เทศน์อบรมฆราวาส ณ วัดป่าบ้านตาด
เมื่อวันที่ ๒๖ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๔๘
นำธรรมะเข้าไปชโลมจิตใจ
เราอยากให้ธรรมะกระจายออกไปทางภาคใต้เราบ้างพอสมควร นอกนั้นก็กำลังกระจายไปทั่วๆ ไปเหมือนกันนั่นแหละ ทางภาคไหนๆ กำลังกระจายออกไปทางด้านวิทยุนะ เราอยากให้พี่น้องทั้งหลายฟังธรรมะป่าสักหน่อย ฟังธรรมะตามตำรับตำราก็ฟังมาแล้ว เราอยากให้ฟังธรรมะป่า พูดอย่างตรงไปตรงมา ดังเคยพูดแล้ว ภาษาอย่างนี้เราก็ไม่เคยพูดแต่ก่อน พูดแบบปริยัติเหมือนโลกทั่วๆ ไป ไม่ว่าการเทศนาว่าการ การพูดจาอะไร ก็เป็นแบบปริยัติไปทั้งนั้นแหละ ทีนี้พอเข้าภาคปฏิบัติไปเจอความจริงเข้าละซิ ความจริงเป็นอย่างนี้เราจะแยกเป็นอย่างอื่นไปไม่ได้ ความจริงเป็นอย่างนี้ๆ เราจะแยกเป็นอย่างอื่นไม่ได้ เวลาถอดออกมาจากความจริงก็เป็นอย่างนี้แหละ ท่านทั้งหลายฟังเอาก็แล้วกัน คำพูดคำจาของภาษาธรรมจะกระโชกกระชากเหมือนว่ากระแทกแดกดัน ตีกิเลสทั้งนั้นนะนั่น ไปตามความสัตย์ความจริงของธรรม พุ่งๆๆ ไปเลย
เราก็ไม่เคยใช้ภาษานี้ แต่เวลาเกิดขึ้นมาจากใจเป็นที่ใจแล้ว ถอดออกจากใจ ใจเป็นอย่างนี้ ความรู้ออกจากธรรมเป็นความถูกต้องอย่างนี้ จะไปแยกเป็นอย่างอื่นไม่ได้นะ มันผิวเผินๆ ฟังไม่ถึงใจ กิเลสเอาไปกินหมด ต้องเป็นภาษาธรรมล้วนๆ ออกดังที่เราออก ไม่ว่าออกทางไหนเทศน์หลวงตาบัวจะไม่ค่อยเหมือนใคร ตรงไปตรงมาๆ ตลอดเลย นี่เป็นภาษาออกจากใจ ภาษาธรรมแท้ๆ พูดให้มันตรง หัวใจเรานี้เป็นธรรมทั้งแท่งเลย พูดให้มันชัดเจนเราจวนจะตายแล้ว เราไม่มีกิเลสแม้เม็ดหินเม็ดทรายติดอยู่ในหัวใจนี้เลยเป็นเวลา ๕๖ ปีเต็ม ตั้งแต่พ.ศ.๒๔๙๓ มาจนกระทั่งป่านนี้ วันที่ ๑๕ พฤษภา ๒๔๙๓ นับมาดูซิ ดูว่าเป็น ๖๓ ปีแล้วนะ นี่ละกิเลสขาดสะบั้นออกจากใจเป็นธรรมล้วนๆ ขึ้นมาออกเทศนาว่าการ
เทศน์เบื้องต้นก็เทศน์สอนพระ มีแต่ธรรมะอย่างเด็ดๆ เผ็ดร้อนๆ พุ่งๆๆ นี่เทศน์อยู่บนศาลา เทศน์สอนพระไม่ได้เทศน์สอนใครละ เทศน์สอนคนอื่นเขาฟังไม่ได้ว่างั้นเถอะ จากนั้นก็ค่อยกระจายออกไปๆ เลยกลายเป็นแกงหม้อใหญ่ ไม่ทราบว่าเป็นธรรมะประเภทใดบ้าง แต่ก็แน่ด้วยกันทั้งนั้น ไม่ว่าขั้นใดภูมิใดเป็นธรรมที่แน่นอนตายตัว ไม่ผิด ตรงไปตรงมาๆ ตามประเภทของธรรม ธรรมประเภทนี้ก็ตรงแบบนี้ ธรรมประเภทนั้นตรงแบบนั้นๆ ไปอย่างนั้นเรื่อยๆ
เราอยากให้พี่น้องทั้งหลายได้ฟังเสียงธรรมจริงๆ พูดว่าจริงๆ เลยเทียว เพราะจิตใจดวงนี้ไม่มีปลอม จริงล้วนๆ ถ้าว่าล้านเปอร์เซ็นต์ก็ล้านไปด้วยกัน พันเปอร์เซ็นต์ก็พันไปด้วยกัน เราไม่สงสัยในตัวของเราแล้ว เป็นเวลาเท่านี้ปีแหละมา เราไม่เคยสงสัย กิเลสตั้งแต่ขาดสะบั้นลงไปจากใจแล้วไม่มีกิเลสตัวใดจะมาตอแยอีกเลย จนกระทั่งป่านนี้ไม่ปรากฏ ความทุกข์ตั้งแต่บัดนั้นขาดสะบั้นไปจากใจไม่ปรากฏเหมือนกัน ความทุกข์ที่กิเลสสร้างขึ้นมาหมดโดยสิ้นเชิง ก็ยังเหลือแต่ความทุกข์ในธาตุในขันธ์ เจ็บไข้ ปวดหัวตัวร้อน เป็นธรรมดาเหมือนโลกทั่วๆ ไป แต่ไม่เข้าถึงใจ พูดง่ายๆ ให้มันเต็มสัดเต็มส่วนเสีย มันก็เป็นอยู่ตามสมมุตินี่เสีย ส่วนธรรมชาติวิมุตติเข้าถึงไม่ได้เลย เป็นคนละฝั่งแล้ว เป็นอฐานะ เป็นไปอย่างใดไม่ได้แล้ว นั่นท่านเรียกว่าวิมุตติ
เรื่องธาตุเรื่องขันธ์ก็เป็นธรรมดาเหมือนโลกทั่วๆ ไปกิริยาท่าทางที่ใช้อยู่ในวงสมมุติก็ต้องใช้แบบโลก เขาใช้ยังไง หลักของพระเราที่ใช้อยู่ในแดนสมมุติของพระนี้ เราก็ใช้แบบสมมุติของพระไปตลอดจนกระทั่งถึงธาตุขันธ์จะพัง ต้องใช้ไปตามสมมุติที่สังคมของสมมุตินิยมยอมรับกัน ปฏิบัติอย่างนี้ ส่วนจิตเป็นอีกอย่างหนึ่ง พูดให้ชัดเจน จิตผ่านหมดแล้ว ไม่มีคำว่าบาปว่าบุญ อาบัติอาจีอะไร สังฆาฯ ปาราชิก หมดโดยสิ้นเชิงตั้งแต่กิเลสขาดสะบั้นออกไป เรียกว่าสมมุติขาดโดยสิ้นเชิง สังฆาฯ ปาราชิก เป็นสมมุติด้วยกันทั้งนั้น ขาดไปพร้อมกันหมดเลย จิตดวงนั้นไม่อยู่ในวงนี้เลย ที่นำมาใช้ก็ใช้ในวงสมมุติ กิริยาท่าทางที่โลกเขาใช้ยังไง ก็ใช้ไปตามกิริยาท่าทางของสมมุติที่ยอมรับกัน จนกว่าสมมุตินี้จะขาดลงไปก็หมดไปโดยสิ้นเชิง ธรรมชาตินั้นไม่มีอะไรเกี่ยวข้องแล้ว บอกว่าไม่มีโดยสิ้นเชิง พ้นไปโดยสิ้นเชิง ไม่มีอะไรเหลือ
นี่ละการปฏิบัติธรรม ท่านทั้งหลายให้ดูเสีย ให้มองหน้าพระพุทธเจ้าบ้าง นี่มองแต่หน้ากิเลส หน้าไหนก็มองจ้อแต่กิเลสๆ ความโลภ ความโกรธ ราคะตัณหา ความดีดดิ้น ความทะเยอทะยาน ดิ้นกันอยู่ทั้งวันทั้งคืนทั่วโลกดินแดน หาความสุขที่ไหนจากผลแห่งการดีดดิ้นไม่มี แต่ธรรมถ้าลงได้ดีดดิ้นขนาดนี้จะตักตวงเอาอรรถเอาธรรมขึ้นมา ความสงบร่มเย็น ความสว่างไสว ความสว่างกระจ่างแจ้ง จะปรากฏขึ้นมาๆ ต่างกันนะความดีดดิ้นทางด้านธรรมะกับความดีดดิ้นทางกิเลสตัณหา ผิดกันมากทีเดียว ดีดดิ้นทางธรรมะดีดเท่าไรดิ้นเท่าไรยิ่งจะหลุดจะพ้นเรื่อยๆ ไปเลย ถ้าดีดดิ้นทางกิเลส ดีดดิ้นเท่าไรยิ่งพันเข้าไปๆ จมลงไปๆ
จำให้ดีท่านทั้งหลาย คำพูดคำนี้ท่านทั้งหลายเคยได้ยินจากผู้ใดไหม ไม่เคยได้ยิน ออกจากหัวใจดวงนี้ที่เคยดีดดิ้นกับกิเลส ดีดดิ้นเท่าไรพันไปเท่านั้น ดีดดิ้นกับธรรมดีดดิ้นเท่าไรยิ่งสงบร่มเย็นๆ จนกระทั่งผ่านพ้นไปเลย หมด สิ่งที่ทำให้ดีดดิ้นไม่มี ไม่มีแล้วสงบ นตฺถิ สนฺติปรํ สุขํ สุขอื่นใดยิ่งกว่าความสงบราบคาบนี้ไม่มี นั่นฟังซิ ความสงบราบคาบก็คือจิตของท่านผู้ที่บริสุทธิ์เต็มที่แล้ว เรียกว่าบริสุทธิ์ราบคาบ ท่านจึงว่า นตฺถิ สนฺติปรํ สุขํ สุขอื่นใดที่จะเสมอด้วยความสงบอันราบคาบนี้ไม่มี ในแดนสมมุตินี้ไม่มี ต้องมีอยู่ในแดนวิมุตติเท่านั้นเอง
นี่เราก็จวนจะตาย เราพยายามเอาธรรมออกมาให้พี่น้องทั้งหลายฟังให้ฟังเสีย ตายแล้วจะไม่มีใครเทศน์อย่างนี้นะ ในระยะนี้เรายังไม่เคยเห็นใครเทศน์อย่างนี้ ไม่ใช่คุย เราเอาหลักความจริงออกมาพูด เต็มหัวใจนี้ถอดออกมาพูดจากนี้เลย ใครจะว่าอะไรไม่เคยสนใจ นอกจากความจริงที่เต็มหัวใจนี้ออกเลยๆ เท่านั้นเอง ขอให้พี่น้องทั้งหลายนำธรรมเข้าไปสู่ใจเถอะ จิตตภาวนาเป็นสำคัญมาก อย่างน้อยขอให้สนใจในธรรม ได้ยินได้ฟังเสียงอรรถเสียงธรรม กับได้ยินได้ฟังเสียงโลกเสียงสงสาร ต่างกันมากนะ
ตา หู จมูก ลิ้น กาย เอาไปใช้ตั้งแต่ตื่นนอนจนกระทั่งหลับ ให้กิเลสใช้ทั้งนั้น ธรรมะไม่มีเวลาที่จะได้ใช้ จึงหาความสงบร่มเย็นจากด้านธรรมะไม่ได้ จึงขอให้นำธรรมะนี้ไปใช้ ตามองเห็นให้เป็นธรรมขึ้นมาบ้าง อย่าให้เป็นกิเลสล้วนๆ ตา หู จมูก ลิ้น กาย สัมผัสสัมพันธ์กับสิ่งใดให้มีธรรมแทรกเข้ามาบ้าง จะพอมีความสุขความเย็นใจปรากฏขึ้นมาแทรกมาด้วยกันกับธรรม ถ้ามีแต่กิเลสล้วนๆ จะเป็นไฟล้วนๆ ตลอดตั้งแต่ตื่นนอนถึงหลับ หาความสุขความสบายไม่ได้ ไม่ว่าเขาว่าเราทั่วโลกดินแดนจะเป็นแบบเดียวกัน
ใครก็หาตั้งแต่ความสุขความเจริญเต็มโลกเต็มสงสาร แต่ความสุขที่จะได้มาเป็นที่พึงพอใจเป็นหลักเป็นเกณฑ์แก่จิตใจหารายไหนไม่มี บอกว่าไม่มีแม้รายเดียวถ้าไม่หาจากธรรม ถ้าหาจากธรรมเจอ เจอแน่ๆ ศาสดาองค์เอกเป็นผู้ตักตวงเอาธรรมล้นพระทัยมาแล้วมาสอนโลก โลกไม่มีความหมายจึงไม่ยอมรับธรรมได้ ด้วยเหตุนี้จึงพากันป๋อมแป๋มๆ อยู่ในกองทุกข์นี้ตลอดไป
ทั้งๆ ที่ธรรมบรมสุขมีอยู่ในพระทัยพระพุทธเจ้า ประกาศธรรมกังวานโลกมานี่นานเท่าไร เฉพาะพระพุทธเจ้าเรานี้ก็ ๒๕๐๐ กว่าปีนี้แล้ว หลังจากปรินิพพาน แล้วมีใครยกเอาธรรมนี้เข้ามาวินิจฉัยใคร่ครวญประชิดติดพันกับใจได้บ้างมีไหมล่ะ พอจะได้รับความสงบร่มเย็น มันไม่มีนะ มีตั้งแต่ฟืนแต่ไฟ กระดิกออกทางด้านไหนๆ มีแต่ฟืนแต่ไฟ โลกนี้มีความหมายที่ไหน ไปหาความหมายในโลกไม่มี บอกตรงๆ เรื่องความหมายที่จะให้ได้รับความสงบตายใจ เป็นหลักเป็นเกณฑ์แก่จิตใจว่านี้คือที่พึ่งของเราไม่มี
อะไรจะมีมากน้อย เขาก็พังเราก็พัง ยึดกันได้ถือกันได้ยังไง พึ่งกันได้ยังไง ไม่มีอะไรที่จะพึ่งได้ละ ทุกสิ่งทุกอย่างพึ่งไม่ได้ ยศถาบรรดาศักดิ์สูงต่ำตั้งไว้อย่างนั้นแหละ พอเจ้าของตายก็พังไปด้วยกันหมด มันก็ตื่นลมตื่นแล้งกันทั้งนั้นแหละ ตื่นลมตื่นแล้งก็ลมปากที่เสกสรรปั้นยอออกมาว่าชั้นนั้นชั้นนี้ แล้วเป็นบ้ากันไปอย่างนั้น โลกบ้าลมปาก เข้าใจไหม ให้เป็นบ้าธรรมดูซิน่ะ คนเป็นบ้าธรรมไม่เคยได้ยิน พระพุทธเจ้า สาวกทั้งหลาย ไม่เคยมีพระองค์ใดและองค์ใดเป็นบ้าธรรมนะ มีแต่เลิศเลอๆ ตลอดเวลา จึงอยากให้พี่น้องทั้งหลายได้ยินได้ฟัง เฉพาะอย่างยิ่งเสียงวิทยุที่กำลังแสดงอยู่เวลานี้ ขอให้ฟังเถิด ธรรมะนี้เป็นธรรมะที่ตายใจแน่นอนๆ ตลอดไม่ผิดพลาด ตั้งแต่ธรรมขั้นต่ำถึงสูงสุดวิมุตติพระนิพพาน นิพพานก็ทรงไว้แล้วนี่ พูดให้ชัดเจน ไม่ผิด
ดังที่เขามาโจทว่าเราเป็นสังฆาฯ ปาราชิก ว่าอวดอุตริมนุสธรรม มันเห่าว้อๆ ปากอมขี้มันเห่า เห่าว้อๆ เราเฉย เราบอกให้ยกโคตรมาเลยที่จะมาฟ้องเรา เวลานี้ก็ได้อวดมากต่อมากแล้วทั่วโลกไม่ว่าแต่ทั่วเมืองไทยเรานะ ธรรมที่ว่าอวดอุตริมนุสธรรมนี้นะ ตามที่เขาว่าเราอวด มันไม่เพียงแต่เมืองไทยเรานะ ทั่วโลกแล้วเวลานี้ ออกทางอินเตอร์เน็ตที่ไหนๆ ทั่วโลก ถ้าว่าอวดมันก็เลยเถิดแล้ว จะไปหาฟ้องที่ไหนบ้างล่ะถึงจะทันกัน มันออกมากแล้วสังฆาฯ ปาราชิกนี้น่ะ
ว่าเท่าไรก็ว่าไปปากอมขี้ นี้ปากอมธรรม ต่างกันนะ ปากพระพุทธเจ้าปากอมธรรม ปากสาวกทั้งหลายปากอมธรรม แสดงออกไปที่ไหนชุ่มเย็นไปหมด ปากอมขี้แสดงไปที่ไหนเป็นฟืนเป็นไฟเผาไหม้กันได้ทั้งนั้น ปากเขาอมขี้ ปากเราอมขี้ พ่นออกมาขี้ต่อขี้โปะใส่กันแล้วเป็นยังไง ไปที่ไหนหาความสุขความสบายไม่ได้ คนเต็มโลกสงสารหาใครเอาความสุขมายืนยันให้โลกได้เห็นไม่มี ถ้าเป็นเรื่องหาธรรมแล้วมี เช่นไปหากับพระอรหันต์องค์เดียวพอ เป็นยังไง มี ว่างั้นเลย เราพูดตรงๆ
หัวใจเราตั้งแต่กิเลสซึ่งเป็นตัวก่อสร้างทุกข์ขึ้นมานี้ขาดสะบั้นลงไปจากใจ ตั้งแต่บัดนั้นมาไม่เคยมีทุกข์ในใจเลย บรมสุขแทนปึ๋งทันที ตั้งแต่บัดนั้นเป็นนิพพานเที่ยงเลย นี่ละอำนาจแห่งการปฏิบัติธรรม ขอให้ท่านทั้งหลายนำไปปฏิบัติ อย่าให้กิเลสมันหลอกมันหลอนเป็นฟืนเป็นไฟเผาไหม้ตลอดเวลา ทั้งเขาทั้งเราไม่มีเวลาเข็ดหลาบอิ่มพอ มันเกินไปนะมนุษย์เราลูกชาวพุทธ ถ้าเป็นลูกชาวผีก็เป็นอย่างหนึ่ง นี่เราลูกชาวพุทธ ควรที่พุทธะจะฉุดลากออกมาได้ให้เหลือเป็นเนื้อเป็นหนังเป็นตัวเป็นตน เป็นลูกศิษย์ของชาวพุทธติดตัวบ้าง ยังพอจะน่าดูบ้างนะ อันนี้ที่ไหนมันมีแต่ฟืนแต่ไฟทั้งนั้น
เรานี้จวนตายเท่าไรยิ่งเป็นห่วงโลกมากเข้าทุกวันๆ เพราะธรรมชาตินี้จ้าครอบโลกธาตุอยู่ตลอดเวลา ส่วนกิเลสมันก็มืดดำปิดไว้ตลอดเวลา มันไม่ยอมให้ธรรมได้จ้าออกมาจากหัวใจสัตว์โลก พอจะมีวี่แววแห่งธรรม ของศีลของธรรมติดหัวใจบ้างเลย มีแต่ความโลภ ความโกรธ ความหลง ราคะตัณหา ความดีดความดิ้นครอบหัวใจกันทั้งหมดในโลกอันนี้ ผลของมันก็คือความทุกข์ความเดือดร้อน ไม่ใช่เป็นความสุขความเจริญที่จะตายใจได้ ให้พากันตั้งใจปฏิบัติบ้าง นี่ละผลแห่งการปฏิบัติตามหลักพุทธศาสนา ที่ว่า สวากขาตธรรม ตรัสไว้ชอบแล้ว ไม่มีที่ไหนที่จะผิดพลาดพอที่จะตำหนิพระพุทธเจ้าว่าแสดงธรรมผิดไป ไม่มี แต่โลกผิดทั้งเพ ออกแง่ไหนผิดทั้งนั้นๆ เรื่องกิเลสผิดทั้งเพ ความจริงไม่มีคือกิเลส ความจอมปลอมไม่มีคือธรรม ขัดกันๆ ชะล้างกันไปอย่างนี้ละ
นี่วิทยุก็กำลังกระจายออกไปให้พี่น้องทั้งหลายได้ทราบ ได้ยินได้ฟังทั่วถึงกัน ออกเถิดธรรมะของเราเรารับรองเลย ว่าไม่ผิด ธรรมะของเราที่ออก ไม่ว่าจะออกทางคำพูดคำจา ออกทางเทป ออกทางไหนก็ตามเป็นธรรมล้วน ๆ ด้วยกันทั้งนั้น ขอให้นำไปฟังและยึดไปปฏิบัติ จะเป็นสิริมงคลแก่ตนด้วยกัน ไม่ว่าใกล้ว่าไกลไม่สำคัญ เราไม่เห็นองค์ศาสดาแต่ขอให้ปฏิบัติธรรม นั้นละศาสดาคือธรรม ศาสดาคือพระวินัยกฎข้อบังคับ ให้ดูอันนั้นให้ดี ถ้าเดินตามนี้แล้วเหมือนกับตามเสด็จพระพุทธเจ้าตลอดเวลา ถ้าพรากจากธรรมจากวินัยไปแล้ว ไม่มีทางที่จะเล็ดลอดจากภัยไปได้ มีแต่จะจมลงในกองทุกข์ทั้งหลายเท่านั้น พากันจำเอา
นี่สุดกำลังแล้วการเทศน์สอนโลก เราเทศน์สุดกำลัง ที่ออกช่วยโลกมานี้ก็เป็นเวลา ๖-๗ ปีนี้แล้ว เทศน์ไม่หยุดไม่หย่อนตลอดมา ถึงจะหยุดการช่วยชาติมาแล้ว การเทศนาว่าการไม่เคยหยุด อย่างพูดเวลานี้ก็ออกทั่วประเทศไทย ออกทั่วโลกด้วย พูดอยู่เวลานี้ออกทั่วโลก ได้หยุดเมื่อไรการเทศนาว่าการของเรา ไม่มีหยุด เทศน์ตลอด ไปที่ไหนๆ เหมือนกัน ไปกรุงเทพฯตอนเช้าแล้วก็ตอนเย็นอีก อยู่ที่นี่มักจะมีแต่ตอนเช้า ตอนเย็นไม่มี เราไม่ยุ่งกับใครตอนเย็น มีก็มีตอนเช้า ถ้าไม่มีนี้แล้วก็หายไปเลย
ส่วนทางสวนแสงธรรมที่เราไปกรุงเทพฯนั้น ตอนเช้าก็มีเทศน์ และตอนกลางคืนก็มาแน่นหมด ทั้งกุฏิ ทั้งหน้ากุฏิ ถนน (ถนนหน้ากุฏิหลวงตา) เต็มไปหมดเลย นี่มาฟังธรรมจากธรรมะที่เราเทศน์ จากนั้นก็ออกทางวิทยุ เรียกว่าวันละสองกัณฑ์ๆ ถ้าไปกรุงเทพฯ อย่างน้อยวันละสองกัณฑ์ ถ้าอยู่ที่นี่อย่างมากก็วันละกัณฑ์เท่านั้น
เราอยากให้ได้ธรรมะนี่เข้าไปชโลมจิตใจของพี่น้องชาวพุทธเราบ้าง จะเป็นยังไงจิตใจ จะพอลืมหูลืมตาขึ้นบ้างนะ ถ้าไม่มีธรรมแล้วหลับตา ตาบอดไปตลอดตั้งแต่วันเกิดถึงวันตาย มีแต่คนตาบอดจากอรรถจากธรรมทั้งนั้น เป็นไปด้วยกิเลสลากไปเข็นไปทั้งนั้น หาความหมายที่ไหน ถามใครๆ ก็ถามคนตาบอด มันได้เรื่องอะไร มีแต่คนชนไม้ชนตอมาทั้งนั้น ไม่ได้มีคนหูแจ้งตาสว่างพอจะพาเล็ดลอดให้พ้นภัยจากต้นไม้และหัวตอไปได้เลย ธรรมะเป็นธรรมะที่ฉุดลากออกจากภัยทั้งหลายเหล่านี้ ให้นำมาประพฤติปฏิบัติ
วันนี้พูดเพียงเท่านี้ละไม่พูดมาก พอสมควร ทางนี้ก็ออกทางวิทยุบ้างแล้วละ เอาละพอ วันนี้ทองคำที่ได้หลังจากมอบแล้ว คือส่วนใหญ่ที่มอบหยุดโดยสิ้นเชิงไปแล้วนะ เวลานี้ทองคำที่ได้มาประเภททองคำที่ซึมซาบ ทองคำเหล่านี้เป็นทองคำที่ได้ออดได้อ้อน บิณฑบาตจากบรรดาพี่น้องทั้งหลาย ให้ค่อยไหลซึมเข้าสู่คลังหลวงของเรา เพื่อลูกหลานไทยเราจะได้อาศัยอันนี้ต่อไป หลวงตาไม่อาศัย พูดง่ายๆ สามโลกธาตุหลวงตาไม่อาศัยอะไรทั้งนั้นแหละ ธรรมพอแล้วในหัวใจ เราทำนี้เราทำเพื่อพี่น้องทั้งหลาย ขอให้เข้าใจทุกคนๆ ที่หลวงตาดีดดิ้นทุกวันนี้ดีดดิ้นเพื่อลูกหลานไทยเรานั้นแหละ ไม่ได้ดีดดิ้นเพื่อเรา ขอให้เห็นใจ และขอให้พากันพิจารณา เพื่อลูกหลานไทยของตนๆ จะได้มีที่ยึดที่เกาะต่อไป
ทองคำที่ได้หลังจากมอบส่วนใหญ่เรียบร้อยแล้ว ได้ทองคำ ๑๐๐ กิโล ๕ บาท ๑๖ สตางค์ นี่ละประเภทน้ำไหลซึม เห็นไหมถ้าไม่พูดถึงประเภทน้ำไหลซึม ขอออดขออ้อนบิณฑบาตจากบรรดาพี่น้องทั้งหลาย ๑๐๐ กิโลกับ ๕ บาท ๑๖ สตางค์นี่จะไม่ปรากฏเลย นี่ก็เริ่มปรากฏมาเรื่อย แล้วจะมากกว่านี้อีก จะค่อยไหลซึมเข้าไปๆ สู่หัวใจพี่น้องชาวไทยให้ได้รับความอบอุ่นทั่วหน้ากันนั่นแหละ หลวงตาคิดไว้หมดนะ แล้วแน่ใจด้วย เพราะเคยแน่ใจมาแล้วตั้งแต่เริ่มคิดทีแรก ตกลงออกไปตรงไหนแน่ใจแล้วค่อยออก แน่ใจแล้วค่อยออก ไม่ได้พิจารณาแล้วผิดๆ พลาดๆ พล่ามๆ พลิ่มๆ ลูบนั้นคลำนี้ออก เราไม่เคยมี
เพราะฉะนั้นเราจึงออกได้เต็มเม็ดเต็มหน่วย ไม่ว่าจะคัดค้านต้านทาน ไม่ว่าจะยอมรับ เราคัดค้านต้านทานด้วยเหตุด้วยผล หลักธรรมที่ถูกต้องเรียบร้อยแล้ว การเห็นด้วยเราก็เห็นด้วยธรรมที่ถูกต้องเรียบร้อยแล้ว เราไม่ได้ทำสุ่มสี่สุ่มห้านะ การนำพี่น้องทั้งหลายมาเป็นเวลา ๗ ปีนี้ก็รู้สึกว่าราบรื่นดีงามเรื่อยมา ทองคำเราก็ได้ตั้ง ๑๑ ตันกว่าเห็นไหมล่ะ ดอลลาร์อย่างน้อยก็ ๑๐ ล้านกว่าแล้ว เข้าคลังหลวงเรียบร้อยแล้ว ส่วนเงินสดกระจายทั่วประเทศไทยตลอดมา เดี๋ยวนี้ก็ยังกระจายอยู่ตลอด
นี่ละที่นำพี่น้องทั้งหลายนำอย่างนี้ ไม่เคยผิดพลาด เราไม่เคยได้ระแคะระคายในหัวใจของเราเลยว่า ได้นำพี่น้องทั้งหลายนำไปนั้นพาให้ผิดพลาดตรงนั้นตรงนี้ไม่เคยมี นอกจากนั้นธรรมที่แสดงออกเพื่อให้พี่น้องทั้งหลายฟังทั่วหน้ากันอันนี้ก็ไม่มี ตั้งแต่พื้นจนกระทั่งถึงนิพพานเราพูดตรงๆ เราถอดออกจากหัวใจเราทั้งหมดเลยแสดง เราจึงแน่ใจทุกอย่างๆ ขอให้ฟังด้วยความแน่ใจเถิด ท่านทั้งหลายจะมีสรณะติดตัว จำให้ดีนะ เอาละให้พร
(วันนี้ทองคำได้ ๑ บาทครับผม) เออพอใจ เท่าไรพอใจทั้งนั้นละ ๕๐ สตางค์พอใจ สลึงหนึ่งก็พอใจ ๑ สตางค์ก็พอใจ อันนี้เป็นขั้นพอใจทั้งหมด ได้เท่าไรพอใจทั้งนั้น ขั้นก่อนไม่ได้นะ ตีปั๊วะเลย ขั้นนี้เป็นขั้นพอใจทั้งนั้น ได้เท่าไรดีหมด แต่ก่อนไม่ได้...ตีกระเป๋าด้วย ฉีกกระเป๋าด้วย คว้าเอาทองคำมาด้วย เข้าใจไหม ต้องอย่างนั้นซิขั้นเด็ด
ทุกวันนี้กลางวันมาก แต่ก่อนกลางคืนมาก เดี๋ยวนี้กลางวันดูเหมือนมี ๑๔ ชั่วโมง กลางคืนมี ๑๐ ชั่วโมง กลางวันมีมากเดี๋ยวนี้ ไปถึงเดือนสิงหาก็พลิกอีก ๖ เดือน ไปถึงมกรา พลิกกลับอีก พลิกกลับไปกลับมาหกเดือนๆ เอาละไม่มีอะไร ทุกอย่างลงตัวหมดแล้ว ให้พากันไปปฏิบัติหน้าที่การงานให้เป็นมงคลแก่เราและชาติของเราก็พอ
รับฟังรับชมพระธรรมเทศนาของหลวงตา ได้ที่
www.Luangta.com หรือ www.Luangta.or.th
และรับฟังจากสถานีวิทยุสวนแสงธรรม กรุงเทพฯ และสถานีวิทยุอุดร
FM 103.25 MHz |