กรรมดีกรรมชั่วครอบหมด
วันที่ 8 มีนาคม 2548 เวลา 8:45 น.
สถานที่ : วัดป่าบ้านตาด
| |
ดาวน์โหลดเพื่อเก็บไว้ในเครื่อง
ให้คลิกขวาแล้วเลือก Save target as .. จาก link ต่อไปนี้ :
ข้อมูลเสียงแบบ(Win)   ข้อมูลเสียงแบบ(MP3)   วิดีโอแบบ(Win Narrow Band)

ค้นหา :

เทศน์อบรมฆราวาส ณ วัดป่าบ้านตาด

เมื่อวันที่ ๘ มีนาคม พุทธศักราช ๒๕๔๘

กรรมดีกรรมชั่วครอบหมด

 

ก่อนจังหัน

พระทำข้อวัตรปฏิบัติด้วยความพร้อมเพรียงกันตลอดมานี้ ก็เห็นชัดเจนแล้ว เรียบร้อยดีทุกอย่างๆ แต่การทำความสะอาดข้างวัดข้างวา ในวัดในวา ให้รู้จักประมาณให้รู้จักขอบเขต เช่นอย่างบริเวณแถวนี้สกปรกมาก เราเลยสั่งให้มาทำความสะอาด เมื่อสะอาดแล้วให้วางไว้เป็นระยะๆ อย่ามาพร่ำเพรื่อซ้ำๆ ซากๆ ไม่ได้นะ ที่ไหนๆ ก็เหมือนกัน และการทำข้อวัตรปฏิบัติให้รู้เวล่ำเวลา ค่ำสายบ่ายโมงต้องคิด ไม่คิดไม่ได้นะ ผมเคยได้มาดุพระ ค่ำๆ มืดๆ ยังมาเห็นทำอะไรปิ๊กๆ อยู่นี้ไม่รู้จักเวล่ำเวลา ความเพียรเป็นอันดับหนึ่งนะทางด้านจิตใจ อันนี้เป็นสิ่งอาศัยชั่วคราวเท่านั้น ทำตามความจำเป็นของมันภายนอก ส่วนภายในจำเป็นตลอดเวลา ให้ตั้งหน้าตั้งตาทำ

ภาวนานี่สำคัญมาก โลกไม่เคยมีภาวนา เพราะฉะนั้นจึงมีแต่ฟืนแต่ไฟ เห็นกันยิงเขี้ยวยิงฟันจะกัดกัน แม้แต่พระหัวโล้นๆ ก็ยังยิงเขี้ยวยิงฟันจะกัดกัน คนไม่มีภาวนาเป็นอย่างนั้น ถ้ามีภาวนาจะมองดูใจของตัวเอง มันเป็นยังไงมหาเหตุ ส่วนมากมีแต่ความชั่วช้าลามกมันดันอยู่ภายในจิตใจ สติดูไปนั้นปั๊บจับได้ แล้วเป็นน้ำดับไฟระงับกันทันทีๆ นี่ผู้มีความเพียรทางด้านจิตตภาวนา เรื่องภาวนาจึงเป็นเรื่องสำคัญมาก

พุทธศาสนาของเรานี้ขึ้นต้นภาวนาเลยเทียวนะ อันนี้เป็นหลักใหญ่มากไม่ค่อยมีใครมาสอนอย่างที่ว่าภาวนา ดูจิตใจคือตัวมหาเหตุ คนตายแล้วไม่มีเหตุมีผลอะไรเลย สัตว์ตายแล้วไม่มีเหตุมีผล ที่ยังมีชีวิตอยู่ซี ตัวตั้งเหตุตั้งผลตั้งอยู่ภายในจิตใจตลอดเวลา จึงต้องมีการระงับดับกัน ให้พากันจำเอานะ

หน้าที่การงานทุกอย่างให้รู้เวล่ำเวลา ไม่ใช่จะทำสุ่มสี่สุ่มห้า เลยถือกิจภายนอกสำคัญยิ่งกว่ากิจภายในคือการภาวนาไปเสีย ใช้ไม่ได้นะ เอาละให้พร

หลังจังหัน

เมื่อวานนี้เราก็ไปนู้น เกษตรสมบูรณ์ ก็อย่างนั้นละพอไปได้เราก็ไป เอาของไปให้โรงพยาบาลเขา ไม่ได้ไปนานแล้ว ดูเหมือนจะเป็นสองเดือนมัง แยกทางโน้นแยกทางนี้ ไปทางโน้นทางนี้ ถ้าเหนื่อยมากก็พักไปเสียก่อน ระยะก่อนหน้านี้พักบ้าง เหนื่อย เราอย่าไปถือเป็นอารมณ์นะพวกที่มาโจมตี ยกตัวอย่างเลยเขามาโจมตีหลวงตาบัว ให้เขายกมาทั้งโคตรทั้งแซ่เขาก็ให้เขายกมา เขาว่าเท่าไรก็ให้เขาว่ามันลงกระป๋องไปหมด เข้าใจไหม ไม่ได้มาหาหลวงตาแหละ พูดตรงๆ อย่างนี้ ยกมาทั้งโคตรก็ลงกระป๋องกันทั้งโคตรพวกนี้น่ะ อย่าไปสนใจ เราพาพี่น้องชาวไทยเราอุ้มชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ มาตั้งแต่ปีไหน ท่านทั้งหลายทราบกันทั้งประเทศใช่ไหม เราทำความบกพร่องตรงไหนต่อชาติต่อศาสนา พระมหากษัตริย์ มีที่ไหนไม่มี เราแน่ใจของเราอย่างนั้นด้วยความบริสุทธิ์ใจ เราทำเต็มเม็ดเต็มหน่วย ไอ้เรื่องมันเห่าว้อๆ แว้ๆ แม้แต่ไอ้หยองมันก็ยังเห่า

แต่ก่อนมันเห่ามานี้มันเห่าสนุกปากมัน ติดก้นมานี่ละ เห่ามาเรื่อยมันไม่รู้เรื่องอะไร วันหลังเราเข้าไปก็เตรียมไม้เรียวไปด้วย ถือแอบไป ถ้ามันเห็นเรามันจะเห่าละ ก็เห่าจริงๆ ติดมาใกล้ๆ ใส่เปี๊ยะเดียวนี้เปิดออดหลอด เดี๋ยวนี้มันไปถึงไหนไม่รู้นะ เห็นไอ้หยองไหม ตั้งแต่นั้นมาเห่าอยู่โน้นไม่ได้มาเห่าใกล้ๆ เขาก็รู้เรื่องเหมือนกัน พอถูกไม้เรียวเขาก็เห่าห่างออกไป แต่คนนี้เลวกว่าหมา พอถูกไม้เรียวปั๊บยิ่งเห่าใหญ่ เขาจะว่าอะไรให้เขาว่าเถอะว่าหลวงตาบัว บอกตรงๆ ให้ยกสามโลกธาตุมาว่าเลย เราเต็มหัวใจเราแล้วที่เราทำความดีต่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ เต็มกำลังความสามารถของเรา ผลที่ได้มาก็ดังพี่น้องทั้งหลายเห็นนั้นแหละ

เวลานี้ธรรมก็กำลังกระจายออก วิทยุไม่ทราบว่ากี่แห่งกี่หนก็วิ่งเข้ามานี้ละ ใครขาดอะไร เมื่อวานซืนนี้ก็ส่งไปโคราชหกแสน โคราชขาด ไม่พอ ตั้งวิทยุขึ้น วิทยุเสียงธรรมเรานี้แหละ ออกๆ ทุกแห่ง แล้วก็มาที่นี่ ขาดเขินอะไรมา เราก็ให้ๆ อย่างนั้นตลอด เพราะเราให้เพื่อโลกทั้งนั้นนี่ เราไม่เอาอะไรบอกแล้ว ได้มาเพื่อให้ๆ เพื่อทำประโยชน์แก่โลก เราไม่สนใจกับอะไรละ มีมากมีน้อยว่ามา ใครให้เอาหมด เอาหมดก็ให้หมดเลยไม่มีเหลือ เราทำอย่างนั้นทำประโยชน์แก่โลก

ใครจะมาโจมตีหลวงตาบัวให้บอก อยากโจมตีแบบไหนให้ว่ามา มาหมดทั้งโคตรทั้งแซ่ก็ให้มา มันลงกระป๋องกันทั้งนั้นแหละไม่ไปไหน จะให้หลวงตาบัวรับเอานี้ไม่มีทาง บอกตรงๆ เลย ไม่ว่าดีว่าชั่ว โยนเข้ามาๆ ตกออกหมดเลย เราพอทุกอย่างแล้ว เราช่วยโลกด้วยความพอของเรา เกิดมาในชาตินี้เราไม่คิดไม่คาดว่าจะได้ทำประโยชน์ให้โลกเต็มความสามารถอย่างนี้ เราก็ได้ทำเต็มความสามารถของเราแล้ว ใครจะมาตำหนิติเตียนอะไรเราไม่สนใจทั้งนั้น เรารู้อยู่ในตัวของเราที่ทำประโยชน์ให้โลกเป็นยังไง เราจึงไม่สนใจ อย่าไปสนใจกับมันนะพวกนี้ ให้มันเห่าไปซีปากเขามี หูเรามีเราอยากฟังก็ฟัง ไม่อยากฟังก็ไม่ฟังเป็นไรไป แล้วมีอะไรอีกล่ะ

ผู้กำกับ        แก้กม.ถวายคืนพระราชอำนาจ! ช่องทางถอดสลัก"วิกฤตสงฆ์"

 

โดย เซี่ยงเส้าหลง 7 มีนาคม 2548 00:03 น.

 

            ที่ สนธิ ลิ้มทองกุล เล่ารายละเอียดให้ฟังด้วยภาษาชาวบ้านในรายการยอดฮิต เมืองไทยรายสัปดาห์ – วันที่ 4 มีนาคม 2548 ถึง สาเหตุที่แท้จริง กรณีที่ หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน จะถวายฎีกาในวันนี้นั้น อยากให้เปิดอ่าน ผู้จัดการรายวัน – หน้า 15 อ่านทบทวนดูอีกทีแล้วจะเห็นว่าจริง ๆ แล้วเป็นการต่อสู้ต่อเนื่อง สืบเนื่องมาจากการรณรงค์ แก้ไขกฎหมายคณะสงฆ์ เพื่อให้ทั้ง การสถาปนาสมเด็จพระสังฆราช, การปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช กลับไปอยู่ที่ พระราชอำนาจของพระมหากษัตริย์ – โดยสมบูรณ์และไม่มีข้อจำกัด เหมือนเมื่อครั้งก่อนปี 2535 โน้น

            แรกเริ่มเดิมที การสถาปนาสมเด็จพระสังฆราชนั้น พ.ร.บ.คณะสงฆ์ พ.ศ. 2505 บัญญัติไว้ใน มาตรา 7 ว่า “...พระมหากษัตริย์ทรงสถาปนาสมเด็จพระสังฆราช.” แค่นั้น ไม่มีข้อความใดต่อท้าย หมายความว่าเป็น พระราชอำนาจโดยสมบูรณ์ ครั้นเมื่อถึง ปี 2535 มีการแก้ไขเปลี่ยนแปลงใน พ.ร.บ.คณะสงฆ์ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2535 ให้เป็นดังนี้ “นายกรัฐมนตรีโดยความเห็นชอบของมหาเถรสมาคม เสนอนามสมเด็จพระราชาคณะผู้มีอาวุโสสูงสุดโดยสมณศักดิ์ขึ้นทูลเกล้าฯเพื่อทรงสถาปนาเป็นสมเด็จพระสังฆราช.” เท่ากับ จำกัดพระราชอำนาจ ให้อยู่ใน กรอบ ถึง 2 ชั้น อันไม่บังควร

            กรอบชั้นที่ 1 อยู่ที่ นายกรัฐมนตรี และมหาเถรสมาคม จะเลือกทูลเกล้านาม สมเด็จพระราชาคณะรูปหนึ่งรูปใด ขึ้นไป

            กรอบชั้นที่ 2 อยู่ที่กฎหมายใหม่ กำหนดตายตัวไว้ที่ สมเด็จพระราชาคณะผู้มีอาวุโสสูงสุดโดยสมณศักดิ์ ประเด็นพิจารณาอยู่ที่ ล็อกตายตัว ไว้กับสมณศักดิ์ ไม่ใช่เปิดกว้าง โดยไม่เขียนไว้ในกฎหมายเพื่อเปิดโอกาสให้พิจารณาความเหมาะสมด้วย

หลวงตา       นั่นเห็นไหม อาวุโส ภันเต นี่พระพุทธเจ้าทรงบัญญัติไว้ อาวุโสโดยสมณศักดิ์นี่คือพวกขี้หมูราขี้หมาแห้งมันตั้งขึ้นมา พอกพูนกองมูตรกองคูถให้ไปเหยียบหัวพระพุทธเจ้าที่ทรงตั้งพระบัญญัติมา เอ้าว่าไป

ผู้กำกับ        ในส่วนของกรอบชั้นที่ 2 นี้เมื่อพิจารณา มาตรา 10 กรณี แต่งตั้งผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช ที่แก้ไขในคราวเดียวกันเมื่อ ปี 2535 ให้ยึดหลัก อาวุโสสูงสุดโดยสมณศักดิ์ แทนที่ของเดิมที่ให้ยึดหลัก อาวุโสโดยพรรษา เป็นที่ถกเถียงกันมากมานานแล้วว่าเป็นการกระทบพระวินัย ที่กำหนดให้พระสงฆ์นับถือ อาวุโสทางพรรษา มาช้านาน

หลวงตา       ของเดิมคือพระพุทธเจ้า อาวุโส ภันเต เป็นพระพุทธบัญญัติ อาวุโสโดยสมณศักดิ์นี้ พวกมูตรพวกคูถมันตั้งขึ้นมา พูดให้มันชัดๆ ปากเรานี้ มันตั้งขึ้นมาเพื่อเหยียบหัวพระพุทธเจ้า พุทธบัญญัติคือพระพุทธเจ้าเอง สมณศักดิ์มันตั้งขึ้นมาโก้ๆ ของมันมาเหยียบหัวพระพุทธเจ้า อาวุโส ภันเต นี้แม้ตั้งแต่แสดงอาบัติก็ต้องมีอาวุโส ภันเต ติดแนบๆ แสดงอาบัติขมาโทษต่อกันๆ มีอาวุโส ภันเต ตลอด นี่เรื่องพระพุทธบัญญัติเป็นอย่างนี้ ไอ้นี้สมณศักดิ์สมณแสกมันเอามาลบล้างพุทธศาสนา พวกนี้กำลังเริ่มลบล้างพุทธศาสนาด้วยวิธีการต่างๆ เป็นลำดับลำดามา ไม่มีที่ไหนที่จะเทิดทูนพระพุทธเจ้า มีแต่เหยียบลงๆ เอาขี้หมูราขี้หมาแห้งขึ้นพอกพูนแทนๆ กองมูตรกองคูถสมณศักดิ์อะไร เข้าใจไหม พระพุทธเจ้าเลิศเลอมาขนาดไหน มันกำลังเหยียบลงๆ ด้วยวิธีการต่างๆ อย่างนี้ละ

ผู้กำกับ        เรื่องนี้ “เซี่ยงเส้าหลง” เคยกล่าวไว้หลายครั้งแล้วว่าหากพิจารณา รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2540 ใน หมวดพระมหากษัตริย์ จะพบ มาตรา 11 บัญญัติไว้ว่า “พระมหากษัตริย์ทรงไว้ซึ่งพระราชอำนาจที่จะสถาปนาฐานันดรศักดิ์ และพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์.” ซึ่งจะหมายความเป็นอื่นไปไม่ได้นอกจากเป็น พระราชอำนาจโดยสมบูรณ์ ไม่ถูกจำกัดด้วยกรอบ หากนำมาปรับใช้ในกรณี การสถาปนาสมเด็จพระสังฆราชจะพบว่า เข้าข่ายมาตรานี้แน่นอนโดยพิจารณาจากถ้อยคำ ฐานันดร ที่แปลว่า “...ลำดับในการกำหนดชั้นบุคคล เช่น ยศ, บรรดาศักดิ์.” ส่วน สถาปนา ก็แปลว่า “...ยกย่องโดยแต่งตั้งให้สูงขึ้น.” ดังนั้นความใน มาตรา 7 แห่งกฎหมายคณะสงฆ์ที่ใช้บังคับในปัจจุบันที่กำหนด กรอบ สติปัญญาความรู้ทางกฎหมายระดับ “เซี่ยงเส้าหลง” พิจารณาได้ในชั้นต้นว่า ขัด, แย้ง แน่นอน

นี่เป็นประเด็นพื้นฐานที่กลุ่ม หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน เคลื่อนไหวทางความคิดอยู่ใน ภาคอีสาน ตั้งแต่ในช่วง ปี 2546 โดยในชั้นต้นเริ่มด้วยการล่ารายชื่อ 2 ล้านรายชื่อ แต่ในปลายปี 2546 วิษณุ เครืองาม, พล.ต.ท.อุดม เจริญ ออกมา ให้ข่าวสื่อมวลชนในกรุงเทพฯ แต่ประเด็นไหลเลื่อนเคลื่อนไปเป็น เสนอตั้งพระสังฆราช 2 องค์ จนก่อให้เกิด ความเข้าใจผิด และกลุ่มผู้เคลื่อนไหวแก้กฎหมายคณะสงฆ์จำเป็นต้อง ยุติความเคลื่อนไหว เพื่อเห็นแก่ส่วนรวมในช่วงนั้น

หลวงตา       มันแก้เป็นฝ่ายภาคอีสานเสนอตั้งสังฆราชสององค์ ตัวหัวมันผู้ตั้งมันไม่ว่าเหรอ อย่างนี้ละมันหาเรื่องพลิกแพลงเปลี่ยนแปลง พวกหลายสันพันคมมีแต่จะกัดจะฟันตลอดเวลา ภาคไหนก็จะเป็นไรไป คนไทยทั้งประเทศ แน่ะก็เท่านั้นเอง จะเอาอะไรมาแยก พูดนี้เพื่อจะดูถูกภาคอีสาน พ่อแม่มันอยู่ภาคไหนมันไม่มีภาคเหรอ พวกนี้ไม่มีภาคไม่มีหลักมีเกณฑ์ไม่มีขั้นมีภูมิ มันหาเรื่องมาว่าอะไร เขามีหลักมีเกณฑ์เขาอยู่ภาคอีสาน มันอยู่ภาคไหนไอ้นี้น่ะ เขายังมีหลักมีเกณฑ์ออกมาช่วยชาติบ้านเมืองเต็มกำลังความสามารถ มันอยู่ภาคไหนมันถึงมาโจมตีแต่ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ อยู่ตลอดเวลา มันอยู่ภาคไหนไอ้นี่น่ะ มันถึงมาหาทำลายแต่คนอื่นเขาตลอดเวลา พวกนี้เขาทำลายชาติหรือเขาทำลายอะไร ภาคที่ว่าภาคอีสานเขาทำลายอะไร เอ้าว่ามาซิ

หลวงตาบัวนี่ภาคอีสาน ภาคกลางหลวงตาบัวก็อยู่ เคยอยู่เคยขี้ใส่หมดภาคไหนก็ดี หมดประเทศไทยนี่เคยไปอยู่ไปขี้ ปวดขี้ที่ไหนขี้ที่นั่น เราขี้ใส่ทุกภาคเลย มันจะเอาภาคไหนมาอวดเราวะ

ผู้กำกับ        แต่ปัญหาใหม่ก็เกิดขึ้นใน วันที่ 13 มกราคม 2547 คราวนั้นเป็นเรื่องของ มาตรา 10 ว่าด้วย การแต่งตั้งผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช ที่ไม่ว่ากฎหมายเก่า (ก่อนปี 2535) หรือกฎหมายใหม่ (หลังปี 2535) ก็ล้วนไม่แตกต่างกัน กล่าวคือกำหนดให้เป็นหน้าที่ของมหาเถรสมาคม ส่วนที่แตกต่างคือกฎหมายเก่าให้ถือ อาวุโสทางพรรษา ขณะที่กฎหมายใหม่ให้ถือ อาวุโสทางสมณศักดิ์ แต่ประเด็นสำคัญที่สุดที่ หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน, คณะสงฆ์วัดป่า นำมาเคลื่อนไหวคัดค้านอยู่ที่ความตอนต้นของ มาตรา 10 ทั้งกฎหมายเก่าและกฎหมายใหม่มีอยู่เหมือนกันว่า “...ในเมื่อไม่มีสมเด็จพระสังฆราช.” ปัญหาที่ต้องพิจารณาก็คือในขณะนั้นและจนกระทั่งถึงนี้ถือว่า “...ไม่มี.” แล้วหรือยังในเมื่อ สมเด็จพระญาณสังวรสมเด็จพระสังฆราชสกลมหาสังฆปริณายก ยังทรงมีอยู่, ดำรงพระชนม์ชีพอยู่ และ ทรงประทับอยู่ในประเทศไทย แม้จะทรงประชวร แต่จะถือได้หรือไม่ว่าเท่ากับ “...ไม่มี.” ประกอบกับในประกาศของรัฐบาลฉบับวันที่ 13 มกราคม 2547 เองก็กล่าวถึงพระอาการประชวร, การทรงงานไว้อย่างกำกวม กล่าวคือข้อความที่ว่า “...ตามที่สมเด็จพระญาณสังวรสมเด็จพระสังฆราชสกลมหาสังฆปริณายก มีพระอาการประชวรหลายระบบ และเสด็จเข้าประทับรักษาพระองค์ ณ ตึกวชิรญาณสามัคคีพยาบาล โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ ตั้งแต่ต้นปี 2545 นั้น คณะแพทย์ได้ถวายการดูแลรักษาอย่างต่อเนื่องมาตลอด จนพระอาการบางระบบดีขึ้น สามารถเสด็จออกจากโรงพยาบาลไปทรงปฏิบัติศาสนกิจได้เป็นครั้งคราว แต่...” โปรดสังเกตตรงคำว่า ทรงปฏิบัติศาสนกิจได้เป็นครั้งคราว จะเข้าข่ายเงื่อนไข ที่ว่า “...ในเมื่อไม่มีสมเด็จพระสังฆราช.” ได้กระนั้นหรือ

หลวงตา       หาสาระสำคัญไม่ค่อยได้นะ

ผู้กำกับ        เขาอธิบายอาการประชวรว่าไม่ได้หนักพอจะทรงงานไม่ได้

หลวงตา       หนักไม่หนักท่านก็เป็นสังฆราชอยู่นั้น รู้ไหมล่ะ มันตาบอดมันไม่ได้ดูเหรอ มันแซงขึ้นมาปีนขึ้นมาหาอะไร อยากเป็นสมเด็จสังฆราชทีละร้อยองค์พันองค์พวกบ้านี่ บ้าสังฆราช เอาละไม่อยากฟังนะ พวกปีนพวกเป็นบ้ายศ

ผู้กำกับ        เขาบอกว่า ท่านสามารถเสด็จออกจากโรงพยาบาลไปทรงปฏิบัติศาสนกิจได้เป็นครั้งคราว

หลวงตา       เสด็จไม่เสด็จท่านก็เป็นสังฆราชอยู่แล้ว มันเป็นบ้าเสือกมาหาอะไร อยากเป็นสังฆราชอะไรอีกนักหนา ตะกละตะกลามดิ้นรนเหลือเกินพวกนี้ กระเสือกกระสนดิ้นรนหาแต่ยศแต่ลาภ เรื่องศีลเรื่องธรรมมันไม่สนใจไม่มองนะพวกนี้ มองตั้งแต่เรื่องมูตรเรื่องคูถ เรื่องยศ ลาภ สรรเสริญเยินยอไป เรื่องศีลเรื่องธรรมที่เป็นของเลิศเลอตามทางของศาสดามันไม่สนใจนะพวกนี้ ไม่สนใจเลย ถ้าสนใจจะไม่ก่อเรื่องขึ้นในวงศาสนาซึ่งเป็นศาสนาที่ให้ความร่มเย็นแก่โลกอย่างนี้อะไรเลย นี้มันไม่สนใจนั่นซิ

ผู้กำกับ        ตัดตอนเอาเลยนะครับว่า เรื่องจะไม่ลุกลามหาก วิษณุ เครืองาม จะใช้ ความอดทน รอเวลาอีกสักหน่อยเพื่อให้ การแต่งตั้งคณะผู้ปฏิบัติหน้าที่แทนสมเด็จพระสังฆราช เป็นการลงนามใน พระบัญชา โดยพระองค์เอง หรือถ้ามั่นใจว่าพระองค์ไม่อาจปฏิบัติศาสนกิจใดๆ ได้เลย (ซึ่งไม่จริง เพราะในประกาศฉบับ 13 มกราคม 2547 เองก็ไม่มั่นใจ, เขียนกำกวม และยืนยันด้วย พระอาการในความจริง ที่ปรากฏออกมาในช่วงครึ่งหลังของปี 2547)

         หลวงตา       ไม่อยากฟังแหละเรา

        ผู้กำกับ        เขาสรุปว่าที่ทำไปไม่ถูกต้อง ที่ตั้งคณะผู้ปฏิบัติหน้าที่แทนสมเด็จสังฆราช ควรจะแก้ไขเสีย เขาให้ความเห็นแบบนี้แหละครับ

        หลวงตา       ก็มันไม่แก้ มีแต่มันลุกลามขึ้นเรื่อย ปีนขึ้นเรื่อยพวกนี้น่ะ พวกเปรตบ้ายศ หาเก็บตกบ้ายศ ธรรมมันไม่สนใจพวกนี้ ไม่มีสนใจธรรม ถ้าสนใจธรรมแล้วจะไม่เกิดความยุ่งเหยิงวุ่นวายอย่างนี้ เท่านั้นละเราขี้เกียจพูด

         ผู้กำกับ        หลวงตาว่าไม่อยากฟังก็เอาแค่นี้ละครับ ขอกราบเรียนต่อนะครับ ตอนนี้หลายกลุ่มจะออกมาคัดค้านหลวงตา เพราะหลวงตามีชื่อเสียง พวกนั้นอยากมีชื่อเสียงโด่งดังก็พยายามมายุ่งเกี่ยวกับหลวงตาเพื่อหาชื่อเสียงเข้าตัวเอง

         หลวงตา       เกิดมาไม่มีชื่อหรือ พ่อแม่ไม่ได้ตั้งชื่อให้มันเหรอ มันถึงไม่มีชื่อ มาหาเอาชื่อเสียงอะไรจากหลวงตา หลวงตาก็มีหลวงตาบัวองค์เดียวจะเอาไปก็ไปเลยซี เจ้าคุณก็มีเจ้าคุณราชญาณวิสุทธิโสภณ เจ้าคุณธรรมวิสุทธิมงคล เอาไปเลยซี หลวงตาหวงอะไร มีแต่ธรรมในหัวใจพอ ไม่เอาอะไรทั้งนั้นเรา ไม่มีอะไรเลิศยิ่งกว่าธรรม เรื่องเหล่านั้นพวกขี้หมูขี้หมาเราไม่ยุ่งกับมัน ธรรมอย่างเดียวพอเรา เราไม่ยุ่งกับอะไร ก็มีเท่านั้นว่าอะไรอีก ใครอยากมีชื่อมีเสียงจะมาโจมตีหลวงตาบัวก็โจมตีซี เกิดมาพ่อแม่ของเราก็ไม่เคยโจมตีเรา เขาอยากมาโจมตีก็ให้เขาโจมตี เก่งกว่าพ่อแม่ของเราไป เอาเรายกให้ แต่เราจะเอาเขาเป็นพ่อแม่แทนพ่อแม่เราเราไม่เอา พวกเปรต จะเอาพวกเปรตมาเป็นพ่อเป็นแม่ของเราได้เหรอ เข้าใจหรือ พ่อแม่ของเราเลี้ยงเรามาตั้งแต่วันเกิดเราไม่ลืม เอาละพอขี้เกียจฟัง เรื่องสกปรก เลอะเทอะมากพวกนี้ หาตั้งแต่เรื่องยุ่งเหยิงวุ่นวายมาก่อกวนชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ เวลานี้ยุ่งตลอดนะ ของดีมีอยู่มันไม่สนใจ เอาเท่านั้นละนะ

เราพูดจริงๆ เราสบายนะ ใครจะว่าอะไรโจมตีอะไรเราเฉย เหมือนหมาปล่อยหำนั่นละ เคยเห็นไหมหมาปล่อยหำ ถ้าไม่เคยเห็นให้ไปดูไอ้หมี เขาเฉยนะ หมาปล่อยหำเขาเฉย แต่คนปล่อยหำไม่ได้ เมียขึ้นมาต้องขยิบตาใส่ผัว อายแทนผัว เห็นผัวปล่อยหำ สี่บาทๆ เขาจะให้สามบาทพวกพ่อค้าวัว ทางนี้ก็ยันจะเอาสี่บาทๆ นั่งก็นั่งชันเข่าปล่อยหำ เมียขึ้นมามองเห็นผัวปล่อยหำอายเขาก็เลยขยิบตาใส่ผัว ก็คือว่าปิดบ้างหำนั่นน่า ความหมายว่างั้น ขยิบตาแล้วก็เข้าไป พอเห็นเมียขยิบตา แต่ก่อนจะเอาสี่บาท เขาจะให้สามบาทวัว พอเมียขยิบตาใส่เท่านั้นนึกว่าเมียให้ขึ้นราคา ก็ห้าบาทๆ ขึ้นเลยทีเดียว เขาบอกอู๊ยตั้งแต่สามบาทสี่บาทก็ยังลงกันไม่ได้ ทำไมปีนขึ้นห้าบาทหกบาท ไม่เอาแหละ เขาก็ลงไป แล้วเมียออกมา ที่เขาให้สามบาทมันก็สมควรที่จะขายแล้วทำไมไม่ขายให้เขาเสีย ก็แกมาขยิบตาใส่ฉัน นึกว่าให้ขึ้นราคาฉันก็ขึ้นราคาซิ จะไม่ขยิบตายังไงก็ปล่อยหำให้เขาดู มันอาจจะตายไป อู๊ย เสียดาย เขาไปหมดแล้ว เท่านั้นละพอ

         ผู้กำกับ        นิดหนึ่งนะครับ อยากให้ลูกศิษย์ลูกหาทางฝ่ายหลวงตารับทราบไว้ว่า นายสมัครเขาลักษณะข่มขู่นะครับว่า ในรัฐธรรมนูญไม่มีการยกเว้นว่าพระชั้นไหนๆ จะไม่ผิดกฎหมายอาญา กฎหมายอาญาไม่ยกเว้นใครหรอกนะจะบอกให้

         หลวงตา       ไม่มีใคร ๆ ที่ไหนในสามแดนโลกธาตุนี้ที่เหนือกรรมไปได้ กรรมดีกรรมชั่วเหนือหมด อย่ามาว่ากฎหมายกฎหมอยนี้เลย กรรมดีกรรมชั่วครอบหมด ใครเก่งก็ให้ฝืนไปซีอยากจม ก็เท่านั้นละ เข้ากันได้แล้วยัง (เข้าได้แล้วครับ) เข้าได้แล้วพอ จะมาอวดใส่กรรมไม่ได้นะ อย่ามาอวด กฎหมายนั้นกฎหมอยนี้มาอวด ธรรมเหนือหมดแล้ว ไม่สนใจกับกฎหมาย กฎหมอย กฎหมา กฎหมัด ไม่สนใจ เท่านั้นละพอ

         ผู้กำกับ        เรือนจำอุดรครับ มาขอสนามกีฬาของเรือนจำครับ

         หลวงตา       โอ้โห สนามกีฬาให้หลวงตาไปทำให้ ไม่เอาๆ ที่อื่นๆ จำเป็นกว่านี้มากมายยังให้เขาไม่ได้เพราะไม่มีเงิน เข้าใจเหรอ ไม่ให้ สนามกีฬากีแลก็มาให้หลวงตาบัวไปช่วย สนามกีฬาในเรือนจำเสียด้วยแล้วให้หลวงตาไปช่วย ไม่ช่วย บอกตรงๆ เลย เหตุผลไม่มีเลยอย่างนี้ มันลืมตัวเกินไปผู้มาขอ สนามกีฬาในเรือนจำก็ยังมาให้เราไปช่วย ที่อื่นๆ ที่จำเป็นยิ่งกว่าสนามกีฬาเรายังช่วยไม่หมด บางทีติดหนี้ติดสินเขาพะรุงพะรัง เอาละเลิกไม่เอา ฟังไม่มีเหตุมีผลเลย สนามกีฬาฟังซิน่ะในเรือนจำ ให้หลวงตาบัวไปช่วย ช่วยอะไร ถามแล้วเราก็ไม่อยากฟังคำตอบ เอาละเลิก

         เราได้พูดเสมอผู้มาขอ ขอมีเหตุมีผล ขอด้วยความจำเป็นมี ขออย่างเห็นเขาขอเราก็ขอ ขอแบบขอโก้ๆ ก็มี อย่างนี้ละขอโก้ๆ ในเรือนจำสนามกีลงกีฬาอะไรมาขอให้เราไปช่วย เราไม่อยากถามไปมาก เพียงเท่านั้นเราเข้าใจแล้ว นี่ถามโก้ๆ ขอโก้ๆ ใช้ไม่ได้ ไม่เอา เราไม่ใช่พระโก้เราไม่ให้ เอาละให้พร

         กฎหมายกฎหมอยก็มายุ่งกับธรรม ประสากฎหมายเอามายุ่งใส่ธรรม ธรรมคือกรรม นั่นเห็นไหมล่ะครอบไว้หมดแล้ว พูดอย่างสบายเราไม่มีอะไรกับใคร ตั้งอะไรก็ตั้งมาเถอะ แดนสมมุตินี้ว่างั้นเลย ตั้งมา เหนือหมดในหัวใจดวงนี้ ไม่มีอะไรสมมุติ หมด ว่าก็ว่าไปงั้น เขาจะจับไปติดคุกก็ไปติดแต่หลวงตาบัว ธรรมหลวงตาบัวไม่ติด อย่างนั้นนะ

         ไปเมื่อวานนี้ก็ได้ให้เงินเขาหมื่นหนึ่ง โรงพยาบาลเกษตรสมบูรณ์ ไปนี้ก็ไปเอาไก่ไป ๗๐ ตัวเลยไปชุมแพ ไปชุมแพก็เข้าภูเขียว จากภูเขียวตัดไปทางตะวันตก ไกล ๒๐ กิโล เอาของไปให้เขา นานๆ เราไปทีหนึ่ง คือไปทางนู้นทางนี้มันก็มีระยะห่างกันละซี เพราะให้ทางนู้นทางนี้ไม่หยุด แล้วก็ให้เงินเขาหนึ่งหมื่นเมื่อวาน เรามีเท่านี้แหละ เราบอกงั้น มีมากกว่านี้เราจะให้มากกว่านี้ เขาก็ไม่ว่าอะไร เราเป็นบ้าปากของเราต่างหาก ว่าแล้วก็มาเฉย

 

รับฟังรับชมพระธรรมเทศนาของหลวงตา ได้ที่

www.Luangta.com หรือ www.Luangta.or.th

และรับฟังจากสถานีวิทยุสวนแสงธรรม กรุงเทพฯ และสถานีวิทยุอุดร

FM 103.25 MHz


** ท่านผู้เข้าชมทุกท่านโปรดทราบ
    เนื่องจากกัณฑ์เทศน์บางกัณฑ์มีความยาวค่อนข้างมาก ซึ่งจะส่งผลต่อความเร็วในการเปิดเว็บไซต์ ขอแนะนำให้ทุกท่านได้อ่านเนื้อหากัณฑ์เทศน์บางส่วนจากเว็บไซต์ และให้ทำการดาวน์โหลดไฟล์กัณฑ์เทศน์ที่มีนามสกุล .pdf ไปเก็บไว้ในเครื่องของท่านแทนการอ่านเนื้อหาทั้งหมดจากเว็บไซต์

<< BACK

หน้าแรก