เทศน์อบรมฆราวาส ณ สวนแสงธรรม กรุงเทพ
เมื่อวันที่ ๑๗ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๔๗
เรื่องพระราชอำนาจ คนทั้งแผ่นดินยอมรับกันหมด
ก่อนจังหัน
หลวงตาบัวตายวันไหนมันก็ตายไปได้สบาย พูดจริงๆ นะ เราไม่มีอะไรกับเรา เราห่วงแต่โลก ที่ดีดดิ้นอยู่ทุกวันนี้เพื่อโลกทั้งนั้น เราไม่ได้เพื่อเรา แม้เม็ดหินเม็ดทรายพูดตรงๆ ไม่มี หมดโดยสิ้นเชิง ที่ดีดที่ดิ้นทางนู้นทางนี้เพื่อโลกทั้งนั้น อย่างที่ได้มาเหล่านี้ออกหมด เราไม่มี ไม่เอาทั้งนั้น อาหารเห็นไหมนี่ กินให้ตายเดี๋ยวนี้ก็ตาย มันเหลือเฟือ มันท่วมปากท่วมท้อง ท่วมตลอด ท่วมทุกอย่าง ผู้อดผู้อยากขาดแคลนมีมากมาย
เพราะฉะนั้นจึงต้องคิดเฉลี่ย พอตื่นขึ้นมานี้จิตมันจะออกแล้วทั่วหมด แทนที่จะมาดูตัวเองไม่มีนะ จิตนี้มันจะไม่ดูตัวเอง มันจะดูออกนอกโดยรอบ เพราะฉะนั้นทุกสิ่งทุกอย่างที่ได้มาออกหมดเลย ออกหมดโดยสิ้นเชิง ไม่มีอะไรที่จะกำไว้ ออกทั้งนั้นเลย นี่ละอำนาจแห่งความเมตตาสงสาร เพราะฉะนั้นการพูดของเราจะพูดนิ่มนวลอ่อนหวาน หรือตลกขบขันอะไรก็ตาม ดุเดือดอะไรก็ตาม เรื่องความเมตตาจะอยู่ในนั้นตลอด ไม่จางเลย
เมื่อคืนนี้ยังพูดตลกให้บรรดาลูกศิษย์ลูกหาฟังแล้วแทบเป็นแทบตาย เราโมโหอีกเราก็ดี เราอยากจะซ้ำนิทานให้เขาอีก คือเราโมโหเราก็ดีเราอยากซ้ำนิทานที่พูดเมื่อคืนนี้เข้าอีก โมโหยังไง สูนี่ เราอยากจะซ้ำนิทานเข้าไปอีก คือว่ามีอะไรๆ มาก็หมด มีอะไรๆ มาก็หมดไม่มีอะไรเหลือ เปิดอย่างนี้ ไอ้ผู้มาขอ ขอไม่หยุดไม่ถอยเข้าใจไหม มันก็โมโหละซิ ไม่มีอะไรจะให้ก็สูนี่ มันเป็นอย่างนั้น
เราเปิดสุดขีดสำหรับโลกไม่ว่าจะคำพูดคำไหนก็ตาม เป็นธรรมล้วนๆ เลย เราไม่มีกิเลสเป็นพิษภัยแฝงออกไปไม่มี จะดุเดือดขนาดไหนก็ตามมีความเมตตาเป็นธรรมล้วนๆ เลย เราจึงว่าเราเต็มเหนี่ยวละในชาตินี้ที่เราช่วยชาติ เราก็ช่วยเต็มเหนี่ยว ช่วยเราก็เรียกว่าเต็มเหนี่ยว จากช่วยเราแล้วทีนี้ก็ช่วยชาติ แต่ก่อนตั้งแต่บำเพ็ญพอตื่นปั๊บจับแล้ว สติกับจิตจับกันตลอด ไม่มีละมีถอย นี่เรียกว่าเอาตัวเอง หมุนตัวเอง จ่อตัวเอง ช่วยตัวเอง หมุนตลอดอยู่อย่างนั้น
ไปที่ไหนจึงไม่ไปกับใคร มันไม่ได้สนุกคิด สนุกอ่าน สนุกพิจารณาเรื่องตัวเอง ไปที่ไหนก็ต้องไป ทีนี้เวลาหมุนตัวเองให้เต็มเหนี่ยวแล้วก็ได้สมมักสมหมายตามที่หมุน นี่ละธรรมพระพุทธเจ้าประจักษ์ในหัวใจของผู้บำเพ็ญ พอจากนั้นแล้วทีนี้ก็เริ่มไหวออกนอก เพราะพระเณรนี่รุมตลอด รุมเรา พอพ่อแม่ครูจารย์มั่นมรณภาพ คือแต่ก่อนเราไม่สนใจกับใครนะ จะไปไหนไม่เคย ใครจะจ้องจะมองยังไงพระเณร เราไม่เคยสนใจ ยิ่งกว่าเราดูตัวของเรา ไปที่ไหนไปองค์เดียว
ทีนี้พอหลวงปู่มั่นมรณภาพ ไม่ทราบว่าพระเณรมาจากไหน รุมเลยตลอด คือจะดูจะจ้องมองเราอยู่แต่เมื่อไรเราไม่สนใจ ก็ไปทราบเอาตอนพ่อแม่ครูจารย์มั่นมรณภาพ พรึบเลยนะ แบบไม่ได้คิดได้อ่านอะไรเลย พรึบ จากนั้นเหมือนผู้ต้องหาเรา หลบหลีกๆ เหมือนผู้ต้องหา เหมือนนักโทษ หรือว่าเหมือนโจรผู้ร้าย หลบนั้นหลบนี้ หมู่เพื่อนดักนู้นดักนี้ดักอยู่งั้นละ จนได้ช่วยโลก เริ่มมาช่วยพระเณร จากนั้นก็หมุนมาช่วยโลกเรื่อยๆ จนกระทั่งปัจจุบันหมุนเพื่อโลกทั้งนั้น ไม่ได้หมุนเพื่อเรา เราหมุนเพื่อโลก ทุกสิ่งทุกอย่างเราทำเต็มความสามารถของเราในชาตินี้ ว่างั้นเลย
ทีนี้เรียกว่าช่วยโลก มีอะไรเป็นไม่มีเหลือเลย ออกหมดเลย ทุกอย่างไม่มีเก็บ ในวัดเรามีเท่าไรหมดๆ ผู้มาขอก็โอ้โห แต่ก่อนเทศนาว่าการในการช่วยชาติ จตุปัจจัยไทยทานได้มาก็พอช่วยเหลือกันไป ทีนี้พอเราหยุดทางนั้นปัจจัยเหล่านี้มันก็ไม่มี ผู้มาขอไม่ได้ลดนะ หลั่งไหลมาเรื่อยๆ มันก็ไม่มีอะไร ก็มีแต่สูนี่เท่านั้น ก็มันไม่มีอะไรจะให้เข้าใจไหม มาไม่ถอยๆ มันไม่มีอะไรให้มันก็โมโหละซิ ก็ออกสูนี่ นิทานสูนี่ เมื่อคืนนี้เล่าให้ลูกศิษย์ฟังเรื่องนิทานสูนี่
ฟังนะจะพูดนิทานสูนี่ให้ฟัง พ่อตาตื่นเช้า พ่อตาไปทำไร่ไปเผาไร่ เศษไม้เศษอะไรไปเผาไร่ ทำสวนปลูกผักปลูกหญ้าอะไรก็แล้วแต่ ไปแต่เช้าเลย ลูกเขยกับลูกสาวจะตามไปทีหลัง คือเขาจะเอาข้าวไปส่งตอนเช้า เพราะไปก่อนรับประทานอาหาร ไปทำงานแทบเป็นแทบตาย สายเข้ามาๆ ท้องก็เร่ง ท้องก็หิวอะไรก็หิว ตัวก็เหนื่อยก็เพลีย หันมองไปดูทางที่ลูกจะมาก็ไม่เห็นมา ฟาดเอาเสียจนตะวันเที่ยง ลูกสาวกับลูกเขยถึงเอาข้าวไป เอาข้าวไปแล้วมองเห็นลูกเขยกับลูกสาวมันโมโหสุดขีด จะว่าอะไรมันก็จะเลยเถิด มีแต่ความโมโหสุดขีดอยู่นั้น
พอเขาเอาข้าวเอาปลาอะไรไปให้แล้ว มองเห็นลูกเขยกับลูกสาวไม่มีอะไรจะพูด คือจะพูดอะไรมันก็จะเลยเถิด ว่างั้นเถอะ ก็ได้คำเดียวแต่ว่าสูนี่ สูนี่ คือว่าทำไมถึงมาสายนัก เดี๋ยวนี้ไม่พูดไปมันจะเลยเถิด เลยได้คำเดียวว่าให้ลูกเขยกับลูกสาว มองดูหน้าลูกเขยกับลูกสาว สูนี่ ๆ มันโมโหสุดขีด ตั้งแต่นั้นมามองเห็นลูกเขยกับลูกสาวทีไรก็สูนี่อยู่ตลอด คือมันโมโหไม่หยุด เข้าใจหรือ นี่ที่ได้นิทานสูนี่มาพูด อันนี้ก็เหมือนกัน จตุปัจจัยไทยทานได้มามากน้อยมีเท่าไร ไหลเข้ามาเท่าไรออกหมดๆ ออกยังไม่ไหว มาขอไม่หยุดไม่ถอย จนไม่มีอะไรจะให้ ยังมาตลอด ไม่มีอะไรให้มันก็โมโหละซิ ทีนี้ก็มีแต่สูนี่ เข้าใจ ทีนี้ให้พร
หลังจังหัน
ผู้กำกับ จากคำเทศน์ของหลวงตาเมื่อวานนี้นะครับ หนังสือพิมพ์เขาไปลง หลวงตาเมตตาให้อ่านให้ลูกศิษย์ทราบ เขาขึ้นหัวข้อว่า หลวงตาบัวกลัวลิงโดดใส่กิ่งไม้ผุ ห่วงบ้านเมืองจะพังเพราะผาดโผนโจนทะยานเกินไป จากหนังสือพิมพ์ผู้จัดการรายวัน
หลวงตามหาบัวเทศน์เตือนอีกอย่าผาดโผนเกินไป ระวังจะเป็นลิงโดดใส่กิ่งไม้ผุ เดี๋ยวจะตกมาตาย ขณะที่ทองก้อน เผยเหตุที่หลวงตาเตือนเพราะผู้ใหญ่ในบ้านเมืองมาบอกความจริงกรณีตั้งผู้ปฎิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช ด้าน ส.ว.แนะนายกฯ รับฟังคำเตือนหลวงตามหาบัว
พระธรรมวิสุทธิมงคล หรือ หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน แห่งวัดป่าบ้านตาด จ.อุดรธานี เทศน์อบรมฆราวาส ณ สวนแสงธรรม วานนี้ (16 ธ.ค.) ว่า ที่หนังสือพิมพ์ เอาคำเทศน์ไปลงเรื่องอย่าพองตัวนะรัฐบาลนั้นถูกต้องแล้ว ที่พูดไปนั้นไม่ผิด รู้สึกวิตกจริงๆ รู้สึกมันแปลกๆ เมืองไทยเราระยะนี้ จะแหวกแนวเกินไป เราก็เตือนว่า ธรรมท่านไม่ตื่นเต้น ธรรมท่านสม่ำเสมอ ดูรอบคอบขอบชิดทุกอย่าง แต่เรื่องโลกมันผาดโผนโจนทะยานโดดไปโดดมา จะไปโดนเอากิ่งไม้ผุเหมือนลิง ที่โดดไปถูกกิ่งไม้ผุ จนหักตูมลงไป ทำให้ลิงตกลงไปบนหินดานจนตาย เคยเห็นมาตอนไปที่อำเภอคำชะอี
คือลิงมันโดดโน้นโดดนี้ ไปโดดเอากิ่งไม้ผุ กิ่งไม้ผุพาพัง แล้วลิงนั้นตกลงไป ไปถูกหินดาน ลิงลงหินดาน ไม้ก็ทับลิงตายอยู่นั้น นี่เรากลัวมันจะเป็นลิงโดดไม้ผุ ให้ระวัง ได้เตือนไว้ ลิงโดนไม้ผุมันก็สะเทือนใจมาตั้งแต่นั้น จึงได้เอามาเป็นคติเตือนใจว่า ถ้าจะทำแบบผาดโผน แบบลิง เดี๋ยวจะโดนไม้ผุ ก็เท่านั้นแหละ ตั้งแต่ลิงมันก็สะเทือนใจแล้ว แล้วคนทั้งประเทศพังลงนี้มันจะไม่กระเทือนยังไง หลวงตามหาบัว กล่าว
ทองก้อนเผยเหตุหลวงตาเตือนนายกฯ
นายทองก้อน วงศ์สมุทร ลูกศิษย์หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน ให้สัมภาษณ์กรณีหลวงตามหาบัวเทศน์เตือนรัฐบาลว่า เกิดจากรัฐบาลมีอำนาจที่มืดบอด หากเปรียบเทียบกับคำพูดของหลวงตามหาบัว ก็อาจจะเป็นกิเลส คือมีอำนาจจนทำให้รัฐบาลนี้ลืมตัว และพองตัวเองโดยลืมไปว่าเวลานี้ประชาชนเดือดร้อนอย่างไร เช่น พระก็เดือดร้อน ซึ่งทราบกันดีอยู่ว่ารัฐบาลนี้สนับสนุนให้มีผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช แม้ว่าผิดกฎหมาย ผิดขนบธรรมเนียมประเพณี ก็ไปแก้ให้ถูกต้องโดยไปถือว่าตัวเองใช้อำนาจบาตรใหญ่ในการออกกฎหมาย ออกพระราชกำหนด แก้ในสิ่งที่ตัวเองทำผิดให้ถูก ทำให้สงฆ์เกิดความแตกแยก สงฆ์ก็เดือดร้อน หลวงตามหาบัว จึงได้เตือนให้ประชาชนเห็นว่ารัฐบาลนี้ไม่ใช่รัฐบาลที่ดีนัก
นายทองก้อน กล่าวว่า หลวงตามหาบัวได้เรียกร้องและประชาชนก็เข้าชื่อถึง 1.7 ล้านคนนำไปส่งให้รัฐบาล ในประเด็นละเมิดพระราชอำนาจ ขอให้หยุดกระทำ ซึ่งถ้าจะพิสูจน์ความบริสุทธิ์ใจว่ารัฐบาลเคารพต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ รัฐบาลนี้ก็ควรจะเป็นผู้นำในการถวายพระราชอำนาจคืน
ส่งเรื่องไปกี่ครั้งกี่ครั้งก็เงียบ แถมยังออกมาโจมตีฝ่ายประชาชนอีก หาว่า การคืนพระราชอำนาจนั้นประชาชนโง่พระก็โง่ แถมยังให้ผู้ใหญ่ทางรัฐบาลมาขู่ ให้ข้าราชการ ตำรวจ นักการเมืองมาขู่หลวงตากับประชาชนว่าไประคายเคืองเบื้องพระยุคลบาท คำก็อ้างพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว คำก็อ้างสมเด็จพระนางเจ้าฯ มาโดยตลอด บัดนี้ก็มีผู้ใหญ่ในบ้านในเมืองเขาทนไม่ได้ ก็เลยเอาความจริงมากราบเรียนท่านว่า สิ่งที่รัฐบาลได้พูดมาเป็นการกล่าวอ้าง โดยที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ ก็ไม่ทรงทราบ มันเป็นอย่างนี้ และเราจะปล่อยให้มันเป็นอย่างนี้ได้อย่างไร ดังนั้นเมื่อท่านทราบความจริงจากปากผู้ใหญ่ในบ้านในเมือง ท่านก็ออกมาเตือน
ผู้สื่อข่าวถามว่าที่ผ่านมาหลวงตามหาบัว เคยสนับสนุนรัฐบาลนี้ แต่ตอนนี้ทำไมมาเทศน์ในลักษณะดังกล่าว นายทองก้อน กล่าวว่า ต้องแยกแยะกันให้ออก สิ่งไหนดีท่านก็จะให้ความเป็นธรรม แต่ถ้าไม่ดีท่านก็ต้องพูดอย่างตรงไปตรงมา เช่น หลวงตามหาบัว บอกว่าจะอาจเอื้อม ถึงขนาดจะเป็นประธานาธิบดี ก็ต้องมีการเตือน หรือเมื่อรัฐบาลนำเงินเข้าประเทศได้ ท่านก็บอกว่าดี แต่เมื่อว่ามันบ้าอำนาจ ท่านก็ว่ามันบ้าอำนาจอย่างนี้เรียกว่าตรง ไม่ใช่ว่าเมื่อทำผิดก็เอ็นดูอยู่เรื่อย
วุฒิฯแนะนายกฯ ฟังคำเตือนหลวงตา
นายพิเชฐ พัฒโชติ ส.ว.นครราชสีมา กล่าวถึงกรณีหลวงตามหาบัวเทศน์เตือน รัฐบาลอย่าพองตัวเกินควรเดี๋ยวจะพัง เพราะรัฐบาลนี้มักใหญ่ใฝ่สูงว่า เป็นภาพสะท้อนของหลวงตา ที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีควรจะต้องฟัง เพราะที่ผ่านมาผู้หลักผู้ใหญ่จากหลายฝ่ายได้ออกมาเตือน แต่นายกฯก็ไม่เคยรับฟัง แถมยังตอบโต้ในลักษณะดูหมิ่นดูแคลนขับไล่ไสส่ง และยังกล่าวหาว่าเป็นพวกขาประจำ ทั้งที่ความเห็นส่วนใหญ่มีประโยชน์ อย่างความเห็นของ นพ.ประเวศ วะสี ราษฎรอาวุโส หรือ นพ.เสม พริ้งพวงแก้ว ที่เคยล่ารายชื่อประชาชนสนับสนุนรัฐบาลมาแล้ว แต่นายกฯก็ปฏิเสธที่จะรับฟัง
ดังนั้นการที่หลวงตามหาบัวออกมาเตือนครั้งนี้ ก็คงจะสะท้อนภาพของนายกฯ ในระยะเวลา 4 ปี ได้ชัดเจนมาก ซึ่งหากนายกได้ฟังอย่างมีสติ ลองทบทวนการทำหน้าที่ที่ผ่านมา ว่าได้บริหารประเทศไปในทิศทางที่ถูกต้องหรือไม่ โดยเฉพาะการแก้ไขปัญหาภาคใต้ การแก้ไขปัญหายาเสพย์ติด ที่มีการวิพากษ์วิจารณ์กันในวงกว้าง รวมถึงการใช้กลไกรัฐให้ได้เปรียบทางการเมืองก็จะเป็นประโยชน์
นายเสรี สุวรรณภานนท์ ส.ว.กทม. กล่าวว่า การที่หลวงตามหาบัวออกมาเทศน์ เตือนนายกฯเป็นเรื่องที่ดี เพราะบางทีคนมีอำนาจต้องใช้อำนาจอย่างระมัดระวัง ไม่ใช่ฟังหรือเชื่อคนใกล้ชิดมากเกินไปถือเป็นเรื่องอันตราย ดังนั้นสิ่งใดก็ตาม ที่เป็นประโยชน์ก็ควรจะรับฟัง อย่าไปมีอารมณ์โกรธ ด้านประโยชน์ก็ควรจะรับฟัง
หลวงตา ที่เตือนมาทั้งหมด และเริ่มแรกตั้งแต่เราออกช่วยชาติบ้านเมือง เราออกมาด้วยความเป็นธรรมทุกแง่ทุกมุม ก่อนที่จะปฏิบัติต่อพี่น้องทั้งหลายทางด้านวัตถุการเงินการทอง และด้านธรรมะเพื่อเป็นการแนะนำสั่งสอนให้ถูกต้องดีงามนั้น เราดำเนินมาด้วยความพินิจพิจารณาโดยอรรถโดยธรรม แน่ใจทุกอย่างว่าถูกต้องแล้ว จึงได้นำมาแนะบรรดาพี่น้องทั้งหลาย เพราะฉะนั้นการดำเนินของเรา เราจึงไม่เคยปรากฏว่าได้เป็นการต้องติตนเองในทางผิดธรรม โดยที่ฝืนไปทำในสิ่งที่ผิดธรรมอย่างนี้เราไม่เคยมี จะไปในแง่ใดมุมใด เราสอนโลกเพื่อเป็นประโยชน์แก่โลก จะดุจะด่าว่ากล่าวหรือเผ็ดร้อนประการใด มีแต่เรื่องพยุงชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ทั้งนั้น ที่จะให้เหยียบย่ำทำลายทั้งสามพระองค์ คือ ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ นี้เราทำไม่ลง เพราะขัดกับธรรม เนื่องจากเราดำเนินตามธรรมทุกแง่ทุกมุม
การพาพี่น้องทั้งหลายดำเนินมานี้ผลก็เป็นที่พอใจตามมักตามหมาย จากความสามัคคี ความรักชาติของพี่น้องทั้งหลายที่ได้ให้ความร่วมมือแก่เราดำเนินมา ผลก็ปรากฏดังที่ท่านทั้งหลายได้ทราบแล้ว ทองคำเวลานี้ที่เข้าสู่คลังหลวงได้ ๑๑ ตัน ๓๗ กิโลครึ่งแล้ว สำหรับดอลลาร์ก็ได้ ๑๐ ล้าน ๒ แสนกว่า ส่วนเงินสดนั้นก็ดังที่เรียนให้ทราบแล้ว กระจายทั่วประเทศไทย ไม่มีอันใดที่จะปิดบังลี้ลับในหัวใจเราที่แสดงออกด้วยความลี้ลับ เป็นความผิดปรกติจากศีลจากธรรม เราไม่เคยมี เราแบมือตลอดอย่างนี้ ให้บรรดาพี่น้องทั้งหลายทราบว่าเราบริสุทธิ์สุดส่วนในการช่วยชาติคราวนี้
เราช่วยชาติด้วยความพอทุกสิ่งทุกอย่างแล้ว ธรรมเราก็พอแล้วในหัวใจ ไม่มีอะไรบกพร่องในธรรม การแนะนำสั่งสอนจากธรรมที่ถูกต้องแล้ว จึงแนะนำสั่งสอนด้วยความเป็นธรรมทุกแง่ทุกมุม ด้วยเหตุนี้เองที่เราเตือนตรงไหน ก็ขอให้ผู้ฟังทั้งหลายได้พินิจพิจารณาทั้งวงราชการและประชาชนทั่วๆ ไป เพราะนี้คือธรรม เป็นธรรมเหนือโลกมาแล้ว พวกเราที่อยู่ในโลก อยู่ในความสกปรกโสมม เต็มไปด้วยความผิดความพลาด ธรรมท่านเป็นธรรมชาติที่สะอาดมาชะล้างพวกเรา ให้รีบพินิจพิจารณานำไปแก้ไขดัดแปลงตนเอง จึงเป็นความที่ถูกธรรม ควรที่จะได้พิจารณาต่อไป ตั้งแต่พิจารณาหรือฟังมาแล้วเราก็สอนด้วยความเป็นธรรมล้วนๆ เรื่อยมา
ควรติเราก็ติ ควรชมเราก็ชม เพราะไม่มีอะไรที่จะเหนือธรรม สามแดนโลกธาตุนี้ไม่มีสิ่งใดเหนือธรรม ธรรมเหนือกว่าทุกอย่าง ท่านจึงให้ชื่อว่า โลกุตรธรรม แปลว่า ธรรมเหนือโลก ไม่ใช่ธรรมที่อยู่ใต้ฝ่าเท้าของโลก ธรรมนี้เป็นธรรมเหนือโลกไปตลอดเวลา การนำธรรมมาสอนพี่น้องทั้งหลายเราก็ไม่ได้ทำด้วยความเป็นฝักเป็นฝ่าย เป็นโลกเป็นสงสาร เป็นความแพ้ความชนะ ความได้ความเสีย เรานำมาสอนด้วยความเป็นธรรมที่เหนือกว่าโลกทั้งปวงโดยลำดับลำดามา ผู้ฟังจึงควรจะพินิจพิจารณา
ประการสำคัญก็คือว่า ที่เราได้ดำเนินปฏิบัติตนมาเราก็ไม่เคยปรากฏมีความบกพร่องในศีลในธรรมแต่ประการใด ผลได้มากน้อยเพียงไรก็นำมาสั่งสอนบรรดาพี่น้อง เฉพาะอย่างยิ่งชาวไทยเราด้วยความเป็นธรรมทุกแง่ทุกมุม เราจึงไม่สงสัยในการแนะนำสั่งสอนว่าจะผิดไปจากธรรม ผู้ฟังทั้งหลายจึงควรพินิจพิจารณา การพาพี่น้องทั้งหลายดำเนินมานี้เราก็บริสุทธิ์บริบูรณ์ทุกอย่าง คิดดูซิว่า เงินหนึ่งบาทที่จะเป็นมลทินแก่จิตใจของเรา เป็นการลักลอบเอาจากพี่น้องทั้งหลายไปใช้ประโยชน์อะไรก็ตามเป็นเรื่องมลทิน เราไม่เคยมี จะจ่ายมากจ่ายน้อยเรามีเหตุมีผลทุกด้านทุกทาง จ่ายไปด้วยความบริสุทธิ์ใจตลอดมา
สำหรับทองคำนี้เรียกว่าร้อยทั้งร้อย ไม่ได้แยกไปไหนเลย ร้อยทั้งร้อยเข้าคลังหลวงทั้งหมด สำหรับดอลลาร์ได้เข้าเพียง ๑๐ ล้านกว่าดอลล์ นอกจากนั้นก็ได้แยกออกไปช่วยเงินไทย เพราะเงินไทยที่ช่วยพี่น้องชาวไทยไม่เพียงพอ เนื่องจากหยุดจากการแนะนำสั่งสอนในการช่วยชาติแล้ว เงินทองข้าวของที่จะนำมาช่วยชาติบ้านเมืองก็ร่อยหรอไป แต่ผู้ที่มีความจำเป็นมาขอความช่วยเหลือนั้นมีมากไม่ลดหย่อนเลย จึงต้องได้แปรจากเงินดอลลาร์นั้นเข้ามาสู่เงินไทย เพื่ออุดหนุนเงินไทยช่วยเหลือพี่น้องชาวไทยต่อไป นี่เราก็ทำมาเป็นลำดับ และเรียนให้พี่น้องทั้งหลายทราบ เราได้ปฏิบัติตามที่เรียนที่บอกทุกสิ่งทุกอย่าง เราไม่เคยมีแง่มีงอนเลย เราจึงเป็นความบริสุทธิ์
การแนะนำพี่น้องทั้งหลายก็เหมือนกัน เราสอนด้วยความเป็นธรรม ผิดบอกว่าผิด ถูกบอกว่าถูก ควรค้านค้าน ควรเห็นด้วยเราเห็นด้วยตามหลักธรรมของพระพุทธเจ้า เราไม่ได้ค้านด้วยทิฐิมานะ ด้วยเห็นแก่หน้าแก่ตา โมกโขโลกนะ อย่างนี้เราก็ไม่เคยมี เราสอนโลกด้วยความเห็นแก่ธรรมโดยถ่ายเดียว ไม่ได้เห็นแก่โลกซึ่งเป็นของไม่แน่นอนเหมือนธรรม เราสอนมาโดยลำดับ ธรรมะทุกขั้นที่เราสอนนี้สอนลงไปด้วยความถูกต้องแม่นยำ ไม่สงสัยในการสอน เพราะฉะนั้นเวลาเราอยู่ร่วมกันและชีวิตของหลวงตามีอยู่นี้ได้แนะนำสั่งสอนพี่น้องทั้งหลาย ก็ควรจะนำไปพินิจพิจารณา
อย่าด่วนเข้าใจว่าหลวงตานี้ไปเล่นการบ้านการเมือง เป็นความสกปรก หลวงตาบัวนี้เป็นพระสกปรก อย่ามาเข้าใจอย่างนั้น การแนะนำสั่งสอนเป็นเรื่องของพระของครูบาอาจารย์นับแต่พระพุทธเจ้าลงมาถึงสาวกโดยลำดับ ตลอดถึงครูอาจารย์ เป็นธรรมสอนโลก โลกเป็นยังไงต้องมาแนะนำตักเตือนสั่งสอน ผิดบอกว่าผิด ถูกบอกว่าถูก ควรค้านก็ค้าน ควรเห็นด้วยก็เห็นด้วย ด้วยความเป็นธรรม จึงเรียกว่าธรรมสอนโลก ไม่ใช่มาเล่นการบ้านการเมือง ที่พวกสกปรกมันคิดไปว่าท่านมาเล่นการบ้านการเมือง
เราไม่ได้มาเล่นการบ้านการเมือง เราในนามของพระ นำธรรมของพระพุทธเจ้ามาสอนโลกต่างหาก เราไม่ได้มาเล่นการบ้านการเมือง เราสอนโลก เพราะธรรมนี้เหนือโลกอยู่แล้ว มาสอนโลกที่สกปรกให้มีความสะอาดไปโดยลำดับ จากธรรมที่สะอาดมาแล้วจากพระพุทธเจ้าของเรา ให้พากันเข้าใจ ถ้าใครจะมาเข้าใจว่าหลวงตาบัวเล่นการบ้านการเมืองนั้นผิดทั้งเพ เพราะอันนี้เป็นธรรมสอนโลก สอนได้ทั้งสามโลก กามโลก รูปโลก อรูปโลก อยู่ในข่ายแห่งธรรมของพระพุทธเจ้าที่ทรงสั่งสอนทั้งนั้น
ที่เราสอนโลกนี้ก็ไม่ผิดจากแนวทางที่พระพุทธเจ้า ทรงนำธรรมมาสอนโลกตลอดมา เราจึงแน่ใจในการสอนโลก เราสอนโลกด้วยความเป็นธรรม ในฐานะเป็นครูเป็นอาจารย์มาสอนโลก ให้รู้จักดีจักชั่ว ผิดถูกต่างๆ เราไม่ใช่พระการบ้านการเมือง ไม่ใช่พระโลเลโลกเลก เราไม่ได้บวชมาเพราะเห็นแก่ลาภแก่ยศ ความสรรเสริญเยินยอ อย่างนั้นเราไม่มีในหัวใจของเรา ใครจะมาตั้งให้เราสูงขนาดไหน เราก็เล็งเห็นเจตนาของผู้ตั้ง เรารับไว้เราก็รับไว้ด้วยความเห็นใจ ด้วยความเห็นเจตนาของท่านผู้มาตั้งเรา ตั้งให้เป็นนั้นเป็นนี้ เช่นเจ้าฟ้าเจ้าคุณ เวลานี้จนกระทั่งถึงขั้นพระธรรมวิสุทธิมงคล นี้เราก็ได้รับการแต่งตั้งจากพระองค์ท่านที่พระราชทานให้เรียบร้อยแล้ว เราก็เทิดทูนพระเจตนาของท่านด้วยดี ไม่เคยคัดค้านต้านทาน ถ้าธรรมดาแล้วเราไม่สนใจกับลาภกับยศ ความสรรเสริญเยินยอ เราไม่ได้สนใจอะไรยิ่งกว่าสนใจในธรรม
ชีวิตจิตใจของเราอยู่กับธรรมกับวินัยมาตั้งแต่วันบวชจนกระทั่งบัดนี้ เราไม่เอาอะไรมาเป็นที่พึ่งของใจนอกจากธรรม สิ่งเหล่านั้นเป็นเครื่องประดับประดาตกแต่งภายนอกเผินๆ ส่วนธรรมแล้วอยู่กับเจ้าของ ผิดก็รู้อยู่กับเจ้าของ ถูกรู้อยู่กับเจ้าของ เราระมัดระวังอยู่ที่ใจ เราจึงอยู่ด้วยความเป็นธรรม ไม่หิวไม่โหยกับสิ่งใดทั้งนั้น ลาภ ยศ สรรเสริญ นี้พระพุทธเจ้าก็ทรงสาปแช่งอยู่แล้วว่าให้ปัดออกๆ อย่าเอาเข้ามายุ่ง ไม่มีอะไรเลิศเลอเหนือธรรมไปได้ ธรรมนั้นแลเป็นธรรมชาติที่เลิศเลอสุดยอด ให้พากันเสาะแสวงหาอรรถหาธรรม จะเป็นเครื่องประดับใจของตนให้สง่างามและชุ่มเย็น จากนั้นไปแนะนำสั่งสอนประชาชนโลกทั้งหลาย เขาจะได้รับความชุ่มเย็นเป็นสุข มีที่พึ่งที่อาศัยภายในจิตใจ เพราะมีธรรมเป็นหลักเกณฑ์ของใจ พระพุทธเจ้าท่านสอนอย่างนี้ เราก็สอนอย่างนี้
เราไม่หวังอะไร เรื่องยศ เรื่องลาภ สรรเสริญ พระพุทธเจ้าทรงสาปแช่งมาแล้ว ตำหนิมาตั้งแต่พระไปบวชปั๊บ จับได้เลย ทรงตัดออกหมดเรื่องโลกเรื่องสงสารอย่าให้เข้ามายุ่ง ให้มีแต่เรื่องอรรถเรื่องธรรม ปฏิบัติตนด้วยความเป็นธรรม ด้วยความเป็นศีลตลอดไปเท่านั้น นี่คือคำสอนของพระพุทธเจ้า ที่มันเลอะเทอะอยู่เวลานี้ ที่ได้เตือนนี้ก็เพราะมันขัดจากหลักธรรมหลักวินัยของพระพุทธเจ้า ซึ่งพระเวลานี้ ไม่ว่าพระท่านพระเรากำลังเป็นบ้าในลาภในยศ ในความสรรเสริญเยินยอ เป็นบ้าในขั้นในภูมิ เป็นบ้าในคณะนั้นคณะนี้ ตั้งคณะนั้นตั้งคณะนี้ ซึ่งพระพุทธเจ้าไม่เคยมี ในหลักธรรมวินัยไม่มี ตั้งเป็นเจ้าคณะนั้นคณะนี้ แต่ก็อนุโลมเพราะเห็นว่าถูกธรรม
เมื่อตั้งลงมาแล้วการปกครองดูแลกันก็ง่าย ไม่จุ้นจ้านกว้างขวางเกินกว่ากำลังที่จะปกครอง ท่านจึงตั้งให้เป็นเจ้าคณะตำบลบ้าง เจ้าคณะอำเภอบ้าง เจ้าคณะจังหวัด ให้ปกครองกันเป็นจุดเป็นดอน และเป็นความสะดวกสบายเหมือนเราปกครองครอบครัวของเราแต่ละครอบครัว ใน(หมู่) บ้านหนึ่งๆ มีหลายครอบครัว ก็ปกครองกันเป็นครอบครัว และเป็นบ้านเป็นตำบลเป็นอำเภอ ขยายออกไปอย่างนั้นเป็นความชอบธรรม อันนี้เมื่อปกครองกันแบบนั้นก็เป็นความชอบธรรม
แต่ที่ไม่ชอบธรรม ก็คือเมื่อตั้งขึ้นมาเป็นเจ้าคณะแล้ว มันเป็นเจ้าคณะอำนาจบาตรหลวงป่าๆ เถื่อนๆ หาบีบบี้สีไฟ เอาอำนาจป่าเถื่อนนี้ไปใช้กับผู้มีศีลมีธรรม มันจึงขัดแย้งกัน อันนี้ละที่ว่าตั้งเจ้าคณะนั้นคณะนี้ ครั้งพุทธกาลไม่เคยมี ถ้าตั้งเป็นธรรมท่านก็ไม่ว่า แต่นี้ขัดกับธรรม เลยกลายเป็นเลยโลกไปแล้วเวลานี้ เป็นเจ้าคณะ เป็นใหญ่เท่าไรๆ ยิ่งกลายเป็นคนลืมตัวๆ เลยกลายเป็นมหาโจรปล้นศาสนา ปล้นชาติ ปล้นไปทุกสิ่งทุกอย่าง ลุกลามไปหมดเลย เนื่องจากลืมตัว ลืมอำนาจของตัวเอง
อำนาจของธรรมไม่ผิด อำนาจของธรรมมีมากเท่าไรยิ่งชุ่มเย็น อำนาจของกิเลสที่เสกสรรปั้นยอพองตัวขึ้น ประหนึ่งว่าดินเหนียวติดหัวว่าตัวมีหงอน อำนาจอันนี้ร้อนมากนะ ไปอยู่ที่ไหนก็มี แล้วเวลานี้ในเมืองไทยเราก็เยอะ หลวงตาบัวที่อยู่ในท่ามกลางแห่งศีลแห่งธรรมของพระพุทธเจ้า เมื่อขัดตรงไหนก็ต้องพูดกันบ้าง ว่ากันบ้าง คัดค้านกันบ้างเป็นธรรมดา การคัดค้านหรือการว่าเหล่านี้ไม่ปรากฏว่าผิดในธรรมที่ตรงไหน นอกจากผู้ทำไปด้วยความดื้อด้านหาญธรรมไม่มีหิริโอตตัปปะภายในใจนั้นเป็นผู้ผิดต่างหาก ผู้เตือนผู้สอนนี้ไม่ได้ผิด ผู้ทำผิดต่างหากเป็นผู้ผิด เราก็สอนไปอย่างนั้นสอนโลก
เราจึงเป็นที่แน่ใจในการสอนโลกเรื่อยมา นับตั้งแต่ต้นที่เราสอนเรา ตั้งแต่วันบวชทีแรกจนกระทั่งมาบัดนี้ เราไม่เคยข้ามเกินสิกขาบทวินัยของพระพุทธเจ้า ชีวิตจิตใจความเป็นอยู่กิริยาอาการเคลื่อนไหวทุกด้านทุกทาง อยู่ในกรอบของศีลของธรรมที่ยอมรับแล้วทั้งนั้นๆ เราไม่เคยข้ามเกินหลักธรรมหลักวินัยอันเป็นองค์ศาสดาแทนพระพุทธเจ้า คือหลักธรรมหลักวินัยนั้นแล เป็นองค์ศาสดาแทนพระพุทธเจ้า เรากราบพระพุทธเจ้าด้วยการประพฤติปฏิบัติตามหลักศีลหลักธรรมหลักวินัยเรื่อยมาจนกระทั่งป่านนี้ ถึงขนาดที่ได้มาสอนโลกเวลานี้ เราก็สอนมาตามหลักธรรมหลักวินัยนั้นแล เราจึงไม่มีผิดพลาด
เวลานี้กำลังเกี่ยวข้องกับโลก อยู่ในท่ามกลางแห่งการช่วยชาติของเรา เราช่วยทั้งชาติทั้งศาสนา อุ้มทั้งพระมหากษัตริย์ ด้วยเจตนาเต็มหัวใจของเรา เมื่อมีอะไรมาขัดข้อง หรือมีอะไรที่จะมากระทบกระเทือนจะทำให้ทั้งสามพระองค์ คือ ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ของเราได้รับความกระทบกระเทือนเอนเอียงไป เราจึงเห็นว่าไม่ถูกธรรม เราอยู่ในธรรมเราก็ไม่พอใจด้วย ควรเตือนเราก็เตือน ควรค้านเราก็ค้าน ถ้าถูกต้องแล้วเราจะไม่ค้านเลย ที่ค้านตรงไหนๆ ก็คือสิ่งนั้นขวางโลกขวางธรรมนั้นแล นอกจากขวางโลกขวางธรรมแล้วยังเป็นภัยต่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์อีก จึงต้องได้คัดค้านต้านทาน
ทั้งทางฝ่ายศาสนา ทั้งทางฝ่ายรัฐบาล ซึ่งอยู่ในกรอบแห่งชาติไทยที่ถือศาสนาเดียวกัน มีพระมหากษัตริย์พระองค์เดียวกันปกครองให้เป็นความร่มเย็นเป็นสุข เมื่อขัดข้องตรงไหนจะเป็นการกระทบกระเทือนกัน เราจึงได้เตือนเสมอ ควรค้านค้าน ควรเตือนธรรมดาก็เตือน ควรชมเชยสรรเสริญเราก็ชมเชย เรามีพร้อม ตามหลักธรรมท่านก็มี มีความสรรเสริญ มีความตำหนิติเตียน ท่านว่า ดังหนังสือพิมพ์สยามรัฐออกมานั้นว่า นิคฺคณฺเห นิคฺคหารหํ ควรสรรเสริญก็ต้องสรรเสริญ ปคฺคณฺเห ปคฺคหารหํ ควรประณามดุด่าว่ากล่าว ควรประณามต้องประณาม นี่คือคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ที่เขาออกในสยามรัฐนั่น นี่เราก็สอนตามนั้นพูดตามนั้น
เพราะฉะนั้นเวลาพูดอะไรลงไป คนทั้งประเทศมีความรับผิดชอบเกี่ยวโยงกันตั้งแต่รัฐบาลเข้ามาวงศาสนา ถึงประชาชน ควรจะฟังเสียงอรรถเสียงธรรมเป็นจุดศูนย์กลางที่จะนำไปพินิจพิจารณาแก้ไขดัดแปลงตัวเองถึงจะถูกต้อง ถ้าอยากทำอะไรก็ทำไม่ฟังเสียงอรรถเสียงธรรมนี้บ้านเมืองจมได้นะ ธรรมไม่เคยมีความด่างพร้อย ธรรมไม่เคยมีความเสียหายแต่ประการใดเลย เป็นสิริมงคลแก่ผู้ปฏิบัติตามทั้งนั้น เพราะฉะนั้นพี่น้องทั้งหลายทั้งทางฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายศาสนา ถ้าต้องการความเป็นธรรมดังที่เคยเป็นมาแล้วนั้น ก็ขอให้ฟังเสียงอรรถเสียงธรรม อย่าฟังแต่เสียงความโลภความโลเล ความอยากได้อยากเอาโดยไม่ได้คำนึงถึงเหตุถึงผล นี้จะเป็นการทำลายตนเองและส่วนรวมให้พินาศฉิบหาย ดีไม่ดีชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ จะฉิบหายวายปวงลงด้วยอำนาจแห่งความโลภที่ไม่มีความเพียงพอนี้แหละ
สรุปความลงมาว่า ที่เราได้เป็นผู้นำพี่น้องทั้งหลายนี้เราก็นำด้วยความเป็นธรรม เราไม่เคยได้ตำหนิติเตียนตนอย่างใดว่า นำพี่น้องทั้งหลายไปในทางผิด ถ้าพูดถึงเรื่องศีลเรื่องธรรมก็แนะนำทั่วประเทศไทย ก็แน่ใจในธรรมทุกขั้นว่าไม่ผิด จึงควรนำไปพินิจพิจารณาทั่วหน้ากัน จะได้เป็นสิริมงคลแก่เราผู้นำไปปฏิบัติตาม เอาละการแสดงธรรมก็เห็นว่าสมควรแก่กำลังวังชาและเวล่ำเวลา ขอความสวัสดีจงมีแก่บรรดาพี่น้องทั้งหลายทั่วกันเทอญ
เออ ที่เกี่ยวกับเรื่องพระราชอำนาจของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวนี้ เราทราบมาทั่วดินแดนของประเทศไทย ทางฝ่ายพระเจ้าพระสงฆ์ก็ดี ประชาชนก็ดี มีความอนุโมทนาสาธุการในขนบประเพณีอันดีงามที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงตั้งหรือสถาปนาสมเด็จพระสังฆราชเรื่อยมาจนกระทั่งบัดนี้ นี้เป็นความราบรื่นดีงามสำหรับประเพณีของชาติไทย เรียกว่าเป็นประเพณีที่แน่นหนามั่นคงมากทีเดียว สิ่งอื่นสิ่งใดจึงไม่ควรเข้ามาแตะต้องทำลาย จะเป็นการทำลายคนทั้งชาติ ศาสนาก็จะเสียหายไปด้วย พระมหากษัตริย์ก็ถูกลิดรอน เป็นของไม่ดีเลย จึงขอให้พากันพินิจพิจารณา
เรื่องพระราชอำนาจเป็นเรื่องใหญ่โตมาก คนทั้งแผ่นดินยอมรับกันหมดแล้ว แต่มีคนไม่กี่คนมาแย่งมาทุบมาต่อยมาตีขนบประเพณีอันดีงามนี้ให้ร้าวให้ฉาน ให้แตกไปอย่างนี้ไม่สมควรอย่างยิ่ง ท่านผู้ครองบ้านครองเมืองควรจะนำเรื่องนี้ไปพิจารณา จากความเห็นใจของประชาชนและพระทั้งประเทศ ให้ไปประพฤติปฏิบัติ และให้เป็นไปตามทำนองคลองธรรม ถวายพระราชอำนาจพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวกลับคืนตามเดิมแล้ว จะเป็นความเทิดทูนทั้งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เทิดทูนทั้งขนบประเพณีของชาติไทย และเป็นการรักษาคนไทยทั้งประเทศ ทั้งฝ่ายพระเจ้าพระสงฆ์ด้วย ให้เป็นปึกแผ่นแน่นหนามั่นคงและอนุโมทนาทั่วถึงกัน จะเป็นความดีงาม เป็นมหามงคลแก่เราทั้งหลาย
เราจึงได้พูด ควรแข็งเราแข็ง เพราะแข็งตามเหตุตามผล ประเพณีอันนี้แน่นหนามั่นคงมาก ใครจะมาแตะต้องได้ง่ายๆ เมื่อไร ทีนี้เมื่อเข้ามาขัดมาแย้งหรือมาแย่งเอาตำแหน่งไปนี้ก็เหมือนมหาโจร เข้ามาปล้นชาติ ปล้นศาสนา ปล้นพระมหากษัตริย์ คนไทยทั้งชาติจะอยู่สงบสุขได้ยังไง ก็ต้องฮือฮากัน เวลานี้คนไทยทั่วประเทศฮือฮากันหมดแล้วนะ ที่จะมาแย่งเอาพระราชอำนาจไปนี่ มีกี่คน คนเหล่านี้มีชื่อเสียงมีกิตติศัพท์กิตติคุณมากน้อยเพียงไร มีความดีงามขนาดไหน พอที่คนทั้งประเทศจะก้มหัวกราบได้ลงคอเหมือนเขากราบพระราชประเพณีของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ไม่มีใครกราบ
พระราชประเพณีของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่เทิดทูนมานี้ เขากราบได้ลงคอกันทั้งนั้น แต่จะมาแย่งเอาอำนาจของประเพณีอันใหญ่หลวงจากพระมหากษัตริย์ไปนี้ ไม่มีมีใครกราบ มีแต่คนสาปแช่งเท่านั้น ถ้ายังฝืนทำอีกเรื่องยังจะหนักกว่านี้ จากหัวใจและการแสดงออกของประชาชนด้วยนะ อันนี้ควรพิจารณา ผู้ที่มาทำอย่ายุ่มย่ามๆ อย่าเห็นแก่ได้เห็นแก่ทำ อย่าเป็นอันธพาล อย่าเป็นมหาโจร ปล้นหัวใจคนทั้งชาตินับแต่พระมหากษัตริย์ลงมา ไม่สมควรอย่างยิ่ง เอาละ ยุติเพียงแค่นี้ ให้พร
รับฟังรับชมพระธรรมเทศนาของหลวงตา ได้ที่
www.Luangta.com หรือ www.Luangta.or.th
และรับฟังจากสถานีวิทยุสวนแสงธรรม กรุงเทพฯ และสถานีวิทยุอุดร
FM 103.25 MHz
|