ไม่มีใครเทศน์อย่างเรา
วันที่ 21 สิงหาคม 2544
สถานที่ : วัดป่าบ้านตาด
| |
ดาวน์โหลดเพื่อเก็บไว้ในเครื่อง
ให้คลิกขวาแล้วเลือก Save target as .. จาก link ต่อไปนี้ :
ข้อมูลเสียงแบบ(Win)   ข้อมูลเสียงแบบ(Real)   วิดีโอแบบ(Win Narrow Band)   วิดีโอแบบ(Real)

ค้นหา :

เทศน์อบรมฆราวาส ณ วัดป่าบ้านตาด

เมื่อวันที่ ๒๑ สิงหาคม พุทธศักราช ๒๕๔๔

ไม่มีใครเทศน์อย่างเรา

วันนั้นเราลืมถามหมอเติ้ง ที่เสมหะติดคอเราลืมถาม วันแกจะกลับกรุงเทพ ไม่ได้ถามที่ว่าเสมหะติดคอเพราะอะไร เราถามแต่เรื่องจมูกที่เป็นเหมือนเป็นหวัดแต่ไม่ใช่หวัด เป็นยังไง เราถามอันเดียว ทั้ง ๆ ที่คอกับจมูกอยู่ด้วยกันเวลาถามลืมคอ ถามแต่เรื่องจมูก แกก็ให้แบมือให้ดู แกตอบทันทีเลยนะบอกว่าเป็นเพราะตับ ไม่มาก เวลาไปกรุงเทพนี้แกจะหายาต้มให้ฉัน ไม่นานหายว่างั้น เราชักจะเชื่อ เพราะโรคของเราที่จะตายท่าเดียวนี้กลับฟื้นขึ้นมาได้อย่างไม่คาดไม่ฝัน เราจึงลงใจชักจะเชื่อไว้ก่อนแล้ว บอกว่าเป็นเพราะตับแกว่า แต่ไม่เป็นมาก ไปนี้จะหายาต้มให้ฉันก็หาย แต่เราลืมเรื่องเสมหะ ถ้าได้ไปกรุงเทพคราวนี้คงจะได้ทั้งสองเรื่อง เสมหะหนึ่ง แล้วเป็นเหมือนหวัดหนึ่ง แกจะจัดยาให้ฉันว่างั้น

ที่เป็นเหมือนเป็นหวัดนี้เป็นมาหลายปีแล้วนะ คงจะถึง ๔-๕ ปี คือมันเป็นมันไม่กระทบกระเทือนอะไรเลย มีแต่ลักษณะเหมือนหวัดนิด ๆ แล้วบางทีมีน้ำมูกนิด ๆ เท่านั้น ที่จะให้เจ็บให้แสบให้อะไร ๆ เหมือนเป็นหวัดจริง ๆ ไม่มี มันก็เป็นของมันมาเรื่อย ๆ ทีนี้เสียงก็กลายเป็นเสียงคนเป็นหวัดไปอย่างนี้ แต่ก่อนเราก็ไม่ได้ถามแก พึ่งถามตอนที่แกมาพักอยู่ที่นี่ แกบอกว่าจะหายา คือยานี้เป็นยาของจีนทั้งนั้น จะหายาต้มให้ฉันว่างั้น ส่วนเสมหะนี้ก็คงจะทราบละถ้าได้ถามแก

หมอคนนี้มันถึงใจเรานะ เราไม่ได้สนใจกับได้ว่าจ่ายค่าหยูกค่ายาเป็นเครื่องตอบแทนให้แกเท่านั้นเท่านี้ เราไม่มีเลยนะในใจ ฟังซิว่าไม่มีเลย ไม่ได้สนใจเลย ที่มันฝังลึกก็คุณของแกนั้นมีมากขนาดไหน เพราะเราเรียกว่าดิ่งลงจะตายโดยถ่ายเดียว แล้วก็ฟื้นขึ้นมาได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ซึ่งไม่คาดไม่ฝัน เราเคยเห็นที่ไหน ไม่เห็น ก็พึ่งมาเจอหมอคนนี้ แล้วหายแบบปาฏิหาริย์เสียด้วยไม่ใช่หายธรรมดา ถึงเราเองยังไม่เชื่อความหายลงไปโดยลำดับอย่างโรคของเราเลย เวลาถามแก แกก็บอกว่าหาย เรายังไม่เชื่อ เพราะเป็นอย่างร้ายแรงมาตั้ง ๕๐ กว่าปี วาระสุดท้ายนี้จะเอาให้ตายท่าเดียวเลย แล้วอยู่ ๆ แกก็มารักษาให้ พอกินยาแกลงไปแล้วมันหายวันหายคืน ๆ ไปเลย ไม่มีปฏิกิริยานะ

โรคนี้ถ้าเทียบแล้วก็ว่าโรคนักเลงโต โรคเสือร้าย ก่อนมันจะตายต้องโต้ตอบอย่างสุดฝีมือของมัน แต่นี้ไม่มีเลยที่มันแปลก แล้วหายวันหายคืน ๆ ไป อ้าว ทำไมเป็นอย่างนี้ล่ะ เราเลยถามหมอที่รักษานี้ เราก็พูดตรง ๆ โรคนี้มันโรคร้ายแรง เวลามันหายทำไมจึงหายไปอย่างนี้ ๆ ไม่เห็นมีปฏิกิริยาโต้ตอบ มันหายจริง ๆ เหรอ แกว่าหายจริง เพราะอะไร เอ้า ว่ามา เพราะโรคชนิดนี้ผมเคยรักษาหายมาแล้วเป็นร้อยกว่าคน เราชักอ่อน ๆ นะ โรคเรานี้ซึ่งเป็นชนิดเดียวกัน มันจะเป็นโรคเทวทัตมาจากไหนถึงไม่ยอมยายอมหมอ อ่อนลงแต่สังเกตตลอด แล้วก็หายไปตลอดเลยจนกระทั่งทุกวันนี้ เรียกว่าไม่มีปฏิกิริยาโต้ตอบแม้นิดหนึ่งเลย หายเรื่อยไปเลยจนกระทั่งทุกวันนี้ หายได้ปีกว่าแล้วนะ เพราะฉะนั้นแกพูดอย่างนี้เราจึงเริ่มเชื่อแล้ว แกว่าเป็นจากตับ ไม่เป็นมาก ไปกรุงเทพนี้จะหายามาต้มให้ฉัน

แกก็ทราบแล้วว่าเราจะไปกรุงเทพในระยะเร็ว ๆ นี้วันใดวันหนึ่งก็ได้ แกทราบอยู่แล้วเราจะไปมอบทองคำ เพราะฉะนั้นแกจึงบอกว่า เราไปกรุงเทพแล้วค่อยหายามาต้มว่างั้น ไปคราวนี้จะให้ทราบทั้งสองเลย ทั้งโรคเสมหะด้วย ทั้งโรคจมูกนี้ด้วย แกมีคุณมากทีเดียว ฝังลึก ต่างคนต่างอนุเคราะห์กัน เป็นโดยหลักธรรมชาตินะ ไม่เห็นมีท่าทางตั้งอกตั้งใจจะเป็นต่อกัน มันก็เป็นของมันเอง เรียกว่ากรรมสนองกรรมมันชัด ๆ อย่างเรากับหมอเติ้งนี้ ไม่คาดไม่ฝันมันจะตอบรับกันยังไง เรียกว่ากรรมสนองกรรม อยู่ ๆ เขาจะมัดแกเข้าตะราง วีซ่าแกหมดความหมายมาตั้งแต่กัปไหนก็ไม่รู้ เรียกว่าไม่มีความหมายเลยวีซ่า พอเขาดูนั้นแล้วเขาห้ามเลยทันที ห้ามไม่ให้เข้าไปในวงนี้ เข้าไปเขาจะจับทันที เพราะอันนี้หมดความหมายร้อยเปอร์เซ็นต์แล้วต้องจับโดยถ่ายเดียว ไม่จับผิดเขาว่างั้น ต้องให้แกพักอยู่ข้างนอกแล้วเอาคนอื่นเข้าไปติดต่อ สืบเรื่องสืบราวเรียบร้อย

นี่ละเรื่องมันจะเป็นของมันเองนะ เมื่อเขาอ่านเขาดูเรื่องราว จนพวกนั้นเขาร้องโก้กเลย ก็พอดีถ้าแกเข้าไปเขาจับเลย เพราะทางนี้ไม่ทราบ เขาห้ามไม่ให้เข้าไป ถ้าเข้าไปเขาจะต้องจับแน่ จึงยังไม่ให้เข้า ให้คนของเราไปติดต่อเสียก่อน ไปเขาก็ร้องโก้กเลย นี่เห็นไหมล่ะกรรมสนองกรรม พอได้เรื่องได้ราวแล้วออกมา เราก็ติดต่อกับลูกศิษย์ของเรา ลูกศิษย์ของเราผู้ใหญ่นั่นแหละ เป็นนายของพวกนี้ด้วย พวก ต.ม.พวกอะไรนี้ ติดต่อให้ไปพูดเรื่องราวของเขา ที่วีซ่าจนหมดความหมาย เรียกว่าหมดทุกอย่างว่างั้นเถอะ มีแต่ต้องติดคุก เขาก็ต้องดึงเราเข้าไป

เท่าที่วีซ่าเป็นอย่างนี้หมดความหมายนี้ ก็เพราะว่ามีการเข้าการออกเกี่ยวกับการรักษาอาจารย์มหาบัว ว่างั้น ความจริงแกก็อยู่ตามประสาของแก ก็มีติดต่อกันบ้างเป็นธรรมดาแต่ไม่ถึงกับว่าเป็นแบบที่แกว่า ทีนี้เรื่องราวมันก็เกี่ยวโยงไปว่าเกี่ยวข้องกับเรา เวลาเขาจะจับโดยถ่ายเดียว พอว่าเกี่ยวข้องกับเราเท่านั้น ทางลูกศิษย์ของเราผู้ใหญ่เข้าถึงกันเลย ติดต่อเป็นกรณีพิเศษทันทีเลย เรียกว่าเขาปลดเปลื้องให้หมดร้อยเปอร์เซ็นต์ ก็ผู้ใหญ่เหนือเขาอีกไปตกลงเรียบร้อย เขาก็ให้เลยเป็นกรณีพิเศษร้อยเปอร์เซ็นต์ นี่อันหนึ่ง มันน่าคิดอยู่นะ ก็เรียกว่าแกเป็นคนบริสุทธิ์ร้อยเปอร์เซ็นต์ เข้านอกออกในได้ตลอด นี่อันหนึ่งที่สำคัญมาก จะติดคุกแน่ ๆ แต่สายโยงมันก็เกี่ยวกับเรา แกก็มารักษาเราจริง ๆ ก็เรียกว่าผ่อนผันกันไปได้หายเป็นปรกติ

ที่สองก็เอาอีกแหละ เขาไปส่งแกเป็นคนไข้ที่โรงพยาบาลกรุงเทพ เป็นคนไข้ไม่มีญาติ หมอก็ไม่กล้ารับรองทุกสิ่งทุกอย่าง เขาก็โทรมาหาเราที่สวนแสงธรรม พอดีขณะนั้นเราไปอยู่สวนแสงธรรม เขาโทรมาว่า หมอเติ้งผู้ไปรักษาหลวงตาเวลานี้เป็นคนไข้อยู่ที่โรงพยาบาลกรุงเทพ คนไข้ไม่มีญาติ หมอกำลังยุ่งกันอยู่เวลานี้ เพราะคนไข้ไม่มีญาติ เราก็ถามย้ำเข้าไปว่าเป็นหมอเติ้งรักษาเราเหรอ เอ้า ขึ้นทันทีเลย บอกว่าหมอเติ้งเป็นคนไข้ของเราร้อยเปอร์เซ็นต์ หมอก็ดีพยาบาลก็ดี ยาก็ดี พวกบริการเกี่ยวข้องกับหมอเติ้งแล้วให้เป็นร้อยเปอร์เซ็นต์ทั้งหมด เราบอกงั้นเลย ให้หมอปฏิบัติต่อคนไข้คนนี้ร้อยเปอร์เซ็นต์ ๆ เลย เขาก็รับปุ๊บเลย พอเสร็จเรียบร้อยแล้วส่งออกมานี้พวกหมอโรงพยาบาลเอง เขาส่งแกจากโรงพยาบาลกรุงเทพมาถึงโรงพยาบาลโนนสะอาดเลย รถพยาบาลเขาเลยมาส่ง นี่เรียกว่ากรรมสนองกรรม นี้กรรมดี

เราไม่คาดไม่ฝันนะว่าจะได้หมอฟื้นขึ้นมาอย่างนี้ มีแต่จะตายท่าเดียว เพราะมันหมดกำลังทุกอย่างแล้ว จึงว่าเป็นยาเทวดา หมอเทวดา ถ้าธรรมดาไม่อยู่ว่างั้นเลย เพราะมันดิ่งลงแล้ว เลยเชิดหัวขึ้น นี่ซิมันสำคัญมากนะ จากนั้นก็ได้เกี่ยวข้องกันเรื่อย ๆ มา เราดูแลแกอยู่ตลอดนะ อย่างเป็นกันเอง ๆ เหมือนครัวเรือนเดียวกันนั่นแหละ มีอะไร ๆ ขัดข้องอะไร ๆ เราจัดการทันที ๆ เลยตลอดมา เพราะคุณของแกลึกซึ้งมากกว้างขวางมาก ครอบถึงประเทศไทยเราด้วยไม่ใช่ธรรมดา ถ้าเราตายเสียอย่างนั้นเรื่องราวทั้งหลายเหล่านี้ก็ไม่ปรากฏ เรายังมีชีวิตอยู่จึงได้พยายามช่วยชาติบ้านเมืองมา อย่างพี่น้องทั้งหลายได้เห็น ตลอดถึงเรื่องอรรถธรรม

อรรถธรรมนี้เราพูดให้ตรง ๆ ไปเลย ไม่มีใครเทศน์อย่างเราว่างี้เลย เทศน์ทั่วกรุงสยามเรา ออกอินเตอร์เน็ตทั่วโลก พูดได้ยัน ๆ เลยว่าไม่มีใครเทศน์อย่างเรา เราก็เทศน์แล้ว พี่น้องชาวไทยเราก็ทราบทั่วถึงกันหมด ธรรมทุกประเภททุกแบบทุกฉบับเราถอดจากหัวใจสอนหมดเลย ผ่านความตายมาแล้วนะเข้าใจไหม ถ้าเราตายเสียคราวนั้นเหล่านี้จะไม่ปรากฏเลยนะ อย่างมากก็จะมีติดเทปไว้เวลาเราเทศน์ไปกลาง ๆ เท่านั้น เรื่องของเทศน์มีทุกขั้นถึงสุดเลย แต่ไม่มีซอกแซกซิกแซ็กเหมือนเราเทศน์อยู่ตลอดเวลานี้ พร้อมกับการโต้ตอบปัญหาถามปัญหา มันก็กว้างขวางมาร่วมได้ ๔ ปีแล้วนี่ที่ช่วยโลก ก็เพราะหมอเติ้งจะเป็นใครไป เราจึงได้เห็นคุณแกอย่างลึกซึ้ง

เรื่องค่าหยูกค่ายาเราไม่เคยสนใจเลย คุณอยู่นั้นหมดเลย ไปคราวนี้จะตรวจอีกทีหนึ่ง นี่ละพี่น้องทั้งหลายฟังซิธรรมะที่เราเอามาพูดนี้ คือเราพูดอย่างอาจหาญชาญชัยไม่สะทกสะท้าน จากหลักความจริงที่ทรงอยู่เวลานี้ว่างั้นเลย พูดได้ทุกแง่ทุกมุม ตามหลักความจริง ๆ ไม่สะทกสะท้าน เพราะฉะนั้นจึงบอกว่าไม่มีใครเทศน์อย่างเรา เราก็อยู่ในกรุงสยามมาตั้งแต่วันเกิดฟังมาตลอด ใครเทศน์ยังไง ๆ ก็รู้มาโดยลำดับ ทีนี้เราเทศน์ยังไงทำไมจะไม่รู้เหมือนกัน เหมือนหรือไม่เหมือนใครก็รู้ว่าไงเทศน์นี้ เรียนเราก็เรียนมา ตำรับตำราที่ไหนก็เห็นหมดก็เรียนมาด้วยกัน ๆ แต่ที่ถอดออกมานี้ใครเห็นบ้างนั่นซี มันมาติดอันตรงนี้

ผู้ที่ท่านรู้ท่านอยู่ภายในที่ปฏิบัติด้วยกัน ท่านก็รู้อยู่อย่างลึกลับเงียบ ๆ เสีย ท่านไม่เอาออกสนาม แล้วผู้ฟังก็ไม่ได้ฟังอย่างเปิดเผยล่ะซิ แต่เรานี้ออกสนามเลยเทียว ออกแบบไม่มีสะทกสะท้าน สามแดนโลกธาตุนี้เราไม่เคยหวั่นกับสิ่งใดแม้เม็ดหินเม็ดทราย เพราะหลักความจริงนี้เหนือหมดทุกอย่าง เกินกว่าที่จะนำเอานั้นมาวัดมาตวงมาเทียบกัน เรียกว่ามันเกินเสียทุกอย่างแล้ว เพราะฉะนั้นการเทศนาว่าการขอพี่น้องทั้งหลายให้ฟังให้ถึงใจนะ เฉพาะอย่างยิ่งบาปบุญนรกสวรรค์ฟังให้ดีนะ

บอกจริง ๆ เวลาตายเราไม่ไปฉุดลาก ถ้าฉุดลากไม่ได้ทั้ง ๆ ที่เป็นอยู่นี้ ตายแล้วมีความหมายอะไร ไสลงไปเลย มึงเก่งมึงไปว่างั้น บอกไปเอาทั้งโคตรทั้งแซ่มึงไปลงนรกด้วยนี้จะพอไหม กี่โคตรมึงไปเอามาหมดนะบอกงั้น คือสอนเต็มเหนี่ยวแล้ว ลากขึ้นมันไม่ยอมขึ้น เอ้า ไป ว่าเท่านั้นแหละ มึงมีโคตรมีแซ่กี่โคตรมึงเอาลงไปหมด นรกหลุมนี้จะแคบไหม มึงไปทดลองนรกหลุมนี้ดูถ้ามึงเก่งกว่าศาสดาเอกว่างั้นเลย นี่เราสอนขนาดนั้นนะ สอนอย่างอาจหาญชาญชัย

เมื่อคืนวานนี้หรือวันไหน คือตามธรรมดาเราเทศน์แล้วเราจะไม่ฟัง เราฟังเทปเรานี้นะแต่ก่อนฟัง ฟังตลอด เพราะแต่ก่อนงานการมีน้อย เวลาเงียบ ๆ กลางคืนนี้เรามาเปิดเทปฟังอ๊อด ๆ ฟังเพลิน เพราะเทศน์สอนพระ ที่เรามาฟังมีแต่เทศน์สอนพระ เทศน์ธรรมะแกงหม้อเล็กหม้อจิ๋ว ๆ ตลอด ฟังเพลินตลอด ทีนี้เวลามาเกี่ยวข้องกับชาติบ้านเมืองแล้วไม่ได้ฟังนะ เทศน์แล้วผ่านหมด ๆ ไม่ว่าเทศน์ธรรมะขั้นใดภูมิใดผ่านหมด แต่เมื่อคืนวานนี้หรือไงมีโอกาสบ้างเล็กน้อยก็เลยมาเปิดฟัง เปิดฟังเทปที่เทศน์สนามหลวง

เพราะเราเทศน์มาแล้วตามธรรมดาเราไม่เคยไปฟังซ้ำเทปอีกแหละ แต่วันนั้นโอกาสยังไงไม่ทราบ มาสบเหมาะพอดี เราก็เอาเทปมาเปิดฟัง ฟังแต่ต้นเลยจนกระทั่งจบ ฟังทุกกิทุกกี เรียกว่าฟังประเภททบทวนว่างั้นเถอะ ฟังทุกกิทุกกี หาที่ต้องติไม่ได้ว่างั้นเลย เราพอใจในธรรมเทศนากัณฑ์นี้เราบอกงั้นเลย เรียกว่าได้ประโยชน์ทั่วถึงกันหมดในธรรมทุกขั้น ๆ จนกระทั่งวิมุตติหลุดพ้นแสดงตอนสุดท้ายให้พระฟัง ธรรมะประเภทนี้ถอดออกมาจากหัวใจทั้งนั้นนะ เรียนในคัมภีร์เราก็เรียนมาแล้วว่าไง นั่นคัมภีร์ความจำ อันนี้คัมภีร์ความจริง ถอดออกมาจากนี้จึงไม่มีสะทกสะท้าน ใครจะเชื่อไม่เชื่อมันเรื่องของเขา เรื่องของเราตามหลักความเป็นจริงยังไงว่าไปตามเรื่อง

ด้วยเหตุนี้เองจึงเทศน์สอนพี่น้องทั้งหลายว่า นี้ชีวิตไม่ได้นานนะ บอก จวนแล้วนะ เร่งซิ การแนะนำสั่งสอนออกทุกประเภทนะ จะออกเรื่อย ๆ ฟังซิ จะออกเรื่อย ๆ ตามแต่เหตุการณ์สมควรจะออกหนักเบามากน้อยเพียงไรไม่ต้องบอก จะออกเอง ๆ พูดแล้วสาธุเลย ไปหาจากที่ไหนธรรมว่างั้นเลย ลงหัวใจกับธรรมเป็นธรรมธาตุอันเดียวกันแล้วหาที่ไหน ก็เท่านั้นเอง พระพุทธเจ้าท่านหาที่ไหน ท่านเทศน์สอนโลกมาสามแดนโลกธาตุ เราเทศน์เพียงคนศาลาหลังเดียวเท่านี้กับพระพุทธเจ้าเทศน์สอนคนสามแดนโลกธาตุ สอนสัตวโลก มันต่างกันยังไง มันจะไม่มีบ้างเหรอธรรมะที่จะมาเทศน์คนในศาลานี่ อย่าว่าแต่เทศน์เลย ไม้เรียวก็มี มีดอีโต้ใหญ่ก็มี จับฟาดทางนั้นฟาดทางนี้ก็ยังได้จะจนตรอกหรือ ถ้าอย่างนี้ไม่จนนะ อย่างอื่นอาจจน แต่ไม้เรียวบ้างอะไรบ้างฟัดนี้เอาได้ มีทั้งข้างนั้นข้างนี้ว่าไง

จึงได้อัศจรรย์ธรรมพระพุทธเจ้าล่ะซี พระพุทธเจ้าท้อพระทัย ไม่ท้อยังไง นี้เป็นแล้วนี่ พอมันผางขึ้นมาเท่านั้น จ้าขึ้นมาแล้วขึ้นอุทานเลยทันที โถ พระพุทธเจ้าตรัสรู้ ตรัสรู้อย่างนี้ละเหรอ ๆ เคยคิดเมื่อไรฟังซิน่ะ ใครจะไปอาจไปเอื้อมไปวัดรอยพระพุทธเจ้าได้ แต่นี้ไม่ใช่อาจเอื้อมไม่ใช่วัดรอย มันเอาความจริงออกมาด้วยความอาจหาญ ประหนึ่งว่าเป็นพยานพระพุทธเจ้าทันทีเลย ไม่ต้องไปถามใคร พอผางขึ้นมาเท่านั้นขึ้นอุทานเลยเทียว โถ ๆ ขึ้นเลย เหอ พระพุทธเจ้าตรัสรู้อย่างนี้ละเหรอ ๆ ย้ำอยู่นั่นนะ ธรรมแท้เป็นอย่างนี้ละเหรอ ๆ พระสงฆ์แท้เป็นอย่างนี้ละเหรอ ๆ

ทีนี้ก็รวมเลย พระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์ มาเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันได้ยังไง มันเป็นแล้วนั่นเข้าใจไหมล่ะ เราเคยรู้เคยเห็นเมื่อไร เมื่อมันรวมเข้าเป็นธรรมธาตุเป็นอันเดียวกัน เหมือนน้ำมหาสมุทรไหลมาจากสายไหนรวมลงมหาสมุทร เรียกคำเดียวมหาสมุทรเท่านั้นพอ จำเป็นอะไรจะต้องเรียกน้ำสายนั้นสายนี้เหมือนแต่ก่อนที่ยังกำลังไหลลงมาสู่มหาสมุทรอยู่ ยังไม่ถึง เมื่อถึงมหาสมุทรแล้วพูดได้คำเดียว มหาสมุทร พอ อันนี้เรื่องธรรมทั้งหลายของผู้บำเพ็ญ สัตวโลกบำเพ็ญเหมือนกับแม่น้ำสายต่าง ๆ ที่ไหลเข้ามา ไหลเข้ามาสู่ธรรมธาตุที่เทียบกันว่ามหาสมุทร ใครมีวาสนาบารมีแก่กล้าสามารถขนาดไหน ไหลใกล้เข้ามา ๆ พอถึงปึ๋งเรียกว่าบารมีเต็มส่วนแล้ว บรรลุธรรมปึ๋ง นั่นเข้ามหาสมุทรแล้ว เรียกว่าเข้าธรรมธาตุเต็มส่วนแล้ว ถามหามหาสมุทรหาอะไร ถามธรรมพระพุทธเจ้าหาอะไร ธรรมธาตุเท่านั้นพอหมด

เมื่อเป็นอย่างนั้นมันก็ขึ้นอย่างจัง ๆ ล่ะซี เราไม่ลืม สด ๆ ร้อน ๆ ตัวสะดุ้งเลยเทียวนะ ประหนึ่งว่าโลกธาตุนี้สะเทือนสะท้านไปหมดเลย โถ ๆ ขึ้นเลย มันเป็นในจิตนะ เหอ พระพุทธเจ้าตรัสรู้อย่างนี้ละเหรอ ๆ แล้วธรรมแท้เป็นอย่างนี้เหรอ อย่างที่รู้อยู่นี้น่ะจะอย่างไหน แต่ก่อนมันไม่เคยรู้ กิเลสปิดไว้ไม่ให้เห็น เห็นไหมกิเลสเก่งไหม กองมูตรกองคูถปิดทองคำทั้งแท่งไว้ไม่ให้เห็นเลย พอเปิดนี้มันจ้าขึ้นมาแล้ว แล้วจะให้ว่ายังไง เวลาปิดก็รู้ว่าปิด เวลาเปิดก็รู้ว่าเปิด จิตเป็นนักรู้อันเดียวกัน มันก็ประมวลลงมาถึงว่า พระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์ มาเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันได้ยังไง มันเป็นแล้วนั่น

เมื่อมันเป็นอย่างนั้น กับความเป็นมาของเจ้าของ พิจารณานี้มันจ้าไปหมดเลย โหย มีแต่เรื่องนรกอเวจีเผาไหม้ตลอดมากี่ภพกี่ชาติกี่กัปกี่กัลป์ มาถึงขั้นที่ผ่านพ้นไปได้แล้ว มองลงไปข้างหลังที่เราเคยผ่านมา ทุกประเภทอยู่นี้หมดในตัวของเราเองนะ เราอย่าไปเข้าใจว่าอยู่กับคนนั้นคนนี้ พวกบาปบุญนรกสวรรค์พรหมโลก เว้นนิพพาน พวกเปรตพวกผีประเภทต่าง ๆ เราเป็นตัวบรรจุไว้ด้วยกันทั้งหมด อย่าไปคิดนะว่าคนนั้นมากคนนี้น้อย เพราะมันเวียนว่ายตายเกิดอยู่นี้กี่กัปกี่กัลป์แล้ว กี่ภพกี่ชาติ เต็มในหัวใจของเรา เต็มในตัวของเราด้วยกัน มองปั๊บนี่มันจ้าไปหมดจะว่าไง แล้วทีนี้มันจะไม่กลัวยังไง ทั้ง ๆ ที่ผ่านมาแล้วมันกลัวย้อนหลัง ขยะ โห อย่างนี้มันก็บึกบึนมาได้เรื่องความทุกข์ความทรมาน การบึกบึนมาได้นี้ก็เพราะว่ามันไม่รู้

ตกนรกพอผ่านขึ้นมาปั๊บนี้ กิเลสปิดแล้วไม่ได้ตกนรก ไม่เห็นนรกไม่รู้นรก ว่านรกไม่มี เอาอีกละนะ สิ่งที่มีคืออะไร คือความเปิดโล่งไว้นี้ ความทะเยอทะยานอยากทำ ความอยากทำมีแต่เรื่องอยากทำความชั่วช้าลามกที่จะโดดลงไปอีกนะ นี้ปิด ๆ นี้ละที่พระพุทธเจ้าทรงท้อพระทัย พอขึ้นมาแล้วปิดหมด ๆ ไม่ให้รู้โทษภัยของตัวทั้งดีทั้งชั่วไม่ให้เห็น ขึ้นสวรรค์ชั้นพรหมไม่ทราบกี่ครั้งกี่หน สัตว์แต่ละราย ๆ นะ เว้นนิพพานหรือสุทธาวาส ๕ ชั้น สุทธาวาส ๕ ชั้นเป็นชั้นของท่านผู้ไปแล้วไม่กลับ คือชั้นพระอนาคามี ๕ ชั้นนี้ไม่กลับ พรหมโลกนอกนั้นกลับทั้งนั้น อายุ ๘ หมื่นปี ๙ หมื่นปีอะไร บอกไว้หมดในพรหมโลกแต่ละชั้น ๆ ปีทิพย์นะ ถึงอย่างนั้นก็อยู่ในโลกอนิจจัง มันก็เปลี่ยนไปตามความเป็นของมันนั่นแหละ เชื่องช้าแต่ก็เปลี่ยน แล้วก็ลง บางทีมาทำความชั่วลงนรกอีกกี่กัปกี่กัลป์ ขึ้นมา เราคนเดียวนี้นะ

เราอย่าอวดเก่งกว่าพระพุทธเจ้า แล้วก็มาเป็นอีก ๆ ทีนี้เวลามันประมวลเข้ามาแล้วตัวนี้เปิดจ้านี้มันเห็นหมดจะให้ว่าไง ไม่สะทกสะท้านยังไง ไม่กลัวยังไง เรื่องของเจ้าของทั้ง ๆ ที่ผ่านมาแล้วมันยังกลัวย้อนหลัง โถ ๆ ขึ้นเลย นั่นเห็นไหม แล้วธรรมชาติอัศจรรย์เลิศเลอก็ทรงไว้แล้วที่เลิศเลอ ที่เลวที่สุดมันก็เห็นอยู่แล้ว ที่เลิศที่สุดก็เห็นอยู่แล้วในหัวใจดวงนี้ นั้นละพระพุทธเจ้ามาสอนโลกท่านสอนอย่างนั้นนะ ไม่ได้สอนเล่น ๆ เมื่อเป็นอย่างนั้นแล้วมันท้อจริง ๆ ท้อใจ พระพุทธเจ้าท้อพระทัย วิ่งถึงกันเลยนะไม่ต้องมีใครบอก เพราะมันจ้าทั้งสอง ทุกสิ่งทุกอย่างจ้าไปหมด ทั้งดี ดีจนถึงขั้นดีเลิศก็ทรงไว้แล้ว เลวที่สุดก็ผ่านมาแล้ว ๆ มันก็ยังต้องกลัว ขยะ ๆ กลัว โถ มันเป็นมาอย่างนี้ ๆ

เพราะความไม่รู้ มันปิด ๆ ให้ไปตกอยู่ตลอดเวลา แล้วท้อใจ เมื่อเป็นอย่างนี้แล้วจะสอนใครให้รู้ได้ นั่นฟังซิ สอนใครเขาก็จะหาว่าบ้าไปหมด พูดไปที่ไหนก็ไม่มีใครเชื่อ อยู่ไปกินไปพอถึงวันสิ้นลมหายใจแล้วไปเสียเท่านั้น จะไปสอนหาอะไร นั่นขึ้นแล้วนะท้อใจ เราไม่ได้วัดรอย เราไม่ได้แข่งพระพุทธเจ้า หลักความจริงมียังไง พระพุทธเจ้าสอนธรรมเป็นความจริง เราพูดตามหลักความจริง จึงไม่สะทกสะท้านว่าจะกระทบกระเทือนถึงพระพุทธเจ้าเลยว่าผิดไป เมื่อมันเป็น มันเป็นจริง ๆ เป็นในเจ้าของเองนี่นะ ท้อใจ น้ำตานี่พัง ฟังซิน่ะ เป็นยังไงน้ำตาถึงพัง ทุกอย่าง อัศจรรย์ธรรมที่เลิศที่เลอนี้ก็อัศจรรย์เต็มเหนี่ยว ที่ขยะแขยงต่อความทุกข์ความทรมานทั้งหลายแห่งความเป็นมาของตัวและสัตว์ทั้งหลายมันก็แบบเดียวกัน

น้ำตานี้ออกได้หลายด้านหลายทางนะ ความอัศจรรย์ ความสลดสังเวชต่อโลกทั้งหลายที่จะจมกันอยู่ในนรกหมกไหม้ ในวัฏวนนี้ก็ไม่มีวันที่จะข้ามไปได้ถ้าไม่มีความดีเสียอย่างเดียว นั่นฟังซิน่ะ ความดีคือทาน ศีล ภาวนา นี้ละเป็นเครื่องประกัน เป็นเครื่องฉุดลากที่จะออกได้ นอกนั้นไม่มี ใครอย่าไปหวังพึ่งอะไรนะในโลกอันนี้ สามแดนโลกธาตุอย่าไปหวังพึ่งอะไรว่าจะฉุดลากเราได้ นอกจากบุญทานการกุศลนี้เท่านั้น อันนี้เท่านั้น ฟังแต่ว่าเท่านั้น อันนี้ละที่จะลากขึ้นได้ เพราะฉะนั้นจึงบอกให้สร้าง ๆ

ฝืนความชั่วช้าลามกทั้งหลาย ต้องฝืนไม่ฝืนไม่ได้ มันเหนียวแน่นแก่นที่สุดเลยไม่มีอะไรเกิน เหมือนสายยางดึงไปนี้เหนี่ยวไว้นะ พอปล่อยมือปั๊บดีดปุ๊บเข้าที่เดิม กิเลสดึงสัตว์ก็แบบเดียวกัน ไปไหน ๆ มันดึงไว้ ๆ เวลาถึงขั้นท้อใจมันท้ออย่างนั้นจริง ๆ ท้อจนเหมือนว่าปิดตันอั้นตู้ จะสอนไปได้ยังไง มองดูแล้วมันดูไม่ได้เลย เราก็ผ่านมาโลกอันนี้โลกดูไม่ได้นี่ ทีนี้เวลามันมาเห็นเรื่องความผ่านมา โลกทั้งหลายเป็นอย่างนี้จะทำยังไง มันก็ปิดตันอั้นตู้ไม่อยากสอน อยู่ไปวันหนึ่ง ๆ พอยังชีวิตให้เป็นไปเท่านี้ ถึงวันตายแล้วก็ไปเสียเท่านั้น ไม่รู้จะสอนไปหาอะไร

เรื่องความคิดความรู้มันก็รู้อย่างนี้ ทีนี้จิตอันหนึ่งมันไม่ได้อยู่นะ มันหมุนของมันติ้ว ๆ สักเดี๋ยวก็ได้ข้อต้านทานกันขึ้นมา หรือข้อกระตุกกันก็ถูก เอ้า ถ้าว่าธรรมชาติเหล่านี้สุดวิสัยที่ใคร ๆ จะรู้จะเห็นได้ ธรรมพระพุทธเจ้าสุดวิสัยที่ใคร ๆ จะรู้จะเห็นได้ แล้วเราเป็นเทวดามาจากไหนทำไมรู้ได้ เราก็เป็นมนุษย์เหมือนกันกับมนุษย์ทั่ว ๆ ไป เราทำไมรู้ได้ เขาก็เป็นมนุษย์เหมือนกัน เราเป็นเทวดาพิเศษมาจากไหนถึงรู้ได้แต่เราคนเดียว ทำไมเขาจะรู้ไม่ได้ รู้ได้เพราะเหตุใด คำว่าเพราะเหตุใดก็มีสายทางมา มาวัดป่าบ้านตาด มาจากอะไร ก็มาจากสายทาง มีทางเข้ามา นี่รู้ได้เพราะเหตุใด เราปฏิบัติอย่างไร ที่นี่มันก็ดึงกันย้อนหลังไปซี เราเดินมาด้วยปฏิปทาพระพุทธเจ้าทรงสั่งสอนไว้แล้วด้วยสวากขาตธรรม ตรัสไว้ชอบแล้ว นี้คือทางอันชอบธรรม ทางสายที่ปลอดภัย เราดำเนินมานั้นจนกระทั่งถึงนี้

พอว่าทำไมถึงรู้ได้ รู้ได้เพราะเหตุใด เพราะเหตุใดคือว่าสายทาง อ๋อ แน่ะยอมรับนะ อ๋อ รู้ได้ แม้ไม่มากก็รู้ได้เพราะมีทางเดินเข้ามา ธรรมที่สอนไว้เรียบร้อยแล้วนี้เป็นทางที่ราบรื่นทั้งหมด สวากขาตธรรม เมื่อมีผู้ดำเนินมาอยู่แล้วได้ ไม่มากก็ได้ ทีนี้ปฏิเสธไม่ได้นะ อ๋อ ทีนี้ลงละนะ ลงใจ ถ้าอย่างนั้นก็สอนไป มันหากเป็นของมันเองนั่นละ พออันนี้ลงใจแล้วมันก็มีแก่ใจที่จะพูดจะจาจะอะไรต่อใคร ๆ เฉพาะอย่างยิ่งวงพระก่อนอื่น สุดท้ายก็มาถึงอีตาเพ็ง วัดถ้ำกลองเพล นั่นเป็นคำพูดคำแรกที่เราเปิดออกนะ ในคืนวันแรม ๑๔ ค่ำเดือน ๖ มันขึ้นตอน ๕ ทุ่ม เหมือนหนึ่งฟ้าดินถล่ม พอตื่นเช้าขึ้นมาก็ลงอุโบสถ ที่วัดดอยธรรมเจดีย์

พอลงอุโบสถปาฏิโมกข์เสร็จเรียบร้อยแล้ว เราก็มาวัดสุทธาวาส หลังอุโบสถแล้วก็มาค้างวัดสุทธาวาส พอดีท่านเพ็งขึ้นไปหา นั่นผ่านมาได้คืนหนึ่งแล้วนะ คืนที่สองท่านเพ็งขึ้นไปหาเราไม่ลืม นี่เปิดปากทีแรกเลย มีสองต่อสอง จังหวะพอดีเลย เพราะท่านเพ็งไปกับเรา เราลงมาจากวัดดอยจะไปทางอำเภอวาริชภูมิ จะไปจำพรรษาวาริชภูมิ ท่านเพ็งก็มาด้วย มาก็ได้จังหวะพอดี อยู่ ๆ ก็ว่า เพ็ง ก็ว่าอย่างนั้นละนะ ตาจ้องขึ้นมา เราว่า เพ็ง นี่จะพูดอันหนึ่งให้ฟังนะ เราก็เลยพูดให้ฟังตามเรื่องราวที่หลังวัดดอยธรรมเจดีย์เมื่อคืนนี้ ว่างั้นเลย เพราะคืนที่สองกำลังคุยกัน คืนแรกผ่านมาแล้ว เมื่อคืนนี้เป็นอย่างนั้น ๆ เล่าให้ฟัง

สรุปเอาเลยว่า ท่านเคยติดสอยห้อยตามผมมาเป็นเวลานาน ท่านนี่องค์หนึ่งที่เคยติดสอยห้อยตามผมมานานกว่าเพื่อน คือท่านองค์หนึ่ง ท่านสิงห์ทององค์หนึ่ง เราบอก แล้วคำพูดที่ผมพูดเมื่อสักครู่จนกระทั่งจบลงนี้ ท่านเคยได้ยินผมพูดไหม ท่านเคยติดสอยห้อยตามผมมานานแสนนาน ท่านเคยได้ยินคำพูดประเภทนี้ไหม ที่ผมพูดให้ฟังนี้ ทางนั้นคึกคักขึ้นเลย ไม่เคยได้ยิน อู๋ย ตื่นเต้น ไม่เคยได้ยินนะ เอา ให้ตั้งใจให้ดีนะ ธรรมพระพุทธเจ้าสด ๆ ร้อน ๆ อย่างนี้แหละ สายทางก็สด ๆ ร้อน ๆ ให้ก้าวเดินมาจะมาถึงธรรมชาติที่สด ๆ ร้อน ๆ เหมือนกัน ธรรมะเป็น อกาลิโก ไม่มีต้นมีปลาย เสมอต้นเสมอปลายทั้งบาปทั้งบุญ ให้ตั้งหน้าตั้งตาปฏิบัติ ละความชั่ว บำเพ็ญความดี จะได้ความดีสด ๆ ร้อน ๆ ไปนะ

นี่ละเปิดปากคนแรกให้ท่านเพ็งฟัง จนตื่นเต้นท่านเพ็งก็ดี ก็ไม่เคยได้ยินนี่ ตั้งแต่เรายังน้ำตาร่วงอยู่บนภูเขาคนเดียวว่าไง มาจากไหนก็ไม่รู้นะน้ำตาพังเลย มันอัศจรรย์ นี่ละธรรมเหล่านี้ตั้งแต่บัดนั้นมาจนกระทั่งบัดนี้ ท่านเรียกว่านิพพานเที่ยง เราไม่ได้สงสัยเลย ผางขึ้นเท่านั้นพอแล้ว ไม่มีคำว่าอดีต อนาคต จะมากวนใจ ธรรมชาตินี้คือธรรมธาตุเท่านั้นพอแล้ว นั่นละตั้งแต่นั้นมาก็สอนโลกเรื่อยมา วาระสุดท้ายก็มาเกี่ยวกับโยมแม่ อันนี้มันก็รู้ แน่ะ ถึงวาระจะพูดก็พูดบ้างซิ เราก็ได้บอกกับหมู่เพื่อน นี่ผมยังไปไหนไม่ได้นะ เกี่ยวข้องกับโยมแม่แล้วนี่ บอกนะ เพราะมันบอกอยู่ในนี้เสร็จหมดเลย ออกพรรษาแล้วนี้จะต้องไปหาโยมแม่ ตอนนั้นอยู่ห้วยทราย ออกพรรษานี้จะต้องไปหาโยมแม่ เพราะเรื่องมันเกี่ยวโยงกับโยมแม่ ผมตั้งใจเอาโยมแม่บวชเสียก่อน

ก็มาจริง ๆ ส่งจดหมายมาล่วงหน้าบอก พอมาทางนี้ก็เตรียมพร้อม มาก็จับบวชเลย ตั้งแต่นั้นมาก็พันอยู่อย่างนี้ เป็นมูตรเป็นคูถเป็นส้วมเป็นถานเรื่อยมาอย่างนี้ เข้าใจไหม ให้พี่น้องทั้งหลายฟังนะ นี่ละเราเทศน์สอนโลกเราไม่ได้เทศน์เล่น ๆ ว่าอะไรจริงอันนั้นทุกอย่าง ได้พิจารณาเต็มหัวใจแล้วออกตรงไหน เอา ว่างั้นพุ่งเลย พุ่งเลยเทียวละ ถ้าได้พิจารณาเต็มสัดเต็มส่วนแล้วมันออกช่องไหน อะไร ๆ ควรจะออกมากน้อย บอกให้พุ่งเลย เอ้า พุ่งเลย ๆ นั่นความจริงของธรรมเป็นอย่างนั้น สะทกสะท้านหวั่นไหวที่ไหน

นี่ก็ได้สอนพี่น้องทั้งหลายมามากต่อมาก นานแสนนาน เป็นเวลาดูเหมือนจะ ๕๒ ปีแล้วมั้ง พฤษภา มิถุนา กรกฎา สิงหา น่าจะ ๕๒ ปีก้าวเข้า ๓ เดือนแล้ว วันที่ ๑๕ พฤษภา ๒๔๙๓ นี่ละใครจะเอาก็เอา

นี่ก็พึ่งทราบมา เขาบอกข่าวมาจากท่านนายก คือท่านรอจังหวะของท่านให้พร้อมเท่านั้นเอง เพราะทางนี้สั่งไปเรียบร้อยแล้ว ให้ท่านทำหน้าที่ของท่านโดยสมบูรณ์ อย่างเมื่อวานนี้ทำเต็มเหนี่ยวเลย ท่านก็บอกว่าท่านรอจังหวะ คือท่านจะหาเวลาว่าง ว่าอย่างนั้นนะ จากนั้นท่านก็จะนิมนต์มาให้เราไปตามกำหนดที่ว่าว่างแล้ว จวนแล้วนะ ครั้งนี้ก็ดูเหมือนจะเป็นงานที่ประหนึ่งว่าจะเอิกเกริกอยู่บ้างเหมือนกันนะ งานที่จะมอบทองนี้ท่านจะนิมนต์เข้าไปที่ทำเนียบรัฐบาล แล้วกระจายไปอีกว่าจะบอกบรรดารัฐมนตรีกระทรวงต่าง ๆ ทอดผ้าป่า นั่นเห็นไหมล่ะ ดูซินายกเราคนนี้ ท่านทั้งหลายได้พิจารณาแล้วยัง หลวงตาเอาเต็มใจแล้วนะ ออกทุกอย่าง ออกด้วยความมั่นใจแน่ใจทุกอย่าง ผึง ๆ เลย ไม่มีสะทกสะท้าน

นี่ก็พอทราบว่าเราจะไปมอบทองคำ ท่านก็เตรียมทางกระทรวงต่าง ๆ จะทอดผ้าป่ากัน แน่ะเห็นไหมล่ะ นี่ซิพ่อบ้านพ่อเมืองต้องดึงต้องเข็นต้องลากบ้านเมืองไปถึงถูก ไม่ใช่จะกดลงให้จม ๆ ไปเลย ฟังเทียบให้มันได้เหตุได้ผลซิ พ่อเป็นยังไง พ่อทำลูกให้จมเหรอ พ่อแม่ทำลูกให้จมมีเหรอ ฟังซิน่ะ นี่ก็พ่อบ้านพ่อเมืองพ่อประเทศ กำลังแสดงนี้จมหรือฟูฟังซิน่ะ นี่ก็บอกแล้วบรรดากระทรวงต่าง ๆ จะมาอนุโมทนาทอดผ้าป่าเพื่อนำทองคำเข้าสู่ชาติ เงินเหล่านี้ก็จะเข้าสู่ทองคำเหมือนกัน ทราบมาแต่ยังไม่ได้พูดกันนะ เราทราบตามสายทางมา ท่านสั่งมาโดยลำดับลำดามาถึงเรา คิดว่าจะไม่เคลื่อนคลาดมาก ถ้าเคลื่อนก็เคลื่อนนิดหน่อย หลักใหญ่คงไม่เคลื่อน นี่ก็รอจังหวะ อีกสักวันสองวันคงจะทราบ

สรุปทองคำและดอลลาร์วันที่ ๒๐ เมื่อวานนี้ ทองคำขาดไปตอนเช้าที่เขาจดบัญชี แต่ตอนบ่ายก็ได้มาตั้ง ๑๗ บาท ทองคำที่ได้หลังจากมอบเข้าสู่คลังหลวงแล้วเวลานี้ได้ทองคำ ๓๖ กิโล ๔๙ บาท ๑๑ สตางค์ อันนี้ยังไม่ได้หลอมและยังไม่ได้มอบ เราไปกรุงเทพคราวนี้จะหลอมทองคำเหล่านี้และมอบพร้อมกันเลย ทองคำต่อยอดที่จะมอบคราวนี้ ๑,๒๕๐ กิโล เท่ากับ ๑๐๐ แท่ง รวมทองคำทั้งหมดได้ ๔,๐๓๖ กิโลครึ่ง

เคยมาหรือยังวัดนี้ (เคยมา ๒ ครั้งแล้วครับ) ต้องขออภัยนะหลวงตาจำใครไม่ได้ ใครจะเข้าจะออกเท่าไรจำไม่ได้เลย แล้วยิ่งทุกวันนี้วัดนี้มันคนมากต่อมาก มาจากไหน (มาจากพัทยา จังหวัดชลบุรีครับ) อ๋อ อยู่พัทยา พัทยาเมืองทะเล ทำไมขึ้นบกได้ล่ะ นี่เราก็ระลึกได้ เราไปพัทยาผ่านไปนั้น เห็นไอ้หรั่งมันนอนแผ่สองสลึงอยู่ตามหาดทราย เราดูเขามีประเพณีของเขาอย่างนี้นะ เราผ่านไปหาดทรายพัทยา เห็นไอ้หรั่งมันนอนแผ่สองสลึง แผ่อยู่ตามนั้นเรายังดู อ๋อ เขาถือเป็นธรรมดา ประเพณีของเขาเป็นอย่างนั้น ๆ เราก็ผ่านไป เวลานี้พัทยามันก็ โอ๋ย มันดูไม่ได้ละ พิลึก คือเวลานี้ทุกอย่างเปลี่ยนแปลงหมดเลยนะ เพราะเราเคยเกี่ยวข้องกับพวกนี้อยู่เป็นเวลานาน กรุงเทพฯ ก็ตั้งแต่ ๘๑-๘๒ นานไหมล่ะ เกี่ยวข้องกับกรุงเทพฯ มาตั้งแต่ ๘๑-๘๒ จนกระทั่งป่านนี้ แล้วที่ว่าพัทยาเมืองชล มันไปมันมาเหมือนเขาไปจ่ายตลาด ต่อจากนี้ก็ไประยองไปจันท์เรื่อย แต่ก่อนทางที่ตัดจากเมืองชล ไปทางสามย่านมันไม่มีนะ ต้องไปทางเดิม ไปนี้ก็ไปชลแล้วก็อ้อมไปทางสัตหีบ แล้วไประยอง เดี๋ยวนี้ตัดปุ๊บเลยนะ มันไปได้หมด

(ขอลาหลวงตาค่ะมาจากหนองคายค่ะ) เออ พอจำหน้าได้ ลูกโยมเปลี่ยนแม่นบ่ (ใช่ค่ะ) ก็อย่างนั้นแล้วมันนานจนจะจำไม่ได้ละ ลูกศิษย์ทั้งนั้นละ แม่ก็เสียไปแล้วโยมเปลี่ยน โห โยมเปลี่ยนคนสำคัญนะ ภาวนาของเล่นเมื่อไร โยมเปลี่ยนภาวนาไม่มีใครทราบนะ หนองคายทั้งเมืองก็ไม่ทราบ ฟังซิน่ะ โยมภาวนาเป็นของสำคัญมากนะ แกมาก็ปั๊บไปหาเรามาพูดเรื่องภาวนาให้ฟัง เราก็อธิบายให้ฟังเฉพาะ ๆ แล้วก็ไป ลูกเต้าหลานเหลนก็ไม่ค่อยทราบละมั้ง ส่วนคนอื่นไม่ต้องพูดละ เพราะเป็นธรรมะที่ลึกลับแกทรงไว้นานแล้ว นี่แกก็เสียไปแล้ว โยมเปลี่ยนภาวนา เขาผ่าตัดแกนี้ไม่ได้วางยาสลบนะ พวกผ่าตัดเขาก็บอกว่าให้ระลึกถึงพระเจ้า เขาว่าอย่างนั้น คือพวกผ่าตัดเขาเป็นลูกพระเจ้า ทีนี้โยมเปลี่ยนนี้แกเป็นลูกพระพุทธเจ้า

เวลาผ่าตัดเขาบอกว่าให้ระลึกถึงพระเจ้านะ ๆ แกก็บอกว่า เออ ระลึกถึง แกก็ระลึกถึงพระพุทธเจ้าของเรา ผ่าตัดไม่ต้องวางยาสลบเลย มันเจ็บมากเจ็บน้อยก็ดูมันอยู่ตลอดเลย นี่เห็นไหมล่ะใครเชื่อ ผ่าตัดไม่ใช่เล็กน้อยนะ ผ่าตัดข้างในด้วย เขาจะวางยาสลบแกไม่ยอมให้วาง คือแกเป็นผู้ยืนยันเอง หมอเขาจะต้องวางยาสลบ แกบอกไม่ต้องวางว่างั้นเลย เอา ตายฉันจะตายเองไม่ให้มีโทษ แกยันไปอย่างนั้นนะ เอา ผ่าเลยแกว่า เขาก็ผ่าเลย แกก็ดูอยู่ตลอดเวลา ความทุกข์มากน้อยแกก็ดู อันนี้เราเชื่อทันที แกพูดยังไงเราเชื่อ จนกระทั่งผ่าตัดเรียบร้อยเสร็จไปเลย เรียบร้อยไปด้วยดีตลอดมา นั่นเห็นไหมล่ะ

นี่ผ่าตัดข้างในไม่ใช่เล่น ๆ นะ ทีแรกเขางงเขาจะไม่ผ่า แกเป็นผู้ยืนยันเอง หมอเขางงเขาจะไม่ยอมผ่า แกพูดเอง เขาจะไม่ยอมผ่าเพราะผ่าที่สำคัญมาก แกบอก เอา ผ่าฉันจะรับรองตายไม่ให้เป็นโทษแกบอกอย่างนั้นเลย ฉันจะรับรองเอง เรื่องโทษเรื่องกรรมไม่ให้มี ให้ถือเป็นธรรมดาเหมือนกับวางยาสลบแล้วผ่าตัด แล้วตายไปเสีย คือไม่วางยา ตายไปก็ให้เหมือนกันกับวางยาไม่ให้มีโทษ นั่นเก่งไหมแก ผ่ากันเรียบร้อย นี่จิตแกสำคัญมากนะ เป็นลูกศิษย์มานาน นี่คนหนึ่งทางด้านจิตตภาวนา เวลาพูดไปสัมผัสเราก็เลยพูดให้ฟัง นั่นละเรื่องจิตเห็นไหมล่ะ มันเป็นอยู่กับผู้ใดมันก็ยืนยันกับเจ้าของเอง อย่างโยมเปลี่ยนนี้ยืนยันเลย คือแกบอกไม่ให้วางยา เขาก็งงเขาจะไม่ผ่า แกยืนยันเลย ตกลงเขาก็ต้องผ่าให้อย่างว่า เมื่อจำเป็นจริง ๆ แล้วว่ายังไงก็เอา

ให้ระลึกถึงพระเจ้านะ เขาว่าอย่างนั้น ให้ระลึกถึงพระเจ้า ทางนี้ก็ระลึกถึงพระพุทธเจ้า พวกเขาผ่าเขาเป็นคริสต์ศาสนา ผ่าอยู่ที่กรุงเทพฯ หรือที่ไหนเราก็ลืมแล้วเดี๋ยวนี้ ผ่าที่โรงพยาบาลสำคัญเหมือนกันนะ แกยืนยันไม่ให้วางยาสลบในที่สำคัญ แล้วก็ผ่านมาด้วยดี เห็นไหมล่ะ แกบอกรู้อยู่ทุกระยะเลย มันจะเป็นมากน้อยเขาผ่าดูทุกระยะ จิตกับกายกับเวทนาไม่ใช่อันเดียวกัน ต่างอันต่างดูกัน มันก็รู้อย่างนี้

เรากำลังรอจังหวะนายกท่านพิจารณาเรื่องเวล่ำเวลา วันเวลาว่างเมื่อไร หลอมแล้วเวลามอบทองนี้คงจะได้เข้ามอบทำเนียบรัฐบาล เพราะท่านติดต่อเรามาแต่ยังไม่ต่อปากต่อคำ เพียงแต่ท่านสั่งมาโดยลำดับมาถึงเรา เพราะฉะนั้นเวลานี้เราจึงรอวันเวลา ทางนู้นให้ท่านจัดเอง คราวนี้ไปจะหลอมมันน่าจะได้ ๓ แท่งนะ แท่งหนึ่ง ๑๒ กิโลครึ่ง แล้ว ๓ แท่ง มัน ๓๗ กิโลครึ่ง เวลานี้เราก็ได้ ๓๖ กิโลแล้ว แล้วจากนี้ถึงวันนั้นคิดว่า ๓ แท่งนี้ต้องได้ เพิ่มเข้าไปอีก ก็จะเป็นจำนวนทองคำ ๑๒๓ แท่งนะ แต่แท่งที่ ๓ นี้ยังไม่แน่นัก นอกนั้นแน่หมดแล้ว ไอ้แท่งที่ ๓ นี้ไม่ค่อยแน่ จึงคาด ๆ เอาไว้ว่าค่อนข้างจะได้ ๑๒๓ แท่ง จะได้แน่ ๆ ไม่ได้ บุก วันนั้นลงได้เข้าสนามรบแล้วไม่ถอย ขาดเท่าไรบุกเลยเอามาทันทีเลย เข้าให้ได้เต็มสัดเต็มส่วนแล้วมีอะไรค่อยพิจารณากัน จะให้ได้

อย่างนี้ละเราพยายามช่วยชาติไทยของเรา หมดเป็นหมด ยังเป็นยัง ตายเป็นตายเลยหลวงตาที่จะช่วย ดังที่ได้เคยประกาศให้พี่น้องทั้งหลายทราบ ว่าคอขาด-ขาดเลย หลวงตาได้ตัดสินใจแล้วว่าจะช่วยพี่น้องชาวไทยอย่างสุดชีวิตจิตใจ ดังที่เคยพูดมาแล้วครั้งหนึ่งเป็นอย่างนั้น ดังที่เล่าให้ฟัง ครั้งที่สองก็เป็นอย่างนี้ ต้องเอาให้เต็มเหนี่ยวเลย ควรบุกจึงต้องบุกละซิ มันได้กี่แท่ง ๆ ควรจะได้เอาบุก บุกเรื่อย บุกเท่าไรก็เพิ่มขึ้นเรื่อย นี่เราก็ได้ตั้ง ๔ พันกว่ากิโลแล้วเรียกว่า ๔ ตันกว่าแล้ว ทองคำเรานะ ส่วนดอลลาร์ที่เข้าคลังหลวงไว้แล้วเวลานี้ได้ประมาณ ๕,๗๗๘,๐๐๐ ดอลลาร์ แต่ทองคำนี้ดังที่ว่านี้

ส่วนเงินสดนั้นก็ดังนี้ละ คือตีเข้ามาทางทองคำเรา คราวที่แล้วก็ ๘๐๖ ล้านนะตีเข้ามาทองคำแล้ว ต่อไปเงินสดได้เท่าไรเราก็จะตีเข้ามา ๆ เพื่อทองคำ ๆ แล้วก็ช่วยพี่น้องชาวไทยเราทั่วประเทศ การสร้างนั้นสร้างนี้ โรงร่ำโรงเรียน โรงพยาบาล สถานที่ราชการต่าง ๆ ที่เห็นว่าจำเป็น เราจะแยกเงินจำนวนหนึ่งออกไปช่วย ส่วนใหญ่ที่สำคัญ ๆ เราจะตีเข้าไปซื้อทองคำให้หมด เพราะเวลานี้เราต้องการทองคำมากทีเดียว เราเป็นผู้ไปดูเอง นี่เรียนให้พี่น้องทั้งหลายทราบนะ คือเราเป็นหัวใจของประเทศ แล้วเจ้าหน้าที่เขารับผิดชอบโดยเฉพาะ ไม่มีใครเข้าไปดูได้เลยทองคำกองใหญ่หลวงนี้นะ ในคลังหลวงของเรานี่นะ แล้วเจ้าหน้าที่เขามานิมนต์เราไปดู วันเราไปมอบทองคำครั้งแรก

เขาก็บอกว่าทองคำในคลังหลวงนี้ได้เห็นเฉพาะสมเด็จพระเทพฯ หนึ่ง แล้วก็หลวงตานี้องค์หนึ่ง เขาก็ต้องมีความหมาย เพราะเราไปมอบทองคำนี่นะ เขาก็ต้องมีความหมายเขาถึงนิมนต์เราไปดู ครั้นไปดูกลับออกมาแล้วพลิกใหม่หมดเลย นั่นเห็นไหม จึงได้ว่าทองคำเราเรียกว่าหร็อมแหร็มมากว่าอย่างนั้นเถอะนะ ได้พลิกใหม่เสียหมด เงินที่เราว่าจะช่วยทั่วประเทศไทยนี้จะไม่เอาเข้าสู่คลังหลวง เราบอกอย่างนั้นนะ ทีนี้กลับพลิกขึ้นมาเลย เงินจำนวนนี้ทั้งหมดมัน ๘๕๐ ล้าน เราเลยหักไว้เพียง ๕๐ ล้าน ๘๐๐ ล้านนี้หักเข้ามาทางทองคำหมด หลังจากไปดูทองคำในคลังหลวงมาแล้ว ตั้งแต่นั้นมาพูดเน้นหนักตลอดเวลาจนกระทั่งทุกวันนี้ เพราะฉะนั้นเราจึงต้องการทองคำเป็นอย่างมาก ๆ

เหล่านั้นพอถูไถ ถูไถกันไป อดอยากขาดแคลนบ้างไม่เป็นไรขอให้ทองคำเป็นลมหายใจให้เต็มปอดของพี่น้องชาวไทยเราทั้งชาติเราเป็นที่พอใจ เพราะฉะนั้นจึงต้องหมุนเข้าเรื่อย ๆ นี่ก็เปิดแล้วว่าเงินสดนี้โอนมาเลย คือโอนเข้ามาแล้วเราจะตีเข้าเป็นทองคำ เราจะเป็นผู้พิจารณาเอง เพราะเราเน้นหนักอยู่ทองคำเป็นประจำ เราจะตีเข้าเป็นทองคำ ๆ เรื่อย ๆ อันใดที่ควรช่วยชาติบ้านเมืองเราก็ถูไถออกไป ๆ ตามความจำเป็น แต่เรื่องทองคำนี้จำเป็นอย่างหนัก จะต้องตีเข้าไปเรื่อย ๆ ไสเข้าไปเรื่อย ๆ นะ ขอให้พี่น้องทั้งหลายทราบตามนี้ก็แล้วกันนะ

เปิดดูข้อมูล วันต่อวัน ทันต่อเหตุการณ์ หลวงตาเทศน์ถึงเรื่องอะไร www.luangta.com


** ท่านผู้เข้าชมทุกท่านโปรดทราบ
    เนื่องจากกัณฑ์เทศน์บางกัณฑ์มีความยาวค่อนข้างมาก ซึ่งจะส่งผลต่อความเร็วในการเปิดเว็บไซต์ ขอแนะนำให้ทุกท่านได้อ่านเนื้อหากัณฑ์เทศน์บางส่วนจากเว็บไซต์ และให้ทำการดาวน์โหลดไฟล์กัณฑ์เทศน์ที่มีนามสกุล .pdf ไปเก็บไว้ในเครื่องของท่านแทนการอ่านเนื้อหาทั้งหมดจากเว็บไซต์

<< BACK

หน้าแรก