เทศน์อบรมฆราวาส ณ วัดป่าบ้านตาด
เมื่อวันที่ ๗ พฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๕๔๗
อะไรหรูหรายิ่งกว่าธรรมไม่มี
วันนี้วันทอดกฐิน วงกรรมฐานในสถานที่ต่างๆ วันนี้จะทอดเรียกว่าทั่วไปหมดเลย พอวัดนี้เคลื่อนเท่านั้น หลังจากนั้นก็ออกกันเลย รอวัดนี้วัดเดียว เมื่อวานนี้คนก็พิลึกนะ อย่างนี้ละไม่ว่างานใดคนแน่น ศาลาใหญ่หลังนี้เลยไม่มีความหมาย พิลึกนะ คนแน่นหมดเลย ใครก็ว่ามันใหญ่ๆ ทีนี้พอเห็นคนมาในงานเลยเล็กไป ศาลาหลังนี้ความยาวมัน ๖๐ เมตร ความกว้าง ๓๐ เมตร ทีแรกความกว้างเอา ๑๕ เมตร ความยาว ๕๕ เมตร ที่เจ้าของศรัทธาเดิมตั้งเอาไว้เรียบร้อยแล้ว สั่งไม้มาจากประเทศลาวนู่น เอามาค้างอยู่ตั้งสองปี เขาเกรงใจไม่กล้ามาเสนออะไร นี่ก็กระทิงแดง คุณเฉลียว คุณภาวนา พอสองปีผ่านไปแล้วคุณเฉลียวมาเองเลยขึ้นไปหาเราที่กุฏิ วันนี้เป็นยังไงก็เป็นกัน ว่างั้นนะ เหมือนว่าตั้งท่าขึ้นเวทีเลย วันนี้เป็นยังไงก็เป็นกัน แล้วเป็นอะไรถึงได้พูดอย่างนั้นล่ะ เขาก็เลยเล่าเรื่องว่า สั่งไม้มานี้ได้สองปีกว่าแล้ว ตกลงเลยไม้ก็จะเปื่อยจะเน่าไป อยากปลูกศาลา ขยับเข้ามาขออาจารย์เมื่อไรก็ เป็นยังไงในจิตนี่ มันถอยกรูดๆ วันนี้เลยตัดสินใจเป็นอะไรเป็นกัน ถึงได้มา
แล้วจะทำยังไงสร้างศาลา อยากก่อสร้างศาลา ไม้นี่สั่งมาจากประเทศลาวได้สองปีแล้ว รอแล้วรอเล่า ทีนี้เหตุการณ์มันก็หนักเข้าๆ เหตุการณ์ก็คือการช่วยชาติเกี่ยวข้องกับคน เวลามีงานทีไรคนมืดฟ้ามัวดิน ฝนตกเปียกปอนไปหมด นี่ละเป็นเหตุให้กล้าหาญ เอา เป็นไรเป็นกัน เขาพูดเหตุพูดผลให้ฟังขบขันดีนะ วันนี้จึงมาขอสร้างศาลาที่ตรงโน้น พูดถึงเรื่องเหตุเรื่องผลลงตัวทุกอย่างพร้อมมูล เรื่องราวที่จะสร้างศาลานี้ เล่าเหตุผลมา เราก็คอยฟังโดยลำดับ ทีนี้เมื่อเหตุผลลงเรียบร้อยแล้ว เราก็ว่า เอา เหตุผลดี พอดีทุกสิ่งทุกอย่างเหตุการณ์ต่างๆ มันก็เห็นประจักษ์อย่างที่ว่านี้ เอ้า สร้างก็สร้าง แล้วจะสร้างเอาความกว้างความยาวขนาดไหนเอ้าว่ามาซิ ตกลงใจให้แล้ว เหตุผลพร้อมแล้ว
เขาว่าจะสร้างความกว้าง ๑๕ เมตร ยาว ๕๕ เมตร ทางนี้ก็ตอบไปว่า โอ๊ย แคบไป เอาอย่างนี้นะ เอาความกว้าง ๓๐ เมตร เรียกว่าคูณกันเลย ครึ่งต่อครึ่งไปเลย แล้วความยาว ๕๕ เมตรก็ให้เป็น ๖๐ เมตรเสีย แล้วจะพอดีทุกสิ่งทุกอย่าง ทุกสัดทุกส่วนพอดีกันเลย พอว่าอย่างนั้นเขาสาธุขึ้นทันทีเลย เสียงดังลั่น สาธุ ก็เลยตกลงกัน ทีนี้ไม้ที่สั่งมา กะกำหนดตามที่สั่งมานั้นมันไม่พอซิพอเราว่างั้น ต้องสั่งไปอีก จึงช้าหน่อย สั่งจากประเทศลาวเข้ามา
ส่วนมากก็ได้ยินแหละว่าเราไม่นิยมทางด้านวัตถุ เราก็บอกอยู่แล้ว บางทีเอาเด็ดเอาขาดเลย คิดดูกุฏิเรานี้จะมาสร้างใหม่ให้เรา มาขอถึง ๘ หนฟังซิน่ะ หนที่ ๘ นี้ก็ใส่กันเลย คนเก่าแหละมาขอถึง ๘ หนนะไม่ใช่เล่น มาขอสร้างกุฏิใหม่ กุฏินี้เป็นอะไรเอ้าว่ามาซิ นี้จะเอากันละนะบอกตรงๆ เลย กุฏินี้มันเป็นยังไง มันแคบไป ก็อยู่ในท้องแม่แคบกว่านี้ทำไมอยู่ได้ ไล่กันไป สุดท้ายก็เลยบอกไม่สร้าง แล้วก็ดุเลยเทียว ควรฟังเสียงครูเสียงอาจารย์ซิ จะทำอะไรมีแต่ความอยากทำๆ โดยถ่ายเดียว ส่วนได้ส่วนเสียเอามาทบทวนกันดูซิ ธรรมเป็นส่วนสำคัญมากยิ่งกว่าวัตถุนะ การมาปฏิบัตินี้ปฏิบัติธรรม ไม่ได้ปฏิบัติตามสิ่งเหล่านี้ นี้เป็นเพียงอาศัยเท่านั้นพอแล้ว เรื่องของธรรมเป็นความสะดวกสบายเท่าไรยิ่งดี นี่เหมาะแล้วสะดวกแล้วทุกอย่าง ไล่เหตุไล่ผลดุเอาเลย ดุเอาจริงๆ ไม่ใช่ธรรมดา ถึง ๘ หน ตั้งแต่นั้นเลยเงียบจนป่านนี้แหละ เพราะใส่กันอย่างหนักจริงๆ ไม่ให้สร้าง
เขาว่าจะสร้างหลังใหม่หรือจะรื้อสร้างตรงไหนก็ได้ เราไม่เอาทั้งนั้น วัดนี้เราก็เคยปฏิบัติมาอย่างนั้น ครูบาอาจารย์เช่นหลวงปู่มั่นไปอยู่ที่ไหน ท่านหาอยู่อะไร ท่านไปอยู่ที่ไหน ศาลาเล็กๆ ท่านกั้นห้องอยู่เท่านั้นพอ กุฏิกระต๊อบอยู่พอ ของท่านพอตลอดเลย ตลอดมาจนกระทั่งท่านมรณภาพ กุฏิหนองผือนั้นเป็นท่านอาจารย์ฝั้นนะ พวกญาติโยมเขามาขอร้องให้ท่านอาจารย์ฝั้นมาติดต่อกราบเรียนขอปลูกกุฏิให้ท่าน ท่านว่าจะมาปลูกอะไร นี่มันก็พอดีอยู่แล้ว ท่านว่าอย่างนั้นแหละ ท่านอาจารย์ฝั้นท่านก็ให้เหตุผลอะไรต่ออะไร ท่านก็เลยนิ่ง พอนิ่งเขาก็เริ่มสร้างกุฏิหลังนั้นแหละขึ้นที่หนองผือ แต่ก่อนท่านอยู่ศาลา ท่านกั้นห้องศาลาอยู่ เป็นอย่างนั้นนิสัยท่าน
ท่านไม่เห็นอะไรในสามแดนโลกธาตุนี้เลิศเลอยิ่งกว่าธรรม ธรรมอยู่ในใจของท่าน กระจ่างทั่วครอบโลกธาตุ ประสาไม้ประสาอิฐปูนหินทรายมันวิเศษวิโสอะไร ความหมายว่าอย่างนั้น ร่างกายของเรานี้เหมือนกันสมมุติทั่วไป ก็อยู่ตามสมมุติทั่วๆ ไปเท่านี้พอ ทอดร่างกายอันนี้ใส่กับวัตถุนี้ซึ่งเป็นของเหมือนๆ กันเท่านี้พอแล้ว หรูหราฟู่ฟ่าไปหาอะไร ความหมายว่างั้น ธรรมชาติที่เลิศเลอสง่าอยู่ในหัวใจของท่านแล้ว จะมาเทียบกับสิ่งเหล่านี้ไม่ได้ แล้วจะเอาอะไรให้หรูหราๆ ยิ่งกว่าธรรมประเภทนี้ไม่มี ในสามแดนโลกธาตุนี้ไม่มี เพราะฉะนั้นไปอยู่ที่ไหนท่านจึงอยู่อย่างนั้นๆ เรื่อย กั้นห้องศาลาอยู่หรืออยู่กระต๊อบเล็กๆ คือร่างกายอันนี้กับสิ่งเหล่านั้นมันเหมาะสมกัน พอปลงวางสังขารร่างกายได้เท่านี้พอแล้ว ความหมายว่างั้น
ธรรมชาตินี้ทุกสิ่งทุกอย่างไม่มีอะไรเลิศเลอยิ่งกว่านี้ จะหาอะไรมาเสริม สามแดนโลกธาตุนี้ไม่มีอะไรเสมอเหมือนได้เลย ความหมายว่าอย่างนั้น อันนี้ก็เอาไว้ตามสภาพของมัน ร่างกายกับสิ่งเหล่านี้พออยู่ได้เท่านั้นอยู่ไป เพียงเท่านั้น ความหมายของท่านลึกซึ้งนะ เพราะฉะนั้นท่านถึงไม่ทำอะไรหรูหรา แต่เรื่องการภาวนานี้เอาตลอด เด็ดตลอด เรื่องการภาวนาเด็ดตลอด ไม่มีอ่อนข้อการแนะนำสั่งสอนท่านด้านจิตตภาวนา เรียกว่านามธรรม ได้แก่สั่งสมธรรมเข้าสู่ภายในใจ อันนี้ท่านเด็ดมากทีเดียว
เพราะท่านมีพยานอยู่ในหัวใจท่านแล้วสง่างาม สามแดนโลกธาตุอะไรจะมาเสมอเหมือนไม่มีเลย อันนี้ก็พอทอดร่างกายทิ้งไว้กับเขา สมมุติเขามียังไง ร่างกายของเราก็เป็นสมมุติทั่วไปเหมือนโลก ทีนี้สิ่งที่มาอาศัยพออาศัยกันได้เท่านั้นพอแล้ว ความหมายว่าอย่างนั้น จะให้มันเลิศเลออะไรก็ไม่มีทางเลิศแหละโลกสมมุติอันนี้ ก็มีเพียงเท่านี้ จะประดับประดาตกแต่งว่าสดสวยงดงามตามสายตาของกิเลสขนาดไหน มันก็คือความสกปรกของธรรมขนาดนั้นแหละ เทียบกันเข้าปั๊บเลย ท่านจึงทำอย่างนั้น ท่านไม่สนใจกับอะไรด้านวัตถุ พออยู่ได้อยู่ไป ร่มไม้ที่ไหน กระต๊อบที่ไหน อยู่ไป แต่จิตใจกับธรรมนี้ไม่ห่างเหินกันเลย เรื่องการภาวนาไม่ได้ห่างเหิน หมุนติ้วลงแต่ด้านจิตตภาวนาทั้งนั้น
อันนี้เขามาขอย้ายขออะไรนับได้ ๔ หนศาลาหลังนี้เราก็ไม่ให้ สุดท้ายเลยให้ท่านปัญญาของเรายกขึ้น เก่งไหมท่านปัญญาที่ล่วงไปแล้ว ฉลาดมากนะ สองสามคนเท่านั้นยกศาลาทั้งหลัง เอาท่านมาปรึกษาดูเพราะเขามาขอร้อง ทั้งจะปลูกสร้างใหม่ ทั้งจะซ่อมแซม แบบไหนๆ เขามาขอ เราไม่ให้ทั้งนั้น จึงเรียกท่านปัญญามาเมื่อหนักเข้าๆ ว่าศาลานี่จะทำยังไง จะยกขึ้นได้ไหมลองพิจารณาดูซิ ยกศาลาหลังนี้ แต่ก่อนมันเตี้ยๆ กว่านี้ ข้างล่างอยู่ไม่ได้ อยู่ได้แต่ข้างบน ท่านพิจารณาลองดูซิจะยกได้ไหม ท่านบอก คิดว่ายกได้ ถ้ายกได้ก็มอบให้เป็นภาระท่านทั้งหมด ให้ท่านพิจารณาเอง ยกศาลาหลังนี้ขึ้น ระดับสูงต่ำขนาดไหนแล้วแต่ท่านจะพิจารณาเห็นควร ท่านก็ตกลงเลย
มีคนงานสองสามคนเท่านั้นไม่ได้มาก นี่ละปัญญาเห็นไหมล่ะ ยกขึ้นเรียบหมดเลย ท่านละยกขึ้นทั้งหมด แล้วขึ้นเสาใหม่ เหล่านี้เสาใหม่นะข้างล่างนี่ เสาซีเมนต์นี่เสาใหม่ แต่ก่อนเป็นไม้ ศาลาหลังนี้เลยอยู่ได้สองชั้น ข้างบน ข้างล่าง
นี่ละเรื่องครั้งพุทธกาลตั้งแต่พระพุทธเจ้ามา ท่านเทิดทูนสุดยอด เรื่องของธรรมแล้วไม่มีพระพุทธเจ้าพระองค์ใด สาวกองค์ใด ที่จะกล้าเหยียบย่ำทำลายธรรมเหล่านี้ได้ ยกวัตถุทั้งหลายขึ้นเหยียบย่ำทำลายธรรมไม่มี เพราะท่านเห็นความเลิศเลอเสมอกันหมด แบบเดียวกันหมด ความรู้ความเห็นของท่านจึงเป็นอย่างนั้น ท่านจึงนิยมในทางด้านธรรมะมากยิ่งกว่า และส่งเสริมมากที่สุดในทางด้านธรรมะ วัตถุเพียงเป็นเครื่องอาศัยไปวันหนึ่งๆ พอแล้วๆ เท่านั้น ธรรมจึงเจริญในใจ ทีนี้ธรรมเจริญขึ้นในใจแล้ว เช่นอย่างพระพุทธเจ้าตรัสรู้เพียงองค์เดียว เป็นศาสดาได้สามโลก พระสงฆ์แต่ละองค์ๆ ที่บรรลุธรรมขึ้นมาถึงแดนพ้นทุกข์โดยสมบูรณ์แบบแล้ว สอนโลกได้เต็มภูมิของสาวกองค์นั้นๆ ธรรมต่างหากสอนโลกให้รู้จักดีจักชั่ว รู้จักบาปจักบุญได้ วัตถุต่างๆ สอนไม่ได้นะ ไม่ได้สอนใคร นอกจากไปหลงเขาเท่านั้น ให้เขาสอนคนหลงเท่านั้นแหละ คนรู้เขาไม่สอน นี่ละครั้งพุทธกาลท่านดำเนินมาเป็นแบบฉบับ
ทุกวันนี้กิเลสเข้าเหยียบย่ำทำลายไปหมด ทำวัดที่ไหนนี้เรื่องก่อเรื่องสร้างออกหน้าออกตา หรูหราฟู่ฟ่าสวยงาม หอปราสาทชั้นสวรรค์สู้ไม่ได้ การก่อการสร้างหรูหราฟู่ฟ่า มิหนำซ้ำว่าให้เป็นที่เกรงขาม เกรงขามอะไรประสาอิฐประสาปูน เกรงมันอะไร ทราย เกรงมันหาอะไรมันมีอยู่ทั่วไป ธรรมต่างหาก นั่น ท่านจึงได้สนใจในธรรมมากทีเดียว ท่านไม่ได้สนใจวัตถุ เวลานี้เห็นไหมกิเลสเหยียบเข้ามา ศาสนามีที่ไหน มีตั้งแต่กิเลสเหยียบย่ำทำลาย เข้าสถานที่อยู่ของพระ แม้ตัวพระองค์เองก็กิเลสเหยียบเข้าไป กลายเป็นมูตรเป็นคูถขึ้นมาในพระแต่ละองค์ๆ ที่ปฏิบัติเหลวแหลกแหวกแนว ไม่มองดูธรรมดูวินัยซึ่งเป็นองค์ศาสดาแทนพระพุทธเจ้านั้นเลย หาตั้งแต่วัตถุสิ่งภายนอกมาบำรุงมาอวดกัน อวดกันก็เป็นเรื่องของกิเลส อย่างนี้ทั้งนั้น
ทีนี้วัดหนึ่งๆ วัดนั้นก็เลยกลายเป็นส้วมไปเลย สร้างดิบสร้างดีเท่าไรสวยงามขนาดไหนก็เป็นส้วม ส้วมของอะไร ส้วมของมูตรของคูถ มูตรคูถคืออะไร คือพระเณรเรา ปฏิบัติไม่ตรงตามหลักธรรมหลักวินัย ปฏิบัติตัวเป็นมูตรเป็นคูถอยู่ในวัด ทีนี้วัดก็เลยกลายเป็นส้วมเป็นถานของมูตรของคูถ คือพระเณรที่ปฏิบัติเหลวแหลกไปเสีย อย่างนั้นเสียมากต่อมาก เอ้าพูดตรงๆ อย่างนี้ นี้เอาธรรมมาพูด เรื่องของพระพุทธเจ้าไม่มี พูดให้ชัดเจนอย่างนี้ ตำรับตำราก็ไม่มี ไม่ส่งเสริม เรื่องการก่อการสร้างสิ่งนั้นสิ่งนี้ไม่มี บรรดาพระสาวกหรือพระสงฆ์องคเจ้าองค์ใดเข้ามาเฝ้าพระพุทธเจ้า รับสั่งปุ๊บ ไหนเป็นยังไง ไปอยู่ถ้ำนั้นป่านั้นภูเขาลูกนั้นการภาวนาเป็นยังไง ท่านไม่ได้ว่าที่อยู่ดิบดีไหม ไม่ได้ว่านะ ท่านถามเรื่องภาวนา การภาวนาเป็นยังไง ถามลงนี้ๆ ทั้งนั้นเลย ไล่ก็ไล่เข้าป่า
พอบวชเข้ามาแล้วก็ รุกฺขมูลเสนาสนํ นิสฺสาย ปพฺพชฺชา ตตฺถ เต ยาวชีวํ อุสฺสาโห กรณีโย บรรพชาอุปสมบทแล้วให้ท่านทั้งหลายไปอยู่ตามรุกขมูลร่มไม้ ในป่าในเขา ตามถ้ำเงื้อมผา ตามป่าช้าป่ารกชัฏ ที่แจ้งลอมฟาง ซึ่งเป็นสถานที่ไม่ถูกรบกวนด้วยสิ่งที่เป็นข้าศึกทั้งหลาย แล้วการบำเพ็ญเพียรภาวนาเพื่อชำระกิเลสก็สะดวกสบาย ให้เธอทั้งหลายอุตส่าห์อยู่และบำเพ็ญในสถานที่เช่นนั้นตลอดชีวิตเถิด ฟังซิน่ะ นี้เป็นคำที่เน้นหนักของพระพุทธเจ้าตลอดมาจนกระทั่งทุกวันนี้ พระทุกองค์บวชแล้วต้องได้รับพระโอวาทข้อนี้จนได้ไม่มีเว้นแม้องค์เดียว ต้องสอนเข้าในป่าในเขา แล้วมันเข้าไปไหนล่ะพิจารณาซิ มันไปที่พระพุทธเจ้าสอนหรือมันโดดเข้าไปตลาดกระดูกหมูกระดูกวัว กระโดดเข้าไปหายศหาลาภหาคำสรรเสริญเยินยอ หาบรรดาศักดิ์ต่างๆ อันเป็นป่าๆ เถื่อนๆ กาฝากมหาภัย เข้ามาเหยียบหัวพระองค์เป็นบ้านั้นแหละ เหล่านี้มากต่อมากแล้วเวลานี้ มีที่ไหนที่บวชแล้วมุ่งอรรถมุ่งธรรม
คำสรรเสริญเยินยอลาภยศเหล่านี้ พระพุทธเจ้าทรงตำหนิ ปัดออกหมดมาแต่ดั้งเดิมแล้ว แล้วมันขนเข้ามาเผาหัวมันอะไรพระ บวชมาแล้วหาอะไร บิณฑบาตชาวบ้านเขาก็ให้กินอยู่ทุกวันๆ สถานที่อยู่ก็พออยู่พอเป็นพอไป มันก็พอแล้วสำหรับพระผู้มุ่งอรรถมุ่งธรรม ไม่ได้มุ่งความสกปรกคือลาภยศสรรเสริญเยินยอบ้ายศอยู่อย่างนี้ ท่านอยู่ที่ไหนท่านสบาย นี่ละแบบตำรับตำรามีมาอย่างนี้ลบล้างได้ยังไง ตามความจริงแล้วลบล้างไม่ได้ มันลบล้างโดยหลักธรรมชาติของกิเลสที่กลายเป็นความเหนือธรรม เป็นมูตรเป็นคูถขึ้นเหยียบทองคำทั้งแท่ง คือธรรม ให้สลายไปหมดไม่มีเหลือเลย
มิหนำซ้ำใครอยู่ในป่าในเขา พระอยู่ในป่าในเขากลายเป็นพระวิกลจริตไปแล้ว เห็นไหมกิเลสมันออกลวดลายของมันแบบหน้าด้านเลย มันไม่มองดู รุกฺขมูลเสนาสนํ เลย ทั้งๆ ที่พระบวชมาได้รับโอวาทข้อนี้แล้ว มันยังหาว่าผู้อยู่ในป่าในเขาเป็นผู้วิกลจริตไปอีก พระพุทธเจ้าก็วิกลจริตไปหมดถ้าลงพระป่าเป็นวิกลจริต นี้เป็นลูกศิษย์ตถาคต ลูกหลานตถาคต ตถาคตเป็นพระวิกลจริตมาแล้ว มันดูถูกเหยียดหยามทำลายถึงขนาดพระพุทธเจ้าลงมา มันอายบาปไหมพิจารณาซิ
นี่ละพระทุกวันนี้ออกมาพูดโต้งๆ ทางวิทยุกระจายเสียงทั่วประเทศไทยเรื่องความหยาบโลนของตน เหยียบหัวพระพุทธเจ้า ให้ประชาชนทั้งโลกเขาได้เห็นได้ยินได้ฟัง เพราะท่านเหล่านี้เรียนมาเหมือนกัน รู้มาเหมือนกัน มันก็ไปเหยียบย่ำต่อหน้าต่อตาอย่างนี้ เป็นยังไงกิเลสทุกวันนี้มันอายใครเมื่อไร มันไม่ได้อาย บวชเข้ามามาหาลาภหายศ หาความสรรเสริญเยินยอมีที่ไหน ไม่มี บวชเข้ามาแล้วก็ต้องหาศีลหาธรรม อยู่รุกขมูลร่มไม้ นี่คือหาธรรมนั่นเอง ให้ไปบำเพ็ญสมณธรรม
องค์นี้สำเร็จพระโสดา องค์นี้สำเร็จเป็นพระสกิทา องค์นั้นสำเร็จเป็นพระอนาคา องค์นั้นสำเร็จพระอรหันต์ มาจากมหาวิทยาลัยป่าทั้งนั้น ที่พระพุทธเจ้าพาอยู่มาแล้ว บำเพ็ญมาแล้ว แล้วมันเสือกไปหาอะไร ไอ้ลาภยศสรรเสริญเยินยอจนเป็นบ้า เวลานี้ศาสนาเฉพาะอย่างยิ่งในเมืองไทยเรากำลังโกลาหลอลหม่าน เพราะบ้านี้แหละไปเที่ยวเหยียบธรรมให้แหลกหมดเลย บ้ายศบ้าลาภ บ้าสรรเสริญเยินยอ บ้าอำนาจบาตรหลวงป่าๆ เถื่อนๆ นี้เข้าไปเหยียบอรรถเหยียบธรรม เวลานี้ขุ่นมัวไปหมดทั่วประเทศไทย
พระที่ท่านมุ่งอรรถมุ่งธรรม ตั้งใจประพฤติปฏิบัติอยู่ในป่าในเขาก็ต้องเดือดร้อนกระทบกระเทือน เพราะมันจะเข้าไปเหยียบไปทำลายพระพุทธเจ้าองค์ศาสดาคือพระธรรมวินัยที่ท่านปฏิบัติที่ท่านเทิดทูนอยู่ ท่านก็ทนอยู่ไม่ได้ท่านออกมาชำระสะสางสิ่งเหล่านี้ ให้จำเอานะ ดังที่พระท่านออกประชุมมาหลายๆ ครั้งแล้ว นี้มีแต่ท่านผู้ทรงศีลทรงธรรมอุตส่าห์ออกมา เพราะมันจะเข้าไปเหยียบย่ำทำลายของดิบของดี ของเลิศของเลอที่พระพุทธเจ้าประทานให้แล้ว ท่านปฏิบัติเทิดทูนอยู่นั้นจะถูกทำลาย ท่านออกมาชำระๆ
นี่ก็เพราะกิเลสตัวโหดร้ายทารุณอำนาจป่าเถื่อนนั่นแหละ เป็นอยู่ในเมืองไทยของเรานี้เห็นไหม มันดูไหมคัมภีร์ เรียนมาสักเท่าไร ตั้งยศขึ้นไปตั้งแต่ปลัด ใบฎีกา ขึ้นไปฟาดเจ้าฟ้าเจ้าคุณ สมเด็จสมแด็ดอะไรก็ไม่รู้ มันมีแต่ชื่อนะสมเด็จ ตัวคนมันจมอยู่ใต้ก้นนรก สกปรกยิ่งกว่ามูตรกว่าคูถไปอีก มันไม่ได้มองดูตัวเลย นี่ละที่น่าสลดสังเวชเวลานี้ เอาธรรมจับเข้าไปซิ ไม่ได้พูดดูถูกเหยียดหยามผู้ใด ไม่ได้ยกยอด้วยหาเหตุหาผลไม่ได้ พูดตามหลักความจริง นี่เราเอาคัมภีร์มาพูด เอาหลักธรรมพระพุทธเจ้ามาพูด ใครว่าเราพูดผิดเอามายันตัดคอเราได้เลย เราไม่มีสะทกสะท้านในสิ่งเหล่านี้ เพราะเราปฏิบัติมาอย่างนี้ แล้วการปฏิบัติมาอย่างนี้ ความรู้ความเห็นก็เป็นขึ้นมาภายในจิตใจสดๆ ร้อนๆ เหมือนครั้งพระพุทธเจ้ายังทรงพระชนม์อยู่ ใครปฏิบัติก็เห็นผลสดๆ ร้อนๆ ตลอดมาๆ เหมือนกับกิเลสเห็นผลสดๆ ร้อนๆ ตลอดมา เผาบ้านเผาเมืองมาตลอดอย่างนี้ ความดีนั้นละฟื้นขึ้นมาทำไมจะไม่ดี นี่เราพูดตามหลักความจริงนะ
เราพูดถึงเรื่องในด้านวัตถุที่เข้าเหยียบย่ำทำลายวัดวาอาวาส ศีลธรรมไม่มีเหลือนะเวลานี้ วัดก็เป็นส้วมเป็นถาน ในวัดก็มีแต่มูตรแต่คูถ คือพระเณรที่เหลวแหลกแหวกแนวอยู่ในวัดนั้นๆ กลายเป็นส้วมเป็นถานโดยไม่ต้องเสกสรร มันก็เป็นแล้ว เพราะตัวเองแต่ละคนๆ เป็นมูตรเป็นคูถ เสกสรรตัวเองให้เป็นมูตรเป็นคูถอยู่แล้ว มันจะไม่เป็นมูตรเป็นคูถไปยังไง วัดที่เป็นที่อยู่ของพระก็กลายเป็นส้วมเป็นถานที่อยู่ของมูตรของคูถไปหมดแล้วเวลานี้ ศาสนธรรมมีอยู่ที่ไหน
เราอย่าไปคอยหาอรรถหาธรรมกับพระนะ สมัยทุกวันนี้หายากนะหาอรรถหาธรรมกับพระ ถ้าหามูตรหาคูถกับพระไม่ต้องหา เขาเหมือนเรา เราเหมือนเขาเสมอไปเลย ดีไม่ดีพระเลวกว่าฆราวาสอีกก็มี นี่ละเอาธรรมมาพูดพูดให้ฟังอย่างนี้ ถ้าพูดตามอรรถตามธรรมแล้วใครก็รู้ด้วยกันทุกคน มันทำได้ลงคอหรือทำอย่างนั้น ก่อความเดือดร้อนวุ่นวาย ความสกปรกโสมมขึ้นใส่ชาติบ้านเมืองของเราซึ่งเป็นชาติแห่งชาวพุทธ มีพระเณรเต็มอยู่ในวัดในวา ซึ่งเป็นผู้ที่ให้คำแนะนำสั่งสอนในทางที่ดิบที่ดี มันกลับกลายเป็นเรื่องสกปรกไปตามๆ กันหมด ลากประชาชนที่เขามาเกาะให้ลงจมไปด้วยกันมีอย่างหรือ นี่ละเรื่องกิเลสไปที่ไหนแหลกไปอย่างนี้ ไม่มีคำว่าดิบว่าดี พากันจำเอา ชำระ มีอยู่ด้วยกันทุกคน กิเลสเหล่านี้ไม่ได้มีอยู่กับผู้อื่นผู้ใดโดยถ่ายเดียว อยู่กับเราด้วยกันทุกคน เอามาแก้มาไขดัดแปลงแล้วก็จะดีขึ้นด้วยกันนั่นแหละ เอาละ วันนี้พูดเพียงเท่านี้แหละพอ
กฐินวัดป่าบ้านตาด วันที่ ๖ พฤศจิกายน ๔๗ ทองคำได้ ๒ กิโล ๕๓ บาท ๖๑ สตางค์ ดอลลาร์ได้ ๓,๑๑๙ ดอลล์ เงินบาทได้ ๑๑,๔๔๔,๓๙๒ บาท จำนวนเหล่านี้แยกเป็นเงินสด ๖,๘๔๔,๓๙๒ บาท เป็นเช็คสี่ล้านหกแสนบาท กรุณาทราบตามนี้ หลวงตารู้สึกเบาหัวอกขึ้นมากมายนะ เพราะหลวงตาแบกชาติไทยของเราทั่วไปหมด การก่อการสร้างทางโน้นทางนี้ มาอยู่กับหลวงตาหมด จะเป็นผู้จ่ายเงิน เงินนี้ออกมาจากบรรดาพี่น้องทั้งหลาย เข้ามานี้แล้วก็ออกกระจายไปอย่างนั้น รู้สึกว่าเบามากคราวนี้ เบาหัวอกมากทีเดียว ตึกที่สร้างไว้ตามที่ต่างๆ เอาเงินเหล่านี้ละออกๆ จ่าย เบาไปๆ พี่น้องทั้งหลายก็เบา ความตระหนี่หมดไป ความผ่องใสของจิตที่เกิดขึ้นมาจากการให้ทาน สง่างามขึ้นๆ ความสง่างามนี้แหละจะพาท่านทั้งหลายไปสง่างามแดนสวรรค์ พรหมโลกและนิพพานนะ (สาธุ) เออ เอาละพอ
รับฟังรับชมพระธรรมเทศนาของหลวงตา ได้ที่
www.Luangta.com หรือ www.Luangta.or.th
และรับฟังจากสถานีวิทยุสวนแสงธรรม กรุงเทพฯ และสถานีวิทยุอุดร
FM 103.25 MHz |