ธรรมชักสะพาน นรกเอื้อมมือรับ
วันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2548 เวลา 8:35 น.
สถานที่ : วัดป่าบ้านตาด
| |
ดาวน์โหลดเพื่อเก็บไว้ในเครื่อง
ให้คลิกขวาแล้วเลือก Save target as .. จาก link ต่อไปนี้ :
ข้อมูลเสียงแบบ(Win)   ข้อมูลเสียงแบบ(MP3)   วิดีโอแบบ(Win Narrow Band)

ค้นหา :

เทศน์อบรมฆราวาส ณ วัดป่าบ้านตาด

เมื่อวันที่ ๒๔ กุมภาพันธ์ พุทธศักราช ๒๕๔๘

ธรรมชักสะพาน นรกเอื้อมมือรับ

 

         มีอะไรอีกวันนี้ (พิมพ์ไทย ครับ) พิมพ์ไทยว่าไงว่าซิ เรานี้ อู๊ย หูนี่ล้างทั้งวันสกปรก เรื่องนั้นเรื่องนี้เข้ามาๆ ต้องล้างหูทั้งวัน มันมีแต่เรื่องสกปรกโลกนี่ เราไม่ได้ดูถูก เพราะฉะนั้นจึงว่าโลกกับธรรมต่างกัน ธรรมท่านว่า โลกุตรธรรม ธรรมเหนือโลก โลกมันสกปรกนะ กิเลสเข้าไปสุมอยู่ในหัวใจ ใจเดือดร้อนอยู่ภายในลึกๆ กิเลสเข้าไปสุม เหมือนไฟไหม้กองแกลบอยู่ในหัวอก เป็นอย่างนั้นด้วยกัน ถ้าผาดโผนมากกว่านั้นโลกพินาศได้ มันอยู่ภายในลึกๆ ของมันก็สุมอยู่ภายใน ทีนี้เวลาเอาธรรมชะล้างเข้าไป ให้เห็นชัดๆ อย่างนั้นซิ พอธรรมชะล้างเข้าไป จิตตภาวนาเป็นสำคัญ เป็นน้ำที่สะอาดชะล้างได้เห็นชัดเจนทีเดียว มันยุ่งขนาดไหนบังคับกันเข้า หมุนกันเข้า ก็ค่อยสงบๆ แล้วค่อยสว่างไสวออกมา นั่น จิตดวงนี้แหละ พอกิเลสตัวเป็นฟืนเป็นไฟตัวสกปรกมันจางออกๆ เพราะน้ำคือธรรม จิตตภาวนาชะล้างเข้าไปๆ เย็น โลกมันไม่มอง อำนาจของกิเลสมันของเล่นเมื่อไร เพราะฉะนั้นโลกจึงไม่สนใจมองธรรม และไม่รู้เลยว่าธรรมคืออะไร รู้แต่สิ่งที่พันกันอยู่ด้วยฟืนด้วยไฟนั่นนะ ธรรมคืออะไรมันไม่รู้ซิ

ที่ว่าน้ำตาร่วงวันนั้น ถ้าภาษาโลกเขาเรียกว่าทนไม่ไหว ดูความสลดสังเวชของพวกสกปรกก่อฟืนก่อไฟเผาไหม้ศาสนาซึ่งเป็นของเลิศเลอ สลดสังเวชเหลือประมาณ น้ำตาร่วงออกมาดังที่เคยพูดแล้ว สงสารองค์ศาสดาก็สงสาร ดังที่พูดแล้วเมื่อวานนี้ ลูกสงสารพ่อแม่ได้ นั่นเห็นไหม พ่อแม่ใหญ่แต่ลูกสงสารก็ได้ สงสารพ่อแม่ นี้ตัวเท่าหนูก็ตามสงสารพระพุทธเจ้าที่ประทานพระโอวาทและสร้างบารมีมา โถ หนักที่สุดไม่มีใครเกินพระโพธิสัตว์ผู้ที่จะรื้อขนสัตว์โลก ต้องสร้างบารมีทุกอย่าง หนักเท่าไรก็ตามพระโพธิสัตว์ต้องยอมรับทั้งนั้นๆ คิดดูซิอย่างพาบริวารไปหากิน เป็นสัตว์ พอดีถูกนายพรานเขาดักละซิ เข้าไปจนตรอก ถูกนายพรานเขาดัก เขาจะฆ่าทั้งฝูงนั่นแหละ

พระโพธิสัตว์เป็นหัวหน้าจะทำยังไงพาหมู่เพื่อนมาจนตรอกแล้ว เตือนหมู่เพื่อนทันที เราจะสละตายแทนเพื่อนฝูง เวลาเราโดดเข้าไปเขาชุลมุนกับเรา ให้รีบหนีไปเลยนะ หัวหน้าฝูงโดดเข้าไปหานายพราน ชนนายพรานไปเรื่อย แทนที่จะกลัวไม่กลัวนะ เที่ยวหาชนนายพราน เอ้า คนนี้จะยิงก็จะถูกกัน จะยิงนี้ก็จะถูกนายพรานคนนั้น เลยชุลมุนวุ่นวาย พวกสัตว์บริษัทบริวารแตกหนีไปได้หมดเลย นั่นเห็นไหมสละชีวิต แทนที่จะกลัวกับกล้าสู้เข้าไปเลย สละชีวิตเพื่อบริษัทบริวาร นั่นละท่านสร้างบารมีมาเสียสละทุกสิ่งทุกอย่าง พระพุทธเจ้าทรงสร้างพระบารมีก็เหมือนกัน รื้อขนสัตว์โลกถึงสามโลกให้พ้นจากทุกข์ เพราะอำนาจบารมีของท่านที่สร้างมาจนกระทั่งเต็มภูมิของศาสดาแล้ว สอนสัตว์โลกให้ได้รับความสุขความพ้นภัยเป็นลำดับลำดา ถึงมรรคผลนิพพานไม่น้อยเลย นี่ละที่สลดสังเวช นี่คือพระเมตตาของพระพุทธเจ้า

ย้อนเข้ามา เราพูดให้มันชัดเจน ที่มันจ้าอยู่ภายในหัวใจ พูดให้มันชัดๆ อย่างนี้ได้มาจากใคร นี่ซิสำคัญมากนะ จากองค์ศาสดา นี่ที่สลดสังเวชสงสารพระพุทธเจ้าเป็นกำลัง อันนี้เอง ได้มาจากไหนถ้าไม่ได้มาจากพระโอวาทคำสอนพระพุทธเจ้าที่พาดบันไดเอาไว้ให้ไต่เต้าไปตาม มันประจักษ์อยู่ในหัวใจนี้แล้วไม่อยู่ที่ไหน ประจักษ์อยู่ในหัวใจ กับสิ่งเลวร้ายทั้งหลายที่รุมล้อมจะทำลายศาสนา ทำลายคำสอนของพระพุทธเจ้าซึ่งเป็นของเลิศเลอ มันเข้ากันไม่ได้ นี่ที่สลดสังเวชสงสารพระพุทธเจ้าก็สงสารเหลือประมาณถึงน้ำตาร่วงประเภทหนึ่ง สลดสังเวชกับสิ่งเลวร้ายทั้งหลายที่มันก่อขึ้นมาจะทำลายศาสนธรรมซึ่งเป็นธรรมอันเอกว่างั้นเถอะ ให้ล่มจมลงจากหัวใจของสัตว์โลก

เฉพาะอย่างยิ่งชาติไทยเรานี้หัวใจอยู่กับพุทธศาสนา ถ้าพุทธศาสนาจมเมื่อไร ชาติไทยของเรา หัวใจของคนไทยเราซึ่งเป็นแดนแห่งชาวพุทธด้วยกันนี้พังลงด้วยกันหมดเลย ฟังซิ นี่ละที่มันสลดสังเวชนะ เพราะสิ่งเลวร้ายทั้งหลายมาทำลายหัวใจของชาวพุทธเราพังลง มาทำลายศาสนา ศาสนาเป็นที่เกาะที่ยึดของใจชาวพุทธ เมื่อศาสนาพังจิตใจชาวพุทธก็พัง แล้วใครเป็นคนทำให้พัง ตัวไหนตัวทำลายศาสนาให้ศาสนาพัง นี่ละที่เราสลดสังเวชมาก จุดนี้จุดหนึ่งที่เราสลดสังเวชถึงน้ำตาร่วง น้ำตานี้น้ำตาสลดสังเวช ทั้งอัศจรรย์พระพุทธเจ้า สงสารพระพุทธเจ้าเป็นกำลัง ถ้าภาษาของโลกก็ว่าทนไม่ได้ น้ำตาพัง แล้วสลดสังเวชกับสิ่งเลวร้ายทั้งหลายที่จะทำลายศาสนาให้ล่มจมโดยไม่รู้เนื้อรู้ตัวเลยว่า เวลานี้เรากำลังเอาไฟเผาชาวพุทธ เฉพาะอย่างยิ่งทั้งประเทศในเมืองไทยของเรา กำลังเอาไฟเข้าไปเผา นี่อันหนึ่งเอาศาสนาให้จม หัวใจของชาวพุทธที่เกาะศาสนาก็จมไปด้วยกันทั้งประเทศ นี่ที่สลดสังเวช เพราะไฟของสิ่งเลวร้าย ผู้เลวร้ายทั้งหลายมันทำ นี่ที่สลดสังเวชนะ ถึงน้ำตาพัง

เรื่องคนจะมาวิพากษ์วิจารณ์เรา ยกโคตรมันมาวิพากษ์วิจารณ์ก็ให้มาเถอะเราพูดจริงๆ หัวใจดวงนี้ไม่ได้อยู่กับความวิพากษ์วิจารณ์ของโลก จึงบอกให้ยกโคตรมาก็ไม่ถูก จะยกโคตรมาวิพากษ์วิจารณ์เรา พูดจริงๆ น้ำตานี้ไม่ใช่น้ำตาความโศกเศร้าเหงาหงอย น้ำตาเป็นอรรถเป็นธรรม น้ำตาเป็นความสลดสังเวช น้ำตาที่ออกมาจากเห็นคุณค่าของพระพุทธเจ้า และออกมาจากความสลดสังเวชของสิ่งเลวร้ายทั้งหลายที่จะทำลายหัวใจชาวพุทธในประเทศไทยเรา ให้ขาดสะบั้นลงจากศาสนาพุทธของเรา แล้วจมลงในทะเลหลวง น้ำตานี้อันหนึ่ง นั่น ต่างหาก ใครจะมาว่าอะไรเรา อมขี้มาว่ามาวิจารณ์ พูดจริงๆ หลวงตาบัวไม่ใช่ท้าทายนะ คือเราไม่มีอะไรกับโลกอันนี้ ใครจะตำหนิติเตียนก็เท่าเดิม ใครจะชมเชยสรรเสริญก็เท่าเดิม เพราะธรรมชาตินี้รับไม่ได้แล้ว เหนือหมดทุกอย่าง พูดให้มันชัดเจน

นี่เราจวนจะตายแล้วท่านทั้งหลายยังจะนอนใจอยู่เหรอ ยังจะพากันทำลายศาสนาแง่นั้นแง่นี้ ไม่มีอะไรทำลายก็เอาเสื่อเอาหมอนมาช่วยทำลาย นี่ที่เราสลดสังเวช โห ศาสนาใดที่จะให้เหมือนพุทธศาสนา นี่เราพูดเป็นธรรม ยกนิ้วให้เลย นี่ศาสนธรรมแท้ สอนโลกให้หลุดพ้นจากความทุกข์ไปเป็นลำดับลำดา จนกระทั่งหลุดพ้นไปโดยสิ้นเชิงถึงพระนิพพาน คือพุทธศาสนา แล้วหัวใจดวงนี้มันก็หยั่งถึงกันไปหมดด้วย ใครจะว่าหลวงตาบัวอวด เอ้าว่ามา หลวงตาบัวเป็นผู้ปฏิบัติธรรมตามคำสอนของพระพุทธเจ้า ซึ่งเป็นทางที่ถูกต้องดีงามสุดยอดแล้ว ผลเห็นมาเป็นลำดับลำดาๆ ประจักษ์ในหัวใจๆ ยอมรับๆ ด้วยความหมอบราบๆ เมื่อมันจ้าอยู่ในหัวใจแล้วใครจะว่าอะไรก็ว่าไปซิ เรื่องของโลกมันมีความแน่นอนอะไร เราจึงพูดเราจวนจะตาย ผู้ที่มีนิสัยปัจจัยทางที่ดิบที่ดีก็จะได้ถือเป็นคติ ผู้ที่เลวเท่าไรก็ยิ่งเพิ่มความเลวร้ายเข้าไป ก็แล้วแต่กรรมของสัตว์ ช่วยไม่ได้ว่างั้นเลย

พระพุทธเจ้ายังช่วยโลกไม่ได้หมดนี่นะ พวกปทปรมะพระองค์ชักสะพานเลย ไม่ช่วย ประเภทชักสะพานมีน้อยเมื่อไรสมัยปัจจุบันนี่ ประเภทชักสะพานพวกจะทำลายศาสนาให้ล่มจมลงจากเมืองไทย พวกนี้พวกธรรมชักสะพาน ทางนรกเอื้อมมือรับกันไว้แล้ว จดบัญชีเสร็จหรือไม่เสร็จก็ไม่รู้ จดบัญชีพวกที่จะสมัครลงนรกอเวจี ที่มันดูถูกคำสอนพระพุทธเจ้าว่านรกไม่มีนั้นแหละ พวกนี้ละพวกจะเหมานรกทั้งหมดเลย ว่าอะไรก็ว่าไปเถอะน่ะ เราไม่เคยสะทกสะท้านกับความรู้ความเห็นที่จ้าอยู่ในหัวใจ เอ้า ลบ ว่างั้นเลยเรา

ใครจะศาสดาเอกยิ่งกว่าพระพุทธเจ้าของเรา โลกวิทู รู้แจ้งโลกไหน ฟังซิน่ะ โลกนอกโลกในตลอดทั่วถึงใครจะเกินพระพุทธเจ้า เอาธรรมมาสอนโลกไม่ได้สอนด้วยความตาบอดหูหนวก สอนด้วย โลกวิทู รู้แจ้งกระจ่างมาหมด สมควรจะเป็นศาสดาจึงมาเป็นได้ และสอนตามความเป็นจริงที่ทรงรู้ทรงเห็นยังไง ไม่ลบล้าง บาปมีก็บอกว่ามี บุญมีบอกว่ามี อย่างพวกเปรตประเภทต่างๆ เต็มโลกสงสารนี้ชนิดไหนมียอมรับ แม้แต่สัตว์ในครรภ์ก็ไม่ให้ทำลาย ยอมรับ นั่นเห็นไหม แล้วแดนนรกอเวจีที่ไหน จนกระทั่งมรรคผลนิพพานทรง โลกวิทู หมดแล้ว รู้แจ้งหมดแล้ว เอา ใครจะลบเอาลบใครเก่ง ใครจะเก่งกว่าศาสดา

แต่อย่าลืมกรรมนะล่ะ ให้คิดเสียก่อน ก่อนที่จะจมให้คิดเสียก่อน นตฺถิ กมฺมสมํ พลํ ไม่มีอานุภาพใดที่จะเหนืออานุภาพแห่งกรรมดีและชั่วนี้ไปได้ นั่นฟังซิ กรรมดีก็มีอานุภาพสูงส่ง ส่งให้ถึงแดนพ้นทุกข์ กรรมชั่วก็มีอานุภาพให้จมลงในนรกได้ นี่ก็องค์ศาสดาเป็นผู้ทรงสอนไว้ ใครจะมาลบล้างศาสดาให้คิดข้อนี้เสียก่อนนะ นี่ลบล้างไม่ได้เราพูดจริงๆ จ้าไปหมด พระพุทธเจ้ากี่พระองค์แต่ก่อนเคยคิดเมื่อไร มีแต่คำนึงคำนวณว่าพระพุทธเจ้าเท่านั้นพระองค์เท่านี้พระองค์ ดังที่ท่านแสดงไว้ในบทสวดมนต์ สมฺพุทฺเธ อฏฺฐวีสญฺจ ทฺวาทสญฺจ สหสฺสเก จนกระทั่งถึง สมฺพุทฺเธ นวุตฺตรสเต... คือข้าพเจ้าขอกราบพระพุทธเจ้าตั้งแต่เล็กน้อยไปถึงเป็นล้านๆ พระองค์ด้วยเศียรเกล้า แล้วเขาเขียนฟุตโน๊ตเอาไว้ข้างล่าง มีวงเล็บเอาไว้ว่า เหลือเชื่อ โอ๋ย มันบอดขนาดนี้มันมาพิมพ์หนังสือให้คนอ่านทำไม เราสลดสังเวชเลยนะ

มาว่าอะไรล้านๆ พระพุทธเจ้าน่ะ ของน้อยเมื่อไร ตรัสรู้มาตั้งแต่เมื่อไร จ้าๆ ออกมาอยู่ตลอดเวลา เอา ลบ พอจิตดวงนี้รับกันปึ๋งถึงกันหมดเลย นั่น เอ้า พูดให้ชัดๆ มันจวนจะตายแล้ว พออันนี้จ้าออกไปรับกันเท่านั้นเป็นอันเดียวกันหมด เหมือนน้ำมหาสมุทร เป็นยังไงน้ำมหาสมุทรใครจะลบ ว่ามีหรือไม่มี น้ำหยดไหนปั๊บเข้าไปเป็นน้ำมหาสมุทร หยดไหนปั๊บเข้าไปเป็นน้ำมหาสมุทร ไหลมาจากแม่น้ำลำคลองหรือบนฟ้าอากาศที่ไหน ลงแล้วเป็นน้ำมหาสมุทรอันเดียวกันหมด จิตที่บริสุทธิ์หลุดปึ๋งออกไปเป็นมหาวิมุตติมหานิพพานเหมือนกันหมด มันจ้าเหมือนกันแล้วปฏิเสธได้ยังไง พิจารณาซิ นี่ละจิตดวงที่บริสุทธิ์เป็นอย่างนี้ ถึงกันหมด ใครจะว่ายังไงให้ว่าไป หลวงตาบัวจวนจะตาย เปิดให้โลกฟังผลแห่งการปฏิบัติธรรม

นี่ละธรรมพระพุทธเจ้า สวากขาตธรรม ตรัสไว้ชอบอย่างนี้ ฟังเอานะ ชอบหรือไม่ชอบฟังเอา เราเอาตัวเรารองพระพุทธเจ้าเลย คอขาดขาดเลยเป็นอื่นไปไม่ได้ว่างั้นเถอะน่ะ ศาสดาองค์เอกไม่มีใครเสมอเหมือนเลย เพียงตัวเท่าหนูมันจ้ามันรับกันแล้วมันถึงกันหมดเลยจะให้ว่าไง ธรรมชาติอันนั้น นตฺถิ เสยฺโยว ปาปิโย ไม่มีอะไรยิ่งหย่อนกว่ากัน เป็นอันเดียวกันเลย เหมือนน้ำมหาสมุทร แม่น้ำไหลมาจากที่ไหนปั๊บเข้าไปนั้นเป็นมหาสมุทร จิตบรรลุธรรมปึ๋งนี้เข้าถึงกันหมดเลย จ้าทั่วกันหมด นั่นน่ะเอามาเทียบพอให้เข้าใจได้ แล้วสงสัยพระพุทธเจ้าที่ไหน ก็มันจ้าอยู่ในนี้แล้วจะไปสงสัยอะไร พระพุทธเจ้าคือใคร คืออะไร มันก็รู้อยู่นี้แล้ว นี่ละผลแห่งการปฏิบัติ

สามโลกธาตุให้มาว่า เราไม่เคยหวั่นกับสิ่งใดเลย เพราะมันจ้าอยู่ในหัวใจนี้แล้ว เราไม่เคยหวั่น เพราะฉะนั้นพระพุทธเจ้าตรัสรู้เพียงพระองค์เดียวจึงสอนโลกได้ทั้งสามโลกธาตุ เห็นไหมล่ะ มิหนำซ้ำยัง ทสสหสฺสี โลกธาตุ หมื่นโลกธาตุหวั่นไหวไปหมดเวลาพระพุทธเจ้าตรัสรู้ธรรม ในธัมมจักกัปปวัตตนสูตร ทสสหสฺสี โลกธาตุ สงฺกมฺปิ สมฺปกมฺปิ สมฺปเวธิ อปฺปมาโณ จ โอฬาโร โอภาโส โลเก ปาตุรโหสิ อานุภาพแห่งธรรมพระพุทธเจ้าที่ตรัสรู้แล้ว ตั้งแต่ภุมมเทวดา บอกกันในขณะเดียวกันๆ ขึ้นถึงชั้นนั้นๆ พระพุทธเจ้าตรัสรู้ ธรรมอันเลิศเกิดแล้วๆ ถึงพรหมโลก ไปดูซิธัมมจักกัปปวัตตนสูตร ท่านเขียนไว้เพื่อหลอกลวงโลกหรือ ศาสดาองค์เอกเป็นผู้แสดงธรรม เป็นผู้ตรัสรู้ธรรม ยังว่าหลอกโลกหรือ

ไอ้โลกหลอกตัวเองมันจมอยู่ทั้งวันทั้งคืน ทำไมไม่คิดเห็นโทษของมันบ้าง ตัวเองหลอกตัวเองแล้วก็หลอกกันไปทั่วดินแดน มีแต่พวกจะจมลงในนรก ไม่คิดบ้างหรือโทษของมันที่หลอกตัวเองแล้วก็หลอกกัน ธรรมพระพุทธเจ้าหลอกใครที่ไหน ไม่เคยหลอกใครเลย พูดแล้วมันผึงขึ้นเลยเราพูดจริงๆ นะ ก็มันจ้าอยู่นี้แล้วจะให้ว่าไง ให้ใครรู้ก็รู้เข้าไปเถอะว่างั้นเถอะ ธรรมประเภทนี้น่ะ ผางขึ้นไปแล้ว ก็คิดดูซิว่าเคยคิดเคยอ่านเมื่อไร เวลาผางขึ้นไปโดยหลักธรรมชาติเท่านั้น จ้าขึ้นมา เหอ พระพุทธเจ้าตรัสรู้อย่างนี้ละเหรอๆ ฟังซิน่ะ เคยคิดเมื่อไร ใครคิดเมื่อไร ตรัสรู้อย่างนี้ละเหรอๆ นั่น เอาหัวใจนี้กางกันไปเลยทีเดียว เป็นพยานเลย เหอ พระพุทธเจ้าตรัสรู้อย่างนี้ละเหรอๆ ซ้ำแล้วซ้ำเล่าให้ถึงใจ ถึงธรรมชาติ อ๋อ พระพุทธเจ้าเป็นอย่างนี้ละเหรอ

จากนั้นก็ประมวลมา พระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์ มาเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันได้ยังไง นี่มันเป็นแล้วนะนั่น ใครเคยคิดเอาไว้ พุทโธ ธัมโม สังโฆ ตั้งแต่วันอ้อนวันออกรู้จักศาสนา พ่อแม่ปู่ย่าตายายสอนให้กราบไหว้พระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์ ก็ว่ามาๆ ถึงขณะสุดท้าย พุทโธ ธัมโม สังโฆ พรึบเข้าเป็นอันเดียวกัน ในขณะที่จิตจ้าขึ้นมาเท่านั้น โอ๋ พระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์ มาเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันได้ยังไง มันเป็นแล้วนั่นน่ะ เราเคยคิดไว้เมื่อไร ไม่เคยคิด พอจ้าขึ้นมามันยอมรับกันทันที เหอ พระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์ มาเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันได้ยังไง อย่างที่ว่าพระพุทธเจ้าตรัสรู้ ตรัสรู้อย่างนี้ละเหรอๆ ซ้ำเข้าไป นั่น

ให้มันเห็นดูซิน่ะจิตดวงนี้ เวลานี้มันมีแต่มูตรแต่คูถมีแต่ฟืนแต่ไฟเผาไหม้กัน เห็นฟืนเห็นไฟเป็นของดิบของดี เห็นธรรมอันเลิศเลอเป็นของเลวไปหมด เหยียบธรรม เหยียบศาสนา กำลังทำลายศาสนาเวลานี้เห็นไหม แล้วชาวพุทธเรานี้จะเป็นยังไง น้ำตาจะไปไว้ที่ไหน น้ำตาที่ร่วงออก เพราะความเสียอกเสียใจที่พุทธศาสนาคือธรรมอันเลิศเลอได้หลุดลอยไปจากหัวใจ เนื่องจากเปรตจากผีมาทำลายศาสนาให้ล่มจมลงจากเมืองไทย ซึ่งเป็นหัวใจของชาวพุทธทั้งประเทศ ได้สูญหายไปแล้วหัวใจว้าเหว่ เป็นยังไงหัวใจชาวไทยคราวนั้น ตกนรอเวจีทั้งเป็นด้วยกันนั่นแหละ

เป็นยังไงที่นี่ มีอานิสงส์มากหรืออานิสงส์น้อยขนาดไหนผู้มาทำลายพุทธศาสนา ซึ่งเท่ากับทำลายคนทั้งประเทศ เทวบุตรเทวดาอินทร์พรหมถูกทำลายไปด้วยกันหมด เพราะนึกน้อมถึงพระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์ เป็นหัวใจอันเดียวกัน นี่ซิที่ว่ามันสลดสังเวช ไม่สลดสังเวชได้ยังไงก็มันประจักษ์อยู่ในหัวใจนี้ ไม่ได้เอามาด้นๆ เดาๆ  มาสลดสังเวชน้ำตาร่วงไม่ใช่น้ำตาด้นเดานะ น้ำตานี้ออกมาจากหัวใจที่มันจ้านี้เอง เห็นคุณพระพุทธเจ้านี้ แหม ถึงขนาดนั้น พระองค์ทรงเมตตาสงสาร สั่งสอนสัตว์โลกมาขนาดนี้ ที่มันเป็นอยู่ในหัวใจนี้เป็นมาจากใคร ก็เป็นมาจากพระพุทธเจ้าสอน นั่นเห็นไหมมันวิ่งถึงกัน แล้วลูกไม่คิดถึงพ่อจะคิดถึงใคร พิจารณาซิ เรื่องราวมันเป็นอย่างนั้น

แล้วคิดถึงสิ่งเลวร้ายทั้งหลายที่มาทำความฉิบหายต่อชาวพุทธของเรา จิตใจมีสักเท่าไรชาวพุทธที่จะล่มจมไปเพราะศาสนาจมลงไปนี้ มีขนาดไหนจิตใจที่จะเกิดความเดือดร้อนเสียใจยิ่งกว่านรกอเวจีไปอีก นรกอเวจีของคนทั้งเป็นก็คือชาวพุทธเราที่หัวใจได้หลุดลอยจากศาสนาที่ถูกทำลายไปด้วยพวกมหากรรมมหาเวร พวกอะไรพูดไม่ถูก กรรมอันนี้พวกนรกจดทันหรือไม่ทันก็ไม่รู้ หรือเขาจะรับเข้าบัญชีหรือไม่เข้าก็ไม่รู้ เพราะพวกนี้มันหนามากที่สุด คนเราลงทำลายพุทธศาสนาได้แล้ว เรียกว่าหนามากที่สุดเลย แล้วพวกนรกอเวจี พวกจ่านรกหรือปลัดนรกอเวจีเขาจะจดหรือไม่จด หรือเขาจะเผ่นเข้าป่าก็ไม่รู้ เขากลัวพวกนี้มันกรรมหนักมาก พูดมันน่าสลดสังเวชนะ

ธรรมพระพุทธเจ้าที่สอนไว้ นรกมีหรือไม่มี มันจ้าอยู่นั้นมีหรือไม่มี แล้วมันยังหลับตาชนเข้าไปจะให้ไฟนรกเผามันอยู่เวลานี้ ด้วยการทำลายสิ่งที่มีคุณค่ามหาศาล เช่นทำลายพุทธศาสนา นี้คือการทำลายสิ่งที่มีคุณค่ามหาศาล ไม่มีโทษใดที่จะหนักมากยิ่งกว่าการทำลายพุทธศาสนานี้เลย ถ้าหากว่าพอจะเป็นผู้เป็นคนกับโลกเขาอยู่บ้างให้รีบคิดนะ เวลาลมหายใจขาดไปแล้ว ยมบาลผึงเดียวไม่ยากนะ เพราะกรรมมันหนักเกินกว่าที่จะมารอพักนั้นพักนี้ ไม่มีรอ ผึงทันทีเลย ให้รีบคิดเสียตั้งแต่บัดนี้ถ้าเป็นมนุษย์อยู่นะ อยู่ในแดนไหนก็ตามเถอะถ้ายังเป็นมนุษย์อยู่ให้รีบแก้ไขตัวเอง

อย่าเก่งกว่ากรรมนะ กรรมดีกรรมชั่วพระพุทธเจ้าว่าเหนือทุกสิ่งทุกอย่าง เราเหนือกรรมดีกรรมชั่วมาจากไหนจึงจะมาอวดตัวเก่งกว่าศาสดาองค์เอกไป เป็นไปไม่ได้ว่างั้น ให้รีบคิดเสียตั้งแต่บัดนี้ถ้าพอจะมีนิสัยสืบต่อความสุขซึ่งเราหวังมาตั้งแต่วันเกิดอยู่แล้ว ให้ได้ความสุขติดตัวมา ให้ลดให้ละสิ่งเลวร้ายทั้งหลายที่จะทำลายความสุขนี้ออกจากหัวใจ กาย วาจา กิริยามารยาทอันเลวสุดเลวนั่นเสีย ออกเสียให้หมด แล้วแก้ตัวเอง ทำตัวให้เป็นคนดีขึ้นมาใหม่ เอาไปพิจารณา

เราสลดสังเวชลืมเมื่อไร มันยังมาวิพากษ์วิจารณ์อีกนะ หลวงตาบัวทำไมร้องไห้ โคตรพ่อโคตรแม่มึงไม่เคยร้องไห้หรือ มันมีน้ำตาแต่กูคนเดียวหรือ อยากถามว่างั้นเข้าใจไหม เข้ากันได้ไหม น้ำตาหลวงตาบัวเพียงคนเดียวไหลออกมานี้ มาวิพากษ์วิจารณ์ โคตรพ่อโคตรแม่สูไม่มีน้ำตาหรือ อยากถามว่างั้น มีแต่กูคนเดียวหรือ อยากว่างั้น เวลาเอาแรงๆ ไม่มีอะไร ก็อย่างนั้นแล้ว ก็เราไม่มีอะไรกับโลกยังบอกแล้ว ถึงจะเป็นไฟไปก็เป็นเรื่องของน้ำดับไฟต่างหาก ไม่ได้เป็นไฟกิเลสตัณหาอะไรนี่นะ ว่าไปไหนก็ว่าไป ถ้าไอ้กี้มาก็คว้าหางไอ้กี้ได้สบาย ไอ้หยองมาคว้าหาไอ้หยองได้สบาย เป็นอย่างนั้น หมดแล้ว แล้วมีอะไรว่ามา

ผู้กำกับ        พิมพ์ไทยครับ ประจำวันนี้ หัวข้อว่า เพชฌฆาตในร่าง พรบ.เขตเศรษฐกิจพิเศษ(1)

ด้วยร่าง พ.ร.บ.เขตเศรษฐกิจพิเศษ พ.ศ....ที่นายมีชัย ฤชุพันธุ์ เป็นผู้ดำเนินการยกร่าง โดยนายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯเป็นผู้อนุมัติร่างให้เข้าสู่การพิจารณาของครม.เมื่อวันที่ 11 มกราคม 2548 และครม.ได้ผ่านความเห็นชอบไปสู่การพิจารณาของคณะกรรมการกฤษฎีกาแล้วนั้น กฎหมายฉบับนี้ให้อภิสิทธิ์คณะบุคคลอยู่เหนือกฎหมายเดิมหลายฉบับหลายมาตรา และยังให้สิทธิแก่ชาวต่างชาติได้มีอภิสิทธิ์เหนือคนไทยผู้เป็นเจ้าของประเทศ ซึ่งร่างพ.ร.บ.ฉบับนี้ยังส่อกระทบไปถึงความมั่นคงของพระพุทธศาสนา ด้วยการเวนคืนที่ธรณีสงฆ์ไปใช้เพื่อประโยชน์ของกลุ่มบุคคลเพียงคณะหนึ่ง ซึ่งมิได้มีฐานะเป็นส่วนราชการหรือรัฐวิสาหกิจตามที่กฎหมายสงฆ์ได้ตราเอาไว้ก่อนแต่อย่างใด

ดังนั้นจึงควรที่พุทธศาสนิกชนทั้งหลายจะได้ร่วมกันพิจารณาถึงมหันตภัยร้าย ที่กำลังจะเกิดขึ้นจากร่างพ.ร.บ.มหาภัยฉบับนี้ จึงขอนำข่าวทางหน้าหนังสือพิมพ์ “พิมพ์ไทย” ที่ตีพิมพ์ออกไปแล้วก่อนหน้านี้มาให้ได้ทบทวนกันอีกครั้งหนึ่งดังนี้

เมื่อเวลา 10.30 น.ของวันที่ 5 ก.พ.2548 พระศรีปริยัติโมลี พร้อมด้วยพระสงฆ์อีก 8 รูปทำการสวดปัดรังควานและไล่เสนียดจัญไร ณ พระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม จากนั้นตัวแทน 25 องค์กรประชาชน นักวิชาการ และองค์กรแรงงานรัฐวิสาหกิจ ได้ร่วมออกมาคัดค้านร่างพระราชบัญญัติเขตเศรษฐกิจพิเศษประมาณ 50 คน

น.ส.รสนา โตสิตระกูล และ น.ส.สารี อ๋องสมหวัง เริ่มพิธีอ่านคำประกาศกรุงรัตนโกสินทร์ คัดค้านร่างพระราชบัญญัติเขตเศรษฐกิจพิเศษ พ.ศ.....บริเวณท้องสนามหลวง ด้านพระบรมมหาราชวัง ซึ่งมองเห็นยอดปราสาทพระเทพบิดร โดยคณะสงฆ์เป็นพยาน ซึ่งในคำประกาศดังกล่าวมีเนื้อความดังนี้

“พวกเราเหล่าลูกหลานไทยทั้งหลายมารวมกัน ณ ปราสาทพระเทพบิดร อันเป็นที่สถิตแห่งดวงพระวิญญาณของเหล่าบูรพมหากษัตราธิราชเจ้า เพื่ออาศัยพระบารมีเป็นที่พึ่งในการต่อสู้คัดค้านร่างพระราชบัญญัติเขตเศรษฐกิจพิเศษ นับตั้งแต่บรรพชนไทยได้ดิ้นรนต่อสู้เพื่ออิสรภาพ จนสร้างบ้านเมืองเป็นปึกแผ่นผ่านมาหลายยุคหลายสมัย กระทั่งถึงยุครัตนโกสินทร์ ทั้งนี้ก็เพราะจิตวิญญาณที่รักอธิปไตยและความเป็นไทอย่างเหนียวแน่นของประชาชนชาวไทย จริงอยู่ก่อนยุครัตนโกสินทร์ เราเคยเสียบ้านเสียเมืองถึง ๒ ครั้ง

ทั้งนี้ล้วนเกิดจากความอ่อนแอของสัมคมไทยในยุคนั้นเอง และมีชนชั้นปกครองบางกลุ่มทำตัวเป็นไส้ศึกเปิดประตูเมืองให้ผู้รุกราน ในยุครัตนโกสินทร์สยามประเทศเคยสูญเสียอธิปไตยทางอำนาจยุติธรรมและทางเศรษฐกิจ ตลอดจนสูญเสียดินแดนบางส่วนให้แก่จักรวรรดินิยม แต่ก็เป็นการสูญเสียอธิปไตยที่เกิดจากการบีบบังคับด้วยนโยบาย “เรือปืน” ของชาติมหาอำนาจ

นับตั้งแต่รัชกาลที่ 5 รัชกาลที่ 6 และรัชกาลที่ 7 ได้พยายามแก้ไขสนธิสัญญาที่ไม่เสมอภาคดังกล่าวตลอดมา จนสามารถได้เอกราชอย่างสมบูรณ์กลับคืนมาในรัฐบาลประชาธิปไตยในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 8 มาจนบัดนี้

“รัฐบาลรักษาการชุดปัจจุบัน ได้ผ่านมติคณะรัฐมนตรีรับหลักการร่างพระราชบัญญัติเขตเศรษฐกิจพิเศษอย่างเงียบเชียบเมื่อวันที่ 11 มกราคม 2548 ร่างกฎหมายฉบับนี้เป็นวาระซ่อนเร้น ท่ามกลางความเศร้าโศกของสังคมต่อกรณีภัยพิบัติสึนามี และไม่ได้อยู่ในนโยบายหาเสียงของพรรคการเมืองนั้น ซึ่งจะถูกผลักดันเข้าสู่การพิจารณาของสภาภายหลังการเลือกตั้ง”

แน่นอนว่าร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวจะผานรัฐสภาอย่างง่ายดาย ด้วยเสียงข้างมากของฝ่ายรัฐบาล!!

กรุณาติดตามต่อวันพรุ่งนี้

                                                   ณ.หนูแก้ว

หลวงตา คนออกมาคัดค้านร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้ ๕๐ คนน้อยไป ทั้งประเทศไทยนี้เหมาะสมกับเราเป็นเจ้าของของชาติไทยทั้งชาติ เพียง ๕๐ คนไม่พอ ไอ้สองสามตัวนี้เขี่ยมันลงทะเลอย่าเอามาไว้ขวางบ้านขวางเมือง หนักศาสนา สองสามตัวที่ออกมาเอาไฟเผาชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ อยู่เวลานี้ สองสามตัวนี้ตัวสำคัญมากทีเดียว เขี่ยมันลงทะเลมันหนักชาติไทยเรา ชาติไทยเวลานี้หนักเพราะแบกเปรตสามตัวนี่ละ ให้มาวิจารณ์สามตัวนี่ อย่าไปวิจารณ์คนทั้งชาติดีทุกคน พวกนี้กำลังเอาไฟเผาชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ให้มาวิจารณ์ตัวนี้ ถ้าขับก็ขับสองสามตัวนี้ออก ตัวนี้เป็นตัวเสนียดจัญไรมาตลอด

เฉพาะอย่างยิ่งเรื่องวงศาสนานี้กินมาเรื่อยกลืนมาเรื่อย ลบล้างกันมาเรื่อย จนกระทั่งพระอยู่ในป่าออกมาประชุมกันเป็นหมื่นๆ เห็นไหมล่ะ ตั้งแต่ก่อนท่านมาเกี่ยวข้องอะไร ก็เพราะมาทำความเดือดร้อนแก่ศาสนาที่เป็นหัวใจของชาติไทยเรานั่นเอง ท่านจึงได้มา ด้วยเหตุนี้จึงให้พี่น้องชาวไทยมาวินิจฉัย ๓ ตัวนี้ เข้าใจไหม เราไม่ผิดอะไรนี่ บรรพบุรุษของเราครองบ้านครองเมืองมาด้วยความสงบเย็นใจตลอด มี ๓ ตัวนี้กำลังก่อเรื่องก่อราวขึ้นตลอดมา ก็มีเท่านั้นละ ๕๐ คนน้อยไป ฟาดมันหมดทั้งประเทศเป็นไร หลวงตาบัวออกหน้าก็ได้ เอาว่าเลย

หลวงตาบัวนี้เป็นผู้รักศาสนา ตัดคอรองไว้แล้ว ถ้าใครที่จะมาขับไล่พระออกจากป่า หลวงตาบัวจะเอาเลือดทาแผ่นดินในป่าในเขา ตามถ้ำ เงื้อมผาต่างๆ จะไม่ยอมออกมานี้เลย เอา ให้ไปฆ่ากันที่นั่น จะเอาเลือดทาแผ่นดิน หลวงตาบัวเป็นคอหนึ่งเลยเชียว บอกไปหมดแล้วเวลานี้วงกรรมฐาน เอา ใครเสียดายคอหรือเสียดายชาติ เสียดายศาสนา เสียดายพระมหากษัตริย์ วินิจฉัยกันตรงนี้ บอกงั้นเลย ถ้าคอเราไม่มีคุณค่าแล้วตัดออก เพื่อบูชาคุณของพระพุทธศาสนา ชาติไทยของเรา พระมหากษัตริย์ของเรา เอา ตัดเลย บอกงั้นละ เราบอกไว้แล้ว เรียกว่าไม่มีสองเลยอย่างนี้ แน่วเลย เอาจริงด้วยนะ ถ้าลงได้ขึ้นเวทีแล้วไม่ต้องถาม คอขาดขาดไปเลยเราไม่มีเสียดาย เราเสียดายแต่เหตุผลอรรถธรรม อรรถธรรมนี้เป็นสมบัติของชาติมาดั้งเดิม ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ เป็นชาติไทยมาได้ก็เพราะทั้งสามพระองค์นี้กลมกลืนเป็นอันเดียวกัน นี่จะเอาไฟมาเผาทั้งสามพระองค์นี้ คอหลวงตาบัวขาดไปเลยไม่เสียดาย

พอพูดอย่างนี้ไอ้วิทยุมันก็คอยตัดออกๆ เรื่อยนะ พวกวิทยุนี้ก็เป็นบริษัทบริวารของเทวทัต ไอ้ ๓ ตัวนี้มันไปเที่ยวกุมอำนาจไว้หมดเวลานี้ พี่น้องชาวไทยให้ดู ๓ ตัวนี้ให้ดี มันไปเที่ยวกุมอำนาจไว้ที่ตรงไหนๆ บ้าง ดูบ้างนะ อย่าให้มันมาเหยียบย่ำทำลายคนทั้งชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ไม่สมควรอย่างยิ่งกับเราเป็นลูกคนไทย ต้องสู้เวลาสู้ สู้เพื่อความดีไม่ผิด ตั้งแต่หลวงตาบัวยังตัดคอได้ ตัดคอด้วยความเป็นธรรม เราพูดอะไรไม่เห็นผิดจากแง่ธรรม เราจะต้องเป็นไปตามธรรมทุกอย่าง อันนี้เป็นไปตามธรรมสุดยอดแล้ว คอขาดเราก็ไปเลย เราไม่เสียดาย

ผู้กำกับ           ถ้าพรบ.เขตเศรษฐกิจพิเศษออกมาสำเร็จสมบูรณ์แบบ พวกต่างประเทศก็มากอบโกยเอาทรัพย์สินเงินทอง...

หลวงตา       ก็กอบโกยละซี พวกเปรตมันอยู่ข้างในเปิดประตูให้ สองสามตัวนี้ตัวสำคัญมาก จำให้ดี เราพูดนี้เราพูดโดยธรรมล้วนๆ  เด็ดก็เด็ดโดยธรรม นอกเหนือจากธรรมเราไม่ไป เราจะไปแต่ธรรมล้วนๆ ขาดๆ ไปเลยคอ ถ้าเป็นธรรมแล้วเราบูชาได้ พระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์ ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ เราบูชาตลอด เราเกิดในท่ามกลางแห่งเมืองไทย ท่ามกลางแห่งศาสนา ท่ามกลางแห่งพระมหากษัตริย์ เราจะปล่อยวางท่านไม่ได้ คอเราขาดไปเลยก็ได้ เข้าใจไหม เราสละขนาดนั้นแล้ว

เหล่านี้เราไม่เคยถวายคอให้มันแหละ ไอ้พวกเปรตสามสี่ตัวนี่ ถวายได้ยังไงมันกำลังจะทำลายชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์อยู่เวลานี้ ถวายตัวมันได้ยังไง ใครว่าเปรต ๓ ตัวนี้ สรณํ คจฺฉามิ มีไหม อยู่ในนี้มีไหม มีแต่ พุทฺธํ ธมฺมํ สงฺฆํ ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ สรณํ คจฺฉามิ เท่านั้นเมืองไทยเรา เข้าใจแล้วเหรอ ให้พร

 

รับฟังรับชมพระธรรมเทศนาของหลวงตา ได้ที่

www.Luangta.com หรือ www.Luangta.or.th

และรับฟังจากสถานีวิทยุสวนแสงธรรม กรุงเทพฯ และสถานีวิทยุอุดร

FM 103.25 MHz


** ท่านผู้เข้าชมทุกท่านโปรดทราบ
    เนื่องจากกัณฑ์เทศน์บางกัณฑ์มีความยาวค่อนข้างมาก ซึ่งจะส่งผลต่อความเร็วในการเปิดเว็บไซต์ ขอแนะนำให้ทุกท่านได้อ่านเนื้อหากัณฑ์เทศน์บางส่วนจากเว็บไซต์ และให้ทำการดาวน์โหลดไฟล์กัณฑ์เทศน์ที่มีนามสกุล .pdf ไปเก็บไว้ในเครื่องของท่านแทนการอ่านเนื้อหาทั้งหมดจากเว็บไซต์

<< BACK

หน้าแรก