ไปดูพญานาค
วันที่ 29 ตุลาคม 2547 เวลา 8:30 น.
สถานที่ : วัดป่าบ้านตาด
| |
ดาวน์โหลดเพื่อเก็บไว้ในเครื่อง
ให้คลิกขวาแล้วเลือก Save target as .. จาก link ต่อไปนี้ :
ข้อมูลเสียงแบบ(Win)   วิดีโอแบบ(Win Narrow Band)

ค้นหา :

เทศน์อบรมฆราวาส ณ วัดป่าบ้านตาด

เมื่อวันที่ ๒๙ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๕๔๗

ไปดูพญานาค

 

ก่อนจังหัน

วันนี้พระขาดไป ๒๔ องค์ไม่ฉัน ขาดอยู่เรื่อยๆ อย่างนี้ เพราะมีหลายองค์ เดี๋ยวองค์นี้มาฉัน องค์นั้นไม่ฉัน เรื่อย ติดกันมาตั้งแต่เริ่มสร้างวัดป่าบ้านตาด วัดนี้จะว่าพระมาฉันจังหันครบองค์ไม่มี ว่างั้นเลย ตลอด เช่นอย่างวันนี้มาฉันเพียง ๓๑ องค์ ขาดไปตั้ง ๒๔ องค์ ที่ขาดไปนั้นคือท่านไม่ฉัน ท่านภาวนา ผู้ที่มาฉันก็มาฉันด้วย ภาวนาด้วย ผู้นี้ดูจะได้กำไรมากกว่าผู้ที่ไม่ฉัน ได้แต่ภาวนา เอาไปพิจารณานะ พระท่านไม่ฉันได้แต่ภาวนาอย่างเดียว ผู้ที่ฉันก็ฉันด้วยภาวนาด้วย ถ้าเป็นพระขี้เกียจฉันก็ฉันมากแต่ภาวนาไม่มี เข้าใจเหรอ ต้องแยกแยะซิ ในวัดนี้มีได้ด้วยกันทั้งนั้นแหละ ที่ไหนก็มี

กิเลสอยู่ที่ไหนๆ ความสกปรก ความเลอะเทอะ จะมีอยู่ที่นั่นๆ ถ้าธรรมอยู่ที่ไหน ความสะอาด ความสงบร่มเย็น ก็จะมีที่นั่น ขอให้ท่านทั้งหลายจำเอา พินิจพิจารณา มาวัดมาวามาให้ดูให้พิจารณาให้เป็นอรรถเป็นธรรม อย่าสักแต่ว่ามา เห็นเขาไปก็ไป เห็นเขามาก็มา ไปเที่ยวดูพระวัดนี้วัดนั้น ไปเที่ยวดูๆ เหมือนพระเป็นควาย พวกเราเป็นคน เลยกลายเป็นเรื่องตรงกันข้าม พระท่านเป็นพระ เรามันเป็นควาย ไปดูแบบนั้น อย่าไปดูแบบนั้นซิ ดูไปเพื่อเป็นคติตัวอย่าง ไม่เช่นนั้นจะไม่เกิดประโยชน์อะไร

ตา หู จมูก ลิ้น กาย สำหรับใช้ทำประโยชน์และทำโทษให้ตัวเองได้ทั้งนั้น เพราะเป็นเครื่องมือที่ใช้ ถ้าใจได้รับการอบรมในทางที่ถูกที่ดี เครื่องมือเหล่านี้ก็ไปทำประโยชน์ในทางที่ดี ถ้าจิตใจได้รับการเสี้ยมสอนในทางไม่ดีๆ แล้ว ร่างกายเป็นเครื่องมือสำหรับสร้างโทษสร้างภัยให้แก่ตัวเองนั่นแหล

วันไหนก็แน่นทุกวัน อย่างนี้แหละ สำหรับวัดนี้มีคนมามากเป็นประจำ เพราะฉะนั้นจึงได้เตือน มาให้ดูนะ ธรรมเป็นของเปิดเผย ผู้ดูก็ให้ดูอย่างชัดเจน ฟังให้ดี ไม่เช่นนั้นจะไม่เกิดประโยชน์อะไรแหละ ต่อไปนี้จะให้พร

 

หลังจังหัน

         เมื่อวานนี้เอาอาหารไปให้โรงพยาบาลพรเจริญ ได้โอกาสจากนั้นก็เลยเตลิดไปทางนครพนมไปตามลำแม่น้ำโขง ไปดูพญานาคกับเขา เราไปไม่ได้ไปดูตามลำแม่น้ำโขงแหละ เราจะไปดูตามข้างถนน ตามถนน มันมีแต่พญานาคตัวใหญ่ตัวเล็ก พอมาถึงโพนพิสัยเท่านั้น โอ้โหย รถ รถใหญ่ต้องทำสนามให้จอดเลยนะ ต้องมีสนามให้จอด แล้วรถเล็กจอดแหลกไปหมดเลย รถเล็กมันมากต่อมาก พอมาถึงโพนพิสัย ตอนนั้นดูว่าประมาณบ่ายโมงไปถึงที่นั่น รถเล็กรถน้อยกำลังหลั่งไหลเข้าไป ส่วนรถใหญ่ก็ไป ที่ไปแล้วก็เป็นสนามจอดรถ มีสนาม พวกตำรวจคอยจัดที่ให้อะไรให้ ดูแล

เป็นยังไงใครได้ไปดูไหม เมื่อวานนี้ได้เห็นไหม (ไม่เห็นค่ะ) เมื่อวานนี้ใครไปดูได้เห็นไหมพญานาค ไปแต่ไม่เห็นเหรอ (ข่าวเขาว่าขึ้น ๑๕ ค่ำทางไทยกับทางลาวไม่ตรงกัน ก็เลยไม่ขึ้น เห็นว่าวันนี้จะขึ้น ข่าวเขาออกมา) เออ โกหกไป หูนี่มันรับหมด ใครโกหกไม่โกหกมันฟังทั้งนั้นแหละ ท่านแสดงไว้ในพระสูตรมีนะ พวกภูตพวกผีอยู่ทางด้านตะวันออก พวกเทวดาอยู่ทางด้านทิศใต้ พวกพญานาคอยู่ทางด้านทิศตะวันตก พวกยักษ์อยู่ทางด้านทิศเหนือ แล้วเป็นชั้นๆ นะ ปุรตฺถิมสฺมึ ทิสาภาเค สนฺติ ภูตา มหิทฺธิกาฯ สนฺติ เทวา มหิทฺธิกาฯ เทวดา สนฺติ นาคา มหิทฺธิกาฯนี่พวกพญานาค สนฺติ ยกฺขา มหิทฺธิกาฯ พวกยักษ์อยู่ทางด้านทิศเหนือ จากนั้นก็ ปุริมทิสํ ธตรฏฺโฐ ทกฺขิเณน วิรุฬฺหโก ปจฺฉิเมน วิรูปกฺโข กุเวโร อุตฺตรํ ทิสํ  นี่มีแต่พวกสำคัญๆ ที่อยู่ในโลกอันนี้ที่ว่าหมื่นโลกธาตุ พวกสัตว์ทั้งหลาย พวกเทพพวกอะไรมีเต็มไปหมด

คือโลกนี้มันกว้างจนหาประมาณไม่ได้ ฟังแต่ว่าหมื่นโลกธาตุที่ท่านแสดงไว้ในธัมมจักกัปปวัตตนสูตร ทสสหสฺสี โลกธาตุ หมื่นโลกธาตุ สงฺกมฺปิ สมฺปกมฺปิ สมฺปเวธิ โกลาหลอลหม่านสะเทือนสะท้านกันไปหมดถึงหมื่นโลกธาตุ ธรรมพระพุทธเจ้ากระเทือนขึ้น ถึงหมื่นโลกธาตุ แสดงอานุภาพแห่งธรรมกระเทือนไปหมดเลย พระพุทธเจ้าตรัสรู้เพียงพระองค์เดียวเท่านั้นกระเทือนถึงหมื่นโลกธาตุ เราไม่ว่าไปมาก เอาเพียงแค่นี้ เทวบุตรเทวดาอินทร์พรหมกระเทือนกันไปหมดเลย เหล่านี้ใครจะเชื่อได้ ไม่มีหูใดจะเชื่อได้ ใจดวงใดจะเชื่อได้ง่ายๆ นะ ใจพระอรหันต์ผึงเดียวถึงกันหมดเลย ยอมรับทันทีเพราะเป็นอันเดียวกันแล้ว สิ่งที่จะรับทราบก็ยอมรับ กิ่งก้านแขนงไปทางไหนยอมรับๆ เลย นี่ละโลกเชื่อยากอย่างนี้เอง คนที่จะไปทางฝ่ายดิบฝ่ายดีจึงมีน้อยมากๆ ที่ไม่เชื่อก็ลงไปตามความมืดบอดของตนๆ  มันก็เห็นได้อย่างชัดๆ อย่างนี้

ธรรมพระพุทธเจ้าเป็นของเล่นเมื่อไร เราจึงบอกปรับปรุงใจให้ดีนะ จะเป็นไปตามนิสัยวาสนาของตนๆ หากจะเป็นไม่รายใดก็รายหนึ่งทำอยู่ ถึงไม่เป็นอย่างนั้น ผลแห่งความดีงามที่เราตั้งใจภาวนานี้ ผลนี้มีอานิสงส์มาก มีผลตลอดๆ ส่วนที่จะแสดงอะไรๆ ขึ้นมานั้นมีแง่ต่างๆ กัน แต่ความสงบเป็นพื้นฐานให้จิตใจสงบเย็นสบาย อัศจรรย์แปลกประหลาดอยู่ภายในจิตใจ ส่วนรัศมีของจิตที่จะแสดงออกต่างๆ นั้นมีมากน้อยต่างกัน เช่นเดียวกับต้นไม้แต่ละต้น กิ่งก้านสาขาดอกใบที่แตกกระจายออกไปนั้นไม่เหมือนกัน อันนี้ก็เหมือนกันนิสัยวาสนาของแต่ละรายๆ นี้ ไม่ว่าหญิงว่าชายมีอยู่เหมือนกันหมด เพราะจิตไม่มีเพศ จะแสดงออกตามนิสัยของตน

เพราะสิ่งทั้งหลายเหล่านี้มี เหมือนกับที่ว่าเสียงเป็นวิสัยของหูจะรับทราบเท่านั้น รูปทั้งหลายเป็นวิสัยของตาที่จะรับทราบได้ตามความสามารถของตน มีอยู่ทั่วไป เมื่อมีเครื่องรับแล้วก็รับทราบกันได้เท่าที่ความสามารถของเครื่องรับเรามีใช่ไหม ถ้าไม่มีเครื่องรับ มีเท่าไรก็เหมือนไม่มี เช่นพวกหูหนวกตาบอด เขาเห็นกันทั้งโลก ไอ้ตาบอดมันไม่เห็นจะว่าไง ไอ้หูหนวก เขาฟังกันทั้งโลก ไอ้หนวกมันไม่ได้ยิน เข้าใจไหม นี่ละพวกเรานี่มันใจบอดพูดลงนี้นะ เมื่อใจบอดแล้วสิ่งทั้งหลายที่จอมปราชญ์ทั้งหลายท่านแสดงไว้ด้วย อาโลโก อุทปาทิ ความสว่างจ้าของจิตใจได้รู้ได้เห็นแสดงออกมานี้ พวกตาบอดมันไม่เห็น มิหนำซ้ำไม่เห็นแล้วยังปฏิเสธว่าไม่มีอีก โน่นน่ะฟังซิ

ธรรมพระพุทธเจ้าเปิดขึ้นมาแล้ว เป็นขึ้นในหัวใจใดก็ตาม จะแสดงเป็นความแปลกประหลาดอัศจรรย์ขึ้นในหัวใจ ตั้งแต่เกิดมาไม่เคยพบเคยเห็นความแปลกประหลาดอัศจรรย์ วิ่งกันทั่วโลกดินแดน มีแต่ฟืนแต่ไฟเผาไหม้กันไปหมดทุกแห่งทุกหน เพราะกิเลสพาวิ่ง นั่นมันต่างกัน ทีนี้ธรรมพอจ้าเข้าภายในใจนี้ มันระงับดับทุกข์ทั้งหลายไปโดยลำดับ สิ่งใดที่เคยเป็นฟืนเป็นไฟเป็นภัยแก่ตัวเองจะถอยตัวเข้ามาๆ สู่ธรรมซึ่งเป็นของร่มเย็น

นี่ละสิ่งที่มีอยู่ทั้งหลายใครจะปิดไม่ได้นะทั่วแดนโลกธาตุ เมื่อมีญาณหยั่งทราบ ครอบไปหมดโลกธาตุ ดังพระพุทธเจ้าที่ว่า อาโลโก อุทปาทิ สว่างจ้าอยู่ทั้งกลางวันกลางคืน โลกวิทู รู้แจ้งโลก โลกนอกโลกในตลอดทั่วถึง จิตเหมือนกันนั่นแหละ แต่จิตอันนี้จิตของพระพุทธเจ้ากับจิตของพวกเรามันต่างกัน

ที่นำมาแสดงเหล่านี้มาจากสิ่งที่มีที่เป็นทั้งนั้น ท่านไม่ได้ลบล้าง อะไรมียังไงบอกว่ามีๆๆ ไปตามที่ทรงรู้ทรงเห็นไว้แล้ว มาสอนโลก ท่านก็สอนเฉพาะโลกที่จะพอเข้าอกเข้าใจได้บ้าง ส่วนไหนที่สุดวิสัยท่านไม่สอน เป็นแต่แสดงไว้เป็นกลางๆ เอาไว้อย่างนั้น ส่วนที่จะมาสอนมีเรื่องศีลเรื่องทานการภาวนา ท่านสอนอันนี้ อยู่ในวิสัยที่จะทำได้ๆ และมันก็ค่อยๆ รู้ของมันไปเอง

ถ้ามีจิตตภาวนานี้ชาวพุทธเราจะมีความแพรวพราวขึ้นภายในจิตใจ ศาสนาจะแน่นหนามั่นคงขึ้นในหัวใจของแต่ละคน แสดงออกก็เป็นมงคลไปด้วยกันนั่นแหละ นี่เรียกว่าธรรมแสดงออก ถ้ากิเลสแสดงออกก็ดังที่ว่า ไปซิโลกไหนที่มีความผาสุกเย็นใจไม่มี เพราะกิเลสครองไว้หมดก่อฟืนก่อไฟเผาตลอด ใหญ่เท่าไรยิ่งกองใหญ่นะ เมืองไหนๆ ประเทศไหนใหญ่ที่ไหนโลกไหนที่ว่าใหญ่ที่ไหน นั่นแหละกองไฟใหญ่อยู่ที่นั่น ไม่ได้เหมือนธรรม ธรรมมีอยู่ที่ไหนเย็นอยู่ที่นั่นๆ เช่นอย่างพระท่านอยู่ในป่าในเขา

พูดมันอดไม่ได้นะเกี่ยวกับเรื่องป่าเรื่องเขา เพราะรู้มากรู้น้อยมันไปรู้อยู่ในป่าในเขาเงียบๆ คนเดียวๆ สง่างามจ้าไปที่ไหนมันก็เป็นอยู่ในใจของผู้ที่บำเพ็ญอยู่ในป่าในเขา ครั้นออกมาข้างนอกก็จ้าอยู่ข้างนอก ไปที่ไหนก็จ้าอยู่ที่นั่น ธรรมอยู่ในใจเป็นอย่างนั้นแหละ เย็นไปหมดไปไหน ถ้ากิเลสอยู่ภายในใจแล้วเดือดร้อนมากทีเดียว ใจของเจ้าของที่จะแสดงอัศจรรย์ให้เห็นอยู่แต่ถูกตัวเลวร้ายนี้ปิดไว้เสีย ก็เลยเป็นใจเลวร้ายไปตามๆ กันเสีย ไม่มีของแปลกประหลาด จิตใจก็เลยกลายเป็นบ๋อยของกิเลส หาค่าหาราคาไม่ได้ เป็นบ๋อยเขาตลอดทั่วโลกดินแดน พอธรรมจ้าขึ้นมาๆ ธรรมเริ่มเป็นใหญ่ขึ้นๆ ทีนี้ครอบโลกธาตุ โลกธาตุนี้เป็นโลกธาตุของกิเลสของสมมุติ ธรรมครอบหมดเลยนั่น เวลาธรรมได้เกิดขึ้นจากใจแล้ว

ใจจึงเป็นของอัศจรรย์มากนะ ขอให้พากันบำเพ็ญ สิ่งที่ไม่เคยรู้เคยเห็นมันจะเป็นขึ้นตามนิสัยของตนเวลาได้ภาวนาเข้าไป เรื่องละกิเลสถอนกิเลสจะค่อยถอนไปๆ สิ่งที่จะคอยรู้คอยเห็นมันก็จะคอยรู้คอยเห็นกว้างขวางออกไป แล้วปฏิเสธไปไหนเมื่อเจ้าของก็รู้ มันยอมรับพระพุทธเจ้าทันทีๆ ทีนี้สิ่งที่เราไม่รู้ไม่เห็นก็เลยยอมรับไปหมด เป็นอย่างนั้นนะ

วันนี้ดูว่าประมาณเที่ยงท่านแบนท่านจะมาจากวัดดอยธรรมเจดีย์ ท่านแบนท่านก็เอาหนักอยู่นะ คราวช่วยชาติคราวนี้เป็นเวลา ๖ ปี ท่านมาช่วยถึง ๓ ครั้ง ครั้งแรกทอดกฐินและยกมาหมดเลย ปีที่ ๒ อันดับสองอีกทอดกฐินเสร็จแล้ว ยกมาอีกถึงสองหน ยกมาหมดเลย แล้วคราวที่เราเป็นลมเราจะล้มท่านมานี้ก็มาถวายเงินตั้ง ๕ ล้าน นั่นท่านหนักมืออยู่นะ ท่านแบนนี่มา ๓ หนเราไม่ลืม เอาละให้พร

 

รับฟังรับชมพระธรรมเทศนาของหลวงตา ได้ที่

www.Luangta.com หรือ www.Luangta.or.th

และรับฟังจากสถานีวิทยุสวนแสงธรรม กรุงเทพฯ และสถานีวิทยุอุดร

FM 103.25 MHz

 


** ท่านผู้เข้าชมทุกท่านโปรดทราบ
    เนื่องจากกัณฑ์เทศน์บางกัณฑ์มีความยาวค่อนข้างมาก ซึ่งจะส่งผลต่อความเร็วในการเปิดเว็บไซต์ ขอแนะนำให้ทุกท่านได้อ่านเนื้อหากัณฑ์เทศน์บางส่วนจากเว็บไซต์ และให้ทำการดาวน์โหลดไฟล์กัณฑ์เทศน์ที่มีนามสกุล .pdf ไปเก็บไว้ในเครื่องของท่านแทนการอ่านเนื้อหาทั้งหมดจากเว็บไซต์

<< BACK

หน้าแรก