ความเลวเต็มตัวเอาอะไรเป็นสาระ (สมเด็จพระสังฆราช)
วันที่ 9 มกราคม 2548 เวลา 8:45 น.
สถานที่ : วัดป่าบ้านตาด
| |
ดาวน์โหลดเพื่อเก็บไว้ในเครื่อง
ให้คลิกขวาแล้วเลือก Save target as .. จาก link ต่อไปนี้ :
ข้อมูลเสียงแบบ(Win)   ข้อมูลเสียงแบบ(MP3)   วิดีโอแบบ(Win Narrow Band)

ค้นหา :

เทศน์อบรมฆราวาส ณ วัดป่าบ้านตาด

เมื่อวันที่ ๙ มกราคม พุทธศักราช ๒๕๔๘

ความเลวเต็มตัวเอาอะไรเป็นสาระ

 

ก่อนจังหัน

พระนี้เปลี่ยนหน้ามาใหม่ เปลี่ยนมาใหม่นะพระ เปลี่ยนหน้ากันเรื่อยๆ มาให้ดูให้ฟังให้พิจารณา อย่ามาเพ่นๆ พ่านๆ ดีไม่ดีเอาชื่อของวัดนี้ไปหาขายกินทั่วประเทศนะ หลวงตาบัวดี วิเศษวิโสอะไร แต่ไปขายกินนี้เก่งนะ โห มันเคยผ่านมาแล้วมันรู้หมดเรื่องเหล่านี้ ไปหาศีลหาธรรมไม่ค่อยไปนะเดี๋ยวนี้พระเรา หาแต่มูตรแต่คูถ โลกามิส ชื่อเสียง ลาภ ยศ พระทุกวันนี้นะ มันไม่ได้หาอรรถหาธรรม มันหาแต่มูตรแต่คูถเวลานี้ เพราะใจมันสกปรก ใครจะไปเสาะแสวงหาธรรมเดี๋ยวนี้พระเราน่ะ มันเลวลงขนาดนั้นนะ พูดเดี๋ยวนี้ฟังหรือยังพวกนี้น่ะ มันเลวขนาดนั้นนะพระเรา ขายขี้หน้าที่สุดเลย

บวชมาแทนที่จะมาหาอรรถหาธรรม มันไม่ได้หานะ ไปหายศหาลาภ หาความสรรเสริญเยินยอ รวมแล้วไปหามูตรหาคูถแทนหาธรรม ธรรมมันไม่ดู เรื่องมูตรเรื่องคูถขยี้ขยำทั้งวันทั้งคืน จำให้ดีนะมาศึกษา ฟังให้ดี ให้พร

 

หลังจังหัน

         ผู้กำกับ จากนสพ.พิมพ์ไทย คอลัมน์วิจารณธรรม หัวข้อเรื่องว่า

ฑีฆายุโก โหตุ สังฆราชา

ถึงแม้ตลอดทั้งปี 2547 พระธรรมวิสุทธิมงคล หรือหลวงตาพระมหาบัว แห่งวัดป่าบ้านตาด จังหวัดอุดรธานี จะใช้ความพยายามอย่างสุดกำลังสติปัญญา เพื่อที่จะให้ทางบ้านเมืองเร่งถวายคืนพระราชอำนาจแด่สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก เพื่อให้เป็นไปตามพระราชประสงค์ และเพื่อธำรงรักษาไว้ซึ่งพระธรรมวินัย

แต่จนแล้วจนรอด พระธรรมที่หลวงตาท่านแบกออกมาเทศนาว่าการเพื่อการนี้นับเป็นร้อยๆ กัณฑ์นั้น ก็มิได้บรรเทากิเลสของผู้ขาดโยนิโสมนสิการเหล่านี้ ด้วยการยกเอาข้ออ้างอันมดเท็จที่ว่ายังทรงมีพระอาการประชวรหนัก สมควรได้รับการพักรักษาพระองค์

บนพื้นที่แห่งนี้ บนหน้าหนึ่ง และในหน้าต่อข่าว ณ.หนูแก้ว ได้นำพระศาสนกิจต่างๆ ของพระองค์มานำเสนอสู่สายตามหาชนอย่างต่อเนื่อง เพื่อแสดงให้เห็นถึงข้อเท็จจริงว่าพระองค์มิได้มีพระอาการย่ำแย่ดังที่ถูกป้ายสี

เนื่องในวันขึ้นปีใหม่ วันที่ 1 มกราคม 2548 สมเด็จพระสังฆราชทรงตรัสประทานพรปีใหม่ด้วยพระสุรเสียงของพระองค์เอง มีความว่า

“ศุภดิถีขึ้นปีใหม่ได้เวียนมาถึงอีกวาระหนึ่ง ชีวิตของแต่ละคนก็วัฒนาเพิ่มพูนขึ้นมากบ้างน้อยบ้าง ตามกำลังสติปัญญา ทุกคนถ้าใช้สติพิจารณาดูเหตุการณ์ที่ผ่านมาในแต่ละรอบปีของชีวิตอย่างถี่ถ้วนรอบคอบ แล้วใช้จุดดีของชีวิตที่ผ่านมากระตุ้นเตือนให้ทำดียิ่งๆ ขึ้น และใช้จุดเสียของชีวิตที่ผ่านมาเตือนใจให้ระวังละเว้น ก็จะทำให้ชีวิตในแต่ละรอบปีเจริญก้าวหน้ายิ่งๆ ขึ้น จึงขอให้ท่านทั้งหลายมีสติ ใช้ปัญญา ประกอบด้วยโยนิโสมนสิการในกรณีทั้งปวง เนื่องในศุภดิถีขึ้นปีใหม่ พุทธศักราช 2548 ขออำนาจคุณพระศรีรัตนตรัย อำนวยพรให้ทุกท่านทุกฝ่าย จงประสบสิ่งอันพึงประสงค์ทั้งปวงโดยธรรมทั่วกัน ขออำนวยพร”

ก่อนหน้านี้ 1 วัน สมเด็จพระสังฆราช ทรงเสด็จยังพระตำหนักวัดบวรนิเวศฯ ทรงถวายสังฆทานอุทิศกุศลแก่ประชาชนผู้ประสบมหันตภัยใน 6 จังหวัดภาคใต้ พร้อมทรงประทาน “อุทิศกถา” ด้วยพระสุรเสียงอันแจ่มชัด มีความว่า

“โดยที่มหาคลื่นซัดถล่มพื้นที่ชายฝั่งทะเลอันดามัน ประชาชนใน 6 จังหวัดภาคใต้ของไทย มีผู้บาดเจ็บ สูญเสียชีวิตและสูญหายจำนวนมากอย่างที่ไม่เคยปรากฏ ได้รับทุกข์ทั้งทางร่างกายและจิตใจจากเหตุการณ์ดังกล่าว ความทราบฝ่าละอองธุลีพระบาท สมเด็๗พระบรมบพิตรพระราชสมภารเจ้า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดพระราชทานพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ เพื่อให้ความช่วยเหลือราษฎรผู้ประสบมหันตภัย พร้อมทั้งรัฐบาล ข้าราชการ องค์กรเอกชน พ่อค้า ประชาชนทุกหมู่เหล่า และมิตรประเทศได้ให้ความช่วยเหลืออย่างเต็มกำลังมิย่อท้อ อีกทั้งพระสงฆ์ในวัดทั่วประเทศ ได้สวดพระพุทธมนต์อุทิศส่วนกุศล เพื่อแสดงความระลึกถึงผู้เสียชีวิตที่ได้สูญเสียครั้งใหญ่ และแสดงถึงความสามัคคี ห่วงใยต่อเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน ขออำนาจคุณพระศรีรัตนตรัย และอำนาจแห่งบุญกุศลที่ทุกท่านได้บำเพ็ญอุทิศแล้วนี้ จงสัมฤทธิ์แก่ผู้ประสบมหันตภัยตามเจตนาอุทิศโดยสมควร”

ทรงผินพระพักตร์ตรัสถามศิษย์คนหนึ่งว่า “เขาเรียกสินามิ หรือสึนามิ”

ทั้งยังทรงเมตตาประทานพรปีใหม่แก่คณะผู้มาเข้าเฝ้ากราบฝ่าพระบาทครั้งแล้วครั้งเล่า ทรงประพรมน้ำพระพุทธมนต์แก่สานุศิษย์ และทรงสดับคำถวายพระพร ทีฆายุโก โหตุ สังฆราชา

                                                   ณ.หนูแก้ว

หลวงตา ท่านประทานอะไรและปัจจัยประมาณเท่าไร

ผู้กำกับ ประทานพรปีใหม่และปัจจัยสองล้านบาทครับ

หลวงตา ดูว่าส่งไปมากมายอยู่นะ ภาคไหนๆ ก็ส่งไปเยอะอยู่ เราไม่มีอะไรก็มีปัจจัยไทยทานที่สวนแสงธรรม ยกไปหมดเลยคราวนี้ ไม่ได้แยกแจกทางโน้นทางนี้แหละ ยกไปทางภาคใต้หมด เช่น ผ้าขาวนี้กองพะเนินยกไปหมดเลย แล้วไทยทานอย่างอื่นด้วย เรียกว่าเอาไปหมดเลย(ลูกศิษย์ศรีไทยใหม่เขาก็ไปออกในนามลูกศิษย์หลวงตาครับ) ก็ถูกแล้ว ศรีไทยใหม่จะมาเป็นอาจารย์ของหลวงตาบัวได้ยังไง ศรีไทยใหม่นี่เก่งอยู่แหละ การทำบุญให้ทานเก่ง เป็นลูกศิษย์มาตั้งแต่ยังเป็นเด็กจนกระทั่งป่านนี้แหละนานหรือไม่นาน มันก็ใจเด็ดนะล่ะ แต่ก่อนสะแตกเหล้านี่ โถของเล่นเหรอ ในเมืองไทยสู้มันไม่ได้ คนเดียวนี้มันสู้ได้หมดทั่วประเทศไทย เวลาหยุดกึ๊กทีเดียวเท่านั้น หยุดขาดเลยเชียว อย่างนั้นละ

ให้มันมีหลักซิจิตใจ จิตใจไม่มีหลักโลเลๆ อย่างเมืองไทยของเรานี้ พูดหมดทั้งเมืองไทยนี่แหละ ผู้ดีก็ตามสู้คนชั่วคนเลอะเทอะไม่ได้ คนหลักลอยไม่ได้ มันมากต่อมาก ผู้ดีเหมือนไม่มีในเมืองไทยเลย มีตั้งแต่เลอะเทอะไปหมด หลักลอย นี่ละเรื่องศาสนา ว่าเราเป็นลูกชาวพุทธ ไม่เห็นมีเครื่องหมายของลูกชาวพุทธเลย ทุกสิ่งทุกอย่างการอยู่การกินการใช้การสอย เลอะเทอะไปจากใจ ใจไม่มีหลัก ถ้าใจมีหลักแล้วอะไรต้องพินิจพิจารณาเสียก่อน

เรื่องศาสนาละเอียดสุดยอดเลย ไม่มีอะไรเทียบแล้ว เพราะฉะนั้นพระพุทธเจ้าจึงท้อพระทัยที่จะสั่งสอนสัตว์โลก ทรงทำความปรารถนามาเฉพาะพระองค์ปัจจุบันนี้ก็ ๔ อสงไขยแสนมหากัป ทำความปรารถนาเป็นพระพุทธเจ้ามาเพื่อจะสั่งสอนสัตว์โลก นี่เป็นความคาดหมายเอาไว้ ไม่ได้เจอตัวจริง พอได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าผางขึ้นมาเท่านั้น ดูนี้ท้อพระทัยเลย นั่นเห็นไหมล่ะ นี่ตัวจริงขึ้นแล้ว ความจริงขึ้นแล้วจ้าไปหมดเลย ทรงท้อพระทัยที่จะสั่งสอนสัตว์โลก มันมืดเหลือประมาณจะสั่งสอนได้ยังไง ทรงท้อพระทัยทำความขวนขวายน้อย ไม่อยากสอนแล้วที่นี่ ปรารถนามา ๔ อสงไขย พอได้เป็นพระพุทธเจ้าเป็นความจริงขึ้นมาแล้ว เหล่านั้นเป็นแต่คาดหมาย เป็นพระพุทธเจ้าแล้วจะสั่งสอนสัตว์โลกไปเลย เวลามาเจอปัจจุบันขึ้นวันตรัสรู้ จ้าขึ้นมาเท่านั้น ท้อพระทัยเลย โถ

นั่นคิดดูซิเป็นยังไงสัตว์โลก มันโลเลไหม พระพุทธเจ้าตั้งหน้าจะเป็นผู้สอนโลกยังทรงท้อพระทัย มันเป็นยังไง มันหยาบมากขนาดไหนกับธรรมที่ละเอียดสุดยอด เหมือนว่าเข้ากันไม่ได้เลย เป็นอย่างนั้นแหละ ทีนี้เราก็มาดูอย่างเมืองไทยของเราว่าเป็นเมืองพุทธ มันมีแต่ชื่อว่าพุทธเฉยๆ ไอ้พวกเปรตพวกผีพวกโจรพวกมารของกิเลส เป็นกองทัพใหญ่ครอบทั่วโลกธาตุ แล้วก็มาครอบเมืองไทยที่เป็นลูกชาวพุทธอีก ครอบเข้าในวัดในวาในพระในเณรไม่มีเหลือเลย เวลานี้ดูจุดไหนจนจะดูไม่ได้นะ เอาความจริงดู อย่าไปดูคาดดูเดา เอาความจริงจับเข้าไปนี้รู้ ปิดไม่อยู่

นี่ละพระพุทธเจ้าท้อพระทัยก็คือเอาความจริงจับปุ๊บเข้าไป พอตรัสรู้ผางขึ้นมานี่ โลกวิทู รู้แจ้งโลกนอกโลกในตลอดทั่วถึง ไม่มีปิดบังลี้ลับ ทีนี้ก็ทรงท้อพระทัย กับความละเอียดสุดยอดเลิศเลอสุดยอดของธรรมนั้น กับโลกที่สกปรกเป็นส้วมเป็นถาน ประหนึ่งว่าจะเข้ากันไม่ได้เลย แม้จะมีของดีสับปนอยู่ในส้วมในถานก็ตาม เหมือนหนึ่งว่าไม่มี เพราะพวกสกปรกนี่มันมากต่อมากทับไปหมดเลยจนไม่มองเห็นของดี ดูซิน่ะ นั่นละทรงท้อพระทัย

เมืองไทยเรานี้ก็อย่างนั้นละ เป็นลูกชาวพุทธ แต่เป็นเมืองเลอะเทอะ เอาศาสนาจับ สมกับว่าเราเป็นลูกชาวพุทธ พุทธต้องจับบ้างซิ ธรรมของพระพุทธเจ้าจับ เราเป็นลูกชาวพุทธ เป็นยังไงลูกชาวพุทธ กับพ่อเป็นยังไงพระพุทธเจ้า เราเป็นลูกชาวพุทธ แล้วดูลูกดูไม่ได้นะ ดูที่ไหนเลอะเทอะไปหมด ขี้แตกเยี่ยวราดเต็มบ้านเต็มเมืองมีแต่ของเลอะเทอะ ว่าอย่างอื่นมันไม่เหมาะ ต้องบอกว่าขี้แตกเยี่ยวราดไปทั่วประเทศเขตแดน คือมันเลอะเทอะขนาดนั้น ลูกชาวพุทธมีแต่พวกขี้ราดทั้งนั้นเต็มบ้านเต็มเมือง ของสกปรก เข้าใจไหม ความหมายว่าอย่างนั้น มันเลอะเทอะ มันเข้ากันกับคำว่าเป็นลูกชาวพุทธไม่ได้

ทำอะไรไม่มีขอบมีเขต ไม่มีเหตุมีผล ไม่มีหลักมีเกณฑ์เลย เลอะเทอะไปหมดเพราะใจไม่มีหลัก ใจไขว่คว้ามันก็เลอะเทอะ อะไรก็คว้ามับๆ คว้าส่วนมากมีแต่ผิดแต่พลาด ไม่ได้คว้าด้วยความพินิจพิจารณาตามลูกชาวพุทธเลย ลูกชาวพุทธต้องพิจารณาบ้างซิ ผิดถูกชั่วดี เราเป็นผู้รับผิดชอบตัวของเรา ควรจะดูความเคลื่อนไหวของตัวเองจากใจออกไป ใจนี้เป็นตัวเหตุสำคัญเป็นผู้ชี้บอกทุกสิ่งทุกอย่างออกไป ใจเป็นยังไงเมื่อมันคิดออกไปไม่ดี สติ นั่นเรียกว่าสติธรรม ปัญญาธรรม นี่ละพุทธอยู่ตรงนี้

ให้เอาสติธรรม ปัญญาธรรม จับดูความเคลื่อนไหวของตัวตั้งแต่ออกจากใจไปถึงกิริยามารยาทความประพฤติหน้าที่การงานทุกอย่างๆ จะออกจากใจนี้ทั้งนั้น ถ้าใจได้ทดสอบพินิจพิจารณาตัวเองบ้างจะไม่เลอะเทอะเต็มบ้านเต็มเมือง เขาเลอะเทอะ เราก็เลอะเทอะ เขาเต็มตัว เราก็เต็มตัว จะออกไปจ่ายตลาดไม่มีใครซื้อใคร เพราะใครก็เต็มตั้งแต่สินค้าความเลอะเทอะเต็มไปหมดในบ้านในเมือง มันดูไม่ได้แล้วเวลานี้ เราเป็นลูกชาวพุทธควรจะพิจารณาบ้าง เอาธรรมจับนี้มันดูไม่ได้นะ พูดตรงๆ อย่างนี้

การพูดนี้ไม่ได้พูดดูถูกเหยียดหยามโลก ธรรมที่เหนือโลกแล้วเอามาสอนโลกจะไปดูถูกเหยียดหยามยังไง สอนให้รื้อมันขึ้นซิ เป็นอย่างนั้นละเราลูกชาวพุทธ ควรจะพินิจพิจารณาบ้าง เลอะเทอะไปหมดนะ เรียกว่าเต็มประเทศไทยเรา ไม่ว่าวงราชการงานเมือง วงพุทธศาสนา วงพระวงเณร วงฆราวาสญาติโยม เป็นแบบเดียวกันหมดแล้วเวลานี้จนจะดูกันไม่ได้ ทำไมถึงเป็นอย่างนั้น ตามีหูมีทุกคน ใจมีทุกคน น่าจะพินิจพิจารณาหาสาระมาเป็นประโยชน์แก่ตนบ้างไม่ได้ มีแต่ความเลอะเทอะๆ ไปหมดจากจิตใจที่เลอะเทอะอยู่แล้ว แสดงออกไปมันก็เป็นมูตรเป็นคูถไปหมด จนดูตัวเองไม่ได้ แล้วดูคนอื่นก็แบบเดียวกัน ใครดูใครก็ดูไม่ได้

ตามีก็ดูไม่ได้ หูมีก็ฟังไม่ได้ มันจะไปเจอแต่ของแบบเดียวกันหมด เลอะเทอะด้วยกันหมด มีตา หู จมูก ลิ้น กาย จิต ก็ใช้ไม่ได้ จะใช้ดูของเขา แต่ดูของเรามันก็เลอะเทอะไปหมดแล้ว จะไปดูที่อื่นมันก็เลอะเทอะแบบเดียวกัน พูดออกตลาดก็เรียกว่าขายไม่ออก เพราะใครก็เต็มตัวทุกคนมีแต่ความเลอะเทอะ จะไปจ่ายขายตลาดที่ไหน  เขาเอาของไปขายตลาด คนนั้นมีนี้ คนนี้มีนั้น แล้วมาจับจ่ายซื้อขายกันแลกเปลี่ยนกันไป อันนี้มันมีเหมือนกันหมดเต็มไปหมด ไม่ทราบว่าใครจะซื้อใครจ่ายใคร มันเต็มไปด้วยกันหมดตั้งแต่ของเลอะเทอะทั้งนั้น เต็มตัวของเรา เต็มสังคมเต็มบ้านเต็มเมืองไปหมด ดูทางผู้ปกครองบ้านเมืองก็เหมือนกัน ก็เลอะเทอะมาอย่างนั้น

นี่ก็กำลังจะหย่อนบัตรแล้วนะ กำลังแย่งกันกัดกันเหมือนหมา ดูแล้วดูไม่ได้ ผู้นี้หรือผู้ที่จะมาปกครองบ้านเมืองให้สงบร่มเย็น เที่ยวกัดกันเหมือนหมา พรรคนั้นพวกนี้ แล้วกัดกันแหลกเลย แล้วจะเอาอะไรมาปกครองบ้านเมืองเมื่อหัวหน้าก็เริ่มแหลกแล้วตั้งแต่บัดนี้ พิจารณาซิ ย้อนเข้ามาถึงพระสงฆ์ก็แย่งกันเป็นใหญ่เป็นโต เป็นสมเด็จนั้นสมเด็จนี้ เป็นสังฆราชฆะแรด มีตั้งแต่เรื่องแย่งเป็นบ้ากันไปหมด นี่สกปรกไหม เอาธรรมจับซิ ถ้าธรรมจับ จับทางศาสนาก่อนอื่น ศาสนายุ่งหาอะไร อะไรจะสะอาดจะเรียบร้อยยิ่งกว่าศาสนาจะเป็นตัวอย่างอันดีงามยิ่งกว่าศาสนา ยิ่งกว่าพระกว่าเณรเรา

         พระเณรเราปฏิบัติเลอะเทอะอย่างนั้นจะให้เขากราบที่ไหนลงคอ แสดงความเลอะเทอะออกมา เลวยิ่งกว่าประชาชนนะ ไอ้พระเราเลวนี่ เป็นบ้ายศบ้าลาภ บ้าสรรเสริญเยินยอ บ้าอำนาจป่าๆ เถื่อนๆ ออกจากพระที่โลกทั้งหลายว่า สงฺฆํ สรณํ คจฺฉามิ มันกราบได้ลงคอไหมล่ะ พิจารณาซิ ดูอย่างทุกวันนี้มันเป็นเปรตเป็นผีในนามของพระผ้าเหลืองหัวโล้นๆ เป็นอยู่เวลานี้เต็มบ้านเต็มเมือง เต็มวัดเต็มวา เต็มศาสนา เอาธรรมพระพุทธเจ้านั่นละมาจับดูลูกของตถาคต มันเป็นลูกแบบไหนลูกตถาคตถึงได้เป็นอย่างนั้น

         มองไปที่ไหนดูไม่ได้เลยนะ เลอะเทอะไปตามๆ กันหมด ชาวบ้านก็เลอะเทอะแบบบ้าน ชาววัดก็เลอะเทอะแบบวัด มีแต่มูตรแต่คูถผสมผเสกันมันก็เป็นกองขี้ทั้งกองทั่วประเทศเขตแดน ทั้งชาติ ทั้งศาสนา เลยเลอะเทอะไปตามๆ กันหมด แล้วจะเอาอะไรเป็นที่ยึดที่เกาะ เมื่อไม่มีของดีเป็นที่ยึดที่เกาะแล้วก็แหลกไปตามๆ กันอย่างนี้  นี่ละออกจากใจที่มันรวนเร หลักลอย หาที่ยึดที่เกาะไม่ได้ ทั้งๆ ที่ยึดที่เกาะมีอยู่ พุทฺธํ ธมฺมํ สงฺฆํ สรณํ คจฺฉามิ ใครกราบไหว้ทุกคนบรรดาชาวพุทธ

         พระพุทธเจ้าท่านปฏิบัติยังไง ควรจะเอามาเป็นคติตัวอย่าง ธรรมที่เลิศเลอควรจะเอามาเป็นคติตัวอย่าง สงฺฆํ สรณํ คจฺฉามิ พระสงฆ์ที่ท่านเป็นสรณะของโลกนี้ท่านไม่เป็นบ้ายศบ้าลาภนะ บ้าสรรเสริญเยินยอ โลกธรรมทั้งแปดท่านปัดออกหมด มีลาภเสื่อมลาภ มียศเสื่อมยศ นินทา สรรเสริญ สุข ทุกข์ นี่โลกธรรม ๘ ท่านปัดออกหมด ท่านไม่เอามายุ่ง ท่านจะมุ่งแต่อรรถแต่ธรรมอย่างเดียว อะไรเป็นความสะอาดสวยงามเรียบร้อย ท่านจะนำนั้นมาเป็นสรณะของใจ ระบายออกมาทางกาย วาจา ใจ เป็นความสวยงาม เป็นคติตัวอย่างได้ สมกับว่าสงฺฆํ สรณํ คจฺฉามิ ได้โดยตรง

         อันนี้มัน สงฺฆํ สรณํ คจฺฉามิ อะไร มันเลอะเทอะไปหมด ตัวเองก็เป็นสรณะตัวเองไม่ได้จะเป็นสรณะของใครได้ล่ะ พระพุทธเจ้าพระองค์เป็นพระองค์เต็มตัวแล้ว ธรรมเต็มตัว พระสงฆ์เต็มตัว จึงมาเป็นสรณะของโลก ไอ้เรามีแต่ความชั่วเต็มตัวจะเอาอะไรไปเป็นสรณะ เอาความชั่วเอาเป็นสรณะได้ที่ไหน อยู่กับใครมันก็ชั่วเต็มตัวๆ  แล้วไปเป็นสรณะของโลก โลกก็ชั่วเต็มโลกละซิ จะมีความดีที่ไหน ไม่มี

         ขอให้พากันพิจารณาบ้างชาวพุทธเรา เดี๋ยวนี้มันจะไม่มีเกาะมีดอนแล้วนะ เลอะเทอะไปด้วยมูตรด้วยคูถ เป็นทะเลหลวง เต็มเมืองไทยเรา เลอะเทอะไปขนาดนั้น ไม่ว่าทางชาติทางศาสนาแหลกเหลวไปตามๆ กันหมดเวลานี้ จะเกาะที่ไหนก็เกาะไม่ได้ มันมีแต่มูตรแต่คูถเต็มตัวๆ พุทฺธํ ธมฺมํ สงฺฆํ สรณํ คจฺฉามิ มีอยู่ กล่าวถึงกันอยู่ควรจะเอาท่านมาเป็นหลักเป็นเกณฑ์ ยึดไปปฏิบัติตามกำลังแห่งความสามารถของเรา ที่เป็นฆราวาสญาติโยมก็ดี ที่เป็นพระก็ปฏิบัติเต็มตามความเป็นพระ

         เพราะพระนี่สละทุกอย่างแล้วมาเป็นปฏิบัติหน้าที่เพื่อความดีงาม เพื่ออรรถเพื่อธรรมเต็มเม็ดเต็มหน่วย ควรจะได้ปฏิบัติให้เต็มเม็ดเต็มหน่วย เพราะข้าวปลาอาหารที่อยู่ที่อาศัยไม่มีใครเกินพระละความเหลือเฟือ ไปที่ไหนเหลือเฟือๆ ที่อยู่หอปราสาทบนสวรรค์ยังสู้ไม่ได้ สู้หอปราสาทพระไม่ได้นะ แต่ความเลวร้ายของพระที่อยู่ในกุฏิๆ นั้น เหมือนขี้กองหนึ่งอยู่ในกุฏิหลังนั้น กุฏิหลังนั้นเลยกลายเป็นส้วมไปหมด พระเณรเป็นขี้ เป็นมูตรเป็นคูถ

         กุฏิกุฏังที่พักที่อาศัยหรูๆ หราๆ ฟู่ๆ ฟ่าๆ โอ๋ย ประดับประดาตกแต่งด้วยต้นไม้สดสวยงดงามประดับประดา พระเรื่องอะไรไปหาต้นไม้มาประดับประดาตน เอาธรรมซิ ประดับประดา ศีล สมาธิ ปัญญา วิชชาวิมุตติหลุดพ้น นี่เป็นเครื่องประดับพระเรา ศีลทำตัวให้บริสุทธิ์สวยงามที่สุดคือพระผู้มีศีลสมบูรณ์ สมาธิทำจิตใจให้มีความแน่นหนามั่นคง เสงี่ยมเจียมตัวสังวรระวังตัวอยู่ตลอดเวลาด้วยศีลด้วยธรรม ใครจะงาม ยิ่งกว่าเพศของพระ กิริยาของพระที่แสดงออกมาจากใจที่สวยงาม

         นี่ที่ควรยึดควรจะเป็นสรณะของตัวเองได้ทำไมไม่เสาะแสวงหา ไปหาอะไรมูตรคูถ พวกลาภพวกยศ พวกสรรเสริญเยินยอ เป็นบ้าแย่งกันเดี๋ยวนี้ พระกำลังเป็นบ้าแย่งยศแย่งลาภกัน เราก็ไม่เคยเห็น หลวงตาบัวเกิดมาก็พึ่งมาเห็นนี่แหละ บวชมาในศาสนานี้ก็นานไม่เคยเห็นเด่นเหมือนอย่างทุกวันนี้ ทุกวันนี้เด่นเอามากที่สุด มีแต่ความชั่วช้าลามก บวชมาแล้วหาลาภหายศ หาสรรเสริญเยินยอ ที่จะหาอรรถหาธรรม หาศีลหาสมาธิ หาปัญญา วิชชาวิมุตติ ไม่มี อยากว่าอย่างนั้นนะ เดี๋ยวนี้จะว่าไม่มีก็จะพูดได้แล้วนะ มีก็เท่ากำปั้นนี่ กับโลกธาตุมันกว้างขนาดไหนกับกำปั้นคนกำปั้นเดียว มีก็เท่านั้น นอกนั้นเลอะเทอะไปหมดเลย ดูไม่ได้นะ

         พวกเราชาวพุทธขอให้พินิจพิจารณาบ้าง นี้เราพูดเต็มอรรถเต็มธรรม ตามอรรถตามธรรมทุกอย่าง เราไม่เหยียบนั้นยอนี้ เอาหลักธรรมพระพุทธเจ้ามาสอน เราชั่วเราก็บอกว่าเราชั่ว เราก็ปฏิบัติตัวเราเพื่อละความชั่วตลอดมาตั้งแต่วันบวชจนกระทั่งป่านนี้ ความดีมีเท่าไรก็สอน ความชั่วเป็นยังไงๆ ก็สอนออกมา เพราะมันมีทั้งดีทั้งชั่วในตัวมนุษย์เรา ส่วนมากมีแต่ชั่วนั่นแหละ สอนละชั่วทำดี ให้ฝึกฝนอบรมตนบ้างซิ จะเอาตามใจๆ ทุกอย่าง ตามใจมันมีแต่มูตรแต่คูถเต็มหัวใจ เต็มกิริยามารยาท แสดงออกไปไหนมีแต่มูตรแต่คูถเลอะเทอะเต็มบ้านเต็มเมืองดีที่ไหน เอาของดิบของดีออกไปแสดงบ้างซิ โลกเกิดมาผู้ใดก็ต้องการของดีทั้งนั้น

         แม้ที่สุดหมาเลี้ยงอยู่ในบ้านก็อยากได้หมาดีๆ ชอบใจ ไอ้ตูบๆ นั่นละเอาดีๆ ทั้งนั้นนะมาเลี้ยงในบ้าน แต่ตัวเลวยิ่งกว่าหมาใช้ได้เหรอ แล้วหมาอยากได้หมาดีๆ ตัวเลวขนาดไหนไม่สนใจดูตัวเอง มันก็สู้หมาไม่ได้ละซิอย่างนั้น นี่พวกเลวกว่าหมาก็พวกเรา ไอ้ตูบอยู่ในบ้านมันดีกว่าเจ้าของ เจ้าของไม่รู้จักดีจักชั่วจักผิดจักถูก ไอ้นั่นมันยังรู้จักนะ ไอ้ตูบมันรู้จักเจ้าของ เห็นเจ้าของมานี่ โหย คลอเคลีย แต่เจ้าของเลวกว่าไอ้ตูบ เพราะไม่รู้จักดีจักชั่ว ไม่รู้จักคัดจักเลือกสิ่งต่างๆ ที่ดีงามมาใส่ตัวเอง ธรรมเป็นของดี เลิศเลอมีอยู่แล้ว สมกับว่าเราเป็นลูกชาวพุทธ คว้าเอาเมื่อไรก็ได้..ธรรม แต่มันไม่คว้านั่นซิ ไปคว้ามูตรคว้าคูถเข้ามาเต็มหัวใจตนเอง พูดแล้วมันน่าสลดสังเวชเอาเหลือประมาณ

เราบวชมาก็พึ่งมาเจอเอาในปัจจุบันนี้แหละ พูดออกมาได้ชัดๆ เพราะได้เห็นด้วยตา ได้ยินด้วยหู ทุกสิ่งทุกอย่างคิดเต็มหัวใจจึงนำออกมาพูด ไม่ได้พูดเพื่อดูถูกเหยียดหยามอะไรใครต่อใครทั้งนั้น พูดเป็นอรรถเป็นธรรม ใครไม่ดีตรงไหนก็ให้ไปแก้ตนเอง ความไม่ดีมีอยู่กับทุกคน แก้ได้ทุกคน ความดีมีอยู่กับทุกคน สั่งสมได้ทุกคน ให้ดีก็ดีขึ้น ถ้าจะปล่อยอย่างนี้มันก็จะเลวไปเรื่อยๆ เลวปัจจุบันนี้ วันนี้ก็เลว วันหน้าก็เลว เดือนนี้เดือนหน้า จนกระทั่งวันตาย เลวไปตลอด มีแต่ความเลวเต็มตัวเอาอะไรไปเป็นสาระล่ะ พิจารณาซิ สร้างความดีซิ วันนี้ก็สร้าง วันหน้าก็สร้าง พยายามสร้าง ความดีก็เด่นขึ้นๆ เราก็ดี อยู่ไหนดีหมดถ้ามีความดีประจำใจ พากันจำเอานะ เอาละวันนี้เทศน์เท่านั้นละ

         นี่ก็กะว่าบ่ายโมงพอดีไปโนนสะอาด ส่วนมาก ๓๕ นาทีจากนี้ไป มัน ๑๕ กิโลมั้ง นี่ก็เทศน์ ค่ำมานั้นก็เผาศพ ที่เราจะได้ไปคราวนี้ก็คือหลวงพ่อสว่าง ท่านทำประโยชน์ให้ชาติไทยของเรามากมาย ท่านเอาจริงเอาจังมาก แถวนั้นท่านเป็นกำลังใหญ่ทีเดียว ช่วยผ้าป่าของเราไม่รู้กี่ครั้งนะ ทั้งทองคงทองคำอะไรท่านช่วยเต็มเม็ดเต็มหน่วย นี้ท่านก็มาเสียเสีย เขาก็เลยมานิมนต์เราไป เราก็ไปสงเคราะห์ท่าน สงเคราะห์บุญคุณของท่านที่มี เราจึงต้องไป นี่ละเรื่องราวเป็นอย่างนั้น ให้พร

       

รับฟังรับชมพระธรรมเทศนาของหลวงตา ได้ที่

www.Luangta.com หรือ www.Luangta.or.th

และรับฟังจากสถานีวิทยุสวนแสงธรรม กรุงเทพฯ และสถานีวิทยุอุดร

FM 103.25 MHz


** ท่านผู้เข้าชมทุกท่านโปรดทราบ
    เนื่องจากกัณฑ์เทศน์บางกัณฑ์มีความยาวค่อนข้างมาก ซึ่งจะส่งผลต่อความเร็วในการเปิดเว็บไซต์ ขอแนะนำให้ทุกท่านได้อ่านเนื้อหากัณฑ์เทศน์บางส่วนจากเว็บไซต์ และให้ทำการดาวน์โหลดไฟล์กัณฑ์เทศน์ที่มีนามสกุล .pdf ไปเก็บไว้ในเครื่องของท่านแทนการอ่านเนื้อหาทั้งหมดจากเว็บไซต์

<< BACK

หน้าแรก