เทศน์อบรมฆราวาส ณ วัดป่าบ้านตาด
เมื่อวันที่ ๒๘ มกราคม พุทธศักราช ๒๕๔๘
ดีก็เสริม ไม่ดีก็ตำหนิ
ก่อนจังหัน
เรายังไม่ได้ประกาศให้ทราบ อย่างอื่นประกาศทั่วประเทศไทย ที่หน้าวัดเรานี้มีสะเดาหวานอยู่นะ ใครต้องการมาเอาไปกิน ความจริงมันไม่หวานแหละ คือสะเดาทั้งหลายขมทั้งนั้น แต่สะเดานี้ไม่ขม ก็เลยยกให้เป็นสะเดาหวาน ความจริงมันไม่หวาน ใครต้องการเอานะ อยู่หน้าวัดเป็นแถวยาวไปเลย จะเอาไปปลูกก็ได้ กินได้ทั้งนั้น สะเดาหวานของดิบของดีมีอยู่นี่ ใครข้ามไปข้ามมา เห็นสะเดานึกว่าเป็นเหมือนกัน โหย มันเหมือนเมื่อไร เพชรน้ำหนึ่งอยู่หน้าวัด สะเดาหวาน ไปที่ไหนดูไม่ค่อยเห็นมี เพราะฉะนั้นจึงอยากให้ไปปลูกขยายทั่วๆ ไป รสมันดีอยู่นะ
งานการที่ช่วยชาติบ้านเมืองก็นับว่าเบา ที่เกี่ยวข้องกับพระเรา งานช่วยชาติคราวนี้วงกรรมฐานรู้สึกหนักมากอยู่ แต่ท่านหนักด้วยความพอใจ ไม่ใช่หนักด้วยการฝืน ทางวงกรรมฐานนี่เรียกว่าช่วยจริงๆ เต็มเม็ดเต็มหน่วย สมบัติเงินทองมีเท่าไรกับญาติกับโยมท่านไปหากอบโกยเอามาหมด ท่านช่วย อุบายวิธีการต่างๆ ก็เหมือนกัน ท่านช่วยเต็มกำลังความสามารถ ทีนี้ค่อยเบาลงละ งานอันนี้ค่อยเบาลง ให้หนักงานทางด้านปฏิบัติธรรมะภายในใจ อันนี้ที่เป็นประโยชน์มากที่สุด เป็นประโยชน์ภายในใจ โลกมองข้ามไปๆ เพราะฉะนั้นจึงหาความสุขไม่มี
โลกนี้หาความสุขกันทั้งนั้น แต่ไม่มีใครเจอความสุขเพราะหาผิดทาง แล้วหาให้ถูกทาง เอา ทางโลกทางสงสารก็จำเป็นทางธาตุทางขันธ์ มีการกินอยู่ปูวาย เอ้าหา ทางด้านธรรมะก็คือจิตใจเรียกร้องหาความช่วยเหลือจากเจ้าของอยู่ตลอดเวลา เพราะทุกข์มาก อันนี้ก็หาความดีงามเข้าสู่ใจ อันนี้สำคัญมาก ถ้าธรรมะลงได้แทรกเข้าสู่ภายในจิตใจแล้วจะปรากฏๆ เด่นขึ้นๆ ทันที อันนี้โลกไม่ค่อยมองเห็น มันจึงมืดหนาสาโหดที่สุดโลกเรา ที่ตายแล้วก็มาหาขอส่วนบุญ คนไทยเราไม่เห็นมีสักคน เห็นแต่ไอ้หรั่งไอ้แหร่งมาขอส่วนบุญกับใครก็ไม่รู้แหละ เราก็พูดกลางๆ ไปอย่างนั้น
หาบุญหากุศลภายในใจ อรรถธรรมภายในใจมีแล้วยังไงก็ไม่จนคนเรา ชุ่มเย็น อยู่ที่ไหนชุ่มเย็น สมบัติเงินทองข้าวของก็มี ธรรมก็มี ยิ่งชุ่มเย็นใหญ่ พากันจำให้ดีๆ พระเราหาแต่สมบัติคือธรรมสมบัติ อันนี้เอาให้จริงให้จังนะ อย่าเหลาะๆ แหละๆ ดูพระดูเณรเราดู หน้าที่การงานอะไรๆ นี้เราดูทุกกิทุกกี คือดูสติปัญญา ทำงานการอะไรภายนอกนี้ส่อเข้าไปหาภายใน คือสติปัญญาที่จะแก้กิเลส อันนี้สำคัญมากทีเดียว ถ้าดูภายนอกเลอะๆ เทอะๆ แสดงว่าภายในไม่เอาไหน นั่นบอกแล้วนะ จึงได้เตือนเสมอๆ
กุฏิเราไม่ค่อยให้ใครเข้าไปยุ่งนะ มันขวางตา พูดจริงๆ นี่แหละ ไปทำอะไรๆ ขวางให้เห็นจนได้ ขวางก็คือเรื่องเซ่อกับกิเลส ฆ่ากิเลสเจ้าของก็เป็นแบบเดียวกันนี้แล มันบอกอย่างนี้ โอ๋ย เรื่องฆ่ากิเลสเป็นของง่ายเมื่อไร ใครไม่ได้ขึ้นเวทีต่อกรกับกิเลสเสียก่อน ใครอย่าว่างานนี้เป็นงานหนักงานหนานะ งานกิเลสกับจิตฆ่ากันให้ขาดสะบั้นลงไป คือพระพุทธเจ้า พระอรหันต์ เป็นงานที่หนักมากที่สุดในโลกนี้ ใครฆ่ากิเลสตายแล้วเลิศอีกละ เป็นอย่างนั้นนะ พากันจำให้ดี
พระเราให้ตั้งหน้าตั้งตาภาวนา ทุกสิ่งทุกอย่างอย่าไปสนใจกับอะไรนัก ยิ่งกว่าสติกับปัญญาที่จะจ่ออยู่ภายในใจๆ ดูกิเลสอยู่ภายในมันรุมอยู่ตลอดเวลา ใครไม่เห็นๆ เพราะฉะนั้นมันจึงได้สนุกกินตับกินปอดพระเณรที่เซ่อๆ ซ่าๆ เฉพาะพระเณรวัดป่าบ้านตาดนี้ไปหาดูซิน่ะ องค์ไหนๆ เวลานี้เอาจีวรห่อไว้นะ แล้วเปิดเข้าไปข้างใน ตับไม่มี กิเลสเอาไปกินหมด พวกนี้มีแต่ท้องโล่งๆ ไม่มีอะไรใส่เลย ตับหมดแล้ว กิเลสเอาไปกินหมดๆ ธรรมไม่มีในใจ พากันจำให้ดี เอาละให้พร
อย่าลืมนะเอาสะเดาไปกิน สะเดาอยู่หน้าวัดตามทางนั่นน่ะ สะเดาหวานเอาไปกินกันดูซิ พวกนี้มันเซ่อจนได้บอกมันถึงจะกินได้ ไม่งั้นไม่ได้กินละมันเซ่อ
หลังจังหัน
เย็นเมื่อวานนี้เจ้าคุณเจ้าคณะจังหวัดมาหา มาพูดกันเรื่องตึกที่ติดหนี้ เวลานี้ยังขาดเงินอยู่ ๓ ล้าน ๕ แสน ได้ตกลงกันแล้วว่าเราจะให้ ทีนี้ท่านก็มาเมื่อวานนี้ ท่านบอกจะใช้หนี้เขาราววันที่เท่าไร เอ้อ เอาละเข้าใจ จะโอนให้ในไม่ช้านี้เราบอก เวลานี้ยังติดหนี้เขาอยู่ ๓ ล้าน ๕ ที่จ่ายไปสองงวดนั้นเราให้เป็นเงิน ๕ ล้าน ๕ แสน งวดนี้เป็น ๓ ล้าน ๕ รวมเป็น ๙ ล้าน นี่ละที่ติดหนี้เขา เราใช้ให้ถึง ๙ ล้าน ว่าต้นเดือนหน้าจะใช้หนี้เขา
สำหรับวัดโพธินี้เราช่วยมาเป็นประจำ ตั้งแต่ท่านเจ้าคุณอุปัชฌาย์ยังมีชีวิตอยู่ เราช่วยมาตั้งแต่โน้นเรื่อยมา เมรุวัดโพธิก็ใคร ดูซิเมรุวัดโพธิ เพราะท่านสั่งไว้ว่า คือท่านเป็นห่วงบรรดาประชาชนทางอุดรเรา เวลาตายแล้วจะไม่มีที่เผาศพกัน ท่านก็พูดตรงไปตรงมา ทีนี้เวลาเราตายนี้ ให้พากันสร้างเมรุ สร้างเมรุเผาเราเป็นองค์แรก จากนั้นแล้วก็จะได้เป็นประโยชน์แก่ประชาชนชาวอุดรเราทั่วๆ ไปต่อไป ท่านพูดมันก็ฝังใจเราละซิ คือท่านเป็นห่วงประชาชนอุดร เพราะฉะนั้นจึงถือท่านเป็นต้นเหตุ เวลาท่านล่วงไปนี้ให้สร้างเมรุเผาศพท่านเป็นศพแรกเลย ต่อไปจะได้เป็นประโยชน์ทั่วๆ ไป เพราะฉะนั้นเวลาท่านเสียไปแล้วจึงต้องได้ขวนขวายเมรุนี้ละ แต่ก่อนก็ไม่แพง แค่ ๕ แสน ว่ากันทีแรก ๓ แสนครั้นเวลาเอาจริงๆ มัน ๕ แสนเมรุที่วัดโพธินี้ ก็ช่วยมาอย่างนั้น เรียกว่าเราเป็นพื้นเลยเทียว ขาดเหลือเท่าไรเราหามาให้หมด เพราะเราบอกเราจะช่วย
เบื้องต้นท่านก็เป็นอุปัชฌาย์ของเรา จากนั้นมาก็เป็นประโยชน์มาถึงทุกวันนี้ว่าไง เมรุดูเหมือนเราได้สร้างจริงๆ ก็มีบ้านแพงแห่งหนึ่ง ที่วัดโพธินี้แห่งหนึ่ง นอกนั้นก็สร้างเล็กๆ น้อยๆ ที่บ้านตาดนี้ เมรุบ้านตาดแห่งหนึ่งเท่านั้น นอกนั้นดูไม่ปรากฏที่ไหนเมรุนะ ก็มีที่วัดโพธิ นี่เราช่วยเต็มที่เลยไม่ใช่ธรรมดา ก็รู้สึกว่าเป็นที่พอใจภูมิใจ ไม่เคยขาดตกบกพร่อง ได้ผึงๆ พอเลยเทียว ไม่บกพร่องนะวัดโพธิ ส่วนบ้านแพงนั้นเราให้ปุ๊บเดียวพอเลย อันนี้หาให้ที่เมรุวัดโพธิ หาให้ๆ ก็เรียบร้อย บ้านตาดก็ทำให้เขาเสียอันหนึ่ง สงสารนี่ก็ดี เลยสั่งให้ทำ อันนี้ขนาดกลาง รวมแล้ว ๖ แสนทั้งโรงสวดโรงอะไรให้หมด เรียกว่าร้อยเปอร์เซ็นต์ เมรุให้หมด โรงสวดอะไรๆ ให้หมด
เราเกิดบ้านตาด เป็นคนบ้านตาด เวลามาขนาบก็มาขนาบบ้านตาดตัวเอง เอาหนักนะ ว่าบ้านตัวเองยิ่งว่าได้ถนัดดี มันลืมตัวละซี มันไม่ได้นึกว่าทางนี้คิดอ่านอะไรๆ เรียบร้อยหมดทุกอย่าง เก็บไว้ในลิ้นชักๆ ไม่กดไม่ถ่วง ไม่มีเหตุผลกลไกที่จะควรออกไม่ออก เก็บอย่างนั้นเรื่อย ไปที่ไหนเหมือนกันดูไป เมื่อเวลาเขามาเกี่ยวข้องมาสัมผัสปั๊บออกทันทีที่นี่ เพราะอยู่ในนี้แล้ว ปั๊บออกเลยๆ นี่เขามาขออาหารไปเลี้ยงเด็กทานตะวันนั่นละเรื่องราวมันที่จะเกิดนะ มาขอข้าวขออะไรจากวัดนี้ไปเลี้ยงเด็กที่โรงเลี้ยงเด็กทานตะวัน นั่นละต้นเหตุ พอออกก็ผางๆ ไปหมดเลยบ้านตาด เอ้า พูดมาให้หมดตามความรู้ความเห็นที่เป็นมายังไงๆ ซึ่งเราเที่ยวทั่วประเทศไทยว่างั้นเถอะ ไปที่ไหนพิจารณาหมดนี่นะ แต่ไม่มีเหตุก็เหมือนไม่รู้ๆ
จึงได้มาตีบ้านตาดเจ้าของนั่นละ ว่าเลวที่สุด ลงขนาดนั้นนะ เราเที่ยวทั่วประเทศไทย บ้านนั้นบ้านนี้ เมืองใหญ่เมืองน้อย ไปหมด รวมยอดลงแล้วว่าเลวที่สุดคือบ้านตาดของเรา มันโง่เง่าเต่าตุ่นหลับหูหลับตา ซัดเข้านั้นเลย คนมาทั่วประเทศไทยเข้ามาเกี่ยวข้องวัดป่าบ้านตาด เขาผ่านบ้านตาดๆ ทั้งนั้น มันไม่มีหูมีตาดูเลย หูหนวกตาบอด ซัดลงไปหนักเข้าๆ บทเวลาเอา เอาอย่างนั้นนะ เพราะพูดเป็นธรรม พูดเพื่อให้รู้สึกตัวใช่ไหมล่ะ เมื่อไม่มีเหตุพูดออกไปผลก็ไม่ได้เท่าที่ควร ดีไม่ดีจะเพิ่มโทษใส่เขาเข้าไปอีก คิดมาหาเราในทางผิดละซิ ทีนี้เมื่อมีเหตุปั๊บมันก็ออกรับกันเลย เอากันแหลกเลยเทียว นี่ก็เป็นผลดี นี่ละอาศัยผู้เตือนผู้บอกว่าไง
เพราะเราทำประโยชน์ให้บ้านตาดมากน้อยเพียงไร โรงเรียนทางโน้นก็ให้ โรงเรียนในนี้ก็ให้ เราให้ทั้งนั้น เรายังบอกอีกว่าบ้านตาดเรานี้ถ้าหากว่ามันดีบ้าง มันจะได้การสงเคราะห์มากอยู่ไม่น้อยนะ นี้เราสงเคราะห์นี้สงเคราะห์ตามฐานะของมัน เรียกว่าเราถูไถให้นะ ว่างั้นแหละ พูดธรรมดาอันนี้ ออกวันนั้นถึงออกใหญ่โตเลย ซัดกันใหญ่ พอวันหลังเขาก็ออกวิทยุเลย เอาเสียงเราออกประกาศลั่นบ้านตาดเข้าใจไหมล่ะ นี่เขาก็ดี นี่ละอาศัยการแนะนำสั่งสอน เป็นอย่างนั้นนะ เป็นผลดี
พอว่าอย่างนั้นแทนที่จะหมอบจะอะไรไม่นะ ปุ๊บปั๊บเอาเทปอันนั้นออกประกาศเสียงตามสายตอนเช้าเลยลั่น สองวันสามวันซัดกัน จากนั้นก็ตื่นเนื้อตื่นตัว เห็นไหมล่ะ นี่วิทยุก็ขึ้นแล้วนั่น ก็บ้านตาดเราเป็นหลักใหญ่อยู่นั้น ทีนี้อะไรๆ ก็ขึ้นๆ เดี๋ยวนี้เราก็บอกว่าเราชมบ้านตาด ทีนี้ดี แสดงธรรมนี้เรียกว่าได้ผล เรียกว่าสอนคนจริงๆไม่ใช่สอนสัตว์ ถ้าดีเราก็บอกว่าดีอย่างนี้แหละ เพราะเราพูดอะไรๆ เราไม่ได้ว่าเพื่อความเสียหาย เราเพื่อความดีทั้งนั้น ไม่ว่าจะตำหนิติเตียนแบบไหนๆ ตำหนิเพื่อให้ฟิตตัว ให้แก้ไขดัดแปลงไม่ดีตรงไหน ที่ดีตรงไหนก็เสริมให้ดีขึ้นไปเรื่อยๆ พูดไม่ว่าอะไรกับโลกเราไม่เคยมีในจิตใจเราพูดจริงๆ ที่จะมีการตำหนิเป็นพิษเป็นภัยต่อโลก เราบอกเราไม่มี จะแบบไหนออกมาแบบไหนเพื่อส่งเสริม ตำหนิเพื่อแก้ไขดัดแปลง ถ้าดีแล้วเสริมให้ดีขึ้น ถ้าไม่ดีให้แก้ไขดัดแปลงอย่างนั้นทั้งนั้น
เพราะฉะนั้นการนำโลกเราจึงพอใจทุกอย่าง เพราะเรานำโดยธรรมจริงๆ นำโลก เอาหัวใจเราออกกางเลยทีเดียว ช่วยโลกคราวนี้เราเอาหัวใจเราออกกาง ที่ไหนควรคัดค้านต้านทานหนักเบามากน้อย เราจะออกเต็มที่ตามสายของธรรมเรา ไม่ได้เป็นสายของกิเลส เราออกอย่างนั้นจริงๆ ผิดบอกว่าผิด ค้านกันอย่างจังๆ เลย ควรเด็ดเด็ดเข้าเลยทีเดียว เพราะประโยชน์ส่วนใหญ่มีเท่าไร อันนี้จะมาทำลายประโยชน์ส่วนใหญ่มันสมควรแล้วหรือ คนทั้งประเทศรักษาประโยชน์ส่วนใหญ่นี้ แล้วจะมาทำลายอย่างนี้ได้เหรอ นี่ละซัดกันตรงนั้น เพื่อรักษาส่วนใหญ่เอาไว้ นี่ก็เป็นธรรม
ใครที่จะมาตำหนิเราว่าหาเรื่องราวใส่โลกใส่สงสาร ผิดทั้งเพ เราบอกจริงๆ เราบอกเราไม่มีในหัวใจเรา เราพูดเต็มเม็ดเต็มหน่วย ไม่ว่าดุว่าด่าว่าแบบไหนก็ตาม นิ่มนวลอ่อนหวานหรือไพเราะเพราะพริ้งอะไรก็ตาม เป็นอรรถเป็นธรรมไปพร้อมๆ กันหมดตามขั้นภูมิของการพูดออกไปนั้น เราไม่มีที่จะให้เป็นความเสียหายแก่โลก เรียกว่าไม่มีแม้เม็ดหินเม็ดทรายหนึ่ง เพราะใจเราไม่มี ในเรื่องโทษเรื่องกรรมอะไรไม่มีในหัวใจแล้ว มีแต่ธรรมล้วนๆ ออกจึงมีแต่ธรรมทั้งนั้น ไม่ว่าหนักว่าเบาเป็นธรรมทั้งหมดเลย ใครจะฟังก็ฟังเอานะ นี่หลวงตาบัวจวนจะตายแล้ว
การเทศน์สอนพี่น้องทั้งหลาย เราเทศน์ด้วยความเป็นคุณทั้งนั้น ไม่มีโทษในหัวใจเราออกไปหว่านให้เผาโลกนี้เราไม่มี เราบอกจริงๆ จะว่าหนักว่าเบาขนาดไหน ค้านตรงไหนก็นั่นละผิดตรงนั้น เพื่อเสริมเพื่อแก้ไขดัดแปลงให้ดีขึ้น ถ้าดีแล้วเราก็เสริม ถ้าไม่ดีก็ตำหนิ ตำหนิเพื่อให้ดี เราไม่มีอะไร ไม่ว่าทางโลกทางธรรม ทางศาสนา ทางชาติบ้านเมือง เราพูดได้ทั้งนั้น เพราะเราอยู่จุดศูนย์กลาง เรียกว่าธรรมเป็นจุดศูนย์กลางสอนได้ทั่วโลกดินแดน ทำไมจะสอนมนุษย์เพียงเมืองไทยเรานี้ไม่ได้ล่ะ ต้องสอนได้ซิ
ใครที่จะถือเป็นคติตัวอย่างให้ถือนะ บอกตรงๆ เราทุ่มเทมาเต็มกำลังแล้ว การปฏิบัติตัวของเราก็เคยเล่าให้พี่น้องทั้งหลายฟัง แทบเป็นแทบตายมาตลอดสายการบำเพ็ญ ทุกข์มากที่สุดคือการฆ่ากิเลส ซึ่งเป็นมหาภัยอยู่ในหัวใจเรา ถึงขนาดที่ว่าเป็นก็เป็น ตายก็ตาย สละชีวิตขาดสะบั้นไปเลยให้ได้ตามนั้น ไม่ได้ตามนั้น เอ้า ตายๆ นั่นถึงขนาดนั้นไม่รู้กี่ครั้งกี่หนนะเรา เอาจนผ่านได้ ถ้าเอาเด็ดตรงไหนชนะทุกที เพราะเด็ดเพื่อชนะไม่ได้เพื่อแพ้ แพ้ก็ตายเท่านั้นเอง ที่จะให้มายกมือไหว้ยอมไม่มี ว่างั้นเถอะน่ะ ถ้าว่าแพ้ก็เรียกว่าตกเวทีตายเลย ชนะไปเลย เพราะฉะนั้นจึงเด็ดทีไรได้ทุกทีๆ ฆ่ากิเลสต้องเอาอย่างนั้น
ฟังซินั่งตลอดรุ่งดังที่เล่าให้ฟังนี้ คนนั้นเจ็บนั้นปวดนี้ ทุกขเวทนาอย่างนั้นอย่างนี้ อย่าเอามาพูด เหล่านี้เราผ่านมาพอแล้ว ผ่านมาครอบมาหมดแล้ว ฟังซิเรานั่งตลอดรุ่งถึง ๙ คืน ๑๐ คืน เอา นั่งดูซินั่งตลอดรุ่ง ไม่ให้เปลี่ยนแปลงไปไหนเลย ไม่มีข้อยกเว้น เราทำของเราอย่างนั้นจริงๆ ข้อยกเว้นมีข้อเดียว เวลานั้นอยู่กับครูบาอาจารย์มีหลวงปู่มั่นเป็นประธาน เราตั้งสัจจะปุ๊บลง วันนี้เราจะนั่งตลอดรุ่ง อะไรจะเป็นก็เป็น ตายก็ตาย ถ้าไม่ถึงเป็นวันใหม่ขึ้นมา ชัดเจนแล้วว่าเป็นวันใหม่ เราจะไม่ลุกจากที่ มีข้อยกเว้นข้อเดียว ยกเว้นว่า เมื่อมีเหตุเกิดขึ้นภายในวัดมีครูบาอาจารย์เป็นต้น เป็นเหตุฉุกเฉินในเวลาที่เรานั่งสมาธินั้น เราจะลุกขึ้นช่วยเหตุการณ์อันนั้น มีเท่านั้น นอกนั้นสำหรับเราเอง เอา เป็นอะไรเป็นไปเลย ขี้แตกแตก เยี่ยวแตกแตกเลย เป็นๆ ตายๆ เลยไม่มีถอย
เป็นอย่างนั้นจริงๆ นะ เอ้า ถ้าสมมุติว่ามันปวดเยี่ยวปวดขี้หมดเลยผ้า ให้ลุกไม่มีถ้าลงได้ขนาดนั้นแล้ว ไม่ลุก ตั้งแต่เป็นเด็กเป็นเล็กขี้ใส่ตักแม่มา เอาตักแม่เป็นส้วมเป็นถานมาเท่าไร อันนี้ขี้ใส่ผ้าตัวเองมันเอาไปซักไม่ได้ เอาไปฆ่าทิ้งเสียหนักศาสนา นู่นเห็นไหมล่ะ พอว่าอย่างนั้นก็ตัดสินปุ๊บเอาเลยที่นี่ ฟัดนี้นั่งตลอดรุ่ง เวลานั่งตลอดรุ่งนี้ โถ ความทุกข์ มันนั่งไม่ได้ง่ายๆ หรอกน่า นี่เอามาแล้วผ่านมาแล้ว ชนะมาแล้วถึงได้มารู้ และได้ความอัศจรรย์ทุกคืน ที่เด็ดขาดใส่กันไม่เคยมีพลาด ลงจิตนี้จ้า ได้ทุกคืนเลย อัศจรรย์เกินเหตุเกินผลที่เราคาดเอาไว้ เพราะมันเป็นขึ้นโดยหลักธรรมชาติ เราคาดไม่ถูกแหละ
จากนั้นแล้วขึ้นไปหาพ่อแม่ครูจารย์มันก็เปรี้ยงๆ เหมือนแชมเปี้ยน เวลามันรู้มันเห็นมันอาจหาญนะ ท่านก็ยอละซิ เอาละที่นี่ได้หลักแล้ว ฟาดมันเลย อัตภาพนี้มันไม่ตายถึง ๕ หนละ มันตายหนเดียวเท่านั้น ทีนี้ได้หลักแล้ว เอาเลย ว่างั้น ทางนี้ก็เหมือนหมาตัวหนึ่ง มันได้กำลังใจ พอออกไปใบไม้ร่วงใบไม้แก่ใบไม้อ่อน นึกว่าข้าศึกจะมาต่อสู้ ทั้งจะเห่าจะกัด เข้าใจไหม มันมีกำลังใจ สู้ทั้งนั้น เอาจน ๙ คืน ๑๐ คืน เว้นคืนหนึ่งบ้างสองคืนบ้างไม่ได้ติดกัน เว้นสองคืนบ้างสามคืนบ้าง บางทีถึง ๗ คืนนั่งอย่างนั้นก็มี ปรากฏว่าหนเดียว นอกนั้นสองคืนสามคืนตลอดเลย ได้สิ่งอัศจรรย์มาทุกวัน เพราะฉะนั้นการนั่งตลอดรุ่งนี้ คือเรานั่งเหมือนหัวตอนะ ทุกขเวทนาที่มันแสนสาหัสในตัวของเรามันเหมือนไฟไหม้หัวตอ มันลุกไหม้ท่วมตัวเลย ปรากฏว่าเป็นอย่างนั้น
ไม่ถอยจิต เอา อะไรจะตายก่อนตายหลังให้เห็นกันวันนี้ เพราะได้ตั้งสัจจะอธิษฐานแล้ว นิสัยเราเป็นนิสัยอย่างนี้ด้วย คือรักความสัตย์ความจริง ถ้าลงได้ตั้งกึ๊กลงไปแล้วขาดขาดเลย เจ้าของจะตายตายเลย เจ้าของตั้งลงไปแล้วคำใดแก้ไม่ได้นะ ถ้าเหตุผลไม่เหนือนี้แก้ไม่ได้ เจ้าของตั้งแล้วแก้ไม่ได้ ต้องเหตุผลเหนือนี้แก้นี้ไปเพื่อเหตุผลส่วนเหนือ อย่างนั้นได้ ที่จะให้ต่ำกว่านั้นลดลงไม่ได้เด็ดขาดเลย นี่ละเราได้ปฏิบัติตัวของเรามาอย่างนี้ ท่านทั้งหลายจำเอาไว้ พูดถอดออกมาจากความจริงที่เราทำจริงๆ ไม่ได้ทำเหลาะๆ แหละๆ นะ เวลาช่วยตัวเองก็อย่างนั้น
ในระยะ ๙ ปีนี้เหมือนตกนรกทั้งเป็นเลยเราไม่ใช่ธรรมดา ๙ ปีนี้ขึ้นเวที ตั้งแต่พรรษา ๗ ถึง พรรษา ๑๖ เป็นเวลา ๙ ปี นี่ละทุกข์แสนสาหัสทีเดียว เราเคยเล่าให้ฟังแล้วเรื่องความทุกข์ของเรา จนกระเทือนถึงประชาชนเขาตีเกราะมาประชุมไปดูเรา เขาว่าเราตายแล้ว นู่นน่ะฟังซิ เรายังไม่รู้จักตาย เขาอยู่นอกเขายังรู้ว่าเราจะตาย ถึงขนาดนั้นนะ นี่ละอำนาจแห่งความเอาจริงเอาจังตามอรรถธรรมของพระพุทธเจ้า อรรถธรรมพระพุทธเจ้าก็สอนอย่างจริงจัง วิริเยน ทุกฺขมจฺเจติ คนจะหลุดพ้นจากทุกข์ได้เพราะความพากเพียร ไม่ใช่เพราะความถอยหลังกรูดๆ นะ ซัดลง ขันติ ความอดความทนฟัดลงไปในเวลานั้น
นั่งตลอดรุ่งแต่ละคืนๆ นี้ โถ ไม่ใช่เล่นๆ นะ นี่เราเคยทำมาแล้ว ความทุกข์เกิดขึ้นในร่างกายอย่างนั้นอย่างนี้เพียงเขามาเล่าให้ฟัง มันขี้ประติ๋ว ว่างี้เลย เรามันผ่านมาหมดแล้ว เรื่องที่จะชนะทุกขเวทนา ต้องชนะด้วยสติปัญญา ชนะด้วยความอดทนเฉยๆ ไม่เกิดประโยชน์ ทนนั้นทนด้วยสติปัญญาที่จะฟัดกันกับกิเลส ไม่ใช่ทนนั่ง ทุกข์ขนาดไหนก็ยอมตายเฉยๆ ไม่มีสติปัญญาใช้ไม่ได้นะ ต้องใช้สติปัญญา มันทุกข์ตรงไหนๆ จับเข้าไปจ่อเข้าไปหาทุกข์ตรงนั้นทุกข์ตรงนี้ ไล่เข้าไป หนังเป็นทุกข์ เนื้อเป็นทุกข์ เอ็น กระดูก เป็นทุกข์ หรืออะไรเป็นทุกข์
ทีนี้เวลาสรุปความลงแล้ว เราพูดสรุปนะ เวลาตายแล้วสิ่งเหล่านี้มีอยู่เอาไปเผาไฟเขาว่ายังไง เวลานี้เป็นทุกข์เพราะอะไร เพราะจิตมีอยู่ จิตไปสำคัญมั่นหมายกับสิ่งใด หมายอะไรว่าเป็นทุกข์ ไล่กันเข้าๆ ทีนี้มันก็จนตรอกจนมุม สติปัญญาทันเข้าๆ ขาดสะบั้นไปเลย ทั้งๆ ที่ทุกข์เป็นไฟทั้งกองเผาตัวเอง ดีดผึงเลยเชียว หายเงียบเลยทุกข์ทั้งหมด นั่นเห็นไหมสติปัญญา ธรรมดับระงับกิเลสตัววุ่นวายที่จะให้เราถอยทัพ กลับชนะไปได้เลย เราทำมาแล้ว นี่ละเรื่องเราช่วยเราเราช่วยอย่างนี้
การมาช่วยโลกก็มีคล้ายคลึงกัน มีความเด็ดขาดตามส่วนมากส่วนน้อย สำหรับเรานี้ขาดขาดสะบั้นตายเลยก็ได้ แต่สำหรับประชาชนนี้ถึงจะเด็ดก็เด็ดตามนิสัยเฉยๆ เอาจริงเอาจังเฉยๆ ที่จะให้เด็ดขาดอย่างนั้นเป็นแกงหม้อใหญ่เราไม่ทำ เราก็รู้ทุกอย่าง แกงหม้อใหญ่แกงหม้อเล็ก แกงหม้อเล็กหม้อจิ๋วคือเราเอง ซัดกันเลย พอตายตายเลยไม่มีถอย แต่แกงหม้อใหญ่เป็นอีกประเภทหนึ่ง แยกๆ อย่างไรก็ตามลวดลายแห่งความจริงจังต้องมีอยู่ตลอด เราก็ทำอย่างนี้มาช่วยพี่น้องทั้งหลาย
การทำเหล่านี้เราภูมิใจของเรา เราไม่เคยได้ตำหนิในการดำเนิน เพราะเราพิจารณาโดยธรรมทุกอย่างแล้วค่อยออกๆ ไม่ใช่ปุบปับออก ออกตามทิฐิมานะโมโหโทโส เอาอำนาจป่าเถื่อนเข้าไปใส่ อย่างนั้นเราไม่มี เหตุผลกลไกสมควรที่จะออกมากน้อยเพียงไร พาก้าวดำเนินยังไงๆ บ้าง พิจารณาเรียบร้อยแล้วเราพาออกๆ ตลอดมาจนกระทั่งเสร็จสิ้นงานการช่วยชาติ จนกระทั่งป่านนี้เราก็ไม่เคยได้ตำหนิความคิดพินิจพิจารณาจากอรรถจากธรรมแล้วพาพี่น้องทั้งหลายดำเนิน ไม่เห็นผิดพลาดไปเลย ผลก็ได้เป็นที่พอใจดังที่เห็นมาแล้วนี้ นอกจากนั้นก็แนะนำสั่งสอนอรรถธรรมไปพร้อมๆ กัน จนกระทั่งบัดนี้ธรรมะที่ออกนี้ทั่วประเทศ นอกจากทั่วประเทศแล้วยังทั่วโลกอีก ออกทางวิทยุทางโน้นทางนี้ ออกอินเตอร์เน็ตทั่วโลก
ธรรมเหล่านี้เป็นธรรมที่เราแน่ใจตายใจ ถอดออกมาจากหัวใจที่เราทำสมบุกสมบันถึงขั้นจะเป็นจะตายได้ผลอันนี้ออกมา สอนจึงไม่มีที่สงสัย ไม่ว่าธรรมขั้นใดสอนโลก เราบอกตรงๆ เราไม่สงสัย เพราะถอดออกมาจากหัวใจจริงๆ ถ้าหัวใจผิดสอนก็ผิด ถ้าหัวใจถูกสอนก็ถูก การที่หัวใจจะถูกเพราะปฏิบัติถูก ผลก็ได้ถูกต้องมา การแนะนำสั่งสอนจะผิดไปที่ตรงไหน เพราะฉะนั้นการสอนนี้ไม่ว่าหนักว่าเบาพูดอะไรก็ตาม พูดไปแล้วจะเป็นแบบเดียวกันหมด ไม่มีอะไรที่จะเป็นอารมณ์ ตรงนั้นพูดเบาไป ตรงนี้หนักไป อันนั้นได้ดุได้ด่าจะเป็นความไม่สบายใจ กลัวเขาจะเสียอกเสียใจ ไม่เคยมีเรา
ไม่ว่าจะธรรมขั้นใดออกเป็นธรรมล้วนๆ ออกแบบนี้เป็นธรรมขั้นนี้ ออกแบบนี้เป็นธรรมขั้นนี้ๆๆ เรื่อยจนกระทั่งจบ เหมือนเขาสร้างบ้านสร้างเรือน ควรเจาะ เจาะ ควรฟัน ฟัน ควรสิ่ว สิ่ว ควรไสกบลบเหลี่ยม ทำไปเสียงเปรี้ยงป้างๆ นั่นเขาทำงาน มีแต่งานเพื่อบ้านเรือนสำเร็จทั้งนั้น อันนี้ธรรมก็เพื่อให้คนสำเร็จเป็นรูปร่างของผู้ของคน เป็นคนดีขึ้นมาเท่านั้น ไม่ว่าธรรมขั้นใดภูมิใดเราสอนเพื่ออย่างนั้น เหมือนเขาปลูกบ้านสร้างเรือน เสียงอึกทึกครึกโครมไม่ใช่เสียงเขาทำลายบ้านเขา เขาปลูกบ้านเขา อันนี้เสียงปึ้งปั้งๆ นี่ก็ปลูกผู้ปลูกคนให้เป็นผู้เป็นคนนั่นเอง จึงได้สอนอย่างนั้น
นี้เราก็พอใจสอนด้วยความเมตตา สอนด้วยความแน่ใจด้วยว่าไม่ผิด ผู้ปฏิบัติควรจะนำไปพินิจพิจารณานะ นี้เราพูดจริงๆ เราจวนจะตายก็บอกจวนจะตาย ธรรมะประเภทนี้เราอยากพูดตรงไปตรงมา ใครมาเทศน์อย่างนี้อย่างหลวงตานี่ เวลานี้ยังไม่ปรากฏ ท่านที่รู้รู้อยู่ มีอยู่ ท่านผู้รู้ธรรม แต่นิสัยวาสนาต่างกันก็ต้องออกตามนิสัยวาสนา ไม่ได้เหมือนกัน แต่ความรู้เราไม่ปฏิเสธ ความรู้ผู้บริสุทธิ์พุทโธ ในปัจจุบันนี้พระอรหันต์มีอยู่ในเมืองไทยเรานี้น้อยเมื่อไร เอาว่าตรงๆ อย่างนี้เลย ผู้สิ้นกิเลสมีน้อยเมื่อไรในเมืองไทยเรา
ส่วนมากจะอยู่ตามป่าตามเขาเงียบๆ ท่านเก็บสมบัติอันล้นค่าของท่านไว้ในป่าในเขา เวลาออกมาแสดงก็แสดงให้โลกฟังบ้างเป็นธรรมดาๆ ตามนิสัยวาสนาของตน แต่หลวงตาบัวนี้จะว่าผาดโผนก็ได้ มันซัดทั้งทางโลกทางธรรมไปด้วยกันเลย ไม่ได้ว่าแต่ทางธรรม ทางโลกมันก็ซัด ทางธรรมมันก็ซัด เพราะโลกกับธรรมอยู่ด้วยกัน มันสกปรกก็สกปรกอยู่ด้วยกัน แก้ก็แก้ด้วยกัน ให้สะอาดไปตามๆ กัน จะเรียกว่าผาดโผนก็ได้การเทศนาว่าการ
เราสอนโลกมาที่ออกหน้าออกตาจริงๆ ได้ ๖ ปีกว่าๆ สอนที่ไหนทั่วประเทศไทย มีกี่กัณฑ์เทศน์ ฟังซิน่ะ ตั้งแต่เราสอนมาตั้งแต่เริ่มแรกที่สอนหมู่สอนเพื่อนมานานสักเท่าไร นี่รวมแล้วเป็น ๕๕-๕๖ ปีนี้แล้วสอนโลก ธรรมะนี้เอามาจากไหนบ้าง พิจารณาซิ นี้ละธรรมะที่ออกมาจากหัวใจ จึงไม่ไปหารบกวนคัมภีร์ท่าน ที่เราเรียนมาแล้วมากน้อยเอามาเป็นแบบแปลนแผนผังเพื่อก้าวดำเนิน หรือภาคปฏิบัติ ได้ผลมากน้อยเพียงไรเราใช้ของเรา
นี่เป็นธรรมะที่เราใช้ออกจากหัวใจของเราทั้งนั้น สอนท่านทั้งหลายให้เป็นผู้เป็นคน ขอให้เป็นผู้เป็นคนบ้างนะ ธรรมะนี้สอนคนให้เป็นคน ให้เป็นคนดิบคนดี ใครมีธรรมแล้วจะมีความสงบร่มเย็นเป็นลำดับ ถ้าไม่มีธรรมตายทิ้งเปล่าๆ จำให้ดีนะเทศน์ข้อนี้ เอาละพอวันนี้
(ทางโรงเรียนภูเวียงวิทยาคม จ.ขอนแก่น มากราบขอความอนุเคราะห์จากหลวงตาขอสร้างโรงอาหารโรงเรียน) วันพรุ่งนี้จะพักเสียก่อนถอนเงินก็ดี เมื่อวานก็ถอนไปหลายล้าน วันนี้ก็ถอนเป็นล้านกว่าเหมือนกัน พัก วันต่อไปก็จะถอนอีก มีแต่ถอนๆ ได้มามันไม่ค่อยมี นั่นซีเราจะเอาอะไรไปช่วยล่ะ มีเท่านั้นละให้พักไว้เสียก่อนทั้งหมดเลย เรากำลังหนักมาก เวลานี้หนักมากจริงๆ หนักไม่หยุดไม่ถอย เมื่อวานนี้ทางวัดโพธิท่านก็มา ตกลงเรื่องการจะใช้หนี้เขา จะกะประมาณวันที่เท่านั้นต้นเดือนหน้า เราก็บอกเอ้อลงใจ เราตกลงกันไว้แล้วกับท่านเจ้าคุณ รอเวลาเท่านั้น ทีนี้เมื่อมาถึงนั้นแล้วก็เป็นอันว่าแน่ใจ หลังจากนี้แล้วผมจะโอนให้ ก็คงเป็นต้นเดือนหน้า
ทองคำประเภทซึมซาบได้ถึง ๕๙ กิโลแล้ว นี่เฉพาะประเภทค่อยซึมซาบเข้าไปเรื่อยๆ เราเป็นห่วงคลังหลวงเรามาก คือห่วงพี่น้องลูกหลานชาวไทยของเรา เวลามีชีวิตอยู่และยังพอเป็นไปได้ เราจึงได้รบกวนบรรดาพี่น้องลูกหลานทั้งหลายเพื่อลูกหลานไทยของเรา สำหรับหลวงตานี้พูดตรงๆ ไม่เอาอะไรแหละ แต่กวนพี่น้องทั้งหลายมาเพื่อลูกหลานต่างหาก เอาละพอ
(นักข่าวจากสถานีวิทยุรายการ ร่วมด้วยช่วยกัน มากราบหลวงตา)
นักข่าว การจัดตั้งรัฐบาลครั้งใหม่ หลวงตาอยากฝากอะไรไปถึงผู้หลักผู้ใหญ่ในบ้านเมืองบ้างครับ
หลวงตา ฝากก็คือว่า อย่าลืมว่าเราเป็นผู้นำ นำเพื่อชาติกับศาสนาของเรา เพื่อพยุงชาติ-ศาสนาของเรา ไม่ใช่เพื่อทำลายชาติ-ศาสนา เข้าใจไหม ให้พากันตั้งอกตั้งใจ ต่างคนต่างอยากจะเป็นผู้ใหญ่ก็เพื่อจะยกชาติ-ศาสนาของเรา พระมหากษัตริย์ของเราให้ขึ้นหนาแน่นมั่นคงต่อไปเท่านั้นเอง
นักข่าว ที่ผ่านมาเป็นยังไงครับ
หลวงตา ที่ผ่านมาเป็นยังไงก็เห็นด้วยทุกคน ตาก็เอามา หูก็เอามาไม่ใช่หรือ แล้วมาถามหลวงตาคนเดียวยังไง ไม่เอาไม่ตอบ นั่นเห็นไหมเวลาเอา ถ้าอย่างนั้นเราก็ตอบไปไม่ได้อีกต่อไป ลงผ่านมาก็ยังไม่รู้เรื่องแล้วจะถามเราไปเพื่ออะไรอีก เราก็ไม่ตอบอีกก็ได้นี่ แต่เราตอบไปแล้วผ่านไปเสีย เข้าใจไหม เราไม่มีอะไรละ เพราะเราเป็นธรรมล้วนๆ เราห่วงทางรัฐบาลของเรา เรียกว่าเราเป็นธรรมล้วนๆ จริงๆ ธรรมเหนือทุกอย่างสอนได้หมดเลย เพราะฉะนั้นใครจะผิดจะถูก ไม่ว่าทางศาสนา ไม่ว่าทางบ้านเมือง เราพูดได้ทั้งนั้นในฐานะว่าเราเป็นลูกชาวพุทธ พุทธศาสนาสอนโลกไม่ได้มีเหรอ เมืองไทยเราเป็นลูกชาวพุทธต้องสอนได้ เราเป็นห่วงเราก็สอนตามความเป็นห่วงของเรา ผิดถูกชั่วดีอะไรเราก็เคยพูดมาแล้ว
นักข่าว หลวงตาครับที่บอกให้ช่วยศาสนาอยากให้ช่วยแบบไหนบ้างครับ
หลวงตา มันทำแบบไหนเวลานี้ ถ้ามันทำลายศาสนาอย่าทำลาย ให้พากันส่งเสริมศาสนา เวลานี้มีแต่การทำลายศาสนา อย่าพากันทำลายแบบนี้ เรียนมาคัมภีร์ทุกคนๆ เห็นด้วยกันทุกคน อย่ามาขัดแย้ง อย่ามาเหยียบคัมภีร์ เท่ากับเหยียบหัวพระพุทธเจ้าไป ไม่ถูก ให้ต่างคนต่างปฏิบัติประคับประคอง หลักธรรมหลักวินัยนั้นแลคือองค์ศาสดา ให้ประคององค์ศาสดาคือปฏิบัติตามหลักธรรมหลักวินัย อย่าไปข้ามเกินหลักธรรมวินัยซึ่งเป็นการเหยียบหัวพระพุทธเจ้าลงโดยตรง เข้าใจไหม ก็มีเท่านั้นแหละ
นักข่าว ในเรื่องเศรษฐกิจล่ะครับรัฐบาลทำถูกไหมครับที่ผ่านมา
หลวงตา รัฐบาลที่ทำอยู่เวลานี้ก็เห็นว่าดี เรื่องดี ไอ้เรื่องชั่วมันก็มีแทรกๆ กันไป คนเราก็เป็นอย่างนั้นเป็นธรรมดา แต่ส่วนไหนที่ดีเด่นเราก็ยกที่ดีเด่นขึ้นมา เป็นผลมาก รัฐบาลชุดนี้เรียกว่าดี เรายกให้ว่าดีอยู่ เท่าที่ผ่านมานี้กู้ชาติไทยของเราขึ้นมาได้เยอะ บรรดารัฐบาลที่ผ่านมาๆ ไม่มีรัฐบาลใดที่จะยกชาติไทยของเราขึ้นได้เยอะ ดังรัฐบาลปัจจุบันนี้เราชมตรงนี้ แต่ส่วนเสียตรงไหนให้รัฐบาลนี้ไปแก้ไขเอง อย่าให้เราบอกเข้าใจไหม ถ้าเสียตรงไหนให้รัฐบาลไปแก้เอง
นักข่าว แล้วเรื่องหวยบนดินล่ะครับ
หลวงตา หวยบนดินใต้ดินเราไม่รู้ เกิดมาแต่พ่อแต่แม่เราจริงๆ เราไม่เคยแทงหวยแม้ใบเดียว ไม่เคยมี มาถามเราหาอะไร ถามก็ถามเขานักหวยซี
นักข่าว หลวงตาครับทำไมตอนนี้ภัยมันถึงเกิดกับประเทศไทยมากมาย
ผู้กำกับ ภัยพิบัติเกิดมากครับ มีคนตายกันมาก สึนามิอย่างนี้ เรือล่มครับ
หลวงตา มันเกิดมาก มันเกิดแล้วมันก็เกิดไปแล้ว จะไปตามฟ้องมันอะไร มีศาลฟ้องสึนามิไหมล่ะ ไม่มีศาลหาฟ้องกันเรื่องอะไร ไม่เกิดประโยชน์
นักข่าว นึกว่าหลวงตาจะมีอะไรแนะนำคนไทยให้ปลอดภัย
หลวงตา นั่นแหละก็อย่าฟ้อง มีเท่านั้นละคำแนะนำ จะไปฟ้องสึนามิมันไม่เกิดประโยชน์อะไรละ อะไรเสียหายเสียหายไปแล้ว เอาละเราจะไปแล้วนะ เรื่องรัฐบาลก็มีเท่านั้นละเราพูด เราชมเชยรัฐบาลชุดนี้ เรียกว่าเป็นรัฐบาลที่ได้ยกชาติไทยของเราขึ้นได้เยอะ เมืองไทยกำลังจะจมๆ เห็นอยู่ทั่วหน้ากันแล้ว ๒๕๔๐ จนหลวงตาร้องโก้ก ไม่นึกว่าจะฟื้นขึ้นมาได้ ก็เอ้า มันจะจมไปที่ไหน ก็คนไทยเราทำให้จมเอง คนไทยเราฟื้นได้ ทำไมจะฟื้นไม่ได้ เอ้าจะนำ เราก็ไม่ลืมนะนี่
เราก็พยายามทั้งชาติบ้านเมือง ทั้งศาสนาช่วยกันก็พยุงกันมาได้อย่างนี้แหละ และทางชาติบ้านเมืองก็คุณทักษิณ ชินวัตร เมืองไทยเราจะจมติดหนี้ติดสินเขาพะรุงพะรัง เอาขึ้นได้หมดๆ ๑๓ ข้อ เรายกมาพูดแล้ว ก็ออกทางวิทยุแล้วไม่ใช่เหรอ พี่น้องชาวไทยควรจะจำไว้ทุกข้อๆ ไปประพฤติปฏิบัติ แล้วเป็นผู้นำคราวต่อไปนี้เราต้องคำนวณถึงผลประโยชน์ ผู้นำที่ผ่านมานี้มีผลประโยชน์มากน้อยเพียงไร ที่เป็นมาแล้วๆ นั้นมีผลได้ผลเสียยังไงบ้างเอามาทบทวนกัน จึงเรียกว่าผู้รักษาชาติซิ
ถ้าเจ็บแล้วให้เข็ด ถึงเรียกว่าผู้รักษาชาติ รักษาสมบัติของตนซิ ถ้าเจ็บแล้วไม่เข็ดจมนะ ถ้าเจ็บตรงไหน เจ็บเพราะเหตุผลอะไรให้จดจำให้ดี เข็ดอย่าฝืน อะไรดีเอาเสริมกันขึ้น ก็มีเท่านั้นเอง เราไม่พูดมาก เราไม่อยากเล่นกับการบ้านการเมือง ธรรมดาๆ ก็เป็นธรรมดา แต่นี้เป็นธรรมสอนโลกเราก็พูดได้ พูดได้ เตือน ทางรัฐบาลก็เตือน อย่าเห็นแก่พรรคแก่พวก อย่าเห็นแก่พุงของตัวเอง ให้เห็นแก่ชาติ เราเป็นผู้นำเพื่อชาติ ไม่ได้นำเพื่อพุงเจ้าของ เมื่อนำเพื่อพุงเจ้าของชาติจม ถ้านำเพื่อชาติแล้วพุงเราก็ไม่จม ก็มีเท่านั้นเข้าใจเหรอ เอาละพอ
นักข่าว ฝากข้อคิดถึงประชาชนหน่อยครับ ฝากว่าให้ร่วมมือกับรัฐบาลยังไงบ้าง
หลวงตา ไม่ตอบ ขี้เกียจตอบ พอแล้ว ตอบไปอีกก็จะยุ่งไปอีก เอาละพอ ที่ตอบไปนี้ก็พอสมควรแล้ว ก็มีสาระสำคัญมิใช่หรือที่ตอบวันนี้น่ะ (มีครับ) นั่นแล้ว
รับฟังรับชมพระธรรมเทศนาของหลวงตา ได้ที่
www.Luangta.com หรือ www.Luangta.or.th
และรับฟังจากสถานีวิทยุสวนแสงธรรม กรุงเทพฯ และสถานีวิทยุอุดร
FM 103.25 MHz |