เทศน์อบรมฆราวาส ณ วัดป่าบ้านตาด
เมื่อวันที่ ๒๙ มกราคม พุทธศักราช ๒๕๔๘
อยากให้ทำแต่ความดีงาม
....กลับเข้ามา พอเราผ่านประตูเข้ามา รถนี้เขาออกจากเราไปเขาก็ไปชนกำแพง โถ ทำไมถึงเป็นอย่างนี้ แล้วก็มาถามดู เป็นยังไง ดูว่าลืมเข้าเกียร์เข้าเกืออะไรไม่รู้แหละ ออกไปนี้ประตูอยู่ข้างหน้าไปชนกำแพงกับประตูที่ปิดไปทางนู้น ทำไมจึงทำอย่างนี้ อาจหาญนัก ขับรถชนกำแพง ขับรถชนภูเขา เอามีดไปฟันหิน อย่ากล้าหาญ เป็นเรื่องฉิบหายทั้งนั้น เราบอกอย่างนั้นแหละ
อย่างที่เราพูดเมื่อสองสามวันนี้ เราพูดตรงๆ ตามอรรถตามธรรม ที่เราพูดไอ้สองตัวนี้มาทำที่วิทยุที่สวนแสงธรรมแล้วมาทำให้เสียหายคนในวงวิทยุด้วยกัน คนที่ทำด้วยกันก็เลยมาบอกเราหรือจะว่ามาร้องเรียนก็ได้ หรือมาฟ้องก็ได้ เพราะทางนั้นทำผิด เราก็ถามดูเรื่องราวเป็นยังไงๆ พอชัดเจนแล้วเราก็เลยบอกให้ออกไปเสีย เป็นภัยต่อนี้ ไม่เป็นคุณ ก็บอกเท่านั้นแหละ เรื่องธรรมภาษาธรรมต้องตรงไปตรงมา พอออกไปนี้ก็ไปแต่งเรื่องแต่งราวขึ้นโจมตีหลวงตา เราก็บอก อู๊ย ทุเรศนะ ทำไมจึงกล้าหาญชาญชัยจะขับรถไปชนภูเขา
คำว่าภูเขาก็คือความดีที่เราทำนี้ เราทำเต็มเม็ดเต็มหน่วยมาตลอด ไม่เคยบกบางบกพร่องอะไรไม่มี ตลอดการช่วยชาติแนะนำสั่งสอนไม่มีอะไรผิดพลาดตลอดมา แล้วอยู่ๆ ก็มาทำผิดในวิทยุของเรานั้นแหละ เห็นว่าไม่ดี จะเป็นความเสียหายแก่วงคณะเพื่อนฝูงด้วยกันด้วย เราเลยให้ออกไปเสีย เราว่างั้น เลยกลับมาหาเรื่องหาราวฟ้องร้องเรา ว่าวิทยุเราเถื่อน อะไรก็เถื่อน ดูเหมือนหลวงตาบัวก็เถื่อนด้วยมิใช่เหรอ เราก็ยิ่งให้คิด เอ๊ คนเราช่างไม่มีเหตุมีผลอะไรเลย เราจึงได้บอกไว้แล้ว อย่าทำนะมันจะฉิบหายหนักเข้า เราเลยเตือนไป บอกว่าอย่ากล้าหาญขับรถชนภูเขา อย่าเอามีดไปฟันหิน สิ่งนี้ไม่ใช่ฐานะของผู้มีเหตุผล ของผู้สร้างผลประโยชน์ นี้เป็นผู้ก่อความเสียหายต่างหาก อยู่ๆ ก็เอามีดไปฟันหิน ขับรถไปชนภูเขามันไม่ถูก นี้ลักษณะนั้นแหละ อย่าทำ
ทีนี้ก็หาเรื่องหาราวใส่เรา ก็ยิ่งไปใหญ่ ว่าวิทยุก็วิทยุเถื่อน อะไรก็เถื่อน ของเราเถื่อนหมด น่าทุเรศ ก็ทางวัดเรานั่นละเลี้ยงดูมาที่สวนแสงธรรม ไม่มีอะไรละมีแต่เลี้ยงดูๆ แล้วมาทำเสียหายไม่ดีไม่งาม เพื่อนฝูงอยู่ด้วยกันเขามาเล่าให้ฟัง เรียกว่ามาฟ้องร้องก็ถูก เพราะเขาฝืนทนดูอยู่ไม่ได้ในความไม่ดีของเขา เราเอามาฟังเหตุฟังผลด้วยดีแล้วก็บอก ถ้างั้นให้ออกไปเสีย เท่านั้นแหละ อยู่ไปจะมีแต่ความเสียหายไม่เกิดประโยชน์ เรื่องก็เลยย้อนเข้ามาหาเรา จะมาทำลายเราอีก ทำไมกล้าหาญนัก โลกเขาไม่ทำกัน เอามีดไปฟันหินหนึ่ง ขับรถชนภูเขาหนึ่ง โลกเขาไม่ทำกัน เราทำไมถึงกล้าหาญชาญชัยเลยโลกเลยสงสารไป
เราเมตตานะโลก ทำผิดเราไม่อยากให้ทำ อยากให้ทำแต่ความดีงามทั้งนั้นจะเป็นประโยชน์แก่ตนแล้วกระจายไปหาผู้อื่น ถ้าเป็นความเสียหายก็ตนเป็นอันดับแรก แล้วกระจายไปหาผู้อื่นให้เสียหายไปตามๆ กันจึงไม่อยากให้ทำ อย่างที่เขาว่าให้เรา เราจะมีอะไร มีแต่สงสารเขาเท่านั้นแหละ เราจะมีอะไร เราเลยบอกตรงๆ ไปเลย บอกว่า ทำไมจึงกล้าหาญขับรถไปชนภูเขา เพราะเหตุไร เพราะเราเชื่อในความดีของเรา ตั้งแต่บวชมาเลยเชื่อมาโดยลำดับ เพราะไม่ปรากฏในเจตนาของเราว่าจะข้ามเกินหลักธรรมหลักวินัย ไม่มี
นอกจากความไม่รู้หรือพลั้งเผลอไปบ้างก็เป็นธรรมดาที่โลกปฏิเสธไม่ได้ มันเป็นด้วยกันนั้นแหละ ส่วนเจตนานี้เราแน่ขนาดนั้นละสำหรับเราเอง เจตนาที่จะข้ามเกินหลักธรรมหลักวินัยนี้ไม่มีเลย เราก็สร้างมาตลอดๆ จนกระทั่งปัจจุบันนี้ ถึงขั้นภูมิใจ หมดทุกอย่าง เราไม่มีอะไรสำหรับเราเองที่จะสร้างจะส่งจะเสริมอะไร เราไม่มี ที่จะว่ามันเหลือเฟือเกินไปจะดึงออกก็ไม่มี ยังบกพร่องตรงไหนเอามาเสริมก็ไม่มี จึงพอ ในหัวใจพอ ก็ขนาดนั้นแหละ ยังจะมาหาเรื่องหาราวใส่เราที่ไม่มีความผิดอะไรเลย ก็เท่ากับขับรถไปชนภูเขา รถนั่นแหละจะพัง ภูเขาไม่พังแหละ ว่างั้นเลย เราพูดจริงๆ ใครจะมาทำให้เราเป็นอะไร เป็นไปไม่ได้แล้วสำหรับธรรมชาตินี้ เราจึงไม่อยากให้ผู้มาก่อความเสียหาย มันจะเสียหายแก่เจ้าของมากน้อย เข้าหาเจ้าของทั้งหมด จึงเตือนด้วยความเมตตา
เรื่องของกิเลสจะไม่ยอมฟังอะไรนะ จะเอาให้ได้อย่างใจๆ ผิดถูกชั่วดีไม่คำนึง ใจต้องการอย่างไรให้ได้อย่างนั้นๆ ถ้าธรรมแล้วให้เป็นไปตามเหตุผล ดีให้ไปตามเหตุผลทุกอย่าง ชั่วเหมือนกัน มีเหตุมีผลประจำ เราไม่อยากให้ทำ ทำความชั่ว ทั่วๆ ไปก็สอนแล้วให้ละชั่วทำดี มิหนำซ้ำยังจะย้อนเข้ามาทำเราอีก มาทำชั่วกับเราอีก เรายิ่งไม่อยากให้ทำใหญ่ พูดง่ายๆ ก็เป็นอย่างนั้นละ คือเสียหายโดยตรง
เมื่อวานนี้ก็เอาของไปส่งโรงพยาบาลปากคาด อย่างนี้ละถ้ามันเป็นมาเองมันเป็นของมันเอง อย่างบรรดาโรงพยาบาลต่างๆ ตลอดโรงร่ำโรงเรียนที่ไหนๆ ก็มาขออยู่ไม่เว้นแต่ละวันๆ เราฟังเหตุฟังผลๆ เพราะความจำเป็นเหนือนั้นยังมีๆ จึงต้องรอ ทางไหนที่ควรจะให้ระยะใด ให้มากน้อยเพียงไร เราก็ให้ตามเหตุตามผล ถ้ายังไม่ควรให้ก็บอกให้รอไปก่อน เพราะที่หนักแน่นกว่านี้ยังมีที่จะต้องช่วยเหลือ อย่างที่เมื่อวานเราไปที่โรงพยาบาลปากคาด ทั้งๆ ที่รถอะไรๆ นี้เขาก็ขอเราอยู่นะ อย่างอื่นๆ พวกโรงพยาบาลขอ แบ่งสันปันส่วนให้ บางทีให้รอๆ
ที่ไปเมื่อวานพอไปถึงปั๊บ (มีรถจากโรงพยาบาลสิรินธร จ.อุบลราชธานี เข้ามารับของจากโกดัง) นี่อุบลมานี่ อุบลหนึ่ง โคราชหนึ่ง อุตรดิตถ์หนึ่ง สามจังหวัดนี้มาเกี่ยวข้องกับวัดเราโรงพยาบาล นี้เราสั่งให้เป็นพิเศษ อย่างนี้ก็ต้องเป็นพิเศษ ที่พิเศษมีอะไรบ้างเราสั่งกับพระไว้หมด คำว่าพิเศษก็ให้เสมอกันหมด ให้ขนาดเดียวกันเสมอกันหมด อันนี้เรียกว่าพิเศษแล้วอุบล ก็อย่างนี้ ทีนี้ย้อนกลับไปหาปากคาดอีก ปากคาดไม่เสร็จสักที พูดไม่รู้กี่ครั้ง พอเข้าไปนี้เขาก็รุมมา มาก็ขึ้นเลยเพราะเขามีหวังจะได้แล้ว มาก็ว่า ผู้อำนวยการก็ไม่อยู่เข้าไปจังหวัดโน้น แล้วก็ย้อนเข้ามาหารถ รถที่หลวงตาให้สำหรับคนไข้นั้น เขาไปส่งคนไข้ที่จังหวัด ถึงกลางทางไปคว่ำรถพังหมด ว่างั้น นี่ไม่ได้ขอนะ เขาว่าเพียงเท่านั้น ว่ามีรถคันเดียวนั้นเท่านั้น้ เขาพูดบอกชัดเจนแล้ว เป็นอันว่าขอโดยถูกต้อง เราก็ฟังไปโดยลำดับ พอเขาพูดจบเราก็บอก เออ ไม่ต้องขอละเราจะให้เลย อย่างนั้นนะปุ๊บให้เลย
อันนี้รถเราให้แล้วไปเกิดอุบัติเหตุ ที่อำเภอไชยา จ.สุราษฎร์ก็เหมือนกัน อันนั้นพอออกมาก็ไปชน เราก็ให้อีก เขาขอมาอีกเราให้อีกติดกันไปเลย พอเอาไปไม่นาน ออกมาดูว่าไปชน ดูว่าฝ่ายเราผิดด้วย เราไม่คำนึง ให้ใหม่ไปเลย อันไหนที่จะควรตัดสินปัจจุบันเราก็ตัดสินทันทีๆ อันไหนที่ควรลดหย่อนผ่อนผันให้รอไปๆ อย่างนี้ เราก็ให้ทำตามนั้น เราทำตามเหตุตามผลทุกอย่าง เราไม่ได้ให้แบบชุ่ยๆ หรือไม่ให้อย่างนี้ แบบชุ่ยๆ ไม่เอา ให้ก็ดีไม่ให้ก็ดี ลดหย่อนผ่อนผันก็ดี มีเหตุผลทุกอย่าง
เพราะฉะนั้นเงินทั้งหลายที่พี่น้องทั้งหลายบริจาคนี้ เราจึงเปิดอกเลย แม้บาทหนึ่งเราไม่เคยแตะ ฟังซิน่ะ จ่ายขนาดไหน เป็นพันๆ หมื่นๆ ล้าน ทำไมบาทหนึ่งไม่แตะ เราไม่แตะด้วยความบริสุทธิ์ใจของเรา การจ่ายมากจ่ายน้อยอยู่ในวงเหตุผลของเรา อันนั้นราคาเท่าไร อันนี้ราคาเท่าไร เหตุผลลงกันแล้ว เอา จ่ายๆ อย่างนี้ เป็นความบริสุทธิ์ใจ ที่จะไปมุบมิบเอาบาทหนึ่งสองบาทเราพูดตรงๆ บอกเราไม่มีเลย เพราะเราช่วยโลกด้วยความเมตตาล้วนๆ ถึงขนาดร้องโก้กที่เมืองไทยเราจะจม หัวคนไทย ๖๒ ล้านคน หมูหมาเป็ดไก่จ่อเข้าไปทะเลหลวงแห่งความล่มจมหมด รออยู่ที่นั่น นั่นละที่เราร้องโก้ก จึงได้ออกช่วยพี่น้องทั้งหลายด้วยความเมตตา เป็นห่วง สงสารประเทศไทยทั้งประเทศ ที่ปู่ย่าตายายนำมาก็มาด้วยความสงบร่มเย็นเป็นสุขมาตลอด มาถึงลูกหลานถึง ๖๒ ล้านคนนี้จะพากันจมทั้งประเทศมีอย่างเหรอ นี่ก็เป็นลูกหลานไทยเองนี่นะ แล้วทำไมปู่ย่าตายายไม่พาจม ลูกหลานทำไมจมได้
พิจารณาเหตุผลเรียบร้อยแล้ว เรื่องความจะล่มจมไม่มีใครมาทำให้ล่มจม บ้านอื่นเมืองอื่นเขามาโจมตีเมืองไทยมารบเมืองไทยเราทำให้ล่มจมเป็นอีกอย่างหนึ่ง อันนี้คิดที่ไหนก็ไม่มีใครทำให้ล่มจม ก็คือเมืองไทยของเรา เราก็บอกตรงๆ อย่างนี้จะไปตำหนิใคร ให้ตำหนิคนไทยทั้งประเทศมันเหลิงเจิ้งเหลือเกิน ฟุ่มเฟือย ฟุ้งเฟ้อเห่อเหิม ลืมเนื้อลืมตัว แล้วก็เป็นข้าศึกแก่ตัวเองและชาติของตัวเองอย่างนี้แหละ เอ้า ทีนี้ให้ฟื้นตัวใหม่ พลิกตัวเสียใหม่ ความประพฤติปฏิบัติหน้าที่การงาน การอยู่การกินใช้สอย ให้รู้จักประหยัดมัธยัสถ์ พลิกใหม่นะที่นี่ เราจะยกเมืองไทยกลับคืนตามเดิม ต่างคนต่างยก เราก็จะเป็นผู้นำ ได้เท่าไรก็ทุ่มเข้าไป
ตั้งแต่นั้นมาก็เรื่อยมา ก็เดชะอยู่นะ ก็ฟื้นขึ้นมาดังที่เห็นนี่แหละ แทนที่จะจมก็ไม่จม ก็ลูกไทยหลานไทยแท้ๆ พ่อแม่ปู่ย่าตายายไม่พาให้จม ลูกหลานมันจะหน้าด้านไปไหนพาให้จมทั้งประเทศ มันดูได้ที่ไหนใช่ไหม มันต้องฟิตซิ ก็ฟื้นขึ้นมา เวลานี้ก็ยังทองคำ คือทองคำส่วนใหญ่ที่เราได้ไปแล้ว ได้สมมักสมหมายไม่มีผิดมีเพี้ยน คือได้มากกว่าที่กำหนดไว้ๆ ตลอดมา รวมที่เข้าคลังหลวงเรียบร้อยแล้วทองคำก็ ๑๑ ตันกับ ๓๗ กิโลครึ่ง นี่เข้าเรียบร้อยแล้ว ดอลลาร์ก็ ๑๐ ล้าน ๒ แสนกว่า เข้าเรียบร้อยแล้ว ทีนี้เวลาเข้าไปแล้วได้สมมักสมหมายก็จริง แต่ในคลังหลวงของเรารู้สึกว่าบกพร่องอยู่มาก ในบรรดาทองคำทั้งหลายนี้รู้สึกบกพร่องอยู่มากทีเดียว เราจึงเป็นห่วงเป็นใยอยู่ในจุดนี้แหละ จึงต้องขอบิณฑบาตรบกวนบรรดาพี่น้องทั้งหลาย ทั้งขอรบกวนแบบต่างๆ ทั้งออดทั้งอ้อน เอาทีนี้ให้เป็นประเภททองคำน้ำไหลซึม อย่าให้ขาดทีเดียว ถ้าขาดก็ขาดอยู่อย่างนี้แหละ
เมืองไทยเรามีคนจำนวนเท่าไร ลูกหลานไทยของเราอาศัยลมหายใจอยู่นี้ทั้งนั้น ความแน่นหนามั่นคงอยู่ที่นี่ ลมหายใจอยู่ที่นี่ ให้พากันพิจารณา ตั้งแต่ส่วนใหญ่เราก็ยังได้มาตั้ง ๑๑ ตัน อันนี้ส่วนปลีกย่อยเป็นน้ำไหลซึม มีเท่าไรค่อยไหลซึมเข้ามา เอ้าให้พากันพิจารณานี้อย่าให้ขาด ระยะนี้เป็นเวลาที่เหมาะสมอยู่ซึ่งทองคำจะควรซึมซาบไหลเข้าสู่คลังหลวงได้อยู่ แล้วก็ค่อยไหลเข้ามา เวลานี้ทองคำประเภทน้ำไหลซึมนี้ก็ได้ถึง ๖๐ กิโล ถึงแน่แล้ว นี่ละประเภทน้ำไหลซึม ค่อยไหลซึมเข้าไปเรื่อย
เราจะพยายามพาพี่น้องทั้งหลายทำเวลาเรามีชีวิตอยู่ ถ้าเราตายไปแล้วก็อยากจะพูดว่าจะไม่ได้นะ เพราะไม่มีใครพาหานี่ เราเป็นคนพาหา เราตายแล้วไม่ได้หาก็ไม่ได้ละซี จึงต้องพยายามให้ได้ ให้เป็นประเภทน้ำไหลซึม จะว่าต่อยอดเข้าไปก็ได้ หรือว่าจะเสริมตีนภูเขาทองเราก็ได้ เสริมออกไปเรื่อยๆ เราจึงได้รบกวนพี่น้องทั้งหลาย เพราะเราเป็นห่วงลูกหลานไทยของเราทั้งประเทศ ลมหายใจอยู่นั้นหมด ถ้ามีนี้แล้วก็เท่ากับมีลมหายใจ การทำมาค้าขายติดหนี้ติดสินเขาไม่ขัดข้องอะไร เพราะอันนี้มีเครื่องประกันอยู่แล้ว
เราคิดไว้หมดแล้ว หากว่าอันนี้ไม่มีแล้วหมดท่านะ ลมหายใจใครมีก็จะไม่มีค่านะ มันมีค่าอยู่กับตรงนั้น จึงต้องได้พยายาม ค่อยเป็นไปอย่างนี้แหละ แล้วก็ค่อยได้ไปเรื่อยๆ เดี๋ยวนี้ก็ตั้ง ๖๐ กิโลแล้ว ประเภทน้ำไหลซึม จากเดือนเมษามานี่ ก็ได้ตั้ง ๖๐ กิโลแล้ว จะค่อยเป็นไป ได้มาเรื่อยๆ วันละเล็กละน้อย จนกระทั่งพอสมควรนั่นแหละ เรื่องหยุดมันอยากหยุดอยู่แล้วแหละ ไม่ยากอะไรล่ะน่ะ เดี๋ยวนี้ที่จะค่อยคืบคลานไปซิมันลำบาก จึงต้องดึงขานั้นดึงขานี้มาช่วยกันก้าวเดิน ไม่งั้นมันจะหด ให้เป็นน้ำไหลซึมหยดเล็กหยดน้อยอยู่นั้นละ
ให้ทุกคนๆ หันหน้าเข้าธรรมะนะบรรดาพี่น้องทั้งหลาย เมืองไทยเราเหลิงเจิ้งมากเรื่องพุทธศาสนา แม้จะเป็นชาวพุทธในนามของชาติไทยทั้งชาติอย่างออกหน้าออกตาก็ตาม แต่การประพฤติปฏิบัติตัวไม่ค่อยไปตามร่องรอยของพุทธศาสนา ไปตามร่องรอยของกิเลสไปหมด ที่มานี้ลองดูซิ มานี่มากี่ขา คนหนึ่งมีกี่ขามา เวลาขากลับไปจะเหลือขาสักกี่ขา ถูกกิเลสดึงไปกินไปหมดๆ ธรรมะไม่ได้สักนิดเดียวเลย เรามาสองขา กลับไปอย่างน้อยขาดไปขาหนึ่งแล้ว กิเลสเอาไปกินขาหนึ่ง ธรรมะไม่ได้อะไรเลยมีแต่ขาดทุน การปฏิบัติตัวเพื่อความขาดทุนอย่างนี้ไม่ได้เรื่องนะ ไม่เกิดประโยชน์ ห่างเหินจากธรรมนั่นละคือความขาดทุน ถ้าปฏิบัติตามธรรมแล้วก็จะเป็นการเพิ่มเติม
นิสัยใจคอการจับการจ่ายใช้สอย การอยู่การกิน ให้รู้จักประมาณกันนะ อย่าเลินเล่อเผลอสติจนเกินเนื้อเกินตัว ซึ่งไม่ใช่ทางของชาวพุทธเรา ชาวพุทธเราพระพุทธเจ้าสอนให้รู้จักประมาณทุกสิ่งทุกอย่าง การอยู่การกินการใช้การสอย การประพฤติเนื้อประพฤติตัว อย่าเลินเล่อเผลอสติจนลืมเนื้อลืมตัว การแต่งเนื้อแต่งตัวก็ให้ดู อย่าเลยเถิด เมืองไทยเราถ้าอะไรไม่ดีมันมักเลยเถิดนะ ปีนกำแพงไปละ ถ้าอันดีมันไม่อยากไป ถ้าไม่ดีแล้วปีนกันๆ เราดูตลอด เมื่อยังไม่ถึงคราวพูดก็เหมือนไม่มีอะไร ไม่พูด แต่เมื่อไปสัมผัสก็พูดเตือนเพื่อให้ได้สติสตัง
การพูดทั้งมวลนี้เราไม่ได้พูดเพื่อความเสียหายแก่พี่น้องลูกหลานไทยเรา ธรรมะเป็นธรรมชาติที่ให้ประโยชน์แก่โลกมาตลอด เรานำมาสอนก็เพื่อประโยชน์แก่โลก ควรจะยึดไปประพฤติปฏิบัติตัวเอง อย่าเอากิเลสออกหน้าออกตา มาเห็นกันเอาแต่กิเลสมาอวดกันๆ นี้มีแต่ความเลวร้าย ความเลวร้ายๆ จะพาเจ้าของให้ล่มจม คนเราเมื่อฟุ้งเฟ้อเห่อเหิมแล้ว การจับการจ่ายต้องมากๆ เป็นข้าศึกต่อตัวเองและส่วนรวมๆ สุดท้ายพาชาติไทยให้จมได้นะ ให้พากันพินิจพิจารณา
ต่างคนต่างมีหัวใจ ฟังด้วยกันนี้ให้เอาไปพิจารณา เราไม่ปฏิบัติตัวเพื่อความเป็นคนดีสมว่าเรารักเรา แล้วใครจะปฏิบัติให้เรา เราต้องปฏิบัติตัวเอง ฝืนบ้างซิ ไปวัดไปวาก็ไปดูท่านทำยังไงๆ อันใดที่อยู่ในวิสัยของเรานำไปปฏิบัติตัวเองของเราให้เป็นเยี่ยงอย่างอันดีขึ้นมาจากที่ได้เห็นท่าน ได้ยินได้ฟังในวัดในวา พระเจ้าพระสงฆ์ เห็นพระเจ้าพระสงฆ์เป็นยังไง เห็นวัดเห็นวาเป็นยังไง หน้าที่การงานของท่าน การประพฤติเนื้อประพฤติตัวของท่านผู้ทรงศีลทรงธรรมท่านปฏิบัติยังไง
ไอ้พวกโกโรโกโสไม่ต้องเอามาพูด เลวกว่าประชาชน เราไม่พูดอันนั้น เราจะพูดพวกอยู่ในกรอบของศีลของธรรมในเพศของพระโดยสมบูรณ์แบบ ตามหลักของศาสดาเท่านั้น ที่เลยนอกเหนือไปจากนั้นแล้วเราไม่เอามาพูด มันมีอยู่ทั่วไป ไม่ว่าฆราวาสไม่ว่าพระมีเกลื่อนไปหมดตั้งแต่สิ่งเลวร้ายทั้งหลาย ที่จะเป็นภัยแก่ตนและส่วนรวมทั้งนั้นแหละ อย่าพากันสนใจในสิ่งเหล่านี้นักบรรดาพี่น้องทั้งหลาย
การนุ่งการห่มการใช้การสอย ให้นุ่งให้ห่มพอดิบพอดี อย่านำมาอวดกันแบบฟุ้งเฟ้อเห่อเหิม เห็นหน้ากัน อวดกันด้วยเครื่องแต่งเนื้อแต่งตัว บางคนจะเอาหีมาอวดกัน นุ่งล่อนจ้อนมาจนจะเห็นหีก็มี นี่ฟังเสียภาษาธรรมท่านทั้งหลาย เหล่านี้มันมีไหม ในตัวท่านทั้งหลายเองมีไหม ธรรมท่านสอนต่างหาก อย่าทำอย่างนั้น ท่านเสียหายไปไหน เราผู้ทำต่างหากเป็นผู้เสียหาย ธรรมท่านไม่ได้ทำความเสียหายแก่ผู้ใด มีแต่ทำประโยชน์ให้โลกเท่านั้น ควรนำไปพินิจพิจารณา อย่าฟุ้งเฟ้อเห่อเหิมเกินเนื้อเกินตัว
เมืองไทยเรานี้เป็นเมืองที่หลักลอยมากทีเดียว ทั้งๆ ที่เราเป็นชาวพุทธ พระพุทธศาสนาเป็นศาสนาที่มีหลักมีเกณฑ์ ไม่มีอะไรเสมอได้เลยพุทธศาสนา นี้เราเป็นลูกชาวพุทธ ไม่ได้แบบร้อยเปอร์เซ็นต์ก็ขอให้แบบลูกศิษย์ที่มีครูมีอาจารย์ ก็ยังจะพอน่าดูน่าชม ไม่ลืมเนื้อลืมตัวจนเกินไป เห็นหน้ากันเอาแต่สิ่งสกปรกโสมมมาอวดกัน ว่าเป็นของดิบของดี มูตรคูถมันจะดีได้ยังไง ถ้าทองคำอยู่ที่ไหนก็ดี ความประพฤติเนื้อประพฤติตัว การทำตัวให้เป็นคนดีอยู่ที่ไหนดีหมด ถ้าทำตัวให้เป็นคนชั่วอยู่ที่ไหนชั่ว อวดเท่าไรก็ยิ่งชั่วลงไปโดยลำดับไม่ใช่ของดี พากันจำให้ดี
เลอะเทอะมากนะเมืองไทยเรา ไม่มีใครพูดอย่างนี้ มีแต่หลวงตาบัวคนเดียวพูดอยู่นี้ ไม่ว่าทางโลกทางธรรมเราพูดได้หมด เพราะธรรมนี่เหนือโลก นำมาสอนโลกไม่ได้จะสอนใคร ธรรมพระพุทธเจ้าเป็นธรรมสอนโลกโดยแท้ นี้เราก็นำธรรมพระพุทธเจ้ามาสอนโลก เราเป็นโลกไหนถึงจะไม่ยอมรับธรรม แล้วยังจะถือธรรมเป็นข้าศึกต่อเรา เราเป็นข้าศึกต่อธรรมแล้วเราก็จม ไม่มีทางไปนะ พากันจดจำให้ดี เอาเท่านั้นละวันนี้
พระอาจารย์รัฐวีร์ ฐิตวีโร และชาวอินเตอร์เน็ตทั้งทางใกล้และทางไกล ขอถวายทองคำน้ำไหลซึมมูลค่า ๕ บาท ๕๐ สตางค์ สาธุพร้อมกัน (สาธุ) นี่เราจะยกนิทานมาประกอบเพื่อเสริมทองคำเรา ฟังนะ นี่ทองคำเราได้ ๕ บาท ๕๐ สตางค์ เราจะเอานิทานมาประกอบจะเข้ากันได้หรือเปล่าก็ไม่รู้
คืออีตาหนึ่งแกเลี้ยงวัวฝูงไว้สำหรับขาย เขาก็มาซื้อวัว บ้านมีชานเรือน ขึ้นบันไดถึงชานเรือนแล้วก็เข้ามาในบ้าน พวกลูกค้าเขาขึ้นมาต่อรองราคา เขาจะซื้อตัวละสามบาท แกขอสี่บาท แกจะเอาสี่บาท เขาก็จะเอาสามบาท นั่งไปนั่งมาก็นั่งอย่างนี้ละซิที่นี่(ทำท่าให้ดู) ต้องทำตัวอย่างให้ดู แต่เราไม่เปิดหำ เข้าใจไหม แต่อีตานั้นแกเปิดหำ แต่เราไม่เปิดเพียงแต่แย็บๆ ให้ดูเฉยๆ แกนั่งชันเข่าละซี ปล่อยหำ พอดีเมียขึ้นมามองเห็นหำผัว อายเขาละซี เลยขยิบตาใส่ผัว ให้ปิดหำบ้าง ความหมายว่างั้น ถ้าจะบอกกลัวลูกค้าจะได้ยิน เลยขยิบตาใส่ผัว แล้วก็เข้าในห้อง
พอเมียขยิบตาใส่แล้ว แทนที่จะเป็นสี่บาทตามเดิม ฟาดไปห้าบาทๆ อู๊ย ตั้งแต่สามบาทก็ยังไม่ลงกัน แล้วทำไมจึงต้องสี่บาทห้าบาทขึ้นไปอีก ไม่เอาละ เขาก็ลงไป สักเดี๋ยวเมียก็ออกมา ที่เขาให้สามบาทก็ควรจะขายให้เขาแล้ว ทำไมไม่ขายให้เขาเป็นเพราะอะไร ก็แกขยิบตาใส่ฉัน นึกว่าให้ฉันขึ้นราคาฉันก็ขึ้นอีกซี ห้าบาท ไม่ขยิบตายังไงก็แกปล่อยหำให้เขาเห็น ฉันอายเขาจะตาย อู๊ย ตายๆ เสียดาย คืนมาเสียสามบาทก็เอาละ เขาไปแล้ว เข้าใจไหม จบแล้ว เข้ากันได้แล้วนะ เอาละเลิก คนนี้เขาอยู่บ้านหนองกะปาด อำเภอหนองสูง คำชะอี บ้านเขาเราก็เคยผ่านไปผ่านมา นี่เป็นนิทานสดนะไม่ใช่นิทานแห้งมาปั้นกันขึ้น เป็นความจริง เอาละให้พร
รับฟังรับชมพระธรรมเทศนาของหลวงตา ได้ที่
www.Luangta.com หรือ www.Luangta.or.th
และรับฟังจากสถานีวิทยุสวนแสงธรรม กรุงเทพฯ และสถานีวิทยุอุดร
FM 103.25 MHz |