เทศน์อบรมฆราวาส ณ วัดป่าบ้านตาด
เมื่อวันที่ ๓๐ กันยายน พุทธศักราช ๒๕๔๗
เตือนลูกศิษย์
ก่อนจังหัน
ข้อวัตรปฏิบัติในบริเวณศาลาและกุฏินั้นพระฝรั่งปฏิบัติดีเรียบร้อยแล้วทางนู้น ทางนี้รวมกันปฏิบัติให้ดีนะให้น่าดู คือดูเรานะ ทำงานทุกสิ่งทุกอย่างดูตัวของเรา ดูสติเรา ดูปัญญาเรา ความรอบคอบอยู่กับเรา เราเสียอย่างเดียวนอกนั้นเสียหมด เราทำไม่ได้ทำเพื่อเอานั้นเป็นหลักเกณฑ์อะไร หลักเกณฑ์ใหญ่โตไปจากเรา เราฝึกเราทุกอย่างนะ ข้อวัตรปฏิบัติให้เป็นความพร้อมเพรียงสามัคคี เท่าที่ผ่านมาก็เรียกว่าเรียบร้อยมาโดยลำดับ จึงเตือนไว้เสมอ กิเลสมันคอยจะตะครุบเอาเป็นเหยื่อของมันอยู่เรื่อยๆ
ความขี้เกียจขี้คร้านไม่เอาไหนนี่เต็มโลกเต็มสงสารนะ ในวัดในวาก็แหลกเป็นส้วมเป็นถานไปตามๆ กัน ถ้าเข้าในวงกรรมฐานอีกก็จะแหลกไปอีก จะไม่มีที่อยู่นะโลกอันนี้ เวลานี้จะหาที่อยู่ไม่ได้ มีแต่กิเลสสร้างส้วมสร้างถานไว้หมดทั่วโลกดินแดน นอกวัด ในวัด สำหรับพุทธศาสนาของเราเลยไม่มีอะไรเป็นเกาะเป็นดอน ในวัดนอกวัดเป็นส้วมเป็นถานไปได้ด้วยกัน เพราะกิเลสเหยียบย่ำทำลาย กิเลสตัวสกปรก ตัวโสมม ตัวไม่เอาไหน ตัวสร้างฟืนสร้างไฟคือกิเลส ส่วนที่แก้กันชะล้างกันคือธรรม ให้นำมาปฏิบัติทุกคนๆ นะ
ทุกสิ่งทุกอย่างให้ดูตัวของเรา อะไรบกพร่องแสดงว่าบกพร่องไปจากตัวของเรา เพราะเรามาปฏิบัติตัวเอง สิ่งเหล่านั้นเป็นเครื่องประกอบ การทำกับสิ่งเหล่านั้นต้องให้เรียบร้อยดีงาม ซึ่งออกไปจากเจ้าของผู้ตั้งหน้ามาอบรมคือศึกษาตัวเองนะ จำให้ดี แล้วการภาวนา อย่านอนใจนะการภาวนา เป็นหลักใหญ่ของพุทธศาสนา หลักใหญ่ของพระการภาวนา ออกจากนี้หมด ความรอบคอบขอบชิด ความสุขุมทุกอย่าง ออกไปจากการภาวนา คือจิตนี้เป็นต้นมหาเหตุ ถ้าสติจ่อเข้าไปตรงนั้นแล้วจะมีการควบคุมรักษาและความรอบคอบได้ดี เพราะฉะนั้นการภาวนาจึงเป็นเรื่องดูจิตใจของตัวเอง นี่เป็นเรื่องที่เหมาะสมมาก ให้พากันจำเอา ทีนี้จะให้พร
หลังจังหัน
เมื่อวานไปบ้านเขว้า ชัยภูมิ เขามาที่นี่มาขอรถยนต์ เราก็ไม่ว่าอะไร เราจะตามไปดูเสียก่อน เมื่อวานนี้ไปถึงโน้นเที่ยงแปดนาที แต่เราโทรไปบอกก่อนแล้วว่า เราจะไปในช่วงเที่ยงนั้นแหละ ไปก็ไปเที่ยวดูนั้นดูนี้ ห้องนั้นห้องนี้ แล้วก็มาคุยกัน ให้รถยนต์คันหนึ่ง แล้วเครื่องอะไรต่ออะไร ๖-๗ เครื่องเหมือนกัน เพราะตั้งใจไปดูสิ่งบกพร่อง อะไรเป็นความจำเป็นๆ เพราะฉะนั้นเวลาลงรถแล้วไปเข้าห้องนั้นห้องนี้ไปหมดเลย ตกลงเมื่อวานนี้ดูเหมือนได้ ๗-๘ รายการ ที่รับมาจะช่วยนะ
โรงพยาบาลนี้เป็นอันดับหนึ่ง ที่มีความจำเป็นมาก สำหรับคนไข้จนตรอกจนมุม ไม่ว่าชาติชั้นวรรณะใด ใครเจ็บไข้ได้ป่วยจะต้องวิ่งเข้าหาหมอหายา เราได้พิจารณาเรื่องนี้ เพราะฉะนั้นแม้จะติดหนี้เขา ติดหนี้เราก็ยอมติด คือโรงพยาบาลที่มาขอเครื่องมือแพทย์ เรามักติดหนี้เสมอ ที่สร้างตึกสร้างอะไร ไม่ทราบว่ากี่หลัง เวลานี้ ๖-๗ หลัง เราสร้างอยู่นะ ตั้งแต่ต้นมาจนกระทั่งบัดนี้ เราก็ไม่เคยติดหนี้ใครนะ คือเรากำหนดไว้ๆ เรียบร้อย แล้วเงินก็ค่อยเป็นมาๆ ตามนั้น อยู่ในโครงการไม่ได้ติดแหละ แต่ที่นอกโครงการ คือเครื่องแพทย์ มาก็มา จ๊ะเอ๋เอาเลย นี่ซิมันหลบไม่ทัน แก้ไม่ทัน และก็ความจำเป็นบีบเราด้วยนะ เครื่องมือนี้เกี่ยวกับคนไข้อะไรๆ บ้าง มันบอกอยู่ในตัว ความจำเป็น อ้าว แล้วเงินเราก็ไม่มีทำไง
เราก็มาคำนวณความจำเป็นของคนไข้กับเครื่องมือนี้ ความจำเป็นเรื่องติดหนี้หรือไม่ติดหนี้ของเรา อะไรมีน้ำหนักมากกว่ากัน สุดท้ายสู้คนไข้ไม่ได้ พอถูไถ เอาติด จึงว่าติดเรื่อยนะ ติดหนี้นี้ติดเรื่อย ส่วนโครงการที่เรากำหนดตกลงไว้แล้วไม่เคยติดละ จะค่อยเป็นมาๆ คือเงินที่จะนำมาจ่ายเรื่องตึกเรื่องอะไรอย่างนี้ มันค่อยเป็นค่อยไปค่อยมา มาเรื่อยๆ ที่จะให้มีเงินตูมเข้าไปเลย เราไม่มี ถ้าเอาแบบนั้นเราตายนานแล้วนะ นี่ค่อยไหลมาตามโครงการที่เรากำหนดไว้ แล้วก็พอดีๆ เวลานี้มันสักกี่โรงนะ โอ๊ย นับไม่ได้ ลาดยาว ตึก ๒ หลัง อย่างละ ๓ ชั้น รวมแล้ว ๔๗ ล้าน โนนสะอาด ๒ ศรีเชียงใหม่ พิบูลย์รักษ์ แห่งละหลัง เป็นเท่าไรแล้ว ( เป็นหกแล้วครับ ) แล้วโรงเรียน ( เป็น เจ็ด ครับ )แล้วเขาน้อยอีก (เป็นแปดครับ )ส่วนทางภาคใต้ ทางพังงานั้น ๔ หลัง กำลังจะเสร็จๆ เพราะโอนเงินไปเรื่อยๆ โรงเรียน ๑ หลัง หรือ ๒ หลังโรงพยาบาล ๒ แห่ง อันนี้ก็โอนเงินไปเรื่อยๆ
อันนี้เราพูดถึงเรื่องการเงิน แต่มันก็พอหมุนนะ ถ้าอยู่ในโครงการของเราที่กำหนด ตกลงให้ก็เอา ให้ ได้ตามนั้น ค่อยไหลมาพอดีๆ ถ้าแบบจ๊ะเอ๋นี้ตายเลย ติดหนี้ทุกทีละ คือเงินในโครงการเรากำหนดไว้เรียบร้อยแล้ว เป็นไปตามนั้น อันนี้มันนอกโครงการ ปุบปับเข้ามานี้แก้ไม่ทัน ติดหนี้ ติดอยู่เรื่อยๆ นะ โรงพยาบาลติด เครื่องมือแพทย์ละสำคัญ เพราะเราเห็นถึงความสำคัญของเครื่องมือแพทย์มากทีเดียว บางเครื่องสำคัญมาก จึงยอมติด เป็นอย่างงั้นเรื่องราวนะ
เราถึงได้บอกไว้กับบรรดาลูกศิษย์ทั้งหลาย คือเราเคยเห็นท่านอาจารย์ฝั้น ในสมัยที่ท่านเสียปี ๒๕๒๐ นี่ละเขามาโจมตีท่าน ว่าท่านมีเงินอยู่ ๑ ล้าน ๕ แสนบาท สมัยนั้นเงินมีราคามาก ๑ ล้าน ๕ แสนบาท ก็นับว่ามีมาก นี่ละเขาโจมตี พระกรรมฐานทำไมมีเงินมากมายๆ เขาไม่รู้ต้นเหตุที่ท่านเก็บไว้เพราะอะไร แต่เรานี้รู้ เพราะท่านสั่งไว้หมดแล้ว เงินจำนวนล้านห้าแสนนี้ ท่านสั่งว่าให้เอาลงตรงนั้น ๕ แสน นั้น ๕ แสน ๕ แสน พอดีหมด เงินล้าน ๕ แสน สามแห่งหมด
ทีนี้เขาไม่รู้ เขาโจมตีท่าน จนกระทั่งสมเด็จมหามุนีวงศ์ วัดนรนาถ โหย ขึ้นรถ บึ่งมาหาเราเลย พอดีเรากำลังตอนบ่ายออกไป ท่านเข้ามา ท่านเปิดไฟ พาบเลย ให้สัญญาณเรา เราก็บอกให้รถแอบทางนี้ มาเป็นรถสมเด็จ ท่านก็พูดถึงเรื่องเขาโจมตี เราก็กราบเรียนท่านเดี๋ยวนั้นเลย ชี้แจงเหตุผลต้นปลายทุกอย่าง แล้วท่านก็ เอ้อ ถ้าอย่างนี้มันก็มีเหตุผลหลักเกณฑ์ จะกลับคืนไปแก้ ท่านว่างั้น ท่านกลับไปเลย เราก็ผ่านออกโน้น ท่านก็ย้อนหลังกลับ ท่านก็กลับในวันนั้น นี่ละเขาโจมตี เขาเรียก ลานโพธิ์ ลานผี นั่น เขาโจมตีพระ จึงได้บอกบรรดาลูกศิษย์ทั้งหลายไว้ว่า เวลาเราตายนั้นเงินจะยังมีอยู่ในบัญชีนะ เราบอกไว้อย่างนี้เลย เงินในบัญชีนี้เป็นเงินโครงการของเราที่กำหนดไว้เรียบร้อยๆ แล้ว เพราะฉะนั้น เวลาออกมานอกโครงการจึงติดหนี้ เงินในโครงการเอาออกไม่ได้ เข้าใจหรือ
จึงได้บอกบรรดาลูกศิษย์ลูกหาทั้งหลายไว้ เวลาเราตายนี่ เงินในบัญชีมีมากมีน้อย เขาจะมาโจมตีว่า หลวงตามหาบัว ไม่มีเงิน ทำไมมีเงินเป็นล้านๆ ล้านๆ อย่างงี้เขาจะว่าเรา เข้าใจหรือ เราจึงได้บอกเอาไว้ มีเท่าไรก็ตาม มีอยู่ในนั้นหมดแล้ว กำหนดไว้เรียบร้อยแล้ว แล้วก็ค่อยจ่ายตามนั้นๆ ไปเรื่อยๆ สำหรับเราเองไม่มีอะไรละ เราไม่เคยสนใจกับเงินแม้บาทหนึ่ง สำหรับเราไม่มี ได้มาเท่าก็ทุ่มๆ ทุ่มออกนอกหมด ทั้งเงินช่วยชาติ ทั้งเงินส่วนตัว ตั้งแต่เริ่มสร้างวัดมา มีแต่ช่วยโลกมาตลอด การช่วยโลกก็ตั้งแต่เราสร้างวัด เริ่มตั้งแต่สงเคราะห์ คนทุกข์ คนจน โรงร่ำโรงเรียน จากนั้นก็ขึ้นโรงพยาบาล เรื่อยมา แล้วก็มาช่วยชาติบ้านเมืองนี้อีก ก็เลยรวมกันเข้า มากเข้าอีก เรื่องราวเป็นมาอย่างนั้น
เงินที่เขาถวายเรามากน้อยไม่เคยสนใจละ เพราะความเมตตานี้มีน้ำหนักมากกว่าที่จะมาเก็บไว้หาอะไร พูดง่ายๆ ว่างั้น ผู้จนตรอกจนมุมมีอยู่ทั่วแผ่นดิน เราพอเป็นพอไปแล้วเหลือเฟือนี้ เราจะเก็บไว้เพื่ออะไร เพื่อสงเคราะห์ผู้ที่บกพร่อง เพราะฉะนั้นเงินจึงออกเรื่อยๆ ไม่เคยมีละเรา หากว่าใครจะมาโจมตี ก็ให้พี่น้องทั้งหลายทราบเรื่องเป็นยังไง เรื่องเงินในบัญชีเราแน่ใจว่ามี เวลาเราตายนะ เพราะยังจ่ายไม่หมด อยู่ในโครงการๆ กำหนดไว้เรียบร้อย เวลาเราตายสมุดบัญชีฝากมีจำนวนเท่านั้นเท่านี้ จึงกรุณาทราบเอาไว้ทั่วหน้ากัน จะเท่าไรก็ตาม จะเป็นกี่ร้อย กี่พันล้านก็ตาม จะไม่มีเงินนั้นเป็นของเราที่สงวนไว้ จะมีแต่ช่วยโลกทั้งหมดเลย เพราะเราปฏิบัติมาอย่างนั้น สำหรับช่วยโลก เราช่วยด้วยความเมตตาจริงๆ เราไม่เอาอะไร
ถ้าพูดถึงเรื่องปัจจัยก็อย่างนั้น เรื่องวัตถุไทยทานที่เขามาถวายก็เหมือนกัน อะไรควรแก่ทางวัดทางวา ทางประชาชนส่วนรวม ให้แยกออกๆ ไปแจกกันทั่วๆไป นี่เราเคยปฏิบัติมาอย่างนั้น ที่จะให้เก็บวัดนี้ไม่มี ตั้งแต่ไหนแต่ไรมาไม่เคยเก็บ ช่วยโลกมาตลอด อย่างเมื่อวานนี้จดมาดูเหมือนตั้ง ๗-๘ รายการ เป็นล้านๆ นะเมื่อวานนี้ เฉพาะรถนี้มาระยะหลังๆ นี้ คันหนึ่ง ๙๗๕,๐๐๐ แล้วมันขึ้นเรื่อยนะ รถแอมบูแลนซ์รถคนไข้นะ มันก็ขึ้นของมันไปเรื่อย เดี๋ยวนี้มันขึ้นถึงล้านแล้วก็ไม่ทราบ ขึ้นไปก็ช่างหัวมันเถอะ ว่าจะเอาแล้ว เอาทั้งนั้นๆ อย่างเมื่อวานนี้ ๗-๘ รายการ มันน่าจะไม่ต่ำกว่า ๒ ล้านแหละ เมื่อวานนะ เฉพาะรถนี้มันก็จะถึงล้านแล้ว ๙๗๕,๐๐๐ แต่ละคันนะ นี่ก็นานมาแล้ว มันอาจจะขึ้นของมันไปแล้ว เราช่วยอย่างนั้นแหละช่วยโลก
เราพอใจ เราช่วยโลกนี้เราช่วยด้วยความเมตตาทั้งนั้นนะ เพราะฉะนั้นจึงไม่มีอะไรที่ติดเนื้อติดตัว มีแต่กวาดออกๆ กวาดออกตลอด ได้กวาดเข้ามาไม่เห็นมีในใจ มีแต่กวาดออกด้วยความเมตตา เวลาเราตายแล้วไม่ให้มีอะไรติดเนื้อติดตัวเลย มีแต่ธรรมเต็มหัวใจเราเท่านั้น ธรรมเรานี้พอแล้วเราบอกให้ท่านทั้งหลายทราบทุกคน เราปฏิบัติมาไม่ได้เพื่อโกหกตนเองและโกหกคนอื่น เราปฏิบัติมาด้วยความสัตย์ความจริงในธรรมทั้งหลาย ตั้งแต่เริ่มบวชเป็นชีวิตของพระมาตั้งแต่วันนั้นจนกระทั่งบัดนี้ เราไม่เคยได้ทำศีลธรรมของตนให้ด่างพร้อย ได้ตำหนิติเตียนตนเองว่าไม่มียางอาย เหยียบหัวพระพุทธเจ้าไปด้วยการข้ามเกินธรรมวินัย เราไม่เคยมี เราเทิดทูนตลอดเวลาจนกระทั่งถึงบัดนี้
การสั่งสมความดีของเราตั้งแต่วันบวชมาจนกระทั่งบัดนี้ เราไม่เคยไปทำความชั่วที่ไหนพอจะให้เกิดความระแคะระคายเป็นอย่างน้อย เราก็ยังไม่มี จนกระทั่งปัจจุบันนี้ ธรรมเราก็ได้บำเพ็ญมา เรียนก็เรียนเพื่อปฏิบัติจริงๆ พอออกปฏิบัติแล้วก็ชำระกิเลสตัวมัวหมองมืดตื้อ ตัวสร้างทุกข์สร้างกรรมให้แก่สัตว์ทั้งหลาย ซึ่งมีอยู่ในหัวใจเรานี้แหละ เราชำระสะสางตั้งแต่บัดนั้นมาอย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย ถ้าพูดถึงเรื่องทุกข์เราทุกข์ที่สุด ใครจะว่าทุกข์อะไรๆ เรื่องหน้าที่การงาน ถ้ายังไม่ขึ้นฟัดกับกิเลสเสียก่อนอย่าว่าทุกข์นะ ถ้าใครได้ขึ้นเวทีฟัดกับกิเลสตัวมหาภัยอยู่ในใจนี้ได้ขาดสะบั้นลงไปแล้ว ผู้นั้นชี้นิ้วได้เลย ว่าทุกข์ขนาดไหนมากน้อยเพียงไร ผู้นั้นจะชี้ได้อย่างถูกต้อง
คือกองทุกข์ทั้งหลายอยู่ที่หัวใจโลกคือกิเลส การแก้กิเลสจึงแก้ยาก ต้องแก้ด้วยธรรมเท่านั้น แก้กันถึงขนาดที่ว่าถึงขั้นสลบไสล สำหรับเราเองยังไม่เคยสลบ แต่เฉียดไปเรื่อยๆ เวลาหนักหนักขนาดนั้น นี่ละอุตส่าห์ทำความดีมาตลอด จนกระทั่งถึงวาระสุดท้าย ก็เหมือนเราเทน้ำใส่ตุ่มของเรา ตุ่มเราขนาดไหนเราพยายามเทลงๆ จนกระทั่งตุ่มนี้เต็มด้วยน้ำ หัวใจเต็มด้วยธรรม ตั้งแต่บัดนั้นมาเรียกว่าเราเต็มแล้วพอแล้วในหัวใจของเราด้วยธรรมทั้งหลาย เราจึงไม่เคยบกพร่องว่าเราจะต้องการอะไรอีก เพราะฉะนั้นได้อะไรมามากน้อยเราจึงออกหมดด้วยความเมตตา เราไม่เอาอะไร ช่วยโลกด้วยความเมตตาล้วนๆ
แม้ที่สุดเวลาเราตายเรายังเขียนพินัยกรรมไว้อีกด้วยนะ เราช่วยโลกจะเป็นครั้งสุดท้ายก็คือเวลาเราตาย เวลาเผาศพเรา ประชาชนญาติโยมลูกศิษย์ลูกหามาบริจาคทานเพื่อเผาศพนี้ ให้ตั้งกรรมการขึ้นเก็บรักษาเงินจำนวนนี้ไว้ให้หมด อย่าเอาไปสุรุ่ยสุร่ายสร้างนู้นสร้างนี้ประดับโลงผี คือตัวของเราเองกลายเป็นผีแล้ว อย่าเอามาประดับ สมบัติเงินทองเหล่านี้ยังจะเป็นประโยชน์แก่ผู้มีชีวิตอยู่ ให้เก็บหอมรอมริบไว้ มีกรรมการเข้มงวดกวดขัน เก็บได้ทั้งหมดแล้วยกเงินก้อนนี้ไปซื้อทองคำเข้าสู่คลังหลวงหมดโดยสิ้นเชิง นี่เป็นพินัยกรรมของเรา
เพราะฉะนั้นศพของเราเรากำหนดไว้ว่า เราจะเผาที่นี่ เราทำเมรุไว้แล้ว มันก็ไม่แน่นอนนัก มันอาจจะเคลื่อนย้ายไปไหนก็ได้ ถึงจะเคลื่อนย้ายไปไหนก็ตาม พินัยกรรมต้องเหนือตลอด ไปเผาที่ไหนพินัยกรรมจะต้องเป็นพินัยกรรม เหนือตลอดเวลา เงินเหล่านี้จะต้องซื้อทองคำเข้าสู่คลังหลวงเป็นวาระสุดท้ายของเรา เพราะเงินเป็นประโยชน์แก่ผู้มีชีวิตอยู่ ไฟเป็นประโยชน์เผาศพของเราเท่านั้น เราจึงจะเอาไฟมาเผา ไม่ได้เอาเงินมาเผา เงินให้เป็นประโยชน์แก่ผู้มีชีวิตอยู่ นี้เป็นวาระสุดท้ายของเราชีวิตของเราเราช่วยโลก เราช่วยครั้งสุดท้ายคือทำพินัยกรรม จากนั้นก็เลิกเลย เลิกแบบไม่ต้องกลับมาอีก ท่านทั้งหลายฟังเสียนะ
ธรรมพระพุทธเจ้าเลิศเลอขนาดไหน มาหลอกลวงโลกหรือ ปฏิบัติซิถ้าอยากให้รู้ให้เห็น ใครจะมาโจมตีว่าสักสามแดนโลกธาตุไม่เคยหวั่น ของจริงอยู่กับเรา ความรู้อยู่กับเรา ความเลิศเลออยู่กับหัวใจบอกได้ อย่างพระพุทธเจ้าตรัสรู้เพียงพระองค์เดียว ไม่ต้องไปหาสักขีพยานมาจากไหน สอนโลกได้ทั้งสามโลก ธรรมก็เป็นธรรมอันเดียวกัน ปฏิบัติแบบเดียวกัน ภูมิของเราภูมิหนูเราก็เต็มภูมิหนูจะว่าไง ก็ออกวิ่งได้เต็มตัวหนู ช้างวิ่งได้เต็มตัวช้าง หนูวิ่งได้เต็มตัวหนู หัวใจของเราเป็นธรรมขนาดไหนเต็มภูมิของเรา เราก็แสดงออกได้เต็มกำลังความสามารถแห่งความเมตตาของเราที่จะสงเคราะห์โลกได้มากน้อย
เราเกิดมาในชาตินี้เราบอกว่าเราภูมิใจ ที่ชีวิตของเรา ๒๑ ปี ขาด ๒๑ ปีอยู่ ๓ เดือน เราบวชอายุ ๒๐ ปีกับ ๙ เดือน ตั้งแต่บัดนั้นมาเป็นชีวิตของพระมาตลอด ไม่มีอะไรเข้ามาเจือปน เป็นชีวิตของพระล้วนๆ เรื่อยมา สั่งสมแต่ความดีงามมาตลอดจนกระทั่งถึงขั้นพอแล้ว คำว่าพอนี้ก็ไม่ได้พอแบบโลกพอ เช่นรับประทานอาหารพอแล้วนี้ ตอนบ่ายหรือตอนค่ำมันหิวอีก ส่วนพอในธรรมทั้งหลายพออย่างเลิศเลอ พออันนี้ อนิจฺจํ ทุกฺขํ อนตฺตา ไม่เข้าไปเกี่ยวข้องได้เลย พอแบบนิพพานเที่ยง เราได้เต็มกำลังของเราตามเหตุผลที่เราได้ดำเนินมา เหตุดำเนินมายังไง ผลเป็นที่พอใจสนองให้ถึงความภูมิใจเต็มเม็ดเต็มหน่วย เราจึงได้เอาธรรมนั้นมาสั่งสอนโลกตลอดมาจนกระทั่งทุกวันนี้ โดยไม่มีความสะทกสะท้านในธรรมทุกขั้นที่สอน ไม่ผิดบอกเลย เพราะเราผ่านมาทุกขั้นทุกภูมิแล้ว นำสิ่งที่ผ่านมาแล้วออกมาสอนจะผิดที่ตรงไหนว่างั้นเลย
ใครจะมาโจมตีแบบไหนๆ ก็ตาม แบบไอ้อุดมมันโจมตีเรา อุดม นามสกุลมันว่าเจริญ เราบอกว่า อุดม เสื่อม ตัวนี้เป็นตัวที่เสนียดจัญไร เป็นข้าศึกศัตรูต่อชาติต่อศาสนา พระมหากษัตริย์เป็นเบอร์หนึ่งเลย ในสายตาของธรรมเราจับอย่างไม่มีลำเอียง ไม่เอียงนู้นเอียงนี้ ตัวนี้ตัวสำคัญมาก ไปที่ไหนโจมตีทางนั้นทางนี้ ไอ้นี้ไปไหนเป็นข้าศึกศัตรูตลอด มันจะไปเสี้ยมไปสอนในสิ่งที่จะแตกจะร้าวจะเผาจะไหม้ทั้งนั้นแหละ มันเข้าสมาคมใดสมาคมนั้นต้องแตกไอ้นี่น่ะ นายอุดมนี่ เข้าใจเหรอ สมาคมต้องแตก เที่ยวยุแหย่ทางนั้น ก่อกวนทางนี้ตลอดเลยจนกระทั่งปัจจุบันนี้
เมื่อสองสามวันนี้ก็ขึ้นไป (ไปพูดให้ตำรวจฟังครับ) เขาพูดว่าไง (ยกยอตัวเองแล้วก็มาโจมตีหลวงตาว่าทำโครงการช่วยชาติไม่โปร่งใส เขาส่งคนไปดูที่สวนแสงธรรมว่า มีแม่ชีห้าหกคนรับใช้หลวงตาอยู่ มีเจตนาที่ไม่บริสุทธิ์ แล้วหลวงตาอวดอุตริมนุสธรรม และเรี่ยไรโดยไม่ได้รับอนุญาต เขาจะดำเนินคดี) เพราะฉะนั้นจึงว่าไอ้นี้ไปไหนจะก่อเรื่องราวตลอด ไปที่ไหนไปเที่ยวยุแหย่ก่อกวน มันไม่มีความดีที่จะประสาน มีแต่เรื่องความยุแหย่ก่อกวนทำลาย เผาโน้นเผานี้ไปเรื่อยๆ นายอุดม เสื่อมนี่ นามสกุลมันว่าเจริญ เราตั้งให้ใหม่ว่า นายอุดม เสื่อม ก็มันพูดได้อย่างเต็มปาก เรามีปากเหมือนกันเราก็พูดได้อย่างเต็มปากของเราใช่ไหม เราไม่ได้หาเรื่องหาราวอะไร
ที่สวนแสงธรรมมันแต่งคนไปดู มันเห็นแม่ชีแม่ขาวมารุมกับเราอยู่นั่น เหมือนว่าแม่ชีแม่ขาวนี้มาสมัครตัวเป็นเมียเรา เราเป็นผัวของแม่ชีสี่ห้าคน นายอุดมมันแต่งคนมาดู คำที่มันปั้นขึ้นมา เข้าใจไหม แล้วทีนี้ในสวนแสงธรรมใครเห็นเป็นอย่างไรบ้างล่ะ แต่หลวงตาเคลื่อนไปไหนมันรุมหมด แล้วจะมีโอกาสไปคุยกับแม่ชีได้ยังไง พิจารณาซิ นี่ละมันปั้นขึ้นมาอย่างนี้ โจมตีเรา แล้วคนสวนแสงธรรมเป็นยังไง เห็นหรือเปล่า นี่ละมันปั้นขึ้นมาอย่างนี้เพื่อโจมตีเรา ๆ ไม่ทราบมันจะโจมตีหาเหตุผลอะไร เราสร้างแต่ความดี มันก็สร้างแต่ความชั่ว ทางของใครของเราก็เดินไปเถอะ แต่เวลาจะพูดก็ต้องพูดให้ผู้ที่ต้องการอรรถธรรมทั้งหลายได้ฟังเป็นคติเครื่องเตือนใจ เข้าใจหรือ เราจึงนำมาพูด มันทำอย่างนี้ละทำกับเรา
เพราะฉะนั้นเราจึงว่า มันไปที่ไหน มีแต่เรื่องก่อความเดือดร้อนวุ่นวายไปหมดตลอด อยู่ในสำนักพุทธศาสนาก็ถูกไล่ออกนะ นี่ก็สงฆ์ไทยนั่นแหละไล่ออก พอไล่ออกแล้วมันก็แอบเข้ามาอีก ทำท่าพูดอย่างหวานปากหวานคอว่า จะมารับใช้ให้คำปรึกษาอะไรต่ออะไรในมหาเถรสมาคม ฟังว่าไปติดต่อกับสมเด็จเกี่ยว สมเด็จเกี่ยวเลยสั่งมาให้คนนี้เข้ามาอยู่ในมหาเถรสมาคม เราทราบมาอย่างนั้น แต่ภายหลังว่าเป็นความจริงใช่ไหมหรือไง (คำสั่งเป็นหลักฐานยังหาไม่พบ แต่นายอุดม เสื่อม นี่เขาเที่ยวไปพูดทั่วๆ ไปว่าเขาเป็นที่ปรึกษาโดยมติ มส.ครับ) นี่ละเวลาเขาเกษียณแล้วเขาจะเข้ามา ปากหวานๆ นะ เขาจะมารับใช้ให้ข้อปรึกษากับมหาเถรสมาคม เขาไม่ได้พูดตามหลักความจริงที่กำลังเป็นไปอยู่และกำลังจะเป็นไปในเวลานี้ว่า ทำลายที่ไหนก็ทำลายมาแล้ว ครั้งสุดท้ายครบเกษียณเราจะตายจากราชการ เราจะไปผุดไปเกิดเป็นเปรตเป็นผีอยู่ในท่ามกลางมหาเถรสมาคม โดยสมเด็จเกี่ยวเป็นผู้ตกลงกัน ซึ่งเป็นหัวหน้ามหาเถรสมาคมใช่ไหม ว่าสมเด็จเกี่ยวจะเอาคนนี้เข้ามาสู่มหาเถรสมาคม
สมเด็จเกี่ยวต้องผิดเป็นคนหนึ่ง เอากันตรงนั้นเลย ผู้ใหญ่ขนาดนี้มาทำได้ลงคอหรือ ไอ้อุดมนี่มันทำความเดือดร้อนเสียหายแก่วงศาสนามากขนาดไหน จนกระทั่งพระสงฆ์ไทยทนอยู่ไม่ได้ขับไล่ออก ร้อนถึงนายก นายกต้องได้มาสั่งให้ออก เราเอาเข้าถึงนายกเองนะ ครั้นออกไปแล้วมันก็ขอรออยู่ว่า ขอครบเกษียณอย่าให้ออกเลย ขอให้ครบเกษียณ ทีนี้เวลาขอครบเกษียณ ทางนู้นก็บอกว่า เวลาอยู่นี้อย่ามาก่อเรื่องราวอะไรอีกต่อไป มันก็ก่อเรื่อยมาอย่างนี้มันฟังเสียงนายกเมื่อไร นายกเป็นคนสั่งเอง มันก็ไม่ได้ฟังเสียงนายก แล้วก่อเรื่อยมา เวลาเสร็จแล้วมันก็ไปประจบประแจงเลียแข้งเลียขาแบบหมานั่นแหละ สมเด็จเกี่ยวแหละท่า เราเข้าใจว่าอย่างนั้นแหละ อันนี้เราไม่ได้ยินต่อปากต่อคำ เราจึงเข้าใจตามเรื่องราวที่มันค่อยเป็นมาโดยลำดับ
มันฝากตัวมันเข้าไปเป็นที่ปรึกษา คือฝากตัวมันเข้าไปทำลายมหาเถรสมาคมให้แหลกเหลวไปหมด ความหมายว่าอย่างนั้นนะ ถ้าไอ้นี่เข้าไปมหาเถรสมาคมต้องเป็นไฟเลยเทียวเป็นอื่นไปไม่ได้ เพราะมันอยู่ที่ไหนมีแต่ฟืนแต่ไฟ ไม่เคยมีน้ำดับไฟเข้าไปแทรกเลย ไปที่ไหนเป็นอย่างนั้นนายอุดม เสื่อม นี้น่ะ นี่กำลังจะเข้าไปในมหาเถรสมาคม เวลานี้พระสงฆ์ไทยก็กำลังเดือดร้อน จะต้องวินิจฉัยใคร่ครวญถึงเรื่องนี้ให้ถึงเหตุถึงผลทันทีจะรออยู่ไม่ได้ เมื่อโจรมันหัวโจก ผู้ปฏิบัติธรรมหรือเป็นเจ้าของสมบัติของชาติก็ต้องโจกเหมือนกัน พอฟัดก็ฟัดกันเลย เข้าใจเหรอ เราเป็นเจ้าของสมบัติ จะยอมให้มหาโจรมาปล้นบ้านปล้นเมือง นั่งตาปริบๆ อยู่ได้ยังไง นี่กำลังเข้ามาในจุดนี้เวลานี้
ตัวไอ้อุดมนี่ละตัวสำคัญ มันจะเข้ามาในนี้มาทำลายมหาเถรสมาคม ถ้ามหาเถรสมาคมรับไว้ มหาเถรสมาคมก็เป็นมหาโจร เรียกว่ามหาโจรใหญ่อยู่ในนี้ นี่เราจะคอยฟังเสียงมหาเถรสมาคม มหาเถรสมาคมนี้เป็นพระผู้ใหญ่ทั้งนั้นๆ ที่ได้รับความไว้วางใจจากพระสงฆ์ทั่วประเทศไทยให้เป็นมหาเถรสมาคม ปรึกษาหารือกันในเรื่องสาระสำคัญๆ ไม่ได้คิดว่าเรื่องอย่างนี้มหาเถรสมาคมจะรับหรือไม่รับเท่านั้นเอง เรื่องมหาภัยที่กำลังเข้าไปเวลานี้ คือไอ้อุดม เสื่อม นี่เราจะคอยฟังอยู่เวลานี้ ถ้าเป็นความจริงแล้วก็จะต้องเกิดเรื่องขึ้นตรงนั้นอีกทีหนึ่ง ไม่สงสัยว่าจะเป็นอื่น ต้องเป็นอย่างนั้น เราเป็นเจ้าของสมบัติ
ตัวนี้ไปไหนไม่มีที่จะไปทำความสมานสามัคคี มีแต่ทำความแตกร้าวๆ เรื่อยไปหมดเลย จำให้ดีทุกคน ภาษานี้เป็นภาษาธรรม พูดอย่างตรงไปตรงมา หลวงตาไม่มีคำว่าสะทกสะท้าน ความกล้าก็ไม่มี ความกลัวก็ไม่มี เรื่องเป็นเรื่องตายเป็นเรื่องสมมุติทั้งหมด เราไม่เคยจะไปเกี่ยวข้องกับมัน ความแพ้ความชนะเราก็ไม่มี เราจะพูดตามอรรถตามธรรมจนกระทั่งเราตาย ฟังให้ดีก็แล้วกัน เอาแค่นั้นเสียก่อนวันนี้
(กราบเรียนครับ คุณทองก้อนส่งข่าวมาว่า วันนี้พระป่ากับคุณทองก้อนจะไปติดตามเรื่องนี้ที่วัดสระเกศ และเกี่ยวกับเรื่องด่วนที่จะเข้าประชุม มส. สมเด็จพระสังฆราชท่านได้ออกเป็นกฎระเบียบของ มส. ไว้ว่า ๑) ให้นำเรื่องเฉพาะรับรองรายงานการประชุมครั้งที่แล้ว ๒) เรื่องด่วนที่จะเข้าประชุมคราวนี้กับเรื่องอื่นๆ มีสามข้อ ต้องแจ้งให้ มส.ทราบล่วงหน้า ๓ วันก่อนที่จะประชุมกัน ไม่ใช่อยู่ๆ นึกเรื่องอะไรขึ้นมาได้ก็เอาเข้ามาประชุม อันนี้เป็นกฎออกมาแต่ พ.ศ.๒๕๓๕ ยังไม่ได้ยกเลิก เพราะฉะนั้นเรื่องอะไรที่ทำไปแล้วถ้าไม่ได้ทำตามกฎที่ว่านี้ ก็ต้องถือว่าเป็นโมฆะ จะไปติดตามเรื่องนี้ที่วัดสระเกศวันนี้แหละครับ)
ทีแรกพระสงฆ์ว่าจะไปมาก เราก็พูดเสียเองว่า ไม่ต้องไปมาก มีแต่ผู้ทรงความสัตย์ความจริงเท่านั้นไปประมาณเก้าองค์สิบองค์ก็พอ นี่เราแหละเป็นคนสั่ง เราพูดอย่างนี้เลย พระทั้งหลายจะไปมาก เราบอกไม่ต้องไปมาก เหล่านี้มีแต่พระผู้ทรงศีลทรงธรรมเชื่อถือได้ทั้งนั้น ไปฟังเอาความสัตย์ความจริงออกมา มาจาระไนให้ฟังเราจะเป็นคนฟัง เราว่างี้แหละ นี่กำลังจะไปวันนี้ เรื่องราวเป็นอย่างนั้น พี่น้องทั้งหลายให้ทราบ
(หนังสือพิมพ์เขาลง อุดม เจริญ ที่เกษียณอายุ จะเริ่มต้นงานในฐานะที่ปรึกษา มส. โดยกำหนดวาระของตัวเองว่าขอทดลองทำงานแค่ ๓ เดือนพอ จากนั้นจะไปปลีกวิเวกปฏิบัติธรรมต่อไป) ฟังซิ ไอ้อุดม เสื่อม นี้มันว่าจะไปปฏิบัติธรรม มันจะไปสั่งสมอาวุธพวกนิวเคลียร์นิวตรอนมาตีหัวศาสนาตีหัวพระ ตั้งแต่สมเด็จสังฆราชลงมาแหลกหมด มันจะไปสั่งสมธรรมประเภทนี้ ธรรมประเภทนี้เป็นธรรมประเภทที่ตีศาสนา ตีชาติ ตีพระมหากษัตริย์ มันจะไปสั่งสมอาวุธประเภทนี้เป็นธรรมของมัน เข้าใจเหรอ ธรรมของพวกเราเป็นยังไงก็ทราบกันอยู่แล้ว หมดแล้วนะ
(ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติคนใหม่ น.พ.จักรธรรม ธรรมศักดิ์...) ยุติไว้ก่อน น.พ.จักรธรรม ก็เป็นลูกของท่านสัญญา ธรรมศักดิ์ ท่านสัญญา ธรรมศักดิ์ ก็เป็นลูกศิษย์ของเรามาดั้งเดิมแล้ว ลูกของท่านก็มาถวายตัวเป็นลูกศิษย์ของเรามาดั้งเดิม นี่ น.พ.จักรธรรม ที่จะเข้ามาในวงสนง.พุทธศาสนา กรุณาให้ระมัดระวังปากไอ้อุดมนะ ปากไอ้อุดมมันจะไปเที่ยวเสี้ยมเที่ยวสอนไว้ในวงงานต่างๆ ให้กระด้างกระเดื่อง จากนั้นก็มีการคัดค้านต้านทานกับ น.พ.จักรธรรม จะทำงานไม่สะดวก ขอให้ น.พ.จักรธรรม เข้าใจปากของบักอุดมนี้ไว้ให้ดี เราจะบอกไว้ก่อนนะ มันจะเป็นอย่างนั้นไอ้นี่ มันจะไปเสี้ยมสอนไว้หมดก่อนที่มันจะออกไป มันจะไปเสี้ยมสอนศาสตราอาวุธไว้หมด มาแล้วให้ค้ำอย่างนั้นให้ตีอย่างนี้ ให้ฟันอย่างนั้น มันจะบอกไว้หมดทุกอย่าง เราจึงเตือน น.พ.จักรธรรม เราซึ่งเป็นลูกศิษย์เอาไว้ ให้ระวังให้ดี มันจะเป็นอย่างนั้น ไอ้อุดมไปไหนมันจะเป็นอย่างนั้นเป็นอย่างอื่นไปไม่ได้ เท่าที่ผ่านมาแล้วมีแต่เป็นอย่างนั้นทั้งนั้น เอาละพอ
(โรงพยาบาลชานุมานมาครับ)
อะไรก็ให้พักไว้เสียก่อนนะ เวลานี้เรากำลังหนักมากให้พักไว้โดยประการทั้งปวง มันหนักมากจริงๆ กับโรงพยาบาล แหม หนักจริงๆ นะ ตะกี้นี้ก็พูดถึงเรื่องโรงพยาบาล เราหนักมากสู้ไม่ไหว
เงินทั้งหลายที่เคยช่วยชาติแต่ก่อน นำเงินช่วยชาติมาช่วยบ้านเมืองของเรา เวลานี้ก็หยุดการเทศนาว่าการ เงินเหล่านั้นก็ยุติแล้ว ก็มีแต่เงินพี่น้องทั้งหลายที่มาบริจาคตามอัธยาศัย นี้เราขนออกช่วยโลกเวลานี้ แล้วเวลานี้เงินก็ไม่มีแล้ว นี่ก็เรียนไว้ให้ทราบเท่านั้นละนะ เอาละพอ
รับฟังรับชมพระธรรมเทศนาของหลวงตา ได้ที่
www.Luangta.com หรือ www.Luangta.or.th
และรับฟังจากสถานีวิทยุสวนแสงธรรม กรุงเทพฯ และสถานีวิทยุอุดร
FM 103.25 MHz |