มองหน้าพระพุทธเจ้าบ้าง
วันที่ 21 มีนาคม 2548 เวลา 8:30 น.
สถานที่ : วัดป่าบ้านตาด
| |
ดาวน์โหลดเพื่อเก็บไว้ในเครื่อง
ให้คลิกขวาแล้วเลือก Save target as .. จาก link ต่อไปนี้ :
ข้อมูลเสียงแบบ(Win)   วิดีโอแบบ(Win Narrow Band)

ค้นหา :

เทศน์อบรมฆราวาส ณ วัดป่าบ้านตาด

เมื่อวันที่ ๒๑ มีนาคม พุทธศักราช ๒๕๔๘

มองหน้าพระพุทธเจ้าบ้าง

ก่อนจังหัน

พระเท่าไร (๒๗ ครับผม) ไม่แน่นอน เข้าออกๆ ทั้งพระข้างในฉันบ้างไม่ฉันบ้าง พระข้างนอกเข้าออกๆ อย่างไรก็ตามต้องได้บังคับเอาไว้ตลอด ไม่บังคับไม่ได้ ล้นไปเลย เลอะเทอะ อะไรเลอะเทอะก็ไม่ได้เหมือนพระเลอะเทอะ พระเลอะเทอะนี้เลวมากที่สุด วัดป่าบ้านตาดจะเป็นประเภทเลอะเทอะที่เลวมากที่สุด หรือดี หรือดีมาก เอา ดูตัวเองนะ ทั้งสองอย่างนี้มีอยู่กับตัวของเราเอง พระเลอะเทอะมาก เลวมาก คือเราหนึ่ง เพราะความเลวแห่งการประพฤติของเรา ความดีและดีมากก็คือเราคนหนึ่ง เพราะดำเนินตามหลักธรรมวินัยของพระพุทธเจ้า ซึ่งไม่มีที่ต้องติแล้วในโลกนี้ กราบไหว้กันทั้งสามโลก แต่เราไปเหยียบย่ำนี้เลวที่สุดคือเรานะ อย่าให้มี

ศาสดาองค์เอกนี้ประกาศลั่นโลกสามโลกธาตุมานานสักเท่าไรแล้ว ไม่มาเฉียดหูเฉียดตาเฉียดใจเราบ้างเหรอ มันมีตั้งแต่ส้วมแต่ถานแต่ไฟนรกอเวจีหรือเข้ามากองอยู่ในพระของเรานี่ พระเลยกลายเป็นพระส้วมพระถานไปหมดใช้ไม่ได้นะ ยิ่งเลวลงๆ เรานั่นละทำศาสนาให้เลวลง ให้ดูตัวเองทุกคนๆ อะไรเลวสู้พระเลวไม่ได้ แหมกระเทือนโลกมากนะพระเลวนี่ คนธรรมดาเขาเลวก็เป็นเรื่องของเขา แต่พระที่โลกเทิดทูนกลับเลวนี้ แหมเลวร้ายที่สุดเลย อย่าให้มีนะ ให้ตั้งหน้าตั้งตาประพฤติปฏิบัติ

ทำอะไรให้มีสติสตังพินิจพิจารณา อย่าทำชุ่ยๆ อย่างเมื่อวานนี้บอกพระให้ไปทำทางจงกรม พระองค์นี้ก็ยังจะตามติดกันอีกอยู่นะ ให้ไปทำทางจงกรม เราก็บอกชัดเจน คือเราจะอ่านดูพระองค์นี้นั่นเองที่ไปใช้ในงานนั้น จะเป็นยังไง ให้เอาดินมาเทใส่ที่เป็นหลุมเป็นบ่อ มีทางจงกรมแต่เดินไม่ได้ก็ใช้ไม่ได้ เลยบอกให้เอาดินมาเทแล้วค่อยเอาน้ำมาเทลงนั้นสักหน่อยหนึ่งพอให้มันชุ่มเย็นซึมลงไป พอสั่งแล้วเราก็กลับมากุฏิ ประมาณว่าจะทำเสร็จแล้วก็กลับคืนไปอีก ฟาดดินอันนั้นกับน้ำอันนี้เลอะเทอะด้วยกันหมด ดูไม่ได้เลย นี่ยังจะตามเรื่องทางจงกรมนี้อีก

นี่ละการสอนคนมันจึงลำบากนะ สอนเราก็สอนอย่างนี้เอง ต้องเอาให้แนบที่สุดสติสตัง ปัญญาติดกันตลอด มอบงานให้ใคร อันใดๆ สั่งอะไรๆ อย่าเข้าใจว่าแล้วนะ นี่คืออ่านพระแต่ละองค์ๆ นะนั่น พระที่มาอบรมอยู่กับเราเป็นยังไง เท่ากับอ่านพระแต่ละองค์ๆ สั่งให้ทำอะไรๆ นั้นเป็นการอ่านพระละนะ ให้ทำเราจะดูผลงานของการทำ มันแสดงออกมาจากตัวเอง ดี ละเอียดลออ หรือเลวอะไรก็ตาม จะออกมาจากตัวนั้นตัวทำงานที่เราสั่งนั้นแหละ

ท่านทั้งหลายมาทำไม มาเหลาะๆ แหละๆ โลเลโลกเลก ศาสนาพระพุทธเจ้าประกาศกังวานด้วยความเลิศเลอมา แล้วเป็นยังไงมาอยู่กับเรามีแต่ความเลวร้าย พระเลวร้ายเต็มบ้านเต็มเมืองเวลานี้ มันเป็นยังไง เอานี้หรือไปเหยียบหัวพระพุทธเจ้า มันน่าทุเรศนะ ขอให้พากันพิจารณาทุกคนๆ ธรรมเป็นของละเอียดลออมากที่สุด อย่างพวกเรานี้จะเข้าไม่ได้แหละ เพียงส่งการสั่งงานทั้งๆ ที่เป็นผู้ตั้งใจมาปฏิบัติเพื่อศีลเพื่อธรรม สั่งการสั่งงานอะไรไปนี้มันจะมีเลอะๆ เทอะๆ ตามนิสัยที่เคยมาในหัวใจนั่นแหละ นี่เตือนไว้อย่างนี้เสมอ

ให้ทำอะไรๆ ไม่แล้วนะ เพราะพระเจ้าพระสงฆ์ที่เข้ามานี้เราสอนจริงๆ จังๆ ไม่ใช่สอนเล่นๆ สั่งอะไรแล้วต้องติดตามดูๆ อ่านตัวผู้ถูกสั่งนั่นแหละเป็นยังไง เป็นพระประเภทไหน จำให้ดี อย่ามาทำเลอะๆ เทอะๆ สติติดแนบกับตัว ปัญญาติดแนบกับตัว จะไม่ค่อยผิดพลาดทำอะไรก็ดี ถึงจะไม่ดี ที่มีสติมีปัญญาอยู่ในนั้นก็เต็มภูมิของผู้นั้น นับว่าดีอยู่ ถ้ามีสติปัญญาแต่ไม่ใช่นั่นซิ สติปัญญาเฉลียวฉลาดอยู่แต่กิเลสเหยียบลงไปให้เลวเสีย สติปัญญาก็เลยกลายเป็นมูตรเป็นคูถไปตามกิเลสนั้นเสีย ใช่ไม่ได้นะ เอาละให้พร

 

หลังจังหัน

(ทองคำ ๑ บาทครับ) เออ เมื่อเช้านี้บ้านตาดเขาทำบุญหาแม่เขา ชื่อ แม่ที พงษ์ประเทศ เขาทำบุญอุทิศถึงแม่เขา แม่ที พงษ์ประเทศ เสียไปเขาทำบุญอุทิศ ได้ถวายในงานนี้ทองคำน้ำหนัก ๕ บาท เงินสด ๓๒,๙๐๐ บาท ดอลลาร์ ๕๐ ดอลล์ เขาถวายเมื่อเช้านี้ (ทองคำไหลซึมได้เพิ่มมาเป็น ๗๕ กิโลแล้วครับ) อ๋อ ทองคำที่เป็นประเภทน้ำไหลซึม เวลานี้ได้ถึง ๗๕ กิโล ๓๐ บาท ๔๖ สตางค์ กับอีก ๕ บาทวันนี้ก็เป็น ๓๕ บาทเข้าไปเรื่อยๆ ไม่ลด ไปเรื่อยๆ ทองคำเรา นี่เราก็ยังมีหวังอยู่เรื่อยๆ ส่วนใหญ่ผ่านไปแล้วยังไม่แล้ว ให้เป็นประเภทน้ำไหลซึม ค่อยไหลเข้ามาซึมเข้ามา นี่ตั้ง ๗๕ กิโลแล้วประเภทน้ำไหลซึมนะ ส่วนใหญ่มอบเข้าไปเรียบร้อยแล้ว

เรายังไม่ได้บอกหยุด เพราะเราไปดูเองทองคำในคลังหลวง เพราะฉะนั้นจึงได้ออกมาพูดให้พี่น้องทั้งหลายได้ทราบทั่วไปตั้งแต่บัดนั้นมาจนกระทั่งป่านนี้ ได้ทองคำเป็นกอบเป็นกำมาแล้วก็ยังไม่แล้ว ส่วนใหญ่ที่ได้มานี้สมมักสมหมาย แต่ส่วนที่บกพร่องในคลังหลวงยังมีอยู่มาก จึงได้บิณฑบาต ได้ออดอ้อนบรรดาพี่น้องทั้งหลายให้เห็นแก่คลังหลวงของเรา ซึ่งเท่ากับเห็นแก่หัวใจของคนทั้งชาติอยู่ในนั้น ได้หนุนกันเข้ามาๆ หากไม่ได้เวลานี้แล้วจะไม่ได้นะ เช่นอย่างเราหยุดแล้วการช่วยชาติ ทองคำได้เท่านั้น ดอลลาร์ได้เท่านั้นๆ แล้วก็หยุดตั้งแต่บัดนั้นไม่ได้มีอะไรสืบต่อเลย นี่พอมีประเภทซึมซาบเข้าไปมันก็ไหลเข้ามาเรื่อย แล้วก็มีหวังจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

เราก็พยายามที่สุดที่จะให้ชาติ  ศาสนา  พระมหากษัตริย์ของเราได้แน่นหนามั่นคงจีรังถาวร ให้พี่น้องชาวไทยทั้งหลายได้กราบไหว้บูชาเป็นที่อบอุ่นจิตใจ เราจึงอุตส่าห์พยายาม ทางด้านวัตถุก็เต็มเหนี่ยว เต็มกำลังของเรา ทางด้านธรรมะก็เหมือนกัน ตั้งแต่วันเริ่มออกช่วยชาติ ประกาศสอนธรรมติดกันไปเลย ด้านวัตถุก็ขนเข้ามาๆ สู่คลังหลวงเป็นอย่างน้อย นอกจากนั้นกระจายทั่วประเทศไทย ทีนี้เรื่องธรรมก็เหมือนกัน ธรรมก็กระจายออกไปเรื่อยๆ ตั้งแต่เริ่มแรก

เราได้ดำริคิดไว้เรียบร้อยแล้วในการช่วยชาติคราวนี้ วัตถุนี้ประชาชนทั้งหลายเขาจะทราบกันทั่วหน้าอย่างรวดเร็ว แต่เรื่องธรรมะเขาจะไม่ทราบ เราคิดไว้แล้ว แต่ในโอกาสอันนี้เองที่ธรรมะจะได้กระจายออกไปสู่หัวใจของพี่น้องชาวไทยทั้งหลาย จะออกไปพร้อมๆ กันกับการช่วยชาติคราวนี้ทางด้านวัตถุนั้นแหละ แล้วไปที่ไหนก็เทศน์ที่นั่นๆ และการเทศน์ได้ยินได้ฟังสดๆ ร้อนๆ แล้วยังไม่แล้ว ยังติดเทปออกมา เวลานี้กำลังออกทางวิทยุจะทั่วประเทศไทยแล้วนะ ติดตั้งอยู่ทุกแห่งทุกหนเวลานี้

นี่ละธรรมเข้าสู่ใจนี้เป็นมหาคุณอย่างมากทีเดียว เราดำริไว้แล้วว่าธรรมจะได้ออกสู่โลกเฉพาะอย่างยิ่งชาติไทยของเราในคราวนี้ ไม่มากก็น้อย เข้าแน่นอนเข้าสู่หัวใจคน ก็เป็นอย่างที่ว่านั่น เราคิดไว้เรียบร้อยๆ ทุกอย่าง เราไม่ได้ทำอะไรด้วยแบบด้นๆ เดาๆ นะ เราช่วยโลกช่วยสงสารเราก็ช่วยจริงๆ ด้วยความเป็นธรรมๆ ล้วนๆ  ควรตำหนิเราตำหนิทันที เพราะเป็นความผิดเสริมไปทำไม ต้องตำหนิ ที่ถูกก็เสริมเรื่อยๆ อย่างนี้ละเราช่วยชาติ ไม่ว่าเรื่องราวอะไรที่เรานำออกแสดงๆ นี้เรานำออกจากธรรมนะ ไม่ได้นำออกด้วยเจตนาร้ายหรือเจตนาก่อกรรมก่อเวรเคียดแค้นซึ่งกันและกัน เราไม่มี มีตั้งแต่ธรรมล้วนๆ ใครผิดบอกว่าผิด ถูกบอกว่าถูก ให้พยายามแก้ไขดัดแปลงสิ่งที่ผิด ส่วนที่ถูกก็ให้เสริมกันเข้าไปๆ จะได้ดีขึ้นโดยลำดับ ในสิ่งที่ดีแล้วจะเพิ่ม สิ่งที่ชั่วก็จะได้ลดน้อยถอยลงไป เราได้พยายามสุดกำลังแล้วนะช่วยชาติคราวนี้

ทองคำเรายังจะมีหวังเพิ่มขึ้นไปเรื่อยๆ ถ้าเรายังไม่ตายเสียเดี๋ยวนี้ ยังจะมีหวังเพิ่มขึ้น ไม่มากก็เพิ่มขึ้นอยู่อย่างนี้แหละ (โยมจากอินโดนีเซียถวายปัจจัย ๒ หมื่น) โห ทางอินโดนีเซียนี่มาเรื่อย (เคยไปกราบหลวงตาที่สวนแสงธรรมด้วยครับ) เออ มากราบที่นี่ก็ได้กำไรเรื่อยๆ นะ (ตอนนี้เขากำลังสร้างวัดไทยอยู่ที่อินโดนีเซีย เขามาขอพรหลวงตาให้สร้างสำเร็จค่ะ) เรายังไม่แน่ใจ ผู้ไปสร้างวัดสร้างวา หรือมันสร้างส้วมสร้างถานก็ไม่แน่ เพราะเราเคยเห็นมาแล้ว วัดไทยเรานี้ เดี๋ยวนี้มีแต่ส้วมแต่ถานเต็มบ้านเต็มเมือง ที่เรียกว่าวัดๆ นั่นแหละ มันกลายเป็นส้วมเป็นถานไปแล้ว

ดูตั้งแต่วัดป่าบ้านตาดออกไปซิ ที่ได้ดุได้ด่าอยู่เวลานี้เพราะอะไร เพราะมันจะเป็นส้วมเป็นถาน พระเณรจะกลายเป็นมูตรเป็นคูถอยู่ในส้วมในถานเพราะการปฏิบัติเลว ส้วมถานคือวัดที่ว่าเป็นที่อยู่ของพระเณรก็เลยกลายเป็นที่อยู่ของมูตรของคูถไปเสีย กำลังสร้างวัดนั้นวัดนี้เรายังไม่ได้สนิทใจนักนะ ผู้สร้างวัดมันหอบกิเลสเต็มหัวใจไป ถ้าเป็นอรรถเป็นธรรมไปสร้างที่ไหนเริ่มดีขึ้นโดยลำดับ เวลานี้เรื่องอรรถเรื่องธรรมจะไม่ค่อยปรากฏนะ ถูกกิเลสเหยียบลงๆ นี่ภาษาธรรมเข้าใจไหม ว่าสร้างวัดที่นั่นที่นี่แทนที่จะดีใจด้วยกลับไม่ดีใจ เพราะสิ่งที่ให้แสลงแทงใจมันติดมาเรื่อยๆ ให้ได้จับไปคิด การสร้างวัดนี่สร้างยังไงนา สร้างวัดมันสร้างส้วมสร้างถานขึ้นในตัวก็ได้ แน่ะ

ดูซิวัดป่าบ้านตาด ทีแรกเราก็ว่าสร้างวัดๆ ไอ้พวกส้วมพวกถานพวกมูตรพวกคูถมันคืบคลานเข้ามากับพระกับเณรกับประชาชน เข้ามาบรรจุอยู่ในวัดป่าบ้านตาด วัดป่าบ้านตาดเลยกลายเป็นส้วมใหญ่ พระเณรและประชาชนลูกศิษย์ของวัดป่าบ้านตาด คือลูกศิษย์หลวงตาบัว เลยเป็นมูตรเป็นคูถกองใหญ่เต็มอยู่ในนี้ ท่านทั้งหลายยังภูมิใจอยู่เหรอ เราดูมาตลอดนี่ อย่างตะกี้นี้พูดถึงเรื่องให้ไปทำทางจงกรม คนหนีกันไปหมดแล้วเมื่อวานนี้เลยว่าง นั่นถ้าว่างเราก็เข้าไปดู ถ้าไม่ว่างก็ไม่ไป เวลาคนว่างเมื่อไรเราจะเข้าไปดูที่นั่นที่นี่ ไม่ดีที่ใดสั่งๆ เมื่อวานเข้าไปดูทางจงกรม  อย่างที่พูดเมื่อเช้านี่แหละ นั่นมันก็ไปเลอะๆ เทอะๆ อยู่ทางจงกรม ไปสร้างส้วมสร้างถานอยู่ในนั้น เราบอกให้ทำทางจงกรมให้ดี แล้วก็ไปเป็นอย่างนั้น

กิเลสนี่มันเร็วที่สุดนะ ตามไม่ทันง่ายๆ ใครมาพูดคำพูดอย่างนี้มีไหม พูดชัดๆ สมัยปัจจุบันมีใครพูดอย่างนี้ไหมว่า กิเลสนี้ละเอียดลออมากทีเดียวตามไม่ทัน ผู้ตามอยู่ก็ยังตามไม่ทัน ไอ้ผู้ไม่ตามไม่ต้องบอก นี่เราตามมันมาตั้งแต่วันออกปฏิบัติ ตามกิเลสนะ ตามมาตั้งแต่วันออกปฏิบัติ ตามจริงๆ ด้วยไม่ใช่ตามธรรมดา ตามจนสุดกำลังความสามารถ เปิดจ้าขึ้นมาในหัวใจ เอ้าที่นี่กิเลสกับธรรมอะไรแหลมคมกว่ากัน สุดท้ายก็ธรรมครอบหมด เมื่อธรรมครอบหมดแล้วมองไปที่ไหนก็เห็นหมดละซี ธรรมมองกิเลสมองได้ง่ายมาก

โห เมืองพุทธเราแท้ๆ เมืองไทยเรา เวลานี้กลายเป็นเมืองส้วมเมืองถานไปหมดแล้วนะ เมืองไทยทั้งประเทศนี่เท่ากับเมืองพุทธ เพราะชาวพุทธในเมืองไทยเรามีจำนวนน้อยเมื่อไร เราคิดว่าไม่ต่ำกว่า ๘๐% นี่เป็นเมืองพุทธ เดี๋ยวนี้มันจะกลายเป็นเมืองมูตรเมืองคูถไปแล้วดังที่พูดเหล่านี้ รื่นเริงบันเทิงดีดดิ้นกับกิเลสตัณหาความดีความเด่นในสิ่งที่เลวทั้งหลายว่าดีว่าเด่น แล้วก็สร้างส้วมสร้างถานขึ้นในนั้น ตัวเองก็สร้างตัวเองเป็นมูตรเป็นคูถขึ้นมา ตั้งแต่วงราชการงานเมืองลงมาจนกระทั่งสุดท้าย มีแต่พวกสร้างส้วมสร้างถานสร้างมูตรสร้างคูถทับถมบ้านเมืองของตน บ้านเมืองของตนเลยกลายเป็นมูตรเป็นคูถไปหมดเพราะความเลอะเทอะของผู้ปฏิบัติรักษาชาติบ้านเมืองนั่นเอง แต่ตรงกันข้ามเป็นผู้ทำลายชาติบ้านเมืองของตนเองโดยไม่รู้สึกตัว เพราะอำนาจของกิเลสมันแหลมคมมาก ความอยากความทะเยอทะยาน ความมักใหญ่ใฝ่สูง ความเย่อหยิ่งจองหอง ไม่มีอะไรเกินกิเลส นี้คือกิเลส สิ่งเหล่านี้เต็มหัวใจของสัตว์โลกแล้วจะไม่ดีดไม่ดิ้นแบบนี้ได้ยังไง มันต้องดีดดิ้นแบบนี้ แบบนี้คือแบบเหยียบทำลายตัวเอง ไม่ใช่แบบส่งเสริมตัวเองและส่วนรวม เช่นชาติบ้านเมืองให้เจริญรุ่งเรือง มีแต่เหยียบกันลงๆ

เอาศาสนาพระพุทธเจ้าไปยืนยันกันซิน่ะ เราถือพุทธศาสนามามีอะไรเป็นคู่แข่งขันกัน เป็นคู่ประชันขันแข่งกันให้รู้ดีรู้ชั่ว เอาภาคปฏิบัติพุทธศาสนานี้ออกใช้จะเป็นยังไง พระก็ปฏิบัติตามหลักธรรมหลักวินัยที่พระพุทธเจ้าทรงสั่งสอนแล้วด้วยความถูกต้อง ทั้งธรรมทั้งวินัยเป็นสวากขาตธรรม ตรัสไว้ชอบแล้ว นั้นคือองค์ศาสดา ท่านสอนไว้แล้วโดยถูกต้อง เอาไปปฏิบัติตามนั้นดูซิ เราจะได้ตำหนิพระองค์ตรงไหนน่ะ จะไม่มีที่ตำหนิถ้าปฏิบัติตามนี้ และจะดีวันดีคืนขึ้นชาติไทยของเรา การอยู่การกินการหลับการนอนการใช้สอยทุกสิ่งทุกอย่าง จะมีธรรมครอบอยู่ตลอดเวลา แล้วสวยงาม ความรู้จักประมาณจะติดแนบกันไปๆ ไม่ฟุ้งเฟ้อเห่อคะนองอย่างที่เป็นอยู่เวลานี้

นี่มันเมืองมูตรเมืองคูถเมืองส้วมเมืองถานนะ เอากิเลสเข้ามาเป็นส้วมเป็นถานเป็นมูตรเป็นคูถ เอาคนไทยทั้งประเทศเป็นมูตรเป็นคูถ เอาชาติไทยทั้งชาติ พื้นแผ่นดินไทยนี้เป็นส้วมเป็นถานใหญ่ เพราะความประพฤติของคนไทยเลอะเทอะ ของพระเณรในประเทศไทยเราเลอะเทอะ มันก็เลอะเทอะไปหมดอย่างนี้ซิ เอาศาสนาพุทธมาประกาศดูซิน่ะจะเป็นยังไง ใครไปก็เหยียบหัวพระพุทธเจ้า เหยียบหัวพระธรรม พระสงฆ์ไปด้วยความเย่อหยิ่งจองหองพองตัวในความเป็นมูตรเป็นคูถของตัวเองนั่นแหละ ปีนป่ายขึ้นไปเหยียบทองคำ เหยียบเท่าไรก็แหลกในตัวเองนั่นแหละ

ลองเอาพุทธศาสนาประกาศดูซิน่ะ พี่น้องชาวไทยเราเป็นชาวพุทธ หลวงตาบัวพูดอย่างออกหน้าออกตาเลย นี่ได้ปฏิบัติมาแล้ว ตั้งแต่เริ่มต้นล้มลุกคลุกคลาน แต่ความมุ่งหวังอันแรงกล้านี้รุนแรงมาก จะพูดให้พี่น้องทั้งหลายฟัง เรียนหนังสือไปตรงไหนๆ สะดุดใจไปเรื่อยๆ เรื่องมรรคเรื่องผล สวรรค์ชั้นพรหม ตลอดมรรคผลนิพพาน มันหากเป็นอยู่ในจิต เรียนหนังสืออยู่มันก็ติดแนบอยู่ในนี้ อยู่ในใจ พูดเรื่องนี้ออกมากระจายเพื่อให้พี่น้องทั้งหลายฟัง ไม่ไช่จะโอ้อวดตัวเองนะ เราดำเนินมาอย่างนี้ พอออกมาแล้ว

ได้รับโอวาทจากพ่อแม่ครูจารย์มั่นนี้ผางๆ อย่างเต็มเหนี่ยวเลย แล้วก็ถึงใจๆ ตั้งแต่นั้นมา เอ้า เป็นก็เป็น ตายก็ตาย ต้องให้ได้เป็นพระอรหันต์ในชาตินี้เท่านั้น นั่นฟังซิน่ะ ไม่เป็น เอ้าตายว่างั้นเลย เพราะฉะนั้นความเพียรมันถึงได้แก่กล้าจริงๆ จนกระทั่งเล็งคืนข้างหลังนี้ โอ้โหๆ ขยะตัวเองเรื่องความเพียร ไปอยู่บางแห่งเขาแตกบ้านแตกเมืองไปดูตีเกราะประชุมว่าเราตายแล้ว นั่นเป็นยังไง เราไม่รู้จักว่าเราจะตาย เขาอยู่บ้านเขารู้ว่าเราจะตายจะเป็นยังไง ตีเกราะประชุม ว่าพระองค์นี้มาอยู่กับเราเป็นยังไง เขายกตัวอย่างขึ้นเรื่องอดอาหาร เพราะไปที่ไหนเรามักเป็นอย่างนั้นเสมอ การอดอาหารนี่ธาตุขันธ์มันอ่อนตัวลง ธรรมดีดขึ้นๆ ทุกข์ขนาดไหนก็ทนเอา เพื่อธรรมอันนี้เองเรื่อยมา นี่เรื่องความทุกข์ความทรมาน

จิตใจก็ล้มลุกคลุกคลาน ไปร้องไห้อยู่บนภูเขาเราลืมเมื่อไร ร้องไห้จริงๆ นะ น้ำตาร่วงออกมา โถ กูขึ้นมานี่กูตั้งใจว่าจะฟัดกับกิเลส แย็บออกตรงไหนมันตีเอาๆ หงายหมาๆ เข้าใจไหมหงายหมาหงายไม่เป็นท่า ร้องแหง็กๆ เหมือนไอ้หยองหงาย หินลับอันใหญ่โตโรงงานอันใหญ่โตที่เลิศเลอ ก็คือพ่อแม่ครูจารย์มั่น ออกจากนี้ลงไปหาท่าน เอ้า ฝึกซ้อมเต็มที่แล้วมาอีก หงายหมาอีก เอ้า พูดให้มันชัดๆ อย่างนี้ละ ไปอีก หลายครั้งหลายหน มาอีกสู้มันไม่ได้ กลับมาอีกขึ้นอีกเอาอีก ต่อไปก็หงายแมว ล้มลงมันตบได้นะแมว ทีแรกมันหงายหมาร้องแหง็กๆ ไม่มีท่าสู้ พอต่อไปก็หงายแมวตบได้ ถึงอยู่ข้างใต้เขาก็ตบได้หงายแมว ต่อไปก็กลายเป็นเสือดาวเสือโคร่งขึ้นไปละที่นี่

นั่นเห็นไหมการอบรมจิตใจ ตั้งหลักฐานจิตใจได้แน่นหนามั่นคงขึ้นไป ทีนี้ก็กลายเป็นเสือโคร่งขึ้นละที่นี่ ฟัดกับกิเลส ที่นี่เอาให้มันย่นเข้ามาๆ มันเป็นเสือโคร่งใหญ่แล้วทีนี้ก็ซัดกับกิเลส กิเลสมีที่ไหนให้มา โน่นนะที่นี่ แต่ก่อนไปร้องไห้ร้องห่มอยู่บนภูเขา กับกิเลสอยู่ที่ไหนให้มา มาขาดทันทีเลย นี่เรื่องอำนาจแห่งการฝึกฝนอบรมตัวเอง เอาจนกระทั่งถึง บางที...แต่ไม่ไช่สำคัญนะ คือมันหากิเลสที่ไหนก็ไม่เจอ ค้นเอาเสียจน มีแต่จิตมันสว่างจ้าอยู่ในนั่น ครอบตลอด กิเลสตัวไหนจะโผล่ขึ้นมาไม่เห็นเลย หือ นี่มันไม่ไช่เป็นพระอรหันต์น้อยๆ ขึ้นมาแล้วหรือ ว่าเจ้าของนะ หากิเลสที่ไหนก็ไม่เห็น แต่ไม่ได้สำคัญว่าเป็นอรหันต์นะ คือมันหาไม่เจอเวลานั้น ก็เลยพูดท้าทายมันไปเฉยๆ นี่แหละ นี่ไม่ใช่เป็นพระอรหันต์น้อยๆ ขึ้นมาแล้วหรือ สักเดี๋ยวก็โผล่ขึ้นมาอีกซัดกันอีก

คือเราพูดไม่ได้สำคัญตนว่าเป็นอรหันต์นี่ พูดในเวลากิเลสมันหมอบเฉยๆ จากนั้นก็ฟัดกันๆ หนักเข้าๆ กิเลสโผล่มาไม่ได้เลย นี่ฟังซิเรื่องธรรม เมื่ออบรมขึ้นมีที่ใจ ธรรมต้องมี กิเลสอบรมสักเท่าไร มันอบรมกันทั่วโลกทั่วดินแดน ผลของมันจึงเป็นฟืนเป็นไฟเผาไหม้ทั่วโลกดินแดน ที่ไหนมีความเจริญเพราะกิเลสไม่มี มีแต่ฟืนแต่ไฟเผาไหม้ ใหญ่เท่าไรยิ่งกองใหญ่ กองฟืนกองไฟเผาไหม้เรื่อยๆ ไป ถ้าธรรมมีที่ตรงไหนส่องแสงสว่างมา ทีนี้พอธรรมจ้าขึ้นมาแล้วกิเลสมันหมอบๆ หมอบกิเลสก็ไม่ถอย เห็นภัยของกิเลส เห็นสุดหัวใจต้องตายเท่านั้น กิเลสไม่ตายเราต้องตาย ที่จะให้ถอยกิเลสไม่มี

ถึงขั้นนี้แล้ว ฟัดกันๆ ลงไป เอ้าสรุปเลย ฟาดมันนี่จ้าขึ้นมาเลยเห็นไหม นี่ละผลแห่งการปฏิบัติธรรมจากพระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าเป็นศาสดาองค์ตุ๊กตาเหรอ ท่านทั้งหลายเอามาปฏิบัติบ้างซิ เป็นยังไง นี่เรามาปฏิบัติแล้วได้พูดอยู่เวลานี้ พูดจากผลแห่งการปฏิบัติตามพุทธศาสนา ที่ประกาศกังวานสอนโลกถึงสามโลกมาจนกระทั่งปัจจุบันนี้ พวกเราหูตาใจเอาไปไว้ที่ไหน จึงไม่ยอมฟังเสียงพระพุทธเจ้า ไม่ยอมมองดูหน้าพระพุทธเจ้า อย่าว่าพระพักตร์ เอา ว่าให้ต่ำๆ สมกับว่าเรามันหยาบมากแล้ว ให้มองดูหน้าพระพุทธเจ้าบ้าง หน้าของเรามีแต่กิเลสเต็มตัว มองไปที่ไหนหาคนไม่เห็น มีแต่กิเลสหุ้มห่อเต็มตัวๆ แล้วแต่งโก้เก๋มาข้างนอก ประดับประดาตกแต่ง ภายในมีแต่มูตรแต่คูถ กิเลสตัณหา ขี้โลภ ขี้โกรธ ขี้หลงเต็มอยู่ในนั้น ทำไมไม่ดูกันบ้าง

เอาธรรมพระพุทธเจ้าเข้าไปฟัดกันซิน่ะ จะได้ปรากฏขึ้นมา ไม่ใช่เป็นพระอรหันต์น้อยๆ ขึ้นมาแล้วเหรอ นั่น แต่ก่อนมันเคยพูดได้ยังไง ทีนี้ซัดกันไปถึงขนาดจ้าลงไปหมดโดยสิ้นเชิงหายสงสัย ที่นี่มันถึงสนุกดูถ้าว่าสนุกนะ แต่นี้จะเอาความสนุกมายังไง มองไปที่ไหนเห็นแต่ป๋อมแป๋มๆ อยู่ในน้ำนั่นแล้ว และไฟก็เผาอยู่ในน้ำนั้นด้วย ไฟกิเลสตัณหา ไฟบาปไฟกรรมของตัวเองเผาตัวเองอยู่ในน้ำ น้ำก็น้ำมหาสมุทรทะเลน้ำวัฏวน หาขอบเขตไม่มี จมอยู่ในน้ำนั้น แล้วไฟก็เผาอยู่ในเวลาจมน้ำนั้นด้วย ไฟกิเลสตัณหา ไฟกรรมของตัวเองเผาตัวเองอยู่ในนั้น มันมีแต่อย่างงั้นโลกอันนี้ เอาธรรมพระพุทธเจ้าเข้าไปช่วยบ้างซิจะเป็นยังไง

นี่ละธรรมพระพุทธเจ้าประกาศออกมาได้พูดอย่างชัดเจนอย่างนี้ละ เราไม่สะทกสะท้านในสามแดนโลกธาตุนี้เราไม่หวั่นกับอะไรทั้งหมด เราพูดจริงๆ สามแดนโลกธาตุเป็นสมมุติทั้งมวล ธรรมชาตินี้เป็นวิมุตติหลุดพ้นไปโดยสิ้นเชิงแล้ว ดูโลกมันดูได้ถนัดชัดเจนทุกอย่าง แล้วการพูดออกมาด้วยความรู้ความเห็นจากธรรมพระพุทธเจ้าจะผิดไปไหน แล้วจะไม่พูดได้ยังไง พูดไม่ได้ก็พระพุทธเจ้าสอนโลกไม่ได้ซิ พระพุทธเจ้าสอนโลกมาก่อน นี้ธรรมพระพุทธเจ้าทำไมจะสอนโลกไม่ได้วะ ต้องสอนได้ซิ ปล่อยให้ตั้งแต่กิเลสเหยียบย่ำทำลายกันทั่วประเทศไทย ซึ่งเป็นแดนแห่งชาวพุทธเรานี้ดูไม่ได้นะ นี้ดู ตัวเท่าหนูก็ตามแต่หัวใจมันไม่ใช่หนู มันครอบโลกธาตุโน่นจะว่าไง

นี่ละอำนาจแห่งธรรมของพระพุทธเจ้าขึ้นในหัวใจ ใจดวงนั้นเป็นธรรมทั้งดวงแล้วมันจ้าไปหมดจะให้ว่าไง ใครจะว่าอะไรก็ว่าไปว่าหลวงตาบัว ไม่เคยสะท้านหวั่นไหวกับสิ่งใดที่มันเห่าว้อกๆ หมาเห่าฟ้า ฟ้าอยู่ที่ไหนก็ไม่รู้ มันเห่าของมันไปอย่างนั้นละ ว่าอย่างงั้นว่าอย่างงี้ มันอมขี้ออกมาพูดมันไม่ได้อมธรรมมาพูด นี้อมธรรมออกพูดนะ เราไม่ได้มาโกหกโลก เราอมธรรมมาพูด หัวใจอยู่ในนี่ ออกมาจากหัวใจ มาเป็นคำพูดคำจา ก็เรียกว่าอมธรรมออกมาพูด

พี่น้องทั้งหลายใครจะตื่นเนื้อตื่นตัวให้ตื่นนะ อย่าเอาแต่กิเลสตัณหามาเหยียบหัวใจแห่งชาวพุทธเลย ทั่วโลกดินแดนมีแต่ฟืนแต่ไฟทั้งหมด ถ้าต่างคนต่างหันหน้าเข้าหากันจากการฟังอรรถฟังธรรมแล้ว จะได้ปรับปรุงตัวเองให้ดิบให้ดีขึ้น ตั้งแต่วงราชการลงมา ไม่เห็นแก่ได้แก่เอา เห็นแก่ความเย่อหยิ่งจองหองพองตัว แล้วเหยียบย่ำทำลายผู้น้อยให้แหลกเหลวไปหมด เป็นเขียงเหยียบขึ้นของพวกเย่อหยิ่งจองหองไปเสียทั้งหมด นี่คือกิเลสตัณหาทำลายผู้อื่น ถ้าเป็นธรรมแล้วใหญ่เท่าไรยิ่งเย็น ใหญ่เท่าไรยิ่งสงบร่มเย็น ยิ่งเป็นสุข ไปที่ไหนคนเคารพบูชา อยากกราบไหว้อยากบูชา ดังเขาจะกราบไหว้พระพุทธเจ้านั้นแหละ เทวทัตใครอยากกราบไหว้บูชาวะ ตั้งแต่พระแตกไปสี่ห้าร้อยองค์ที่หลงกลอุบายของเทวทัต ก็ยังแตกกลับคืนมาหมด พระสารีบุตรโมคคัลลาน์ไปสั่งสอนเอากลับมา ก็เป็นอย่างนั้นแล้ว ฟังให้ดีนะ

เอาให้จริงจังบ้างซิ อย่ามาเหลาะๆ แหละๆ ให้กิเลสเหยียบหัว เอามาอวดกันมีแต่เรื่องกิเลสอวดกัน ไม่มีธรรมมาอวดกันเลย ใครพูดที่ไหนเราฟังหมดนั่นแหละ อันนั้นดี อันนี้ดี มีแต่ดีเรื่องกองมูตรกองคูถทั้งนั้น ไม่ได้ดีเรื่องศีลเรื่องธรรม ที่เป็นทองคำทั้งแท่งบ้างเลยพอจะให้ความสงบร่มเย็น ธรรมนี้ลงเข้าหัวใจดวงใดแล้ว จะทุกข์จะจนขนาดไหนหัวใจไม่จน จำให้ดีนะ จะขาดแคลนขนาดไหนก็ตาม หัวใจไม่ขาดแคลนจากธรรมเสียอย่างเดียวอยู่ได้สบาย อะไรจะมั่งมีศรีสุขกองเท่าภูเขาถ้าหัวใจแห้งผากธรรมจากธรรมเสีย เป็นฟืนเป็นไฟเผาไหม้ตัวเอง ภูมิใจก็ภูมิใจไปอย่างงั้นละ อันนั้นดีอย่างงั้นอันนี้ดีอย่างนี้ ดีอยู่นอกๆ ตายแล้วกองกระดูกเจ้าของก็เอาไปไม่ได้ เขาเอาไปฝังหรือไม่ฝังก็แล้วแต่เขา มีเท่านั้นแหละ

เวลานี้เป็นเวลาที่จะตักตวงความดีได้ให้พากันทำเสีย หลวงตาบัวตายจะไม่มีใครพูดอย่างนี้นะ เราพูดออกมาตามความเป็นจริง จะว่าอาจหาญไม่อาจหาญ เราไม่มี คำว่าอาจหาญก็ไม่มี เอาธรรมออกมาเต็มดวงมาพูดให้พี่น้องทั้งหลายฟัง ใครจะคิดให้คิดเสีย ธรรมพระพุทธเจ้าเลิศเลอตลอดมา ให้มองหน้าพระพุทธเจ้าบ้าง อย่ามองดูแต่หน้ากิเลส หน้าไหนมีแต่มองดูหน้ากิเลส เขาก็กิเลส เรากิเลส มองดูหน้ากันแล้วก็บ่นความทุกข์ความลำบาก ที่กิเลสสร้างขึ้นมานั่นน่ะ แต่ละคนๆ เอามาพูด ขายไม่ออก คนนี้ก็จะพูดคนนั้นก็จะพูด มีแต่คนจะพูด ทีนี้ก็ขายไม่ออกซิ เพราะมันเต็มทุกคนแล้ว ขายไม่ออกคือกิเลสเต็มหัวใจ ใครก็อยากจะระบายตั้งแต่กองทุกข์ขึ้นมา

พูดความสุขคือออกมาจากอรรถจากธรรมให้กันฟังบ้างซิ มันไม่ได้มีนะเวลานี้ ทั่วประเทศไทยจะไม่มีใครพูดเรื่องอรรถเรื่องธรรมให้กันฟัง มีแต่พูดถึงเรื่องกองทุกข์เป็นฟืนเป็นไฟเผาไหม้ แล้วก็ไม่เห็นโทษของมัน พอพูดแล้วก็เอาอีก ขยี้ขยำกับกองทุกข์เป็นไฟขึ้นมาเผาอีก มาคุยกันอยู่อย่างนั้นละ ไปในงานศพงานเมรุนี้ไปที่ไหนดูซิ มันฟังเสียงพระเทศน์เมื่อไร ไปแล้วมันเป็นโอกาสอันดี ไปเผาแต่ละรายๆ ไม่ใช่ไปอะไรนะ ไประบายทุกข์ต่อกัน อู๊ย คนนั้นก็ทุกข์คนนี้ก็ทุกข์ แบบนั้นแบบนี้ ที่จะเอาความสุขความเจริญมาพูดให้เป็นความรื่นเริงต่อกันสมไปในงานศพ แล้วไปฟังอรรถฟังธรรมของพระท่านเทศนาว่าการ ไม่มีเลย

นี่เราได้เคยไปเทศน์ในกรุงเทพเรานี้แหละ กระดานใหญ่ๆ นั้นแหละ เอาเสียบ้างแหละเรา เราไม่ได้เหมือนใครนี่ ขึ้นไปนี่พระเทศน์ไม่ฟังเลย เราก็ใส่เสียเปรี้ยงๆๆ เลยเทียวนะ เงียบหมดเลย จากนั้นธรรมะก็ออกเลย มันเป็นยังไงพวกนี้มาฟังอรรถฟังธรรมยังไงกัน มันมาระบายทุกข์อะไรกัน ซัดกันอย่างหนักออกสดๆ ร้อนๆ มันไม่รอใครนะ เปรี้ยงๆ เลย คนมืดแปดทิศแปดด้านเงียบหมดเลย นั่นเห็นไหม เราไปเทศน์ในสนามใหญ่ เมรุใหญ่กรุงเทพนะ เขานิมนต์เราไปเทศน์ ไปเทศน์มันก็เอานิสัยเดิมมาใช้อย่างว่าละ อันนี้ก็นิสัยธรรม เข้าใจไหม นิสัยธรรมก็ออกเต็มเหนี่ยวของธรรม นิสัยโลกเป็นยังไงก็ฟัดเลย นั่นละเลยเอาพูดนี้ ไปเห็นหมดแล้วถึงเอามาพูด ไม่ได้ด้นมาเดาพูด มันไม่ฟังเสียงอรรถเสียงธรรมที่ไหน มันเลอะเทอะไปด้วยกองทุกข์ มาก็ระบายความทุกข์สู่กันฟัง แล้วกลับไปบ้านเท่านั้นแหละ ไม่ได้เรื่องได้ราวอะไร

นี่ละการวิ่งเต้นกับกิเลสมันมีแต่กองทุกข์ มาขายให้กันมันขายไม่ออก ใครก็เต็มทุกข์ ทุกข์เต็มหัวใจๆ เอาธรรมออกมากระจายให้กันฟังบ้างซิจะเป็นยังไง นี่หลวงตากำลัง ธรรมออกเวลานี้ หลวงตาไม่มีทุกข์พูดจริงๆ หัวใจในทุกข์นี้ไม่มี มาเป็นเวลา ๕๕ ปีนี้แล้วหมดโดยสิ้นเชิงเรื่องทุกข์ในหัวใจ เพราะกิเลสในหัวใจไม่มี กิเลสเป็นตัวสร้างทุกข์ เมื่อกิเลสดับทุกข์ก็ไม่มี ไม่มีที่เกิด มีแต่ธรรมจ้าอยู่ในหัวใจ สอนโลกนี้สอนด้วยความจ้าในหัวใจ สอนด้วยบรมสุขเต็มหัวใจ เราไม่ได้สอนด้วยความเป็นทุกข์ในหัวใจเรานะสอนโลก ถึงจะเสียงกิริยาอาการเป็นฟืนเป็นไฟ แต่หัวใจเป็นน้ำเป็นท่า สอนโลกออกมาเป็นอรรถเป็นธรรมทั้งนั้น พลังของธรรมทั้งหมดที่เป็นกิริยาออกมาสอนโลกเวลานี้ ไม่ได้เป็นกิริยาของกิเลสออกมา

กิเลสไม่มีในหัวใจบอกตรงๆ เลย นี่เพราะอำนาจแห่งการปฏิบัติตามธรรมของพระพุทธเจ้า เอาเป็นตายเข้าว่า ตั้งแต่ล้มหงายหมาๆ ข้างบน ขึ้นไปจนกระทั่ง ฟัดถึงขั้นอรหันต์น้อยเข้าใจไหม จากนั้นก็ฟาดฟ้าดินถล่ม อรหันต์น้อย อรหันต์ใหญ่ไม่พูดถึงเลย มีแต่จ้าอยู่อย่างนี้ เข้าใจไหมล่ะ นี่ละธรรมพระพุทธเจ้า ท่านทั้งหลายเอาไปปฏิบัติบ้างซิ มันเป็นยังไงเอาแต่กิเลสมาอวดกัน มันดีอะไรขี้ กองเท่าภูเขาก็ขี้กองเท่าภูเขา มันวิเศษวิโสอะไรกองขี้ เอาธรรมกองขึ้นดูซิ ไม่เท่าภูเขาก็ตาม จ้าขึ้นในหัวใจนี้พอ ทุกข์จนหนโลกขนาดไหน หัวใจไม่ทุกข์เสียอย่างเดียว สบายคนเรานะ เข้าใจนะ เอาละพอ

 

รับฟังรับชมพระธรรมเทศนาของหลวงตา ได้ที่

www.Luangta.com หรือ www.Luangta.or.th

และรับฟังจากสถานีวิทยุสวนแสงธรรม กรุงเทพฯ และสถานีวิทยุอุดร

FM 103.25 MHz


** ท่านผู้เข้าชมทุกท่านโปรดทราบ
    เนื่องจากกัณฑ์เทศน์บางกัณฑ์มีความยาวค่อนข้างมาก ซึ่งจะส่งผลต่อความเร็วในการเปิดเว็บไซต์ ขอแนะนำให้ทุกท่านได้อ่านเนื้อหากัณฑ์เทศน์บางส่วนจากเว็บไซต์ และให้ทำการดาวน์โหลดไฟล์กัณฑ์เทศน์ที่มีนามสกุล .pdf ไปเก็บไว้ในเครื่องของท่านแทนการอ่านเนื้อหาทั้งหมดจากเว็บไซต์

<< BACK

หน้าแรก