เทศน์อบรมฆราวาส ณ วัดป่าบ้านตาด
เมื่อวันที่ ๘ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๔๘
หัวใจไม่มีกิเลสออกแง่ไหนก็มีแต่ธรรมล้วนๆ
ก่อนจังหัน
อาหารวัดป่าบ้านตาดมีแต่ท้วมท้นๆ พระถ้าเห็นแก่ลิ้นแก่ปากตายนะ อาหารทับเอาๆ น้ำท่วมละ น้ำส้ม น้ำหวาน น้ำอ้อย น้ำตาล น้ำแกงท่วมปากพระตายนะ นี่ละที่ว่าน้ำท่วม น้ำท่วมปาก ต้องใช้สติปัญญาทุกอย่าง อันนี้เตือนให้ทราบเฉยๆ เราเคยปฏิบัติมาอย่างนั้น อะไรๆ จะมากจะน้อยเล็งธรรมตลอดๆ อะไรพอเหมาะพอดีกับความเป็นอยู่ และบำเพ็ญสมณธรรมพอเหมาะพอสมกันเอาตรงนั้น มีมากมีน้อยตัดออกๆๆ เพื่อความพอดีสำหรับธรรมเท่านั้น นี่เหมาะสม ผู้ปฏิบัติต้องใช้ความพินิจพิจารณาตลอดเวลา องค์ศาสดานี่กระเทือนโลกคือเรื่องเหล่านี้เอง รอบคอบขอบชิดไม่มีใครเกินศาสดาแหละ ละเอียดลออสุขุมคัมภีรภาพมากที่สุด แม้ธรรมะที่แสดงออกมาก็เป็นสวากขาตธรรม คือตรัสไว้ชอบแล้วทั้งนั้นในธรรมทุกขั้น จนถึงที่สุดวิมุตติพระนิพพาน เป็นธรรมที่ออกมาจากความกลั่นกรองเสร็จเรียบร้อยแล้ว
เราผู้ปฏิบัติตามให้พินิจพิจารณาเล็งเข็มทิศทางเดิน ที่พระองค์ทรงดำเนินและสั่งสอนไว้แล้วอย่างไร นั่นละจะมีทางได้ ทางเสียไม่ค่อยมี ขอให้ใช้ความพินิจพิจารณา เวลานี้ศาสนามันกลายเป็นตุ๊กตาแล้วนะ ไม่มีคุณค่าไม่มีราคาในชาวพุทธของเรา ทั้งพระทั้งฆราวาสทั้งหลายเหล่านี้เรียกว่าชาวพุทธ นี่ศาสนาจะกลายเป็นเศษเป็นเดนเต็มอยู่ในวัดในวาในพระในเณรแหละ ของเป็นเศษเป็นเดนคือของไม่เป็นท่า ไม่ใช่เรื่องของพระที่จะนำมาขวนขวายและนำมาปฏิบัติ แต่เวลานี้มันเต็มอยู่ในวัดในวาในพระในเณรเรา ศาสนามองแล้วแทบไม่เห็น พูดให้ชัดๆ อย่างนี้นะ
เอาคัมภีร์กางออกไปซิ คัมภีร์พระพุทธเจ้าคือคัมภีร์สวากขาตธรรมที่ตรัสไว้ชอบแล้วๆ กับความเป็นอยู่ของพุทธบริษัท มีพวกพระและฆราวาสของเรานี่ปฏิบัติกันยังไงอยู่กันยังไง เรียกว่าพวกนี้พวกอาศัยศาสนากินพระเราหัวโล้นๆ นี่ เวลานี้กำลังอาศัยศาสนากินและอาศัยศาสนาเป็นที่เบ่ง เหมือนอึ่งอ่างนะเดี๋ยวนี้ กำลังเบ่ง นี่ละกิเลสมันเข้าไปพองตัวอยู่ในนั้น ดูเอาทุกคน ธรรมะแทบจะไม่มีเหลือ พระเณรก็เป็นพระยศพระลาภ พระสมณศักดิ์นั้นนี้ไป มีที่ไหนคำสอนของพระพุทธเจ้า มีแต่สอนให้แก้กิเลสๆ อย่างนี้เป็นเรื่องสั่งสมกิเลสสำหรับผู้โง่เขลา และผู้หวังแบบกิเลสอยู่แล้วเป็นกิเลสทั้งนั้นๆ ละ
ในครั้งพุทธกาลท่านก็มีตั้งที่ว่าเอตทัคคะ คือเลิศไปคนละทางๆ พระสาวก ๘๐ องค์พระพุทธเจ้าประทานสมณศักดิ์ถ้าพูดภาษาทุกวันนี้นะ ในครั้งพุทธกาลท่านว่าเอตทัคคะ คือให้เลิศไปคนละทางๆ บรรดาพระสาวกทั้งหลาย ๘๐ องค์เป็นพระอรหันต์ล้วนๆ นี่พระองค์ประทานให้อย่างนี้แหละ อันนี้เอาแบบนั้นละมาพอกหัวอึ่งอ่าง ให้มันพองตัวอยู่เวลานี้ สมณศักดิ์นั้นสมณศักดิ์นี้ ยุ่งไปหมดนะเวลานี้ ศาสนามีแต่สมณศักดิ์ กิเลสเข้าไปเหยียบย่ำทำลาย
บวชเข้ามานี้ตั้งสมณศักดิ์ให้แล้วนะ มันจะเป็นยังงั้นละต่อไปนี้ พอออกมาจากอุปัชฌาย์แล้วก็พัดยศมาเลย นี่เป็นใบฎีกา นี้เป็นพระครู นี้เป็นปลัด นี้เป็นเจ้าคุณ นี้เป็นสมเด็จเข้าไปแล้วนะ นี่ละพวกนี้พวกบ้ายศ มันเป็นเต็มอยู่ในเมืองไทย พูดเหล่านี้ผิดไปแล้วเหรอพิจารณาซิ เอาธรรมมากางก็จะรู้กัน ไม่มีใครพูดเฉยๆ ธรรมพระพุทธเจ้าถูกเหยียบย่ำไปมานี่เราฟื้นขึ้นมาให้ได้ดู ธรรมพระพุทธเจ้าเป็นยังไงกับพวกอึ่งอ่าง เห็นแก่ยศแก่ลาภนี่มันเป็นยังไง มันเลิศเลออะไรพวกนี้น่ะ ให้พากันพิจารณานะ ศาสนาจะจมๆ ไม่มีใครฟื้นขึ้นมาแสดงออกมาเป็นข้อเทียบเคียงกันแล้วจะไม่ปรากฏเป็นของดี มองไปไหนเลอะเทอะไปหมด เลยกลายเป็นศาสนาเลอะเทอะไม่มีคุณค่า นั่นเห็นไหมล่ะ
ศาสนาเป็นคำสอนของพระพุทธเจ้า เป็นธรรมอันเอกแล้วกลายเป็นของไม่มีคุณค่า เพราะกิเลสเหยียบย่ำทำลาย สิ่งที่เหยียบย่ำทำลายก็ดังที่กล่าวมาเวลานี้ละ แหมมันเต็มบ้านเต็มเมืองนะเวลานี้ บวชมาพระเรานี้ไม่ได้สนใจนะเรื่องศีลเรื่องธรรม ไม่ทราบว่ามีศีลกี่ศีลไม่ทราบก็ไม่รู้ละ มีแต่หัวโล้นๆ ผ้าเหลืองๆ โอ่อ่าฟู่ฟ่า องค์นี้เป็นยศนั้นองค์นั้นเป็นยศนั้นๆ ยศนี้เป็นอย่างงั้นละ ยศเข้าไปยศเข้ามาแล้วก็เเย็ดล่ะซิ เข้าใจไหม มันเลอะขนาดนั้นละนะเวลานี้ ให้ดูนะพวกเรา สอนทุกคนๆ เอาธรรมพระพุทธเจ้ามาสอนทุกคน ไม่ได้เหยียบนั้นเหยียบนี้ยกนั้นยกนี้โดยหาเหตุผลไม่ได้ พูดตามหลักเกณฑ์ของธรรมพระพุทธเจ้าที่สอนโลกให้เป็นมนุษย์มนาบ้าง พระก็ให้เป็นพระจนกระทั่งเป็น สรณํ คจฺฉามิ ของโลกได้ คือสาวกอรหันต์ท่าน ท่านปฏิบัติตามพระพุทธเจ้านั่นแหละ
เวลานี้กำลังเลอะเทอะมากนะศาสนา ในวัดในวากลายเป็นส้วมเป็นถานไปหมด ว่าให้มันชัดๆ นี่ละ พระเณรกลายเป็นมูตรเป็นคูถอยู่ในวัด ทุกสิ่งทุกอย่างที่เต็มอยู่ในวัด มันกลายเป็นส้วมเป็นถานไปหมดแล้วเวลานี้ สมบัติของวัดสมบัติของพระมีที่ตรงไหน สมบัติของพระก็บริขาร ๘ นั่นเห็นไหมบวชมาทุกคน ได้บริขาร ๘ มาด้วยกันทั้งนั้น ขาดไม่ได้บริขาร ๘ นี่สมบัติของพระแท้ ออกจากนั้นก็สอนงานให้ งานคืออะไร เกสา โลมา นขา ทันตา ตโจ นี้ละมันเป็นมหาอำนาจเหยียบย่ำทำลายให้สัตว์ทั้งหลาย เฉพาะอย่างยิ่งพระเราหูหนวกตาบอด จึงสอนเกสา โลมา นขา ทันตา ตโจ ได้ทุกองค์เหล่านี้ ได้เอาไปคลี่คลายดูบ้างหรือเปล่า นี่ละเรียกว่างาน
สถานที่ทำงานก็ รุกฺขมูลฺเสนาสนํ บรรพชาอุปสมบทแล้วให้เธอทั้งหลายเข้าไปอยู่ในรุกขมูลร่มไม้ ฟังซิอันดับหนึ่ง รุกขมูลร่มไม้ ในป่าในเขา ตามถ้ำเงื้อมผา ป่าช้าป่ารกชัฏ อันเป็นสถานที่บำเพ็ญสมณธรรมด้วยความสะดวกไม่มีอะไรรบกวน ให้เธอทั้งหลายอยู่และบำเพ็ญในสถานที่นั้นตลอดชีวิตเถิด นี่พระโอวาทของพระพุทธเจ้า ทุกวันนี้ไปไหนหมด พระเณรเราบวชมาแล้วเรียนมาแล้ว ศึกษาจากพระพุทธเจ้ามาแล้วด้วยกัน ไปไหนหมด งานเหล่านี้ไปไหนหมด เกสา โลมา นขา ทันตา ตโจ ไปไหนหมด มันมีตั้งแต่พัดยศเหรอ เต็มบ้านเต็มเมืองเต็มวัดเต็มวา ไปที่ไหนแบกพัดยศๆ โอ่อ่าฟู่ฟ่าไปอย่างนั้นเหรอ ศาสนาพระพุทธเจ้าไม่ได้ศาสนาพัดยศนะ ศาสนาที่สอนอย่างนี้ละ หน้าที่การงานให้ทำตามแบบพระพุทธเจ้าซิ
เวลานี้ถูกเหยียบย่ำทำลายมากทีเดียวศาสนาเราจนมองดูไม่ได้ สลดสังเวช เพราะคัมภีร์ท่านตั้งตระหง่านอยู่สามพระไตรปิฎก นี่คือองค์ศาสดานะ พระไตรปิฎกคือองค์ศาสดา มีทั้งพระธรรม ทั้งพระวินัย นี้แลคือศาสดาของเธอทั้งหลาย แทนเราตถาคตเมื่อเราตายไปแล้ว นี่ละศาสดา เดี๋ยวนี้เอาอะไรมาเป็นศาสดา เห็นตั้งแต่โอ่อ่าฟู่ฟ่าไปไหน ฟังให้ดีนะ พวกพระหัวโล้นๆ เรานี่น่ะ ไม่มีใครกล้าเตือนนะพระ เขาเคารพพระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์สาวกองค์บริสุทธิ์ เขาไม่กล้าแตะ เพราะแตะนี่ก็ไปโดนจีวรของท่านผู้บริสุทธิ์เข้า หัวโล้นของท่านผู้บริสุทธิ์ เขาก็ไม่อยากแตะ เขาเบื่อจะตายแล้วละรู้ไหม ตัวเองยังโอ่อ่าอยู่เหรอ ว่าข้าได้เป็นชั้นนั้นชั้นนี้อยู่เหรอ ชั้นไหนชั้นขี้หมาอะไร ธรรมพระพุทธเจ้าชั้นโสดา สกิทาคา อนาคา อรหันต์ทำไมไม่มองบ้าง
ธรรมะเหล่านี้สดๆ ร้อนๆ ทั้งนั้น ไม่ได้ครึไม่ได้ล้าสมัย มันครึมันล้าสมัยแต่พวกหัวโล้นๆ ที่มาครองผ้านี่ เป็นตัวครึตัวล้าสมัยที่สุด เหยียบย่ำทำลายศาสนาอยู่เวลานี้ ไม่มีใครเกินพระหัวโล้นๆ เรานะ ดูทุกองค์ อยู่นี้หัวโล้นทุกองค์ ผ้าเหลืองทุกองค์ พระองค์สอนว่ายังไงเรียนมาทุกคน จำให้ดีนะ เลอะเทอะไปหมด เวลานี้ศาสนาจะไม่มีเหลือติดชาวพุทธเรานะ ลุกลามออกไปถึงฆราวาสญาติโยมนั้นก็เป็นอีกแบบหนึ่ง พระเรานี้มีแบบมีฉบับประจำตัว ควรจะปฏิบัติให้ถูกต้องตามแบบฉบับ ตัวเองก็อบอุ่นเย็นใจสบาย คนอื่นเห็นก็ไม่แสลงหูแสลงตา จำให้ดี เอาละให้พร
หลังจังหัน
(คณะศรัทธานำโดยภริยาเอกอัครราชทูตไทยประจำกรุงเวียงจันทน์ มาทอดผ้าป่า สมทบทุนสร้างสถานีวิทยุเสียงธรรมเพื่อประชาชน อ.โขงเจียม จ.อุบลราชธานี รวมยอดปัจจัย ๗๐๔,๕๙๗ บาท ๕๐ สตางค์ พร้อมทั้งพระอาจารย์บวร สุชีโว วัดป่าหนองแข้ดง อ.หนองพอก จ.ร้อยเอ็ด นำผ้าป่ามาสมทบได้ปัจจัย ๑๖๐,๖๓๐ บาท ๕๐ สตางค์ มีญาติโยมมาต่อยอดอีก ๑๑,๖๒๐ บาท ๕๐ สตางค์ รวมยอดทั้งหมดเป็นปัจจัยทั้งสิ้น ๘๗๖,๘๔๘ บาท ๕๐ สตางค์) เราอนุโมทนาด้วย ต่างคนต่างช่วยพยุง เพราะวิทยุนี้ออกไกลพอสมควร ไม่เห็นหน้าก็ได้ยินเสียง เสียงธรรมเข้าสู่ใจเป็นคติเครื่องเตือนใจได้โดยลำดับลำดา เรื่องวิทยุจึงเป็นของสำคัญมากในสมัยปัจจุบันนี้ ไม่เห็นหน้าคนก็ตาม ได้ยินแต่เสียงก็พอ
พระพุทธเจ้าก็ออกเป็นคัมภีร์มา พระองค์ไม่ได้ทรงแสดงด้วยพระโอษฐ์ นำเป็นคัมภีร์ออกมา เครื่องอุปกรณ์ใช้ไม่ได้สะดวกเหมือนทุกวันนี้ นี้มีทุกแบบ สะดวกมากทีเดียว พี่น้องทั้งหลายที่มีความสนใจในเรื่องอรรถเรื่องธรรม พากันมีศรัทธาร่วมสามัคคีกันตั้งสถานีวิทยุคราวนี้ หลวงตาขออนุโมทนาและขอบคุณด้วยทุกท่านนะ เพราะนี้เป็นเจตนาที่สูงส่งมากทีเดียว เจตนานำธรรมเข้าสู่จิตใจ ธรรมถ้าเข้าสู่จิตใจ ใจนี้จะเป็นฟืนเป็นไฟก็จะเป็นเหมือนน้ำดับไฟ ธรรมเข้าตรงไหนเหมือนน้ำดับไฟๆ เป็นอย่างนั้นธรรมะ พอยังโลกให้สงบร่มเย็นพอซุกหัวนอนได้บ้างคือธรรม ถ้าไม่มีธรรมแล้วไม่มีความหมายโลกอันนี้ เหมือนกับโยนปลาทั้งข้องลงในกระทะกำลังเดือดพล่านๆ อยู่นั้นดูเอา นี่ละถ้ามีแต่กิเลสทอดคนทอดอย่างนั้น ต้องมีธรรมเป็นน้ำดับไฟ
เราก็ได้อุตส่าห์พยายามเต็มกำลังความสามารถแล้ว ที่ช่วยโลกคราวนี้เรียกว่าช่วยด้วยความเมตตาสุดส่วน เราไม่มีอะไรที่จะแบ่งสันปันส่วนแม้เม็ดหินเม็ดทราย เราบอกตรงๆ ว่าเราไม่มี เราพอทุกอย่างแล้วในหัวใจของเรา มีแต่แผ่กระจายออกจากธรรมที่ได้แล้วเต็มกำลังความสามารถของตน แล้วก็แผ่ออกไปเต็มความสามารถเหมือนกันทุกแบบทุกฉบับ ทางด้านวัตถุก็ช่วย เรียกว่านำชาติพี่น้องชาวไทยเรา ทางด้านธรรมะก็กำลังนำธรรมะออกกระจาย นี่ก็เข้าในเจตนาเดิมที่เราคิดไว้ไม่ผิด พอเราจะออกนำช่วยชาติ เอ้อ คราวนี้แหละคราวธรรมะจะได้กระจายออกไปในระยะเดียวกัน คิดไว้เรียบร้อยแล้วผิดที่ไหนล่ะ ทางด้านวัตถุโลกทั้งหลายก็ทราบกันอย่างเปิดเผยรวดเร็ว แต่ด้านธรรมะจะค่อยทราบทีหลังๆ จะกว้างขวางออกไปมากมาย เวลานี้ทางวิทยุธรรมะนี้ออกแล้วอินเตอร์เน็ตทั่วโลก กว้างขวางไหมล่ะที่คิดไว้นี้ นี้ละเป็นธรรมสมบัติอันสำคัญในหัวใจของพี่น้องชาวไทยเรา ขอให้มีธรรมสมบัติเข้าสู่ใจเถอะจะเย็นไปตามๆ กันไม่ว่าคนทุกข์คนจนคนมั่งมี มีแต่ความร่มเย็น เห็นอกเห็นใจซึ่งกันและกันทั้งนั้นแหละ ถ้าลงธรรมเข้าตรงไหนประสานได้ทันทีๆ เลย ธรรมเป็นเครื่องประสานไม่ใช่เครื่องทำลายนะธรรม
วิทยุออกนี้กระจายออกไป ทางร้อยเอ็ดก็เต็มสัดเต็มส่วน โรงสีเสี่ยสมหมาย เมื่อวานเจ้าของก็มา ว่าเปิดแล้ว นั่นก็ ๑๐ กิโลวัตต์เต็มเหนี่ยว ทุกอย่างเขาพร้อมหมดเลย ของเขาเองหมด ค่าไฟฟ้าอะไรเขารับของเขาหมดคนเดียว ไม่ได้ไปกวนใครเลย เขาออกแล้วเมื่อวานเขามา ต่างคนต่างอนุโมทนาสาธุการ โทรศัพท์มาลั่นโรงสีว่างั้น รอบๆ นั้นที่ได้ยินได้ฟัง แต่ก่อนศาสนาไม่มีหรือมันน่าคิดนะ มีแต่ไม่มีใครนำออกแสดงก็ไม่ปรากฏ นี่เราก็พยายามนำธรรมะพระพุทธเจ้าออกแสดงกระจาย อย่างร้อยเอ็ดนี้ไปหลายจังหวัดนะ โทรศัพท์มาลั่นตลอดทั้งวัน กลางคืนทั้งคืน เขาบริการวิทยุนี้ตลอด ๒๔ ชั่วโมง ๑๒ ชั่วโมงพักหนึ่งเป็นพวกหนึ่งรักษาออก แล้วอีกอันหนึ่งต่อกันอีกเป็นสองพัก ๒๔ ชั่วโมงตลอดเลย ธรรมะออกๆ เรื่อยอย่างนี้แหละ แล้วจะค่อยยิ้มแย้มแจ่มใสชาติไทยของเรา ถ้าศาสนาไปตรงไหนจะค่อยชุ่มเย็นๆ นะ
เรื่องธรรมนี่สำคัญมาก ประจักษ์ที่ใจนะ ทีแรกได้ยินได้ฟังก่อน นี้เป็นอันดับหนึ่งพอเป็นเครื่องดำเนินเพื่อความสงบร่มเย็น รู้จักวิธียับยั้งชั่งตัวได้บ้างพอประมาณ อันดับที่สองที่เป็นอันดับสำคัญก็คือเรื่องภาวนา พอเข้าถึงภาวนานี้จะตีกระจายออกไปกว้างขวางมากหาประมาณไม่ได้เลย จิตนี่ลงได้รู้แล้วรู้ไม่มีประมาณ มหาสมุทรยังมีขอบเขต ธรรมภายในใจของท่านผู้รู้ทั้งหลายไม่มีขอบเขต ครอบโลกธาตุเลย นั่นต่างกันนะ นี่ละธรรมเป็นของสำคัญมากทีเดียว พระพุทธเจ้าเป็นอันดับหนึ่ง พระสาวกเป็นอันดับสอง ที่แผ่กระจายธรรมออกสู่โลกให้ได้รับความร่มเย็นเรื่อยมาจนกระทั่งทุกวันนี้
นี่ก็รู้สึกว่ายุบยอบไปมากแล้ว พึ่งมาเริ่มนี่ละธรรมะเรา เริ่มขึ้นตอนช่วยชาติบ้านเมืองคราวนี้ ทางด้านวัตถุเรากระเตื้องขึ้นมาพอสมควร ทองคำได้เวลานี้ ๑๑ ตันกับ ร้อยกิโลกว่าแล้ว ๑๑ ตัน ๓๗ กิโลครึ่งนี้มอบคลังหลวงเรียบร้อยแล้ว เวลานี้ได้ ๙๔ กิโล บวกกับ ๓๗ กิโลมันก็ร้อยกว่าแล้ว เป็น ๑๑ ตันกับร้อยกว่ากิโล กำลังเข้าแล้ว ส่วนดอลลาร์ได้เข้าเพียง ๑๐ ล้านสองแสนกว่าเท่านั้นแหละ นอกนั้นกระจายออกช่วยโลกภายนอก สำหรับเงินสดนี้เข้าซื้อทองคำเพียงสองพันล้านบาท นอกนั้นออกช่วยโลกทั้งหมดเลย เงินสดนี้ออกกว้างขวางมากทีเดียว นี่ละเงินพี่น้องทั้งหลายมาบริจาคนี้ ชี้นิ้วได้เลยเรา ไม่มีคำว่าเม็ดหินเม็ดทราย ที่จะมีเจตนาแย็บเอาของพี่น้องทั้งหลายมาเป็นสมบัติส่วนตัว แม้เม็ดหินเม็ดทราย บอกว่าเราไม่มี เราพอทุกอย่างแล้ว มีแต่ช่วยด้วยความเมตตา เมตตาจะไปกว้านเอาอะไรมาล่ะ ก็มีแต่เมตตาล้วนๆ ช่วยมาเต็มเม็ดเต็มหน่วยจนกระทั่งปัจจุบันนี้
เวลานี้วิทยุก็กำลังออก เออ เรื่องวิทยุก็ให้พากันทราบเอาไว้นะ ไอ้พวกสิ่งขัดขวางพวกก้างขวางคอมันมีอยู่ทั่วๆ ไปนั่นแหละ ดีกับชั่วเป็นข้าศึกศัตรูต่อกันมาแต่กาลไหนๆ ไม่ใช่มีมาวันนี้วานนี้นะ มันมีมาตั้งกัปตั้งกัลป์แล้วแหละดีกับชั่ว เป็นคู่ศัตรูกันว่างั้นเถอะ เวลาเราเปิดวิทยุคลื่นไหนๆ เขาจะเอาคลื่นพวกมหาภัยพวกก้างขวางคอ พวกโจรพวกมารของศาสนา รวมแล้วก็ของตัวมันเองนั้นแหละ นี้กำลังแสดงขัดตรงนั้นขัดตรงนี้ ให้เสียงอรรถเสียงธรรมเราออกทางวิทยุนี้ไม่สะดวก มันกีดมันขวางทุกแง่ทุกมุม ในกรุงเทพก็มีอยู่แล้ว ข้างนอกมันก็จะมีอย่างเดียวกัน นี่พวกกีดพวกขวาง ให้ทราบว่านี้คือพวกโจรพวกมาร พวกมหาโจร
พวกเราที่เป็นเจ้าของสมบัติ ก็คือออกทางวิทยุอย่างเปิดเผยทั่วหน้ากันทั้งประเทศเรา นี่เรียกว่าเราเป็นเจ้าของสมบัติ คือธรรมสมบัติ เป็นเจ้าของของชาติไทยเรา เราออกได้อย่างเปิดเผย อย่างไม่สะทกสะท้าน อันนั้นมันคอยขัดคอยขวางอย่างลี้ๆ ลับๆ ขโมยทำ จึงเรียกว่ามหาโจร ก็ให้พากันทราบเอาไว้ตามนี้ อันไหนที่ฟังไม่ได้ก็ไม่ฟัง อันนี้พวกโจรพวกมารมันมากีดมาขวางมาทำลาย ก็ให้ทราบไว้เป็นระยะๆ ให้พี่น้องทั้งหลายทราบไว้ตามนี้
เรื่องความชั่วมีอยู่ทั่วไป คนชั่วมีอยู่ทั่วไป เรื่องจึงแสดงอยู่ทั่วไป ให้พากันเข้าใจเอาไว้อย่างนี้ อย่าไปหงุดหงิด อย่าไปโกรธไปแค้นให้เขา เรื่องของเราเป็นเรื่องของเรา เรื่องของเขาเป็นเรื่องของเขา ทำลงแล้ว กมฺมสฺสโกมฺหิ มีกรรมเป็นของตัวเองด้วยกัน มอบให้ใครไม่ได้ เป็นของตัวเองด้วยกันทั้งนั้นแหละ ใครจะเก่งขนาดไหนก็เป็นของตัวเอง เผาตัวเอง กลฺยาณํ วา ปาปกํ วา ตสฺส ทายาโท ภวิสฺสามิ กรรมดีหรือกรรมชั่วเป็นบุญหรือเป็นบาปจะเป็นผู้ได้รับผลของกรรมนั้นด้วยกันทุกคน ไม่มีจะแยกแยะให้ใครได้เลย อย่าไปภูมิใจในการทำชั่วให้คนอื่นว่าตัวจะได้ดี ไม่มีทางดี มีแต่ทางแหลกเหลวลงไปโดยลำดับลำดา
วันนี้พูดถึงเรื่องวิทยุกำลังออกทั่วๆ ไป ตั้งหลายแห่งเวลานี้กระจายไปหมด ดูเหมือนแทบจะทุกภาคละมัง ทางภาคตะวันออกกำลังเริ่ม ภาคอีสานมากแล้ว ภาคกลางก็มากแล้ว วิทยุก็เสียงธรรมของเราที่เทศนาว่าการนี่แหละ ออกแสดงให้พี่น้องทั้งหลายฟัง แล้วธรรมที่เราออกแสดงไม่ว่าจะแง่ใดมุมใดเราออกด้วยความบริสุทธิ์ใจ ด้วยความแน่ใจของเราว่าธรรมะที่แสดงออกนี้ทุกขั้นทุกภูมิของธรรมว่าจะผิดไปไม่มี ออกมาจากหัวใจที่บริสุทธิ์สุดส่วน พูดให้ชัดเจน ด้วยการตะเกียกตะกายทรมานตนเองมาถึงขั้นจะสลบไสลมาจนได้ผลเป็นที่พอใจ เวลาแสดงออกจึงไม่ได้สงสัย ไม่ว่าจะธรรมะขั้นนิ่มนวลอ่อนหวาน ขั้นไพเราะเพราะพริ้ง หรือดุด่าว่ากล่าว เด็ด เฉียบขาดอะไร เป็นธรรมะประเภทนั้นๆ ให้พอเหมาะพอดีกับผู้ฟังๆ เสมอกันหมดเลย
ที่จะเป็นพิษเป็นภัยเพราะการแสดงออกแห่งธรรมะนี้ แม้เม็ดหินเม็ดทรายไม่มี ถึงจะเป็นกิริยาใดก็ตามออกไป เป็นกิริยาของธรรมล้วนๆ กิเลสไม่มีจะเอาอะไรไปแฝง ไม่มี ในหัวใจไม่มีกิเลสออกไปแง่ไหนก็มีแต่เรื่องธรรมล้วนๆ หนักเบาก็เหมือนเขาถากไม้ ไม้ต้นไหนที่เขาจะถากเอามาทำเสาบ้านเสาเรือนเขา ถ้ามันเรียบๆ เขาก็ถากเรียบๆ ที่ไหนมันคดงอมากน้อยเขาก็ถากหนักมือๆ อันนี้ก็เหมือนกัน คลื่นของกิเลสเรียบๆ ก็มี มีคลื่นก็มี คดๆ งอๆ ก็มี การชำระก็เหมือนเขาถากไม้ก็มีหนักมือเบามือเป็นธรรมดา แต่เป็นธรรมทั้งนั้น เหมือนเขาถากไม้หนักเบาก็เพื่อจะเอาต้นเสาเป็นบ้านเป็นเรือน เป็นประโยชน์ อันนี้การแนะนำสั่งสอนไม่ว่าแง่หนักแง่เบาก็เพื่อประโยชน์ทั้งนั้น เพื่อโทษไม่มี ให้ท่านทั้งหลายจำเอาไว้
อันหนึ่งภาษาหลวงตาบัวนี่พี่น้องทั้งหลายจะไม่เคยได้ยินได้ฟังมาแต่ก่อน หลวงตาเองก็ไม่เคยได้แสดงกิริยาอย่างนี้นะ ก็เหมือนท่านๆ เราๆ การเทศนาว่าการเรียนทางปริยัติก็จนได้เป็นมหา ว่างั้นเถอะน่ะ ก็ใช้เป็นแบบเดียวกับโลกทั่วๆ ไป ก่อนที่ยังไม่ปฏิบัติ ใช้สำนวนโวหารแบบเดียวกับปริยัติ เทศน์ท่านเหมือนเรา เราเหมือนท่าน แต่มาภาคปฏิบัตินี้ ธรรมะภาคปฏิบัตินี้จะไม่ใช่ธรรมะประเภทนั้นนะ อันนั้นเรียกว่าลอยๆ ไป ธรรมะที่เราเรียนมาจำได้มา กับธรรมะที่เกิดขึ้นภายในใจในภาคปฏิบัตินี้ แม่นยำๆ
นี่ละที่ออก ธรรมะที่เด็ดเดี่ยวเฉียบขาดออกจากพลังของจิตอันนี้ที่รู้แล้วเห็นแล้วในใจ เพราะฉะนั้นเสียงนี้จึงผิดแปลกจากคนทั้งหลายอยู่บ้าง บางทีเน้นหนักเหมือนจะกัดจะฉีก ความจริงไม่มี มีแต่ธรรมล้วนๆ เด็ดของธรรมทั้งนั้น กรุณาทราบตามนี้ไว้ สำนวนอันนี้เราก็เพิ่งได้มาปฏิบัติต่อโลก ตอนที่เราออกปฏิบัติได้รู้ได้เห็นธรรมภายในจิตใจของเรามากน้อยนี้ก็ออก จนกระทั่งรู้เต็มเหนี่ยวของธรรม ธรรมะนี้ออกเต็มเหนี่ยว ในกาลเวลาที่ควรจะออกเต็มเหนี่ยวรอไม่ได้เลยผางๆ ทันทีเลย ถ้าธรรมดาก็ธรรมดา
นี่ละธรรมะภาคปฏิบัติ เป็นธรรมะที่แม่นยำมากทีเดียว ไม่ต้องไปถามใครเลย พูดแล้วสาธุทันทีไม่ทูลถามพระพุทธเจ้า ความรู้อันเดียวกัน ธรรมะประเภทเดียวกัน เข้ากันได้สนิท ทั้งพระพุทธเจ้าและสาวกทั้งหลายรวมลงแล้วเป็นน้ำมหาสมุทรอันเดียวกัน ไหลมาจากที่ไหนๆ ลงไปนั้นเป็นน้ำมหาสมุทรทั้งหมด ธรรมะท่านผู้ใดรู้ลงในมหาสมุทรคือธรรมที่บริสุทธิ์สุดส่วนแล้ว นั้นละเข้าส่วนใหญ่ปึ๊บอันเดียวกันหมดเลย จึงไม่มีที่ค้านกัน ไม่สงสัยกัน และไม่ถามกันด้วย ที่ว่ายกมือไหว้ไม่ได้ประมาทพระพุทธเจ้า ไม่ทูลถามว่างั้นเลย สนฺทิฏฺฐิโก ประกาศป้างอยู่ภายในจิตเต็มหัวใจแล้วถามใคร นั่น
นี่ละธรรมะประเภทนี้เป็นธรรมะที่แม่นยำมาก การเทศนาว่าการพี่น้องทั้งหลายเราเทศน์มากี่ปีกี่เดือนท่านทั้งหลายก็ทราบแล้ว ไม่เคยมีระแคะระคายว่าเทศน์ตรงนั้นได้ผิดไปๆ ไม่มี เรียกว่าแม่นยำๆๆ ออกจากจิตที่แม่นยำอยู่แล้วนี้ จึงไม่ผิดพลาดที่ไหนเลย จึงควรที่พี่น้องทั้งหลายฟังแล้วให้นำไปเป็นคติเครื่องเตือนใจ เรื่องกิเลสเครื่องหลอกลวงมันหลอกลวงต้มตุ๋นตลอดเวลา กระซิบกระซาบอยู่นั้นแหละ เราเชื่อมันแล้วจมได้นะ ให้เชื่อเสียงธรรม เชื่อเสียงธรรมแล้วเข้าไปชำระสะสางสิ่งสกปรกคือกิเลสตัวปลิ้นปล้อนหลอกลวงได้เป็นลำดับๆ จิตใจก็จะค่อยสะอาด กาย-วาจาสะอาด หน้าที่การงาน-ความประพฤติจะสะอาดไปตามๆ กัน เพราะธรรมเป็นเครื่องซักฟอกมาจากใจ พากันจำเอา
เวลานี้จะเป็นประโยชน์แก่ชาติของเราเรื่องศาสนา ศาสนธรรม ธรรมประเภทที่เราแสดงนี้จะไม่ค่อยมีที่ไหนนะ หรือว่าไม่มี อยากจะพูด เพราะไม่มีใครแสดงออกมาเป็นคู่เทียบเคียงกัน ไม่มี ก็มีแต่หลวงตาบัวองค์เดียวนี่ปากเปราะๆ นี่พูดทั่วโลกดินแดน ไม่เคยสะทกสะท้านกับสิ่งใดวัตถุใด ในสามแดนโลกธาตุธรรมเหนือหมด ออกตรงไหนๆ เหนือไปตลอดๆๆ จึงไม่เคยมีสะทกสะท้านว่าจะผิดไปพลาดไป เพราะออกด้วยความถูกต้อง ไม่ว่าธรรมขั้นใดถูกต้องตลอดเวลา ออกจากจิตใจที่ถูกต้องเรียบร้อยแล้ว
เราจึงเทศนาว่าการสอนพี่น้องทั้งหลายไม่มีคำว่าสะทกสะท้านไม่มีในใจ ตามแต่โอกาส หรือเหตุผลกลไกที่จะควรออกไปหนักเบามากน้อยจะออกเองๆ ธรรมประเภทนี้เราก็ไม่เคยมีแต่ก่อน ก็ออกจากภาคปฏิบัติ เวลาภาคปฏิบัติธรรมได้ปรากฏเป็นผลขึ้นมา ปริยัติ ปฏิบัติ ปฏิเวธ ปริยัติได้แก่ศึกษาเล่าเรียนมา ปฏิบัติได้แก่การปฏิบัติตาม ปฏิเวธคือเป็นผล รู้ผลแห่งงานของตนที่ได้มากน้อยเพียงไรตั้งแต่สมถธรรมความสงบร่มเย็น เป็นสมาธิธรรม วิปัสสนาธรรม วิมุตติธรรม เป็นปฏิเวธทั้งนั้น นี่ก็มาบรรจุไว้ที่ใจเต็มภูมิของเราแล้ว ตัวเท่าหนูก็เต็มภูมิของหนู เราจึงแสดงไว้เต็มภูมิของหนูเรานั่นแหละให้พี่น้องทั้งหลายฟัง
กิริยาท่าทาง หรือสำนวนโวหารที่พูดออกมาจึงไม่ค่อยเหมือนใคร ถ้าว่าเหมือนธรรมถูกต้องร้อยเปอร์เซ็นต์ เหมือนธรรมเท่านั้น เราเองก็ไปแบบธรรมเลย กิริยาอย่างนี้เราก็ไม่เคยใช้แต่ก่อน แต่เวลาธรรมเป็นหลักเป็นแกนอันสำคัญอยู่ภายในใจ ออกก็ออกจากธรรมๆ ก็เลยกลายเป็นเรื่องของธรรม หนักเบามากน้อยผางๆๆ ไปเลยเชียว เป็นเรื่องของธรรมล้วนๆ ไม่มีสะทกสะท้าน อันนั้นสูงอันนี้ต่ำไม่มีในธรรม เหนือหมดแล้ว ออกตามนั้นเลยทีเดียว ให้ท่านทั้งหลายได้จำเอา
ธรรมภาคปฏิบัตินี้ใครที่ปฏิบัติมาพูดวอกๆ อยู่นี้ เวลานี้ก็มีแต่หลวงตาบัวองค์เดียว การพูดวอกๆ นี้ไม่ได้พูดออกมาด้วยความโอ้อวด พูดออกมาจากหัวใจที่เต็มด้วยธรรมประเภทนี้ออกมา แต่ก่อนเราไม่เคยรู้เราก็พูดแบบโลกๆ ทั่วๆ ไป แต่เวลามันรู้ก็พูดแบบนี้ รู้มากรู้น้อย เอาเต็มเหนี่ยวก็อย่างที่เห็นนี่แหละ ท่านทั้งหลายฟังเอานะ ธรรมะนี้ไม่เป็นภัยต่อผู้ใด กิริยาท่าทางของหลวงตาให้ถือธรรมเป็นสำคัญนะ อย่ามาถือกิริยาของโลกเข้าไปแทรกธรรม ว่าท่านดุด่าว่ากล่าวเผ็ดร้อนนั้นๆ นี้ๆ เป็นกิริยาของโลกที่เขาใช้กันมานมนาน กิริยาของธรรมพูดอย่างตรงไปตรงมาควรเด็ดเด็ด ควรอ่อนอ่อน ควรแข็งแข็งไปเลย กิริยาของธรรม นี่การก้าวเดินของธรรมเป็นอย่างนั้น นี้เราก้าวเดินตามธรรม กิริยานี้ก็ต้องเป็นอย่างนั้นเรื่อยไป พากันเข้าใจนะ เอาละพอ
เมื่อวานนี้ตรงนี้แหม แห้งแล้ง ต้นไม้เขียวชอุ่มเป็นพุ่มๆ เหมือนพุ่มมะเขือ ใบสดชื่น มองดูต้นมันปุ๋ยเต็มเลยแต่กำลังแห้งแล้ง เขาปลูกกุฏิเราก็เดินเข้าไปดูต้นไม้ ไปเห็นอย่างนั้นออกมาเลยสั่งพระ ให้จัดโยมหรือใครต่อใครช่วยรดน้ำ บอกรดจนเปียกนะ เอาให้มากๆ พระก็รด เขียวชอุ่ม บอกว่ารดให้มากๆ ยังไม่แล้วนะนี่สั่งแล้ว พอตกค่ำๆ จน ๖ โมงเย็นไปอีกแล้ว ไปดูอีก รดดีอยู่ พระท่านรู้เราถ้าลงสั่งอะไรแล้วต้องจริงต้องจังทุกอย่าง เราก็ไปดูอีก นั่นจริงหรือไม่จริง ถ้าไม่เป็นท่าแล้ว เอาละนะกลับมาคราวนี้ไล่เบี้ยแหลกเลย เป็นอย่างนั้นละ พระรู้นิสัยเราทำอะไรทุกอย่างต้องจริง เหลาะแหละไม่ใช่ธรรม ธรรมแล้วจริงทั้งนั้นๆ ถ้าเราสั่งอะไรแล้วพระจะต้องถือเป็นกรณีพิเศษ เพราะสั่งอะไรจะต้องติดตามๆ ดูผลเรื่อย นี่ละการปฏิบัติธรรมมีความละเอียดลออทุกอย่าง จริงจังทุกอย่าง เรียกว่าปฏิบัติธรรม ท่านทั้งหลายภาวนาก็ให้เหมือนกัน การภาวนาต้องจริงจังดัวยสติ สติเป็นสำคัญมากทีเดียว จะคลื่นใหญ่ขนาดใหญ่ก็ตามเถอะน่ะ คลื่นกิเลส เหมือนคลื่นน้ำในทะเลก็ตามเถอะน่ะ คลื่นสตินี่ต้านทานไว้อยู่เลย
คือมันจะออกทางความคิดความปรุง มันดันขึ้นมาๆ อยากคิดอยากปรุงตามนิสัยของกิเลสที่มันราบรื่นมาแล้ว มันอยากคิดอยากปรุงไปทางของมัน ทีนี้เราเอาสติสกัดเพื่อจะทำงานให้ธรรม เช่นพุทโธๆ เรียกว่างานของธรรม เอาสติเข้าควบคุมงานนี้ให้ดีๆ อันนั้นมันดันขึ้นมาๆ มันอยากคิดเป็นกำลัง เอ้า อยากคิดก็คิดไม่ยอมให้เผลอ ซัดกัน โถ จนขนาดว่าอกจะแตกนะ เราพิสูจน์ด้วยตัวของเราเอง อันนี้เคยพูดให้ฟังแล้วไม่ใช่เหรอ เราได้พิจารณาเจริญแล้วเสื่อมๆ ปีหนึ่งกับห้าเดือน หัวอกจะแตก มันทุกข์มันลำบากระบมอยู่ตลอดเวลา เพราะเสียดายสมาธิที่ได้แล้วเสื่อมไปเสีย มีแต่ไฟเผาหัวอกๆ
แล้วพร้อมทั้งการพิจารณา พยายามดันไป ๑๔-๑๕ วันไปได้เพียงคืนหรือสองคืน แล้วเวลามันลงนี่เหมือนกลิ้งครกลงจอมปลวกผึงลงตูม อะไรมาผ่านไม่ได้ขาดไปเลย เวลามันเสื่อมเสื่อมอย่างรุนแรง เราก็พยายามหนุนเข้าไปอีก ๑๔-๑๕ วันไปถึงนั้นอยู่ได้เพียงคืนสองคืนลงตูมอีก ได้ปีกับห้าเดือน พินิจพิจารณา เอ๊ มันยังไงน้า เราก็พยายามเต็มกำลัง บางคืนไม่นอนเลย แล้วมันก็เสื่อมได้ต่อหน้าต่อตามันจะเป็นเพราะเหตุไรน้า คำว่าอาจนะที่นี่ มันอาจจะเป็นเพราะเราไม่ได้ใช้คำบริกรรม เป็นแต่เพียงว่าตั้งสติจ่ออยู่กับความรู้มันอาจเผลอสติไปได้ กิเลสอาจจะมีช่องทางกว้านเอาไฟมาเผาเราได้
ทีนี้เราจะเอาคำบริกรรม ให้จิตติดกับคำบริกรรม เอาสติติดกับนี้ เอา เราจะทราบเหตุมัน มันจะเสื่อมไปทางไหน ทีนี้เอาอันนี้ พอลงใจปุ๊บ พิจารณากว่าจะลงใจไม่ใช่เล่นนะ พอลงใจปุ๊บเอาละที่นี่เราจะเอาแบบที่ว่า คำว่าพุทโธกับสตินี้จะติดแนบกันตลอดเวลา เผลอไปไม่ได้ เหมือนกับว่าระฆังดังเป๋งเอาฟัดกันเลย ระฆังดังเป๋ง สติปึ๋งเลยซัดกัน นี่ที่มันรู้ได้ชัดวันแรกเหมือนอกจะแตกนะ คือสังขารความอยากคิดอยากปรุงออกจากอวิชชามันหนุนออกมาๆ มันอยากคิดอยากปรุงเป็นกำลัง ไม่เสียดายความอยากคิดอยากปรุงยิ่งกว่าสติกับคำบริกรรมกับพุทโธติดกัน ไม่ให้เผลอ เอากันอย่างนี้ละ ฟาดทั้งวันไม่เผลอเลย
วันนั้นหนักมาก วันหลังมาก็รองๆ กันลงมา แต่คำว่าไม่เผลอนี่เรียกว่าเผลอไปไม่ได้ ตั้งแต่ตื่นนอนปั๊บจนกระทั่งหลับจะเผลอไปไม่ได้เลย จับติดๆ พอสามวันล่วงไปแล้วที่นี่ค่อยเบาๆ เห็นผล เห็นผลสติยิ่งเน้นหนักๆ ค่อยสงบลงๆ นั่นละที่นี่เราตั้งรากฐานได้เพราะคำบริกรรมติดกับใจ ให้ใจทำงานด้วยคำบริกรรม สติครอบควบคุมงานไว้ จากนั้นก็ขึ้นๆ เรื่อยๆ เอ้า จะเจริญไปไหนเสื่อมไปไหนให้เสื่อมไป แต่คำบริกรรมกับสตินี้เสื่อมไปไม่ได้ เราจะเอาแค่นี้ ไปถึงนั้นแล้วเอ้า ประมาณอยู่ได้สองคืน มันเสื่อมไปถึงนี้เอาเสื่อมไปไม่เสียดาย อันนี้ไม่ปล่อย พอถึงนั้นแล้วไม่เสื่อม ค่อยขึ้นเรื่อยๆๆ เรื่อยเลย
จึงทราบได้ชัดว่า อ๋อนี่เป็นเพราะขาดคำบริกรรมและสติไม่ติดแนบกัน จากนั้นก็พุ่งเลย จึงไม่เสื่อม ตั้งแต่บัดนั้นมาไม่เสื่อม พิจารณาอย่างนั้น พอได้ความแล้วจับติดเลย เอาเลย เราจึงได้สอนพี่น้องทั้งหลายได้ทราบเป็นคตินะ แต่นิสัยเราอาจจะแปลกต่างใครอยู่บ้างพอประมาณนะ คือมันจริงจริงๆ ว่าอะไรจริงนะเรา กับตัวเองก็แบบเดียวกัน กับข้างนอกก็เหมือนกัน มันไปจากภายใน ว่าอะไรเช่นอย่างสั่งพระอะไร สั่งพระพระจะรู้นิสัย พอเราสั่งอะไรแล้วพระจะต้องเอาจริงเอาจัง ไม่จริงจังไม่ได้นะ กลับไปคราวหลังไล่เบี้ยแหลก ดีไม่ดีไล่หนีจากวัด นู่นน่ะของเล่นเมื่อไร
นี้เราทำอย่างนั้น จริงจัง แล้วผลก็ได้จากความจริงจังไม่เสียหาย ความจริงจังในงานที่ชอบได้ผลๆ ให้พากันจำเอา อย่าพากันเหลาะแหละ ศาสนาไม่ใช่เรื่องเหลาะแหละ กิเลสต่างหากหลอกให้เหลาะแหละ ศาสนาต้องจริงๆ ใครก็ตามไม่ว่าหญิงว่าชายจิตไม่มีเพศ เมื่อต่างคนต่างมีความจริงจังต่องานที่ชอบธรรมของตนแล้ว จะตั้งรากตั้งฐานได้ด้วยกันนั่นแหละ ตั้งได้ มรรคผลนิพพานรออยู่กับสติกับปัญญา สติกับคำบริกรรมเบื้องต้นนะ มรรคผลนิพพานรออยู่นี้ ตั้งฐานนี่ขึ้นไปแล้วก็เรื่อยๆๆ เชื่อมถึงมรรคผลนิพพานไม่สงสัย
รับฟังรับชมพระธรรมเทศนาของหลวงตา ได้ที่
www.Luangta.com หรือ www.Luangta.or.th
และรับฟังจากสถานีวิทยุสวนแสงธรรม กรุงเทพฯ และสถานีวิทยุอุดร
FM 103.25 MHz |