ไม่เหนือความเมตตาไปได้
วันที่ 3 เมษายน 2548 เวลา 8:30 น.
สถานที่ : วัดป่าบ้านตาด
| |
ดาวน์โหลดเพื่อเก็บไว้ในเครื่อง
ให้คลิกขวาแล้วเลือก Save target as .. จาก link ต่อไปนี้ :
ข้อมูลเสียงแบบ(Win)   วิดีโอแบบ(Win Narrow Band)

ค้นหา :

เทศน์อบรมฆราวาส ณ วัดป่าบ้านตาด

เมื่อวันที่ ๓ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๔๘

ไม่เหนือความเมตตาไปได้

 

ก่อนจังหัน

วันพระ วันโกน วันเสาร์ วันอาทิตย์ เป็นวันที่ผู้หาหลักจิตใจใส่ตัวเอง จะเข้าเกี่ยวข้องกับสถานที่อบรมศีลธรรม เช่นอย่างวัด เรียกว่าสถานที่อบรมศีลธรรม วันว่างเช่นนั้นอย่าให้ว่างเฉยๆ ว่างแบบว่างเปล่าไม่เกิดประโยชน์อะไร แต่ไปหนาแน่นอยู่ในนรกอเวจี สุรายาเมา โรงระบำรำโป๊รำเป๊ไปอย่างนั้นใช้ไม่ได้ นั่นเป็นเรื่องของสัตว์ผู้มีจิตใจอันต่ำทรามที่จะสร้างความชั่วช้าลามกให้แก่ตนเองและผู้เกี่ยวข้องทั้งหลาย ส่วนการเข้าอบรมศีลธรรมนี้เป็นสิ่งดีงามมาก ยังจะเป็นมรดกสืบทอดไปหากุลบุตรสุดท้ายภายหลัง ให้เป็นเด็กดีคนดีพลเมืองดีไปโดยลำดับลำดา

เวลานี้ประเทศไทยของเราเรียกว่าเป็นเมืองพุทธ รู้สึกว่าจืดจางว่างเปล่าจากพุทธ เอนไปหาผีหาเปรตมากเข้าทุกวันๆ ขอให้นำธรรมนี้เข้าไปสู่ใจตัวเองบ้างวันหนึ่งๆ อย่าให้ได้ขาดไปเสียทั้งวัน เช่นเวลาจะหลับนอนทำความสงบใจ ใจนี้เป็นตัวดีดตัวดิ้น เป็นตัวฟืนตัวไฟ มหาเหตุอยู่ที่ใจ คือใจนี้มีทั้งธรรมมีทั้งกิเลสตัวเป็นฟืนเป็นไฟ แต่ธรรมแสดงไม่ค่อยได้ มีตั้งแต่กิเลสออกหน้าออกตา นี่ละโลกถึงได้เกิดความเดือดร้อนกันมากมาย โลกนี้หาแต่ความสุขความเจริญๆ แต่ส่วนมากโลกไม่ได้คิดว่าความสุขความเจริญนี้มาจากไหน มาจากกิเลส ทีนี้โลกทั้งหลายก็ไม่ทราบว่ากิเลสคืออะไร พากันดีดกันดิ้นหาแต่ความสุขความเจริญ แล้วก็เจอแต่ความผิดหวังๆ นี่คือกิเลสพาไปสู่ความเจริญเพื่อความผิดหวังนั้นแหละ ให้พากันจำเอานะ

กิเลสนี้หลอกโลกมาเป็นประจำ เป็นพื้นฐานอันใหญ่โตมาก พระพุทธเจ้าแต่ละพระองค์ที่จะได้มาตรัสรู้รื้อฟื้นสัตว์โลกขึ้นมาพอมีความสุขความสงบเย็นใจบ้างนี้ มีเป็นครั้งเป็นคราว เช่นเวลานี้พระสมณโคดมเราประทานศาสนาเอาไว้ ๕๐๐๐ ปี นี่ก็คือเป็นบันไดเพื่อเราจะได้ไต่เต้าไปตามนั้นขึ้นโดยลำดับลำดา เพื่อความสุขความเจริญแก่ตน เช่นอย่างเรามาวัดมาวาในวันเช่นนี้ เรียกว่ามาอบรมศีลธรรม หาสมบัติอันดีงามและล้นค่าเข้าสู่จิตใจของเรา ใจนี้จะคิดอ่านไตร่ตรองอะไรก็ตาม ถ้ามีธรรมอยู่ภายในจิตใจ ความผิดถูกดีชั่วจะทราบไปโดยลำดับ คัดเลือกไปโดยลำดับ นี่คือผู้มีธรรมในใจ ผู้ไม่มีธรรมนี่คว้ามับๆ อะไรคว้าๆ ส่วนมากมีแต่น้ำเหลวๆ แล้วก็ไปเจอแต่ฟืนแต่ไฟ

ไปบ้านใดเมืองใดถามกัน สบายดีเหรอๆ มันมีตั้งแต่กองทุกข์ ที่จะตอบว่าสบายดีก็มีแต่ร่างกายเป็นคำติดปากติดนิสัยของคนไทยเรา สบายดีเหรอ สบายดี ฟังซิว่า สบายดี ทั้งๆ ที่ภายในจิตใจนี้ผัวมันวิ่งไปหาตัวเมีย หาผู้หญิงอีกคนหนึ่งหรือสองสามคน เรียกว่าไปหาหลายเมีย หาหลบๆ ซ่อนๆ แล้วก็มีผู้ไปถาม สบายดีเหรอ ไปถามเมีย เมียก็ว่า สบายดีตายอะไร พ่ออีหนูมันหนีจากบ้านไปได้หลายวันแล้วไม่เห็นกลับมาเลย คือมันไปหาอีหนู นี่ละสบายดีอย่างนี้เป็นส่วนมาก ถ้าเป็นตามกิเลสแล้วสบายดีอย่างนี้ทั้งนั้น มีแต่ความผิดหวังบอบช้ำภายในจิตใจ

ถ้ามีธรรมเสียอย่างเดียว ผัวเดียวเมียเดียวพอแล้ว ผัวเดียวเมียเดียวพอ อยู่บ้านไหนเมืองใดโลกไหนก็ตามมันมีครบด้วยกันทั้งนั้น ผู้หญิงก่อนจะมาเป็นผัวเป็นเมียกันกับผู้ชายมันครบมาด้วยกันแล้ว มันไปหามาสะแตกอะไรอีก สามหญิงสี่หญิง ห้าหญิงหกหญิง สามชายสี่ชายห้าชาย ยิ่งมีตำแหน่งสูงๆ ด้วยแล้ว สมัยปัจจุบันนี้หมาเดือน ๙ สู้ไม่ได้ หมาเดือน ๙ เดือน ๑๒ คึกคะนองใหญ่ทีเดียว อันนี้คนที่มีความรู้เต็มไปด้วยกิเลสนี้ ความรู้อันนี้เป็นเครื่องเสริมไฟและเป็นปุ๋ยอันดีงามให้วิ่งหาตั้งแต่อีหนูๆ ไปทำการทำงานผู้หญิงตอม ไม่ตอมยังไงก็ตัวมันเองเป็นตัวสอดส่องอยู่ตลอดเวลา นี่ละเรื่องของกิเลส กลับไปบ้านก็หาตั้งแต่ความทุกข์ไปเผาหัวอกกันๆ

อะไรทุกข์ไม่เท่าใจทุกข์นะ ท่านทั้งหลายจำไว้ ที่ไหนที่ทุกข์มากๆ ในหัวอกจริงๆ ก็คือสามีภรรยาแบ่งปันใจจากกันไป อย่าพากันทำเป็นอันขาดนะ อันนี้เจ็บแสบมากทีเดียว ไว้ใจกันไม่ได้จนกระทั่งวันตายจากกัน ถ้าลงต่างคนต่างฝากเป็นฝากตาย ซื่อสัตย์สุจริต เป็นอวัยวะเดียวกันต่อกันแล้ว สมบัติเงินทองข้าวของจะมีมากมีน้อยเป็นธรรมดา ไม่ได้มาทำลายจิตใจมากเหมือนจิตใจที่แบ่งปันกันไปให้หญิงให้ชายนะ ธรรมะตีตะล่อมเข้ามาให้เป็นอวัยวะเดียวกันทุกสิ่งทุกอย่างแล้ว นี่ละคือบ่อแห่งความสุข ท่านทั้งหลายหาความสุขให้หาตรงนี้ก่อน

เฉพาะผู้มีครอบครัวเหย้าเรือนแล้ว สามีภรรยาให้ฝากเป็นฝากตายต่อกัน เอ้า ถ้าหากว่าฝากเป็นฝากตายต่อกันแล้ว ยังจะเป็นความทุกข์ความทรมานอยู่ด้วยกิเลสตัณหาประเภทนี้ เราจะพาไปฟ้องพระพุทธเจ้า ว่าพระพุทธเจ้าตรัสสั่งสอนสัตว์โลกนั้นไม่จริง ให้มีผัวเดียวเมียเดียว คนนี้เขามีตั้ง ๒๐ ผัว ๓๐ เมีย เขายิ่งมีความสุขมาก เอาไปอวดพระพุทธเจ้าหน่อย ไปให้มาบอกหลวงตา หลวงตาจะพาเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้า ถ้าท่านผิดจริงๆ แล้วหลวงตาจะพาฟ้องเองทีเดียว ถึงพระพุทธเจ้าก็ไม่กลัว เราจะพาฟ้องเลย แต่นี้มันกลัวก่อนละซิ คือเรามันมีแต่พวกผิดทั้งนั้น ไปท่านจะตีกบาลเอาๆ หงายหมามาๆ เข้าใจเหรอ กิเลสพาคนให้หงายหมามา พากันจำให้ดี

วันเสาร์วันอาทิตย์เป็นวันสำคัญมากที่เราจะเสาะแสวงหาสมบัติอันล้นค่า คือธรรมเข้าสู่ใจของเรา แล้วประพฤติตัวเป็นผู้มีหลักมีแหล่งมีเขตมีแดน ไปที่ไหนมีคนเคารพนับถือ คนมีธรรมมีคนเคารพนับถือมากนะ แต่คนไม่มีธรรมมีตั้งแต่พิษแต่ภัยในตัว ถึงเขาเห็นแล้วเขายกมือไหว้พอเป็นพิธีกิริยาประจบกันเท่านั้นแหละ ภายในใจเขานึก ไอ้เปรตนี่ มันมีเมียห้าคนนะไอ้นี่ เขาจะว่าอย่างนั้นตามหลัง แล้วผู้หญิงตัวเปรตอีกเหมือนกัน มีผัว ๑๐ คนก็มีอีกนะ ให้พากันเข้าใจ กิเลสตัณหามีได้เสมอกันทั้งหญิงทั้งชาย เป็นแต่เพียงว่าผู้มีมากมีน้อย ยิ่งผู้ส่งเสริมมันยิ่งมากขึ้นๆ ถ้าผู้พยายามตัดรอนลงก็ลดน้อยลง สั่งสมศีลธรรมขึ้น ศีลธรรมก็หนาแน่นขึ้นมา คนนั้นชุ่มเย็น จิตใจนั้นชุ่มเย็น

เช่นอย่างเรามาวัดมาวานี้ ก็นำศีลนำธรรมนี้ไปปฏิบัติตัวเพื่อเป็นคนดี เราจะเอาอะไรมาตบแต่งให้สดสวยงดงามนั้นไม่มีทางแหละน่ะ เพราะตัวเราไม่เห็นมีอะไรสะอาดสะอ้านเลิศเลอมาจากไหน ก็เหมือนเราๆ ท่านๆ ให้เอาศีลเอาธรรมเข้าไปประดับ อันนี้สวยงามมากทีเดียว เอาเครื่องตกแต่ง เอาบ้านเอาเรือน บริษัทบริวารหรูหราฟู่ฟ่ามาประดับตัวเองไม่ได้สวยงามอะไรละ เข้าใจเหรอ วันนี้พูดเรื่องธรรมะในวันเสาร์วันอาทิตย์ วันพระวันโกน ให้พี่น้องทั้งหลายฟัง วันเช่นนี้ไม่ควรที่จะห่างไกลจากศีลจากธรรม เพราะวันเช่นนี้เป็นวันหาสมบัติภายในคือธรรมภายในใจ สมบัตินี้กินได้ตลอด อาศัยได้ตลอด พึ่งเป็นพึ่งตายไปได้ตลอดทั้งภพนี้ภพหน้า มีความสุขความเย็นใจตลอดไป

ศีลธรรมไม่เคยพาใครให้เสียหายได้ล่มจม แต่กิเลสนั้นเอาเถอะ รายไหนก็รายนั้นแหละ จำให้ดีนะ ไปถึงบ้านแล้วเป็นยังไงให้ปรึกษากันกับแม่อีหนู ไปวัดหลวงตาบัวท่านดุเอาว่าหลายผัวหลายเมีย เราเป็นยังไงให้ไปปรึกษากันผัวเมีย สำหรับผัวเมียที่ดีเขาไม่ปรึกษากันแหละ เฉย ไอ้ผัวเมียที่เลวๆ มันยิ่งวิ่งออกนอกนู่น อย่าว่าประเทศไทยประเทศชาวพุทธ มันประเทศผีนู่นน่ะ มันจะไปนู้นนะคนไม่มีศีลมีธรรม พากันจำนะ

ให้เชื่อธรรมพระพุทธเจ้า ธรรมพระพุทธเจ้าและศาสดาองค์เอกนี้ไม่เคยทำผู้ใดให้เสียหาย ให้ได้รับความกระทบกระเทือน ท่านเป็นศาสดาสอนโลกเพื่อเป็นน้ำดับไฟๆ กิเลสเป็นไฟเผาหัวใจสัตว์โลกให้ดีดให้ดิ้น ทั้งกิริยาอาการทุกสิ่งทุกอย่าง ตลอดรบราฆ่าฟัน มีแต่กิเลสพารบราฆ่าฟันให้เป็นเถ้าเป็นถ่านไปทุกวันนี้ ว่าเมืองนั้นเจริญ เมืองนี้เจริญ ถ้าลงหัวใจเต็มไปด้วยกิเลสแล้วเจริญไหนก็เจริญเถิด อย่าเอาไปอวดธรรมนะ ถ้าธรรมมีในใจอยู่ไหนเจริญหมดคนเรา ถ้าไม่มีธรรมในใจอย่าเอาวัตถุต่างๆ มาโอ้มาอวด ไม่เป็นคุณเป็นค่าอะไรเลย จำให้ดีนะ วันนี้พูดเพียงย่อๆ เท่านี้เสียก่อน ให้พร

 

หลังจังหัน

นี่เราก็ระลึกได้ คือเวลานี้ยานี้พอกพูนมากทีเดียว มีแต่ยาจนเบื่อ รำคาญ ก็ต้องทนฉันอยู่อย่างนี้ มาคิดสมัยขึ้นเวทีฟัดกับกิเลสยาเม็ดเดียวไม่เคยมีติดตัว เวลาเจ็บไข้ได้ป่วยเป็นยังไง เอ้ามันเอาไข้มาจากไหน เวลาหายมันจะไปหายที่ไหน ก็หายที่นี่กายที่นี่ จึงไม่มียาติดย่ามแม้เม็ดหนึ่งไม่เคย จนกระทั่งมาอยู่หนองผือมันก็แบบเดียวกัน เป็นไข้มาลาเรีย โอ๋ย นอนจม พ่อแม่ครูจารย์มั่นนี่ท่านให้พระเอายามาให้เรา เรานอนอยู่แคร่เล็กๆ เป็นไข้ ลุกไม่ขึ้นเลยไข้มาลาเรีย โอ๋ยหนักมากนะไข้มาลาเรีย นี่เราก็ไม่ลืมนะ ท่านให้พระเอายามาให้เราเม็ดเท่านี้ ท่านก็คงจะมียาเม็ดเดียวเท่านั้นละท่า เลยไม่ต้องแบ่ง ให้เราหมดทั้งเม็ดเลย พระท่านเอามา เรานอนอยู่ บอกว่า “ยานี้เป็นยาพ่อแม่ครูจารย์ให้เอามาถวายท่านอาจารย์ให้ฉัน” พระโผล่เข้ามายื่นเข้ามา “พ่อแม่ครูจารย์ให้เอามาให้ท่านอาจารย์ฉัน” เราก็บอก “ไม่ฉัน” นั่นเห็นไหมล่ะ จะว่าไม่เคารพครูบาอาจารย์ก็ไม่ถูก เราเคารพธรรม กำลังฟัดกับกิเลส ระหว่างกิเลสกับธรรมฟัดกันด้วยความกล้าหาญชาญชัย ยาจึงไม่ให้มายุ่ง

         พ่อแม่ครูจารย์ให้พระเอายามาให้ฉัน เราบอกว่าไม่ฉันพระก็เลยเอากลับไป เราไม่ลืมนะมันถึงใจ พอกลับไปสักเดี๋ยว คือเอายาไปเราไม่ฉัน ทีนี้พ่อแม่ครูจารย์มาเองเลย “ไหนมันไข้ยังไงกันนักหนา มันเก่งกว่ายาไปไหน” ฟังซิอุบายพ่อแม่ครูจารย์มั่น “ไข้มันเก่งกว่ายาอะไรไปนักหนา เอ้ายานี่” ว่างั้นเลยนะ เข้าถึงร้านเราเลย “เอ้านี่ยา ยานี้ยาเทวดาสู้ไม่ได้ ฉันเดี๋ยวนี้หายเดี๋ยวนี้เลย”เอาๆ มันจะฝืนได้ยังไงก็ต้องฉัน ฉันแล้วทั้งท่านทั้งเราเลยไม่เคยถามกันเลย เรื่องยาฉันแล้วเป็นยังไง ท่านให้แล้วท่านก็ไม่ถาม ไอ้เราฉันไปแล้วก็ไม่พูดอะไรจนกระทั่งป่านนี้ ก็พิจารณามาเทียบกันซิกับยามันพอกพูนทุกวันนี้ เอ้ามีอะไร

(พระอาจารย์นพดลนำคณะศรัทธาจากจังหวัดพิจิตร พิษณุโลก รวมกันมาถวายที่ดินตั้งสถานีเสียงธรรมที่พิษณุโลก ที่ดิน ๒ งาน ๙๘ ตารางวา และได้รวบรวมจตุปัจจัยสำหรับตั้งเสาแล้ว) เออ ผมอยากฟังอย่างนั้น ปัจจัยมีพอแล้วจะสร้างสถานีวิทยุ เราอยากฟังเหลือเกิน ส่วนมากมีแต่เริ่มสร้างวิทยุเวลานี้ปัจจัยมีเท่านั้น ขาดเท่านั้นๆ แล้วก็คว้าเข้ามาหาเรา เราเลยจะตาย เราจึงไม่อยากได้ยิน นี่เหมาะแล้วเราพอใจฟัง (กระจายเสียงได้ถึงจังหวัดพิษณุโลก อุตรดิตถ์ ระยะแรกจะใช้เครื่องส่ง ๑ กิโลวัตต์ก่อน) ดีแล้วๆ เวลานี้ทางวิทยุนี้กำลังตั้งสถานีวิทยุเป็นเสียงธรรม ธรรมก็อยากจะพูดโดยตรงเลยว่า ธรรมที่เราเทศนาว่าการในที่ต่างๆ ตั้งแต่เวลาไหนมาๆ ซึ่งอัดเทปเอาไว้นั้นละจะมาเข้าทางวิทยุออกเทศน์ เวลานี้วิทยุรู้สึกขยายกว้างขวางอย่างรวดเร็วด้วยนะ เท่าไร (๑๙ สถานีแล้วครับ) นี้ยังจะออกอีก ออกอย่างรวดเร็วๆ

ก็ดีมีสถานีวิทยุคนจะได้รู้จักอรรถจักธรรม เข้าใจในศีลในธรรมจากวิทยุนี้มีไม่น้อยนะ แม้แต่เราอยู่สวนแสงธรรม เขามาหาที่สวนแสงธรรม นี่ก็เป็นพยานได้ดี เขาบอกว่าได้ฟังวิทยุที่สวนแสงธรรม ฟังอรรถธรรมแล้วเกิดความเลื่อมใสอยากมากราบ นี่เป็นพยานว่างั้นเถอะน่ะ คือได้ยินวิทยุ เขาบอกงั้น พอได้ยินวิทยุแล้วเกิดความเลื่อมใส เลยตั้งใจมากราบ เขาเอาทองคำมาถวายด้วย แต่เราไม่ได้ตอบว่าอย่างนั้นอย่างนี้เป็นเรื่องขบขันอะไรๆ ไม่เอา เพราะคนใกล้คนไกลมันต่างกันใช่ไหม

นี่เราพูดถึงเรื่องวิทยุ เป็นผลดีอยู่ เวลานี้ออกมากมายแล้ว ๑๙ สถานี เทศนาว่าการที่ออกทางวิทยุหรือออกที่ไหนๆ ก็ตาม ถ้าเป็นเทศน์ออกจากปากเราเรียบร้อยแล้วนั้น เรายืนยันรับรองได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ ธรรมเหล่านี้เราถอดออกจากหัวใจทั้งนั้น ขอให้พี่น้องทั้งหลายได้ทราบทั่วหน้ากันว่าศาสดาองค์เอกเป็นยังไง ธรรมอันเอกคืออะไร จะมาสัมผัสสัมพันธ์ที่ใจ เป็นใจอันเดียวกันกับธรรม ธรรมอันนี้ละออก เราถอดออกมาจากหัวใจเรา ปฏิบัติธรรมมาแทบเป็นแทบตายมาเห็นอาหารเหลือเฟืออย่างนี้ๆ มันอดไม่ได้นะ อาหารเหลือเฟือๆ กับที่เราอยู่ในป่าในเขา บิณฑบาตกลับมาแล้วไปนั่งอยู่ก้อนหินฉัน เห็นผักกระโดนก็อยากจะฉัน แต่ในบาตรมีแต่ข้าวเปล่าๆ จะฉันกับผักกระโดนได้ยังไง ไม่ลืมเหล่านี้นะ เวลาทุกข์เวลาลำบากแสนสาหัส นั่งหายใจแขม่วๆ บนภูเขา แล้วก็มาเห็นอาหารเหลือเฟืออย่างนี้ เฉพาะอย่างยิ่งเห็นพวกผักกระโดนพวกอะไรที่อยู่ในเขา เขาเอามาถวายนี่ พอเห็นนี่ปั๊บระลึกได้ปุ๊บๆ เลย ไม่ลืมคุณนะฉันผักกระโดนอยู่บนภูเขา

ผลที่ได้มาก็คือได้นำมาสอนพี่น้องทั้งหลาย เอาแทบเป็นแทบตาย เรื่องอาหารการบริโภคไม่ต้องถาม วันหนึ่งบิณฑบาตมาพอได้ฉันพอ ข้าวเปล่าๆ เท่านี้ไม่ได้หมดนะ ฉันสองสามคำมันก็อิ่มมันไม่มีกับอะไร เท่านั้นพอ ทีนี้กายเบาหวิว เมื่อกายเบาหวิวจิตใจก็เบาหวิว นั่นละธรรมเกิดที่นั่น ธรรมสง่างาม จิตใจผ่องใสสงบเยือกเย็นตามขั้นภูมิของใจตนเองที่บำเพ็ญได้ นี่ละเรื่องของอาหารการบริโภคขบฉันเราเจอเมื่อไรวิ่งถึงกันเลย ธรรมที่ได้มาสอนโลกนี้มาจากที่ว่านี้ทั้งนั้น จากสมบุกสมบันแทบเป็นแทบตายมาสอนโลก และธรรมที่นำมาสอนโลกนี้เราพูดอย่างเปิดหัวอกเลย สามโลกธาตุนี้เราไม่มีสะทกสะท้านกับผู้ใดชั้นใดภูมิใด ว่าที่เราพูดนี้ผิดไป ไม่มีเลย คือมันเหนือเสียทุกอย่าง ธรรมได้เข้าในหัวใจแล้วไม่อยู่ในความคาดความหมายนะ

ใจนี้ขอให้ได้ธรรมเข้าสู่ตัวเองเถอะ ความคาดความหมายจะหมดไปๆ  ความจริงจะปรากฏเด่นขึ้นๆ แล้วไม่ต้องถามใครเลย จะเด่นอยู่ที่หัวใจ ธรรมที่เรานำมาแสดงให้พี่น้องทั้งหลายฟังนี้กรุณาทราบเสีย หรือหาว่าหลวงตาบัวอวดอุตริมนุสธรรม ดังที่เขาฟ้องร้องมาอยู่เวลานี้ หลวงตาบัวอยู่ในวงคดีนะ ยังอยู่ในวงผู้ต้องหา เขาบอกว่าเขาจะฟ้อง ว่าหลวงตาบัวนี้อวดอุตริมนุสธรรม การอวดอุตริมนุสธรรมเป็นโทษสูงสุดในชีวิตของพระ ปรับอาบัติปาราชิก ขาดจากภิกษุ ขาดจากพระทันทีทันใดเลย นี่เขากำลังจะฟ้องเรา เรากำลังอยู่ในระหว่างผู้ต้องหา เขาจะฟ้องร้องเราว่าอวดอุตริมนุสธรรม

ทีนี้เราคิดซิ พระพุทธเจ้าสลบไสลถึงสามหนได้ตรัสรู้ขึ้นมา ปรากฏว่าเป็นธรรมดวงเลิศเลอสอนโลกมาจนกระทั่งปัจจุบันนี้ พระสาวกทั้งหลายปฏิบัติตามพระพุทธเจ้าทรงสั่งสอน สำเร็จขึ้นมาเรื่อยๆ จนกระทั่งเป็น สรณํ คจฺฉามิ เราก็ปฏิบัติตามทางสายเดียวกัน พระโอวาทอันเดียวกันที่เรียกว่าสวากขาตธรรม ตรัสไว้ชอบแล้ว เราปฏิบัติตามนั้นๆ อรรถธรรมก็เจอเรื่อยขึ้นมา ตั้งแต่ปฏิบัติอยู่ในป่าในเขาอย่างที่ว่านี่แหละ ล้มลุกคลุกคลาน กิเลสตีเอาๆ ขึ้นไปบนภูเขาจะฟัดกับกิเลส พอขึ้นไปยังไม่ได้ยกครู กิเลสเตะทีเดียวหงายหมาลงไป ไปนั่งร้องไห้อยู่บนภูเขาเราลืมเมื่อไร

นี่เวลาจิตถูกกิเลสตีแหลกขนาดนั้นแหละนะ หลวงตาบัวนี้ละฟังเอา ไปอยู่บนภูเขา คือจะไปฟัดกับกิเลสให้เต็มเหนี่ยว พอขึ้นไป กำลังของกิเลสมันมากขนาดไหน มันใส่หมัดเดียวลง หงายเลยๆ สู้มันไม่ได้ เอ้ายอมรับว่าสู้ไม่ได้ แต่หินลับปัญญาหรือเครื่องรบของเรานี้คือหลวงปู่มั่นเรา ลงมานี้เข้าหาท่าน ศึกษาอบรมอีก ไปอีกๆ อยู่งั้น ทีนี้ก็ค่อยดีดขึ้นๆ จิตก็สง่างามขึ้นมาๆ ก็เอาใหญ่ ก้าวเดินละที่นี่นะ เรื่องความสงบเย็นใจก้าวขึ้นๆ ก้าวขึ้นสมาธิ ก้าวขึ้นสู่ปัญญา ก้าวขึ้นปัญญาวิปัสสนาอันละเอียดแหลมคม ก้าวขึ้นสู่มหาสติมหาปัญญา สรุปเลยนะ ทีนี้ใจดวงนี้คาดได้เมื่อไร

อยู่ที่ไหนสง่างามไปหมด เรายังไม่ลืมอยู่วัดดอยธรรมเจดีย์ นี่ผลแห่งการปฏิบัติ ตอนเช้ามืดเดินจงกรมอยู่ตั้งแต่ตีสี่ อยู่ตีนเขา เขาเป็นชั้นๆ ที่เราอยู่สูงหน่อยลงไปเดินจงกรมอยู่ตีนเขา จิตมันเป็นอย่างนั้นจะให้ว่าไง ไม่มีที่ใดอัศจรรย์ก็มาอัศจรรย์ตัวเอง นี่ละเวลาผลเกิดขึ้น ยังไม่ถึงที่สุดจุดหมายปลายทางก็ตาม ถึงขนาดนั้นอัศจรรย์ก็บอกว่าอัศจรรย์

         ไปก็ยืนรำพึง เอ๊ จิตเรานี้ทำไมถึงได้สว่างไสวเอานักหนานา มันสว่างจนกระทั่งอัศจรรย์ตัวเอง มองดูที่ไหนทะลุไปหมดเลย ต้นไม้ภูเขาที่ยืนอยู่นั้นมันทะลุไปหมดเลย ว่างไปหมดๆ เกิดความอัศจรรย์ พระธรรมท่านกลัวเราจะหลงความสว่างไสวนี้ ยังไม่ถึงที่สุดหรือว่ายังเป็นเงาของอวิชชาหลอกอยู่ พระธรรมท่านเตือน ท่านเตือนกลัวเราจะหลง เราก็ไม่รู้ นี่ละธรรมเวลาขึ้นเป็นอย่างนั้นนะ เป็นอยู่ในคนเดียวจนอัศจรรย์ตนเอง เกิดมามีใครที่ได้อัศจรรย์ตนเองที่ตรงไหน ว่าโห เรานี่อัศจรรย์ฯ นะ มีเงินก็มาก เป็นเศรษฐีก็ลือนาม มีเมียก็มาก มีผัวก็มาก ความสุขเราก็มาก มีที่ไหนว่าซิ

         นี้ธรรมองค์เดียวขึ้นในใจเท่านั้นอัศจรรย์ตัวเองทันทีเลย เหล่านั้นมาเป็นเครื่องประดับให้อัศจรรย์ไม่ได้ ธรรมเหนือกว่า พอถึงอัศจรรย์นี้ เอาก้าวขึ้นเลยที่นี่นะ นี่ละธรรมที่นำมาสอนโลกเวลานี้ พอก้าวจากนั้นแล้วผ่านความสว่างอัศจรรย์นี้ขึ้นไป ความสว่างอันนั้นนอกโลกแล้ว ความสว่างนี้อยู่ในโลก ที่เราว่าอัศจรรย์ตัวเองยังอยู่ในวงสมมุตินะ ถึงขนาดนั้นก็อัศจรรย์ พอก้าวจากนั้นไปแล้วมาสว่างคราวหลังนี้ ความสว่างไสวอันนี้เป็นเหมือนกับกองขี้ควาย ฟังซิ ความสว่างนั้นเหนือขนาดไหน นี่ที่ว่าฟ้าดินถล่ม ความสว่างอันสุดท้ายนี้ขึ้นครอบความสว่างอันนี้ แล้วตำหนิความสว่างอันนี้ว่าเป็นเหมือนกองขี้ควายไปได้ นี่ละธรรมถ้าลงได้ขึ้นในใจไม่ต้องไปถามผู้ใด เกิดขึ้นในใจพระพุทธเจ้าตรัสรู้เพียงพระองค์เดียวไม่ต้องไปถามใคร ผางขึ้นมาเป็นศาสดาองค์เอก สาวกแต่ละองค์ๆ เต็มภูมิของสาวกไม่ต้องไปถามใคร นี่สาธุเราก็ไม่ต้องไปทูลถามพระพุทธเจ้า เต็มอยู่ในหัวอกนี้แล้วจากสวากขาตธรรมที่ท่านตรัสไว้ชอบแล้ว ก้าวเดินไปตามท่านผลก็ปรากฏเป็นลำดับลำดา ธรรมะไม่ใช่ธรรมะโมฆะ ผู้ปฏิบัติเพื่อธรรมะต้องปรากฏเป็นธรรมขึ้นมา จนกระทั่งสุดท้ายได้นำมาสอนโลกอยู่เวลานี้

         เราสอนโลกมานี้ที่ออกเปิดเผยก็คือเป็นเวลา ๗ ปี นำธรรมเหล่านี้ออกสอนโลกเรียกว่าแกงหม้อใหญ่ ได้เป็นผู้นำพี่น้องทั้งหลายเป็นเวลา ๗ ปี ตั้งแต่ปรากฏฟ้าดินถล่มมาเป็นเวลา ๕๕ ปี สอนเป็นลำดับลำดามีแต่กองหม้อเล็ก แกงหม้อจิ๋วๆ สอนพระอยู่บนศาลานี้ เราไม่ลืมนะ มีแต่พระบนศาลานี้ฟัง แกงหม้อเล็กหม้อจิ๋วๆ ธรรมเด็ดขาดๆๆ จนกระทั่งมาประกาศเป็นผู้นำพี่น้องทั้งหลาย ธรรมะนี้ก็กระจายออกเรื่อยๆ ดังที่เห็นเวลานี้เป็นยังไง

         นี่ละถอดออกจากหัวใจ เราจวนจะตายแล้ว เราไม่เคยสะทกสะท้านใครจะว่าอะไรกับเรา มันอยู่ใต้วิมุตติทั้งนั้นพูดง่ายๆ วิมุตติความหลุดพ้นไปแล้วจากสมมุติทั้งปวงจะเอาอะไรมาแทรกเข้าก็ไม่ติด เพราะฉะนั้นใครจะว่าอะไรเราจึงไม่เคยสนใจยิ่งกว่าธรรม และยิ่งกว่าความเมตตาสงสารที่จะนำมาสอนโลก เราสอนโลกด้วยความสงสาร เราไม่ได้สอนโลกด้วยความอยากโอ้อยากอวด โอ้อวดหาอะไรมันกำลังจะตายแล้วอีตาบัวนี่ สักกี่วันก็จะตาย ก่อนจะตายขอให้ได้ธรรมะนี้ประกาศสอนธรรมตามทางของศาสดา ให้ได้เป็นสิริมงคลแก่พี่น้องทั้งหลาย

         ไม่มีอะไรเกินธรรมขอชี้นิ้วเลย ในสามแดนโลกธาตุนี้อยู่ใต้ธรรมทั้งนั้นเป็นแดนสมมุติ วิมุตติคือความหลุดพ้นของจิตสว่างจ้าครอบโลกธาตุ นี่คือธรรมชาติที่เลิศเลอที่พระพุทธเจ้ามาสอนโลกอยู่นี่ สาวกทั้งหลายก็จ้าขึ้นเต็มภูมิของตนๆ มาสอนโลก นี้เราก็เต็มภูมิของหนูตัวหนึ่งเหมือนกัน มาสอนโลกจึงไม่มีสะทกสะท้าน อย่างที่เขากำลังเตรียมจะฟ้องเราอยู่นี่ เขาจะฟ้องเราว่าหลวงตาบัวอวดอุตริมนุสธรรม ปรับอาบัติปาราชิก นี่เขาว่าเขาจะฟ้อง เขายังไม่ฟ้องนะ เขาจะฟ้อง ทางนี้ฟังเรื่อยๆ แต่ไม่ได้ฟังเสียงเขาว่าจะฟ้องนะจะกลัวเขานะ ยิ่งอวดไปเรื่อย เดี๋ยวนี้กำลังอวดอุตริอยู่นี้ใช่ไหม

         อุตริมนุสธรรม แปลว่าธรรมที่เลิศเลอของมนุษย์ที่กราบไหว้บูชาอันสูงสุดทีเดียว ว่างั้นนะ ธรรมประเภทนี้ไม่มีในตน ใครไปอวดว่ามีธรรม สมาธึ วา สมาปตฺตึ วา มคฺคํ วา ผลํ วา ตั้งแต่สมาธิขึ้นไป ไม่มีสมาธิอวดว่าเป็นสมาธิก็ปรับอาบัติๆ เรื่อยไปถึงอรหัตบุคคล ธรรมเหล่านี้ไม่มีในตนแต่อวดว่ามีในตนนี้ปรับอาบัติปาราชิก ตามพระวินัยมีอย่างนั้น แล้วธรรมเหล่านี้เราเอามาพูดทั้งหมด ทำไมเราจึงเอามาพูด ก็มันเต็มอยู่ในหัวใจนี้ทั้งหมดจะไม่พูดได้ยังไง ธรรมพระพุทธเจ้าเป็นธรรมสอนโลก สอนโลกไม่ได้มีอย่างเหรอ พระพุทธเจ้าสอนโลกมาก่อนแล้ว เป็นศาสนาสอนพวกเราอยู่ทุกวันนี้ มาจากสาวกทั้งหลายโดยลำดับ เข้ามาถึงจุดนี้ก็คือ หลวงตาบัวที่กำลังถูกเขาฟ้องร้องอยู่เวลานี้ว่าอวดอุตริมนุส ธรรม

ใครจะว่าให้ว่ามา ธรรมเราเต็มหัวใจแล้ว เขาว่าอวดก็อวดกับเขา อวดตลอด เดี๋ยวนี้กำลังอวด อยากให้ท่านทั้งหลายได้เห็นหัวใจดวงนี้พูดง่ายๆ นะ เราจวนจะตายแล้ว มันครอบโลกธาตุจ้าไปหมดแล้วจะให้ว่ายังไง นี่ผลแห่งการปฏิบัติธรรมของพระพุทธเจ้า ธรรมของพระพุทธเจ้าเป็นโมฆะเหรอถึงนอนหลับหูหลับตาไม่ฟังเสียงอรรถเสียงธรรม ฟังแต่เสียงเพลงกล่อมของกิเลสลูกทุ่งลูกกรุงที่ไหน ไปที่ไหนเป็นบ้าไปเลยถ้าแบบนั้น ถ้าเป็นเสียงธรรม โอ๊ย หมอนอยู่ไหน มือคว้าไปแล้ว เป็นอย่างนั้นนะ เราจึงอยากให้พี่น้องทั้งหลายได้เห็นธรรมนี้ พูดคนเดียวเขาก็หาว่าบ้า ฟังแต่ว่าหา คือมันไม่เป็นความจริงอย่างเขาว่า

ก็เราไม่ได้อวด เราพูดความจริง มีเท่าไรก็ออกเต็มเหนี่ยวๆ เอ้าผู้มาถามธรรมะ เอ้าถามมา นั่นว่างั้นเลยนะ อันไหนที่ควรจะตอบหนักเบามากน้อยมันจะออกของมันทันทีๆ เลยอยู่ในนี้ เต็มอยู่ในหัวใจนี้แล้ว นอกจากไม่ควรออกดึงก็ไม่ออกนะ เป็นความเหมาะสมอยู่ในใจหมด อะไรมายังไงควรตอบหนักเบามากน้อยเพียงไร มันจะเป็นอยู่ในเข็มทิศอยู่ภายในนี้ ทางโลกเขาว่าเรดาร์ เรดาร์ภายในยิ่งละเอียดยิ่งกว่านั้นอีกนะ อันนั้นเป็นความเหมาะสมสำหรับผู้ครองธรรมนี้เท่านั้น ที่จะนำออกใช้หนักเบามากน้อยจะออกเองๆ

ฟังซิท่านทั้งหลายไม่เคยได้ยินได้ฟัง หลวงตาบัวอวดอุตริมนุสธรรม อวดตลอดเวลาอวดจนกระทั่งวันตาย จะไม่มีวันถอยเลย เพราะความเมตตาสงสารโลกนี้เหลือประมาณ ที่จะมายอมรับเขาหรือหมอบราบกับเขาว่าอวดอุตริมนุสธรรม เขาว่าอวดเท่าไรยิ่งหนักเลย เพราะอำนาจแห่งความเมตตา อันนั้นประสาหมาเห่าฟ้า มันอมขี้มาเห่า ปากอมขี้มันก็สกปรกละซิ นี้ปากอมธรรมออกไปเข้าใจไหมล่ะ เราพูดอย่างนี้ ยังไม่ถึงวิทยุมันขั้นนี้ก็เอาเสียก่อนนะ ออกวิทยุขั้นนี้เสียก่อน

อยากให้ท่านทั้งหลายได้เห็นอรรถเห็นธรรม ศาสนาพระพุทธเจ้าเลิศเลอสุดยอดแล้ว ชี้นิ้วเลย สุดยอดไม่มีอะไรที่จะเสมอเหมือน ขอให้ตั้งใจปฏิบัติ การสร้างคุณงามความดีอย่าให้กิเลสมาเหยียบๆ นะ พอจะทำความดีอะไรกิเลสมันจะเข้ามาขวางๆ จะไปวัดไปวาฟังศีลฟังธรรมทำบุญให้ทานอะไร อันหนึ่งมันจะมาขวางๆ กิเลสนั่นละขวาง เตะมันไปเลยนะเข้าใจไหม เราจะไปวัดเราจะทำบุญให้ทาน เตะมันไปเลย มันตระหนี่ทางนี้ให้ เอ้าว่าไงสมควรจะให้ให้นั่น จึงเรียกว่าธรรมสู้กิเลส นี่ละจะพาเราพ้นจากทุกข์ ไอ้ที่มันมากีดมาขวางไม่มี มีแต่จะพาให้จมนั่นละ เรื่องธรรมเป็นอย่างงั้น เราก็ไม่เคยได้เทศนาว่าการอย่างนี้ เพราะอันนี้ไม่ใช่ธรรมที่คาดที่คิด มันเป็นขึ้นในหัวใจเต็มหัวใจบอกชัดๆ เจนๆ นี้เลย เรื่องธรรมของพระพุทธเจ้าเลิศเลอขนาดนี้ เป็นธรรม อกาลิโก สดๆ ร้อนๆ ตลอดเวลา ขอให้ปฏิบัติตามอรรถตามธรรมพระพุทธเจ้าเถิด

เช่นพระท่านอยู่ในป่าในเขา ท่านตักตวงเอามรรคเอาผลรู้ไหม ไอ้พวกที่อยู่ในกระดูกหมูกระดูกวัวแล้วเห่าว้อๆ มา ใครพูดความดีขึ้นมาไม่ได้ ให้พูดเรื่องกระดูกหมูกระดูกวัวเหมือนมันคาบที่ปากอยู่นั้น จึงจะพูดได้อย่างนั้นเหรอ เราอยากถามอย่างนั้น พวกกระดูกหมูกระดูกวัวคาบที่ปาก ไปที่ไหนมีแต่กระดูกหมูกระดูกวัวเต็มปากๆ อรรถธรรมเต็มหัวใจไม่มี ท่านเสาะแสวงหาธรรมอยู่ในป่าในเขา มีแต่อรรถแต่ธรรม ทุกข์จนขนาดไหนมองเห็นผักกระโดนนั้นก็ยังระลึกไม่ลืม นั่นน่ะทุกข์ขนาดไหน แต่หัวใจมันสง่าอยู่นั้น ท่านพอยังอัตภาพให้เป็นไป

นี่ละธรรมที่เกิดมาเหล่านี้พระพุทธเจ้าสลบสามหน บรรดาสาวกทั้งหลายผู้ยากก็มีผู้ง่ายก็มีเป็นลำดับลำดา สุดท้ายผลที่ได้มาก็คือ สงฺฆํ สรณํ คจฺฉามิ ของพวกเรานั้นละ ท่านเหล่านี้ตายใจได้เลย พูดออกมาคำไหนไม่มีผิดมีพลาด อย่างพูดอย่างนี้ก็เหมือนกัน เราสอนโลกที่ออกประกาศมาเป็นเวลา ๗ ปีนี้ เราไม่เคยมีคำไหนที่พูดออกต่อโลก เป็นความกระทบกระเทือนให้โลกเสียหาย เพราะคำพูดของเราที่เป็นธรรมออกมานี้เราไม่มี มีแต่เป็นธรรมล้วนๆ จะพูดออกแบบไหนๆ เป็นธรรมล้วนๆ เรียกว่าธรรมสอนโลก

ดังที่เขาว่าหลวงตาบัวไปยุ่งกับการบ้านการเมืองอะไรเขาว่า นี่พวกปากอมขี้เข้าใจไหม ยุ่งกับการบ้านการเมือง การบ้านการเมืองมันเรื่องสกปรก ธรรมนี้เป็นธรรมชะล้างความสกปรก จะว่าไปเล่นกับการบ้านการเมืองได้ยังไง ธรรมสอนโลกต่างหาก เราสอนทุกวันนี้เราสอนโลก จะออกแง่ใดมุมใดเราไม่สงสัยในการออกของเรา ไม่ว่าแง่ใดมุมใดเราพิจารณาโดยธรรมทุกอย่าง แล้วออกด้วยความเป็นธรรม ใครจะเชื่อไม่เชื่อก็แล้วแต่ เพราะธรรมไม่บังคับใคร เป็นเรื่องของผู้นั้นพิจารณาแล้วจะปฏิบัติตามก็ได้ ไม่ปฏิบัติตามก็เรื่องของเขา เราสอนตามอรรถตามธรรมผิดถูกชั่วดี ชี้แนวทางไปตามนั้นโดยลำดับลำดา ใครจะเอาก็เอาไม่เอาก็แล้วแต่ นี่เรียกว่าธรรม ที่เราสอนโลกทุกวันนี้เราสอนอย่างนี้เอง

จึงขอให้พี่น้องทั้งหลายได้สนใจในอรรถในธรรม ครองแต่ขี้หมูราขี้หมาแห้งเต็มหัวใจๆ ขี้โลภ ขี้โกรธ ขี้หลง เต็มหัวใจทุกคนๆ วิเศษวิโสที่ไหน ขอให้ครองธรรมในหัวใจเท่านั้นอยู่คนเดียวจ้าอยู่ครอบโลกธาตุ นั่นเป็นยังไงธรรม ให้มองดูธรรมมากๆ นะ อย่ามองดูตั้งแต่ ความโลภ ความโกรธ ความหลง ท่านเรียกว่า ขี้โลภ ขี้โกรธ ขี้หลง มันเต็มหัวใจอยู่แล้วจะเอามาที่ไหนให้มันล้นฝั่งไปอีกล่ะ เอาธรรมเข้าไปแทรกบ้างซิ พอธรรมเข้าแทรกมากน้อยมันจะรู้ทันที สิ่งเหล่านี้เป็นยังไงพอมีคู่แข่งแล้วมันจะรู้ อันใดดีอันใดชั่วยิ่งหย่อนกว่ากันรู้ ถ้ามีอันเดียวไม่มีอะไร มีแต่อันนี้ก็กินกันไป ผักกระโดนก็กินกันไป ถ้ามีของดีกว่านี้ผักกระโดนก็ไม่เอา เข้าใจไหม แน่ะเป็นอย่างนั้น ธรรมะเมื่อเข้าอยู่ในหัวใจแล้วก็สูงขึ้นเรื่อยๆ พากันจำเอานะ

วันนี้ได้เปิดอุตริมนุสธรรมให้พี่น้องทั้งหลายฟัง ฟังให้ดีหลวงตาบัวนี้เปิดเต็มเหนี่ยว ใครจะว่าอะไรก็ตามเราไม่สนใจ เพราะธรรมคือความเมตตาธรรมและความบริสุทธิ์เต็มอยู่ในหัวใจนี้ กับเมตตาธรรมที่ครอบโลกธาตุนี้เหนือกว่าที่เขาจะมาฟ้องร้อง ที่เราจะไปสนใจฟัง เราไม่ฟัง ท่านทั้งหลายตั้งใจเอานะ ธรรมพระพุทธเจ้าไม่ใช่ธรรมหลอกโลก ที่ออกมาพูดว่าอวดอุตรินี้แหละตัวหลอกโลก ใครจะดีไม่ได้ ให้เป็นขี้เป็นมูตรเป็นคูถเหมือนเขานั้นได้ เข้าใจ ถ้าธรรมชำระสิ่งเหล่านี้ไม่ได้ พูดอะไรออกมาเป็นอรรถเป็นธรรมหาว่าอวดอุตริมนุสธรรมหมด พวกนี้มันไม่มีความดีติดตัวแม้นิดหนึ่ง มีแต่ความชั่วช้าลามก แสดงออกมาขวางโลกทันที เป็นคนรกโลกไปทันที

ทีนี้หันเข้ามาถึงวิทยุ เวลานี้วิทยุกำลังกระจายออกไปหมด เอ้า ออกเถอะว่างั้นเลย ธรรมที่เราแสดงนี้เรียกว่า ร้อยเปอร์เซ็นต์ๆ เราไม่มีสงสัยในธรรมที่เราแสดงออก ในธรรมทุกขั้นทุกภูมิ จนกระทั่งถึงวิมุตติหลุดพ้นเต็มอยู่ในหัวใจนี้หมดแล้ว เอา ใครจะถามๆ มาว่างั้นเลย มันเต็มอยู่ในหัวใจ จึงเทศนาว่าการด้วยความเมตตา ไม่ใช่กล้าหาญชาญชัยอยากโอ้อยากอวด อย่างนั้นเราไม่มี เรื่องความเมตตานี้เต็มหัวใจๆ ตลอดเวลา เพราะฉะนั้นใครจะว่ายังไง เราจึงไม่เคยสนใจ ไม่เหนือความเมตตาไปได้ ครอบไปหมด

ให้พากันตั้งอกตั้งใจปฎิบัติศีลธรรมนะ จิตใจชาวพุทธเรานี้ห่างเหินมาก โลกเจริญ มันเจริญด้วยฟืนด้วยไฟอิจฉาพยาบาท อาฆาตจองเวรซึ่งกันและกัน ไปที่ไหนมีแต่โรงหมัดโรงมวยเต็มบ้านเต็มเมือง ของกิเลสที่จัดขึ้นให้ไปต่อยกัน กัดกันก็เหมือนหมากัดกัน ตัวแพ้ตัวชนะเจ็บด้วยกันนั้นแหละ ใครจะว่าใครดีใครเก่งมันเจ็บด้วยกันนั่นแหละ ขึ้นชื่อว่ากิเลสจับหัวชนกันแล้วเจ็บด้วยกัน ถ้าเป็นธรรมะแล้วเบิกกว้างออกไป ด้วยความเมตตาสงสารเห็นใจเขาใจเรา แม้แต่สัตว์เดรัจฉานขึ้นมาเขาก็มีหัวใจ เรามีหัวใจ เอาใจเขาใจเราวัดกันแล้วทำกันไม่ลงนะมนุษย์เรา เห็นอกเห็นใจเกิดความสงสารเมตตา ช่วยเหลือกันได้ตลอดเวลา

พอพูดอย่างนี้เมื่อวานนี้ก็ไป พอดีรถเขาแฉลบไปยังไง ไปชนเอาอะไรที่เขากั้นไว้ทางโค้งนะ มันไปชนเอาทางโค้ง ถ้าไม่มีเสาอะไรเขากั้นเอาไว้นั่น ถ้าไม่มีอันนี้ดันไว้ตกเลยนะ เราไปเมื่อวานนี้รถติดอึกทึกเราดู เลยเห็นผู้หญิงคนหนึ่งเลือดสาดอยู่ เราดูเห็นแกเดินไปเดินมาก็ดีๆ อ๋อ นี่แสดงว่าแกเจ็บแต่ภายนอกเห็นเลือดแกตามนี้ แต่ตัวของแกเองเดินรอบๆ รถอยู่ แต่ไม่เห็นมีอะไร นี่อำนาจความเมตตาสงสารพูดให้มันชัดเสีย เมื่อวานไปเจอเข้านั่น ถ้าสมมุติว่ามีอาการหนักกว่านี้เราจะโทรศัพท์ถึงโรงพยาบาลทันที แล้วให้รถโรงพยาบาลมารับอันนี้ไปเป็นคนไข้ของเรา นั่นเห็นไหมล่ะ นี่เราพูดออกมาเราดูแล้ว จากนั้นแล้วเราก็ผ่านไป พอขากลับมาก็มาสังเกตดูนั้น รั้วอันนั้นเขาก็ทำดีแล้ว แล้วคนนั้นก็หายไป เพราะผู้หญิงคนนั้นก็เห็นเลือดอยู่ตามนี้ คงถูกตั้งแต่ภายนอก ภายในไม่ถูก ถ้าถูกแล้วแกจะมาเดินได้ยังไง นี้แกเดินอยู่เห็นเลือดสาด

เรายังวิตกเกี่ยวกับการช่วยเหลือ ถ้าว่าหนักกว่านั้นไปทันทีเลยนะ เราโทรมาโรงพยาบาลศูนย์อุดรทันทีเลย ให้เอารถมารับคนไข้คนนี้ไป คนไข้คนนี้เป็นคนไข้ของเรา ให้รักษาเต็มเหนี่ยวเลย นี่ละอำนาจแห่งความเมตตามันเป็นของมันเอง ไม่เคยเห็นหน้าค่าตาก็ตาม ธรรมะนี้ประสานกันได้ทันที ความเมตตาสงสารระหว่างคู่ทุกข์คู่จน กับผู้มั่งมีพอที่จะเฉลี่ยเผื่อแผ่กันได้จะออกรับกันทันที นี้เรื่องของธรรมเป็นอย่างนี้ นี้ไปพูดถึงเรื่องอันนี้ เมื่อวานมาสัมผัสเราก็เลยพูดออกมาเสีย มันเป็นอย่างนั้นจริงๆ เราก็ได้พูดในรถ เมื่อวานนี้ไปกับพระ เขาไม่เป็นอะไรต่างคนต่างดู แล้วก็ถามอีกเป็นยังไงไหมล่ะผู้หญิงคนนี้ ไม่เป็นอะไรละเห็นมีแต่เลือดอยู่ตามนี้ว่างั้น นั่นละเรายังเป็นห่วงขนาดนั้น แต่เราดูแล้วก่อนที่เราจะผ่านไป ถ้ามีหนักกว่านั้นจะโทรศัพท์เดี๋ยวนั้นเลย

ผู้หญิงคนนี้เกิดมาเราเคยเห็นเขาเมื่อไร เราไม่ได้ว่าผู้หญิงคนนี้ผู้ชายคนนั้น เป็นคนชาติชั้นวรรณะใดอยู่ในจังหวัดใดอำเภอใด เราไม่ว่า มนุษย์เท่านั้นพอกัน เป็นความทุกข์ต้องการความช่วยเหลืออยู่ในหลักธรมชาติแล้ว ใครมีความสามารถที่จะช่วยเหลือยังไงเอาเลย ความหมายว่างั้น นี่ละธรรมเป็นอย่างนั้น พากันจำเอา ธรรมไปที่ไหนไม่จืดจาง สง่างามไปหมด ความเห็นอกเห็นใจซึ่งกันและกัน ทำอะไรกันไม่ลงง่ายๆ ละถ้ามีธรรมในใจ ถ้ามีแต่กิเลสตัณหามีแต่คอยจะดูถูกเหยียดหยามซ้ำเติมกันตลอดเวลา ในอาการใดที่ควรจะทำได้เอาทั้งนั้น เรื่องของกิเลสเหยียบแหลกไปเลย เรื่องธรรมประคองกัน เอาเท่านั้นละ

 

รับฟังรับชมพระธรรมเทศนาของหลวงตา ได้ที่

www.Luangta.com หรือ www.Luangta.or.th

และรับฟังจากสถานีวิทยุสวนแสงธรรม กรุงเทพฯ และสถานีวิทยุอุดร

FM 103.25 MHz


** ท่านผู้เข้าชมทุกท่านโปรดทราบ
    เนื่องจากกัณฑ์เทศน์บางกัณฑ์มีความยาวค่อนข้างมาก ซึ่งจะส่งผลต่อความเร็วในการเปิดเว็บไซต์ ขอแนะนำให้ทุกท่านได้อ่านเนื้อหากัณฑ์เทศน์บางส่วนจากเว็บไซต์ และให้ทำการดาวน์โหลดไฟล์กัณฑ์เทศน์ที่มีนามสกุล .pdf ไปเก็บไว้ในเครื่องของท่านแทนการอ่านเนื้อหาทั้งหมดจากเว็บไซต์

<< BACK

หน้าแรก