เรื่องวัฏวนก็เป็นอย่างนี้แหละ
วันที่ 14 สิงหาคม 2544 เวลา 7:40 น.
สถานที่ : วัดป่าบ้านตาด จ.อุดรธานี
| |
ดาวน์โหลดเพื่อเก็บไว้ในเครื่อง
ให้คลิกขวาแล้วเลือก Save target as .. จาก link ต่อไปนี้ :
ข้อมูลเสียงแบบ(Win)   ข้อมูลเสียงแบบ(MP3)   วิดีโอแบบ(Win Narrow Band)   วิดีโอแบบ(Real)

ค้นหา :

เทศน์อบรมฆราวาส ณ วัดป่าบ้านตาด

เมื่อวันที่ ๑๔ สิงหาคม พุทธศักราช ๒๕๔๔

เรื่องวัฏวนก็เป็นอย่างนี้แหละ

เมื่อวานนี้คนทั้งเมืองอุดรมีใครตื่นในจังหวะพอดีกับนายกมาหรือเปล่า พอตื่นจากหลับในขณะนั้น ถามมาเวลาเท่าไร จะติดตรงนี้อีกนะ ทางคณะนายกมาเวลาเท่าไรมาถึงอุดร มาด้วยยานพาหนะอะไรบ้าง เพราะน้ำนี่สำคัญ เป็นปัญหามาก มาถึงอุดรเวลาประมาณเท่าใดใครทราบไหม เราถึงได้ถาม ท่านว่าถ้ามีโอกาสก็จะมาทางนี้ เราบอกว่าเราไม่อยู่ เพราะเราก็มีธุระของเราจำเป็น ก็พอเหมาะดีกับให้ท่านมาต้อนรับพี่น้องประชาชนทั้งหลาย เฉพาะอย่างยิ่งชาวอุดรได้ยิ้มแย้มแจ่มใสทั่วหน้ากัน เข้าใจไหม ถ้าท่านแบ่งภาคทางโน้นทางนี้จะไม่เต็มเม็ดเต็มหน่วย เพราะธุระของเราก็จะไปอยู่แล้ว ท่านบอกจะมาเพราะท่านปรารภอยู่แล้ว เราบอกเราไม่อยู่ เพื่อให้ท่านทำหน้าที่ของท่านเต็มเม็ดเต็มหน่วยกับประชาชน ซึ่งนาน ๆ จะมาทีหนึ่ง เราไม่ทราบยังไง เราอยู่นี่จนเบื่อจะตายแล้ว ให้ได้มองหน้านายกบ้าง ไม่มองแต่หน้าหลวงตา

เวลาประมาณเท่าไร (มาบ่ายโมงครับ มาเครื่องบิน ทอ.ลงที่สนามบิน ทอ.) ที่สนามบิน ทอ.ลงได้นะ ถ้าอย่างนั้นก็ไม่มีปัญหาเรื่องน้ำน่ะ แต่เครื่องบินพลเรือนไม่แน่นะ คิดดูซิเขามาไม่ได้สองสามวันแล้ว แล้วเวลานี้เป็นยังไง น้ำที่อุดรเราค่อยลดลงบ้างหรือยัง (ลดลงอยู่เจ้าค่ะ) ที่ถามนี้ก็คือว่ามันเป็นปัญหากับเขื่อน ถ้าเขาจะเปิดมากมันก็จะท่วมเมืองอุดร ถ้าไม่เปิดไม่ได้เขื่อนพัง ถ้าเขื่อนพังเมืองอุดรแหลก เป็นอย่างนั้นละจึงต้องถาม ทางนี้ก็ต้องพยายามเปิดให้พอเหมาะพอดี ไม่ให้เสียทั้งทางเขื่อนทั้งทางอุดร อันนี้ก็จะภาระหนักเหมือนกันนะพวกรักษาเขื่อน ไม่ว่าเขื่อนไหนเหมือนกัน เวลาน้ำมาก ๆ นี้ผู้รักษาเขื่อนจะหนักหัวอกอยู่มากนะ

เฉพาะอย่างอุดรนี้สำคัญมาก ถ้าเปิดมากก็ท่วมอุดร ถ้าไม่เปิดก็เขื่อนพัง ระวังยาก เขาต้องพยายามเปิดจังหวะพอดี ๆ ดีไม่ดีเขาจะวิทยุถามกัน ระหว่างทางอุดรกับทางเขื่อนเป็นยังไง ๆ คอยเปิดคอยปิดอยู่งั้นแหละ เขื่อนบ้านจั่นนี่สำคัญมากเพราะมันเป็นท่าน้ำ พุ่งลงใส่อุดรตรงเป๋งเลย ระวังยาก ส่วนเขื่อนห้วยหลวงไม่ค่อยเท่าไร เพราะมันมาทางข้าง มันแฉลบ ๆ ไปก็ได้น้ำ แต่เขื่อนบ้านจั่นนี่ไม่ออกไปไหน พุ่งอุดรเลย จึงระวังยาก ก็คงจะค่อยเบาลง ๆ ทนเอาบ้างแหละจะทำยังไง ก็ไม่ทราบใครถูกใครผิดเขื่อนกับเมืองอุดร เรายกผลประโยชน์ให้เมืองอุดรเสีย เมืองอุดรตั้งแต่เรายังไม่เกิด เขื่อนเพิ่งตั้งได้สองสามปี แสดงว่าเขื่อนเป็นผู้ผิด เมืองอุดรเป็นผู้ถูก ผู้ถูกน้ำท่วมก็ท่วมไปเถอะเพราะเราถูก ภูมิใจตรงที่ว่าเราถูกก็แล้วกัน น้ำท่วมช่างหัวมัน ทางเขื่อนก็เหมือนกัน เขื่อนก็น้อยใจไปเถอะ ได้เอาน้ำท่วมหัวคนก็พอ เรียกว่าทางเขื่อนแพ้ว่างั้นเถอะน่ะ

ไปที่ไหนเหมือนกันหมด เมื่อวานเราไปที่ไหนดูตลอด ท่วมตลอดเลยถึงสกล น้ำมาก ๆ ถนนอะไร ๆ ขาด เมื่อวานไปหนองหาน เลยหนองหานไปสะพานเขาทำใหม่ คอสะพานที่ถมดินยังไม่แน่นพอท่า คอสะพานขาด เราตรงหลบไปออกจวนจะถึงหนองเม็ก ขาดเรื่อย ๆ นะ เราหลีกไปนี้ก็ยังมีคอสะพานขาด เขาเอาสะพานไม้มาใส่ให้พอไปได้ หลีกไปนี้ก็ไปโดนอีก คอสะพานทางนี้ก็ขาดอีกเมื่อวาน

นี่เราพอใจ เห็นไหมนายกของเรา หาที่ไหน บอกตรง ๆ อย่างนี้เราพูดจริง ๆ เพราะเราพูดด้วยธรรมเราไม่มีโลกเข้ามาแทรกมาแซงเลยว่า ลำเอียงอย่างนั้นอย่างนี้ เราไม่มี นี่ก็ทราบว่าทางเพชรบูรณ์ ภูเขาขาดทับคนตายตั้ง ๗๕ คน โน่นดูซิ หายไป ๘๐ กว่า หายก็คือตายนั่นแหละ ที่ตายก็เห็นซาก ที่ไม่ตายมันพัดลงไปทับลงไป ไม่เห็นซาก มันก็ตายอยู่ในนั้นแหละ แล้วเป็นยังไงหัวใจของคน ๆ ที่เกี่ยวโยงกันอยู่นั้นเป็นยังไงความทุกข์ทรมาน นี้นายกก็มาแล้วนะเห็นไหมล่ะ มาก็ถามเรื่องค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวกับนี้พอเยียวยาน้ำใจของผู้ที่ชอกช้ำจนอกจะแตกนั้นว่าเท่าไร(ทางการเขาจะให้ค่าบ้านที่พังหลังละ ๒๕,๐๐๐ บาท นายกว่าน้อยไปเลยให้ ๕๕,๐๐๐ บาท)

นั่นเห็นไหมล่ะ ทางโน้นเขากำหนดไว้ ๒๕,๐๐๐ นายกมาฟาดเสีย ๕๕,๐๐๐ หาที่ไหนหาซิน่ะ โกหกไหมฟังซิ นี่ละธรรมต้องพูดตามความสัตย์ความจริง เลวก็บอกว่าเลว ดีต้องบอกว่าดี จึงเรียกว่าธรรม เสกปั้นส้วมปั้นถานมาเป็นทองคำ เหยียบทองคำให้เป็นส้วม มันเป็นไปไม่ได้นะ อยู่ในส้วมก็เป็นทองคำ เป็นส้วมเป็นถานขึ้นมาโปะทองคำ มันก็เป็นส้วมเป็นถานโปะทองคำ นั่นของชั่ว นี่ก็เริ่มแล้ว ๕๕,๐๐๐ กับ ๒๕,๐๐๐ ฟังซิ ไกลกันเท่าไร เพิ่มอีกเท่าไร เพิ่มอีก ๓๐,๐๐๐ นี่นายกตกลงให้ไว้แล้วนะ แล้วยังให้วินิจฉัยกันอีกนะ ว่างั้นใช่ไหม บางทีอาจจำเป็นที่จะต้องเพิ่มนายกก็จะเพิ่มเอง

ที่จะให้นายกลดไม่ลดเราว่างั้นเลย นอกจากเสียงส่วนมากเห็นว่าเป็นประโยชน์แล้ว อาจจะเอนลงก็ได้ตามเหตุผลนะ แต่ที่ตั้งไว้แล้วต้องตั้งไว้เลย ตั้งไว้ก็เพื่อคืบหน้า ความจำเป็นมีอยู่ตลอด ยังบวกลบคูณหารไม่เสร็จ ถ้าเสร็จแล้วความจำเป็นมีเท่านั้น อาจเพิ่มขึ้นอีกก็ได้ นี่ละน้ำใจเข้าใจไหม ตายไปเท่าไร ๆ น้อยเมื่อไร ตายพลัดตายพราก ตายจากกันแบบนี้ยิ่งเป็นความทุกข์ทรมานแสนสาหัสไม่คาดไม่ฝัน อกแตกนู่นน่ะว่าไง ที่ตายตายไป ที่ยังไม่ตายก็อกจะแตก ความทุกข์ความทรมาน ก็ต้องมาเยียวยาน้ำใจกันพอฟื้นตัวได้ ก็อย่างนั้นซิ

พอพูดอย่างนี้เราก็ยังระลึกได้และเอามาวินิจฉัยอยู่ตลอดนะ มันหากแย็บขึ้นมาเรื่อยอยู่ ที่เราไปเกิดอุบัติเหตุที่ว่ารถพาแฉลบลงข้างทาง เราก็นอนอยู่ในรถ รถตกกระแทกลงไป ๆ เรารู้ตลอดนะ ตกลงมาเรื่อย กระเด็นนี้เราขึ้นข้างบนแล้วตกลงมา แล้วกระเด็นอีกตกอีก ๆ จนกระทั่งลงไปนู้นแล้วไปชนกองหินข้างหน้า เราก็ยังนอนอยู่นั้นแหละ พอยกคอขึ้นได้ก็ดู รถยังไม่ดับเครื่องก็บอกให้ดับเครื่อง ตกลงไปแล้วมันยังไม่ดับเครื่อง ให้ดับเครื่องแล้ว เราก็ลุกไม่ได้แล้ว แขนข้างขวากระดูกแตกแล้ว ให้เขามาช่วยยกออกจากรถ บอกว่าเราลุกไม่ได้แล้ว ฟังซิพี่น้องทั้งหลาย เผลอเมื่อไร ไม่มีเผลอเลยทุกกระเบียดเลย นั่นละหลักธรรมชาติของจิต ถ้าธรรมดามันเป็นตัวของตัวเมื่อไร ดีไม่ดีสลบตายอยู่ในรถก็ได้

นี่ไม่ได้มีอะไรเลย พูดธรรมดาบอกว่าเราลุกไม่ได้นะ ได้แต่ยกคอขึ้นเห็นรถไปชนนั้นเครื่องยังติดอยู่ จึงบอกให้รีบดับเครื่อง เขาก็ดับ แล้วเอาเราขึ้น นี้ก็เหตุมันบันดลบันดาลนะ รถเราทางก็กว้าง ๆ ทางสายเจริญศิลป์กว้างนะ ไม่มีรถที่ไหนมาเลย เราไปด้านนี้ แล้วอยู่ ๆ มอเตอร์ไซค์ก็มาด้านโน้น ไม่ได้คาดได้ฝันว่ามันจะปุบปับเข้ามา นี่เวลามันจะเป็นนะ เหตุมันบันดลบันดาลอะไร แล้วมาที่นี่รถเราถ้าตรงไปนี้ไม่ใช่ตายธรรมดานะ เรียกว่าตายแหลกเลย เราต้องหลบ เราเจ็บไม่เป็นไรคนนี้ไม่ตาย ถ้าคนนี้ตายแล้วจะเป็นอะไร เรื่องตำรวจที่จะมาปรับเรื่องจราจรอะไรนั้นเราไม่มีปัญหาอะไรเลย ไม่เกี่ยว มาเท่าไรเราจ่ายเลยทันที

แต่สำคัญที่คนตายนี้ ความบอบช้ำเขาเกี่ยวโยงไปถึงไหน ๆ พอตายแล้วค่าศพค่าเมรุเขาจะเรียกเท่าไรไม่ว่าแหละ เราจะจัดให้เลย นอกจากนั้นยังจะถามถิ่นฐานบ้านเรือนที่อยู่ที่อาศัยของเขา เขาบกพร่องขาดเขินอะไร ดีไม่ดีปลูกบ้านให้ทั้งหลัง เอาเงินฝากธนาคารให้เป็นก้อน ๆ แก่เขา เป็นของเล่นเมื่อไร ต้องนับเป็นล้าน ๆ ขึ้นไปเลยคนเดียวนี้ตายจากหัวใจเรา เรื่องใครจะมาปรับไหมใส่โทษอะไรเราไม่เคยสนใจ มีตั้งแต่ความเมตตา จะต้องเป็นอย่างนั้น แต่นี้เราก็ไม่ตายเพียงเจ็บ เขาก็ไม่เสียหาย เงินล้านอะไรนี้ก็ไม่เสีย ก็เป็นอย่างนั้นละเห็นไหมล่ะ เราเคยไปสนใจกับความผิดถูกอะไร มีแต่ความเมตตาสงสารท่วมท้นเลย ที่จะต้องจ่ายให้เขาเต็มกำลังที่เราคิดเรียบร้อยทุกอย่างแล้ว ให้หมดเลย เป็นอย่างนั้นนะ

นี่ละน้ำใจ น้ำแห่งความเมตตา คนตายขนาดไหนทำไมไม่มีน้ำใจคนเรา ต้องมีน้ำใจต่อกันซี อย่างท่านนายกที่มาปฏิบัตินี้เรียกว่าถูกต้องที่สุดแล้ว เพราะเป็นสิ่งที่พอช่วยได้อันนี้ ส่วนที่มันสุดวิสัยก็เป็นอันว่าสุดไป ส่วนไหนที่พอเยียวยาได้ก็ช่วยกันไป น้ำใจเป็นของสำคัญมากนะ ตายมันตายด้วยกันทุกคน อยู่ที่ไหนตายด้วยกัน แต่หัวใจมันไม่ตายน่ะซี มันจะพกเอาเรื่องต่าง ๆ เข้าไปเต็มหัวใจ ถ้าได้ของดีเข้าไปก็เป็นเครื่องพยุงกันไป ถ้ามีแต่ของเลวร้ายด้วยกันมันก็พังอีก หัวใจไม่ตายก็พังไปด้วยความทุกข์เหยียบย่ำทำลาย

พูดถึงเรื่องอุบัติเหตุนี้ เรียกว่ามันบันดลบันดาลจริง ๆ รถมอเตอร์ไซค์มันก็มาโน้น รถทางหน้าทางหลังก็ไม่มี กว้างขวาง แล้วอยู่ ๆ ทำไมสะเปะสะปะ แล้วรถเราขับมาสักเท่าไรแล้วก็ไม่ได้พาลงคลอง มอเตอร์ไซค์เขาก็ขี่มากี่วันกี่คืนแล้วเขาก็ไม่เห็นเป็นไร ทำไมวันนั้นจึงมาเป็นอย่างนั้น เราก็เอามาคิดหมดเรื่องเหล่านี้ ตกลงว่าไม่มีใครผิดใครถูกแหละ เรื่องวัฏวนก็เป็นอย่างนี้แหละ ลงเลยไปเลย

ทีนี้พอทราบว่ารถเราลงคลอง บรรดารถทางหลวงแถวนั้นมาหมดเลย มานำเราตั้งเก้าคันสิบคัน ตั้งแต่เจริญศิลป์มากระทั่งเข้าโรงพยาบาล รถทางหลวงที่เขาไปอยู่ประจำทางหลวงเป็นแห่ง ๆ เขาวิทยุถึงกันล่ะซิก็หลั่งไหลกันมา รถเราคันเดียวรถทางหลวงนำเป็นสายยาวเหยียดตั้งเก้าคันสิบคัน ทางนี้เขาก็โทรมาบอกทางโรงพยาบาลอุดร ทางนี้ก็เตรียมพร้อมจัดห้องหับอะไรเรียบร้อยทุกอย่าง พอเราผ่านเข้าประตูโรงพยาบาล มืดแปดทิศคนเต็มอยู่นั้น เขาก็คงจะมาดูเรา มาแล้วเขาก็เอาขึ้นห้อง ไหนจะทำอะไรว่ามา( อยากจะฉายเอ็กซเรย์) เอ้า ฉายก็ฉาย เขาก็ฉายปุ๊บปั๊บ ๆ แล้วเป็นยังไง (กระดูกแตกตรงนี้) แล้วทำยังไงกระดูก เขาว่าจะเอาอะไรมาใส่นี้ เขาเลยเอาอะไรมาใส่ ใส่แล้วมันขบมันเจ็บ อู๊ย เอาออกหนีไม่เอา จับโยนหนีเลย เอาผ้ามา เราใส่ผ้านี้พอ

แล้วมีอะไรอีก เขาเตรียมห้องไว้หมดแล้วจะให้เราอยู่ที่นั่น ถ้าตามโรงพยาบาลแล้วป่านนี้เรายังไม่ได้ออกจากห้องนะ เข้าใจไหมล่ะ เขาเตรียมไว้พร้อมหมดเขาไม่ได้คิดอย่างเราคิดล่ะซิ พอเสร็จแล้ว มีอะไรอีกล่ะ (ไม่มีอะไร จะให้เข้าห้อง) ห้องอะไร (ห้องพัก) โอ๋ย ไม่เข้า เราจะกลับวัด พอว่าอย่างนั้น เอ้า ไปเดี๋ยวนี้ ตกลงขึ้นรถมาเลย นี่มันไม่มีอะไรหัวใจ เป็นก็เรื่องธาตุเรื่องขันธ์มันเป็น หัวใจไม่เป็น ฝึกให้ดีนะฝึกใจจะไม่เป็นอย่างอื่น เป็นอย่างนี้ทั้งนั้นละ จะให้เป็นอย่างอื่นอย่างใดไปเป็นไม่ได้เลย มาก็มารักษาอยู่นี้สบาย หมอเขาจะมาฉายอะไร ไม่จำเป็น เท่านั้นพอ ฉายแล้ว เขายังจะเอาเครื่องฉายมาฉายอีก ห้ามไม่ให้มา

จนกระทั่งป่านนี้แหละ กับหมอไม่มาหากันได้เลย ถูกขู่เอา ไม่มีอะไรเลย ก็หาย เดี๋ยวนี้ให้นวดทุกวัน ๆ ค่อยดีขึ้น นวดนี้ก็ไม่ได้นวดธรรมดานะ นวดแบบแขนขาดไปเลย ไม่งั้นเส้นมันแข็งไปเลย ต้องเอาอย่างแรง เหมือนว่าแขนขาด ๆ แต่ละครั้ง ๆ จึงค่อยดีขึ้นมาเรื่อย ๆ เดี๋ยวนี้ใช้ได้มากแล้วมันจะถึง ๘๐% แล้วมั้ง มีขัดเล็ก ๆ น้อย ๆ ไม่มากนัก เรื่องของจิตเป็นอย่างนั้น นี่เอามาเปิดให้พี่น้องทั้งหลายฟัง ผลของการปฏิบัติธรรม ธรรมปรากฏผลขึ้นมาแล้วเป็นอย่างไรบ้างในหัวใจของผู้ปฏิบัติธรรม มันก็รู้ในตัวเอง มันเหมือนไม่มีอะไรเกิด ถึงขนาดนั้นมันก็เหมือนไม่มีอะไรเกิด ก็เป็นเรื่องสมมุติมันดิ้นมันดีดของมัน ๆ มันจะเป็นแบบไหน กระดูกแตกอะไร ๆ ก็ตามก็เป็นเรื่องสมมุติทั้งหมด จิตอันนั้นไม่ได้เป็นสมมุติ เป็นอฐานะเข้ากันไม่ได้แล้ว

มันจะเป็นขนาดไหนก็เห็นแต่เรื่องของวัฏวนมันดีดมันดิ้นของมัน อันหนึ่งก็ดูความดีดดิ้นของวัฏวน ก็มีเท่านั้น รักษากันไปได้แค่ไหนก็รักษากันไป รักษาไม่ได้ทิ้งปั๊วะเลย ก็มีเท่านั้น เพราะเหล่านี้เครื่องมือทั้งหมดไม่ใช่ธรรมชาติ เพราะฉะนั้นจึงมีคำว่าเกิดว่าตาย คำว่าเกิดก็คือจิตเข้าไปสู่ปฏิสนธิไปเป็นเจ้าของ ก็เกิดเป็นสัตว์เป็นบุคคลขึ้นมา เป็นสูงเป็นต่ำแล้วแต่อำนาจแห่งกรรมดีกรรมชั่วของตัวเอง แล้วก็เรียกว่าเกิด พออันนี้หมดสภาพแล้วก็เรียกว่าตาย จิตไม่ได้เคยเกิดเคยตาย ออกจากนี้ก็ดีดออกเลย กรรมดีกรรมชั่วมียังไงแยกไม่ออกอันนี้ ใครจะเก่งขนาดไหนในสามแดนโลกธาตุนี้ ไม่เหนือหลักธรรมหลักกรรมไปได้เลย หลักกรรมเหนือกว่าทั้งหมดก็ต้องไปตามกรรม นั่นที่ไป กรรมดีไปดี กรรมชั่วไปชั่ว จะเหนือกรรมไปไม่ได้นะ

กรรมเป็นกฎตายตัว เป็นหลักธรรมชาติ จะแก้ไขอย่างอื่นอย่างใดอีกไม่ได้แล้ว ท่านจึงให้ระวังเรื่องกรรม อย่าทำชั่วถ้าไม่อยากทำลายตัวเอง มากน้อยทำลายตัวเองไปโดยลำดับ ถ้ากรรมดีก็เสริมตนเองเป็นลำดับ ๆ นี้คือกรรมเป็นหลักธรรมชาติ พระพุทธเจ้าพระองค์ใดก็ตามไม่เคยมาแก้กรรมนี้เลย กรรมแก้ไม่ได้เพราะเป็นหลักธรรมชาติ จึงสอนให้ปรับปรุงตัวเองให้เข้าสู่กรรม กรรมดีให้บำเพ็ญ กรรมชั่วให้ละ ท่านสอนอย่างนั้นด้วยกันทั้งนั้น มีพระพุทธเจ้าองค์ใดที่แหวกแนวสอน ลบกรรม ๆ ไม่ให้มี ไม่เคยมี พวกเรายังจะเก่งกล้าสามารถยิ่งกว่าพระพุทธเจ้าหรือ ลบกรรม ๆ มันลบได้ที่ไหน ตายกองกันอยู่นี้ก็คือกรรมนั่นเองพาให้ตายพาให้เกิด พ้นจากอำนาจของกรรม จิตบริสุทธิ์แล้ว บังคับให้เกิดก็ไม่เกิด แต่ไม่ตาย นั่นคือหลักธรรมชาติ ไม่มีอะไรพาเอนพาเอียงแล้ว กรรมมันบังคับให้ลงต่ำให้ขึ้นสูงขึ้นเรื่อย ๆ พอปัดเหล่านี้ออกหมด ซึ่งเป็นเรื่องสมมุติ กรรมดีกรรมชั่วเป็นสมมุติ ปัดออกหมดแล้วเหลือแต่หลักธรรมชาติล้วน ๆ ท่านก็ให้ชื่ออันหนึ่งเสียว่านิพพาน หรือว่าธรรมธาตุ เท่านั้นเอง

นั่นละธรรมชาตินี้ไปสุดขีดแล้ว จิตที่ท่องเที่ยวไปสุดขีดสุดแดนแล้ว สุดที่แดนธรรมธาตุนะ หมดสมมุตินั่นแล้วเป็นธรรมธาตุครอบโลกธาตุ ท่านเรียกว่านิพพานเที่ยง นั่นสูญไหมล่ะ นี่ละธรรมชาตินี้ตั้งแต่เกิดตายอยู่มันก็ไม่สูญ ออกจากภพนี้ไปภพนั้น ๆ ตัวจิตนี้ไม่สูญ ไปเรื่อย ๆ ไปสูงไปต่ำ พอหมดสิ่งที่เกี่ยวข้องแล้ว ตัดออกหมดแล้วดีดผึงเดียวเป็นธรรมธาตุ นั่นสูญไหมล่ะธรรมธาตุ นี่ละสุดยอดของจิตไปยุติที่ธรรมธาตุ ครอบโลกธาตุธรรมธาตุนี้ นั่นละพระจิตของพระพุทธเจ้าหนึ่ง พระปัจเจกพุทธเจ้าหนึ่ง สาวกทั้งหลายของพระพุทธเจ้าแต่ละพระองค์ ๆ หนึ่ง เป็นธรรมธาตุด้วยกันหมด จึงเรียกว่าเป็นเหมือนน้ำมหาสมุทร

น้ำมหาสมุทรเท่ากับกำปั้นนะ ถ้าจะเทียบถึงธรรมธาตุของท่านผู้บริสุทธิ์ทั้งหลาย น้ำมหาสมุทรนี้เทียบเท่ากำปั้น แต่ไม่มีอะไรจะเทียบ เห็นว่าน้ำมหาสมุทรใหญ่กว่าเพื่อนในโลกเรานี้ จึงว่าน้ำมหาสมุทรกว้างขวางสุดขีด ทีนี้ธรรมธาตุยังครอบอีก ธรรมธาตุอันนี้ละที่ครอบโลกธาตุ ที่ว่าธรรมมีอยู่ ๆ คือธรรมธาตุนี้เองมีอยู่ พ้นแล้ว พ้นดีพ้นชั่วทุกอย่างพ้นหมดแล้วก็เป็นธรรมธาตุ สูญไปไหน นี่ละที่สุดของจิตคือเป็นธรรมธาตุ ไม่มีคำว่าสูญ การเกิดตายก็ไม่มีคำว่าสูญ หากเกิดตายตลอดเวลาด้วยอำนาจของกรรม มีอวิชชาเชื้อแห่งความเกิดวางรากฐานไว้นั้น กรรมก็บีบเข้าไปตรงนั้น ดีชั่วไปอย่างนั้น พาเกิดพาตาย ๆ ตลอดไปเลย นี้เป็นหลักตายตัวไม่มีใครแก้ได้ พระพุทธเจ้าทุกพระองค์แก้ไม่ได้ทั้งนั้น จึงสอนไปตามหลักความจริงอันนี้ ซึ่งเป็นธรรมชาติที่ใหญ่หลวงมากที่สุด ครอบแดนโลกธาตุไปเลย

เมื่อหมดสมมุติแล้วทีนี้ไม่มีอะไรกวนจิตน่ะ มีสมมุติเท่านั้น กิเลสเป็นพื้นฐานแห่งสมมุติสร้างความทุกข์ความลำบากลำบนให้แก่สัตว์ทั้งหลาย ความสุขก็มีเจือปนไปกับธรรมที่แทรกกันไป ความทุกข์ก็เป็นไปกับกิเลสที่พาสร้างกรรมชั่ว มันก็หมุนกันไปแทรกกันมา สุขทุกข์จึงมี ถ้าผู้มีกรรมชั่วมาก ๆ ความสุขแทบไม่ปรากฏ มีแต่ความทุกข์ความทรมาน ทั้ง ๆ ที่ความสุขก็มี แต่อำนาจของความทุกข์เหนือ ก็เหมือนว่าคนนั้นไม่มีสุข ความจริงมี แต่ก็เรียกว่าไม่มีความหมาย นี่ละมันแทรกกันไป ทีนี้เวลาจิตได้อบรมตัวเองให้ดีขึ้น ๆ ความดีอันนี้จะค่อยมีกำลังขึ้น ๆ ค่อยชะล้างสิ่งชั่วทั้งหลายออก ๆ เรื่อย ๆ จนกระทั่งพุ่งเลยถึงธรรมธาตุ นี่คือความดีทั้งนั้น ซักฟอกจิตให้ถึงธรรมธาตุคือความดีทั้งหมด อย่างอื่นอย่างใดซักฟอกไม่ได้ หนุนไม่ได้

ความชั่วเท่านั้นที่จะพาโลกให้ล่มจม ไม่มีอะไรทำโลกให้ล่มจม ต้นไม้ ภูเขาไม่ได้มาทำโลกให้ล่มจมนะ ดินฟ้าอากาศทั่วแดนโลกธาตุไม่มีอะไรทำโลกให้ล่มจม มีความชั่วเท่านั้นทำหัวใจคนนั้นให้ล่มจม ถึงไม่ฉิบหายก็ล่มจม ได้รับความทุกข์ความทรมาน พากันจำให้ดีนะ อันนี้สำคัญมาก ใครจะลบล้างไม่ได้ ลบล้างปั๊บเท่ากับทำลายตัวเองทันที ลบล้างกรรมดีกรรมชั่ว ไม่มีบาปบุญ นรกสวรรค์ไม่มี เท่ากับลบล้างตัวเองในทางที่ดีทั้งหลายเพื่อเข้าสู่ความจมโดยถ่ายเดียวเท่านั้น อันนี้สำคัญมากนะ

จิตเวลาได้รู้มันรู้จริง ๆ ยังบอกแล้ว พระพุทธเจ้าท่านถึงได้ท้อพระทัยที่จะสั่งสอนสัตวโลก พระองค์ก็เคยเกิดแก่เจ็บตายมาอยู่ในโลกอันนี้ กับโลกไม่ผิดกันเลย ตกนรกหมกไหม้กี่ครั้งกี่หน นับไม่ได้เลย พระพุทธเจ้าแต่ละพระองค์ ๆ ก่อนที่จะได้เป็นพระพุทธเจ้านะ ขึ้นสวรรค์ชั้นพรหมไม่รู้กี่ครั้งกี่หน ขึ้นไปลงมาอยู่อย่างนี้ตลอด เพราะจิตดวงนี้ไม่ตาย บุญกรรมดีชั่ว พาไปพามาอยู่อย่างนี้ตลอด นี่เรียกว่าวัฏวน มันวนไปวนมาเกิดแล้วตาย ตายแล้วเกิดที่เก่านั้น แต่ไม่ทราบว่าเจ้าของเคยเกิดเคยตาย เพราะฉะนั้นมันถึงเกิดถึงตายเรื่อย ๆ ทีนี้เวลามันพ้นจากอันนั้นขึ้นมาแล้วมันก็จ้า มองเห็นหมดเรื่องของเจ้าของเป็นยังไงมา

จิตดวงนี้เวลามันเปิดตัวมันก็เห็นหมดละซิ เวลาปิดตัวมันมืดมิด ไปที่ไหนก็มืดตลอดเวลา เวลาเปิดตัวขึ้นมาแล้วมันก็เห็นหมด นี่ท้อพระทัยที่จะสั่งสอนสัตวโลก พระองค์ก็ผ่านมาแล้วด้วยกัน ทีนี้พระองค์ผ่านขึ้นมาแล้ว จึงมองดูสถานที่เคยผ่านเคยอยู่ เคยได้รับความทุกข์ความสุขลำบากลำบนขนาดไหน จ้าไปหมดแล้ว ทีนี้ก็ท้อพระทัยในการสั่งสอนสัตวโลก ประหนึ่งว่าสุดวิสัยในการที่จะฉุดจะลากสัตวโลกให้หลุดพ้นจากแหล่งแห่งความทุกข์ทั้งหลาย คือวัฏจักรนี้ได้ ก็ทรงท้อพระทัย แล้วก็ทรงเล็งญาณดูสัตวโลกดังที่เคยที่พูดแล้วนั้น ที่เต็มไปด้วยถังขยะ สัตวโลก

นี้ก็เรามาแยกประเภทให้รู้อีกนะ คำว่าถังขยะ ไม่ได้หมายถึงว่าเป็นกองมูตรกองคูถแบบเดียวกันหมดนะ เป็นขั้น ๆ ของถังขยะ เช่นว่า วัฏวน วัฏจักรนี้ รวมความเข้าแล้วเรียกว่าถังขยะ อยู่ในกรอบของวัฏจักร ทีนี้ถังขยะนี้มีกี่ประเภท แยกออกซิที่นี่ ประเภทที่เยี่ยมที่สุดในถังขยะ นี้มีคุณค่ามากเต็มเหนี่ยวของถังขยะ คำว่าถังขยะ คืออยู่ในแดนสมมุติ ต้องเรียกว่าถังขยะเหมือนกันหมด ทีนี้แยกถังขยะออกจากกันไปตามประเภทของถังขยะ ถังขยะประเภทเยี่ยม ประเภทลดลงมา ประเภทที่สาม ประเภทที่สี่ ประเภทที่เยี่ยมเรียกว่า ถังขยะประเภทเยี่ยม เหล่านี้มีอุปนิสัย พระองค์ทรงเล็งญาณดูถังขยะ

เอาพูดง่ายว่าอย่างนี้เลย อ้อ พวกนี้ถ้าเป็นสัตว์ก็อยู่ปากคอก ประเภทที่หนึ่งคอยที่จะหลุดพ้นจากทุกข์อยู่โดยถ่ายเดียว นี้จะรวดเร็ว ท่านยกให้ว่าเป็น อุคฆฏิตัญญู ผู้นี้พร้อมแล้วที่จะหลุดพ้นจากปากคอกออกสู่แดนอิสระของตัวเอง วิปจิตัญญู นี่หนุนหลังกันมาประเภทที่สอง นี่ก็เรียกว่าถังขยะเหมือนกัน แต่ถังขยะประเภทเยี่ยม ประเภทลดลงมาเป็นลำดับ ไม่ใช่ว่าคำว่าถังขยะแล้วเป็นส้วมเป็นถานด้วยกันหมดนะ แยกประเภทออกมา แต่รวมชื่อในวัฏจักรนี้เรียกว่าถังขยะ เพราะอยู่ในกรอบของวัฏจักร จึงให้ชื่อว่าถังขยะ

ทีนี้แยกถังขยะออกไปก็มี ๔ ประเภท ประเภทที่หนึ่ง อุคฆฏิตัญญู ประเภทที่รอที่จะหลุดพ้นจากทุกข์โดยถ่ายเดียว ยกตัวอย่างเช่น สมัยปัจจุบันก็อย่างพระพุทธเจ้าของเราสอนเบญจวัคคีย์ทั้ง ๕ เป็นต้น ท่านเหล่านี้เป็นผู้ที่อยู่ปากคอกแล้ว รอที่จะมาเปิดประตู พอมาเปิดประตูปั๊บผึงออกเลย ๆ นี่หลุดพ้นแล้ว พ้นจากถังขยะแล้วในจิตใจของท่าน แต่ส่วนร่างกายก็เป็นถังขยะตามสมมุติเสีย พระอรหันต์ท่านครองขันธ์ ขันธ์นี้เป็นถังขยะ จิตตวิมุตติเลยถังขยะไปแล้วก็ครองกันไป พอถึงเวลาแล้วก็ทิ้งอันนี้ลงไปให้ประเภทถังขยะตามเดิมเสีย ดิน น้ำ ลม ไฟ ไปตามสภาพของมัน จิตที่บริสุทธิ์แล้วก็ผึง แดนพ้นทุกข์คืออะไร คือธรรมธาตุ นี่ประเภทที่หนึ่ง ประเภทที่สองฟังธรรมแล้วก็บรรลุธรรมตามกันไป ๆ ประเภทที่สามก็เป็นประเภทที่ยื้อแย่งแข่งดีแข่งชั่วกันตลอดเวลา เหมือนอย่างพวกเรานี้แหละ

ประเภทที่สาม ประเภทที่สี่ นี้กำลังรบกันนะ ส่วนมากมีแต่ประเภทที่สี่ เอาชนะ ๆ ประเภทที่สามคือ เนยยะ พอแนะนำสั่งสอนฉุดลากไปได้ ทีนี้ ปทปรมะ ความที่ว่ามีแต่ลงท่าเดียวนี้มันเหนี่ยวเอาไว้เข้าใจไหม ทางนี้ก็จะบืนเข้าทางจงกรม ทางหนึ่งก็จะลากคอเข้ามาหาเสื่อหาหมอน เนยยะ จะเข้าทางจงกรม ไอ้ปทปรมะ มึงจะด่วนไปหาอะไร นี่หมอนมึงก็เคยนอนมาตั้งแต่วันมึงเกิดมึงก็มานอนเสียซิ นี่ปทปรมะ มันลากมา มึงกูนั่นละ กิเลสมันต้องขู่อย่างนั้นตลอดใช่ไหม ถ้าพูดนิ่มนวลอ่อนหวานมันกลัวจะหลุดมือมันไปเข้าทางจงกรม มันต้องขู่ละซิ มึงนอนเสียก่อนซิ เดี๋ยววันพรุ่งนี้มึงไปทำธุระอะไร มึงตายนะมึงไม่ได้นอน ถ้างั้นนอนเสียก่อนดีกว่า กล่อมแล้ว เห็นไหมล่ะ

นี่ ปทปรมะ กับ เนยยะ มันกำลังแย่งกันอยู่ตามทางจงกรมนี่แหละ จุดไฟก็มิบ ๆ แม็บ ๆ อยู่ตามข้างทาง ทั้งปิดไฟทั้งเปิดไฟไม่รู้อะไรต่ออะไร อยู่ตามนั้นแหละ ไปหาดูเอานะ มองไปมันอดหัวเราะไม่ได้นะเรา ก็เราอยู่มืด ๆ มันเห็นไปหมดจะว่าไง นี่กำลังแย่งกัน เราไม่ได้เป็นบ้าถามมันดูเป็นบ้าอะไร ทำไมทั้งปิดทั้งเปิดไฟ เนยยะ ปทปรมะ กำลังแย่งกันเขาจะตอบอย่างนั้น พวกเนยยะนี้ต้องฉุดต้องลากเต็มเหนี่ยว เพราะพวกเราอยู่ในขั้นนี้มาก ขั้นเนยยะ กับ ปทปรมะ มันขัดมันแย้งมันต่อสู้กัน จึงต้องฟัดต้องเหวี่ยงกันเต็มเหนี่ยว ทีนี้พอ เนยยะ มันก้าวเข้าไปใกล้เข้าไป แล้วมันขึ้นทางโน้น มันก็ไปวิปจิตัญญู มันจะขึ้น ถ้าอ่อนนี้มันก็ลากลงมา ปทปรมะ จมไปเลย

เนยยะนี่อยู่กึ่งกลาง ส่วนปทปรมะ ไม่มีความหมายเลย ถ้าเป็นคนไข้ก็ลากเข้าไปโรงพยาบาลมันก็ไม่สนใจกับหมอกับยา จะเข้าห้องไอซียูถ่ายเดียว คอยลมหายใจเท่านั้น นี่พวกปทปรมะ หมดคุณค่าหมดราคา ถ้าจะให้เต็มยศของมันแล้ว ก็กลัวหมาเรามันจะไม่อยู่ในวัดนะ ถ้าจะดึงไปใส่หมาก็ไม่มีหาง ไปยืมหางหมามันก็หวงเหมือนกัน เพราะมันเป็นหมาเต็มยศด้วยหางของมันใช่ไหม ทีนี้เราเป็นคนจะกลายเป็นหมาไม่เต็มยศไม่มีหาง แล้วไปยืมหมา หมาเราไล่กัดนี่ซิ แล้วตอนนี้ก็เป็นตอนยุ่งเหมือนกัน หมาเราตอนนี้มันกำลังหิวข้าวด้วยนะ ใครอย่าไปยุ่งเข้าใจไหม มันแย่งกันอยู่อย่างนี้ละ มันไม่สมบูรณ์แบบ นี่พวกปทปรมะ เป็นอย่างนั้น

ให้ดูตัวเองนะ การพูดทั้งนี้ไม่ได้ตำหนิติเตียนหรือชมผู้หนึ่งผู้ใด พูดตามหลักความจริงที่มีอยู่ในหัวใจของเราเป็นบางครั้งบางคราว มันจะขัดจะแย้งกันอย่างนี้ ถ้าเวลากิเลสตัณหามันหนามันแน่นมันลากลง ไม่เห็นสารคุณอะไรของธรรมเลย มีแต่เลิศเลอแต่เรื่องของกิเลสอย่างเดียว ทีนี้เวลาธรรมได้ที่ก็ลากคอมันขึ้นมาเข้าทางจงกรม เข้าใจไหม นั่นเรียกว่าสู้กัน นี่ขั้นที่สู้ พอมีกำลังบ้างแล้วก็ขยับขึ้นสูงแล้วก็ค่อยเบาไป ๆ ประเภทปทปรมะเรียกว่าหมดหวังพวกนี้ ก็มีแต่ไอ้ปุ๊กกี้เรามันเดือดร้อน มันหมดหวังแล้วมันยังหวังอีก มันหวังอะไร มันหวังหางมันเข้าใจไหม ไปหวังหาง หางไม่มี ไปหายืมเอาหางหมามาใส่เพื่อให้ปทปรมะในร่างมนุษย์เต็มตัวแบบหมา มันจะเป็นอย่างนั้นแหละ พากันจำเอานะ เอาละเทศน์เท่านี้วันนี้ ถึงขึ้นปทปรมะ เหนื่อยนะ

(นายกมาตรวจดูน้ำท่วมที่อุดร แล้วให้เงินส่วนตัว ๑ ล้านบาทช่วยเหลือพี่น้องประชาชน) นั่นเห็นไหมล่ะ นี่นายกควักเงินส่วนของท่านเองนะ ให้ช่วยเรื่องน้ำตั้ง ๑ ล้านบาท ฟังซิ นั่นเห็นไหม นอกจาก ๕๕,๐๐๐ ในบรรดาผู้ที่ได้รับความทุกข์ความลำบากแล้วยังควักอันนี้ออกมาช่วยน้ำท่วมที่อุดรอีกตั้ง ๑ ล้านบาท มันของเล่นเมื่อไร ก็อย่างนั้นแล้ว

เมื่อวานนี้ ทองคำได้ ๑ กิโล ๑๑ บาท ๙๐ สตางค์ ดอลลาร์ได้ ๖๒๓ ดอลล์ เราจะต่อไปเรื่อย ๆ อย่างนี้ เรื่อยนะไม่ถอยนะ ให้พากันต่างคนต่างตั้งเนื้อตั้งตัวใหม่ เวลานี้เราสลบไสลมาแทบจะเอาบ้านเมืองเป็นตัวประกัน จมกันหมดทั้งบ้านทั้งเมืองเวลานี้ ก็เริ่มฟื้นฟูขึ้นมา ทุกอย่างก็ดีขึ้น ๆ เห็นไหมตะกี้นี้พูดแล้วมีที่ไหนเมืองไทยเรา นายกมาเจอเหตุการณ์เข้าทางนู้นเขาตกลงกันว่าจะให้ ๒๕,๐๐๐ นายกบอกว่า ๒๕,๐๐๐ นี้ไม่พอ นั่น ให้อีกเป็น ๕๕,๐๐๐ แล้วนี้ยังจะฟังเหตุการณ์อีกนะ หากว่าควรจะคืบนี้จะคืบ ถ้าว่าสมควรแล้วก็จะเป็นไปตามนั้น จะให้ลดไม่ลด แล้วก็เมื่อวานนี้มาเห็นไหมล่ะ ช่วยเมืองอุดรเราร้องแอ้ ๆ ก็ได้น้ำใจตั้ง ๑ ล้านบาท

นายกคนไหนเอาเงินมาให้ ๑ ล้านบาท มาให้ชาวเมืองอุดร หลวงตาบัวเป็นพยาน นี่ได้ยินแล้วตะกี้นี้ว่านายกให้เป็นน้ำใจแก่พี่น้องชาวไทยเราเฉพาะเมืองอุดร นี้ตั้ง ๑ ล้านบาท มีที่ไหนฟังซิ ไม่ควรยก ยกได้ยังไง ไม่ควรยอ ยอได้ยังไง นี้ควรยอก็ต้องยอ ควรยกต้องยก คนชั่วต้องบอกว่าชั่ว เลวขนาดไหนต้องบอกว่ามันเลวตลอด เข้าใจไหม คนดีขนาดไหนไม่มีสิ้นสุด ดีสุดยอดก็ต้องยกให้สุดยอดเลย พากันจำเอานะ นี่ละคือของจริงได้แก่ธรรม เอาละให้พร

เปิดดูข้อมูล วันต่อวัน ทันต่อเหตุการณ์ หลวงตาเทศน์ถึงเรื่องอะไร

www.luangta.com


** ท่านผู้เข้าชมทุกท่านโปรดทราบ
    เนื่องจากกัณฑ์เทศน์บางกัณฑ์มีความยาวค่อนข้างมาก ซึ่งจะส่งผลต่อความเร็วในการเปิดเว็บไซต์ ขอแนะนำให้ทุกท่านได้อ่านเนื้อหากัณฑ์เทศน์บางส่วนจากเว็บไซต์ และให้ทำการดาวน์โหลดไฟล์กัณฑ์เทศน์ที่มีนามสกุล .pdf ไปเก็บไว้ในเครื่องของท่านแทนการอ่านเนื้อหาทั้งหมดจากเว็บไซต์

<< BACK

หน้าแรก