เทศน์อบรมฆราวาส ณ วัดป่าบ้านตาด
เมื่อวันที่ ๑๒ มีนาคม พุทธศักราช ๒๕๔๘
พูดเป็นธรรมเราจำไม่ลืม
ฝนลูกเห็บตกมาจากบ้านแพง ครอบครัวแม่ชีหมงฮวด อ.บ้านแพง ทำบุญต่ออายุให้คุณแม่ชีอิ้วฮุ่ย แซ่คู ด้วยทองคำ ๑ กิโล (สาธุ) กับดอลลาร์ หนึ่งพันดอลล์ ได้เยอะวันนี้ นี่เขาเรียกลูกเห็บ ตกปรอยๆ เบาๆ เรียกว่าตกธรรมดาเบาๆ ตูมตามลงมาอย่างนี้เรียกลูกเห็บ อยู่ๆ ก็ได้เป็นกิโล พอดีกำลังหาทองเข้าคลังหลวงอยู่เรื่อยๆ หากไม่ประกาศ คราวนี้ไม่ประกาศ ให้เป็นทองคำประเภทซึมซาบ ค่อยไหลซึมเข้ามาๆ
นี่ก็ ๑๐ บาท ๒ สลึง ท่านบุญมี เป็น ๑ กิโลกับ ๑๐ บาทสองสลึง ได้เยอะวันนี้ ทองคำที่ได้เพิ่มหลังมอบแล้วถึงวันที่ ๑๑ มีนาคม ๒๕๔๘ ได้ทองคำ ๗๓ กิโล ๓ บาท ๑๐ สตางค์ นี่ละทองคำที่ประเภทซึมซาบที่ได้หลังจากมอบเข้าคลังหลวงเรียบร้อยแล้ว นี่เป็นทองคำประเภทซึมซาบ ค่อยได้ไปเรื่อยๆ อย่างนี้ นี่ถ้าไม่ขอร้องบรรดาพี่น้องทั้งหลายให้เป็นประเภทซึมซาบ ๗๓ กิโลนี้ก็ไม่มี นี่ก็ถึง ๗๓ กิโลแล้ว ต่อไปก็ขยับเรื่อยๆ พอหลอมเราก็หลอมแล้วเก็บ พอเสร็จเรียบร้อยแล้วพอมอบเราก็มอบ ตามแต่จะได้มากน้อย ควรมอบเวลาไหนเราก็มอบเท่านั้นเอง
ทองคำที่มอบแล้วกับประเภทที่ซึมซาบ ๗๓ กิโลนี้ รวมทั้งหมดเป็นทองคำน้ำหนัก ๑๑ ตันกับ ๑๑๐ กิโล ไม่ใช่น้อยนะทองคำ ๑๑ ตันเราไปหาได้ที่ไหน ตั้งแต่ตั้งเมืองไทยมาไม่เห็นใครเอาทองคำมาเป็นกอบเป็นกำใส่ตูมตามลงไปตั้ง ๙ กิโล ๑๐ กิโล ไม่เคยมี ก็มีบรรดาพี่น้องทั้งหลายขวนขวายเวลาจำเป็น ใส่ปุบปับๆ เข้าเลยเพราะเมืองไทยเรากำลังจะล่มจมปี ๒๕๔๐ นั่นกำลังจะจมจริงๆ หันหน้าลงทะเลหมด ทะเลแห่งความจม แล้วฟื้นขึ้นมา เวลานี้ทองคำได้ตั้ง ๑๑ ตันกับ ๑๑๐ กิโล และดอลลาร์ที่เข้าแล้ว ๑๐ ล้านกว่า ส่วนเงินสดนี้ออกทั่วประเทศไทย ที่ได้จากการช่วยชาติของเราในคราวนี้ ไม่ใช่น้อยๆ นี่ก็ยังจะค่อยมีต่อไปอีกทองคำ ค่อยมีไปอย่างนี้ละ ค่อยๆ ไหลซึมเข้าไป
เราก็ได้อุตส่าห์พยายามพาพี่น้องทั้งหลายขวนขวายหาทองคำมา เพื่อหนุนคลังหลวงของเรา เพราะคลังหลวงทองคำนี้บกบางมากทีเดียว เหตุที่จะพูดได้อย่างเต็มปากก็คือว่า วันเราไปมอบทองคำครั้งแรกเลยที่ธนาคารชาติ หัวหน้าคลังหลวงเขามานิมนต์เราเข้าไปดู นี่ที่ชัดเจนมากนะ นิมนต์เราเข้าไปดูทองคำในคลังหลวง เราก็ทราบทันทีว่ามีความมุ่งหมายอย่างไรจึงนิมนต์เราเข้าไป คือวันนั้นเป็นวันที่เรามอบทองคำ หัวหน้าคลังก็ให้เราไปดูให้รู้ว่าทองคำมีมากน้อยเพียงไร นั่นละเรื่องราว
พอเราไปดูแล้วออกมาก็ร้องโก้กอีกเหมือนกัน ทองคำรู้สึกว่ามีน้อยมาก ตั้งแต่นั้นมาประกาศลั่นจนกระทั่งถึงบัดนี้เป็นเวลา ดูเหมือนจะ ๗ ปีแล้วมัง จะเข้า ๗ ปีแล้ว ทองคำก็ไหลมาๆ ได้ตั้ง ๗๓ กิโลกว่าแล้วนี่ นี่ละเป็นต้นเหตุที่เราจะได้ประกาศเรื่องทองคำ คือเราได้ไปดูทองคำในคลังหลวงเสียเอง ไปดูดูจริงๆ เพราะผู้นิมนต์เข้าไปเขาก็บอก เราก็ทราบความหมายอีก คือที่ได้มาเห็นทองคำในคลังหลวงนี้มีสองท่าน หนึ่งสมเด็จพระเทพฯ สอง หลวงตา ว่างั้น นอกนั้นไม่มีใครเห็น เราไปดูก็เพื่อจะเป็นสื่อเป็นทางที่จะให้ขวนขวายหาทองคำมาเพิ่มอีก นั่นละเรื่องราว ถึงได้ทองคำมาตั้ง ๑๑ ตัน
นี่ถ้าหากว่าเราไม่บิณฑบาต หรือวิงวอนออดอ้อนขอพี่น้องทั้งหลายให้เป็นทองคำประเภทซึมซาบนี้แล้ว ๗๓ กิโลนี้ก็ไม่ได้นะ หายเงียบไปเลย ตั้งแต่วันมอบเสร็จเรียบร้อยแล้ว ๑๑ ตันกับ ๓๗ กิโลครึ่งมอบเรียบร้อยแล้ว ทีนี้ ๗๓ กิโลนี้จะไม่มีเพราะเราไม่สืบต่ออีก และจะไม่มีตลอดไปเลย แต่นี้ก็มีมาเรื่อยๆ สืบต่อ ต่อไปก็จะเป็นร้อยขึ้นไปๆ นี่ละความพร้อมเพรียงสามัคคีกันมีน้ำหนัก มีกำลังมาก เมืองไทยเราจะล่มจะจมอยู่แล้วเห็นต่อหน้าต่อตาปี ๒๕๔๐ แหมเราถึงขนาดร้องโก้กนะ
เราบวชมานี้ไม่เคยสนใจกับเรื่องการบ้านการเมืองอะไร มีแต่มุ่งต่ออรรถต่อธรรมโดยถ่ายเดียว ตั้งรัฐบาลมากี่ยุคกี่สมัยเราก็ทราบมาเป็นลำดับลำดา เพราะลูกศิษย์ลูกหามีอยู่ทุกกระทรวงจะไม่ทราบได้ยังไง เขามาเล่าเรื่องอะไรๆ ให้ฟัง ส่วนมากต่อมากเขาจะเล่าตามความสัตย์ความจริงที่เขาได้พบได้เห็นมาทั้งฝ่ายดีฝ่ายชั่ว เขามาเล่าให้ฟังเราก็เฉย ทราบเรื่อยๆ เฉยเรื่อยๆ มา นี่ละเรื่องราวที่จะกระเทือนใหญ่ก็ตอนเมืองไทยจะจมนี้ ถึงขนาดร้องโก้ก ให้เขาไปค้นในบัญชี เงินที่ติดหนี้เขาเท่าไรๆ ให้เขาไปค้นดูเลยในคลังหลวงนั่นละ ติดหนี้ฝรั่งมังค่าที่ไหนเท่าไรๆ ให้เขาเอาตัวจริงมา
โถ พออ่านตัวจริงแล้วมันจะสลบไสลนะไม่ใช่ธรรมดา พูดภาษาโลกเขาเรียกว่าเสียอกเสียใจ เหมือนว่าจะเป็นจะตายอยู่ในขณะนั้น เมืองไทยเรา ๖๒ ล้านคนมองหาตัวคนไม่เห็นเลย เห็นแต่หนี้ทับหัวหมดเมืองไทยเรา ๖๒ ล้านคน มันน้อยเมื่อไร แล้วคน ๖๒ ล้านคนยังมองหาคน ๖๒ ล้านคนไม่เจอไม่เห็น เห็นแต่หนี้ทับหัวๆ นี่ละที่เราร้องโก้ก ถ้าเรามองย้อนไปข้างหลังอีกเราก็จะไปเห็นไอ้กี้ไอ้หยองอีก แต่เราไม่ได้มองย้อนหลังเฉยๆ มองไปแต่ข้างหน้า
มาคิดเฉลี่ยออกตั้งแต่เด็กถึงผู้ใหญ่ ๖๒ ล้านคนนั้น ติดหนี้เขาคนละห้าหมื่นบาทๆ ฟังซิ เด็กตั้งแต่เล็กขึ้นไปถึง ๖๒ ล้านคนติดหนี้เขาเฉลี่ยคนละห้าหมื่นๆ คือเงินติดหนี้เขาเอามาเฉลี่ยในคน ๖๒ ล้านคนจะเป็นจำนวนติดหนี้เขาคนละเท่าไร ห้าหมื่นบาท โห จะทำยังไง เราจะมีปัญญามาจากไหนเอาเงินมาใช้เขา คิดไปที่ไหนก็ไม่ได้ หาเหตุหาผลตรงไหนก็ไม่ได้ มันจะจมเพราะเหตุไร อะไรมาพาให้จม บ้านไหนเมืองใดประเทศใดที่จะมาโจมตีมาบุกรุกมารบชาติไทยของเราให้ล่มจม มองหาที่ไหนมันก็ไม่มี ครั้นมองไปก็เห็นแต่ตาดำๆ เหล่านี้ละ
ทำไมจึงเห็นแต่ตาดำๆ พวกนี้พวกโจรพวกผู้ร้ายใหญ่ ใครมีเท่าไรๆ ควักออกไปซื้อๆ ฟุ้งเฟ้อเห่อเหิมลืมเนื้อลืมตัว นี่เป็นภัยต่อกระเป๋า ต่างคนต่างเป็นภัยต่อตัวเอง เป็นภัยต่อชาติ ติดหนี้พะรุงพะรัง นั่นเห็นไหมล่ะ ไม่มีใครมาทำให้ติดหนี้ ไม่มีใครมาทำเมืองไทยให้จม ก็มีแต่คนไทยเราทั้งนั้นทำให้ชาติไทยเราจม เอา คนไทยเราทำชาติไทยให้ฟื้น ให้รู้ตัว จึงได้ฟื้นขึ้นมา เรื่องราวเป็นอย่างนี้ คือหาโทษกับใครก็ไม่ได้ ไม่มี ว่าใครจะมาทำความผิดถึงขนาดชาติไทยล่มจม เช่นอย่างรบกัน ชาติไทยล่มจมเพราะถูกเขารบเอา มันก็ไม่มี ก็มีแต่พวกคนไทยด้วยกันเป็นโจรเป็นมารของตัวเองนั้นแหละ แล้วก็เป็นโจรเป็นมารทั่วประเทศไปเลย จมไปด้วยกัน นี่ละเรื่องราว ถึงได้พลิกใหม่ เอา ต่างคนต่างขวนขวาย ให้ประหยัดมัธยัสถ์ขวนขวายหามา เอา เราจะเป็นผู้นำ ถึงได้ออกปากพูดว่าเราเป็นผู้นำ เรื่องราวจริงๆ เป็นมาอย่างนี้
ก็เดชะอยู่ชาตาของชาติไทยของเรา เป็นไงไม่รู้นะหากดลบันดาล ดวงชาตาของชาติไทยเรายังมีอยู่ยังแน่นอยู่ มีแกนยึดอยู่ เราไม่ได้พูดถึงเรื่องว่าจะยกจะยอจะเหยียบตัวเอง เราทำเมรุเตรียมจะไปแล้ว เริ่มเข้าพรรษาหรือเข้าพรรษาไม่กี่วันปี ๔๐ หรือ ๔๑ ลืมแล้ว พอทำเมรุเสร็จ อยู่ๆ ยังไงก็ไม่ทราบ เรื่องก็คึกคักขึ้นมาอย่างที่ว่า ให้รวมที่ติดหนี้ติดสินออกมา พอดีได้ยาเทวดามากินยาหมอเติ้ง เราไม่อยากว่ายาธรรมดา อยากจะพูดว่ายาเทวดา ยาหมอเติ้งมาใส่ปุ๊บ เขามาชี้แจงเหตุผลกลไกเรื่องยาให้ฟัง พอฟังแล้วก็ลงใจ บอก คราวนี้เป็นครั้งสุดท้ายของเรา หายด้วยยานี้ก็หาย ถ้าไม่หายจะไม่ยุ่งกับยาอีกต่อไป เราจะทำหน้าที่ตายเท่านั้น
พอใส่ยาเข้าไปปุ๊บนี้ดีดผึงๆ เลย นั่นละเรื่องราวมัน ทุกอย่างดีขึ้นหมดเลย ก็จึงได้ช่วยชาติตลอดมาจนกระทั่งทุกวันนี้ จึงว่าดวงชะตาของชาติไทยเรายังดีอยู่ บันดลบันดาลฟื้นตัวขึ้นมาได้ คิดดูซิเวลานี้เงินในคลังหลวงของเรามี ๔๗,๐๐๐ ล้านเหรียญสหรัฐ เงินเรามากแล้ว หนี้ก็ใช้ล่วงหน้าไปตั้งสองปี ไอเอ็มเอฟเอ็มแอ๊บนั่นน่ะ เสียงมันเหมือนกบ แต่มันจะกลืนชาติไทยทั้งชาติไอเอ็มเอฟเอ็มแอ๊บ ฟื้นได้ ไถ่ตัวขึ้นมาหมด แล้วเรายังมีเงินเพิ่มเข้ามาอีก ได้ตั้ง ๔๗,๐๐๐ ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มเติมขึ้นมามาก เวลานี้เรียกว่าคลังหลวงของเราเข้าขั้นมัชฌิมาแล้ว จะก้าวหน้า ขึ้นตรงกลางแล้วจะขึ้นละ ต่อยอด ถ้าพวกนี้ไม่เป็นยักษ์สังหารกระเป๋าตัวเองและกระเป๋าชาติก็อยู่ด้วยกันนั้น มันก็หมดด้วยกันเท่านั้นเอง จำให้ดีนะคำนี้
เราได้อยู่เมื่อไรช่วยโลก ช่วยจนจะไม่มีตับมีปอดติดตัวแล้วเวลานี้ กำลังเตรียมจะติดหนี้เขา เงินไปวันละกี่ล้านๆ ไม่รู้ วันละหลายล้านนะ เมื่อวานนี้ก็ห้าล้าน วันนี้ยังไม่ทราบ ออกไปนี้เดี๋ยวจะได้รับเหตุการณ์อีก พอออกไปนี้จะมีละ เซ็นพับๆ จ่ายๆ ทางโน้นทางนี้ เวลานี้ทางวิทยุ ทางนู้นก็จะตั้งวิทยุ ทางนี้ก็จะตั้งวิทยุ ขาดเงินเท่านั้นขาดเงินเท่านี้ ขาดเท่าไรก็คือมาขอเราเท่านั้นแหละ เราก็จ่ายให้ๆ มากต่อมาก เวลานี้กำลังจ่ายทางวิทยุ เหตุที่เราจ่ายทางวิทยุนี้ คือธรรมนี้มีคุณค่าต่อจิตใจมากมาย นั่นเราเอาตรงนั้น เพราะฉะนั้นเงินทองข้าวของนี้จึงเป็นปุ๋ยหนุนจิตใจของเราเข้าสู่ธรรม เมื่อได้ยินได้ฟังเสียงอรรถเสียงธรรมแล้ว ใจจะค่อยสงบลง
ใจมันฟุ้งเฟ้อเห่อเหิมเป็นฟืนเป็นไฟเผาไหม้กันทั่วโลก เมื่อมีธรรมเป็นน้ำดับไฟจะค่อยยุบยอบลงไป มีน้ำดับไฟมากเท่าไรยิ่งเย็นไปๆ เรื่อย เป็นอย่างนั้นนะ เราจึงได้อุตส่าห์นะ วิทยุเวลานี้ก็ขอมามากมาย ส่งเงินให้ๆ เรื่อยๆ ไป เราเห็นทางด้านจิตใจเราถึงอุตส่าห์พยายาม หมดเป็นหมดเราทำประโยชน์เพื่อโลก เราไม่ทำประโยชน์เพื่อเอาเงินนี้ ไม่เอา เราเพื่อโลกทั้งนั้น เพราะฉะนั้นอะไรที่จำเป็น เช่นอย่างวิทยุนี้สำคัญมาก เราให้เลยๆ ควรให้เท่าไรให้ไปเรื่อยๆ เวลานี้ มากมายนะวิทยุ เอาละพูดเท่านั้นไม่พูดมาก
(ลูกศิษย์กราบถวายเช็ค) มันมาอย่างนี้ละ ออกช่วยโลกทั้งนั้นนะ มานี้ผ่านปุ๊บออกเลย เราได้เหล่านี้ละช่วยโลกเวลานี้ คือการเทศนาว่าการช่วยชาติเมืองเรางดไปแล้ว เงินอย่างนั้นไม่มี ก็มีแต่เงินที่ผู้บริจาคมีศรัทธามากน้อยเพียงไร เอานี้ละออกช่วยโลกเวลานี้ เอาเข้ามาถวายจะให้พรๆ เอาวางนั่นเลย วางนั่นละ มหาสติปัฏฐานสูตร อ่านดูซิ ท่านย่นเข้ามาตั้งแต่ ๗ ปี ๗ เดือน ๗ วันเข้ามา ถ้าตั้งมหาสติปัฏฐานสี่นี้สำเร็จไม่สงสัย ท่านสอนไว้เป็นเครื่องรับรอง เอาละที่นี่ให้พร
ฝรั่งก็มาวัด มากับคนไทยเรา ท่านปัญญาท่านพูดเป็นธรรมเราจำไม่ลืม ท่านปัญญาท่านพูดเป็นธรรมดี เราไม่ลืมนะ ท่านพูดถึงเรื่องว่า พวกฝรั่งนี้ถ้าทางโลกแล้วยอมรับว่าเขาฉลาด แต่ทางธรรมนี้ฝรั่งโง่มาก นี้ท่านปัญญา ชาวอังกฤษพูด พุทธศาสนานี้เด่นมานานแสนนาน ไม่มีพวกฉลาดเหล่านี้จะยึดศาสนานี้ได้เป็นสมบัติอันล้นค่าของตนบ้างเลย ยึดแต่ศาสนานั้นศาสนานี้ลุ่มๆ ดอนๆ หาสาระไม่ได้ ท่านพูดอย่างนั้นเลย เราฟังเราไม่ลืม พุทธศาสนาที่เลิศเลอสุดยอดน่าจะเข้ากันได้กับฝรั่งที่ฉลาด แต่กลับเข้าไม่ได้ ถ้าเรื่องศาสนาแล้วโง่มาก ท่านพูดน่าฟัง อันนี้มันก็เป็นกรรมของสัตว์ แน่ะฟังซิ ใครจะอยู่ที่ไหนก็ตามมันเป็นกรรมของสัตว์อยู่ภายในใจ ใครมีนิสัยใจคอเกี่ยวข้องกับธรรมที่ไหนมันก็ติดก็พันกันเอง ผู้ไม่มีนิสัยทางนี้ ของโง่ก็เอาไปกินหมด ท่านว่างั้น ท่านพูดเท่านี้ละ เราก็ไม่ลืม พวกเราโง่หรือฉลาดถามตัวเองซิ มันโง่ก็กิเลสเอาไปกินหมด ถ้าฉลาดธรรมะได้กินบ้าง ไปละ วันนี้ได้ทอง ๑ กิโลกับ ๑๒ บาท
รับฟังรับชมพระธรรมเทศนาของหลวงตา ได้ที่
www.Luangta.com หรือ www.Luangta.or.th
และรับฟังจากสถานีวิทยุสวนแสงธรรม กรุงเทพฯ และสถานีวิทยุอุดร
FM 103.25 MHz |