมดความหมาย ทุกสิ่งทุกอย่างหมดความหมาย แต่บุญและบาปไม่หมดนะ ติดอยู่กับใจ เพราะฉะนั้นให้พยายามปัดบาปออกๆ
ให้เชื่อพระพุทธเจ้านะ ให้มองดูหน้าพระพุทธเจ้า อย่ามองดูแต่หน้ากิเลสมันจะพาจม ให้มองดูหน้าพระพุทธเจ้าท่านสอนว่ายังไง ท่านฉุดลากออกจากความชั่วช้าลามกที่เป็นฟืนเป็นไฟ ให้เข้าสู่ความดีและเป็นความสงบเย็นใจให้ยึด ถึงจะยากลำบากเท่าไรให้ฝืน ไม่ฝืนไม่ได้กิเลสลากลงแท้ๆ กิเลสมีกำลังมากในหัวใจของเราปุถุชนทั้งหลายนี้ เมื่อได้บำเพ็ญกุศลมากๆ เข้าแล้วธรรมนี้จะเปิดกว้างๆ แล้วกิเลสก็จะถอยหลังๆ เราผ่านไปเรื่อยตลอด เหยียบหัวกิเลสไปเลย พ้นทุกข์ไปได้เพราะอำนาจแห่งบุญแห่งกุศล ด้วยความอุตส่าห์พยายามของเรา ให้พากันจำทุกคนๆ
เราช่วยชาติบ้านเมืองเราช่วยทุกแบบทุกฉบับ เต็มกำลังความสามารถของเรา เรียกว่าเราภูมิใจในการช่วยชาติคราวนี้ ตั้งแต่เกิดมาเราก็ไม่เคยคิดเคยคาดว่าจะได้มาช่วยชาติ แม้แต่ช่วยตัวเองก็ล้มลุกคลุกคลานจะเป็นจะตายอยู่แล้ว ไม่ได้คิดว่าจะช่วยใครต่อใครเวลานั้น เวลาฟัดเหวี่ยงกับกิเลสตัวเป็นข้าศึกต่อตัวของเราอย่างหนักหน่วงไม่หยุดไม่ถอย แล้วกิเลสก็ค่อยจางๆ ธรรมะค่อยเปิดขึ้นๆ ธรรมะเปิดขึ้นมากๆ ฟัดกับกิเลส สุดท้ายฟาดกิเลสพังทลาย ไม่มีอะไรเหลือภายในจิตใจของเรา
เอ้า ฟัง พี่น้องทั้งหลายจะฟังให้ฟัง เราเปิดด้วยความสัตย์ความจริงในหัวใจของเราที่มีมากน้อย เปิดให้พี่น้องทั้งหลายฟัง ให้สมเจตนาที่มุ่งมาหาบุญหากุศล และหลวงตาบัวไม่ใช่เป็นคนหลอกโลก ไม่ใช่เป็นคนโกหกโลก เรานำพี่น้องทั้งหลายมาไม่มีข้อโกหกแม้แต่นิดหนึ่ง เรานำมาด้วยความอบอุ่น สมบัติเงินทองข้าวของไหลเข้าคลังหลวงของเราหมดทุกบาททุกสตางค์ หลวงตาบัวไม่เคยแตะนะ ทองคำร้อยเปอร์เซ็นต์เข้าคลังหลวงทั้งนั้น ดอลลาร์เข้าคลังหลวง ๑๐ ล้านกว่า นอกนั้นแยกมาช่วยเงินไทยเพื่อช่วยชาติบ้านเมืองของเราด้วยการสร้างตึกต่างๆ ในโรงพยาบาล โรงร่ำโรงเรียน สถานสงเคราะห์ ที่ราชการ เงินไทยนี้ไหลออกไปหมดทั่วประเทศไทย เป็นสมบัติเงินทองที่หวงแหนของบรรดาพี่น้องทั้งหลายทุกคน ดึงออกมาจากความหวงแหนมาช่วยชาติบ้านเมือง
เวลานี้รู้สึกอุ่นหนาฝาคั่งขึ้นเป็นลำดับ ไปที่ไหนมองที่ไหนเห็นแต่ตึกๆ ตามโรงพยาบาลต่างๆ ตามโรงร่ำโรงเรียน ตามถนนหนทาง มองไปเห็นหมด ล้วนแล้วตั้งแต่สมบัติเงินทองพี่น้องทั้งหลายบริจาคทั้งนั้น หลวงตาบัวไม่มีเงินสักบาทเดียวแหละ แต่อาศัยพี่น้องทั้งหลาย แล้วก็ทำงานแทนท่านทั้งหลายด้วยความบริสุทธิ์ใจ และด้วยความเมตตาสุดส่วน เราจึงไม่มีอะไรติดตัวของเราว่าเป็นความไม่บริสุทธิ์ในหัวใจเราแม้เม็ดหินเม็ดทราย ไม่ปรากฏเลย เราช่วยชาติช่วยขนาดนั้นนะ ชี้นิ้วได้เลย จะเอาใครมาแข่งก็มา มาแข่งกับหลวงตาบัว ช่วยชาตินี้
หนึ่ง ช่วยด้วยใจที่บริสุทธิ์สุดส่วน พอทุกอย่างแล้ว
สอง ด้วยความเมตตาครอบโลกธาตุ แล้วจะเอาความทุจริตมืดดำมาจากไหน มาทำลายหัวใจพี่น้องทั้งหลายที่บริจาคมาด้วยความบริสุทธิ์ใจ ทำลายไม่ลง เราบริจาคหมด แบมือตลอดเวลา อย่างที่บริจาคทั้งหลายมาเหล่านี้จะไม่ไปไหนนะ ออกทั่วถึงกันหมด ไม่มีที่จะมาเข้ากระเป๋าเรา นี่ละได้อุตส่าห์พยายามเต็มเม็ดเต็มหน่วยเพื่อพี่น้องทั้งหลาย ช่วยเต็มเหนี่ยว เราพอทุกอย่างแล้ว
นี่ละการบำเพ็ญธรรม ถึงขั้นพอพอหมด ในหัวใจนี้ไม่ต้องการอะไรอีกแล้ว ตั้งแต่วันกิเลสที่มันต้องการนั้นต้องการนี้ อยากได้นั้นอยากได้นี้พังลงหมด ความอยากพังลง ความทุกข์พังลงไปตามๆ กัน เหลือแต่ความพอ พอเป็นบรมสุข คือจิตที่บริสุทธิ์เป็นธรรมธาตุแล้วพอ นี้ช่วยโลกด้วยความพอ เราไม่ได้ช่วยด้วยความอิดหิวโรยแรงอะไร เราช่วยด้วยความพอ แล้วเรายกนิ้วได้เลย หรือจะหาใครมาแข่งเอ้า มา การช่วยโลกได้เท่านี้ เราไม่มีแม้เม็ดหินเม็ดทรายที่จะมัวหมองต่อพี่น้องทั้งหลายด้วยความทุจริตที่นำสมบัติพี่น้องทั้งหลายมาบริจาคนั้นมาเป็นของตน แม้เม็ดหินเม็ดทรายเราไม่มี ถึงขนาดนั้น เราบริสุทธิ์ถึงขนาดนั้น ทุกอย่างไม่ว่าทองคำ ดอลลาร์ เงินสด แบบเดียวกันหมด เราช่วยเต็มกำลังความสามารถ
ในชาตินี้เราก็ไม่เคยคิดว่าจะได้ช่วยพี่น้องทั้งหลาย เบื้องต้นก็ฟัดตัวเองกับกิเลสเสียก่อนในป่าในเขาคนเดียว เหมือนกับผ้าขี้ริ้วห่อมูตรห่อคูถนั้นแหละ ผ้าขี้ริ้วก็คือผ้าย้อมฝาดผ้าแก่นขนุนมาห่อมูตรห่อคูถ คือเรามีแต่ขี้โลภ ขี้โกรธ ขี้หลง เต็มตัว เรียกว่ามูตรว่าคูถ ห่อไว้อย่างนั้นแหละ ค่อยชำระออกๆ ค่อยจางไปๆ จิตใจค่อยสว่างๆ ขึ้นมา ฟัดกับกิเลสไม่หยุดไม่ถอย สุดท้ายใจก็จ้าขึ้นมาเลย ทีนี้เวลาใจจ้าขึ้นมาแล้วเราถึงได้มองเห็นโลกที่เราเคยผ่านมา ตายกองกันมานี้กี่กัปกี่กัลป์ ไม่ว่าท่านว่าเราปฏิเสธไม่ได้ ตายกองกันมาเท่าไร นับภพนับชาติของตัวเองไม่ได้มาเท่าไร เราก็เป็นแบบเดียวกันกับโลกทั้งหลาย
เวลามันจ้าขึ้นมามันเห็นหมดจะว่าไง จนเกิดความน้อยอกน้อยใจที่จะสั่งสอนโลกต่อไปสั่งสอนยังไง ก็เราบึกบึนมาแทบเป็นแทบตายถึงได้มารู้ขนาดนี้ แล้วใครจะอุตส่าห์พยายามให้รู้ให้เห็นได้อย่างนี้ อยู่ไปกินไปวันหนึ่งพอถึงวันตายเท่านั้นพอ มันเกิดความปรารถนาน้อยหรือว่าความขวนขวายน้อยขึ้นมา ไม่อยากสอนใครเลย เพียงเราคนเดียวนี้ก็แทบเป็นแทบตายผ่านขึ้นมาแล้ว แล้วใครจะมารู้อย่างนี้ได้เห็นได้ อยู่ไปกินไปพอถึงวันตายเท่านั้นพอ
แล้วธรรมอันหนึ่งก็ผุดขึ้นมาอย่างแรงทีเดียว เตือนกัน ที่จะได้มานำพี่น้องทั้งหลายคือธรรมประเภทนี้เองเตือนขึ้นมา ก็เมื่อว่าโลกอันนี้มีแต่โลกมืดโลกบอดไปหมด ไม่มีใครรู้ได้เห็นได้ รู้ได้แต่เราคนเดียว เราก็เป็นมนุษย์เหมือนกันกับโลก หรือเราเป็นเทวดามาจากไหน เราทำไมถึงรู้ได้ โลกทำไมถึงรู้ไม่ได้ เขาเป็นมนุษย์ด้วยกัน รู้ได้เพราะเหตุใด นี่ละคำว่าเพราะเหตุใดนี้เอง สายทางมันหยั่งมาตั้งแต่สร้างคุณงามความดี เริ่มเป็นรากเป็นฐานมา เป็นทางเดินเข้ามาๆ จนถึงจุดนี้ ด้วยอำนาจบารมีของเราที่ได้สร้างมา รู้ได้เพราะเหตุนี้ เข้าใจไหมล่ะ ทีนี้โลกเขาก็สร้างคุณงามความดี นั่งเต็มศาลานี้มีแต่คนสร้างคุณงามความดี ก็เป็นผู้สร้างสะพานไว้เพื่อตัวเองโดยลำดับเหมือนกัน เรารู้ได้ทำไมเขาจะรู้ไม่ได้ คนนั้นเดินมาคนนี้เดินมา เดินไม่หยุดไม่ถอยถึงได้เหมือนกัน
รู้ได้เพราะเหตุใด ยอมทันทีเลย อ๋อ รู้ได้ ทีแรกว่าจะไม่สั่งสอนใครเลย จะอยู่คนเดียว ตายไปนานแล้วแหละถ้าธรรมดานะ ตายไปนานแล้ว แต่นี้พออันนี้มากระตุกเท่านั้น ว่าโลกรู้ไม่ได้เรารู้ได้คนเดียว เราเป็นเทวบุตรเทวดามาจากไหนเราถึงรู้ได้ ทั้งๆ ที่เขาก็เป็นมนุษย์เหมือนกัน เราเป็นมนุษย์ทำไมรู้ได้แต่คนเดียว รู้ได้เพราะเหตุใด นี่เพราะสายทางบารมีที่สร้างมามากน้อยนี้ลบไม่สูญ เราเกิดในภพใดๆ ก็ตามความดีงามนี้จะลบไม่สูญ ติดอยู่ในหัวใจๆ ทีนี้ก็สั่งสมอันนี้ขึ้นมา พออันนี้มากเข้าๆ ชำระความชั่วช้าลามกออก อันนี้ก็เด่นขึ้นๆ สุดท้ายก็รู้ได้เพราะเหตุนี้ นั่นเห็นไหมล่ะ เมื่อสายทางคือบารมีของเราสร้างมาโดยลำดับก็มารู้ได้เพราะเหตุนี้ อ๋อ รู้ได้ ยอมรับเลยนะ ไม่มากก็ได้เพราะมีสายทางมา
ผู้ที่จะหลุดพ้นแต่ละรายๆ มีสายทางมาทั้งนั้น สร้างบารมีมาโดยลำดับ ผู้ยังไม่หลุดพ้นก็กำลังก้าวมาๆ เพื่อความหลุดพ้น อ๋อ รู้ได้ ยอมรับ นี้ละที่ได้สั่งสอนโลกมาเรื่อยๆ ต่อจากนั้นก็ก้าวออกมาเรื่องช่วยชาติบ้านเมืองจนกระทั่งบัดนี้ เราไม่เคยคิดนะว่าเราจะช่วยชาติบ้านเมือง มันหากเป็นขึ้นภายในจิตใจของเรา ด้วยบุพเพนิวาสชาติปางก่อน เราเคยสั่งสมคุณงามความดีมาด้วยกัน เคยเป็นญาติเป็นเพื่อนเป็นฝูงเป็นมิตรเป็นสหาย เป็นพี่เป็นน้อง เป็นเจ้าเป็นนาย เป็นบริษัทบริวาร เป็นครูเป็นอาจารย์ เกี่ยวโยงกันมาด้วยบุพเพนิวาสชาติปางก่อน พอพูดกันปั๊บมันก็ลงกันเลย
ครั้นลงกันก็เดินตามกันไปเลย ทำชาติบ้านเมืองของเราให้เจริญรุ่งเรืองแน่นหนามั่นคงขึ้นโดยลำดับ ถ้าไม่มีสายวาสนาบารมีบุพเพนิวาสชาติปางก่อนมาเกี่ยวโยงกันแล้ว สอนกันก็ไม่ลง เขาไม่เชื่อเรา เราก็ไม่พอใจที่จะสอนเขา แล้วก็จมไปเลย อันนี้ต่างคนก็ต่างพอใจ เอ้า นี้จะช่วยเต็มที่ ทางนั้นก็บืนตามๆ กันไป เราก็เห็นผลประจักษ์แล้วเวลานี้ ทองคำเราในคลังหลวงเคยมีที่ไหน ได้ทองคำตั้ง ๑๑ ตันกว่าๆ เวลานี้ก็ได้อีก ๑๒๐ กว่ากิโลแล้ว นี่เรียกว่าทองคำประเภทซึมซาบ จะไหลเข้าสู่คลังหลวง และดอลลาร์ตั้ง ๑๐ ล้านกว่ามอบคลังหลวงแล้ว ส่วนเงินสดนี้กระจายทั่วประเทศไทยช่วยชาติบ้านเมือง นี่ก็เพราะสายเกี่ยวโยง บุพเพนิวาสชาติปางก่อน เราเคยเป็นครูเป็นอาจารย์ เป็นบริษัทบริวาร เป็นเจ้าเป็นนายของกันและกัน สายเกี่ยวโยงนี้มาเข้ากันได้ปุ๊บ ผึงไปด้วยกันเลย
นี่ละพาพี่น้องทั้งหลาย ถ้าธรรมดาเป็นไปไม่ได้นะ ใครก็เป็นคนเหมือนกันๆ เอ้า ออกมาซิใครจะเชื่อหรือไม่เชื่อ เขาจะยอมเชื่อไหม เราจะมีความสามารถสั่งสอนคนให้พอเชื่อถือได้ไหม มันไม่ได้นะ มันเป็นไปตามนิสัยวาสนาต่างหาก ถ้ามีนิสัยวาสนาแล้วเห็นกันปั๊บ เช่นอย่างเรายกตัวอย่าง เมื่อวานนี้เราก็พูด พระพุทธเจ้าเสด็จไปก่อน พระกัสสปะตามเสด็จมาทีหลัง พอพระองค์ไปถึงนั้นเห็นพวกแม่ค้าเขามาขายของ หาบสินค้ามาเต็มเอี๊ยดๆ ทุกคนๆ เขาผ่านพระพุทธเจ้าไปแบบเฉยเลย พระพุทธเจ้าเสด็จไปนี้เขาก็เดินผ่านพระพุทธเจ้าไปเฉยเลย นั่นเห็นไหมล่ะ นี่ละสายเกี่ยวโยงหรือไม่เกี่ยวโยงฟังเอานะ
พอไปถึงที่ใดที่หนึ่งแล้ว เอ้า นั่งนี่ละอานนท์ คอย พวกแม่ค้าทั้งหมดนี้เขาเคยเป็นลูกศิษย์พระกัสสปะมากยิ่งกว่าเป็นลูกศิษย์ของเรา เขาไปนี้เขาจะเทลงหมด บรรดาแม่ค้าที่หาบของมาเต็มกำลังความสามารถ เขาจะไปเทลงถวายพระกัสสปะทั้งหมด เพราะนี้เป็นลูกศิษย์ของพระกัสสปะ เรานั่งอยู่นี้รอนะ สักเดี๋ยวพระกัสสปะก็จะพาลูกศิษย์ลูกหาขนของนั้นมาหาเรา เราคอยฉันอยู่ที่นี่สบายดี ไม่นานนัก สักเดี๋ยวพระกัสสปะก็นำมาจริงๆ หลั่งไหลมา หมดเลยแม่ค้ามาถวายพระพุทธเจ้า พระกัสสปะฉันด้วยกัน เราอยากจะแทรกเข้าไปในวงนั้นด้วย แต่ไม่ได้แทรก ไม่มีวาสนาก็ไม่เอาละ
นี่ละสายเกี่ยวโยง เข้าใจไหม พระพุทธเจ้าเสด็จไปต่อหน้าเขายังไม่สนใจ เฉยเลย พอพระกัสสปะมาเท่านั้นลงกันหมดเลย นี่สายวาสนา สายบารมี มันหากเป็น พูดเชื่อกันได้ทันทีๆ นิสัยวาสนาเคยลงกัน ถ้าไม่ลงกันแล้วไม่เชื่อที่จะฟัง ไม่เชื่อที่จะพูด ไม่พอใจที่จะพูด มันจะผ่านกันไปๆ นี่คือสายบุญสายกรรมของพวกเรา และชาติไทยของเราที่พยุงกันมานี้ก็ไม่พ้นจากสายบุญสายกรรมที่มีพ่อมีแม่ มีญาติมีวงศ์ มีบริษัทบริวาร มีเจ้ามีนาย มีลูกน้อง และมีครูมีอาจารย์ เป็นสายเกี่ยวโยงมา จึงค่อยพยุงกัน
อย่างที่เรามาเห็นไหมนี่ ศาลาหลังนี้ก็ว่าใหญ่โตที่สุดเลย แต่เวลามีงานทีไร ดูซิศาลาหลังนี้มีความหมายอะไร ก็เพราะน้ำใจของพี่น้องทั้งหลายมาสร้างคุณงามความดีร่วมกันกับครูกับอาจารย์ เพื่อยกชาติไทย ศาสนาไทย พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวไทยของเราขึ้นเป็นลำดับ นี่เรื่องราวทั้งหลายมันก็มาทุกแห่งทุกหน ทั่วประเทศไทยมาหมดนี้นะ ไม่ว่าจังหวัดไหนๆ มาหมดมาที่นี่เพราะน้ำใจ กรุณาพี่น้องทั้งหลายทราบเอาไว้ ด้วยสายเกี่ยวโยงกัน บุพเพนิวาสชาติปางก่อนเราเคยสร้างบารมีมาร่วมกันมันถึงเป็นไปได้ อยู่ใกล้อยู่ไกลไม่สำคัญ น้ำใจเป็นสำคัญ อยู่ที่ไหนน้ำใจถึงกันๆ ไปได้หมด เข้าใจเหรอ วันนี้เทศน์เพียงเท่านี้ละ
ต่อไปนี้ขอความสวัสดีจงมีแก่บรรดาพี่น้องทั้งหลาย ที่มาร่วมสร้างบุญสร้างกุศลผลประโยชน์ให้แก่บรรดาสัตว์ทั้งหลาย ทั้งเราก็ได้รับ ทั้งพวกเปรตพวกผีที่มาอาศัยใบบุญของเราก็ได้รับพร้อมกัน เรียกว่าเราสมมักสมหมายด้วยกันทั้งสองฝ่าย ต่อไปนี้ขอความสวัสดีจงมีแก่บรรดาพี่น้องทั้งหลายโดยทั่วกันเทอญ
รับฟังรับชมพระธรรมเทศนาของหลวงตา ได้ที่
www.Luangta.com หรือ www.Luangta.or.th
และรับฟังจากสถานีวิทยุสวนแสงธรรม กรุงเทพฯ และสถานีวิทยุอุดร
FM 103.25 MHz |