สักขีพยานเรื่องแดนนรก
วันที่ 3 ธันวาคม 2547 เวลา 8:30 น.
สถานที่ : วัดป่าบ้านตาด
| |
ดาวน์โหลดเพื่อเก็บไว้ในเครื่อง
ให้คลิกขวาแล้วเลือก Save target as .. จาก link ต่อไปนี้ :
ข้อมูลเสียงแบบ(Win)   วิดีโอแบบ(Win Narrow Band)

ค้นหา :

เทศน์อบรมฆราวาส ณ วัดป่าบ้านตาด

เมื่อวันที่ ๓ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๔๗

สักขีพยานเรื่องแดนนรก

 

ก่อนจังหัน

พระให้ตั้งหน้าตั้งตาภาวนานะ วัดนี้ไม่ให้มีงานใดที่สำคัญยิ่งกว่างานภาวนาสำหรับพระนะ อยู่ที่ไหนสำคัญที่สติ เคยสอนเสมอ สตินี้เป็นพื้นฐานสำคัญ เวลาสติครอบอยู่ในจิต สังขารคือความคิดความปรุงจากสมุทัยอวิชชาดันออกมานี้ออกไม่ได้ เพราะสติปิดไว้ๆ จนอกจะแตก นี่ละ อวิชฺชาปจฺจยา สงฺขารา มันหนุนกันออกมา มันอยู่ภายในหนุนออกมา ทีนี้เมื่อไม่มีสติมันก็ไหลออกเรื่อยๆ ไหลออกไปก็โกยทุกข์เข้ามา ฟืนไฟเข้ามา คิดมากเท่าไรยิ่งมีแต่เรื่องกองทุกข์เอาไฟมาเผาตัวเอง คิดมากก็คือออกจากสังขารนั่นละสำคัญมาก อยู่เฉยๆ มันก็คิดได้สังขาร

ตา หู จมูก ลิ้น กาย เวลาสัมผัสสัมพันธ์จะคิด ตามธรรมดาของสังขารนี้คิดตลอด อันนี้สำคัญมาก ให้มีสติกำกับ ที่พูดมานี้ผ่านมาหมดแล้วไม่ใช่มาสอนเล่นๆ เราเอาจริงเอาจังจนขนาดอกจะแตกก็มี ฟังซิน่ะ คือสังขารมันจะออกๆ สติบังคับๆ ไม่ให้เผลอเลย มันจะเป็นยังไงเป็นไหนเป็นกัน ถ้าสมมุติว่านักมวยพลิกคว่ำพลิกหงายก็พลิก แต่ไม่ยอมให้เผลอ นี่ละสำคัญ ผู้นี้ตั้งตัวได้ ขอให้สติติดกับจิต ผู้ที่ตั้งคำบริกรรมก็ให้ตั้งอยู่กับคำบริกรรม สติติดแนบอยู่ในนั้น สังขารตัวกิเลสนี้มันจะออกไม่ได้ มันจะดันอยู่ภายใน เหมือนอกจะแตกนะ ดันก็ดัน สุดท้ายก็อ่อนลงๆ สติดีขึ้นๆ คำบริกรรมหนาแน่นขึ้นจิตใจสงบๆ นั่นเห็นไหมล่ะ ที่ว่าอกจะแตกมันดัน เพราะกำลังของกิเลสความคิดปรุงเบาลงๆ ต่อไปก็เบาไปเรื่อยๆ มีตั้งแต่ธรรมความสงบร่มเย็น สติธรรม ปัญญาธรรม จะออกเป็นระยะๆ  แต่สตินี้เป็นพื้นฐาน

นักภาวนาต้องสังเกต ไม่ใช่จะทำสุ่มสี่สุ่มห้า ทำไปเฉยๆ ไม่ได้เรื่อง ทำต้องสังเกตตัวเองด้วย ความเพียรท่าต่างๆ ท่าไหนได้ผลมากน้อยเพียงไรโดยที่ตั้งสติอยู่ด้วยกัน ถนัดทางไหนก็ให้พิจารณา แต่สำคัญที่สติ ถ้าลงสติได้ติดแนบกับจิต จะความเพียรท่าไหนเป็นความเพียรทั้งนั้น ถ้าสติขาดเมื่อไรความเพียรขาดตรงนั้น ให้พากันตั้งใจ ผมอยากเห็นพระของเราทรงมรรคทรงผลเหมือนครั้งพระพุทธเจ้า ซึ่งเป็นธรรมที่สดๆ ร้อนๆ เหมือนกัน ไม่ว่านู้นว่านี้นะ อยู่ที่สติธรรม ปัญญาธรรมตามที่สอน นี่ละทางก้าวเดินเพื่อพระนิพพาน จะกระจ่างขึ้นที่นี่ เราอย่าไปหานิพพานเมืองโน้นเมืองนี้ หาเมืองนรกเมืองโน้นเมืองนี้ ต้นเหตุแห่งพระนิพพาน ต้นเหตุแห่งนรกอยู่ที่หัวใจผู้จะก้าวไป เมื่อมีสติจะก้าวไปเพื่อมรรคผลนิพพาน

อย่าลืมเนื้อลืมตัว อะไรก็ตามสิ่งภายนอกไม่สำคัญยิ่งกว่าสิ่งภายใน คือเรื่องกิเลสมันคอยดันออกภายในจิตใจจะคิดเรื่องอะไรๆ อย่าไปเผลอกับมัน โลกทั้งโลกถูกมันกล่อมตลอดเวลา ถ้าไม่มีธรรมเข้าจับไม่รู้ว่ากิเลสกล่อมตลอดเวลานะ เมื่อมีสติเข้าจับๆ แล้วดีขึ้นๆ ต่อไปก็รู้เพลงของกิเลส เพราะอำนาจแห่งสติธรรม ปัญญาธรรม รวดเร็วทัน ต่อจากนั้นไปก็ฆ่ากิเลสได้เป็นลำดับๆ จนกลายเป็นอัตโนมัติฆ่ากิเลส จนกระทั่งสิ้นซากลงไปด้วยอัตโนมัติของความเพียร จำเอานะ ให้พากันตั้งอกตั้งใจ การทำอะไรให้มีความเจาะจง มีสติติดแนบ งานนอกงานในสติอย่าเผลอ ถ้าเผลอแล้วไม่เป็นท่าทั้งนั้น งานทางโลกก็ไม่เป็นท่า งานทางธรรมยิ่งแล้วใหญ่ ไม่เป็นท่านะ ให้พากันตั้งอกตั้งใจ

มาจากทุกทิศทุกทาง อยู่ที่ไหนๆ ฟังซิ ธรรมเป็นเครื่องยึดเหนี่ยว เป็นแม่เหล็กอันสำคัญที่จะให้มาหาธรรม เมื่อมาหาธรรมแล้วอะไรที่จะยึดให้ดี ก็คือสติธรรม ปัญญาธรรม ความเพียรทุกด้านให้มีสติ นี่ละอันสำคัญมาก ถ้าขาดสติแล้วไม่เป็นท่าทั้งนั้น ต่อไปนี้จะให้พร

หลังจังหัน

         เมื่อวานนี้ก็ได้พูดอยู่เรื่องพรบ.สงฆ์ คนทั้งแผ่นดิน พระสงฆ์ผู้ทรงศีลทรงธรรมทั่วประเทศไทย มีความจงรักภักดีต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่ทรงมีพระราชอำนาจสถาปนาพระขึ้นเป็นสมเด็จพระสังฆราช ฟังซิคนทั้งแผ่นดิน พระสงฆ์ผู้ทรงศีลทรงธรรมทั่วประเทศไทยอนุโมทนาสาธุการ เป็นประเพณีมาดั้งเดิมจนกระทั่งป่านนี้ นานสักเท่าไรฟังซิ นี่เป็นพื้นฐานที่หนาแน่นมั่นคงและดีงามของประเทศไทยเรา ที่มีความเห็นพร้อมเพรียงกันอนุโมทนาหรือทูลถวายให้ท่านทรงตั้งพระเป็นสมเด็จพระสังฆราช เป็นความถูกต้องดีงาม ทางธรรมก็หาที่ต้องติไม่ได้

การที่พูดทั้งหลายเหล่านี้เรานำธรรมมาสอนโลก เราไม่ได้มาเป็นคู่ทะเลาะวิวาทกับโลก เราไม่ใช่ฝ่ายนั้นไม่ใช่ฝ่ายนี้ ไม่มีความหวังแพ้หวังชนะ หวังได้เปรียบเสียเปรียบ เราไม่มี เพราะเรานำธรรมพระพุทธเจ้ามาสั่งสอนสัตว์โลก ผิดถูกดีชั่วประการใดจะพูดไปตามหลักความจริงแห่งธรรม ไม่ให้เคลื่อนคลาดไปจากนั้น อย่างพระราชอำนาจของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่ทรงตั้งสมเด็จพระสังฆราชนี้ เป็นประเพณีที่เมืองไทยเรายอมรับทั้งฝ่ายพระเจ้าพระสงฆ์ทั้งฝ่ายประชาชนมานมนาน จนเป็นประเพณีที่หนาแน่นมั่นคงมาตลอดปัจจุบันนี้ นี่คือความถูกต้องดีงามแน่นหนามั่นคง

ทีนี้มีพรบ.พอรอแบอะไรก็ไม่รู้มาตั้งมากีดมาขวาง มาแย่งอำนาจพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จะแย่งไปหาอะไร พิจารณาซิ เราอยากจะพูดว่าพรบ.สงฆ์นี่มันสงฆ์ไหน มันสงฆ์เป็นบ้าหรือ เราอยากว่าอย่างนั้น ถ้าสงฆ์เป็นคนดีจะทำไม่ลง ประเพณีของชาติไทยหนาแน่นเท่ากับเมืองไทย แล้วพรบ.สงฆ์ไหนน่ะที่จะมาหนาแน่นมั่นคงยิ่งกว่าประเพณีอันนี้ ถึงจะต้องมาคัดค้านต้านทานหรือมาแย่งเอาอำนาจนี้ไปใช้ มันฟังไม่ได้นะ เราอยากถามถึงพรบ.นี้ ใครเป็นคนตั้งขึ้นเป็นพรบ.สงฆ์ ใครเป็นคนตั้งขึ้นมาเราจะค้นหาเหตุหาผลอีกนู่นไม่ใช่ธรรมดา คือมันผิดขนาดนั้นว่างั้นเถอะ ไปแย่งเอาอำนาจพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ซึ่งเป็นพระราชสมบัติอันดั้งเดิมของพระองค์ ที่ประชาชนยอมยกทูลเกล้าถวายท่านมา

เราวิเศษวิโสมาจากไหนจึงต้องไปขัดไปแย้งหรือไปแย่งเอามา มาเป็นอำนาจบาตรหลวง ตราเป็นพรบ.สงฆ์ ตราเมืองไทยมันหนาแน่นยิ่งกว่าพรบ.สงฆ์เป็นไหนๆ ตราเมืองไทยคือขนบประเพณีของเมืองไทยที่ปฏิบัติกันมาเป็นเวลานมนาน ตราอันนี้หนักแน่นขนาดไหน พรบ.สงฆ์แส็งอย่างว่าหนักแน่นที่ไหน นี่ละภาษาธรรม เราพูดอย่างตรงไปตรงมา เพราะเราไม่มีแพ้มีชนะ ไม่มีได้มีเสีย และไม่มีกล้าไม่มีกลัว ธรรมไม่กล้าไม่กลัวกับอะไร เหนือทุกสิ่งทุกอย่างแล้ว เรานำธรรมนั้นมาแสดงด้วยความเป็นธรรม ผิดบอกว่าผิด ถูกบอกว่าถูก เพราะฉะนั้นพรบ.นี้จึงบอกได้ชัดๆ ว่าผิด อย่าเอาเข้ามาเป็นก้างขวางคอของคนทั้งชาติเลย ต้องถอนออกทันทีถึงถูก ตั้งแต่ตั้งขึ้นมานั้นมันก็ผิดพอแล้ว ยังจะเอามาบีบบังคับประชาชนอีก ผิดเป็นชั้นๆ ขึ้นไปเลย เราว่าอย่างนี้แหละ พูดตามอรรถธรรมเป็นอย่างนี้

ธรรมสอนโลกจะไปสอนเอนเอียงๆ ลูบหน้าปะจมูก เห็นที่สูงที่ต่ำอย่างนี้ไม่ได้ ต้องสอนอย่างตรงไปตรงมาจึงเรียกว่าธรรม ตายใจได้ โลกตายใจได้ กราบไหว้ได้สนิท ถ้ามีเอนมีเอียงไม่ใช่ธรรม ไว้ใจไม่ได้ว่างั้นเถอะ พูดถึงเรื่องพรบ. เราก็ย้ำเข้าไปอีกอย่างนี้แหละ เพราะมันผิดว่างั้นเถอะ แหม เหยียบหัวคนทั้งประเทศ พระสงฆ์ไทยผู้ทรงศีลทรงธรรมถูกเหยียบไปด้วย ด้วยพรบ.ของสงฆ์นี้แหละ มันสงฆ์องค์ไหนน่ะเราอยากถามดู มันสงฆ์องค์ไหนมันถึงเก่งเอานักหนา ไม่มองดูธรรม พระสงฆ์ก็ลูกพระพุทธเจ้า ต้องมองดูธรรม ผิดถูกดีชั่วประการใด

อย่างประเพณีของคนไทยที่ใช้กันมา ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงสถาปนาหรือตั้งสมเด็จพระสังฆราชนี้มาตั้งแต่เมื่อไร ดึกดำบรรพ์ของเมืองไทยเราว่างั้นเถอะ ใครก็อนุโมทนาสาธุการน้อมเกล้าถวายมาตลอด พระสงฆ์ก็อนุโมทนาสาธุการมาตลอด แล้วอยู่ๆ พ.ศ.๒๕๓๕ ก็มีนักปราชญ์จรวดดาวเทียมขึ้นมาเหยียบหัวพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เหยียบหัวพระสงฆ์ทั้งประเทศ เหยียบหัวคนไทยทั้งประเทศต่อหน้าต่อตาอย่างไม่อายเลย ถ้าพูดอย่างนี้ถนัดดีกับความเป็นอย่างนั้น เราอยากจะพูดว่ากับความเซ่ออย่างนั้น ไม่ดูหรือตามี ประเพณีนี้หนักแน่นขนาดไหน คนทั้งโลกเขารู้กันเห็นกัน พระสงฆ์ที่มาตั้งบัญญัตินี้มันไม่เห็นหรืออยากว่าอย่างนั้น ถ้าเห็นมาตั้งหาอะไร หลับตาตั้งเหรอ ผู้อ่านไม่ได้หลับตาอ่านมันลืมตานี่

พูดเท่านั้นละ เหมือนนักมวยเวลาขึ้นต่อยปึ๊งปั๊งๆ พอเสร็จแล้วกอดคอกันลงไปธรรมดา เพราะการพูดนี้ไม่ได้พูดด้วยอำนาจแห่งความโกรธ ความโมโหโทโส พูดด้วยอำนาจแห่งธรรม ควรหนักหนัก ควรเบาเบา ควรเน้นหนักขนาดไหน ธรรมจะเป็นอย่างนั้นตลอด ถ้าเรียบๆ ก็เรียบๆ ถ้าควรหนักต้องหนัก ควรหนักจะไปเบาไม่ได้ มันจะเป็นพรบ.อันนี้นะ ควรเบาเป็นหนักก็ไปเหยียบหัวคนอย่างหนักอย่างนี้ไม่ได้ เราจึงได้พูดตรงๆ เลยว่าต้องเลิก ไม่เลิกไม่ได้พรบ.อันนี้ ต้องเลิก ไม่เลิกไม่ได้เมืองไทยจมได้ เพราะฝ่าเท้าของคนโง่ๆ นี้ ว่างั้นเลย

คนทั้งประเทศมีหัวใจทุกคน มีหัวทุกคน หัวคิดปัญญามีทุกคน พระสงฆ์ก็สังฆมณฑลผู้ทรงศีลทรงธรรมมีด้วยกัน มันเอาความรู้จรวดมาจากไหนมาทำอย่างนี้ แล้วเหยียบหัวพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว คือเราไม่อยากว่าพระเศียรนะ ให้มันตรงกันกับพวกฝ่าเท้าพวกหยาบๆ เอาอันนี้เข้าไปใส่พระเศียรพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว กลายเป็นหัวไปเลย มันเหยียบได้อย่างสบายๆ  เพราะฉะนั้นจึงว่าเหยียบหัวพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เข้ากันได้กับเรื่องนี้ใช่ไหมล่ะ ธรรมดาก็พระเศียร เช่นอย่างว่าเหยียบหัวพระพุทธเจ้า เราออกมาพูดให้มันได้จังหวะกันกับความหยาบโลนอันนี้ สูงขนาดไหนมันเอามาเหยียบได้ ว่างั้นละ เพราะคนหน้าด้าน คนไม่มีหิริโอตตัปปะ ไม่มีบาปมีบุญ ทำได้อย่างนั้น

(หลวงตาครับ พรรคมหาชนน้อมรับคำสั่งคำสอนของหลวงตา และจะแก้ไขทั้งสองมาตราตามที่หลวงตาสั่งสอนครับ)

อย่าว่าแก้ไข ให้ลบ ว่าแก้ไขเรายังไม่ยอมรับ ถ้าว่าลบแล้วถูกต้อง นี่เป็นก้างขวางคอของคนทั้งประเทศ ของพระสงฆ์ผู้ทรงศีลทรงธรรมทั่วสังฆมณฑล เรียกว่าก้างอันใหญ่หลวงขวางคอ ดึงออกให้หมด พรบ.อย่าแก้แต่ให้ลบให้หมด เข้าใจเหรอ เหลือไว้ทำไมมันเป็นภัยต่อชาติ ต่อประเพณีของชาติมาดั้งเดิม ซึ่งคนทั้งชาติเทิดทูนกันมาตลอด มันมาเหยียบหาอะไร ว่างั้นแหละ ก็มีเท่านั้น (หลวงตาครับ พวกกระผมอยู่พรรคมหาชนเขต ๒ ถ้าหลวงตามีอะไรจะฝากถึงพวกกระผมก็ฝากได้ครับ) เออ มีอะไรก็พูดได้ในฐานะลูกศิษย์มีอาจารย์ เราก็เป็นชาวพุทธด้วยกัน เป็นลูกของพระพุทธเจ้าด้วยกัน พูดกันได้ทุกอย่าง เท่านั้นละพอใจ(พวกกระผมขอฝากตัวเป็นลูกศิษย์ครับ) เออ ให้พากันทำหน้าที่การงานเพื่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ของเรา อันนี้เป็นหลักใหญ่มาก เท่านั้นละ มีโอกาสจะสนทนาธรรมะธัมโมกันก็ได้ไม่ว่าอะไร

ผู้กำกับ สันติ อินโดนีเซีย มีปัญหามากราบเรียนครับ อยากให้คนในศาลาตั้งใจฟัง เป็นปัญหาสำคัญอยู่ครับ

หลวงตา สำคัญไม่สำคัญหูเรามีเราจะฟัง ใจเรามีเราจะคิด ไม่ให้ใครมาตัดสินเรา เราจะตัดสินเราเอง เอ้าว่าไป

ผู้กำกับ กราบนมัสการหลวงตาเจ้าค่ะ ใน ๕ วันนี้ขณะนั่งสมาธิ เมื่อรู้สึกตัวหายและเวทนาหายไปเหลือแต่จิตล้วนๆ ก็ได้ปรากฏภาพให้เห็นเหมือนดูทีวี เป็นภาพผู้ชายผู้หญิงตกอยู่ในกระทะมีไฟร้อนๆ บางคนก็เดินบนเถ้าถ่านร้อนๆ มีกระจกโรยอยู่ด้วย บางคนก็ถูกตัดนิ้วตัดมือ ถูกสับตามมือ บางคนถูกตัดลิ้น ถูกตัดหัวทิ้ง บางคนถูกควักลูกตา บางคนถูกเหล็กแหลมแทงเข้าไปในตัว ถูกกรรไกรตัดตามร่างกาย บางคนถูกลากตัว ถูกแซ่โบยตีตามตัว ผู้คุมคล้ายคนแต่ไม่เหมือน คือมีผิวหนังเลี่ยน ไม่มีขนตามร่างกาย บางคนมีหาง ตาไม่มีหนังตา มีเขี้ยว ถือสามง่ามคอยทิ่มแทง ภาพทั้งหมดที่เห็นในตอนแรกจะกลัว แต่ภายหลังเกิดความสงสารขึ้นมาแทน เพราะบางคนที่เห็นยังมีชีวิตอยู่ และได้ปฏิบัติธรรมอยู่ที่วัดแห่งนี้ด้วย หนูรู้จักด้วย แต่ทำไมจึงมีภาพไปปรากฏในนรก หนูจึงอยากให้หลวงตาช่วยอธิบายด้วยว่า ทำไมเขายังไม่ตาย แต่กลับมีภาพไปปรากฏอยู่ในนรกด้วย

หลวงตา เรายังไม่อธิบายอย่างอื่นนะ เราอธิบายว่าถ้าอยากให้ภาพปรากฏชัดๆ ก็ให้สร้างความชั่วให้มากๆ แล้วจะชัดขึ้นๆ ในตัวของเราเองนี้แล้วกระจายไปถึงแดนนรก สายทางของความชั่วนี้จะลงนั่นละไม่ไปอื่น สายทางความดีนี้จะขึ้นเป็นภาพแบบเดียวกัน

ผู้กำกับ ต่อนะครับ บางภาพที่เห็นเป็นสถานที่และผู้คนดูสวยงามมาก ไม่เคยเห็นมาก่อน รู้สึกเหมือนตนเองออกไปยืนอยู่นอกโลก และมองมาที่โลกที่เราอยู่คล้ายๆ โลกใบอื่นๆ อีกมากมาย เหมือนเห็นทั่วจักรวาล ภาพที่เห็นทั้งหมดเหมือนนั่งดูทีวี และกดรีโมทภาพเคลื่อนไหวไปเรื่อยๆ เป็นร้อยๆ ภาพให้เห็น โดยที่หนูไม่สามารถจะบังคับจิต รั้งจิตไว้ได้ มันเห็นของมันเองโดยอัตโนมัติ จึงปล่อยให้จิตได้ทำงานของมันไปอย่างอิสระ แต่ก็มีสติรู้ตัวอยู่ตลอดเวลา หนูทำอย่างนี้ถูกต้องหรือไม่ เพราะจะเป็นอย่างนี้บ่อยๆ เจ้าค่ะ

หลวงตา ถูกต้อง ใช้ตามเวลา แต่ถ้าไปเพลินอย่างนั้นอย่างเดียวก็ผิด ให้เข้ามาดูจิตเจ้าของ แก้จิตเจ้าของ อันนั้นเป็นสิ่งภายนอกนอกไปจากจิต ตัวจิตเองจะเป็นผู้รับทุกสิ่งทุกอย่างในนี้ ให้ดูตัวนี้ให้รอบคอบ อันนั้นเป็นอาการเป็นเงาของจิต หรือเป็นเรื่องที่จิตได้รู้ได้เห็นสิ่งเหล่านั้นว่าเป็นสิ่งนั้นๆ ต่างหาก ไม่ใช่เรา ให้ปรับปรุงเราให้ดีเข้าไปยิ่งกว่านั้น แล้วสิ่งเหล่านี้จะเป็นครูสอนเรา เป็นครูสอนโลก ดังที่พูดเวลานี้สอนด้วยกันทุกคน ให้นำไปพินิจพิจารณา ใครบกพร่องตรงไหนให้นำไปแก้ไขเสีย เวลายังไม่ตายยังมีผู้บอกเล่าอย่างนี้ก็ยังดี

พอพูดอย่างนี้แล้วเราก็ยังไม่เคยพูด ได้ ๕๕ ปีนี้ สิ่งเหล่านี้นะ เราไม่เคยพูดเพราะเห็นว่าจะไม่เกิดประโยชน์อะไรเลย พูดไปก็เท่านั้นแหละๆ ไม่ค่อยเกิดประโยชน์นัก วันนี้มีเหตุการณ์ที่จะพูดบ้างก็เอามาพูด เวลาพิจารณาลงไปนี้ กำหนดพิจารณา เอา ฟาดแดนนรกขึ้นมาอยู่กับมนุษย์นี้เลยให้เห็นทุกสิ่งทุกอย่าง ไฟแดนนรกเผาไหม้สัตว์ทั้งหลายที่เป็นบาปเป็นกรรมมากๆ นั้นให้เห็นต่อหน้าต่อตา นี่คือแดนนรก เอาขึ้นมาแสดงในเมืองมนุษย์เรานี้ แต่เมืองมนุษย์ไม่มีนะเวลานั้น จะมีแต่อันนี้ละแสดงออกเต็มเหนี่ยวๆ ภาพนรกภาพนี้ผ่านไป ภาพนั้นผ่านมา แสดงเรื่องราวของสัตว์โลกที่ทำกรรมชั่วช้าลามกแล้วไปตกนรก เรื่องของนรกเรื่องสัตว์นรกที่ตกนั้น ขึ้นมาแสดงในหัวใจ พูดง่ายๆ จังก้าอยู่นี้เลยให้ดูอย่างชัดเจนในแดนมนุษย์เรา

ก็เราอยู่แดนมนุษย์ นั่งอยู่ก็คือมนุษย์นั่ง พิจารณาก็มนุษย์พิจารณา แต่แดนนรกขึ้นมาจ้าๆ อยู่นี้ให้เห็นอย่างชัดเจน ถ้าธรรมดาเรียกว่าสลบไสลนั่นละ มองดูแล้วจะดูไม่ได้ แต่นี้ดูอย่างสบาย เห็นอย่างสบาย ไม่ว่าแดนนรก แดนสวรรค์ แดนอะไรจะออกมาแสดงให้เห็นอยู่ที่ใจนี้หมด เพราะฉะนั้นใจจึงเป็นของเลิศเลอมากถ้าทำให้ดี ถ้าทำไม่ดีก็เลวมาก ไปอยู่ในแดนนรกก็คือใจดวงนี้ ให้พากันจำเอา ที่พูดมานี้มันรู้มาพอแล้ว แต่ไม่เป็นสิ่งที่จะพูดอะไรก็ไม่พูด วันนี้มีเรื่องมาสัมผัสจึงพูดเสียบ้าง แดนนรก แดนไหนๆ ขึ้นมาจ้าอยู่ในนี้ มาแสดงให้เห็นเต็มเหนี่ยวๆ แล้วผ่านไป แดนนี้ผ่านมาแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนๆ  จากนี้ก็แดนสวรรค์ พรหมโลก แสดงให้เห็นชัดเจนจากหัวใจดวงนี้

หัวใจดวงนี้เข้าถึงได้หมด แดนนิพพานไม่พูดเพราะหมดสมมุติไปแล้ว เหล่านี้อยู่ในแดนสมมุติทั้งนั้น นรกไม่ว่าหลุมใดๆ เป็นแดนสมมุติทั้งนั้น ส่วนนิพพานพูดไม่ได้เลยเพราะไม่ใช่แดนสมมุติ พูดก็พูดได้แต่ว่านิพพานเฉยๆ อะไรก็เอามาพูดไม่ได้มันไม่เหมือนเลย พากันพิจารณานะ ที่พูดนี้ก็เป็นสักขีพยานอันหนึ่ง วันนี้เรามาพูด นี้ปรากฏยิ่งมากกว่านี้อีกเป็นไหนๆ ฟังซิ แดนนรกขึ้นมาให้เห็น มาเผามาอะไรกันอยู่นี้ทุกสิ่งทุกอย่าง โอ๋ย พูดไม่ถูก เห็นอย่างชัดเจนหายสงสัยๆ แต่เวลาจะเอามาพูดพูดไม่ถูก พูดได้เพียงเท่านี้ ที่มันละเอียดลออทุกสิ่งทุกอย่างไม่เคยรู้เคยเห็น ได้มาปรากฏขึ้นในจิตใจตามความจริงที่แสดงนั้น เห็นประจักษ์อย่างไม่สงสัยเลย วันนี้นี้มาพูดเราก็เอาออกมาพูดบ้าง เอาละพอ พูดมากไปมันจะเป็นบ้าทั้งเขาทั้งเราไปละ

สันติ หนูรู้จักเขาที่ตกนรกเพราะเป็นเพื่อนกัน แต่ช่วยไม่ได้

หลวงตา เพื่อนไม่เพื่อนก็ช่างเถอะ ทุกข์อยู่กับผู้ทำไม่อยู่กับใคร สุขก็อยู่กับผู้ทำ วันนี้ก็เอาไปฟังเสียนะ วันนี้ได้ออก อันนี้มาเป็นเหตุได้ออก ถ้าไม่มีเหตุนี้ไม่ออก จนกระทั่งวันตายก็ไม่ออก เพราะเป็นวิสัยของจิตที่รู้ที่เห็นตามนิสัยวาสนาของแต่ละรายๆ นี้จะรู้จะเห็นเต็มหัวใจๆ ไม่สงสัยๆ แต่สิ่งที่ควรจะนำมาพูดได้มากน้อยหรือว่าไม่พูดนั้นเป็นเรื่องของผู้พิจารณา ผู้รู้ ผู้เห็นจะนำออกพิจารณาเองพูดเอง ไม่ควรพูดก็ตายไปด้วยกันเลย

นี่ที่ธรรมพระพุทธเจ้าทรงแสดงไว้ตั้งแต่แดนนรกขึ้นมานี้ กราบสนิทเลย หาที่ค้านไม่ได้เลย จึงเรียกว่าสวากขาตธรรม ตรัสไว้ชอบแล้ว ว่านรกมีก็มีอย่างนี้ สวรรค์มีอย่างนี้ๆ บาปบุญเป็นยังไงที่อยู่ในแดนนรกเป็นอย่างนั้น คุณงามความดีที่เป็นบุญเป็นกุศลเป็นยังไง อยู่ในบุคคลผู้เสวยสุขอยู่อย่างนั้นๆ ชัดเจนหมดเลยไม่สงสัย แต่เวลาจะเอามาพูดพูดไม่ได้ พูดไม่ถูก มันมีข้อขัดข้องหลายประการถึงขั้นที่ว่า ๑.พูดไม่ได้ ๒.ไม่ควรพูดเลย เข้าใจ เอา ให้พิจารณาไป

เรื่องจิตเป็นของสำคัญนะ อย่าเห็นแต่แดนนรกนั้นแดนนรกนี้ แดนนรกอันหนึ่งที่ยังถอนมันไม่ได้ มันเป็นแดนนรกอันหนึ่งอยู่ในใจก็ให้ดูเอา มันละเอียดแดนนรกอันนี้ ถอนออกหมดแล้วจะไม่มีนรกเหลือเลย ถ้ายังมีกิเลสอยู่ในจิตแม้น้อยหนึ่งก็แดนนรกน้อยก็มีอยู่ในนั้น เข้าใจไหม ถ้าเอาออกหมดแล้วนรกไม่มี ถ้ากิเลสยังมีอยู่นั้นแดนนรกน้อยๆ ตัวเท่าไอ้หยองนี้ยังมีนะเข้าใจไหม เอาละพอเท่านั้น พูดเพียงเท่านั้นละวันนี้

ผู้กำกับ พลเอกชวลิต ยงใจยุทธ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะกำกับดูแลสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ กล่าวในการสัมมนาเรื่อง บทบาทของพระพุทธศาสนาในการส่งเสริมความมั่นคงของชาติ ว่า พระพุทธศาสนาและเรื่องความมั่นคงของชาติเป็นเรื่องสำคัญ คนไทยควรให้ความสนใจศึกษาหาความรู้ให้มีความเข้าใจที่ถูกต้อง และปฏิบัติตนให้ถูกต้องในการส่งเสริมพระพุทธศาสนาและความมั่นคงของชาติ ปัจจุบันพระพุทธศาสนาต้องประสบภัยทั้งภัยภายนอกและภัยภายใน ภัยจากภายนอกมาจากลัทธิศาสนาอื่น จากกระแสวัตถุนิยม ภัยภายในมาจากพุทธศาสนิกชนทั้งบรรพชิตและฆราวาสที่ไม่ประพฤติปฏิบัติตามหลักธรรมของพระพุทธศาสนา เป็นชาวพุทธแต่เพียงในนาม ไม่ได้เป็นชาวพุทธที่แท้จริง ที่เป็นผู้รู้ ผู้ตื่น และผู้เบิกบาน มีคำพูดและการกระทำที่บ่อนทำลายพระพุทธศาสนา ทำให้บทบาทของพระพุทธศาสนาในการส่งเสริมความมั่นคงของชาติลดน้อยลง ทุกคนจะต้องร่วมมือกัน จบครับ

หลวงตา เออ นี่ถูกต้องแล้วนะ ที่พลเอกชวลิตมาพูดนี้ถูกต้องแล้ว เวลานี้ภัยของพุทธศาสนาเราเกิดขึ้นจากพระเป็นตัวสำคัญมากทีเดียว เวลานี้พระเป็นอลัชชี พระเป็นมหาโจรปล้นศาสนา เหยียบหัวพระพุทธเจ้า ฟันหัวพระพุทธเจ้าแหลกเหลวไปหมดเวลานี้ คืออลัชชีในเพศของพระนี้ละ ว่าเป็นศากยบุตรลูกตถาคต แต่มันกลับกลายเป็นมหาภัยต่อพระพุทธเจ้า เหยียบหัวพระพุทธเจ้าคือพระธรรมวินัยคำสั่งสอนนั้นให้แหลกเหลวไปหมด เอาตั้งแต่ความเลวร้ายขึ้นมาประกาศทั่วโลกดินแดนหายางอายไม่ได้เวลานี้ นี่ละภัยเกิดอยู่แล้ว นี้เราก็ประกาศมาอยู่ตลอดไม่ใช่เหรอ ทางภายนอกมันก็ประกอบกันเหมือนกันนี่ละ กิริยาอาการที่แสดงออกไปนี้มีตั้งแต่เรื่องเป็นภัยต่อชาติ ต่อศาสนา และพระมหากษัตริย์ทั้งนั้นๆ เลยนะเวลานี้

เราจึงได้เตือนเสมอกระตุกเสมอ นี้มันมีตั้งแต่ภายนอก มาดูข้างนอก ภายในก็พิจารณาเต็มเหนี่ยว เพราะฉะนั้นการพูดออกมาจึงไม่มีคำว่าสะทกสะท้าน เพราะมีภายในเป็นเครื่องยันกันๆ เราไม่ได้มีตั้งแต่คิดโน้นเดานี้เอามาพูดเฉยๆ นะ ภายในก็มีภายนอกก็มีมาประกอบกันเข้ากันได้จังหวะดีแล้วออกเลยๆ ถ้าจะออก ไม่ออกก็ไม่ออกเท่านั้นเอง ท่านทั้งหลายจำไว้นะ อย่าหลับหูหลับตา ต้องต่อสู้ต้านทาน เราเป็นเจ้าของสมบัติของชาติไทยเรา ให้ต่างคนต่างรับผิดชอบด้วยกัน

เวลานี้ภัยกำลังหนาแน่น อย่าหดหัวอยู่ในกระดอง มันจะเป็นเต่าถูกเขาทับกระดองแตกหัวแตกนะ เวลานี้มหาภัยนี้หน้าด้านมาก ดื้อด้านที่สุด หน้าด้านที่สุดทุกแบบ มาทางศาสนาก็ไปอีกแบบหนึ่ง ไปทางโลกก็ไปอีกแบบหนึ่ง มีแต่แบบจะทำให้ชาติ ให้ศาสนาและพระมหากษัตริย์บรรลัยไปด้วยกันนั้นแหละ เมื่อเช้านี้ก็พูดถึงเรื่องพระราชอำนาจต้องเอากันอย่างหนัก นี้ยังจะได้ประชุมกันอีกอยู่พระ

แดนพุทธศาสนาในพระสงฆ์ผู้ทรงศีลทรงธรรม เทิดทูนขนบประเพณีอันนี้มานมนาน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงสถาปนาสมเด็จพระสังฆราช นี้เป็นพื้นฐานแห่งเมืองไทยของเราที่เป็นประเพณีอันดีงามมาดั้งเดิม เวลานี้กำลังถูกแย่งเอาไป จากนั้นทางนี้จะทวงคืน หึงหวงเห็นไหมล่ะ นี่พวกเปรตพวกผีมันทำลายอยู่อย่างนี้แหละให้จำเอา เอาละพอ วันนี้พูดเท่านั้นละสายแล้ว

(ทองคำเมื่อเช้าได้ ๕ บาท ๑๑ สตางค์ครับ)

วันนี้ได้ตั้ง ๕ บาท ๑๑ สตางค์ของน้อยเมื่อไร นี่ละทองคำประเภทซึมซาบ คือค่อยไหลซึมเข้าไปตามกองใหญ่ที่เรามอบไปแล้ว ๑๑ ตันกับ ๓๗ กิโลครึ่ง นี่มอบเรียบร้อยแล้ว ทีนี้ไม่ควรจะให้ขาดวรรคขาดตอนทีเดียว เพราะทองคำในคลังหลวงของเรายังขาดอยู่มากทีเดียว จึงควรจะได้ทองคำประเภทน้ำไหลซึมตามเข้าไปๆ เป็นประเภทพรำเบาๆ พรำฝอยๆ บางทีก็ตูมตามลงมา ลูกเห็บคนละ ๙ บาท ๑๐ บาทก็มี บางทีเป็นกิโลก็มี นี่เรียกว่าลูกเห็บตูมตามลงมากับฝนกำลังมันฝอยลง ให้ได้มากๆ นะ เราเป็นห่วงตรงไหนเราก็พูดให้พี่น้องฟัง เป็นห่วงชาติไทยของเรา จุดนี้เป็นห่วงมากอยู่ เพราะฉะนั้นเวลาเรื่องผ่านไปแล้วจึงยังไม่แล้ว ยังขอบิณฑบาตและออดอ้อนพี่น้องทั้งหลายอยู่ตลอดนี้ อย่าด่วนว่าหลวงตาบัวรบกวนพี่น้องทั้งหลายเข้าใจเหรอ ให้หามาเถอะ ให้พร

ก็ดีอินโดนีเซียมาพูดให้ฟังวันนี้ มาสัมผัสเลยได้นำออกบ้างวันนี้ ที่ว่านรกแดนเมืองผีมาประกาศก้องให้เห็นประจักษ์ชัดเจนอยู่กับหัวใจบนพื้นฐานของเมืองมนุษย์ วันนี้ออกเสียบ้าง นี่เห็นไหมล่ะเก็บมานานสักเท่าไรแล้ว ๕๕ ปียังไม่เคย วันนี้มาสัมผัสจึงออก ที่ยังไม่ออกมากกว่านี้เป็นไหนๆ เข้าใจเหรอ นั่นละธรรมไม่ได้ผลักได้ดัน ไม่กดไม่ถ่วง ไม่ดีดไม่ดิ้น ที่กระวนกระวายอยากพูดอย่างนั้นอย่างนี้ไม่มีในธรรม มีเหมือนไม่มี รู้เหมือนไม่รู้ เห็นตามความเป็นจริงแล้วอยู่ตามเป็นจริงๆ เมื่อไม่มีอะไรสัมผัสที่จะนำออกมาก็ไม่ออก วันนี้ทางอินโดนีเซียมา ทางนั้นออกมาทางนี้จึงแย็บออกรับกัน มากกว่านี้เป็นไหนๆ จะมาว่าอะไรอย่างนั้น

วันนี้สันติมาพูดรู้สึกปลุกใจทางนี้ดีนะ ได้แย็บออกมาเสียบ้าง เขาพูดน่าฟัง พอเขาพูดปั๊บมันจะวิ่งถึงกันหมดกับเรื่องของเราที่เป็นมายังไงๆ เราจึงวิตกวิจารณ์ที่ว่าไปตกนรกๆ นั้น วิตกวิจารณ์กับพวกปทปรมะที่มันไม่ยอมฟังเสียงอรรถเสียงธรรมเลย พวกนี้จะเหมาเรื่องนรกนี้มาอยู่ในตัวทั้งหมดตั้งแต่ยังไม่ตายละ พวกปทปรมะ พวกคัดค้านธรรมพระพุทธเจ้า พวกโจมตีพระพุทธเจ้า พวกเดียวกันนั้นละ ไปละที่นี่

 

รับฟังรับชมพระธรรมเทศนาของหลวงตา ได้ที่

www.Luangta.com หรือ www.Luangta.or.th

และรับฟังจากสถานีวิทยุสวนแสงธรรม กรุงเทพฯ และสถานีวิทยุอุดร

FM 103.25 MHz


** ท่านผู้เข้าชมทุกท่านโปรดทราบ
    เนื่องจากกัณฑ์เทศน์บางกัณฑ์มีความยาวค่อนข้างมาก ซึ่งจะส่งผลต่อความเร็วในการเปิดเว็บไซต์ ขอแนะนำให้ทุกท่านได้อ่านเนื้อหากัณฑ์เทศน์บางส่วนจากเว็บไซต์ และให้ทำการดาวน์โหลดไฟล์กัณฑ์เทศน์ที่มีนามสกุล .pdf ไปเก็บไว้ในเครื่องของท่านแทนการอ่านเนื้อหาทั้งหมดจากเว็บไซต์

<< BACK

หน้าแรก