ฟืนไฟในหัวใจโลกไม่เห็น
วันที่ 8 มกราคม 2548 เวลา 8:45 น.
สถานที่ : วัดป่าบ้านตาด
| |
ดาวน์โหลดเพื่อเก็บไว้ในเครื่อง
ให้คลิกขวาแล้วเลือก Save target as .. จาก link ต่อไปนี้ :
ข้อมูลเสียงแบบ(Win)   ข้อมูลเสียงแบบ(MP3)   วิดีโอแบบ(Win Narrow Band)

ค้นหา :

เทศน์อบรมฆราวาส ณ วัดป่าบ้านตาด

เมื่อวันที่ ๘ มกราคม พุทธศักราช ๒๕๔๘

ฟืนไฟในหัวใจโลกไม่เห็น

 

ให้พากันฝึกหัดภาวนาระงับฟืนไฟเผาไหม้ในหัวใจบ้างนะ ฟืนไฟเผาไหม้ในหัวใจนี้โลกไม่เห็น แต่ยอมรับด้วยกันทุกคน ฟืนไฟของกิเลสนี้เผาที่หัวใจ ปล่อยให้มันฟุ้งๆ รอบเผาเจ้าของ ไม่มีอะไรดับ ดับไฟกองในหัวอกนี่ไม่มีอะไรดับ นอกจากธรรมเท่านั้น ธรรมเป็นน้ำดับไฟ ท่านทั้งหลายอยากเห็นฤทธิ์เดชของพระพุทธศาสนา ของธรรมพระพุทธเจ้า ให้ลองไปฝึกหัดภาวนาดู คือใจดวงนี้มันจะแสดงตั้งแต่เรื่องกิเลสออกจากหัวใจตั้งแต่ตื่นนอน ความคิดปรุงนั่นแหละคือมันทำงานแล้ว มันจะปรุงขึ้นจากใจ ออกจากใจ แล้วออกวันยังค่ำ ระงับกันเวลาหลับนั่นละ

         มิหนำซ้ำยังละเมอเพ้อฝันไม่หลับสนิท ถ้าหลับสนิทนั่นเรียกว่าระงับกิเลส กิเลสก็พักตัวไม่ดันออกมาให้คิดให้ปรุงยุ่งเหยิงวุ่นวาย นี่พูดให้ฟังชัดๆ ถอดจากหัวใจมาพูดทุกอย่าง เรื่องของกิเลสนี้มีอยู่กับทุกคนแต่ไม่มีการระงับกันดับกัน ก็ไม่รู้เรื่องว่าระงับยังไงดับยังไง พระพุทธเจ้า พระอรหันต์ท่านระงับดับได้โดยสิ้นเชิง ทุกข์ในหัวใจท่านไม่มีเลย บอกว่าไม่มีเลยแม้เม็ดหินเม็ดทราย โลกจะร้อนเป็นฟืนเป็นไฟ หัวใจท่านจะเลิศเลออยู่เหนือตลอด นั่นละที่เรียกว่าธรรมเลิศ ท่านสอนโลกที่เต็มไปด้วยกองฟืนกองไฟเผาในหัวอกๆ แล้วแสดงมากิริยาภายนอกเป็นไฟไปด้วยกันหมุนติ้วๆ เพราะใจพาให้หมุน โลกเป็นฟืนเป็นไฟอยู่อย่างนี้

ท่านสอนโลกด้วยความบรมสุข ท่านไม่มีทุกข์สอนโลกที่เป็นกองทุกข์ เพราะฉะนั้นท่านจึงสมควรเป็นศาสดา สมควรเป็น สรณํ คจฺฉามิ ของพวกเรา ทั้งพระสงฆ์สาวกท่านเป็นแบบเดียวกัน เรื่องทุกข์ไม่มีเลย ประจักษ์เห็นชัดเจน อำนาจของธรรมดับทุกข์ได้จริงๆ ไม่มีอะไรเหลือเลย นอกจากธรรมแล้วไม่มีอะไรดับได้เลยในโลกนี้ เพราะฉะนั้นกิเลสจึงกลัวแต่ธรรม มีธรรมเท่านั้นที่กิเลสกลัว ท่านสอนโลก โลกนี้เป็นไฟทั่วสามแดนโลกธาตุ เป็นไฟไปด้วยกันในหัวใจๆ ของภพชาติแต่ละสัตว์แต่ละบุคคลเต็มไปหมด เป็นแบบเดียวกันหมด ไฟเผาอยู่ในหัวอก ฟังให้ชัดนะ นี้เปิดออกมาจากหัวใจ จวนจะตายแล้วเปิดให้ฟังชัดๆ นะ

นี้เราเอาตัวเรายันเลยเทียว เราสอนโลกด้วยความไม่มีทุกข์เราบอกจริงๆ ตั้งแต่กิเลสดับลงไปแล้วไม่มีทุกข์ในหัวใจ ไม่เคยปรากฏเลย มีแต่บรมสุขเปี่ยมอยู่ตลอดเวลา เพราะฉะนั้นการสอนโลกจึงมีการเน้นหนักเพราะความเมตตา หนักมากเท่าไรกิริยาของธรรมออกเหมือนเผ็ดเหมือนร้อนเหมือนจะกัดจะฉีก แต่เป็นเรื่องของน้ำดับไฟทั้งนั้น ไม่เหมือนกิเลส กิเลสถ้าแสดงออกอย่างนี้แล้วเป็นไฟเผากัน ฆ่ากันพินาศฉิบหาย แต่ธรรมนี้เป็นน้ำดับไฟ นี่คุณค่าแห่งการบำเพ็ญมา เราเอาตัวเราออกยันเลย ใครจะว่าเราเป็นบ้าก็ให้ว่าไป เราจวนจะตายแล้ว โลกมันเป็นฟืนเป็นไฟ เราไม่มีไฟ สอนโลกด้วยความไม่มีฟืนมีไฟเผาหัวใจนะ ไปที่ไหนก็มีแต่กิริยาอาการของธาตุขันธ์ เจ็บนั้นปวดนี้ มันก็มีอยู่ตามสภาพของมันไม่สามารถที่จะเข้าไปหาใจได้เลยเพราะเป็นคนละฝั่งโดยเด็ดขาดแล้ว ตั้งแต่กิเลสขาดสะบั้นลงไป ทุกข์ในใจของพระอรหันต์ พระพุทธเจ้า จึงไม่มี นี่ละคุณค่าของธรรมที่เราปฏิบัติ

ไม่ได้แบบนั้นก็ตาม ให้เป็นแบบลูกศิษย์มีครู ดำเนินตามครูโดยอรรถโดยธรรมตามกำลังของเรา ถ้าไม่มีเลยอย่าหวังนะ โลกอันนี้ไม่มีที่พึ่ง ในแดนโลกธาตุไม่มีอะไรเป็นที่พึ่งของใจได้นอกจากธรรมเท่านั้น เพราะฉะนั้นจึงพากันอบรมธรรมให้ดีนะ นี่ได้เปิดโดยลำดับเพราะจวนจะตายแล้ว เปิดออกมาโดยลำดับ เราไม่คำนึงว่าใครจะว่าโอ้ว่าอวด นี้เป็นพวกกองมูตรกองคูถเราไม่สนใจ ธรรมทั้งแท่งที่เลิศเลอสุดยอดเอามาสอนโลก โลกใดที่ควรจะยึดได้ก็ยึดไป ที่มันเห่าฟ้อๆ อมขี้มาเห่าก็เป็นเรื่องของมัน กรรมของสัตว์ ว่างั้นเลย

ไอ้เรื่องติฉินนินทาหรือยกยอสรรเสริญเราไม่มี เป็นส่วนเกินทั้งนั้น ปัดออกหมดโดยหลักธรรมชาติเราไม่เอา ใครจะชมเชยสรรเสริญก็ตาม เช่นอย่างปัจจุบันนี้หลวงตาบัวรู้สึกว่าคนจะรู้ทั่วประเทศไทย เขายกยอสรรเสริญกันมากแต่เราเฉย เราไม่เคยมีอะไร เขาจะตำหนิติเตียนอะไรก็แบบเดียวกันอีก เฉยอีกเหมือนกัน เราพอทุกอย่างแล้วเราไม่เอาทั้งดีทั้งชั่วซึ่งเป็นเรื่องสมมุติทั้งหมด ธรรมชาติที่พอแล้วนั้นคือสิ่งที่เลิศเลอสุดยอดแล้ว ทรงไว้ในหัวใจตั้งแต่วันฟาดกิเลสขาดสะบั้นลงไป กิเลสที่ตัวเป็นภัยให้สัตว์โลกได้รับความทุกข์ความลำบากลำบน มีแต่เรื่องของกิเลสทั้งนั้นบนหัวใจ

นี่ก็เอาธรรมมาสอนโลก ให้พากันดูหัวใจบ้าง มันคิดมันปรุงอย่างนี้ตลอด มีแต่ก่อฟืนก่อไฟมากน้อย เรื่องราวใหญ่โตอะไรมันจะคิดของมันปรุงของมันเอง อันนั้นน้อยอันนี้มาก อันนั้นทุกข์มากทุกข์น้อยมันจะเผาตัวเองทั้งหมด ทีนี้ให้เอาน้ำดับไฟ ให้ทำใจให้สงบบ้างนะ กองไฟอยู่ที่ใจ น้ำอมตธรรมก็อยู่ที่ใจ ให้เอาน้ำนี่ออกมาดับ เวลามันคิดมากๆ ให้ระงับด้วยการภาวนา เอาพุทโธบังคับไม่ให้มันคิด ให้คิดอยู่กับพุทโธๆ อย่างเดียว จะเอาเวลาสักกี่นาทีวันหนึ่งๆ อย่าให้ขาด หรือไปไหนคิดอยู่กับพุทโธทั้งวัน นั่นเรียกว่าธรรมหล่อเลี้ยงใจตลอดเวลา ใจจะไม่เป็นภัย มีความสุขๆ ความสงบเย็น

         ทีนี้เวลามีธรรมเข้าหล่อเลี้ยงจิตใจกิเลสจะจางไปๆ ความสุขจะปรากฏขึ้น ทีนี้เด่นละ พอความสุขปรากฏเด่นความทุกข์ทั้งหลายจะเห็นโทษของมันหนักเข้าไปๆ แต่ก่อนไม่เคยเห็น ทุกข์เป็นไฟจนตายก็ไม่เห็นโทษของมัน แต่เวลาธรรมออกสู่หัวใจมันจะส่องให้รู้ไปหมดตามๆ กัน เห็นโทษของความทุกข์ ความคิดความปรุงยุ่งเหยิงวุ่นวายเป็นลำดับลำดา พออันนี้สงบตัวลงเท่าไรมีสุขมากๆ เด่นขึ้นๆ ในหัวใจนะ

         ตั้งแต่เริ่มจิตค่อยสงบลงไป เข้าสู่ความแน่นหนามั่นคงแห่งความสงบแน่นแฟ้นๆ จากนั้นปัญญากระจายออกๆ รู้เรื่องนั้นเรื่องนี้ รู้ออกกว้างขวางไม่มีขอบเขต แม่น้ำมหาสมุทรยังมีขอบเขตนะ ฝั่งมหาสมุทร แต่ฝั่งแห่งธรรมไม่มี จะว่าฝั่งก็ฝั่ง พอถึงนิพพานแล้วหมดไม่มีฝั่ง ครอบโลกธาตุ เลยสมมุติไปโดยประการทั้งปวง ในหัวใจดวงนี้ ท่านจึงให้ชื่อว่า สุญฺญโต โลกํ โลกนี้ว่างไปหมด โลกสูญหมด เพราะอะไร เพราะอันนี้ว่างในหัวใจตัวเอง หัวใจนี้ว่างไปหมด เมื่อว่างไปแล้วโลกเหมือนไม่มี ถึงจะเต็มอยู่แผ่นดินอย่างเราเห็นนี่ก็ตาม จิตดวงนี้ว่างไปหมดครอบโลกธาตุ สิ่งทั้งหลายที่มีจึงเป็นเหมือนไม่มี อำนาจแห่งความว่างของจิตที่เลิศเลอสุดยอดนี้ครอบไปหมดเลย นั่นละท่านเรียกว่าธรรม

         ท่านทั้งหลายซึ่งเป็นลูกชาวพุทธไม่เคยเห็นธรรมฟังเสียนะวันนี้ ถอดออกมาจากการปฏิบัติ คุ้ยเขี่ยขุดค้นหาอรรถหาธรรมมาจนได้เป็นที่พอใจ เรียกว่าเราพอใจทุกอย่างแล้ว ในโลกนี้เราไม่เอาอะไรอีกแล้ว สามโลกธาตุแม้เม็ดหินเม็ดทรายไม่เข้ามาติดใจเลย กิริยาที่แสดงต่อโลกก็แสดงไปตามกิริยาสมมุติเฉยๆ อันนั้นนอกไปหมดแล้ว ไม่มีอะไรที่จะเข้ามาติดพันว่าบาปว่าบุญ ว่าอาบัติอาจีอะไรหมดโดยสิ้นเชิง หัวใจดวงนั้นไม่มี มีแต่กิริยาของโลกที่ใช้ไปตามสมมุติ สมมุติเขายอมรับยังไง สังคมยอมรับก็ปฏิบัติไปตามสังคมนั้น

         ส่วนจิตดวงนั้นหมดโดยประการทั้งปวง จะไม่มีอะไรมารับกันเลย บาปก็ไม่มี บุญก็ไม่มี อาบัติก็ไม่มี พูดให้มันชัดๆ อย่างนี้นะ อาบัติข้อนั้นข้อนี้อยู่ในวงสมมุติทั้งหมด ผู้ที่ใจเป็นภัยอยู่ต้องเอานี้เป็นเครื่องบังคับไว้ ท่านมีวินัยบังคับๆ ไม่งั้นมันจะเตลิดเปิดเปิงไปหาเอาไฟมาเผาเจ้าของ ท่านบังคับเอาไว้ ถ้าผ่านอันนี้ไปเป็นภัย เป็นอาบัติปรับโทษ คือจิตมันยังมีโทษอยู่ต้องรักษาโทษอย่างนี้ ระวัง ถ้าผ่านอันนี้ไปแล้วไม่มีปัญหา พูดให้ชัดเจนเสียวันนี้นะ

         พระอรหันต์ท่านดวงใจของท่านหมดโดยประการทั้งปวง ในกิริยาสมมุติไม่มีเลย มีแต่ขันธ์ ขันธ์ท่านก็รักษาไปตามสมมุตินิยม เขาว่ายังไง เขายอมรับยังไงก็ปฏิบัติไปตาม เช่นเพศของพระท่านก็ปฏิบัติไปแบบพระของท่านจนกว่าจะสิ้นอายุขัย เพราะจิตที่บริสุทธิ์นั้นครองอยู่ในขันธ์อันนี้ ขันธ์นี้ต้องปฏิบัติให้เหมาะสมกับจิตที่บริสุทธิ์รับผิดชอบเท่านั้นเอง ที่จะให้จิตดวงนั้นมาเป็นโทษเป็นกรรมกับกิริยาอาการไม่มี บอกให้ชัดเจนเสียวันนี้นะ หมดโดยประการทั้งปวง เรียกว่าไม่มีอะไรอยู่ในสมมุติเลยจิตดวงนั้น เมื่อมีสมมุติอยู่ก็ปฏิบัติตามเรื่องของสมมุติไปเท่านั้นเอง

         นี่ละคุณค่าแห่งการปฏิบัติธรรม ให้มันเห็นชัดๆ ไม่ต้องไปทูลถามพระพุทธเจ้า สนฺทิฏฺฐิโก ประกาศป้างคือรู้ด้วยตนเอง ไม่ต้องไปทูลถามพระพุทธเจ้า อย่างนั้นทุกองค์ นี่ละการปฏิบัติธรรมเมื่อถึงขั้นนี้แล้วไม่มีอดีต อนาคต ปัจจุบัน หมด เพราะเหล่านี้เป็นสมมุติทั้งมวล อันนั้นเลยหมดแล้ว เราอยากให้พี่น้องทั้งหลายอบรมจิตใจให้มีความสงบบ้าง ที่จะระงับดับทุกข์ได้ด้วยอำนาจแห่งธรรมบังคับใจ มันคิดมากๆ ให้เอาพุทโธ หรือคำใดก็ตามบังคับมันไว้ไม่ให้มันคิด ถึงจะหนักเท่าไร เอาหนัก หนักธรรมเพื่อความสุขนะ หนักกิเลสหนักเพื่อฟืนเพื่อไฟ มหันตทุกข์

         บังคับกันบ้างซิ นี้ไม่มีอะไรก็จะมีแต่ลอยตามกิเลส ไหลไปตามกิเลสเหมือนซุงทั้งท่อนไหลไปตามน้ำ ไม่เกิดประโยชน์อะไรนะ เกิดมาชาติหนึ่งตั้งแต่วันเกิดถึงวันตายอายุสักเท่าไรๆ ได้อะไรบ้างติดหัวใจ ไอ้เรื่องร่างกายนี้มันไม่ได้อะไรละ สัมผัสสัมพันธ์ยุ่งกันอยู่ตลอดเวลา ตายแล้วก็ทิ้งทั้งสิ่งเหล่านั้น ทิ้งทั้งร่างกาย สิ่งที่มาเกี่ยวข้อง สมบัติเงินทองข้าวของอะไรมีมากมีน้อย ขาดสะบั้นลงไปในขณะที่หมดลมหายใจเท่านั้นเอง ส่วนบุญและบาปนี้ไม่หมด ติดอยู่ในหัวใจ เพราะฉะนั้นจึงให้พยายามชำระบาปที่เป็นภัยมันจะติดตามใจไป อย่าทำสิ่งที่ไม่ดี ให้ทำแต่ความดี ความดีนี้จะติดใจๆ ไปเกิดภพใดๆ คนมีบุญเกิดไม่เหมือนคนมีบาปเกิดนะ คนมีบาปเกิดตั้งแต่ที่ทุกข์ทรมานไม่พึงหวังทั้งนั้น เรียกว่าไปเกิดที่ไหนเป็นสิ่งที่ไม่พึงหวังๆ นี่คือคนบาป ไปเจออะไรเจอตั้งแต่สิ่งที่ไม่พึงหวัง

         เอ้า ย่นเข้าไปอีก ถ้าว่าไปมีเมียก็เมียชนิดแว้ดๆๆ ถ้าได้ผัวก็ขี้เหล้าขี้ยา สูบฝิ่นกินกัญชา อันนี้เขาก็มีนิทานอันหนึ่งขึ้นมาว่า มีสองเฒ่าอยู่ด้วยกัน ทำไมเราจึงทุกข์นักเฒ่าเอ๊ย ลองตั้งสัจจะอธิษฐานดูวาสนาบารมีเราจะเป็นยังไง ตั้งสัจจะอธิษฐานแล้วก็นอน กลางคืนให้ฝันเรื่องนิสัยวาสนาเป็นยังไงๆ พอนอนหลับไปก็ฝัน ฝันว่ามีสายบุญสายกรรมหย่อนลงมาจากเบื้องบน หย่อนลงไปข้างล่าง นี่สายบุญสายกรรม

         สัตว์โลกจะไปเกิดในสถานที่ใด เป็นภพชาติใดอะไรในนรกอเวจี หรือเป็นเปรตเป็นผีจะลงไปสายกรรม ตามสายกรรม ใครจะดีจะชั่วจะลงไปสายกรรม ให้เลือกเอา สายกรรมนี้มีระโยงระยางเต็มไปหมด ให้ไปเลือกเอา ให้จับตามสายกรรมนั้นลงไป ผู้เฒ่านั้นอธิษฐานแล้วก็ฝัน ฝันก็ไปเจอเอาอย่างที่ว่านี่ซิ แสดงความแปลกประหลาดให้เห็น ให้เลือกเอานะ สายไหนที่ชอบใจให้จับสายนั้นตามสายนี้ลงไป นั้นละสายกรรมของเราแท้ ว่างั้นนะ ไปจับสายกรรมตัวจังๆ นั่นแหละ ก็จับสายนี้ ชอบสายนี้ จับสายนี้ลงไปๆ ก็ไปเจอยายเฒ่าอยู่นั้นด้วย แล้วก็ไปเจอควายตู้ตาเปียกอยู่นั้นด้วย

         อู๋ย สายกรรมของเรา เราอย่าบ่นกันเลยผู้เฒ่า ทีนี้ต่อไปเราอย่าบ่นกันนะ ทุกข์ยากลำบากขนาดไหนเราก็ทนอยู่ กรรมของเราเป็นมาอย่างนี้ นี่เลือกมาแท้ๆ อยากว่าสุดหัวใจว่าชอบนัก มันก็มาเจอยายเฒ่าคนนี้ เจอควายตู้ตาเปียกนี้ ทีนี้ต่อไปอย่าบ่นกันนะเฒ่า กรรมของเราแท้ๆ นั่นเห็นไหม นี่ละกรรมไปที่ไหนจะไปเจอ เราชอบใจนี้มาเจอเอาอย่างนี้ นี่กรรมของเจ้าของทำให้ชอบใจ พากันจำเอานะ ไปเจอเอาผู้หญิงแว้ดๆ ผู้ชายสะแตกแต่เหล้าไม่ได้นะ ว่าไปจีบผู้ชายไม่ดี ไปจีบผู้หญิงไม่ดี ไอ้ตัวน่ะเป็นตัวเหตุเข้าใจไหม ให้พากันจำเอานะ

         นี่สายกรรม คือเราทำไว้ยังไงมันได้อย่างนั้น ได้อย่างอื่นไม่มี ต้องเป็นสมบัติของเจ้าของเอง ท่านยกข้อเปรียบเทียบมาอย่างนี้ มาด้วยความชอบใจ ตามสายลงมาด้วยความชอบใจ มาก็มาเจอเอานั้น นี่ละกรรมเจ้าของความหมายว่าอย่างงั้น เกิดภพใดชาติใดของคนชั่วจะไปเจอตั้งแต่สิ่งที่ไม่พึงหวังๆ ทั้งนั้น อยู่ก็เป็นทุกข์ อะไรเป็นทุกข์หมดในภพในชาติของสัตว์นั้นๆ มีแต่ความทุกข์ทั้งนั้น แต่คนสร้างความดีไปที่ไหนก็เจอแต่สิ่งสมหวังๆ เพราะได้สร้างเอาไว้ ๆ ให้พากันจำ

         และให้อบรมจิตใจให้มีความสงบเย็นใจนะ น้ำดับไฟมีบทสงบใจนี่ละภาวนา ให้จำให้ดี มันจะทุกข์ร้อน มันจะยุ่งขนาดไหนให้บังคับใส่คำบริกรรม ไม่ให้มันไป เอาสู้กัน มันอยากคิดเรื่องนั้นเรื่องนี้มันอยากคิดพอแล้ว สร้างทุกข์ให้มากพอแล้ว ทีนี้ให้คิดกับพุทโธ ธัมโม สังโฆ เป็นการสร้างธรรม สร้างธรรมแล้วจะเป็นน้ำดับไฟ ความทุกข์ทั้งหลายจะสงบลงๆ พากันจำเอานะ นี่เราสงสาร นี่ได้ทำมาหมดแล้วที่ว่าเหล่านี้ ทำมาหมดเรื่องคิดเรื่องปรุงนี้จนอกจะแตก มันอยากคิดอยากปรุงบังคับไม่ให้มันคิด เรื่องกิเลสตัณหาต่างๆ ไม่ให้คิด ให้คิดแต่กับพุทโธๆ

         นี่ทำมาแล้วนะ ไม่ใช่มาพูดเฉยๆ ทำเอาจนกระทั่งเวลามันปรุงขึ้นมา มันผลักดันขึ้นมาจากภายใน มันอยากคิดอย่างนั้น อยากคิดอย่างนี้ อยากรู้อยากเห็น มันอยากๆ ตลอด นี่มันดัน ทีนี้พุทโธๆ บังคับๆ ไม่ให้มันออกช่องนี้ ช่องนี้เอาพุทโธปิดไว้เลย ให้อยู่กับพุทโธ ทีนี้มันออกไม่ได้ พุทโธก็สร้างขึ้นมาโดยลำดับ ทีนี้พุทโธมากเข้าๆ มันก็เย็นขึ้นๆ ความคิดความปรุงนี้เบาลงๆ นั่น ต่อไปความคิดปรุงไม่อยากคิด อยากคิดแต่อรรถแต่ธรรมเท่านั้น ทางเดินของธรรมมีแล้วทีนี้ไปเลยไปตามธรรม เข้าใจไหมล่ะ

         ต้องได้บังคับ ไม่บังคับไม่ได้นะ นี่ทำมาแล้ว เอาจนอกจะแตกก็มีเราเคยพูดให้ฟัง บังคับจิตไม่ให้มันคิด จะให้คิดแต่กับพุทโธคำเดียว กับสติจ่ออยู่นั้น เอาเป็นยังไงเป็นกัน แล้วสุดท้ายก็ได้ผล วันแรกเหมือนอกจะแตกมันดันมันอยากคิด ต่อมาเบาลงๆ เพราะอำนาจแห่งธรรมหนักขึ้น พุทโธหนักขึ้น ต่อไปความคิดความปรุงหายหน้าไป มีแต่ความสง่างามภายในใจ นี่ละน้ำดับไฟ ให้จำเอานะ ไม่เช่นนั้นไม่ได้ ปล่อยตัวไปนี้มันจะตายทิ้งเปล่าๆ ด้วยกันหมดโลกธาตุนี้

         ใครอย่าเข้าใจว่าที่ไหนมีที่พึ่ง ในโลกนี้ไม่มี บอกชัดๆ เลย ชี้ออกชัดๆ เลยทีเดียว มีแต่ธรรมเท่านั้น ธรรมมีอยู่ที่หัวใจ หัวใจนี่ไขว่คว้าว้าเหว่ตลอดเวลาทั้งเขาทั้งเรา มหาเศรษฐีกุฎุมพี ดอกเตอร์ดอกแต้อะไรมีแต่ความเสกสรรปั้นยอ เรื่องของกิเลสหลอกคนทั้งนั้น ธรรมไม่หลอก ให้ทำตามธรรมของศาสดาองค์เอก จอมศาสดาองค์เลิศสอนเราผิดไปไหนให้รู้สักทีว่ะ พอกำหนดนี้เข้าจริงๆ แล้วทีนี้จิตของเราจะค่อยสงบลงๆ ต่อไปก็สว่างจ้า เรื่องกิเลสตัณหามันปัดออกๆ มีแต่สั่งสมธรรมขึ้นๆ ทีนี้สว่างจ้า สุดท้ายจ้าไปหมดครอบโลกธาตุ ท่านทำอย่างนั้น ให้พากันจำเอานะ

         นี่จวนจะตายแล้วนะสอนไว้ๆ เราไม่หวังอะไรในโลกนี้แล้ว มีแต่สอนเพื่อให้ได้อรรถได้ธรรมเป็นสาระแก่ตน ในภพชาติต่อไปจะอาศัยบุญกรรมนี้นะ ถ้าทำไม่ดีก็จะเป็นควายตาเปียก ยายตาเปียกนั่นแหละนะ ถ้าทำดีก็จะไปเจอของดี เอาละวันนี้พูดเพียงเท่านั้น ไม่พูดมาก

         ทองคำที่ได้หลังจากมอบเรียบร้อยแล้วนะ ทองคำนี่เป็นประเภทน้ำไหลซึม ได้ ๕๐ กว่ากิโล นี่ละเราจะได้อาศัยต่อตีนทองคำ คือทองคำตั้งอยู่นี้ให้มีตีนอย่างนี้ๆ ออก ให้ซึมซาบเพื่อลูกเพื่อหลานของเรา

         (หลวงตาเจ้าขา ลูกไปภาวนาวันนั้นวันเกิดเหตุที่วาดะ ขณะภาวนาแล้วเทวดามาห้าม แล้วพอดีลูกชายมาเรียกขึ้นเสียก่อนก็เลยขึ้นเรือ ถ้าไม่ได้ขึ้นเรือก็คงไม่หนักขนาดนั้น เทวดามาห้ามแล้ว) เออเอาละ เทวดาก็ธรรมบันดลบันดาลขึ้นมานั่นแหละ เรียกว่าแก้วสารพัดนึกอยู่ที่ธรรมในใจ จะแสดงทุกอย่างมาช่วยเหลือ ถ้าเป็นกิเลสแสดงทุกอย่างมาช่วยย่ำลง เข้าใจไหม ใครจะเอาอันไหนให้เลือกเอานะ ถ้าสร้างบาปมากๆ แล้วนั่นละมันจะมาย่ำลงไป สร้างบุญมากๆ แล้วดึงขึ้น ให้เลือกเอา พวกนักภาวนาข้างในให้เลือกเอานะ เออให้พร

 

รับฟังรับชมพระธรรมเทศนาของหลวงตา ได้ที่

www.Luangta.com หรือ www.Luangta.or.th

และรับฟังจากสถานีวิทยุสวนแสงธรรม กรุงเทพฯ และสถานีวิทยุอุดร

FM 103.25 MHz


** ท่านผู้เข้าชมทุกท่านโปรดทราบ
    เนื่องจากกัณฑ์เทศน์บางกัณฑ์มีความยาวค่อนข้างมาก ซึ่งจะส่งผลต่อความเร็วในการเปิดเว็บไซต์ ขอแนะนำให้ทุกท่านได้อ่านเนื้อหากัณฑ์เทศน์บางส่วนจากเว็บไซต์ และให้ทำการดาวน์โหลดไฟล์กัณฑ์เทศน์ที่มีนามสกุล .pdf ไปเก็บไว้ในเครื่องของท่านแทนการอ่านเนื้อหาทั้งหมดจากเว็บไซต์

<< BACK

หน้าแรก