เทศน์อบรมฆราวาส ณ วัดป่าบ้านตาด
เมื่อวันที่ ๑๓ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๔๘
หยุดชดเชย
วันที่ ๒๒ วันวิสาขบูชา แล้ว ๒๓ อะไรอีก หยุดชดเชยเหรอ อันนี้มันกระเทือนหัวใจเราอยู่เรื่อยๆ ไม่ทราบเป็นยังไง เอารัดเอาเปรียบประชาชนมากไป วงราชการทำงานเราคิดดูซิ เฉพาะวันเสาร์ วันอาทิตย์ เดือนหนึ่งกี่วัน แล้ววันนั้นวันนี้ๆ บวกเข้าไป แล้วชดเชยมันมายังไงอีก นี่น่ะที่มันมากระเทือนกระเทือนชดเชยนี่นะ มันแฝงขึ้นมาด้วยความลืมเนื้อลืมตัว หากว่าจำเป็นจริงๆ ที่จะควรชดเชยมันก็หากมี แต่อันนี้ชดเชยๆ ฟังดูเหตุดูผลแล้ว เอาธรรมนะจับไม่ใช่คิดเฉยๆ คิดด้วยธรรมๆ จับไปเรื่อยๆ ชดเชยเป็นวันเอารัดเอาเปรียบประชาชนมากไป วันเสาร์ วันอาทิตย์ เป็นธรรมดามาดั้งเดิม แล้ววันนั้นวันนี้วันวงราชการเราไม่ว่าอันนี้ แต่ไอ้ชดเชยนี่ซิมันมากระเทือนอยู่เรื่อย มันเป็นยังไงไอ้ชดเชยๆ
เช่นอย่างวันวิสาขบูชา เป็นวันหยุดราชการก็สะดวกสบายแล้ว ถ้าตรงกับเสาร์อาทิตย์ก็ให้อยู่ด้วยกันซีแยกไปหาอะไร ไปชดเชยอะไร อ้าวจริงๆ ฟังว่าชดเชยมันกระเทือนจิตมาตลอด วันนี้เลยพูดเสียบ้าง เราไม่ได้หาเรื่องนี่นะ คือพิจารณาเป็นธรรมต่อโลกต่อสงสารจริงๆ ธรรมไม่ใช่เอารัดเอาเปรียบใคร มาชดเชยๆ กระเทือนตลอดมันเป็นยังไงนา วันเสาร์ วันอาทิตย์ก็เป็นวันหยุดให้ราชการแล้ว วันวิสาขบูชาก็รวมอยู่ในวันหยุดอยู่แล้ว ยังไปชดเชยชดแชอะไรอีก หาเหตุหาผลไม่ได้ นอกจากความลืมตัวเกินไปวงราชการ จุดนี้ลืมตัวว่างั้นเลย เอารัดเอาเปรียบประชาชนมากไป
เราพิจารณาเรียบร้อยแล้ว พิจารณามานานแล้วไม่เคยพูด วันนี้มาสัมผัสเลยออกบ้าง ทบทวนพิจารณาบวกลบคูณหารจริงๆ ไม่ใช่หาเรื่องใส่นะ มายังไงวันชดเชย แต่ก่อนก็ไม่เคยมี ครั้นต่อมามีชดเชยๆ ลืมเนื้อลืมตัวมากไปวงราชการ เราแยกดูซิวันทำงานของวงราชการมีกี่วัน วันหยุดนั้นหยุดนี้ เสาร์ อาทิตย์ นี้เดือนหนึ่งมีกี่วัน ๘ วัน ดูซิเดือนหนึ่งกินไป ๘ วันแล้ว วงราชการหยุดงานๆ ประชาชนเขาตีนถีบปากกัดยังไม่พออยู่พอกิน ทีนี้เราเดือนหนึ่งหยุดไปแล้ว ๘ วัน แล้ววันราชการก็หยุดวันนั้นวันนี้ไปอีกๆ แล้วยังมาชดเชยเข้าอีก มันมากระเทือนใจตรงนี้แหละเรา อย่างอื่นไม่ค่อยเท่าไรนัก เอารัดเอาเปรียบประชาชนมากไป
เขาไปติดต่องานนี้เสียการเสียงาน เช่นอย่างธนาคารอย่างนี้นะ เขาวิ่งเข้าไปธนาคาร เอา ธนาคารหยุดๆ ธนาคารก็หยุดชดเชยด้วยไม่ใช่เหรอ อย่างนี้ละที่สำคัญธนาคารกับประชาชน สำคัญมากนะ หยุดด้วยเหรอ แล้วหยุดวันนั้นหยุดวันอื่น ประชาชนวิ่งเข้าไปหาเสียการเสียเวลาของเขาไป เรามาคิดหมดเรื่องเหล่านี้ ควรจะให้พอดิบพอดีบ้างวงราชการเรา เมืองไทยเป็นเมืองชาวพุทธควรจะพิจารณาตามเหตุตามผล มันลืมตัวมากไปแล้ว วันทำราชการกับวันหยุดต่างๆ ในปีหนึ่ง ๓๖๕ วัน เอา แยกไปซิ วันราชการทำงานกี่วัน แล้ววันหยุดราชการกี่วัน นับวันชดเชยเข้าไปด้วยมันกี่วัน มันน่าคิดไหมล่ะ
ประชาชนเขาแทบเป็นแทบตายหาอยู่หากิน เรามีแต่หยุดเอาๆ ด้วยความลืมตัว บ้าอำนาจลึกๆ นะ ลืมตัว แล้วเงินเดือนก็ขึ้นเรื่อยนะ เงินเดือนไม่เห็นตัด มีแต่ขึ้นเรื่อยเงินเดือนๆ ไอ้หยุดหยุดเรื่อย เงินเดือนขึ้นเรื่อย มันก็เข้ากันไม่ได้ซิใช่ไหมล่ะ วันชดเชยหยุดก็เงินเดือนตัดออกบ้างอย่างนั้น นี่ยังขอคืบหน้าไปอีก เอ้า ใครจะฟังก็ฟัง เพราะออกด้วยการพิจารณาแล้ว ไม่ได้ออกสุ่มสี่สุ่มห้า หรือว่าหลวงตานี่เป็นอาจารย์คน ไม่นะ อย่างนั้นไม่มี เอาธรรมจับๆ ไม่ว่าเขาว่าเราธรรมเป็นจุดศูนย์กลาง ให้ต่างคนต่างก้าวเข้าหาธรรมๆ จะเป็นความถูกต้องดีงาม
นี่ก็เคยพูดให้พี่น้องทั้งหลายฟังแล้ว มันเป็นเรื่องรุนแรงอยู่นะ ธรรมกับอันนั้นมันเจอกัน เจอเราคนเดียวนี้ ได้เอามาพูดอยู่เสมอ มาเจอกับเราอย่างไม่คาดไม่ฝัน มาโดนเรานี่ ได้เคยพูดให้บรรดาประชาชนทั้งหลายฟังอยู่เสมอเมื่อมาสัมผัส ดังที่เวลานี้กำลังสัมผัสอยู่นั่นละ กุฏิเราเป็นกระต๊อบๆ แต่ก่อน เหมือนกุฏิทั้งหลายเป็นกระต๊อบๆ ทำข้อวัตรปฏิบัตินี้ดีไม่ดีพระไม่ทันเรานะ มันคล่องแคล่วตลอด ทำข้อวัตรปฏิบัติพระเณรทันเราเมื่อไร
พอดีวันนั้นเผอิญจะเป็นเขียนหนังสือหรืออะไรไม่รู้นะ อยู่กระต๊อบนั่นละ นาฬิกาวางไว้ข้างๆ คือธรรมดา ๔ โมงเย็นปัดกวาด ประกาศให้ทราบทั่วกันหมดในวัด ถือเป็นข้อตายตัว ถ้าไม่สั่งเปลี่ยนแปลงอย่างใดแล้วต้องปฏิบัติตามนั้นแบบตายตัวเลย เป็นข้อตกลงตายตัวภายในวัด บ่าย ๔ โมงปัดกวาด วันนั้นเขียนหนังสือหรือทำอะไรน้า มองดูนาฬิกา มันดูผิดละซิ ก็ข้อวัตรปฏิบัติเรากับพระเณรทำเสมอกันนี่ มองไปดูนาฬิกา อ้าว แล้วกันนี่มันตั้ง ๔ โมง ๒๐ นาทีแล้ว พอว่าอย่างนั้นก็ปุ๊บปั๊บวางมือไปคว้าไม้ตาด ปัดกวาดออกมาจากบริเวณของตัวเอง กระต๊อบนั่นละ ปัดกวาดออกมาถึงหน้าศาลา มองไม่เห็นพระสักองค์เลย
ตามธรรมดาเราออกมาหน้าศาลา พระต่างองค์ต่างปัดกวาดรวมกันมานี้แล้ว วันนั้นไม่เห็นพระสักองค์เดียวเลย เณรก็เณรจรวดเรานี่ละ ทิดจรวดมันเป็นเณรอยู่แต่ก่อน เราไม่ลืมนะ คือมันอย่างรุนแรงเข้าใจไหมล่ะ คือเราเรื่องความผิดความพลาด พระทำผิดเอามากถึงเวลาแล้วไม่ปัดกวาด นี่เรียกว่าผิดมาก นั้นจะจี้กันนะไม่ใช่เล่นๆ เพราะฉะนั้นถึงออกอย่างรุนแรงซิ อย่างไรพระนี้จะต้องเป็นไฟไปเลยละวันนั้น ตอนค่ำจะเอากันนะ พอออกมาก็เรียกเณร พระวัดนี้มันตายกันหมดแล้วหรือ ใครจะไปกุสลาใคร ถึงเวล่ำเวลาปัดกวาดแล้ว ยังไม่เห็นพระเณรสักองค์เดียว มันเป็นยังไง เรื่องเหล่านี้เข้าใจกันทั้งวัดแล้ว มันเป็นเพราะเหตุใด
เณรแกคงรำคาญ คือแกเห็นเราปัดกวาดร่ายบ้าออกมาคนเดียว เณรนี้คงรำคาญ เรารู้เวลาอยู่แต่เราเข้าใจผิดต่างหาก เณรก็เลยเอาไม้กวาดออกไปข้างหน้าไปปัดกวาด เราเห็นเณรก็ไล่เบี้ยเณร เณร พระวัดนี้มันตายกันหมดแล้วหรือ ใครจะกุสลาใคร ถึงเวลาแล้วไม่เห็นปัดกวาดมันเป็นยังไง เป็นเพราะเหตุใด เณรก็เลยตอบ มันพึ่งได้บ่าย ๓ โมง ๒๐ นาที หือ เอ้าว่าอีก เวลานี้มันพึ่งบ่าย ๓ โมง ๒๐ นาที อย่างนั้นเหรอ ให้พระหยุดทั้งวัดเลยอย่ามากวาด เดี๋ยวเป็นบ้ากันทั้งวัด เราจะไปแก้บ้าเราคนเดียว เดินกึ๊กๆ กลับเลยนะเห็นไหม นั่นละธรรม เข้าใจไหม ไม่ได้เข้าใครออกใคร เราผิดก็บอกว่าผิด บอกให้เลิกกันทั้งวัดเดี๋ยวจะมาเป็นบ้ากันทั้งวัดมาปัดกวาดจากบ้าคนเดียวนี่เป็นเหตุ เดินกึ๊กๆ กลับเลย
เณรคงจะอดหัวเราะไม่ได้ คงไปเล่าให้พระฟัง เพราะมันขึ้นอย่างปึ๋งๆ เลยเชียว พอว่าทางนั้นถูกปั๊บลงทันทีเลย นั่น จึงบอกให้หยุด ไม่หยุดจะเป็นบ้ากันทั้งวัด เราเป็นบ้าพอแล้วคนเดียว นี่พูดถึงเรื่องธรรม เป็นอย่างนั้นละธรรมไม่มีอย่างอื่น ต้องหมุนเข้าธรรมล้วนๆ พอว่าธรรมนี้หมอบทันทีเลย เราผิด พระเณรทั้งวัดท่านถูกต้อง เราผิดคนเดียว จึงบอกให้หยุด ไม่งั้นจะเป็นบ้ากันทั้งวัดจะมาปัดกวาด เราจะไปแก้บ้าเรา เราบอกเราจะไปแก้บ้าเรา เดินกึ๊กๆ กลับกุฏิ อย่างนี้เป็นต้นนะ คือข้อตกลงยังไงต้องเป็นอย่างนั้นเคลื่อนไม่ได้ สำหรับวัดนี้ปฏิบัติอย่างนั้นมาตลอด ได้สั่งอะไรได้ตกลงยังไงแล้วต้องเป็นอย่างนั้น เป็นอย่างอื่นไปไม่ได้ นอกจากเหตุผลอะไรมีเข้ามาลบกันถึงจะได้ เราเองก็เหมือนกัน ถ้าลงได้ตั้งกึ๊กลงไปแล้วนี้เราก็ลบเราไม่ได้ ต้องเหตุผลเหนือกว่าถึงจะลบกันได้ ต้องให้เป็นไปตามนั้นเลย
เรื่องวันหยุดราชการเราอดคิดไม่ได้ก็พูดออกมา รู้สึกว่าเอารัดเอาเปรียบประชาชนมากเกินไป ในวงราชการเราวันหยุดราชการมากต่อมากแล้ว ประชาชนวิ่งเข้าไปหาวงราชการเสียเวลาเปล่าๆ กลับมาๆ อย่างนี้มีมากนะ เฉพาะอย่างยิ่งธนาคารวิ่งไปแล้ววันนี้หยุดๆ แล้วหยุดชดเชย วันเสาร์ อาทิตย์ก็ทราบแล้วว่าเป็นวันหยุด ยังมีชดชงชดเชยเข้าไปอีก มันหยุดหาอะไรนักหนา เราก็ถามหาเหตุหาผลละซิ ไม่เห็นมีอะไรจำเป็น อย่างนี้เรียกว่าเอารัดเอาเปรียบเขา ไม่เหมาะสม ว่างั้นเลย อ้างเหตุผลอะไรก็อ้างมาซิ เราพิจารณาเรียบร้อยแล้วถึงพูดออกมา เอาเหตุผลอะไรมาลบ ที่หยุดมาประจำๆ ตั้งแต่โบร่ำโบราณมานี้ก็ตายตัว ยอมรับตามนั้นๆ อันนี้แฝงขึ้นมาใหม่ แสดงว่าเป็นบ้าอำนาจ อยากหยุดเมื่อไรก็หยุดได้ บอกว่าเป็นบ้าอำนาจก็ไม่ผิด
เรื่องธรรมต้องเป็นธรรมอย่างนั้นเสมอ จะเข้าใครออกใครไม่ได้เลย จึงเรียกว่าธรรม โลกยอมรับกันเพราะความเป็นธรรม ไม่เอนไม่เอียง ตรงไปตรงมา แน่ว อย่างที่เรายกตัวอย่างนี่ละ จะฟาดพระเณรทั้งวัด ดีไม่ดีจะไล่หนีจากวัดหมดนู่นของเล่นเมื่อไร ข้อตกลงเป็นตกลงเรียบร้อยแล้ว มาเปลี่ยนแปลงลบล้างกันทำไม จะเอากันตอนค่ำนั้นละจะซัดกัน พอดีเราซัดเราเสียก่อน เณรออกหมัดเดียวเท่านั้นละ หมัดที่สอง หือ ว่าไง เณรก็ว่าอีก หือ อย่างนั้นหรือ เอาทันทีเลย พลิกปุ๊บบัดเดี๋ยวนั้นเลย นั่นเรียกว่าธรรม เราผิด จะให้พระเป็นบ้ากันทั้งวัดกับเราคนเดียวเป็นบ้านี้ใช้ไม่ได้นะ จึงบอกให้พระหยุด เดี๋ยวจะมาปัดกวาดเป็นบ้ากันทั้งวัด เราจะไปแก้บ้าเรา กึ๊กๆ กลับเลย ไม่ทราบว่าหายหรือยังบ้า มีแต่บอกว่าไปแก้บ้า มันหายหรือยังก็ไม่รู้ หรือยังเป็นบ้าอยู่อีกก็ไม่รู้นะ พูดถึงเรื่องธรรม ลงกันทันทีเลย
วิทยุเราเวลานี้ออกทั่วประเทศแล้ว รู้สึกว่าจะเป็นธรรมะหลวงตาองค์เดียวนี้ เทศน์สอนประชาชนมาเป็นเวลา ๗ ปี นำชาติเป็นเวลา ๗ ปี จากนั้นกระจายละที่นี่ นี่ผิดไหมล่ะคิดไว้แล้ว ไม่มีใครคิดนะเราคิดไว้เรียบร้อย ถูกต้องตามนั้นเลย พอประกาศว่าเราจะเป็นผู้นำรื้อชาติไทยของเราที่กำลังจะจมอยู่นี้ขึ้น จากนั้นก็เอาเลย พอประกาศว่าจะช่วยอย่างนี้ โลกทั่วประเทศไทยเราจะทราบทั่วกันทันทีเลยว่าท่านจะช่วยบ้านช่วยเมือง เกี่ยวกับด้านวัตถุ ต้องหมายถึงวัตถุเงินทองข้าวของจะหนุนเข้ามา หาเข้ามาจุนเจือ ที่ตรงไหนบกพร่องหนุนขึ้นๆ แต่ธรรมะเขาจะไม่คิด สำหรับเราคิดพร้อมกันเรียบร้อยแล้ว โอกาสนี้เป็นโอกาสที่ธรรมะจะได้ออกกระจายสู่หัวใจประชาชน เพราะเป็นโอกาสที่เหมาะสมมากแล้ว สมดุลกันแล้ว
พอออกก็เทศนาว่าการไปพร้อมๆ กับด้านวัตถุ วัตถุก็มาธรรมะก็เข้าไปๆ อัดเทปเรื่อยไป ผู้ฟังสดๆ ร้อนๆ ก็ฟังไป ผู้อัดเทปอัดไปกระจายออกไปจนกระทั่งป่านนี้มัน ๗ ปี ธรรมะประเภทนี้ออก ออกเลยกระจายทั่วโลก ไม่ใช่เพียงกระจายทั่วเมืองไทยนะ ออกทั่วโลกเลย ทางอินเตอร์เน็ตที่ไหนไม่รู้ละออกหมด ธรรมะที่เราออกแสดง คราวนี้ธรรมะจะได้ออกสู่หัวใจประชาชน ก็ถูกต้องอย่างนั้น นี้ธรรมะไม่หยุดนะ ส่วนวัตถุนั้นก็เรียกว่าหยุดไป ช่วยประปรายไปเล็กน้อยๆ เช่นทองคำน้ำไหลซึม ก็ค่อยเป็นไปๆ และที่นำมาช่วยเหล่านี้ก็เป็นไป แต่ไม่ค่อยออกหน้าออกตาเหมือนแต่ก่อนที่ประกาศตนเป็นผู้นำ เวลานี้งดอันนั้นแล้ว แต่ธรรมะนี้ออกตลอดจนกระทั่งทุกวันนี้ไม่มีงด กระจายออกไปเรื่อยๆ
ธรรมะเข้าสู่ใจไม่ใช่เรื่องเล็กน้อยนะ เป็นไฟอยู่ก็ตามเถอะน่ะ ถ้าลงน้ำสาดลงไปแล้วไฟนี้ต้องดับ ไฟจะดับด้วยน้ำ เรื่องกิเลสจะดับด้วยธรรม ธรรมเป็นเครื่องดับกิเลส มันจะขึ้นแค่ไหนก็ขึ้นเถอะน่ะ ถ้าลงธรรมะได้ตีเข้าไปแล้วพังทั้งนั้นละ นอกจากให้กิเลสตีธรรม ธรรมหมอบตลอดเวลา ธรรมขึ้นไม่ได้ กิเลสก็เผาโลกละซิ ร้อนเป็นฟืนเป็นไฟมีแต่กิเลสเผาโลก ไม่มีธรรมเป็นน้ำดับไฟเข้าไปดับกันบ้างเลย หาความสุขไม่ได้
ฟังซิทั่วโลกมีจุดไหนดอนใดที่สั่งสมอรรถสั่งสมธรรม ประกาศกังวานออกมาให้โลกทั้งหลายได้ยิน เป็นการเฉลี่ยเผื่อแผ่ทำบุญให้ทานแก่ผู้ที่ยากจนทั้งหลาย หรือสงเคราะห์สงหา ประเทศใหญ่ๆ เมืองใหญ่ๆ มีสมบัติเงินทองข้าวของมาก คนจนมีมากขนาดไหน มากกว่าคนมี แล้วเรามีมากน้อยเพียงไร เอา ประเทศใหญ่ๆ ต่างประชุมกัน จะสงเคราะห์พวกคนทุกข์คนจนทั้งหลาย ใครมีเท่าไร เอ้า เรี่ยไรออกมา ให้กระจายออกไปช่วยชาติบ้านเมือง ซึ่งเป็นสัตว์โลกเกิดแก่เจ็บตายด้วยกันให้พอบรรเทาทุกข์บ้าง อย่างนี้ไม่เห็นปรากฏมีที่ไหน มีแต่กลืนกินเรื่อย กินด้วยแบบนั้นแบบนี้ๆ อำนาจป่าเถื่อนอยู่ลึกๆ นั่นน่ะ เป็นมหาอำนาจยิ่งกินใหญ่กินมาก กินไม่หยุดไม่ถอย
บ้านใดเมืองใดเขามีสมบัติประจำชาติของเขา ก็ด้อมเข้าไปหาจับพิรุธเขา หาเรื่องใส่เขาเรื่องนั้นเรื่องนี้ ว่าผิดอันนั้นผิดอันนี้ ความจริงมันจะไปกินตับเขา มีแต่อย่างนี้ละมากเวลานี้ โลกไม่ร้อนได้ยังไงก็เรื่องให้ร้อนมันมีอยู่นี้ สมบัติของเขาเขาก็รักก็สงวน ในประเทศเขาก็เป็นหัวใจของเขา เขารักสงวน แล้วไปบีบไปบังคับไปกลืนของเขาทำไม เขามากลืนเราเป็นยังไงบ้าง เอามาพิจารณาซิ ถ้าเป็นธรรมย้อนหลังเข้ามา เขามากลืนเราแบบนี้จะให้เขากลืนไหม ไม่ให้เขากลืน เราจะไปกลืนเขาทำไม นั่นก็เท่านั้น เอ้า ตาย ตาย กรรมไม่กระทบกระเทือนแก่ผู้ใด ตายเป็นสุข ตายดี ตายด้วยความกระทบกระเทือนผู้อื่นไม่ดีเลย ต้องแยกกันอย่างนั้นซิ นี่เรื่องธรรม
เวลานี้ธรรมไม่ได้มีในโลกนะ มีแต่เรื่องฟืนเรื่องไฟเผาโลกมันถึงร้อนเต็มบ้านเต็มเมือง เราเป็นชาวพุทธขอให้นำธรรมเข้ามาระงับดับเรา ไม่ได้ที่ไหนก็ดับตัวของเราก็พอสงบร่มเย็นนะ วันหนึ่งๆ คิด ในครอบครัวเหย้าเรือนรับผิดชอบกันหมดทั้งครอบครัว หัวหน้าครอบครัวคือพ่อกับแม่ ปฏิบัติตนให้ดี มีหน้าที่การงานความประพฤติต่างๆ ให้เป็นคติตัวอย่างแก่เด็กเล็กเด็กน้อยและแก่กันและกัน ระหว่างสามีภรรยา อย่าให้ระแคะระคายซึ่งกันและกัน เฉพาะอย่างยิ่ง กาเมสุ มิจฉาจาร อันนี้เป็นความรุนแรงมากที่สุด ไม่มีอะไรรุนแรงยิ่งกว่านี้ พระพุทธเจ้าจึงบัญญัติลงในข้อนี้ปึ๋งเลยเทียว นี่เป็นข้อบังคับ
กิเลสตัณหาถ้าไม่เอาศีลข้อนี้มาบังคับแล้ว โลกนี้เป็นไฟ ผัวเมียอยู่กันไม่ได้ อย่างน้อยร้าวราน มากกว่านั้นแตกจากกันได้ เพราะธรรมชาตินี้สัตว์โลกทั้งหลายมีความรักความสงวนความหึงหวงมากที่สุด คือตัวนี้เอง ให้พากันจำเอาเสียถ้ายังจำไม่ได้ ตัวนี้เป็นตัวหึงหวงมาก รักมาก สงวนมาก จดจ้องมากที่สุด พออะไรมากระเทือนนิดหนึ่งๆ จะเป็นไฟขึ้นมาทันทีเพราะมันจ่ออยู่แล้ว ต่างฝ่ายต่างจ้ออยู่แล้ว ถ้าต่างฝ่ายต่างมีธรรม ต่างฝ่ายต่างก็สงบร่มเย็นๆ ไม่ระเวียงระแวงซึ่งกันและกัน เป็นสุขแล้วนี่ ทีนี้เวลามีลูกเต้าหลานเหลนขึ้นมา เขาก็เอาพ่อเอาแม่เป็นตัวอย่างอันดีงาม เป็นศีลเป็นธรรมไม่ลุกลาม โลกก็สงบร่มเย็น ตัวนี้ตัวสำคัญมากนะ ตัวกามราคะกามกิเลส ตัวรุนแรงมาก รักมากสงวนมาก หึงหวงมาก แล้วก่อกรรมก่อเวรก่อได้มากที่สุดคือตัวนี้เอง กระเทือน ผัวกับเมียยังฆ่ากันก็มี ทั้งๆ ที่รักกันมันก็ฆ่ากัน เพราะกิเลสตัณหาตัวนี้มันหนักกว่านั้นอีกกว่าที่มีอยู่นั้น มันฆ่ากันก็ได้นะ
เพราะฉะนั้นจึงต้องมีธรรมภายในใจ ขอให้นำธรรมไประงับดับ จะให้สิ่งเหล่านี้ระงับดับลงด้วยการคล้อยตามมันนี้เป็นไฟ เหมือนเอาเชื้อไฟไสเข้าไปหาไฟ ไสเข้าไปเท่าไรเปลวไฟมันจะจรดเมฆนู่นน่ะ ให้มันดับด้วยเชื้อไฟไม่มี ไฟต้องดับด้วยน้ำหรือถอยเชื้อออก กิเลสตัณหาตัวนี้มันรอหาเชื้อไฟอยู่เสมอ ถ้าเสริมมันปั๊บขึ้นทันทีเลย ต้องระงับดับมัน เช่นอย่าง กาเมสุ มิจฉาจาร ท่านให้ระงับดับให้อยู่ในความพอดี เขาก็มี เราก็มี เมื่อเป็นเช่นนั้น เขาก็มีขอบเขตเราก็มีขอบเขต เขามีผัวเรามีเมีย เป็นของใครของเรา ต่างอยู่ในขอบเขต เป็นธรรมล้วนๆ ประจำหัวใจแต่ละคนๆ มีความซื่อสัตย์สุจริตต่อกัน อยู่กันได้เป็นสุข อันนี้สำคัญมากทีเดียว ในบรรดากิเลสทั้งหลาย กามกิเลสเป็นพื้นฐานสำคัญที่ทำสัตว์โลกให้ล่มจม เพราะตัวนี้เอง พากันจำ เอาธรรมมาสอนนะ
ใครจะมีกิเลสเต็มหัวใจ ฟังเสียงธรรมไม่ผิด เพื่อนำมาแก้ไขเจ้าของ ตัวนี้ตัวรุนแรง เราชำระมันไม่ได้เด็ดขาดก็รักษาให้อยู่ในระดับพอดี อย่าให้มันเผาบ้านเผาเมืองเผาครอบครัวเหย้าเรือน นั่นละเรียกว่ารักษาได้ด้วยศีล ศีลข้อนี้เป็นสำคัญมาก คนที่มีศีลข้อนี้แล้วไปที่ไหนเย็นด้วยกันหมด ดังพระโสดานี้เรียกว่าศีล ๕ บริบูรณ์ เป็นศีลในหลักธรรมชาติ ตั้งแต่ปาณาถึงสุรา เป็นศีลในหลักธรรมชาติมาเอง สมุจเฉทวิรัติ โผล่ขึ้นทันทีเลยผุดขึ้นทันที ไม่ต้องไปรับที่ไหน เจตนาขาดไปเลยทีเดียว อย่างนางยักขิณีนั่น ก่อกรรมก่อเวรกันมา พอสำเร็จพระโสดาปึ๋งเท่านั้นละ เป็นญาติเป็นมิตรกันทันทีกับแม่ใหม่แม่เก่า ก็เป็นอย่างนั้นละยกตัวอย่าง
นี่ละศีลธรรมถ้าลงได้เข้าตรงไหน สิ่งที่เป็นภัยขาดสะบั้นไปทันที จึงให้พากันพินิจพิจารณารักษาให้ดี เวลานี้โลกกำลังส่งเสริมอันนี้ให้รุนแรงมากทีเดียว มันถึงได้ร้อนไปทุกหย่อมหญ้านะ ถ้ามีธรรมเข้าไประงับดับมันนี้โลกจะสงบร่มเย็น เหมือนหนึ่งว่าเป็นโลกใหม่ขึ้นมาจากโลกเก่า จากคนๆ เก่านั้นแหละ ให้เป็นคนดิบคนดี ชุ่มเย็น ไว้ใจกันได้ตายใจกันได้ ไปที่ไหนสนิทสนมกันไปได้เลย ด้วยความเป็นธรรมๆ กิเลสตัวนี้ก็ไม่เข้าไปแฝงก็ไม่เอาไฟเข้าไปแหย่ละนะ ให้พากันจำเอา
เรื่องศีลธรรมจะไม่มีในโลกแล้วเวลานี้ เมืองไทยเราที่ว่าเป็นชาวพุทธ ก็จะไม่มีอะไรเหลือแล้วเวลานี้ ตัวหลักของชาวพุทธเอง เช่นอย่างพระหัวโล้นๆ มันก็เป็นเปรตเป็นผีเป็นยักษ์เป็นมารให้เห็นต่อต่อตา ทั้งเขาทั้งเราเป็นได้ทั้งเขาทั้งเราอยู่แล้วประจักษ์อยู่นี่ กิเลสมันอายใครเมื่อไร มันไม่ได้อาย ไปบวชก็บวชล่ะซิกิเลสมันไม่ได้บวช อุปัชฌาย์มาบวช กิเลสยังเป็นอุปัชฌาย์ในอุปัชฌาย์นั้นอีก อย่าว่าเป็นอุปัชฌาย์แก่ผู้บวชใหม่เลย มันยังมาเป็นอุปัชฌาย์ของอุปัชฌาย์นั้นอีกกิเลสตัวนี้ มันหนาแน่นขนาดนั้นนะ ต้องเอาธรรมเข้าไปตีให้มันแหลกแตกกระจัดกระจายไปเลย เรื่องศีลเรื่องธรรมกิเลสกลัว ถ้าไม่ใช่ศีลธรรมกิเลสไม่กลัว กิเลสกลัวธรรมเท่านั้น ท่านก็บอกไว้แล้วว่าเท่านั้น นอกนั้นไม่มีกิเลสจะกลัวอะไรในโลกธาตุนี้ เป็นโลกของกิเลสทั้งหมด ธรรมเหนือกิเลสแล้วครอบได้ ชำระได้ชะล้างได้ ให้สะอาดได้ บริสุทธิ์ได้ นั่นธรรมถึงขั้นบริสุทธิ์ได้นะ
ถ้าไม่มีธรรมเสียอย่างเดียว เราอย่าเอาความหมายอะไรลมๆ แล้งๆ มาอวดธรรมพระพุทธเจ้านะ ตายจมกันไปทั้งนั้นแหละ ไม่มีใครที่จะเจริญรุ่งเรืองด้วยความสำคัญมั่นหมายตามอำนาจของกิเลสพาให้เป็นไป ไม่มีทาง ต้องเอาอำนาจของธรรมตีเข้าไปๆ มันหากเป็นในตัวของเรา การอบรมสั่งสอนตัวเอง สอนทีแรกมันดื้อมันด้าน ซัดเข้าไปๆ ตีเข้าไปต่อไปมันก็อ่อนๆ ต่อไปก็นิสัยของศีลของธรรมเข้าติดตัวติดกิริยามารยาท ทุกอย่างความประพฤติหน้าที่การงานติดไปหมด เป็นธรรมไปหมด ร่มเย็นๆ ได้ไม่ค่อยเสียและไม่เสียนั่น ผู้มีธรรมเป็นอย่างนั้น ให้พากันตั้งอกตั้งใจปฏิบัตินะ วันนี้ก็พูดเพียงเท่านั้นละ ไม่พูดมาก พูดพอสมควรพอหอมปากหอมคอ
เบื้องต้นก็ขึ้นหยุดชดเชย วงราชการเราควรจะพิจารณาบ้าง ไอ้ปิดชดเชยๆ นี้ หลวงตาบัวขอเผดียงเข้ามา จะว่าผิดเสียทีเดียวหลวงตาบัวไม่กล้า แต่มันระแคะระคายในหัวใจที่เราทรงธรรมมาเป็นเวลานาน อะไรที่เราปฏิบัติตามศีลตามธรรมไม่เคยผิดพลาด อันนี้วงราชการที่ว่าหยุดชดเชยๆ มันเป็นยังไง มันสะดุดใจอยู่เรื่อยๆ ควรจะพิจารณา หลวงตาบัวผิดหรือหยุดชดเชยผิด เอาไปพิจารณาสักหน่อย ถ้าหากว่าหยุดชดเชยผิด มันเกิดเอารัดเอาเปรียบประชาชนมากเกินไปก็ให้ลดลงมา วันเสาร์วันอาทิตย์และวันราชการต่างๆ ที่เคยหยุดก็พอตัวแล้ว
ในวงราชการเรานี้ เป็นวงที่ว่างงานมากกว่าใครทั้งนั้นแหละ หยุดราชการ เอ้า วันหนึ่งวันทำราชการ กับวันหยุดประเภทนั้นประเภทนี้ รวมทั้งหยุดชดเชยเข้าด้วยเป็นกี่วัน วันทำงานของวงราชการจริงๆ มีกี่วัน นี่เอารัดเอาเปรียบประชาชนมากเกินไป ที่มันเป็นมาแล้วก็ให้เป็นมาแล้วเสีย ไอ้ที่จะมาเป็นใหม่ๆ เช่นหยุดชดเชยๆ นี้มันเกินไป ควรจะพินิจพิจารณา
ถ้าหากว่าหลวงตาบัวผิดก็สอนมา หลวงตาบัวพร้อมที่จะฟังเสมอ เวลานี้พูดด้วยเหตุด้วยผล โดยอรรถโดยธรรม เราแน่ใจว่าเป็นธรรมแล้ว ที่หยุดมาธรรมดาเป็นธรรมแล้ว ไอ้ชดเชยชดเชนี้มันมาทีหลัง มันมาแอบกินๆ ให้เป็นบ้าอำนาจไปอีก อยากหยุดก็ได้ๆ เพราะเราเป็นราชการ เป็นเจ้าอำนาจ อยากหยุดสักกี่วันก็ได้ มันก็ไปแบบนั้นเสีย ทีนี้เสียไปเรื่อยๆ นะ ว่าเสียบ้าง ธรรมเป็นธรรมเหนือโลก นำมาสอนโลกไม่ได้มีอย่างเหรอ ต้องสอนโลกซิ เอาละที่นี่นะให้พร
รับฟังรับชมพระธรรมเทศนาของหลวงตา ได้ที่
www.Luangta.com หรือ www.Luangta.or.th
และรับฟังจากสถานีวิทยุสวนแสงธรรม กรุงเทพฯ และสถานีวิทยุอุดร
FM 103.25 MHz |