สติติดกับจิตจะตั้งรากฐานได้
วันที่ 9 ธันวาคม 2547 เวลา 8:30 น.
สถานที่ : วัดป่าบ้านตาด
| |
ดาวน์โหลดเพื่อเก็บไว้ในเครื่อง
ให้คลิกขวาแล้วเลือก Save target as .. จาก link ต่อไปนี้ :
ข้อมูลเสียงแบบ(Win)   วิดีโอแบบ(Win Narrow Band)

ค้นหา :

เทศน์อบรมฆราวาส ณ วัดป่าบ้านตาด

เมื่อวันที่ ๙ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๔๗

สติติดกับจิตจะตั้งรากฐานได้

 

ก่อนจังหัน

พระเราให้ตั้งหน้าตั้งตาปฏิบัติภาวนา ความสำรวมระวังจิตนี้มีสติเป็นสำคัญ สติเป็นยอดทีเดียว ไม่ว่าจะความเพียรประเภทใด สติต้องเป็นพื้นฐานๆ ไม่ค่อยผิดพลาด งานภายนอกก็ดี งานภายในก็ดี งานภายในเป็นสำคัญมาก ต้องมีสติทั้งนั้น เคยได้ยินไหมใครพูดสติๆ เคยมีไหม มีแต่เรื่องบ้าสดๆ ร้อนๆ เต็มบ้านเต็มเมืองเวลานี้ กิเลสหนาเท่าไรๆ สัตว์โลกยิ่งเป็นบ้าเข้าไปๆ แล้วเสริมกิเลส โอ๋ย บ้านนั้นเจริญ เมืองนี้เจริญ คนนั้นเรียนดอกเตอร์ คนนี้เรียกด๊อกแต้ ด๊อกแต้ขี้หมาอะไรมีแต่ไฟเผาหัวมันอยู่ทุกหัวอก นั่นละความรู้ของกิเลสเป็นอย่างนั้น

ยอกันขึ้นเพราะกิเลสชอบยอ กิเลสไม่ชอบกด ชอบยอทั้งนั้น ขี้ก็ให้ว่าหอม ใครจะไปว่าหอมก็ขี้ พิจารณาซิ นี่ละเรื่องของกิเลสเป็นอย่างนั้น เวลานี้กำลังทับถมบ้านเมืองเรา ความเดือดร้อนอยู่ในหัวใจนะ เป็นฟืนเป็นไฟๆ แต่ภายนอกกิเลสหลอกเอาว่าอันนั้นดีอันนี้ดี บ้านนั้นเจริญบ้านนี้เจริญ ถนนหนทางตึกรามบ้านช่องเจริญๆ หัวใจเป็นไฟมันไม่ดู เอาพุทธศาสนาเข้าไปหยั่งในหัวใจเถอะ โลกนี้จะสงบทันทีๆ ชี้นิ้วเลยพุทธศาสนาไม่เป็นอื่น ชี้นิ้วลงในจุดที่เอกทีเดียว ความสุขจะเอกขึ้นที่ใจนี้ละ เพราะความทุกข์มันก็เอกของมันอยู่ที่ใจ ที่อำนาจของกิเลสมันเสริมขึ้นๆ นั่นน่ะ

พระเรามาปฏิบัติขอให้ได้สัมผัสธรรมของพระพุทธเจ้าเถอะ ด้วยความพากเพียร มีสติเป็นพื้นฐานหนุนตลอด สตินี่นะ อยู่ที่ไหนอย่าเผลอสติ ยืนเดินนั่งนอน เรื่องหลับไม่ต้องบอก มันก็เหมือนคนตายด้วยกัน ว่าเว้นแต่หลับ เว้นไม่เว้นมันก็หลับของมัน ขอให้มีสติเถอะ ทำงานทำการภายนอกภายในเราไม่ได้เอาอะไรนะ เราจะหวังเอาจิตทั้งนั้น กิจวัตรข้อปฏิบัติทั้งหลายประกอบเพื่อหนุนจิตๆ ข้อวัตรปฏิบัติอย่าให้บกพร่อง ความเรียบร้อยสวยงามตามอรรถตามธรรมเป็นเรื่องของพระที่จะสนใจอย่างยิ่ง ความสวยงามแบบโลกก็มี ความสวยงามแบบธรรมก็มี ความสวยงามแบบโลกมันเป็นไฟ ความสวยงามแบบธรรมเป็นน้ำดับไฟไปตลอดๆ

อยู่ที่ไหนขอให้มีความเพียร คือสติติดแนบๆ จากนั้นก็เข้าองค์ภาวนา ใครภาวนาจุดใด เริ่มต้นคำบริกรรมใดติดแนบๆ ให้สติติดกับนั้น จิตเราจะตั้งรากฐานได้ไม่สงสัย ธรรมพระพุทธเจ้าสอนลงเรื่องสติ เช่นอย่างคำบริกรรม ก็ให้สติติดกับคำบริกรรม ติดแนบดีเท่าไรๆ ยิ่งเสริมฐานของจิตเราขึ้นเรื่อยๆ ถ้าสติขาดไม่เป็นท่านะ ใครอย่าเอาอะไรมาอวด ถ้าไม่มีสติแล้วไม่เป็นท่าทั้งนั้น ขอให้ประกอบความพากเพียรด้วยความมีสติ ความสำรวมระวังก็ไปจากสติทั้งนั้นไม่ได้ไปจากที่ไหน ขอให้มีสติเป็นพื้นฐาน

อยู่ด้วยกันให้เป็นเหมือนอวัยวะเดียวกัน จิตใจเป็นธรรมด้วยกันแล้วไม่มีการกระทบกระเทือน เฉพาะพระเรานี้ไม่มี ส่วนฆราวาสเขามีธรรม ความกระทบกระเทือนก็ลดน้อย แต่ส่วนมากธรรมไม่เคยได้ยินแหละโลกนั่นน่ะ ถ้าว่ากิเลสนี่ขยำกันวันยังค่ำ แต่กิเลสมันขยำหัวคน มีแต่ทุกข์แต่ร้อนทั่วโลกดินแดน มีธรรมเท่านั้นที่จะระงับดับทุกข์เหล่านี้ได้ เพราะกิเลสกับธรรมเป็นข้าศึกกัน เป็นเครื่องชะล้างกัน กิเลสเป็นตัวสกปรก ธรรมเป็นน้ำที่สะอาดชะล้างลงไปๆ มีธรรมเท่านั้นที่จะแก้กัน ไม่มีธรรมแล้วหมด

โลกนี้ว่าเจริญๆ ก็ว่ากันไปอย่างนั้นตามกิเลสหลอกไปๆ ไปที่ไหนมีแต่เจริญๆ จึงดิ้นดีดไปอยู่เรื่อยโลกเรา ไม่ได้มองดูหัวใจตัว ถ้าหัวใจมองดูด้วยอรรถด้วยธรรมจะรู้ภายนอกภายในละเอียดทั่วถึงไปเรื่อยๆ ขอให้บำรุงสติให้ดี วันนี้พูดเรื่องสติ จำให้ดี ให้พร

หลังจังหัน

         ผู้กำกับ วันนี้มีหนังสือพิมพ์ไทยครับ

หลวงตา เอ้าว่าไป พิมพ์ไทยเราชอบฟังเสมอ พิมพ์ไทยนี้เป็นธรรม เรียกว่าเป็นหัวใจของชาติไทยเราได้ เชื่อถือได้เลย เอ้าว่าไป

ผู้กำกับ วิจารณธรรม วันพฤหัสฯที่ 9 ธ.ค.47

 

พุ่งเป้าไปที่นายกรัฐมนตรี !!

 

ดังเป็นที่ทราบกันโดยทั่วไป นับตั้งแต่วันที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จพระราชดำเนินทรงเยี่ยมสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก โดยส่วนพระองค์ ณ อาคารที่ประทับโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ จากนั้นมาพระอาการประชวรของสมเด็จพระสังฆราชก็เริ่มดีวันดีคืน จนสามารถทรงตรัสต่อผู้มาเข้าเฝ้ากราบฝ่าพระบาทได้ค่อนข้างจะดี

แม้ก่อนวันเสด็จพระราชดำเนิน สมเด็จพระสังฆราชก็มิได้มีพระอาการอาพาธจนหนักหนาสาหัส เหมือนดังที่สำนักนายกรัฐมนตรีได้ป่าวประกาศออกทางจอทีวีแต่ประการใด ดังที่มีหลักฐานการออกคำสั่งของสำนักพระราชวัง ที่วางกฎระเบียบการเข้าเฝ้ากราบฝ่าพระบาท และการถวายพระภารกิจให้พระองค์ทรงงานต่างๆ ที่เจ้าหน้าที่สำนักพระราชวังจะต้องดำเนินการไปด้วยความรอบคอบรัดกุม แต่ก็มิได้ถึงกับต้องห้ามการเข้าเยี่ยมหรือห้ามทรงงานดังเช่นการออกแถลงการณ์สำนักนายกฯ

อย่างกรณีที่ทรงเสด็จยังวัดบวรนิเวศวิหาร เมื่อวันที่ 6 ธันวาคม 2547 เพื่อรับการเข้าถวายสักการะของพระเถรานุเถระที่ได้รับพระมหากรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานเลื่อนและตั้งสมณศักดิ์ ซึ่งในวันนั้นพระองค์ทรงสวดมนต์ให้พรแก่บรรดาผู้มาเข้าเฝ้า  ด้วยพระสุรเสียงอันแจ่มใส

หรือว่าแถลงการณ์สำนักนายกฯ มีอะไรๆ ที่แฝงเร้นอยู่เบื้องหลัง ?

และน่าจะเป็นด้วยเหตุเหล่านี้นั้นเอง ที่แรงต้านทานทางฝ่ายคณะศิษย์ของพระธรรมวิสุทธิมงคล หรือหลวงตาพระมหาบัว ญาณสัมปันโน ที่ทำท่าว่าจะยังไม่ยอมจบลงแบบง่ายๆ และคงจะไม่พุ่งเป้าไปที่วัดสระเกศแห่งเดียวเช่นแต่ก่อน

ในคราวนี้พุ่งเป้าไปที่ท่านนายกรัฐมนตรีโดยตรง !

เมื่อวันวาน (7 ธ.ค.) พระภิกษุผู้ทำหน้าที่แทนพระวัดป่าจำนวนหนึ่งได้เดินทางเข้ายื่นหนังสือถึงนายกรัฐมนตรี ผ่านท่านประธานที่ปรึกษานายกฯ นายเสนาะ  เทียนทอง ในหนังสือฉบับนั้นระบุว่า

“ตามที่คณะสงฆ์ไทยได้มีการประชุมที่วัดป่าบ้านตาด เมื่อวันที่ 4 ธันวาคม 2547 และมีมติให้แสดงความเสียใจมายังพรรคไทยรักไทย ที่หัวหน้าพรรคไม่นำพาต่อคำขอร้องของหลวงตามหาบัว ซึ่งหลวงตาได้ให้ความเมตตารักประดุจดั่งบุตรในหัวอก แม้ภยันตรายใดๆ จะมาแผ้วพาน หลวงตาท่านก็แอ่นอกออกมาปกป้องโดยไม่เกรงต่อคำครหาใดๆ เพียงขอร้องให้พรรคไทยรักไทยได้แสดงความกตัญญูกตเวทิตา และแสดงความจงรักภักดีต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ด้วยการถวายคืนพระราชอำนาจในการสถาปนาสมเด็จพระสังฆราชให้เป็นไปตามโบราณราชประเพณี โดยมีประชาชนไม่น้อยกว่า 2 ล้านคนลงชื่อสนับสนุน ซึ่งผู้แทนราษฎรของพรรคไทยรักไทยจำนวนกว่า 70 คนก็มีความเข้าใจ แต่หัวหน้าพรรคไม่ไยดีด้วย”

ในหนังสือฉบับนั้นยังระบุด้วยว่า หัวหน้าพรรคไทยรักไทยปฏิเสธการลงนามรับรองร่างพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ พ.ศ......ตามที่สมาชิกพรรคไทยรักไทยกว่า 70 คนเสนอ อันเป็นผลให้การถวายคืนพระราชอำนาจต้องมีอันตกไปในที่สุด

กับอีกฉบับหนึ่งที่ผู้แทนคณะสงฆ์สายวัดป่า ได้เดินทางเข้ายื่นต่อเลขาธิการมหาเถรสมาคม (คุณหมอจักรธรรม ธรรมศักดิ์) ในหนังสือฉบับนั้นระบุถึงมหาเถรสมาคมด้วยเรื่อง “คณะสงฆ์ไทยยืนยันไม่ยอมรับประธานคณะผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช” ดังมีข้อความว่า ตามที่คณะสงฆ์ไทยเคยกล่าวโทษ ทักท้วง และแสดงความไม่ยอมรับ โดยได้ถวายมายังมหาเถรสมาคมหลายครั้งหลายหนแล้ว แต่ยังไม่มีผลการเปลี่ยนแปลงใดๆ ในทางที่ดีขึ้น มิหนำซ้ำยังปรากฏการแสดงตนในสถานที่ต่างๆ เสมือนหนึ่งว่าเป็นสมเด็จพระสังฆราช และใช้อำนาจโดยไม่เป็นธรรมมากยิ่งขึ้น คณะสงฆ์ไทยยอมรับสมเด็จพระสังฆราชเป็นพระประมุขเพียงพระองค์เดียวเท่านั้น ผู้ใดจะตีตนเสมอพระองค์มิได้

หากยังปรากฏเป็นเช่นนี้ต่อไป คณะสงฆ์ไทยต้องดำเนินการโดยเด็ดขาดจนกว่าจะถึงที่สุด !

ครับ.. ปากก็พร่ำนักหนาว่าจงรักภักดี แต่ไหงกลับไม่ถวายคืนพระราชอำนาจ??

 

                                                                                    ณ. หนูแก้ว

หลวงตา การปลิ้นปล้อนหลอกลวงใครจะเกินพวกนี้ พวกนี้ปลิ้นปล้อนหลอกลวงเพื่อต้มเพื่อตุ๋นเพื่อทอดชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์เราโดยตรงไปเลยเทียว ไม่ว่าอ้อมแอ้มๆ ละ มันเข้าตรงแน่วๆ จับจุดไหนเข้าตรงแน่ว เพื่อทำลายชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ จับจุดไหนเข้าจุดนั้นๆ ไม่ได้มีเสริมนะ ไม่มี เพราะฉะนั้นกับเราที่อุ้มชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ เต็มหัวใจจึงฟัดกันตลอด พูดจริงๆ อย่างนี้แหละ เราไม่ถอย ความจริงมีอยู่เราจะออกตามความจริง ความจริงคือธรรม อันนี้ความจอมปลอมมันหลอกต้มตุ๋นๆ อยู่ในนั้นตลอดมาพวกนี้น่ะ พูดให้ชัดเจนเลย นี่ละภาษาธรรมฟังเอา

เราจะไม่สะทกสะท้านกับสิ่งใดในสามแดนโลกธาตุนี้ เราจะเอาธรรมเดินหน้า คอขาดขาดไปเลย อยู่ในโลกนี้ก็เพื่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์เท่านั้น หัวใจเราอยู่นี้ เราไม่มีอย่างอื่น ใครมายุ่งไม่ได้ว่างั้นเลย ฟัดเลย พูดตรงๆ อย่างนี้ ฟัดเลย มีแต่หมัดนี้ไม่พอก็จะเอาหมัดหมามา หมัดเรามีสองหมัด ไอ้ปุ๊กกี้ไอ้หยองมีกี่หมัดเต็มหลังมัน เอามาช่วยกันหมด ฟาดให้มันหงายหมา เข้าใจไหม พูดตรงๆ ก็สนุกบ้างละซี พูดเหมือนจะเอาจริงเอาจัง มันหากมีอะไรอยู่ในนั้นละ

พูดตรงๆ ก็ไม่มีกิเลสในหัวใจ พูดได้สบายทุกอย่างเรา พูดอะไรๆ ไม่ว่าหนักว่าเบาพูดแล้วหายเงียบๆ เราไม่มีอะไรกับโลก มีแต่ความเมตตาสงสาร พูดตรงๆ เต็มหัวใจ พูดออกมาเหล่านี้มีแต่เรื่องของธรรมทั้งนั้น เราไม่มีเรื่องกิเลสเข้าไปแฝงเลย ใครจะตีความหมายไปไหนก็ตีไปเถอะ เรื่องอย่างนี้มันเรื่องทำลายสามองค์กษัตริย์เรา ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ เราพิจารณาด้วยความเป็นธรรมคือเมตตาธรรมดูอยู่ตลอดเวลา ผิดถูกดีชั่วเราจะดู พอตำหนิตำหนิทันที พอว่าว่าทันทีเลย เราเป็นอย่างนั้น

ให้กลัวอันนั้นให้กล้าอันนี้เราไม่มี เราบอกตรงๆ ความกลัวเราก็ไม่มี ความกล้าเราก็ไม่มี มีแต่ธรรมล้วนๆ เท่านั้น ความได้ความเสีย ความเอารัดเอาเปรียบฝ่ายนั้นฝ่ายนี้เราไม่มีทั้งนั้นในโลกธาตุ ธรรมครอบหมดเลย นี่ก็เสนอไปแล้วไม่ใช่หรือที่ว่า คืนพระราชอำนาจนี่ ให้ปัดทิ้งเลย เอาไว้ทำไม นี่เป็นเสี้ยนเป็นหนามต่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์โดยตรง ประเพณีของชาติไทยเราดำรงมานานสักเท่าไร ต่างคนต่างยอมรับด้วยกันทั่วหน้าทั่วประเทศไทย มันเสือกมาหาอะไรถึงมาเป็นอย่างนั้น ดีดทางนั้นดีดทางนี้พวกนี้ไม่มีเวลาดี เดี๋ยวมันจะขึ้นช่องไหนอีกคอยดูนะ มีแต่ช่องทำลาย ไม่ได้มีช่องที่จะส่งเสริม เราจับจุดไหนที่จะเป็นจุดส่งเสริมไม่มี มีแต่ออกช่องนี้ก็ทำลาย ช่องนี้ทำลายๆ รอบด้าน

พวกนี้พวกโกหกเก่ง ไม่มีใครเกินพวกนี้ พวกโกหกต้มตุ๋นหลอกลวง เพื่อทำลายโดยถ่ายเดียวเท่านั้นว่างั้นเลย แล้วจะยกตัวขึ้น ยกขึ้นไปไหน ก็มันต่ำยิ่งกว่าโลกทั้งหลายแล้วจะยกขึ้นไปไหน ว่ามันตรงๆ อย่างนี้แหละ พอเท่านั้นละไม่พูดอะไรมาก มันพูดมากพอแล้ว จะให้พูดอะไรอีกมากมายนักหนา

ผู้กำกับ หลวงตาครับ วันนี้ค่าเงินดอลลาร์ตก เงินไทยแข็ง เพราะดุลการค้าของอเมริกาตกลงมาก ไปทำสงครามรุกรานเขา ต้องจ่ายเงินแต่ละวันมากครับ นสพ.ไทยรัฐเขาก็ลงว่า ตอนนี้เงินทุนสำรองระหว่างประเทศจะเกิดเป็นรูปธรรมก็ควรจะถือหลายๆ สกุล คือถือเงินยูโรบ้าง เงินเยนบ้าง เงินอาเซียนซึ่งจะเกิดในอนาคตนี้บ้าง แล้วเขาก็ย้อนว่า คนที่ฝากเงินไว้กับอเมริกามากที่สุดคือญี่ปุ่น รองลงไปคือจีน ไทยก็ฝากไว้ประมาณ ๔๘,๑๐๐ ล้านดอลลาร์ เขาบอกว่าเงินที่ฝากๆ อเมริกาก็เอาไปจับจ่ายใช้สอย เพราะว่าเป็นมหาอำนาจของโลก

แต่บัดนี้ต่อไปคงจะไม่เป็นอย่างเดิมอีกละครับ สมควรที่ประเทศทั่วๆ ไปรวมทั้งไทยด้วย ควรจะยึดถือทองคำกับเงินสกุลอื่นๆ มาเป็นเงินทุนสำรอง (หลวงตา ฟัง ควรจะยึดถือทองคำเป็นสำคัญมาก อยู่ที่ไหน อยู่ตามคอ ตามนิ้วของใครเอามาเดี๋ยวนี้ ก็ว่าอย่างนั้นเราก็พูดไม่ผิดเข้าใจไหม เพราะเขาว่าอย่างนั้นละเอาว่าต่อไป) ก็ตรงกับเจตนารมณ์ที่หลวงตาได้พาลูกศิษย์ทั้งหลายหาทองเข้าคลังหลวง

หลวงตา ไม่ตรงยังไง ก็เราไม่เคยพูดหลอกลวงโลกนี่ เราเอาแต่ความจริงมาพูดทั้งนั้น นี่กำลังสงวนทองคำ ให้เอามาตามนี้ยังบอก ให้ไหลซึมมาเรื่อย เราทำทุกอย่างไม่ได้ทำแบบชุ่ยๆ นะ ท่านทั้งหลายฟังเสีย แล้วก็ไม่เคยผิดด้วย พาดำเนินตรงไหนไม่เคยผิดพลาด ดำเนินมาโดยตลอด  เพราะเราดำเนินด้วยธรรม พิจารณาด้วยธรรม แล้วออกๆๆ ไม่ว่าจะธรรมดา ไม่ว่าจะเด็ดเผ็ดร้อนอะไร เป็นออกโดยธรรมทั้งนั้น เราไม่ได้ออกแบบกิเลสมาพาออกนะ เอาธรรมทั้งนั้น จะเด็ดขนาดไหน เด็ดเพื่อความเป็นธรรมทั้งนั้น

นี่เราก็สงวนมากทองคำ ผิดไหมล่ะ เราสงวนมาก เสาะแสวงหามาก เพื่อชาติไทยของเราจะเป็นปึกแผ่นมั่นคงอยู่ที่ทองคำ แน่ะ ก็พูดอยู่จุดนี้ๆ ตลอด วันละเล็กละน้อยได้เรื่อยๆ มาอีกแล้วนั่นทองคำ มาเท่าไรดีหมดชื่อว่าทองคำแล้ว เอามาหมดทั้งคอยิ่งดี อยู่ตามมือตามอะไรเอามายิ่งดีเราจะกวาดเลยเชียว ได้ทุกวันอย่างนี้แหละดี เราเสาะมากทองคำเพื่อชาติไทยของเรา พิจารณาทุกอย่างๆ แล้วค่อยออกๆ ไม่ได้พูดแบบชุ่ยๆ นะ เราพิจารณาทุกอย่างแล้วออก เท่าที่ดำเนินมานี้ก็ไม่เคยผิดพลาด เพราะเราพิจารณาโดยธรรม ควรติ ติทันทีเลย ควรชมๆ เรื่องธรรมเป็นอย่างนั้น เรียกว่าตรงไป ตรงมา แน่วเลยเชียว ที่จะอ้อมแอ้มไม่มี ธรรม เขาว่าขวานผ่าซาก ขวานของธรรม ผ่าไปไหนก็ผ่าไปเถอะ เป็นธรรมทั้งนั้น จะให้พร

เมื่อวานนี้ โอ๊ย ไปโรงพยาบาลไกลนะเมื่อวาน ไปถ้าเทียบแล้วก็ขนาดนี้ไปเลยโคราชไปสูงเนินไปสีคิ้ว ทางไกลขนาดนั้นละ วัดกิโลจากนี้ไปถึงสูงเนินขนาดไหน ประมาณ ๓๓๐ กว่า อันนี้ ๓๓๔ เมื่อวานนี้ไปเทพสถิตขนาดนั้นละ ไปก็เร่งเลยเชียว ของเต็มรถๆ เราไปไหนเต็มทั้งนั้น ตอนขากลับมาได้เร่งเครื่องหน่อย เหยียบ ๑๓๐-๑๔๐ นะ เอาของไปให้โรงพยาบาลเทพสถิตเมื่อวานนี้ สงสารอยู่ลึกมาก เราเคยไปเห็นตรงไหนแล้ว ตาต้องจดจ้องตรงนั้นละ

เมื่อวานนี้ได้ให้ปัจจัย ๑๕,๐๐๐ โรงพยาบาลแต่ละโรงที่เราไป โรงละหนึ่งหมื่นๆ เป็นอย่างน้อย ถ้าไกลๆ ก็ ๑๕,๐๐๐ ให้ปัจจัยพร้อมด้วย ของก็เต็มรถเลย เทพลั๊วะลงไปเลย ไปคุยอยู่ไม่นานดูเหมือนประมาณ ๑๕ นาทีเท่านั้นละ เราบอกเราตั้งใจมาส่งของนี้แล้วเราจะกลับ ถึงขนาดนั้นกลับมายังค่ำ มาถึง ๔ โมงครึ่ง เร่งเครื่องเหยียบถึง ๑๓๐ ๑๔๐ ก็มี จากขอนแก่นมานี้ ๑๓๐-๑๔๐ ทางมันตรงแน่ว ที่ทางแคบนั้น มันรอรถคันนั้น รอแซง รออะไรต่ออะไรไม่ได้เต็มเม็ดเต็มหน่วย เมื่อวานนี้ไกลขนาดนั้นละ เราช่วยโลกช่วยอย่างนี้ละ ช่วยด้วยความเมตตา ทุกข์ลำบากขนาดไหนเราก็ทนเอา เราทนด้วยความเมตตาทั้งนั้น ไปที่ไหนๆ ลำพังร่างกายมันจะไปไม่ไหวแล้ว แต่ใจมันพุ่งๆๆ ด้วยความเมตตา

ไปที่ไหนให้ๆๆ ตามไฟเขียวไฟแดง พวกแม่ค้าเขามาขายดอกไม้นี่ก็เหมือนกัน เราให้คนละสองร้อยๆ แต่ผู้ชายมาขายดอกไม้เราไม่ให้ ผู้ชายแย่งอาชีพผู้หญิง ไม่ถูก ถึงจะเอาไปเลี้ยงครอบครัวเขาก็ตาม ถือว่างานนี้ไม่ใช่งานผู้ชาย งานขายดอกไม้เป็นงานผู้หญิงเขา ว่างเมื่อไรปั๊บโดดออกไปขายปุ๊บๆ แล้วเข้ามา แต่ผู้ชายแทนที่จะไปทำงานอื่นมาขายดอกไม้เราไม่ให้นะ ไม่เคยให้ ว่าไม่ให้ๆ จริงๆ เราไม่เหมือนใคร พิจารณาแล้วๆ ถ้าให้จะเป็นการเสริมอย่างนี้ไปอีก ไม่เอา สำหรับผู้หญิงมีเท่าไรให้คนละสองร้อยๆ ทั้งนั้นแหละ พอไฟเขียวไฟแดงหยุดปั๊บ เขามาปุ๊บๆ ยื่นให้ๆ เขาจะเอาดอกไม้ให้ไม่เอา เอาเงินให้แล้วไปเลยๆ อย่างนี้ละไปไหนเป็นอย่างนั้น ถ้าไม่กลัวเสียเวลานี้ เห็นเขาอยู่ตามข้างทางขายของ จะลงไปให้ อย่างน้อยเจ้าละหนึ่งร้อยๆ แต่นี้จะเสียเวลาของเรา เราเลยไม่ลง สงสารก็ทนเอาเพราะงานข้างหน้าเรามี เราต้องเร่งไป เอาละที่นี่ไปละ

 

รับฟังรับชมพระธรรมเทศนาของหลวงตา ได้ที่

www.Luangta.com หรือ www.Luangta.or.th

และรับฟังจากสถานีวิทยุสวนแสงธรรม กรุงเทพฯ และสถานีวิทยุอุดร

FM 103.25 MHz


** ท่านผู้เข้าชมทุกท่านโปรดทราบ
    เนื่องจากกัณฑ์เทศน์บางกัณฑ์มีความยาวค่อนข้างมาก ซึ่งจะส่งผลต่อความเร็วในการเปิดเว็บไซต์ ขอแนะนำให้ทุกท่านได้อ่านเนื้อหากัณฑ์เทศน์บางส่วนจากเว็บไซต์ และให้ทำการดาวน์โหลดไฟล์กัณฑ์เทศน์ที่มีนามสกุล .pdf ไปเก็บไว้ในเครื่องของท่านแทนการอ่านเนื้อหาทั้งหมดจากเว็บไซต์

<< BACK

หน้าแรก