อยากชุ่มเย็นให้สั่งสมธรรม
วันที่ 3 มกราคม 2548 เวลา 9:00 น.
สถานที่ : วัดป่าบ้านตาด
| |
ดาวน์โหลดเพื่อเก็บไว้ในเครื่อง
ให้คลิกขวาแล้วเลือก Save target as .. จาก link ต่อไปนี้ :
ข้อมูลเสียงแบบ(Win)   ข้อมูลเสียงแบบ(MP3)   วิดีโอแบบ(Win Narrow Band)

ค้นหา :

เทศน์อบรมฆราวาส ณ วัดป่าบ้านตาด

เมื่อวันที่ ๓ มกราคม พุทธศักราช ๒๕๔๘

อยากชุ่มเย็นให้สั่งสมธรรม

 

         เดี๋ยวนี้ทางที่ไหนมันก็ดีเหมือนกันหมดแล้ว ไปมาสะดวก ไม่ว่าไปทางไหนลาดยางทั้งนั้นๆ ตั้งแต่ทำทางกว้างๆ มานี้ไม่ค่อยเห็นรถชนกันตามทาง เห็นคนตายตามทางนะ แต่ก่อน อู๋ย เกลื่อน ทางแคบๆ รถก็ไม่มาก แต่ไปที่ไหนมีแต่รถชนกันๆ คนตาย ไปสายไหนเหมือนกันหมด แต่พอทำถนนกว้างๆ นี่แล้วไม่ค่อยมีนะ แม้รถจะมากกว่าแต่ก่อนก็ตามแต่ไม่มี ผ่านไปผ่านมาไม่เห็นมี คนก็ขับระมัดระวังขึ้นและทางก็กว้าง สะดวก อุบัติเหตุต่างๆ ไม่ค่อยมี ผ่านมาๆ ไม่ค่อยมี แต่ก่อน โอ๊ย เกลื่อน ว่างั้นเลย จนเราได้เอาเทียบกันกับประเทศอังกฤษตอนเราไปอังกฤษ

เพราะเมืองเรามีแต่รถชนกันๆ ไปอังกฤษนี้ไม่มี ดูเศษแก้วเศษอะไรที่รถชนกันมันตกเรี่ยราดอย่างเมืองไทยเราไม่มี จนกระทั่งวันจะกลับ เราก็คิดละซิที่นี่ หือ เรามาอังกฤษนี้ได้ตั้งสองอาทิตย์กว่าๆ แล้วไม่เคยเห็นรถชนกันเลย ว่างั้นนะ เมืองเรานี้เกลื่อน เมืองเราเป็นเมืองเด็ก อังกฤษเป็นเมืองผู้ใหญ่ไม่เห็นรถชนกันเลย เรานึกในใจ วันสุดท้ายนึกในใจ มันก็เป็นอย่างนั้นพอคิดขึ้น รถเรามาถึงวงเวียนก็มีรถคันหนึ่งมาชนท้ายรถเราตุ๊บเลยนะ ไม่มีเสียหายอะไร เราก็รู้เรานั่งอยู่ คนขับรถเขาก็มีมารยาทเขาก็เฉย เราก็เฉย เพราะไม่มีอะไรจะเสียหาย พอทราบว่าตุ๊บเท่านั้น

ลงรถแล้วเราก็เดินไปข้างหลังก็ไม่เห็นรถเป็นอะไร นี่ไม่ชนยังไง คงว่างั้น ใส่ตุ๊บเลยรถเราเอง มันก็แปลกอยู่นะ เพราะก็คิดวันนั้นเป็นวันจะกลับแล้ว ไม่เคยเห็นรถชนกันที่ไหนเลยในอังกฤษ แต่เมืองไทยเรานี้ไม่ว่าที่ไหนมีแต่รถชนกันๆ เรานึกวันนั้น เอ๊ เมืองนี้ไม่มีรถชนกัน เหมือนจะเตือนว่าไม่ชนยังไง ตุ๊บเข้าไปนี่เห็นไหม มันก็แปลกอยู่ เดี๋ยวนี้ไปที่ไหนก็พอๆ กันไม่ค่อยมีรถชนกัน คือการขับรถ คนก็มีมารยาท มีน้ำใจต่อกัน แต่ก่อนขับสุ่มสี่สุ่มห้าด้วย และถ้าไม่เกิดเหตุเกิดภัยมันก็ไม่ค่อยมีข้อเตือนใจ เมื่อมีแล้วข้อเตือนใจก็มากขึ้นๆ และถนนก็กว้างออก ความระมัดระวังของคนก็มากขึ้น จึงไม่ค่อยมีรถชนกัน แล้วการขับรถก็มีน้ำใจต่อกัน

การขับรถเราจะถือแต่กฎซึ่งเป็นศูนย์กลาง กฎข้อบังคับ อย่างเดียวก็ไม่ได้ น้ำใจยังมีอีก ไปถ้าหากว่ารถมองดูทางโน้นก็รู้ เขาอยากจะแซง เรามองไปเห็นเขาอยากจะแซง แต่ติดเรานี้เขาก็ไม่กล้าแซง พอเราหลีกให้ปั๊บเขาแซงปุ๊บเลย นั่นความมีน้ำใจต่อกัน ของเราถ้ามีทางพอแยกได้ๆ ก็ให้มีน้ำใจต่อกันคนเรา อย่าไปถือแต่กฎหมายอะไรเหล่านี้มาบังคับไม่ได้ ใจจืดใจดำ มีน้ำใจแหละสำคัญ ควรให้ทางก็ให้ ทางมันกว้างอยู่แล้ว มองไปทางโน้นถ้ารถเขาอยากจะแซงเราก็หลีกให้ พอเราเอียงมาทางซ้ายเขาก็มาทันทีๆ นั่น การขับรถต้องมีน้ำใจต่อกัน อย่าถือแต่กฎแต่เกณฑ์อย่างเดียวโดยไม่คิดไม่อ่าน แล้วก็กลายเป็นเรื่องไม่มีน้ำใจไปด้วยนะการขับรถ นี่ละเป็นเครื่องประสานกันมากทีเดียว ต่างคนต่างขับรถต้องต่างคนต่างมีน้ำใจต่อกัน อย่าไปถือสีถือสากันง่ายๆ  ใจเขาใจเรามันเท่ากันนั่นแหละ ผิดใจเขาผิดใจเราก็เท่ากัน เพราะฉะนั้นจึงไม่ให้ผิดใจเขาใจเรา ให้มีน้ำใจต่อกัน พอหลีกก็หลีก พอแยกก็แยกให้

เท่าที่เราผ่านมานี้ไม่ค่อยเห็นรถชนกัน รถเสียรถอะไรมันก็มีทั่วไป มันสุดวิสัยมันเสีย แต่เรื่องรถชนกันทุกวันนี้ไม่ค่อยมี ไปสายไหนเหมือนกันหมด ต่างจังหวัดเหมือนกัน ในกรุงเทพก็เหมือนกัน ทางใหญ่ต่อใหญ่ไปจังหวัดก็เหมือนกัน ไม่ค่อยมีรถชนกัน นี่ก็แสดงถึงน้ำใจและความรอบคอบ อะไรก็ตามไม่หนีจากน้ำใจ น้ำใจเป็นสำคัญมาก ทุกอย่างออกจากใจ ใจที่มีพิษมีภัย ใจที่มีคุณธรรม ต่างกันนะ ใจที่มีพิษมีภัยใจดำนี้เอาแต่ใจตัวเอง มุทะลุ ถ้าเอาแต่ใจตัวเองแล้วต้องมุทะลุคนเรา มุทะลุกแหละไม่สงสัย ถ้าใจมีธรรมก็มีน้ำใจต่อกัน แบ่งสันปันส่วน คิดถึงใจเขาใจเรา มันเหมือนกันว่างั้นเถอะ เมื่อเป็นเช่นนั้นต่างคนต่างแบ่งปันน้ำใจต่อกัน เฉลี่ยกัน เห็นใจกัน แล้วก็สะดวก

คนเราเมื่อมองเห็นทางนี้มีน้ำใจ ทางโน้นเขาก็มีน้ำใจต่อเรา และเขาก็มีน้ำใจต่อคนอื่นอีกนะ ถ้าเรามุทะลุ เขาก็มุทะลุ แล้วก็มุทะลุต่อคนอื่นได้ เป็นอย่างนั้นนะ น้ำใจเป็นของสำคัญ การขับรถขับราขับกันทุกคนทุกแห่งทุกหน ให้มีน้ำใจต่อกัน เรื่องการเปิดไฟขอทางไม่ขอทางนั้นเป็นความจำเป็นอันหนึ่ง ก็ให้รู้ว่าจำเป็นขอทาง แต่เอะอะก็เปิดไฟจ้าๆ ถ้าเป็นธรรมดาอันธพาลต่อกัน พอทางนั้นเปิดไฟจ้า ทางนี้ก็ขับรถใส่กันเลย นั่นเรียกว่าไม่มีมารยาท เอะอะเปิดไฟจ้าเลยขอทางอะไรก็ไม่ทราบ มีเหตุมีผลสมควรไม่สมควร เปิดไฟขอทางไม่ขอทาง ต้องมีมารยาทเหมือนกัน เอะอะเปิดจ้าๆ ดูไม่ได้นะ

เรานั่งรถไปเราดูทุกอย่างพิจารณาทุกอย่าง ดูหมด ไปที่ไหนดู คนขับรถใครมีมารยาท ใครมีน้ำใจไม่มีน้ำใจ มันจะบอกในตัวของมันเอง นิสัยเราเป็นอย่างนั้นแหละ พอเห็นปุ๊บปั๊บเปิดไฟจ้า ฮ่วย ลูกบักห่ามันเกิดมาจากโคตรไหน โคตรแซ่มันคือใคร ทางนี้เขาเรียกลูกบักห่า ไอ้ห่านั่นเองแหละ มันทั้งเล่นทั้งจริงอันนี้ มีทั้งสองอย่าง ส่วนมากมีแต่พูดเล่นกันทั้งนั้น ไฟเปิดจ้าแล้วยังไม่ถึงไหน มองดู ฮ่วย ลูกบักห่ามันเกิดจากโคตรใด๋ ถามหาโคตรมัน

การขับรถก็ต้องมีมารยาท ให้ดู การขับรถมันประสานกันทั่วประเทศ ประสานกันทั่วไปหมด ต้องมีน้ำใจต่อกัน มีมารยาท สังเกตดูควรแซงไม่ควรแซง ที่แซงบึ่งไปเลยระยะนี้ไม่ค่อยมี แต่ก่อนมี ระยะนี้ไม่ค่อยมี นั่นละมันจึงไม่ค่อยเกิดอุบัติเหตุ ไปไหนเราไม่ได้ไปธรรมดานะ คิดพิจารณาตลอด ไปที่ไหนๆ สัมผัสสัมพันธ์ที่ไหนพิจารณา มันหากเป็นของมันเอง เป็นอยู่ในนี้ แต่ก่อนก็ไม่เป็น ทุกวันนี้มันเป็นก็บอกว่าเป็น คิดไปทุกแง่ทุกมุม มันหากเป็นของมันเอง

การอยู่ร่วมกันต้องมีน้ำใจต่อกันมนุษย์เรา ให้เห็นโทษแห่งความอยู่คนเดียว คนเราอยู่คนเดียวไม่อยู่ละ ผลที่สุดไม่มีเพื่อนก็เอาไอ้ตูบมาเป็นเพื่อน นั่นเห็นไหมล่ะอยู่คนเดียวไม่ได้ มนุษย์เราเป็นสัตว์หมู่สัตว์พวก สัตว์ขี้ขลาดหวาดกลัว อยู่คนเดียวไม่ค่อยได้ เพราะฉะนั้นเมื่อเป็นอย่างนั้นแล้วก็เห็นโทษแห่งความอยู่คนเดียว ก็เห็นคุณค่าของการคบค้าสมาคมซึ่งกันและกัน คนเราถ้ามีน้ำใจต่อกัน ไปที่ไหนไม่ค่อยเกิดเรื่องเกิดราวรบราฆ่าฟันหรือฆ่ากันทั้งที่ลับที่แจ้ง อะไรเหล่านี้ไม่ค่อยมี ถ้ามีน้ำใจต่อกัน มีความอดกลั้นด้วย มีน้ำใจพิจารณาไปด้วยก็ไม่มีอะไรกันง่ายๆ ละคนเรา

อะไรก็ตามไม่หนีธรรม ถ้าธรรมแล้วหากมีแง่หลบหลีกกันจนได้นั่นแหละ ถ้าเป็นกิเลสแล้วไม่มี มีแต่ชนเอาๆ ไปเลย เรื่องกิเลสเป็นอย่างนั้น ถ้าเรื่องธรรมนี้มีน้ำใจต่อกัน เพราะฉะนั้นเราอยู่กันเป็นจำนวนมากจึงให้มีน้ำใจต่อกัน มีความเฉลี่ยเผื่อแผ่ อย่าเป็นคนคับแคบตีบตัน จิตใจคับแคบไม่ดี เพื่อนฝูงก็ไม่ค่อยมี คนมีจิตใจกว้างขวางไปที่ไหนกว้างไปหมด กว้างไปเรื่อยๆ คนมีจิตใจกว้างขวางกับคนมีจิตใจคับแคบนี้ต่างกันนะ นี่ละคนมีน้ำใจ ไปที่ไหนคนมีน้ำใจแล้วไปได้หมด คนไม่มีน้ำใจไม่มีเพื่อนมีฝูง ไม่มีใครคบค้าสมาคม เขาเกลียดและกลัวด้วยคนประเภทนั้น เขาไม่อยากคบค้าสมาคม ถ้าคนมีน้ำใจ อะไรก็ไม่พ้นธรรมละ มีน้ำใจก็คือธรรม ไปที่ไหนสะดวกไปหมดดีไปหมดนั่นแหละ

นี่ก็วันปีใหม่แล้ว ปีใหม่ก็เปลี่ยนมาเรื่อย ปีใหม่ก็คนคนเก่านั่นแหละ ให้เปลี่ยนจิตใจตามปี ถ้าเราทำความไม่ดีมายังไงปีนี้ตั้งใจใหม่ แก้ไขใหม่ วันนี้ไม่ดี พยายามแก้ไขเจ้าของวันหน้าให้ดี ต่อไปอย่างนี้แหละ เรียกว่าแก้ไขตัวเอง วันนี้เราไม่ดียังไงบ้าง เกี่ยวข้องกับเพื่อนกับฝูงหน้าที่การงานเอามาคิดซิ เพื่อจะแก้ไขสิ่งที่ไม่ดีให้ดีขึ้น การคบค้าสมาคมกับเพื่อนกับฝูงก็เหมือนกัน เป็นยังไงนิสัยเรา การคบค้าสมาคมกับเพื่อนกับฝูงเป็นยังไง หน้าที่การงานเราดีหรือชั่ว ถ้าหากว่าชั่วก็ให้รีบแก้ไขเสียให้ดีขึ้นไป นี่เรียกว่าปีใหม่ เปลี่ยนความคิดความเห็นที่ไม่ดีเป็นใหม่ขึ้นมา เรียกว่าเปลี่ยนไปตามปีใหม่

         มีแต่ว่าปีใหม่ ๆ เห่อกันเฉย ๆ ปีใหม่ ไม่เปลี่ยนตัวเองที่เคยทำความไม่ดีมาก็ไม่ดีตลอดไป ปีไหนก็มืดกับแจ้งนั่นละ มันอยู่ที่เราเปลี่ยนแปลง ผิดถูกชั่วดีนี้เปลี่ยนแปลงได้ ท่านว่าปีใหม่ปีเก่า งานปีใหม่ๆ ก็ให้ฟิตตัวเองให้เปลี่ยน อะไรไม่ดีให้เปลี่ยนในวันนี้ปีนี้ ปีหน้าจะไม่ให้เป็นอย่างนี้ วันหน้าเดือนหน้าไม่ให้เป็นอย่างนี้ เปลี่ยนไปเรื่อยๆ คนเราก็ดีขึ้น ถ้าไปเอาตั้งแต่มืดกับแจ้งมาเป็นปีใหม่ปีเก่า ตื่นปีใหม่ปีเก่า เจ้าของไม่ตื่นเนื้อตื่นตัวใช้ไม่ได้นะ ต้องตื่นเนื้อตื่นตัว

         สมมุติว่าเราทำอะไรไม่ดีมาเราแก้ไข ปีนี้แก้ไข วันนี้แก้ไข วันหน้าแก้ไข แก้ไขไปทุกวันก็ดีคนเรา ถ้าพยายามแก้ไข เหมือนอย่างพระที่ท่านเป็นนักบวชเพื่ออรรถเพื่อธรรมจริงๆ ท่านไม่มีชินชาต่อความชั่วนะ ไปที่ไหนท่านระวังตัวท่านตลอดเวลา นี่หมายถึงพระท่านผู้ทรงศีลทรงธรรมจริงๆ ไอ้พระโกโรโกโส พระเปรตพระผี พระกวนบ้านกวนเมือง ทำลายบ้านเมืองอย่าเอามาพูด พวกนี้พวกเลยเทวทัตไปแล้ว ทำลายศาสนา ทำลายเพื่อนฝูงด้วยกัน สังคมแตกไปหมด นั่นไม่ใช่ผู้มีธรรม

         ผู้มีธรรมบวชมามีธรรม มีความระมัดระวังตนตลอดเวลา ไม่มีความชินเรื่องการระมัดระวังตัวเอง ถ้าชินก็ชินไปด้วยความระมัดระวังเสีย เช่นอย่างพระท่านบวชใหม่ได้ระมัดระวังมันผิดมันพลาดเรื่อยๆ ระวังตลอดเวลาทีนี้เลยชิน ชินต่อความระวัง ไปไหนเหมือนไม่ระวัง แต่อะไรผิดรู้ทันที แก้ไขปั๊บเลยไม่ทำ นี่เรียกว่าระวังจนชิน มันก็ดี ผู้ที่มีศีลมีธรรมไปที่ไหนก็เย็นนะ อยู่คนเดียวกับเพื่อนกับฝูงก็เย็น นี่แหละธรรมอยู่ที่ไหนเย็นทั้งนั้น

         ถ้ากิเลสไปที่ไหนเกิดเรื่องเกิดราว ฆ่าฟันรันแทง ทะเลาะเบาะแว้ง เป็นไปได้ทุกแบบทุกฉบับขึ้นชื่อว่ากิเลส เป็นตัวขวางที่สุดแหละกิเลส ธรรมนี้ล่องตรงแน่วเลย กิเลสเป็นตัวขวางทาง ธรรมเป็นองค์ธรรมชาติที่เปิดทางให้ความสะดวกแก่กันและกัน นี่เรียกว่าธรรม ถ้าเป็นกิเลสแล้วขวางกัน กีดกันกัน ทุกอย่างอะไรที่จะให้เกิดความไม่ดีงามแล้วเป็นเรื่องของกิเลสทั้งนั้นละก่อขึ้นนะ เรื่องธรรมท่านไม่ก่อ ท่านแก้ไขดัดแปลงหรือชะล้าง นั่นเรียกว่าธรรม

         ถ้าเป็นกิเลสแล้วมีแต่หาของสกปรกมาโปะกันๆ อยู่ดีๆ ก็หาเรื่องหาราวใส่กัน นั่น กิเลสมันอยู่เฉยๆ ไม่ได้ ต้องหาเรื่องนั้นหาเรื่องนี้ ยุแหย่ก่อกวนซึ่งกันและกันจนได้กิเลส ถ้าธรรมไปที่ไหนไม่มีเรื่อง มีแต่ความดีงาม คบค้าสมาคมกันแล้วจากกันไปก็คิดถึงกัน นี่คือความมีธรรมด้วยกัน จากกันไปก็คิดถึงกันอยากพบอยากเห็น อยากคบค้าสมาคม เรื่องธรรมเป็นอย่างนั้น ถ้าเรื่องโลกแล้วพบกันทีเดียวเท่านั้นเข็ดจนกระทั่งวันตาย มันมีเสี้ยนมีหนามอยู่ในตัวนั่นแหละ

         ให้พากันสั่งสมธรรมให้มีขึ้นให้มากนะ ถ้าอยากชุ่มเย็นภายในตัวเอง ความชุ่มเย็นไม่อยู่ที่ไหน อยู่ที่ใจของเราที่ดัดแปลงตนให้เป็นคนดี ต่างคนต่างดัดแปลงตัวเอง เข้ากันได้สนิทๆ ไปหมด ถ้าต่างคนต่างเลอะเทอะแล้วเลอะไปหมดนะ มีเท่านั้นละ วันนี้เป็นปีใหม่ เทศน์สอนปีใหม่พอให้เข้าใจกันนะ ให้พากันตั้งอกตั้งใจปฏิบัติตัวให้เป็นคนดี ศาสนาเท่านั้นละที่จะทำคนให้ดีได้ นอกจากนั้นไม่มี มีศาสนา นี้เราเป็นลูกชาวพุทธขอทำตัวให้ดีสมกับลูกชาวพุทธนะ เอาละพอ ให้พร

 

รับฟังรับชมพระธรรมเทศนาของหลวงตา ได้ที่

www.Luangta.com หรือ www.Luangta.or.th

และรับฟังจากสถานีวิทยุสวนแสงธรรม กรุงเทพฯ และสถานีวิทยุอุดร

FM 103.25 MHz


** ท่านผู้เข้าชมทุกท่านโปรดทราบ
    เนื่องจากกัณฑ์เทศน์บางกัณฑ์มีความยาวค่อนข้างมาก ซึ่งจะส่งผลต่อความเร็วในการเปิดเว็บไซต์ ขอแนะนำให้ทุกท่านได้อ่านเนื้อหากัณฑ์เทศน์บางส่วนจากเว็บไซต์ และให้ทำการดาวน์โหลดไฟล์กัณฑ์เทศน์ที่มีนามสกุล .pdf ไปเก็บไว้ในเครื่องของท่านแทนการอ่านเนื้อหาทั้งหมดจากเว็บไซต์

<< BACK

หน้าแรก