เรียนจบทั้งทางโลกทางธรรม
วันที่ 1 พฤษภาคม 2548 เวลา 8:30 น.
สถานที่ : วัดป่าบ้านตาด
| |
ดาวน์โหลดเพื่อเก็บไว้ในเครื่อง
ให้คลิกขวาแล้วเลือก Save target as .. จาก link ต่อไปนี้ :
ข้อมูลเสียงแบบ(Win)   ข้อมูลเสียงแบบ(MP3)   วิดีโอแบบ(Win Narrow Band)   วิดีโอแบบ(Win High Band)

ค้นหา :

เทศน์อบรมฆราวาส ณ วัดป่าบ้านตาด

เมื่อวันที่ ๑ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๔๘

เรียนจบทั้งทางโลกทางธรรม

 

         (หลวงตาอ่านหนังสือตอบรับจากเจ้าฟ้าหญิงจุฬาภรณ์ฯ ทรงรับสถานีวิทยุเสียงธรรมเพื่อประชาชนของคณะสงฆ์พระกรรมฐานสายหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต ไว้ในพระอุปถัมภ์)

ผู้กำกับ        มีคำถามจากเว็บไซค์ของหลวงตา คนที่หนึ่ง ดิฉันมีความทุกข์ทางใจ คือจิตกำหนดใจให้ทุกข์ เห็นอะไรก็เกิดความทุกข์ทุกเวลา ทั้งๆ ที่ดิฉันอยู่กับสามีที่เมืองนอกก็มีความสุขกายทุกอย่าง มองโลกในแง่ร้าย เพราะจิตกำหนดให้คิด เบื่อหน่ายในทุกๆ สิ่งที่พบ อยากอยู่ในโลกนี้อย่างมีความสุข พยายามไม่คิดอะไร แต่ห้ามจิตใจไม่ได้ ขอความกรุณาช่วยให้ดิฉันพ้นทุกข์ กลับเป็นคนปกติเหมือนคนทั่วๆ ไป อยากจะกลับมาเมืองไทยเพื่อเข้าปฏิบัติธรรม แต่ตอนนี้ยังมาไม่ได้เพราะยังไม่เสร็จธุระ กรุณาแนะนำว่าจะปฏิบัติอย่างไรก่อนที่จะเป็นโรคจิตหรือประสาทจนเข้าปฏิบัติธรรมไม่ได้เพราะคิดฟุ้งซ่าน บางครั้งควบคุมอารมณ์ไม่ได้กับการวิตกกังวลในเรื่องต่างๆ

หลวงตา       นี่ละเข้าใจไหมล่ะเรื่องกิเลส เวลามันผลักดันออกมาจากใจนี้มันดันจริงๆ อะไรๆ ไม่อยู่มันพุ่งทะลุๆ อะไรฆ่ามันไม่ได้มันเอาให้ขาดๆ นี่ละตัวทุกข์ทางใจ กิเลสสมุทัยมันผลักดันออกมา ถ้าเขาจะรบมันแบบพระพุทธเจ้าพาเป็นนักรบแล้วก็ดับได้ทั้งนั้น เพราะไม่มีอะไรเหนือธรรม ให้เอาพุทโธบังคับ จิตมันอยากคิดไปไหน เอาพุทโธตีไว้เลย อย่างไรมันก็ไปไหนไม่ได้ เวลานี้มันดันอยากคิด พอเปิดเท่าไรมันยิ่งแสดงเหมือนไฟได้เชื้อ จิตอันนี้เวลามันออกมากๆ แล้วพุ่งๆ เราก็เป็นบ้ากับมันด้วย เพราะฉะนั้นจึงให้เอาพุทโธบังคับ ห้ามไม่ให้มันคิด เราคิดมามากต่อมาก ถ้าเลยนี้ก็ฆ่าตัวตาย เอา บังคับ เอาพุทโธบังคับไว้เลยไม่ให้คิด ต่อไป

ผู้กำกับ        คนที่สองครับ ผมเป็นคนหนึ่งที่ศรัทธาในพระพุทธศาสนา และเชื่อเรื่องวิญญาณมีจริง จิตมีจริง แต่ก็ยังมีข้อสงสัยมากมาย แต่ที่สงสัยมากที่สุดเห็นจะเป็นเรื่องต้นกำเนิดแห่งจิตว่ามีความเป็นมาอย่างไร ชาติแรกของคนเราคืออะไร มาจากที่ไหน ทำไมจึงต้องลงมาเกิด ทำไมไม่ไปนิพพานเลย อยากทราบมากๆ ครับ จะได้ทราบถึงสิ่งที่มาที่ไป จะได้มีกำลังใจในการปฏิบัติธรรมให้ดียิ่งขึ้น

หลวงตา       เขาเคยภาวนาไหมล่ะ (สันนิษฐานว่าไม่เคยครับ) เราก็ไม่อยากตอบ ไม่เกิดประโยชน์อะไร ไปหากำเนิดเกิดของจิต มันฟังไม่ได้นะ รวนเร ถ้าเป็นผู้ที่เป็นนักภาวนาอยู่แล้ว หากำเนิดที่เกิดของจิตนี้ เอา ตั้งลงในภาวนา หนีไม่ได้เลย รากเหง้าเค้ามูลของมันเกิดมาจากไหน จะรื้อขึ้นมาจากจิตตภาวนา ดังองค์ศาสดาพาดำเนินมาแล้ว นี่คือศาสดาองค์เอก รู้หมดฐานจิต ไม่ว่าของใครๆ สามแดนโลกธาตุ ฐานของจิตเดิมของสัตว์ทั้งหลายทรงทราบได้หมดจากจิตตภาวนา เป็นพระพุทธเจ้าได้อย่างกระจ่างแจ้ง อันนี้มันภาวนาหรือเปล่า เอ้า ให้ภาวนาซิถ้าอยากจะทราบ มีแต่อยากทราบเฉยๆ อยากเป็นเศรษฐีแต่ขี้เกียจยิ่งกว่าหมาตายมันจะเป็นได้ยังไง มันก็เป็นคนทุกข์ตลอดวันตายมันนั่นแหละ ตอบกันอย่างนี้ดีกว่า นี่ละฐานของจิต เอาตรงนี้เลย พ้นไม่ได้

นี่ได้ผ่านมาแล้วทุกอย่าง เพราะฉะนั้นจึงกล้าพูดทุกอย่างเลย เหล่านี้รู้หมดแล้วว่างั้นเถอะน่ะ จึงบอกว่าเรียนจบทั้งโลกทั้งทางธรรมในหัวใจดวงเดียว หายสงสัย ปล่อยวางโดยประการทั้งปวง หายห่วง จะว่าเป็นสุขหรือเป็นทุกข์ก็แล้วแต่ใครจะว่าเอา เราไม่ว่าเราปล่อยหมดแล้ว ไม่มีอะไรเกินพุทธศาสนา การพิสูจน์เรื่องจิตวิญญาณ จิตวิญญาณมีอยู่กับทุกคน นำธรรมพระพุทธเจ้าเข้าไปพิสูจน์มันด้วยจิตตภาวนา แล้วจะรู้ รู้เป็นลำดับ รู้จนกระทั่งถึงที่สุดของจิตดวงนี้ ที่เกิดของจิต ต้นของจิต ปลายของจิต จะรู้รวมกันมาหมด แต่นี้มันไม่ได้ภาวนามาถามงูๆ ปลาๆ เราก็ตอบแค่นี้ นับว่าตอบให้มากอยู่นะ เอาละพอ

นี้พูดอย่างอาจหาญชาญชัยทุกอย่าง ไม่มีสงสัยในโลกทั้งสามนี่ เราหายสงสัยหมด จึงบอกว่าเรียนโลกจบ เรียนธรรมจบ หายสงสัยทั้งสองเลย พูดอย่างถ้าว่าอาจหาญก็เลยอาจหาญไปแล้ว ภาษาของโลกก็ว่า อย่างอาจหาญชาญชัยไม่สะทกสะท้าน เอาของจริงมาแบ นี่น่ะๆ ตาบอดหรือ อยากว่าอย่างนั้นอีก ธรรมพระพุทธเจ้าจริงขนาดนั้นแหละ แล้วมันมาลูบๆ คลำๆ ไม่มาหาตรงนี้ก็ไม่มีความจริงติดหัวใจแหละ ถ้าลงมีพิจารณาอย่างนี้ เฉพาะอย่างยิ่งภาวนาแล้วตามได้ตลอดเลยถึงที่สุด หายสงสัยอย่างที่ว่านี่ นี้พูดตามความจริง หายสงสัยหมดแล้ว เรียกว่าเรียนจบทั้งทางโลกทางธรรม หายสงสัยหมด ไม่มีอะไรสงสัย ไม่มีอะไรมาเป็นภาระให้จิตใจแบกหามอีกต่อไปแล้ว ปล่อยโดยประการทั้งปวง ธรรมของพระพุทธเจ้าเป็นอย่างนั้น เลิศเลอมาแต่ไหนแต่ไร ที่ตรัสรู้ถ่ายทอดกันมานี้มากขนาดไหน แล้วสัตว์โลกก็ตามพระพุทธเจ้ามากต่อมากผ่านถึงที่สุดของจิตดวงนี้นี้มากนะ

การพูดการจาเทศนาว่าการทุกอาการของเราที่ออก เราบอกได้ร้อยเปอร์เซ็นต์เลยว่า เราไม่มีกิเลสแทรกออกไปแม้เม็ดหินเม็ดทราย จะเผ็ดร้อนขนาดไหน ฟ้าดินถล่มก็ตาม เป็นเรื่องของธรรม พลังของธรรม อานุภาพของธรรมทั้งนั้นออก กิริยานี้เป็นเครื่องมือใช้ พลังของธรรม ออกมาควรเด็ด กิริยาทางนอกก็เด็ดให้เห็น ข้างในเด็ดมาแล้ว ผลักออกมาดันออกมาให้เห็น กิริยาของเราที่ปฏิบัติต่อโลกเราพูดจริงๆ เราไม่มีเป็นพิษเป็นภัยต่อโลกแม้เม็ดหินเม็ดทราย เราไม่มีเราบอกตรงๆ จะพูดหนักพูดเบาพูดเผ็ดร้อนขนาดไหนก็ตาม บอกว่าเราไม่มีในหัวใจของเรา มีแต่ธรรมล้วนๆ ออก ใครจะปฏิบัติตามก็เอา ไม่ปฏิบัติตาม ธรรมก็ไม่บังคับ แล้วแต่เจ้าของจะนำธรรมไปบังคับเจ้าของถ้าต้องการเป็นคนดีเท่านั้นเอง ท่านสอนไว้เป็นกลางๆ นี่ก็สอนเป็นกลางๆ เด็ดก็เด็ด บอกทุกสิ่งทุกอย่างให้รู้หมด จึงบอกตรงๆ เลยว่าจิตดวงนี้เป็นธรรมทั้งแท่งแล้ว ไม่มีกิเลสตัวใดจะมาแฝง ไม่ว่าจะกิริยาใดที่แสดงออกต่อโลก เราไม่มีพิษมีภัยแฝงไปแม้เม็ดหินเม็ดทราย กิริยาที่แสดงออกทั้งหมดต่อโลกนี่ไม่มี ไม่ว่าพูดเล่นพูดจริงพูดเด็ดพูดเดี่ยวพูดนิ่มนวลอ่อนหวาน ธรรมะจะแทรกไปๆ ทุกกิริยา ไม่ได้พูดแบบลอยๆ นะ มีธรรมะแทรกๆ หนักเบามากน้อย ถ้ามากก็ดันออกอย่างแรง ให้พากันจำเอานะ

ธรรมะพระพุทธเจ้าเมื่อเข้าถึงหัวใจแล้วนิ่มไปหมดเลย สามแดนโลกธาตุเรียกว่านิ่มไปหมด ไม่มีพิษมีภัยต่ออะไรทั้งนั้น บอกไม่มี เราไม่มีพิษมีภัยต่อผู้ใด แม้ความคิดที่จะเป็นพิษเป็นภัยต่อโลก เราไม่มี ความคิดที่เป็นกิเลสก็ไม่มี บอกว่าไม่มี เพราะฉะนั้นโลกผู้ที่ต้องการอรรถธรรมก็ให้ฟังนะ เราจวนจะตายแล้วเทศน์ให้ฟังทุกอย่าง เราไม่เป็นภัยต่อใครในโลกอันนี้ ทั้งสามโลกเราไม่เป็นภัยต่อผู้ใด มีแต่ทำคุณประโยชน์ต่อโลกเต็มความสามารถด้วยความเมตตาเท่านั้น นอกนั้นเราไม่มี ใครจะมาหาเรื่องราวอะไรๆ ก็เหมือนปากอมขี้ อมลงไปเห่าไป ขี้มันก็โปะหัวเจ้าของนั่นละ ให้มาโปะเรา บอกตรงๆ ไม่โปะ จะชมเชยสรรเสริญขึ้นฟาดจรวดดาวเทียม มันก็ไปจรวดดาวเทียมเสียเราไม่เอา จะติฉินนินทาโจมตี เอ้า เอาให้แหลกเราไม่แหลก เราไม่ได้อยู่ในสิ่งเหล่านี้เราไม่มี เหล่านี้เป็นเรื่องมูตรเรื่องคูถทั้งนั้นละ สรรเสริญนินทาน้ำหนักเท่ากัน

เมื่อจิตพอทุกอย่างแล้วเอาอะไรมาใส่ก็ไม่อยู่ ตกหมดๆ สรรเสริญก็ตก เป็นส่วนเกิน นินทาก็ตก เป็นส่วนเกินทั้งนั้น ธรรมชาตินั้นพอแล้วเลิศกว่าทุกอย่างแล้วจะไปหาหยิบอะไรมาว่าเลิศกว่านี้ไม่มี เราพูดอย่างจังๆเลยละ เราปฏิบัติมาเต็มเม็ดเต็มหน่วยเต็มกำลังความสามารถถึงขั้นจะสลบไสลก็มีไม่รู้กี่ครั้ง แต่ไม่เคยสลบก็บอกไม่สลบ แต่เฉียดตลอด เฉียดนี้ไม่รู้กี่ครั้งกี่หน นี่ละเรื่องฆ่ากิเลส กิเลสตัวมันทำให้เราสู้กันจนถึงขั้นจะสลบ แต่เราไม่เคยสลบเราก็บอกไม่สลบ ขั้นเฉียดนี้มีๆ ตลอด เวลาเด็ดๆ อย่างนี้เด็ดจริงๆ เอ้าชีวิตเหลือก็เหลือไม่เหลือก็เอ้า เข้าสงครามตายในสงครามเลย จะเอาชัยชนะเท่านั้น เพราะฉะนั้นเวลาผลปรากฏขึ้นมาตามความเด็ดเดี่ยวเฉียบขาด ผลจึงเฉียบขาดมาตลอดเลยไม่มีจืดจาง หัวใจดวงนี้ไม่เคยจืดจาง จะเทศน์อะไรหนักเบามากน้อยไม่เคยจืดจางเหมือนเขาเล่านิทาน เล่านิทานนี้ขบขันดีในครั้งนี้ ครั้งหลังมานิทานอันเก่าไม่ขบขันนะ มันจืดชืดไปนี่เรื่องของโลก เรื่องของธรรมไม่มี มีรสชาติเต็มเหนี่ยวอยู่ตลอดเวลา จะออกแง่ไหนๆ มีรสชาติตลอดไปเลย

เราได้บอกกับพี่น้องชาวไทยเราแล้วที่เราช่วยไทยมานี้ อย่างเปิดเผยก็คือช่วยชาติบ้านเมือง ทั้งชาติทั้งศาสนาเราช่วยเต็มกำลังความสามารถของเรา นี่เราเต็มเหนี่ยวแล้วนะ เราไม่มีอะไรที่จะผิดพลาดไปพอจะได้ตำหนิเราว่า การดำเนินไปนี้ผิดไป ไม่มี เพราะพิจารณาโดยธรรมออกโดยธรรมล้วนๆ จึงไม่ต้องไปตรวจทาน เรียบร้อยไปพร้อมๆ เลยทีเดียว ใครจะยึดก็ยึดไม่ยึดก็เท่านั้น เราสุดกำลังความสามารถ อย่างพระพุทธเจ้าท่านสอนโลกได้ ๔๕ พระพรรษาท่านก็ปรินิพพาน ใครจะเอาก็เอาไม่เอาก็ตายกองกันอยู่นี่ก็แล้วแต่ ท่านไม่มาตายกองกันแล้ว นั่น มีแต่พวกเราที่เก่งๆ แล้วมันตายกองกันอยู่ ถ้าใครอวดเก่งกว่าธรรมพระพุทธเจ้า แล้วก็จะตายกองกันอยู่นี่ พวกเก่งๆ พวกตายกองกัน พวกไม่เก่งพวกเชื่อถืออรรถธรรมของพระพุทธเจ้ามีทางจะเล็ดลอดออกไป ไม่ตายกองกันอีกต่อไป พากันจำเอานะ วันนี้ก็เทศน์เท่านี้แหละ เทศน์หนักมากเหนื่อยแล้วนะ เท่านี้ก็พอแล้วละ เอาละพอ

 

รับฟังรับชมพระธรรมเทศนาของหลวงตา ได้ที่

www.Luangta.com หรือ www.Luangta.or.th

และรับฟังจากสถานีวิทยุสวนแสงธรรม กรุงเทพฯ และสถานีวิทยุอุดร

FM 103.25 MHz

 


** ท่านผู้เข้าชมทุกท่านโปรดทราบ
    เนื่องจากกัณฑ์เทศน์บางกัณฑ์มีความยาวค่อนข้างมาก ซึ่งจะส่งผลต่อความเร็วในการเปิดเว็บไซต์ ขอแนะนำให้ทุกท่านได้อ่านเนื้อหากัณฑ์เทศน์บางส่วนจากเว็บไซต์ และให้ทำการดาวน์โหลดไฟล์กัณฑ์เทศน์ที่มีนามสกุล .pdf ไปเก็บไว้ในเครื่องของท่านแทนการอ่านเนื้อหาทั้งหมดจากเว็บไซต์

<< BACK

หน้าแรก